Crystalfall: Fake/Brave [ชีวิตพังเพราะพระเจ้า]

8.8

เขียนโดย Spy442299

วันที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2559 เวลา 17.23 น.

  25 chapter
  4 วิจารณ์
  23.64K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 17.57 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

24) Fake/Brave VI - Cherry/Tommy - [อยากให้แน่ใจ] - 2

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

◊◊◊

อากิตะ

จู่ๆ ร่างกายฉันก็ลุกขึ้นเองและกำลังจะเดินออกไปหาเขาแต่ถูกใครบางคนกดไหล่ลงให้นั่งที่เดิม

“อะอาเธอร์!?”

“เกือบไปแล้วจริงๆ” ผอ. อาเธอร์ที่โผล่มาจากไหนไม่รู้เดินอ้อมไปนั่งฝั่งตรงข้ามเพื่อบังสายตาฉันจากอากิตะ “ท่านผู้กล้าคิดจะทำอะไร?”

“ก็ไปหาเจ้านั่นไง” ฉันว่าตามตรง

“เป็นความคิดที่ไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ เราไม่อยากให้ท่านไปยุ่งกับคนๆ นั้น ขอให้คนของเราจับตาสังเกตสักพักก่อนได้ไหม? เหมือนที่เคยบอกก่อนหน้านี้ไว้”

“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ ก็เจ้านั่นมัน—”

บังเอิญกว่าเพิ่งนึกถึงเรื่องที่ห้ามไม่ให้อาเธอร์พบกับทอมมี่

“เดี๋ยว คุณน่าจะรู้ว่าทอมมี่อยู่ข้างๆ ฉัน—”

เสียงฉันชะงักลงเพราะหันไปหาคนที่ฉันเอ่ยตะกี้แล้วพบว่าทอมมี่ไม่อยู่ข้างตัวแล้ว เลยลุกขึ้นยืนเงยดูข้างหน้าตามสัญชาตญาณ ทอมมี่กำลังเอามือสะกิดอากิตะ

เวรแล้ว! เวรแล้ว! เวรแล้ว! เวรแล้ว! เวรแล้ว! เวรแล้ว!

“เอ่อ...ขอโทษนะครับ เราเคยเจอกันมาก่อนไหม”

ทอมมี่ที่ไม่ได้สำนึกเลยว่าตัวเองอยู่ในร่างผู้หญิงไปอยู่ท่ามกลางผู้ชายที่มองเธอด้วยสายตาสัตว์ป่าเพราะรูปร่างของทอมมี่ตอนนี้นั้น ค่อนข้างถูกใจสเปคผู้ชายหลายๆ คนแถมอยู่ในชุดที่ยั่วยวนเพศตรงข้ามได้พอสมควร

แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉันกังวลที่สุด…

ทำไมหมอนั่นพูดอย่างกับว่าเคยรู้สึกกับแฟนฉันมาก่อน!?

“เรย์ลี่”

“รู้น่า”

อาเธอร์ส่งซิก เรย์ลี่ลุกขึ้นแล้วไปคว้าตัวทอมมี่กลับมากลางวงนั้น อันที่จริงฉันอยากจะเป็นคนทำเองเพราะอยากรู้ว่าเวลาที่ [เขาคนนั้น] เห็นฉันจะทำหน้ายังไงและเหมือนเขาจะมองมาทางนี้ตามทอมมี่ที่ถูกลากกลับมาแต่อาเธอร์นั่งบังตัวฉันไว้อยู่

ไว้วันอื่นไปเจอกับเจ้าตัวปลอมนั่นสองต่อสองดีกว่า

“ท่านอาเธอร์!?”

สีหน้าทอมมี่ซีดลงจัดหลังเพิ่งเห็นคนที่ไม่อยากเจอนั่งอยู่ตรงหน้า ฉันกับเรย์ลี่นั่งส่งสายตาไม่พอใจใส่ให้รู้ตัว อาเธอร์รีบเอ่ย

“มันเป็นจำเป็นพวกเธอก็รู้เพราะเรายังไม่เชื่อว่าท่านผู้กล้าจะหักห้ามใจเพื่อแผนการของเราได้”

“แล้วคิดว่าวิธีนั้นมันจะได้อะไรขึ้นมา!?” ฉันถาม

“ดีกว่าไม่ทำอะไรเลยก็แล้วกัน...และต้องได้เรื่องบ้างเพราะได้คุณเอลด้าช่วย”

“ใช่ๆ พฤติกรรมบางอย่างของเจ้านั่นฉันอาจจะมีคำอธิบายให้”

เสียงสนับสนุนที่ถูกอาเธอร์กล่าวถึงเมื่อครู่เดินมาพร้อมกับถ้วยซุบเห็ดมานั่งอยู่ข้างๆ อาเธอร์

“หืม? เธอพอรู้หรอว่าทำไมถึงเขาต้องมีหน้าเหมือนกับแฟนในโลกเก่าฉัน?”

 “เหอะๆ เรื่องนั้นไม่รู้หรอก ถึงได้บอกไงว่าต้องสังเกตดูเขาไปสักพัก” เอลด้าแจง “ระหว่างนี้เจ้าก็อย่าไปทำให้เสียแผนก็แล้วกัน”

“แล้วเมื่อไรจะยุ่งกับมันได้!?”

“เอ๊ะ!? ได้ฟังบ้างหรือเปล่านี่เจ้า” เอลด้าขมวดคิ้ว

“รีบๆ บอกมาว่าวันไหนถึงยุ่ง—”

อารมณ์ฉันกำลังจะยัวะขึ้นแต่มือสั่นๆ ของทอมมี่ทำให้ฉันรู้สึกตัวว่ากำลังแย่แล้วถ้ายังอยู่ต่อหน้าอาเธอร์ต่อไป ฉันหันไปกระซิบบอกเรย์ลี่

“เรย์ลี่ วานหน่อย...ช่วยพาทอมมี่กลับทีพักที เขาเริ่มไม่ไหวแล้ว”

“ได้ค่ะท่านพี่ ไว้เจอกันที่ห้องนะคะ”

“อืมๆ ทอมมี่...” ฉันหันไปคุยกับทอมมี่ “นายกลับไปก่อนนะ เดี๋ยวให้เรย์ลี่พาไป”

ทอมมี่ได้แต่พยักหน้าเบาๆ ตอบ และแล้วพอทั้งคู่ออกไปจากโรงอาหาร ฉันตอกกับอาเธอร์ทันที

“ทำไมต้องส่งสายตาทุเรศแบบนั้นกับทอมมี่ด้วย!?”

“คนมันเคยๆ กัน”

“ไอ้—”

ยังไม่ทันจะด่า อาเธอร์ลุกขึ้นจัดแจงตัวเรียบร้อย

“งั้นขอตัวไปล่อผู้กล้าตัวปลอมออกจากที่นี่ก่อน ท่านก็ก้มหน้าไว้สักหน่อยล่ะกัน เขาจะได้ไม่เห็น”

อาเธอร์เดินจากไปและเพิ่งสังเกตว่าเขาเดินขาโก่งๆ นิดหน่อย...สุดท้ายก็เหลือแต่ฉันกับเอลด้าที่นั่งกินซุบเห็ดอย่างละเมียดละไม

มีแต่เรื่องปวดหัว...

“เจ้าอยากกินหรือ? เห็นจ้องของเราอยู่” เอลด้าถาม

“เปล่า...แค่เซ็งๆ” ฉันว่าตามนั้น “ว่าแต่เธอเหอะ เดี๋ยวนี้ชอบอยู่นอกวงบ่อยๆ นะ ฉันทำอะไรไม่พอใจหรือเปล่า”

“ไม่มีสักเล็กน้อย...คงติดนิสัยตอนที่เป็นนางฟ้าอยู่ เอ่อ...หมายถึงหน้าที่ที่ต้องเฝ้าจับตามองคนอื่นเลยต้องอยู่ห่างๆ”

“งั้นหรอ...แล้วไปตกลงอะไรกับเจ้าผอ. นั่นล่ะ”

“ดาร์คเอลฟ์นั่นก็แค่สนใจเรื่องที่ข้าเคยเป็นนางฟ้า เวลาที่โลกนี้จะล่มสลาย...และก็เรื่องแซ่โซ่กับเรื่องลองรสนิยมอะไรนั่นด้วย”

“ห๊ะ!? แซ่โซ่!? อย่าบอกนะว่าเธอ...”

“หึๆ แค่ใช้โซ่ที่มีหนามฟาดตรงนั้น...เจ้านั่นแทบใช้เวทย์รักษาตัวเองแทบไม่ทัน หึๆ แน่นอนว่าข้าตั้งใจหยิบโซ่ผิดอัน”

ถึงเอลด้าไม่บอกตรงๆ ก็รู้ว่าหมายถึงอะไรถึงได้รู้สึกขยะแขยงอาเธอร์มากกว่าเดิมก่อนที่จะสละความคิดเรื่องนั้นทิ้งไปก้มหน้าจะทานปลาย่างต่อ

อ้าว!? มีดหั่นเนื้อของฉันหายไปไหนเนี่ย?

◊◊◊

[ตกดึกในวันเดียวกัน]

ถึงแม้ว่าวันนี้เจอมาหลายเรื่องแต่กลับไม่รู้สึกเหนื่อยแม้แต่น้อย น่าจะเริ่มชินกับเรื่องวุ่นวายแล้ว...ไม่สิ ชินมาตั้งแต่ช่วงอยู่บนเรือบินนั่นสามเดือนแล้ว

แต่พอได้ดื่มชาหอมกำลังดีนี่ รู้สึกมีแรงขึ้นมาอีก

ใช่ๆ ตอนนี้ฉันกำลังจิบชาชั้นดีที่ทอมมี่ขอให้เมดเมริซ่าเอามาให้ถึงในห้องพัก ซึ่งคนที่นั่งร่วมวงบนโต๊ะชามีฉัน ทอมมี่กับเอลด้า

“อยากรู้ว่าทอมมี่รู้จักกับเฟลิกซ์ในโลกเก่าด้วยหรือ? เห็นเมื่อวานพูดกันอย่างกับรู้จักกัน”

เอลด้าเปิดหัวข้อขึ้นมาก่อนใครอื่น ฉันกับทอมมี่มองหน้าฉันแล้วทำหน้าลำบากใจทั้งคู่

“เพิ่งรู้จักกันไม่ถึงนาทีด้วยซ้ำ...ก่อนที่จะตาย”

“โอ้” เอลด้าร้อง “ไม่ได้โกหกใช่ไหม เราว่าที่พูดเล่นคำส่งกันมันเหมือนมากกว่านั่นนะ”

“คือลูกสาวของคุณเฟลิกซ์เป็นเพื่อนผมเองครับ แล้วรู้หลายๆ เรื่องจากเธอเลย—”

ที่ทอมมี่พูดไม่จบเพราะฉันส่งสายตาพิฆาตไปหาเพราะเพิ่งนึกอะไรออกจากเรื่องที่เขาพูด

“นี่นาย...ฉันยังไม่ได้ถามเลยว่านายมีความสัมพันธ์ยังไงกันแน่กับเฟียน่าลูกสาวฉัน”

“เป็นแค่เพื่อนกันครับ!” ทอมมี่ตะโกนลั่น

“อ๋อหรอ...แล้วไป”

“เฮ้อ...”

“แล้ว [พี] ที่ว่าเป็นใครหรือ”

“หา!? คุณรู้ได้ไง?” ทอมมี่ตกใจ

“รู้ล่ะกันน่า”

ฉันพยายามทำให้เรื่องมันง่ายเข้าไว้ ทอมมี่เกาหัวก่อนที่จะเล่า

“คืออย่างงี้นะครับ ผม เฟียน่าและพีมักไปไหนด้วยกันเสมอ”

“แก็งค์เพื่อนสนิทนี่เอง” ฉันว่า “แล้วพีนี่เป็นผู้ชายหรือผู้หญิง...มีความสัมพันธ์กับลูกสาวฉันแค่ไหน”

“ผะผู้ชายครับ แต่เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วงก็ได้ครับ”

“ตายล่ะ ลูกสาวฉันควงผู้ชายสองคน” ประโยคท้ายๆ ฉันดัดเสียงนิดหน่อย

“ไม่ใช่แบบนั้นหรอกครับ พีเขา...คือ...”

“นายชอบพีใช่ไหม”

“ก็ใช่อยู่ครับ...” ทอมมี่เผลอตอบ “เดี๋ยวนะครับ! รู้เรื่องนั้นได้ไง?”

“ก็บอกอยู่ว่ารู้ล่ะกัน”

ที่รู้ก็เพราะตอนที่เขาเป็นเชอรี่เมื่อวานบอกเกี่ยวกับนายหมดแล้ว

“หือ? พี่นี่เป็นผู้ชายใช่ไหม?” เอลด้างง “แล้วทอมมี่เมื่อก่อนนายก็เป็นผู้...”

“ไม่ต้องคิดไปไกลเลยครับทั้งสองคน...ไม่ได้ถึงขั้นนั้นสักหน่อย”

“อ๋อหรอ”

“คือ...พีเขามีร่างกายที่ผิดปกติเฉยๆ ครับ อาจจะคล้ายๆ ผมตอนนี้ มีรูปร่างคล้ายผู้หญิงแต่เป็นผู้ชาย”

“หือ? อ๋อๆ คนเป็นแม่เริ่มเข้าใจล่ะ”

“เข้าใจแบบไหนกันครับ?”

“เรื่องของฉัน”

แน่นอนว่าที่พูดไปทำตัวให้เหมือนกับว่าถือไพ่เหนือกว่าในฐานะคนเป็นแม่ ถึงจะรู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้มันผิดเพี้ยนก็เถอะ

คุยไปคุยมาทำไมเริ่มง่วงๆ ล่ะ

ขอชาอีกสักแก้วล่ะกัน

ฉันกำลังจะเอื้อมมือไปหยิบกาน้ำชาแต่ผละเห็นแก้วของทอมมี่ที่ยังมีชาเต็มอยู่...ไม่ใช่ว่าเขาเพิ่งเติมใหม่ แต่เขายังไม่ได้กินเลยต่างหากเพราะไม่เห็นหยิบขึ้นมาจิบเลย

เดี๋ยวสิ...ไม่ใช่อย่างที่คิดมั้ง

คิดแบบนั้นแล้วเผลอมองหน้าทอมมี่ที่กำลังเผยมุมยิ้มเจ้าเล่ห์

หรือว่าจะ...จริง

“ทอมมี่...นี่...นาย...”

ยังไม่ทันที่จะถามจนจบร่างกายฉันเริ่มไม่ฟังศีรษะลงไปแนบกับโต๊ะน้ำชา สายตาที่เลืองลางและหูที่เริ่มอื้อยังพอรับรู้

“ขอโทษนะคะ ฉันไม่ใช่ทอมมี่หรอก...ไม่ใช่ตั้งนานแล้วด้วย”

ตัวจริงที่คุยกับฉันอยู่เผยออกมา...

“ตั้งแต่...เมื่อ...ไร”

“วันนี้ทั้งวันก็คือฉันละคะ เชอรี่ไง...แค่ใช่อารมณ์ความรู้สึกจริงๆ ของทอมมี่มาสวมบทบาทแค่นั้น”

โดนหลอกตั้งแต่ตอนไหนล่ะเนี่ย!

“คุณเฟลิกซ์...ไม่ต้องห่วงเรื่องทอมมี่หรอก” เชอรี่ว่า “ฉันจะทำตามสัญญาดังเดิมที่เคยพูดไว้ เพียงแต่ไม่ให้คุณเข้ามาขัดขวางเท่านั้นเอง...อยากให้แน่ใจเรื่องที่จะทำสักหน่อย”

อยากให้แน่ใจ!?

เชอรี่เดินเข้ามาประคองตัวฉันขึ้นเตียง

“นี่จะเป็นการคุยกันครั้งสุดท้าย ลาก่อนนะคะฮีโร่ของฉัน”

เธอจุ๊บที่หน้าผากแล้วออกจากห้องไป ฉันยังสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่

นี่มันอะไรกัน...ไม่เข้าใจ…เธอคิดจะทำอะไรกันแน่

เอลด้า...น่าจะบอกอะไรได้

ฉันหันไปหาความหวังสุดท้าย...ที่นอนแน่นิ่งบนโต๊ะน้ำชา

เป็นนางฟ้า...ประสาอะไร...ไม่ระวัง...ตัว...เลย!

ในที่สุดฉันก็ทนแรงต้านความง่วงไว้ไม่อยู่

◊◊◊

“เชอรี่...”

“ค่ะท่าน”

บัดนี้อาเธอร์ยังแปลกใจที่เชอรี่เข้ามาในห้องนอนเขากลางดึก

“ใช่เธอจริงๆ ด้วย”

“ด้วยทักษะเวทย์ของท่านน่าจะรู้ไม่ใช่หรือคะ ว่าฉันแสร้งทำเป็นทอมมี่”

“ไม่แน่ใจ...ไม่งั้นเราคง—”

“อ่ะๆ อย่าพูดมากเถอะค่ะ...ที่ฉันมานี่หวังว่ามันจะเป็นคืนสุดท้ายระหว่างเรา”

“คืนสุดท้าย?”

อาเธอร์จับต้นชนปลายไม่ถูกกับเกมที่เชอรี่กำลังเล่นกับเขาอยู่ เธอมองมาที่เขาด้วยอารมณ์ที่หลงใหล

“ฉันตัดสินใจจะคืนสติสัมปชัญญะแก่ทอมมี่แล้วค่ะ ฉันมีความสุขมามากพอแล้วตลอดสามเดือนนี้ ความสุขเพี้ยนๆ ราวกับเป็นคนโรคจิตที่ท่านสร้างขึ้น...”

“แต่—”

เชอรี่กดแผ่นอกอาเธอร์ลงบนเตียงเบาๆ แล้วนั่งค่อมเอวเขาอย่างนุ่มนวลต่างจากทุกครั้งที่เร่าร้อนหาสิ่งที่ต้องการ

”ช่วยทำให้ฉันมีความสุขครั้งสุดท้ายนี้ด้วยเถอะค่ะ”

◊◊◊

ใกล้เช้าตรู่...

สัญญาที่ให้กับเฟลิกซ์ใกล้ถึงเวลาแล้ว

ขอบคุณนะคะท่านอาเธอร์...

เชอรี่คิดพลางไปลูบกล้ามหน้าอกของชายที่นอนด้วยกัน เขาหลับใหลไม่ได้สติเพราะเหน็ดเหนื่อยจากศึกเมื่อคืน

แต่เวลาความสุขเพี้ยนๆ นี้ต้องจบลง...

มีดหั่นเนื้อที่เชอรี่แอบหยิบมาจากจานของเฟลิกซ์ยกสูงขึ้น ตัวมีดนั้นมีออร่าสีฟ้าราวกับผ่านการเสริมเวทมนต์และลับปลายมีดให้คมยิ่งขึ้น เธอจ้องมองใบหน้าอาเธอร์โดยที่ปลายมีดเล็งไปทางนั้น

ให้อภัยเชอรี่คนนี้ด้วยนะคะ...

ฉึ่ก!

◊◊◊

“ท่านพี่! ท่านพี่! ท่านพี่!”

เสียงอูอี้ของเรย์ลี่ที่เขย่าตัวฉันให้ได้สติและใช้เวลาเกือบนาทีกว่าฉันจะลืมตาขึ้นมาได้

“เรย์...ลี่!?”

“ท่านพี่เป็นอะไรหรือเปล่า!? เรย์ลี่ปลุกตั้งนานแล้ว มีเรื่องเกิดขึ้นแล้วคะ!”

“เอ่อ...คือ...ฉันโดนวางยา...น่ะ”

“วางยา!?”

เรย์ลี่ได้ยินแบบนั้นแล้วมองไปรอบๆ แล้วตรงดิ่งไปดมน้ำชาค้างคืนถึงกับปิดจมูกแล้วรีบวางลงอย่างไว

“ยี้! ยาแรง! ท่านพี่กินเข้าไปหรอคะ!?”

“อือ...ซัดไปสองแก้วเต็มๆ” ฉันพอจะลุกขึ้นมานั่งได้แล้วแต่ยังมึนหัวอยู่ “ว่าแต่ที่บอกก่อนหน้านี้ ว่าอะไรนะ!?”

“อ๋อ! คุณทอมมี่แย่แล้วค่ะ!”

เพียงเท่านั้นตาฉันสว่างทันที เรย์ลี่รีบพาฉันออกจากห้องไป ส่วนเอลด้าที่หลับคาโต๊ะน้ำชาฉันปล่อยไว้อย่างงั้นเพราะไม่มีเวลาปลุกแล้ว เดินตรงผ่านหลายห้องพักจนเข้าประตูสู่โถงกลางหอสมุดจองชั้นไหนฉันไม่แน่ใจ แต่หลังจากเรย์ลี่ลากเข้าลิฟต์กดไปยันชั้นบนสุดแล้วฉันเริ่มถาม

“ทอมมี่เป็นอะไร?”

“ถูกมีดอาบเวทมนต์แทงเข้าให้ค่ะ”

“หา!?” ฉันเพิ่งจะได้ยินชื่อมีดนั่น “เป็นไงบ้าง”

“เห็นเมดบอกว่าอาเธอร์กำลังรักษาให้อยู่”

“ให้ตายให้ตาย แล้วมันเกิดขึ้นได้ไง?”

“เรื่องนั้นต้องถามอาเธอร์เอาเอง...เมดบอกว่าเมื่อคืนทอมมี่อยู่กับอาเธอร์ทั้งคืน”

พอได้ยินแบบนั้นแล้วเพิ่งจะรู้ว่าที่ๆ เชอรี่ไปเมื่อคืนนั้นคือที่ห้องนอนของอาเธอร์ อารมณ์โกรธพุ่งพรวดพล่านขึ้นมา

อาเธอร์!!!

มือซ้ายจักรกลกำแน่น พอลิฟต์ขึ้นสู่จุดสูงสุด ฉันกระโจนออกไปทันทีที่ประตูเปิด มือเรย์ลี่ที่จะคว้าไหล่ไว้แต่ไม่ทัน ฉันส่งลูกถีบเปิดประตูห้องทำงานแล้วเลี้ยวซ้ายเปิดประตูห้องนอนอีกที ร่างของทอมมี่ที่นอนหลับใหลอยู่ในชุดที่ต่างจากเมื่อวาน ใบหน้าซีดเผือกของเธอยิ่งทำให้อารมณ์ขึ้นสูงเข้าไปอีก

“ท่านผู้กล้า!?”

“อาเธอร์!!”

“อย่านะคะ/อย่านะคะ”

เมดหูแมวกับหมาทั้งสองจะเข้ามาห้ามแต่หมัดซ้ายฉันเร็วกว่าเยอะ ซัดร่างอาเธอร์ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ใกล้เตียงลงไปนอนกับพื้นและเหมือนจะได้ยินเสียงอะไรแตกดังคล้ายกระจกด้วย เรย์ลี่ที่เข้ามาเห็นช็อตเด็ดพอดีเอามากุบปากอย่างไม่น่าเชื่อ

“เวทมนต์ป้องกันของผอ. ยังเอาไม่อยู่หรอเนี่ย”

พออาเธอร์หงายตัวขึ้นมาเพิ่งจะสังเกตที่เสื้อหมอนี่ว่ามีรอยเลือดเปรอะเปื้อนเต็มไปหมด เจ้าตัวเอามือเช็ดเลือดที่ปากแล้วยกมือขึ้นห้าม

“ช้าก่อน...ท่านผู้กล้ากำลังคิดว่าเราทำอะไรกับเชอ...ทอมมี่ใช่ไหม?”

“ก็เออสิวะ! แล้วหมาที่ไหนจะทำ!”

“หมา!?” เมดหูสุนัขสะดุ้ง

“เอ่อ...โทษทีไม่ได้ตั้งใจว่าเธอหรอก”

ฉันรีบบอกไปแบบนั้นเพื่อไม่ให้เข้าใจผิด แต่ดูเหมือนว่าคนที่เข้าใจผิดอยู่คนเดียวในห้องก็คือฉันเพราะสิ่งที่ผอ. กล่าวต่อจากนี้คือความจริงที่เกิดขึ้น

“ฟังก่อน...ไม่รู้ว่าท่านจะเชื่อหรือไม่ ทอมมี่...ไม่สิ ตัวตนที่เป็นเชอรี่เอามีดแทงตัวเอง เรย์ลี่ไม่ได้บอกหรือ?”

อาเธอร์ล้วงหยิบด้ามมีดอันหนึ่งขึ้นมาแบให้ดูซึ่งมันมีแต่ด้ามมีดไม่มีตัวมีด เรย์ลี่ที่ถูกพาดพิงผิวปากมองบนไปทางอื่น

“เรย์ลี่ เธอตั้งใจใช่ไหม” อาเธอร์ย้ำ

“ก็เรย์ลี่อยากให้ผอ. หัดโดนในสิ่งที่ตัวเองทำไว้บ้าง”

“เดี๋ยว...นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?”

ฉันถามอย่างงงๆ เพราะทั้งสองคนเมินฉันแล้วคุยเรื่องอะไรก็ไม่รู้ เรย์ลี่ถอนหายใจทิ้ง

“เรื่องนั้นช่างเถอะค่ะ ท่านผอ...อธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นสักทีสิ”

“ถ้าห่วงเรื่องอาการของทอมมี่...สบายใจได้เลย มีดหั่นเนื้อลงเวทมนต์แค่นั้นทำอะไรไม่ได้หรอก ยิ่งเธอเป็นเผ่าปีศาจด้วยปากแผลเลยฟื้นฟูเร็ว”

“แล้วทำไมเขาต้องเอามีดแทงตัวเองด้วย?” ฉันถาม

“เพื่อทำลายวงเวทย์ที่ซ่อนอยู่ในร่างกายเธอ วงเวทย์ที่ทำให้แยกจิตวิญญาณเป็นสองคน”

“ไหนว่าวิญญาณรวมกันแล้วไม่ใช่หรือไง?”

ฉันลองใจถามไปเพราะจำได้ว่าอาเธอร์เคยพูดแบบนั้นแต่ที่จริงแล้วเชอรี่เคยพูดถึงข้อเท็จจริงเรื่องที่วิญญาณทั้งสองยังคงอยู่ อาเธอร์ก้มหน้ามองทางอื่นราวกับว่าสิ่งที่พูดออกมานั้นไม่อยากจะยอมรับมันสักเท่าไหร่

“โดนเชอรี่หลอก...หลังจากที่ตรวจสอบร่างกายเธออย่างละเอียดแล้ว เธอใช้เวทย์ปกปิดมันไว้เพื่อหลอกเรา สมกับที่เคยเป็นจอมมาร ทั้งๆ ที่แทบไม่มีพลังเวทย์แต่ยังทำได้ถึงขนาดนี้และยังเสริมมีดนี่ด้วยเวทย์ธาตุแสงอย่างสมบูรณ์อีก ตอนนี้วิญญาณทั้งสองกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง”

“ไม่...ใช่...แบบนั้น...”

เสียงแหบแห้งของคนที่เพิ่งฟื้น มันทำให้ฉันรีบปี่เข้าไปข้างๆ แล้วกุมมือขวาเขาไว้

“ทอมมี่! นายยังเจ็บอยู่ไหม”

“นิด...หน่อย”

ทอมมี่พยายามฝืนยิ้มอย่างเต็มที่ด้วยสีหน้าซีดเผือก อาเธอร์มองด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก

“เชอรี่...”

“เธอ...คนนั้น...ไม่อยู่บนโลกนี้...แล้ว”

ทอมมี่ตอบอย่างชัดเจนแต่อาเธอร์กลับขมวดคิ้ว

“ทำไม? ในเมื่อวิญญาณกลับรวมกัน เธอเป็นทั้งเชอรี่กับทอมมี่ไม่ใช่หรือ”

“มัน...ซับซ้อน...กว่านั้นนิดหน่อย” ทอมมี่สะกดได้ทีละคำ “มีดนั่น...ลงเวทย์...เฉพาะทาง...มันทำลายดวงจิตเธอ...แต่ความทรงจำกับความรู้สึก...กลายเป็น...ของผม”

“อย่าฝืนไปมากกว่านี้เลยค่ะ ท่านหญิง”

เมดหูแมวเมริซ่าเอ่ยในเรื่องที่เป็นห่วง อาเธอร์ที่ทนความรู้สึกตัวเองไว้ไม่อยู่นั่งลงข้างเตียงแล้วจะกุมมือทอมมี่ แต่เจ้าตัวผละมือออกห่างปฏิเสธอย่างไม่ใยดี

“ผม...เกลียด...คุณ...”

ทอมมี่พูดแบบนั้นแต่สีหน้ากลับไม่ได้เป็นอย่างคำพูดที่ว่า เขาพูดต่อ

“แต่...ขอบคุณที่ช่วย...รักษาแผลให้...นะครับ”

“มันเป็นสิ่งที่ต้องทำอยู่แล้วเชอรี่” อาเธอร์ยังคงเรียกแบบนั้น

“หึ...หึ...ถึงจะเกลียด...แต่...ก็ไม่ได้เกลียดมากมาย...หรอก...คงเป็นเพราะ...เชอรี่แน่ๆ”

ทอมมี่พูดไปน้ำตาไหลไปพลางๆ

“เกลียดชะมัด..ความทรงจำ...ของคนอื่น มันทำให้ผมหวั่นไหว...ไปกับมันด้วย”

“เชอรี่...เธอไม่จำเป็นต้องปฏิเสธมันหรอก ยอมรับมันก็ได้”

เมื่อเห็นว่าอาเธอร์คะยั้นคะยอ ฉันเลยจะห้ามแต่ถูกเรย์ลี่ห้ามไว้ปล่อยให้ทั้งสองคนคุยกันต่อไป ทอมมี่เหมือนตกอยู่ในภวังค์ชั่วคราวครู่แล้วเอ่ย

“แต่สิ่งสุดท้าย...ที่เชอรี่คิดนั้น เธอไม่อยาก...ใช้ชีวิตอยู่กับท่าน...ในแบบนั้นแล้ว มันออกจะเหมือน...เป็นทาสอารมณ์ เธออยากเป็นมากกว่านั้น...เป็นภรรยาตามปกติสุข...แต่ก็ห้ามใจตัวเองไว้...เพราะเธอไม่อยากให้ผม...ต้องทุกข์ทรมานอีกต่อไป”

ดวงตาอาเธอร์เบิกโตขึ้น

“นานแค่ไหนแล้วที่เชอรี่คิดแบบนั้น!?”

“เดือนก่อน...”

พออาเธอร์ได้ยินแบบนั้นแล้วทำหน้าเจ็บใจราวกับว่าตัวเองไม่รู้เรื่องนั้นเลยสักนิด ทอมมี่ยังคนฝืนพูดต่อไป

“นับจากนี้...คุณช่วย...เลิกยุ่งกับผม...ได้ไหม”

ในที่สุดประโยคที่ฉันคิดว่าควรออกจากปากเขาตั้งนานแล้วก็ออกมาสักที แววตาอาเธอร์ไม่ค่อยยอมรับกับสิ่งนั้นก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นท้อแท้ยอมรับมัน...แต่ทว่ามันเปลี่ยนกลับมาสุขุมดั่งเดิม

“เรื่องนั้นต้องขอปฏิเสธ ตัวตนเดิมของเธอเป็นใครลืมแล้วหรือ? เธอคือจอมมาร...ถึงแม้จะไม่มีพลังเวทย์เท่าเก่าและถูกพวกสภานั่นเข้าใจไปว่าโดนประหารแล้ว แต่ถ้าควรจับกลิ่นอายดีๆ จากพวกนักเวทย์ขั้นสูงแล้ว...ความแตกไม่ยาก”

“แล้วจะให้ทำยังไง? ให้ทอมมี่อยู่กับนายงั้นหรอ ฝันไปเหอะ!”

ฉันแทรกเข้ามาตามอารมณ์ อาเธอร์ไม่ได้หวั่นไหวอะไรและพูดในสิ่งที่เคยพูด

“บอกท่านไปแล้วไม่ใช่หรือ ว่าท่านกับเชอ...ทอมมี่จะต้องอยู่ที่สถาบันแห่งนี้ในฐานะ [เด็กใหม่]”

“จะให้อยู่ข้างนอกมันก็เสี่ยงไป ไหนๆ เราก็คนคุ้นเคยกันแล้วนี่นะ”

เรย์ลี่เสริม ทอมมี่ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก่อนที่จะเอ่ยคำที่ทำลายจิตใจใครบางคน

“งั้นระหว่างผมกับคุณ...ถือว่าไม่มีความเกี่ยวข้องกันและกัน...อีกต่อไป”

อุ้ย...

ถึงแม้ว่าคำๆ นั้นเป็นสิ่งที่ฉันอยากให้ทอมมี่พูดออกมาแต่ถึงเวลาจริงกลับรู้สึกไม่ค่อยดีอย่างแปลกๆ และเขายังคงพูดต่อไป

“ถ้าท่านเข้ามายุ่งกับผมในฐานะแบบนั้นอีก...ผมจะไปให้ไกลจากที่นี่ทันที”

คำมั่นเด็ดขาดของทอมมี่ทำให้อาเธอร์แสดงสีหน้าลำบากใจอย่างขีดสุดก่อนที่จะก้มหน้ายอมรับมัน

“ก็ได้...อย่างน้อยเธอก็ยังอยู่ในสายตาเรา”

และแล้วบทสนทนายาวเหยียดในห้องนั้นจบลงด้วยบรรยากาศที่อึมครึม

◊◊◊

ชั่วโมงต่อมาหลังจากที่ทอมมี่ขอให้เมดทั้งสองช่วยพาเขามายังห้องพักชั้นล่างที่เมื่อคืนสองคืนย้ายมา พอเมดทั้งสองคนออกไปเรย์ลี่ชิงถามก่อนใครอื่น

“นี่เธอ! เป็นแบบนี้จะดีหรอ”

“หือ!?”

ทอมมี่ที่นั่งนอนอยู่บนเตียงเอียงคอ ฉันก็เช่นกัน เรย์ลี่ขยายความคำถามนั้นอีกรอบ

“เรย์ลี่รู้นะว่าเธอฝืนใจตัวเองอยู่ เธอไม่อยากตัดความสัมพันธ์กับท่านผอ. ใช่ไหม”

“นั่นเป็นสิ่งที่เชอรี่อยากให้เป็นต่างหาก” ทอมมี่ว่า “ถึงแม้ว่าความรู้สึกแบบนั้นมันค้ำคอผมมาก...แต่ให้มันเป็นแบบนี้ดีสุดแล้ว”

“งั้นรึ...”

เรย์ลี่พยักหน้ายอมรับข้อนั้นแต่โดยดี ฉันที่นั่งบนเตียงอยู่ข้างๆ ยังคงกุมมือเขา

“ทอมมี่ ฉันสงสัยบางเรื่องช่วย นายพอที่จะตอบฉันได้ไหม”

“น่าจะได้”

“ไอ้เรื่องวิญญาณแยกกันนี่มันยังไงกันแน่ ฟังจากนาย เชอรี่กับเจ้าผอ. หื่นกามนั่น เหมือนพูดไม่ตรงกันนะ”

ทอมมี่ได้ยินเช่นนั้นแล้วถอนหายใจอย่างหนัก

“มันซับซ้อนนิดหน่อยครับ ต้องบอกว่าตอนแรกผมเข้าใจผิดมาตลอดเลยคิดว่าเชอรี่คือตัวผมจริงๆ ตลอดสามเดือนที่ผ่านมา จนคืนที่คุณมา...อาเธอร์ได้พูดถึงเรื่องวิญญาณแยกกัน ใช่ เขาบอกว่าตอนแรกมันแยกกันแล้วรวมกันเป็นหนึ่งเดียว แต่นั่นคือสิ่งที่เชอรี่หลอกเขา...ถ้าถามว่าผมรู้ได้ไง ตอนที่อาเธอร์อธิบายอยู่แล้วเชอรี่ร้องตกใจ นั่นคือตัวผมที่ร้องขึ้นมาจริงๆเพราะเชอรี่เผลอคิดดังเรื่องความจริงที่ว่าวิญญาณเราทั้งสองยังแยกกันอยู่เลยทำให้ผมรู้สึกตัว...หลังจากนั้นก็เป็นอย่างที่เห็นครับ”

พอได้ฟังคำอธิบายยาวๆ ที่ใช้คำเดิมๆ ซ้ำๆ แล้วหัวสมองฉันไม่ค่อยจะทำงานเท่าไหร่แต่แก้ลงพยักหน้าเข้าใจไปก่อน

ตอนนี้คงไม่สำคัญแล้วล่ะมั้ง ได้ร่างคืนแล้วนิ

แต่มันยังมีเรื่องคาใจอยู่

“อือ พอเข้าใจล่ะ แต่...เมื่อคืนที่เชอรี่บอกว่า ‘อยากให้แน่ใจ’ นี่มันหมายความว่ายังไง”

ถามแบบนั้นไปหน้าทอมมี่เหมือนแดงขึ้นเล็กน้อยแล้วไอ

“แค่กๆ...มันเป็นเรื่องสิบแปดบวกอ่ะครับ เธอบังคับให้ผมลองกับเรื่องบนเตียงกับอาเธอร์เผื่ออยากเปลี่ยนใจให้เชอรี่อยู่ต่อไป” ทอมมี่ว่าแล้วรีบแก้ตัวต่อ “แน่นอนผมปฏิเสธเต็มที่! แต่...ที่จริงเชอรี่อยากมีความสุขครั้งสุดท้ายก่อนที่จะหายไป”

“ดูเหมือนนายจะแคร์เชอรี่นะ อีกตัวตนหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นนั่น”

“คงเป็นเพราะได้รับความทรงจำกับความรู้สึกของเธอมั้งครับ เลยเข้าใจบางอย่าง...แต่นั่นไม่ใช่สิที่ผมต้องการหรอก การได้กลับมาเป็นตัวของตัวเองอีกครั้งมันดีที่สุดแล้ว”

“นั่นสินะ”

เป็นแบบนี้ล่ะดีแล้ว

ฉันคิดแบบนั้นก่อนที่จะหลิ่วตาให้

“และก็...ยินดีที่ได้เจอนะ”

“หา!?” ทอมมี่งง

“งงอะไร? นี่เป็นครั้งแรกไม่ใช่หรือไงที่ได้คุยกับ [ทอมมี่] จริงๆ สักที”

ฉันบอกแบบนั้นไป ตาของเขาเบิกโตขึ้นเล็กน้อยก่อนที่จะยิ้ม

“นั่นสินะครับ”

“เดี๋ยวๆๆๆๆๆๆๆ” เรย์ลี่ยกมือถาม “ท่านพี่หมายความว่าที่เราคุยกันมาตลอดไม่ใช่ทอมมี่งั้นหรอ?”

“ประมาณนั้นครับ” ทอมมี่ตอบ “เชอรี่เล่นตีบทแตกค่อนข้างเนียนเลย”

“อ๊าก!!! เรย์ลี่โดนหลอกได้ไง!!”

และแล้วคนที่ไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองถูกหลอกตัวอ่อนก้มหน้าลงแผ่ออร่าสีดำออกมา ฉันไม่ได้สนใจอะไรมากนักเพราะทอมมี่สำคัญกว่า

“แล้วนายไม่กลัวฉันแล้วหรือไง เหมือนที่บนยานบิน MLA นั่น”

“ดีใจมากกว่าครับที่ได้เจอคนที่มาจากโลกเดียวกัน” ทอมมี่กล่าวแล้วเหมือนเพิ่งนึกอะไรขึ้นมาได้ “แต่ผมกับเฟียน่าเป็นแค่เพื่อนกันจริงๆ นะครับ!”

“โธ่ๆ ไม่ต้องคิดมากเรื่องนั้นแล้วพ่อหนุ่ม”

“ผมกลายเป็นสาวแล้วนะครับ”

“ท่าทางนายไม่ใช่สักกะนิด...แต่ถึงเป็นสาว นายก็คือทอมมี่”

“งั้นนับจากนี้...ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วย อย่าทิ้งผมไปไหนนะครับ”

เจ้าตัวขอร้องทั้งน้ำตา

“จะทิ้งนายไปไหนล่ะ โลกนี้มีแต่ฉันกับนายเท่านั้นที่เข้าใจกันและกันนิ เด็กขี้แยเอ๋ย”

“เปล่าขี้แยสักหน่อย พอกลายเป็นผู้หญิงแล้วน้ำตามันไหลออกมาเอง”

บทปลอบโยนของทั้งสองคนทำให้เรย์ลี่ที่ฟังอยู่รู้สึกดีไปด้วย ก่อนที่จะมีใครเปิดประตูเข้ามา...เอลด้าถือหนังสือมาสามแล้วมองมาทางนี้ด้วยสีหน้าที่งุนงง

“นี่เราพลาดอะไรไปหรือเปล่า?”

◊◊◊

ช่วงคุยกับไรท์เตอร์

จบลงไปแล้วสำหรับ Ch.23 นะจ๊ะ

ต้องขอยอมรับเลยว่าไรท์เตอร์ค่อนข้างสับสนในการเขียนตอนนี้มากเพราะว่างเว้นไปหลายช่วงต่อทำให้กลับมาเขียนต่อด้วยความมึนงงและช่วงบทนี้ค่อนข้างมีความซับซ้อนอยู่ ขออภัยอะไรด้วยถ้ามีอะไรพลาดไป (และช่วยบอกกันได้เน้อ จะได้รีบแก้ ฮ่าๆ)

ในที่สุดปมระหว่าง เชอรี่/ทอมมี่ ได้ถูกแก้ไปแล้ว

การดำเนินชีวิตของเฟลิกซ์และทอมมี่ยังคงดำเนินต่อไปภายใต้ชายคาสถาบันนิวส์ไลฟ์

วันเปิดเทอมหลังพ้นสงครามกำลังจะเริ่มต้นขึ้น

เฟลิกซ์จะทำยังไงเมื่อเจออากิตะตัวปลอมกันแน่

โปรดติดตามต่อตอนไปที่มีชื่อว่า

  1. Ch.24 Fake/Brave VII - Akita/Felix - [วันแรกของการศึกษา]

ถ้าชอบก็ Comment ให้กำลังใจกันบ้างเน้อ 1 Comment เท่ากับล้านกำลังใจเลย ฮ่าๆ

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.3 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา