Crystalfall: Fake/Brave [ชีวิตพังเพราะพระเจ้า]
8.8
เขียนโดย Spy442299
วันที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2559 เวลา 17.23 น.
25 chapter
4 วิจารณ์
23.72K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 17.57 น. โดย เจ้าของนิยาย
17) แกนกลางคริสตัล 5 - [จงเป็นผู้กล้า!]
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความCrystalfall: Fake/Brave
คริสตัลฟอร์: เฟค/เบรฟ
แกนกลางคริสตัล 5 - [จงเป็นผู้กล้า!]
◊◊◊
“แผ่นดินไหวอีกแล้ว! เวรเอ้ย!”
“เรย์ลี่! เรียกเจ้าพวกนั้นมาแล้วใช่ไหม?”
“เรียกแล้ว!...ถ้าเห็นลูกไฟเวทมนต์ละนะ”
“โอ้ย! ไอ้ก้อนหินบ้านี่! เมื่อกี้สองคนว่าไงนะ เรียกใครมา?”
“ออกจากรูถ้ำนี้ได้เดี๋ยวรู้เอง!”
“ยูกะ! เด็กใหม่เป็นไงบ้าง?”
“อาการเริ่มทรงตัวแล้วค่ะ!”
“เรย์ลี่เลิกฮีลมาช่วยเคลียร์ทางข้างหน้าหน่อย! บ้านข้างบนนี้มันถล่มปิดทางไว้แน่ๆ”
“ไม่ล่ะ! ขอฮีลต่อได้ไหม? ไม่อยากปล่อยท่านพี่เลย!”
“มาช่วยทางนี้ก่อน! ถ้าออกไม่ได้เดี๋ยวได้ตายกันหมด!”
เสียงเอะอะโวยวายหลายคนเข้าประสาทหูฉันหลังจากได้สติแต่ไม่มีแรงขยับและพูดเลยสักนิด มีเพียงแต่เปลือกตาที่จะลืมขึ้นมาดูว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง
ฉันถูกยูกะแบกแขนขวากับอาเซียแบกแขนซ้ายอยู่…
ที่แคบๆ แบบนี้...เหมือนกับตอนอุโมงค์เล็กขามา…
สัสดีกับเรย์ลี่กำลังพังไม้ที่ปิดทางออก...
แล้วมาเรีย...เธอ...
“พอบอกให้ผลักเมื่อไรก็ผลักพร้อมกัน” สัสดีว่า
“ทำไมไม่ใช่เวทย์ล่ะ?” เรย์ลี่แย้ง
“จะบ้าหรือ? เราเพิ่งถูกกินซ่าดูดมานาเกือบไม่รอด! ถ้ายังมีมานา...ทำแบบนั้นถ้ำจะถล่มใส่หัวเอา...ออกแรงผลักช่วยกัน หนึ่ง สอง สาม ผลักเลย!”
“ย๊าก!”
ในที่สุดทั้งสองคนพังไม้ที่ถล่มปิดทางออกสำเร็จ พากันออกข้างนอกบ้านร้างที่พังไปแล้ว...บ้านในสลัมโดยรอบแห่งนี้มีพังเป็นบางหลัง
ครืนๆๆๆๆ
แผ่นดินไหวเกิดขึ้นอีกครั้ง ตาคนตาประคองตัวไม่ให้ล้มลงเว้นแต่ฉันที่ถูกคนอื่นประคองอยู่ สัสดีหันเงยหน้ามองบนฟ้าอะไรบางอย่าง
“เรย์ลี่...ไหนกำลังเสริม?”
“ป่านนี้ยังไม่มาอีกหรอเนี่ย!? ช่างแจ๊ะเมาเหล้าอู้แน่ๆ...นั่นไง!!”
เรย์ลี่ชี้ฟ้าทางขวา มีบางอย่างคล้ายเรือไม้กำลังลอยตัวลดระดับเข้ามาใกล้เหนือหัวแค่สามเมตรตรงหน้าฉันทำให้เห็นอย่างชัดเจน มันเป็นเรือไม้เสริมเหล็กรูปลักษณ์โดยรวมคล้ายเรือสำเภาโบราณของชาติที่แล้วเพียงแต่สิ่งที่แทนใบเรือนั้นเป็นแผ่นคริสตัลที่เรืองแสงอยู่เหมือนกับใต้ท้องเรือ
เรือบิน?
เมื่อมีเชือกหย่อนลงมา เรย์ลี่ตะโกนบอกคนที่โยนมันลงมา
“เฮ้ยช่างแจ๊ะ! ลงจอดเลยไม่ได้หรือไง? ทางนี้มีคนเจ็บนะ!”
“แหกตาดูมั้งสิว่ามีที่ให้จอดไหม!” มีผู้ชายข้างบนคนหนึ่งตะคอกสวนกลับมา “ทางนั้นใช้เวทย์ยกตัวคนเจ็บขึ้นมาสิ!”
“พวกเราเพิ่งโดนเวทย์ดูดมานาเกือบไม่รอด ไม่มีแรงเหลือพอจะใช้หรอก!”
เรย์ลี่ตะโกนกลับไปทำให้ฉันไม่เข้าใจบางอย่าง
มานาหมด? ทุกคนเนี่ยนะ...มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ จำไม่เห็นได้...
“พวกคุณหาทางขึ้นหลังคาบ้านทางขวามือผมได้ไหม?” คนที่ถูกเรียกว่าช่างแจ๊ะชี้นำไปทางซ้าย “มันสูงพอเทียบท่าได้!”
“โอเค!” เรย์ลี่ตอบรับ
“พลขับ! หันหัวเรือสองนาฬิกาเทียบท่ากับหลังคาบ้านทางซ้าย...พวกแกเตรียมรับคนเจ็บด้วย!”
“เฮ!!”
หลังจากนั้นฉันก็จำอะไรไม่ค่อยจะได้ รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่กำลังจะขึ้นเรือบินพอดี ฉันเอาแขนซ้ายตัวเองเกาะเสากลางเรือไว้ ถึงตรงนี้ฉันมองไกลออกไปเห็นเรือบินอีกสองลำที่กำลังลอยขึ้นจากการรับคนข้างล่าง...ซึ่งรับขึ้นมาไม่หมดด้วย ยูกะเลื่อนตัวเข้ามาถามใกล้ๆ
“เธอควรจะนั่งพักนะ”
“ไม่—”
ไม่ทันพูดจบเรือบินเกิดสั่นไหวพร้อมๆ กับแผ่นดินไหว สัสดีเอ่ยด้วยความแปลกใจ
“ทำไมเรือนี่ถึงได้โคลงเคลง!?”
“ไม่ใช่แค่แผ่นดินไหวแน่!” ช่างแจ๊ะเตือน “ทุกคนหาที่จับไว้เตรียมรับแรงกระแทก! โว้!”
“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!”
เสียงร้องโหยหวนดังกึกก้องสะท้านแผ่นดินราวกับว่าเสียงนั้นมีพลังมหาศาลจนทำให้แผ่นดินเบื้องล่างเริ่มสลายจมลงไปและมีบางอย่างผุดขึ้นมาแทนเป็นคริสตัลที่เกาะตัวกันเป็นรูปร่างผู้หญิงครึ่งตัวขนาดมหึมาถ้าเทียบกับโลกก่อนน่าจะเกือบเท่าครึ่งหนึ่งของสนามฟุตบอล คริสตัลรูปคนเงยหน้ากางแขนทั้งสองที่กว้างใหญ่จนทลายบ้านแถวนั้นจนหมดสิ้นแล้วส่งเสียงกรี๊ดลั่นอีกครั้งแล้วเกิดแรงลมปะทะกับตัวเรือบินทั้งสามลำจนโซเซไปมา
“แสบหูโว้ย!”
“เกาะแน่นๆ ไว้...เฮ้ย! เฟลิกซ์!”
ฉันไม่รู้ว่าใครเป็นคนเรียกฉันเมื่อครู่เพราะตอนนี้ร่างกายมันกำลังร่วงลงสู่หลังคาบ้าน
ใช่...ฉันตกลงจากเรือบิน
“อ๊าก!!”
หลังกระแทกอย่างจังความเจ็บปวดแล่นเข้าทุกส่วน แต่ยังดีที่ตกจากที่ไม่สูงมากนัก
“ท่านพี่!”
เรย์ลี่โผล่หน้าบนเรือบินที่กำลังแล่นออกห่างให้พ้นระยะคลื่นเสียงจากตัวประหลาดยักษ์
โดนทิ้งจนได้...
“ลุกขึ้นสิค่ะ! คุณเฟลิกซ์!”
“มา...เรีย!?”
ฉันหันซ้ายแล้วเห็นร่างมาเรียที่จางจนเกือบมองไม่เห็นกำลังเขย่าตัวฉันอยู่
ภาพหลอนอย่างงั้นหรอ...
“ถ้าไม่ลุกตอนนี้เดี๋ยวตายนะคะ!”
จะตายแล้วเลยหลอนสินะ
“อย่าให้สิ่งที่ฉันทำมันสูญเปล่าสิคะ!”
ประโยคนั้นเรียกสติฉันคืนกลับมา 100%
นั่นสิ..คุณมาเรียอุตสาห์สละชีวิตเพื่อเราแล้วจะตายง่ายๆ แบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด!
กำลังใจเริ่มกลับมาบ้าง ทันใดนั้นรู้สึกได้ว่าที่แขนซ้ายกับกลางอกกำลังเลือดพล่านปล่อยพลังเข้าสู่ร่างกายฉันทำให้มีแรงลุกขึ้นมาดูสิ่งที่ทำให้ฉันตกเรือบินอย่างถนัดตา ตรงกลางอกของคริสตัลคนยักษ์ที่ผุดขึ้นจากใต้ดินนั้นมีร่างกายของคนๆ หนึ่งที่ฉันรู้จักถูกผนึกไว้
“กินซ่า!?”
“เห้อออออออออออออออออออออ มันเกิด...อะไรขึ้น...กับข้า...โอบี”
ร่างกายคริสตัลยักษ์นั้นมองลงมาที่ฉันก่อนที่จะทอดมองรอบตัวอย่างเชื่องช้า
“ทำไม...เจ้า...ตัวเล็กขนาดนั้น...หือออออออออออ ไม่ใช่...ไม่ใช่...”
หล่อนก้มมองดูแขนตัวเอง
“โอ้วววววววววม่ายยยยยยย...ทำไม...ข้าถึงกลายเป็นแบบนี้โอบี!!!!!”
เสียงคำรามดังสนั่นแหวกอากาศจนทำให้เรือบินทั้งสามโซเซอีกครั้ง ตัวฉันเริ่มเดินถอยหลังเพราะเพิ่งเห็นว่าทั้งบ้านและพื้นดินข้างหน้ากำลังถล่มลงไล่มาทางฉันทีละนิด
ทั้งหมดเป็นฝีมือกินซ่ากับตาแก่นั่นหรือเนี่ย!?
แล้วตรงหน้าฉัน...ร่างจอมมารที่สองคนนั้นบอกไว้?
“โอบี! เจ้าอยู่ไหน!”
“หมอนั่นมันตกไปข้างล่างแล้ว!”
ฉันตะโกนบอกคำตอบไปก่อนที่จะรู้สึกตัว
แย่ล่ะ หาเหาใส่หัวแท้ๆ
“หือ!? เจ้าบอกว่าโอบี...ตกขอบโลกไปแล้ว? เดี๋ยวสิ...เจ้าคือที่รักของข้า...ที่โอบีควรจะควักหัวใจของเจ้า...มาเสริมพลังควบคุมแกนกลางคริสตัล...ตอนที่กำลังรวบกับตัวข้านิ?...”
กินซ่าพูดกับตัวเองก่อนที่จะเข้าใจสถานการณ์ที่เป็นอยู่
“โอ้วม่ายยยยยยย...ข้ากลายเป็นตัวประหลาดไปแล้ววววววว”
“เฮ!! เธอน่ะ...ทำไมอยากเป็นจอมมารถึงกับต้องฆ่าหลายชีวิตด้วย!?
ฉันกล้าหาญถามออกไป กินซ่าตอบกลับด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“ข้าพูดไปเจ้าก็ไม่เข้าใจหรอก!! สั่งเสียอะไรก่อนที่จะตายคามือข้าไหม? และช่วยบอกชื่อที่แท้จริงของเจ้าด้วย ข้าจะจำไว้ว่าเป็นเพราะเจ้าถึงทำให้ข้าต้องกลายเป็นเช่นนี้!”
“ชื่อฉันงั้นหรอ...หึ”
ได้ยินแบบนั้นแล้วเริ่มรู้สึกเลือดมันเดินทั่วร่างอีกครั้งก่อนที่จะใช้มือซ้ายจักรกลดึงผ้าคลุมที่ปิดบังตัวไว้ออกไปราวกับตัวเองเป็นตัวเอกหนัง
“ชื่อของฉันคือเฟลิกซ์!!”
“หือ!? นี่เจ้าเป็นไซบอร์กงั้นหรือ...เจ้า...เจ้าเป็นคนเดียวกับที่อยู่ในประกาศจับที่ว่าเป็นผู้กล้าจอมปลอมตามคำทำนายนั่น...เห้!?”
กินซ่าอาการแปลกใจมากจนเปิดช่องว่างเต็มไปหมด ฉันที่รอจังหวะนั้นอยู่แล้วรีบยิงมือซ้ายออกใส่ตรงกลางอกที่มีร่างเดิมของกินซ่าอยู่ ผลก็คือ...
ไม่เป็น...อะไรเลย...
ไม่สิไม่สิ เหมือนจะมีเศษหินคริสตัลหลุดมาหน่อยหนึ่งด้วย...ก็แค่หน่อยหนึ่งจริงๆ
ไงเจ้านางฟ้านั่นบอกว่าแขนซ้ายฉันมีดีที่ทำลายเวทมนต์ได้ทุกอย่างไม่ใช่หรือไง?
ฉันนึกถึงเรื่องที่พูดคุยในห้องต่างมิติหลังปราบเจ้าหุ่นแมงมุมก่อนที่จะถูกส่งวาปกลับ
เวทมนต์...
แย่แล้ว! นั่นมันหินคริสตัลไม่ใช่เวทมนต์นี่หว่า!!
ฉันรีบสั่งให้มือซ้ายดีดตัวกลับมาหาแล้วออกตัววิ่งหนีเท่าแรงที่มี
“เฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟลิกซ์!!”
เสียงลากยาวของกินซ่าดังลั่นตามหลังมาชวนให้สันหลังเสียววูป หลังจากนั้นก็เห็นมือใหญ่ๆ ที่เป็นคริสตัลกำลังง้างลงมาที่ฉันเลยออกตัวกระโดดหลบและคิดไว้อยู่ว่าคงไม่พ้นแน่ แต่แล้วมีบางอย่างแปลกไป
ร่างกายมันเบาผิดปกติ...
กระโดดเมื่อกี้เลยลอยออกไปไกลกว่าที่คิดจนหลบฝ่ามืออรหันต์ได้
โครม!!
“เหวอ!”
แต่แรงปะทะนั้นทำให้ตัวกระเด็นปลิวล้มลงแทนแต่ก็ลุกขึ้นได้อย่างรวดเร็ว
เกิดอะไรขึ้นกับตัวเราเนี่ย...
พอก้มลงดูกลางอกตัวเองที่เสื้อเป็นรูจนเห็นแท่งคริสตัลหกเหลี่ยมกำลังเปล่งแสงสีทองอยู่
นี่ของ...มาเรียสินะ ฉันต้องไม่ให้การตายของเธอสูญเปล่า!
แต่จะให้แก้แค้นตอนนี้มัน...
พอมองดูกินซ่าที่กำลังตั้งหลักใหม่ค่อยๆ เคลื่อนตัวลอยขึ้นกลางอากาศเล็กน้อย ทำลายทุกสิ่งที่กีดขวางแม้แต่แผ่นดินมาทางฉัน
ต่างเกินไป...พลังมันต่างเกินไป ตอนนี้ต้องหนีเอาตัวรอดก่อน!
เมื่อคิดได้เลยกระโดดตัวไปคนละทางกับกินซ่าเพื่อที่จะหนี
“ไม่ปล่อยให้เจ้าหนีไปหรอก!! อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!”
กินซ่าคำรามลั่นท้องฟ้าอีกครั้ง คราวนี้มีโล่บาเรียหกเหลี่ยมสีฟ้าเกิดขึ้นครอบคลุมห่างจากตัวฉันออกไปไม่กี่ร้อยเมตร
เวรละ! โดนขังจนได้! แล้วทำไม...เรือบินพวกนั้นถึงยังไม่บินหนีออกไปอีกล่ะ!?
ถึงแม้มีเรื่องสงสัยแต่ไม่มีเวลาคิดหาเหตุผลมากนัก เป็นเวลากว่าสิบนาทีที่ฉันทั้งวิ่งทั้งกระโดดหนีกินซ่าและทำให้พื้นที่ที่เป็นพื้นที่หายไปทุกที ในที่สุดก็เหลือมุมเดียวที่ยังเหลืออยู่คือทางที่ติดกับแม่น้ำคริสตัล
“ท่านพี่! รีบขึ้นเรือมาเถอะค่ะ”
เรย์ลี่โผล่หน้าจากบนเรือบินทั้งสามที่แล่นเข้ามาใกล้พอดี ฉันใช้มือซ้ายส่งขึ้นไปก่อนที่จะดึงตัวเองขึ้นตามไปโดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าเริ่มใช้ฟังก์ชั่นแขนซ้ายคล่องขึ้นมาก พวกสัสดีที่อยู่บนเรือต่างกู่เข้ามาหา
“เฟลิกซ์! ทำไมเจ้าบ้าระห่ำแบบนั้น!”
สัสดีพูดด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง
ชิ...อะไรของเขาเนี่ย
ตอนนี้อยากจะชกสัสดีสักหมัดแต่มีเรื่องสำคัญกว่าเลยตะโกนถาม
“นี่ทุกคน! เรือบินนี่มันบินผ่านโล่นั่นไม่ได้หรอ?”
“ไม่...มันเป็นโล่มานาที่แข็งแกร่งมาก เว้นแต่ทำลายตัวยักษ์นั่น”
ผู้ชายคนหนึ่งที่เรย์ลี่เรียกว่าช่างแจ๊ะเป็นผู้ชายที่ไว้หนวดเครานิดหน่อยนัยน์ตาสีเหลืองและสวมชุดที่เลาะคราบดำทั้งตัวเดินแทรกเข้ามาบอก ฉันรีบบอกเรื่องที่รู้
“ตรงกลางอกข้างล่างตัวนั้นมันมีร่างเดิมอยู่ค่ะ! ถ้าใช้ของหนักทำลายมันได้น่าจะ...ช่วยเปิดทางได้ คิดว่างั้นนะ...ฉันเองก็ไม่ค่อยแน่ใจ”
ฉันบอกตามที่สันนิฐานไป คนบนเรือที่ไม่ใช่คนรู้จักต่างแปลกใจกับแขนซ้ายฉันที่เป็นจักรกลเป็นอย่างมากก่อนที่เรย์ลี่จะทำบรรยากาศนั้นให้หายไป
“ของหนัก!? อ๋อ...คงต้องใช้ไอ้นั่นแล้วมั้ง หอกนั่น”
“หอก!? มานาเจ้าตอนนี้ไม่น่าจะพอ” สัสดีพูด
“เรื่องนั้นเดี๋ยวให้ช่างแจ๊ะจัดการให้!”
เรย์ลี่หลิ่วตาให้ช่างแจ๊ะที่ยืนเกาหัวกับสิ่งที่เขาต้องทำต่อไป
“เฮ้อ...หาเรื่องให้ใช้ตัวถ่ายมานาจนได้ เดี๋ยวขากลับจะเรียกเก็บค่าคริสตัลกับคลังสถาบันของเธอให้หมดตูด”
“เชิญเก็บได้เต็มที่เลยจ้า! ไม่ใช่เงินเราอยู่แล้ว! ฮ่าๆ”
“เฮ้อ”
ทุกคนบนเรือยกเว้นฉันต่างถอนหายใจหนักราวกับว่ากำลังเจอเรื่องที่หนักใจ ทันใดนั้นข้างตัวฉันมาเรียปรากฏตัวด้วยเรือนร่างที่จางเหมือนผีที่คนอื่นมองไม่เห็น เธอกำลังมองเรลี่ด้วยความเป็นห่วง
นี่ยังเห็นภาพหลอนอยู่หรอเนี่ย...
ฉันเบือนหน้ามองเรลี่ที่กำลังปีนขึ้นไปอยู่หัวเรือแล้วกางแขนออก
“จิตวิญญาณท่านบรรพบุรุษสู่รุ่นต่อรุ่น...อัศวินกายาเวทานุภาพทั้งหลายทั้งมวลจงตอบรับเจตจำนงของฉัน! หอกทำลายล้างของท่านผู้กล้าจงปรากฏขึ้นตรงหน้า!”
สิ้นสุดคำร่ายเรย์ลี่รวบมือทั้งสองมาอยู่ข้างหน้ากลางอกทำคล้ายเหมือนกำลังจับลูกบอล ทันใดนั้นเองตรงใบเรือผ้าสีขาวของเรือเกิดเปล่งแสงสีฟ้าแล้วปล่อยคลื่นมันเข้าตัวเรย์ลี่จนทั้งตัวเธอถูกครอบคลุมด้วยออร่าสีฟ้า ระหว่างมือที่เตรียมท่าไว้มีบางอย่างค่อยๆ หลอมรวมจากความว่างเปล่า มันเป็นหอกยาวที่ดูมีเอกลักษณ์ ร่างกายเธอนั้นเริ่มมีหูและหางแมวปรากฏขึ้นให้เห็นอีกครั้ง
“คำร่ายแบบนั้นมันอะไรกัน เสริมแต่งเองชัดๆ” ช่างแจ๊ะบ่น “แต่ก็เรียกมันออกมาจนได้ อาวุธที่สืบทอดรุ่นต่อรุ่นของหนึ่งในกลุ่มผู้กล้าสองร้อยปีก่อน...หอกทำลายล้างของเอ็กซ์ คนที่ใช้มันได้ตอนนี้มีแต่เรย์ลี่เท่านั้น”
“แหม่ ขอบคุณที่สาธยายให้นะช่างแจ๊ะ!”
“รีบๆ ทำลายเจ้าตัวยักษ์ได้แล้ว!”
“รับทราบข๊า!”
เรย์ลี่เอี่ยวตัวเอามือซ้ายทำท่ารับคำสั่งอย่างกวนๆ แล้วควงหอกรอบหนึ่งก่อนที่จะเอาปลายหอกเล็งไปทางกินซ่าที่อยู่ค่อนข้างไกล
“เอาไปกินซะ! บีม! (Bream)”
เหมือนฉันได้ยินคำศัพท์คุ้นหูจากเรย์ลี่ ปลายหอกเกิดประกายไฟฟ้าหรือประกายเวทมนต์ฉันก็ไม่แน่ใจนักเพราะมันคล้ายๆ กัน ก่อนที่ปลดปล่อยลำแสงสีฟ้าขนาดเท่าตัวเรย์ลี่พุ่งออกไปหากินซ่าถูกตรงไหล่ขวาของมัน เกิดการระเบิดและควันโขมงมองไม่เห็นความเสียหายแต่เจ้าตัวคนโดนร้องลั่นเมือง
“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!”
สาบานนะนั่นคือหอก!? ยิงบีมได้ด้วย!?
ฉันอยู่ในสภาวะอึ้งค้างไป ส่วนคนอื่นต่างจ้องจุดที่เรย์ลี่ยิงไป...พอควันถูกพัดก็เห็นส่วนไหล่ของกินซ่าตัวยักษ์แหว่งไปกำลังถูกคืนสภาพกลับเป็นเช่นเดิมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“พวกแกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!”
กินซ่ากรี๊ดร้องเต็มไปด้วยความแค้น ตายักษ์ข้างขวาที่เป็นคริสตัลล้วนๆ เกิดมีแสงรวมตัวกันคล้ายสิ่งที่เรย์ลี่ทำ บีมสีฟ้าที่มีขนาดใหญ่กว่าเดิมสามเท่าพุ่งเฉียดเรือบินไปนิดเดียว แต่ด้วยแรงลมที่มองไม่เห็นทำให้เรือเกิดการเสียทรงตัวโยกไปทางขวาเล็กน้อย
“ว๊าย!”
“หาที่จับไว้!”
ช่างแจ๊ะตะโกนบนทุกคน เป็นเวลาเกือบนาทีกว่าเรือบินจะประคองกลับมา
“หอกมันร่วงไปแล้ว!”
จู่ๆ เรย์ลี่บอกสิ่งที่ทำให้ความหวังทุกคนแตกสลาย สัสดีรีบถาม
“หล่นตรงไหน!”
“ตรง...เอ่อ...มันน่าจะข้างล่างข้างหน้า...เอ่อ...ทางซ้ายมั้ง!”
ความไม่แน่ใจของเรย์ลี่ยิ่งทำให้สถานการณ์แย่ลงไปอีกและยิ่งไปกว่านั้น...กินซ่าเตรียมรอบที่สองแล้ว คนที่เห็นคนแรกคือฉันเองเลยรีบเตือน
“มันจะยิงมาอีกรอบแล้ว!”
“แย่ล่ะ!”
คนคุมพังงาเรือตื่นตกใจรีบหมุนหักไปทางขวาเต็มตัวเลยทำให้เรือหักเลี้ยวเก้าสิบองศา ช่างแจ๊ะที่เป็นกับตันเรือร้องลั่นอย่างโมโห
“ใครใช้ให้แกหันข้างเรือรับลำแสงพิฆาตนั่นวะ!”
“ขะขออภัยครับ เดี๋ยวผม—”
เจ้าตัวคนคุมพังงาสำนึกแล้วจะหักกลับแต่ไม่ทันเสียแล้ว ลำแสงบีมยักษ์จากกินซ่าถูกยิงมาอย่างแม่นยำ อีกไม่กี่วินาทีจะถูกกลางเรืออย่างจัง
ไม่ยอมให้เป็นแบบนั้นหรอก!
ไม่รู้ว่าตัวเองบ้าดีเดือดอะไรถึงได้ออกตัววิ่งไปย่อเข่าลงเล็กน้อยแล้วตั้งแขนซ้ายรับลำแสงบีมยักษ์เอียงขึ้นนิดหน่อย พอบีมจะเข้ามาถึงก็มีโล่สีฟ้าทรงกลมขึ้นตรงหน้าแขนซ้ายตามที่คิด ลำแสงที่สมควรทำลายเรือกลับถูกเบี่ยงขึ้นฟ้าและเรือที่รับแรงกระแทกที่ถูกส่งผ่านมาจากตัวฉันอีกทีลอยถอยหลังออกไปพอสมควร
ระระระรับการโจมตีตะกี้ได้ด้วย...แต่แขนซ้ายร้อนชะมัด
ฉันค่อยๆ ลุกขึ้นอย่างงุนงงแล้วหันหลังเห็นสีหน้าทุกๆ คนบนเรือที่ต่างคนต่างมองฉันราวกับว่าเป็นปีศาจตัวจริง
ก็เข้าใจอยู่นะ...ฉันเองก็ยังอึ้งกับตัวเองเหมือนกัน
ทำไมรู้สึกหวิวๆ ชอบกล ขอเอาหลังพิงราวเรือหน่อยนะ
ฉันเอนหลังเล็กน้อยก่อนที่จะผงะเพราะมันไม่มีราวที่ว่านั่นแล้ว (หายไปกับบีม) แต่ยังมีสติเหลือบ้างเลยใช้มือซ้ายจับขอบเรือห้อยอยู่กลางอากาศและคนที่โผล่หน้ามาเป็นคนแรกก็คือยูกะ เธอยื่นอีกมือมา
“จับไว้!”
เปล้ง!?
ฉันตั้งใจจะยกมือขวาขึ้นไปจับแต่ได้ยินเสียงแตกคล้ายแก้วที่ข้างหูซ้ายก่อน...คริสตัลที่อยู่ในต้นแขนซ้ายกำลังแตกเป็นเสี่ยงๆ ความรู้สึกที่ควบคุมแขนซ้ายได้หายไป ทั้งเรือและยูกะดูเหมือนลอยสูงขึ้น
ร่วงอีกแล้ว!!
“อ๊าก!”
ยังดีที่มีหลังคารองรับอยู่และตกไม่สูงมากด้วยเลยฟื้นตัวลุกขึ้นได้ไว แต่แขนซ้าย...ใช้การไม่ได้แล้ว
“ยูกะ!”
เสียงห้ามของสัสดีดังขึ้นเหนือหัว ซึ่งเป็นการห้ามไม่ให้เอลฟ์สาวกระโดดตามฉันลงมาแต่ห้ามไม่ทัน พอใกล้ถึงร่างกายเธอค่อยๆ หล่นช้าลงอย่างสวยงามด้วยเวทมนต์มาอยู่ข้างฉันแล้วมีเสียงจากช่างแจ๊ะตะโกนลั่น
“เวรแล้ว! เจ้ายักษ์นั่นจะยิงบีมแล้ว! ขับหนีก่อน!”
“แล้วสองคนนั่น—” เรย์ลี่ว่า
“ไว้ก่อน! เดี๋ยวกลับมารับ!”
กับตันเรือออกคำสั่งเด็ดขาดเลยออกตัวจากไปกับพยายามหลบบีมของกินซ่าไปด้วยและเหมือนมองเห็นเรย์ลี่ทำหน้าร้องไห้อยู่ไกลๆ
“คุณเฟลิกซ์...คือ...มีเรื่องจะบอกค่ะ”
ยูกะเอ่ยเสียงต่ำแล้วยื่นบางอย่างที่ทำให้ตะลึง
คริสตัลสีรุ้ง...
ฉันเงยมองหน้ายูกะหาคำตอบและแน่นอนว่าเธอยอมพูด
“ฉันสลับของคุณกับของทั่วไปที่ทาสีเอาคะ...ที่ทำไปเพราะความโลภของฉันเอง”
เธอไม่ยอมให้ฉันตั้งคำถามชิงตอบก่อนแล้วยัดคริสตัลสีรุ้งใส่ต้นแขนซ้ายฉันเลยและพอแขนซ้ายทำงานได้มันรู้สึกว่าแตกต่างกว่าอันก่อนมาก...หลายสิบเท่าหรืออาจจะร้อยเท่า
“มันเป็นนิสัยเห็นแก่ได้ที่ซ่อนอยู่ลึกในตัวฉัน...ต้องขอโทษจริงๆ ด้วย”
“ยะ—”
ฉันว่าจะต่อว่าหล่อน...แต่เพราะสถานการณ์ตอนนี้มันไม่ชวนอยากทำแบบนั้น...เลยทำสิ่งที่น่าจะดีกว่า
“คุณยูกะ พอนึกวิธีโค่นมันได้หรือเปล่า”
“แขนซ้ายของคุณ...น่าจะได้มั้งค่ะ”
“ไม่หรอก เจ้านี้ไม่ได้มีผลักเจาะทะลวงคริสตัลได้...คือลองก่อนหน้านี้แล้วน่ะ แต่ถ้ารับการโจมตีตะกี้น่าจะได้อยู่”
“งั้นฉันเองก็จนปัญญาค่ะ” ยูกะยอมแพ้ “ถ้าพื้นฐานของสิ่งนั้นไม่ใช่แกนกลางคริสตัลล่ะก็...เวทมนต์ทั่วไปน่าจะได้ผล”
“แล้วหอกตะกี้ล่ะ...”
“อย่างที่เห็นค่ะ ถึงจะสร้างความเสียหายได้แต่มันก็ฟื้นกลับคืนได้รวดเร็ว”
“ไม่ๆๆ ฉันจะเข้าไปอัดร่างจริงของกินซ่า”
“ร่างจริง?” ยูกะเอียงคอ
“มันอยู่ตรงกลางอกเจ้านั่นไง เธอไม่เห็นมันหรอ? บนเรือฉันบอกไปรอบหนึ่งแล้วนะ”
พอถูกถามแบบนั้นยูกะส่ายหัว ฉันหันไปมองกินซ่ายักษ์อีกครั้งถึงเข้าใจ
“อยู่ไกลเกินไปที่จะเห็นสินะ”
“ถ้าเป็นอย่างที่คุณว่า...น่าลองเสี่ยงดู ใช้หอกนั่นยิงใกล้ๆ ตรงจุดตาย...” ยูกะพูดตามที่คิดออกมาเรื่อยๆ “ไม่สิ หอกผู้กล้านั่นเท่าที่รู้มา...คนที่ใช้ได้ต้องเป็นคนที่ได้รับการยอมรับจากมัน”
“ยอมรับ? จากมัน?”
“เหมือนอาวุธจะเลือกเจ้านาย ถ้าไม่ใช่ผู้ถูกเลือกมันจะเป็นแค่หอกธรรมดา”
“ชิ...เรื่องมากซะจริง ถ้างั้น...เรย์ลี่เป็นคนเดียวที่ใช้ได้?”
“ค่ะ เราต้องช่วยตามหาหอกแล้วนำไปให้เรย์ลี่ ชี้จุดตายให้เธอยิงใส่ค่ะ...แยกกันหานะคะ”
“อ่าอือ”
ยูกะวิ่งออกตัวเดินไต่ตามหลังคาตัวเบาตามทักษะของเอลฟ์ ฉันเองก็เริ่มออกวิ่งมองหาเหมือนกันและค้นพบว่าตัวเองตัวเบากว่าที่คิด กระโดดได้สูงพอสมควรและคล่องแคล่วกว่าเดิมเยอะขึ้น อันที่จริงมันเริ่มมีสังเกตให้เห็นได้ตั้งแต่ตกจากเรือบินรอบแรกแล้ว
เพราะคริสตัลของมาเรียงั้นหรอ?
“เดี๋ยวดิฉันช่วยมองทางซ้ายให้นะคะ”
จู่ๆ ร่างเรือนลางของมาเรียปรากฏขึ้นอีกรอบ เธอลอยตัวเบาอย่างกับวิญญาณมองทางซ้ายเป็นลูกตาที่สามให้ฉัน
“มาเรีย!? ภาพหลอนอีกแล้ว?”
“ไม่ใช่ค่ะ!” มาเรียว่างั้น “ตอนแรกก็คิดๆ อยู่เหมือนกัน แต่มันไม่ใช่แน่นอน! ไม่รู้เพราะอะไรแต่ว่าตอนนี้มาช่วยหาหอกผู้กล้านั่นก่อนดีกว่าค่ะ”
“อือเห็นด้วย”
เรื่องเหตุผลช่างก่อนล่ะ!
ต้องหามันเจอให้ได้ หอกยิงบีมนั่น!
◊◊◊
[สิบห้านาทีต่อมา]
“เรย์ลี่! เจ้าผู้หญิงไซบอร์กนั่นเป็นใครกัน? ทำไมถึง...ต้านพลังขนาดนั้นได้?”
ช่างแจ๊ะถามเรย์ลี่ที่นอนอยู่ข้างๆ ตอนนี้ทุกคนบนเรือแทบจะหมอบหลบกับพื้นกันหมดยกเว้นคนบังคับพังงาเพื่อหลบบีมจากปีศาจยักษ์ที่กำลังไล่ยิงเฉียดหัวบ่อยๆ
“เพราะเป็นท่านพี่ของเรย์ลี่ไงละ!”
เรย์ลี่ตอบด้วยสายตาเปล่งประกาย ซึ่งนั่นไม่ได้ช่วยให้เข้าใจอะไรขึ้นมาเลย
“ขอเข้าใจง่ายกว่านี้ได้ไหม?”
“ท่านพี่ชื่อว่าเฟลิกซ์ค่ะ เป็นคนที่มาตามคำทำนายแต่ดันไม่ถูกต้องตามสเปคเลยโดนพวกเอลฟ์กับเฟธล่าค่าหัวไงคะ”
“อ๋อ...ไอ้ที่ทำให้เกิดสงครามกลางทวีปนั่นหรือ? ได้ข่าวว่าเป็นผู้กล้าปลอมจอมแล้วทำไมถึงต้องประกาศจับ—” ระหว่างช่างแจ๊ะพูดก็เริ่มคิดได้ “อ๋อ...ข้าเข้าใจล่ะ พลังนั้นถ้าได้ครอบครองล่ะก็...”
“ไม่ๆๆๆ ไม่ใช่แบบนั้น!” เรย์ลี่เถียง “เจ้าพวกนั้นไม่รู้พลังที่แท้จริงของท่านพี่หรอก! เห็นว่าเอาไปเป็นเงื่อนไขทางการเมืองกับสงครามเฉยๆ”
“เหอะ เสียดายของแท้ๆ”
“ท่านพี่ไม่ใช่สิ่งของ” เรย์ลี่ตอบอย่างหนักแน่น
“แต่แขนซ้ายเหล็กนั้นเป็นจักรกลเป็นสิ่งของ เดี๋ยวถ้าได้เจออีกรอบต้องถามหน่อยแล้วว่าได้มาจากใคร จะไปขอซื้อแบบแปลน”
“เสียเวลา แขนซ้ายเทพของท่านพี่มันติดตัวตั้งแต่โผล่มาจากเกทแล้ว”
“หา!? มีเรื่องพันนั้นด้วย? ไซบอร์กตั้งแต่กำเนิด...เป็นไปได้ยังไง?”
“เป็นไปแล้วค่ะ! เห็นเองสองลูกตายืนยันคอมเฟิร์มได้เลย!”
เรย์ลี่ตอบอย่างมั่นใจ สัสดีคลานเข้ามาใกล้พอดี
“เรย์ลี่! รีบๆ จำให้ได้ว่าทำหอกตกไว้ตรงไหน!?”
“ขอบอกตามตรงเลยนะ! จำไม่ได้แล้วค่ะ!”
คำตอบของเธอไม่ได้ช่วยอะไรดีขึ้นมาเลย ช่างแจ๊ะที่โผล่หน้าดูกินซ่าตะโกนเตือนทุกคน
“มันจะยิงมาอีกรอบแล้ว!”
◊◊◊
“ทางนี้ค่ะคุณเฟลิกซ์!”
“เจอแล้วหรอ?”
“ค่ะ เจอแล้ว!”
มาเรียลอยตัวคล้ายวิญญาณมาบอกแล้วนำทางฉันไปยังซอกซอยหนึ่ง หอกที่ยิงบีมได้อยู่ท่ามกลางกองขยะ ฉันเก็บมันขึ้นมาด้วยมือซ้ายแล้วอยู่ดีๆ ตัวหอกเปล่งแสงออร่าสีฟ้ารอบตัวมัน
อะไรเนี่ย!?
“โอเคได้มันล่ะ ต้องรีบเอาไปให้เรย์ลี่ที่เรือบินนั่น...ตอนนี้พอรู้เปล่าว่ามันบินไปทางไหน มา—ยูกะ!?”
คนที่น่าจะอยู่กลับหายไป แต่เห็นยูกะกำลังวิ่งมาทางนี้พอดีแทน
คงเป็นภาพหลอนจริงๆ นั่นแหละ
คนที่วิ่งมาหาตาโตเมื่อเห็นฉันถือหอกอยู่ ฉันเอ่ยขึ้น
“คุณยูกะ! กลับเรือบินกันเถอะค่ะ!”
“เดี๋ยว...ทำไมหอกมัน...”
น้ำเสียงยูกะเต็มไปด้วยความแปลกใจ เธอยืนพิจารณาอยู่สักพักแล้วทำหน้าเข้าใจเดินเข้ามาจับบ่าทั้งสองข้าง
“เฟลิกซ์...บางทีเธออาจจะใช้มันได้”
“ห๊ะ!?”
“หอกผู้กล้ามันมีปฏิกิริยากับเธอนะ เฟลิกซ์” ยูกะพูดอย่างจริงจัง “ตอนนี้กินซ่าตัวยักษ์นั่นถูกเรือบินเบี่ยงเบนความสนใจอยู่ ถ้าเธอแอบเข้าไป—”
“ไม่ๆๆๆๆๆๆๆ”
ฉันปฏิเสธทันควัน ยูกะข่มตาถอนหายใจแล้วร้องขอฉันอีกครั้ง
“ได้โปรดเถอะ...ตอนนี้ฉันไม่เห็นวิธีเอาชนะเจ้านั่นนอกจากตัวเธอแล้วนะ เฟลิกซ์”
“แต่ฉันเป็นผู้กล้าจอมปลอมนิ?”
“งั้นใช้โอกาสนี้เปลี่ยนคำสบประมาทนั่น...จงเป็นผู้กล้าเถอะ”
ผู้กล้า...
ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่านี่เป็นเกมที่พระเจ้าสร้างขึ้นมาหรือไม่ แต่ตอนนี้เรื่องพวกนั้นแทบไม่มีผลกับการชั่งใจเรื่องนี้แม้แต่น้อย ฉันถอนหายใจอย่างหนักก่อนที่จะตอบไป
“เฮ้อ...ถ้าฉันจัดการกินซ่าได้ ทำลายบาเรีย ทุกๆ คนออกจากเมืองที่กำลังล่มสลายนี้ได้ ฉันก็จะทำ!”
“เหมือนจะเห็นดวงตาที่ลุกโชนจากคุณเลย” ยูกะส่งยิ้ม
“ช่างเถอะ...แต่อยากขอร้องให้คุณมากับฉันได้ไหม ไปด้วยกัน...ฉันไม่มีความมั่นใจแม้แต่น้อยเลยว่าจะเข้าถึงตัวกินซ่าได้ยังไงถ้าไม่มีคนช่วย”
เป็นการขอร้องเอาแต่ใจของฉัน แต่ยูกะพยักหน้ายอมรับอย่างรวดเร็ว
“เป็นเกียรติอย่างยิ่งค่ะ ได้ผจญภัยกับผู้กล้าถือว่าเป็นประสบการณ์ที่หาไม่ได้...อีกทั้งอยากชดใช้เรื่องแอบสับเปลี่ยนหินคริสตัลของคุณด้วย”
เธอมองมาที่ต้นแขนซ้ายจักรกล ฉันอยากจะถามเกี่ยวกับเรื่องนั้นให้มากขึ้นแต่มันยังไม่ใช่เวลานี้
หอกนี่...มันใช้ยังไงนะ?
ฉันจับหอกชี้ไปยังกำแพงใกล้ๆ
“บีม!”
มีลำแสงที่ปลายหอกก่อตัวขึ้นแล้วพุ่งออกไปทันทีแต่มันค่อนข้างเล็กกว่าที่เรย์ลี่มาก ความเสียหายเลยมีแค่ทำให้กำแพงเป็นรูเล็กน้อย ยูกะเห็นเป็นแบบนั้นแล้วแจงเกี่ยวกับวิธีใช้
“ก่อนที่จะปลดปล่อยพลังออกไป ลองจินตนาการว่ากำลังรวบรวมพลังก่อนค่ะ”
รวบรวมพลัง...คงเหมือนกับตอนที่ใช้พลังจิตชาติที่แล้วแน่ๆ
ฉันคิดอย่างงั้นก่อนที่จะยกหอกชูขึ้นฟ้า
ชาร์จ!
ละอองสีฟ้าที่ผุดขึ้นจากความว่างเปล่าและตัวหอกเองเริ่มไหล่มารวมกันที่ปลายหอก พอมันรวมตัวกันได้ประมาณหนึ่งก็ปลดปล่อยมันออกไป
“บีม!”
ลำแสงพิฆาตที่ถูกปล่อยขึ้นฟ้าไปนั้น ฉันไม่แน่ใจว่ามันใหญ่กว่าของเรย์ลี่ที่ทำได้หรือเปล่า แต่เท่ากับว่าฉันรู้วิธีใช้มันแล้ว
“รีบไปกันเถอะค่ะ บูสต์!”
ยูกะร่ายเวทย์บางอย่างใส่ตัวฉันแล้ววิ่งลากออกไปด้วยความเร็วที่สูงกว่าปกติ แต่ที่น่าแปลกใจก็คือเท้าฉันก็วิ่งไวขึ้นมากเช่นกัน
เวทย์เสริมพลังขา!?
อีกไม่กี่นาทีต่อมา...กินซ่าร่างยักษ์ที่กำลังไล่ยิงบีมใส่พวกเรือบินทั้งสามลำอยู่ข้างหน้าไม่ถึงสองร้อยเมตรแต่พื้นดินข้างหน้ากลับไม่มีแล้ว ก้มหน้าลงไปเจอแต่ความมืดมิด เงยหน้ามองเลยออกไปพบกับฐานคริสตัลขนาดใหญ่กว่าห้าสิบเมตรที่ลอยตัวกลางอากาศแบกตัวกินซ่าไว้
“จะไปยังไงเนี่ย!?”
“ฉันใช้เวทย์ติดปีกได้แค่กับตัวเองด้วย”
ยูกะเอ่ยอย่างเจ็บใจ ฉันพยายามมองหาจุกพลิกพันไปเรื่อยๆ จนเจอบางอย่าง
“คุณยูกะ...พอที่จะเบี่ยงเบนความสนใจไม่ก็สร้างควันปิดหน้ากินซ่าได้หรือเปล่าคะ”
“เอ๋!? ก็ได้อยู่...จะทำ—”
“เกาะฉันไว้แน่นๆ นะ!”
ฉันเอาหอกไปถือมือขวาและรวบเอวเธอไว้ด้วยแล้วยกแขนซ้ายจักรกลเล็งไปที่หัวไหล่ขวากินซ่ายักษ์แล้วสั่งให้มือมันพุ่งไปเกาะตรงนั้นแล้วดึงตัวเองเข้าหา พื้นที่ยืนอยู่เมื่อครู่พังทลายลงสู่โลกเบื้องล่างพอดี พอใกล้จะถึงก็ดึงมือกลับไป ยูกะที่รู้แล้วว่าฉันจะทำอะไรเริ่มใช้เวทมนต์ติดปีกสีเขียวใสให้กับตัวเองแล้วพาฉันลอยข้ามไหล่กินยักษ์
“เอาเลย!”
“ซอร์ดวิงค์! (Sword Wild)”
รอบตัวยูกะมีลมต่อตัวเป็นรูปดาบเกินร้อยเล่มโจมตีใส่ส่วนใบหน้าของกินซ่ายักษ์จนเกิดควันโขมงและคนโดนร้อง
“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!”
ส่วนฉันที่ตัวกลับหัวกำลังดิ่งสู่ใต้โลกยกแขนซ้ายเล็งไปข้างหน้ารอเวลาที่ตัวเองกำลังร่วงหล่นไปเรื่อยๆ จนถึงช่วงกลางหน้าอกของกินซ่ายักษ์พอดี รีบยิงมือซ้ายไปเกาะแล้วดึงตัวเองให้ใกล้ร่างจริงของกินซ่าที่อยู่ใต้คริสตัลยักษ์สีฟ้านี่ ง้างหมัดซ้ายจักรกลแล้วอัดเข้าเต็มแรง ชิ้นส่วนคริสตัลพังกระจายมันแรงกว่าและพังได้เยอะกว่าครั้งก่อน บัดนี้ร่างจริงของกินซ่าอยู่แค่เอื้อม ฉันใช้หอกที่ถืออีกมือแทงเข้ากลางท้องของเธออย่างจัง
ชาร์จ!
แน่นอนว่าฉันเริ่มรวบรวมพลังพอดี กินซ่าร่างจริงที่ได้สติพยายามตั้งคอขึ้นดูฉันและพูดทั้งที่ปากเต็มไปด้วยเลือด
“กะกะกะแก...คิดว่า...จะฝืนชะตาที่พระเจ้า...โดยที่ไม่มีข้างั้นหรือ”
สิ่งที่เธอพูดมานั่นทำให้ฉันชะงักไป
“หมายความว่าไง!?”
“ทั้งแกและข้า...ต่างมีออร่าที่สามารถกำหนดชะตากรรมตัวเองและคนอื่นได้...แต่แกเลือกฆ่าข้าให้เสียเปล่า ทั้งๆ ที่ข้าน่าจะดูดออร่านั่นมาเสริมตัวข้าแท้ๆ”
ไม่เข้าใจกับเรื่องที่ยัยนี่พูดเลย
“คิดว่ามันจะช่วยให้ทุกคนรอดพ้นฟอร์ดาวน์ครั้งนี้หรือ...แกมันเป็นไอ้โง่!”
“เออ! ฉันมันไอ้โง่ ตายๆ ไปซะเถอะ! บีม!”
ตูม!!!
ในที่สุดร่างจริงของกินซ่าก็หายไปพร้อมกับลำแสงพิฆาตที่ใหญ่กว่าเดิมเกือบร้อยเท่าประชิดตัว...ร่างยักษ์ของกินซ่ากำลังแตกหัก บาเรียยักษ์ที่ปิดขังทั้งเมืองไว้สลายหายไป ยูกะที่ใช้เวทย์ติดปีกกับตัวเองบินเข้ามาพาตัวฉันออกไปและยังดีที่ฉันเก็บหอกมาด้วย
“ทำสำเร็จแล้วนะ”
“อือ...”
ทำไมไม่รู้สึกยินดีเลยแฮะ
ไม่นานนักก็มาถึงเรือบินที่พวกสัสดีอยู่ ทุกคนต่างมองฉันที่ถือหอกผู้กล้าที่เปล่งแสงยอมรับผู้ใช้อยู่
“เป็นท่านพี่...เองหรอ? ไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ”
เรย์ลี่เดินเป้เข้ามาหา
“ก็คงงั้น”
“เดี๋ยวๆ ทำไมหอกนั่นถึง...”
ช่างแจ๊ะตาตื่นถามเพราะหอกผู้กล้าที่ฉันอยู่มันเปล่งแสง เรย์ลี่กอดฉันข้างตัวแล้วจึงบอก
“ก็อย่างที่เห็นแหละช่างแจ๊ะ หอกผู้กล้าสองร้อยปียอมรับในตัวท่านพี่แล้ว!”
“เธอเป็นผู้กล้าจอมปลอมไม่ใช่หรือไง?”
จู่ๆ ช่างแจ๊ะบอกแบบนั้นทำให้บรรยากาศอึมครึมขึ้นมา ยูกะเห็นท่าไม่ดีเลยบอกให้กระจ่าง
“แล้วสิ่งที่ทุกคนเห็นคืออะไรคะ? เธอทำลายปีศาจยักษ์นั่นได้ด้วยหอกผู้กล้าที่มีแต่ผู้ที่มีจิตใจกล้าหาญเท่านั้นถึงจะใช้มันได้...พวกคุณเห็นเฟลิกซ์เป็นใครกันล่ะ”
“ผู้กล้า...”
“ใช่ๆ ผู้กล้ากำเนิดใหม่แน่ๆ”
“ผู้กล้ากลับมาแล้ว!”
หลังจากนั้นหลายเสียงยกย่องเชิดชูตามมามากมายและพากันยกมือดีใจ
ดีนะที่ไม่คุกเข่า…แต่ฉันมีจิตใจที่กล้าหาญจริงๆ งั้นหรอ...
ฉันตาตกแล้วเห็นเรย์ลี่ก็นึกอะไรออก
“เรย์ลี่!? แล้วเธอล่ะ...ใช้หอกนั่นได้ไม่ใช่หรือไง?”
“อ๋อ...เรย์ลี่เป็นแค่ผู้ดูแลมันน่ะ ใช้พลังจากหอกนั่นได้ไม่มากหรอกค่ะ ไม่เหมือนท่านพี่ที่ดึงใช้พลังได้มากขนาดนั้น”
“งั้นหรอ...”
พอเงยหน้ามองดูผู้คนรอบตัวบนเรืออีกครั้ง...สายตาพวกเขาต่างมีความหวัง
เผลอเดินมาเส้นทางผู้กล้าจนได้…มาเรีย!?
ฉันเห็นร่างจางๆ ที่เป็นมาเรียอยู่ใกล้ๆ กำลังยิ้มให้ ซึ่งไม่มีใครเห็นเธอเลยนอกจากฉัน
ภาพหลอนอีกแล้ว...มาแสดงความยินดีงั้นหรอคะ
“ยูกะ...มองหาอะไรหรือ”
สัสดีถามยูกะที่หันซ้ายขวาเหมือนสัมผัสอะไรบางอย่าง
“ขออนุญาตใช้เวทย์นะคะ...จงแสดงเจตจำนงที่แท้จริง แปรเปลี่ยนวิญญาณเป็นกายา! อิมเมจจิ้นเบรก! (Imagine Break)”
ยูกะแบมือทั้งสองอยู่ในระดับหน้าอกแล้วร่ายเวทย์ยาว จู่ๆ มีออร่าสีเขียวกระจายไปทั่วเรือจากตัวเธอ ฉันกำลังสงสัยว่าเธอกำลังทำอะไรกันแน่แต่ได้คำตอบเมื่อเรย์ลี่ผละตัวออกไปเดินไปทางคนๆ หนึ่งที่ไม่น่ามีใครเห็น
“มาเรีย!? ธะเธอกลับมาแล้ว!?”
“เอ๊ะ!? เห็นฉันด้วย!?” แม้แต่ตัวมาเรียเองก็ยังแปลกใจ
“มาเรียจริงๆ ด้วย...เอ๊ะ!?”
เรย์ลี่จะวิ่งเข้าไปกอดแต่กลับจับตัวมาเรียไม่ได้เลยราวกับว่าเธอเป็นวิญญาณ
อ้าว...ไม่ใช่ภาพหลอนหรอ!?
ฉันตกใจก่อนที่จะหันไปถามยูกะ
“ทำไมถึง—”
“ฉันสัมผัสถึงพลังมานาแปลกๆ มาสักพักแล้วค่ะ เลยใช้เวทย์เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงออกมา”
“งั้นมาเรียก็ยังไม่ตาย!?”
ดูเหมือนเป็นคำถามที่มีความหวังจากตัวฉัน เรย์ลี่หันมาฟังคำตอบด้วยเช่นกันซึ่งเธอไม่สบตาฉันแม้แต่น้อย
“...เรื่องนั้น...”
“ฉันกำลังจะตายจริงๆ ใช่ไหมคะ”
มาเรียพูดแล้วก้มมองตัวเอง เธอไม่มีเท้าแล้วเหลือแต่หัวเข่าที่กำลังกลายเป็นละอองฝุ่น ร่างเธอกำลังสลายหายไปอย่างช้าๆ เรย์ลี่ที่ดูจะเป็นคนที่รับกับเรื่องตรงหน้าไม่ได้มากที่สุดเป็นครั้งที่สองเอามือกุมหน้าอย่างสั่นกลัวราวกับไม่อยากเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง ปากที่สั่นระรัวค่อยๆ สะกดคำออกมา
“อย่า...หาย...ไป...นะ”
“ในที่สุดก็ได้โอกาสพูดแล้วสินะคะ” มาเรียยังคงยิ้มเหมือนแม่ชีมาโปรด
“อย่าพูด...แบบนั้น...นะ”
“เรย์ลี่ค่ะ...ต้องขออภัยด้วยที่อยู่ให้ชดใช้หนี้ชีวิตอีกต่อไป”
“ไม่...ไม่ เธอจะต้องตายตามที่ฉันสั่งเท่านั้นสิ...เธอสัญญาแบบนั้นแล้วไม่ใช่หรอ”
“...งั้นดิฉันกลายเป็นคนเลวที่ผิดสัญญากับคุณจนได้นะคะ”
“ได้โปรด...เรย์ลี่ยกโทษให้ก็ได้นะ! ไม่สิ...เรย์ลี่ยกโทษให้ตั้งนานแล้วต่างหาก! อย่าจากไปนะ...เรย์ลี่อยากถูกมาเรียดุต่อไปเรื่อยๆ นะ”
“เคยบอกแล้วไม่ใช่หรือคะ...เรื่องที่ดิฉันทำให้คุณเกือบตายเพราะทิ้งคุณไว้คนเดียวในดันเจี้ยน ดิฉันไม่มีวันให้อภัยตัวเองเด็ดขาด”
“หยุดพูดแบบนั้นสักทีเหอะ!”
เรย์ลี่สุดจะทน...เธอเงยหน้าขึ้นพบว่าร่างมาเรียหายไปจนเหลือแค่ส่วนครึ่งบนแล้ว น้ำตาเรย์ลี่ไหลพรากออกมา ฉันที่ยืนดูอยู่ก็อดเศร้าตามไม่ได้
“เรย์ลี่...ได้โปรดเข้มแข็งต่อไปนะคะ” มาเรียว่าเสร็จก็หันมาทางฉัน...เอามือที่ใครจะสลายหายไปมาแตะตรงคริสตัลกลางอกฉัน “คุณเฟลิกซ์ค่ะ ฝากดูแลเรย์ลี่ด้วยนะ เธออาจจะดื้อบ้าง แต่ฉันก็เชื่อในตัวคุณ...ดิฉันจะคอยให้กำลังอยู่ในนี้นะคะ”
และนั่นก็เป็นคำพูดสุดท้ายของมาเรียก่อนที่จะตามด้วยเสียงร้องครวญครางของเรย์ลี่ มันเป็นอีกด้านหนึ่งของเธอที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน สัสดีเดินเข้ามาแทรกระหว่างตัวฉันและยูกะ
“ความสามารถอย่างสุดท้ายของคริสเมน”
“ใช่ค่ะ...ถึงยังไม่มีหลักฐานยืนยันแน่ชัด แต่กล่าวกันว่าวิญญาณที่ถูกก่อด้วยพลังสุดท้ายของคริสตัลของคริสเมนเพื่อการบอกลาสั่งเสียครั้งสุดท้ายด้วยความรัก”
พลังคริสตัล...
ฉันเอามือกุมหน้าอกที่มีแท่งคริสตัลของมาเรียอยู่แล้วกุมมันแน่นขึ้นเรื่อยๆ
มาเรีย...ฉันจะไม่ทำให้การเสียสละของเธอสูญเปล่าอย่างแน่นอน
ต่อไปนี้ฉันจะอยู่ข้างเรย์ลี่เอง…
เรือบินทั้งสามลำต่างแล่นไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เมืองบาลาสและแม่น้ำคริสตัล ณ เบื้องล่างพวกเขาต่างกำลังล่มสลายสู่เบื้องล่างโลกที่มืดมิด มันกลายเป็นโศกนาฏกรรมอย่างใหญ่หลวงที่ทุกคนทุกเผ่าพันธุ์ทั่วทวีปต่างพูดถึง
◊◊◊
ช่วงคุยกับไรท์เตอร์
จบลงไปแล้วสำหรับ Ch.16 ของเรื่อง CrystalFall: Fake/Brave นะจ๊ะ
ในที่สุดก็จบบท [แกนกลางคริสตัล] สักที...ซึ่งมันไม่ได้หมายถึงคริสตัลอันใหญ่ที่ค้ำจุนยกแผ่นดินลอยฟ้าไว้
แต่เป็นแกนกลางคริสตัลหัวใจของมาเรีย...ซึ่งเธอจากไปดีซะแล้ว (คนอ่านคงนึกว่าจะไปตั้งแต่ตอนที่แล้ว ฮ่าๆ)
กินซ่าที่กลายเป็นปีศาจยักษ์ก็ถูกอาวุธหอกของผู้กล้าสองร้อยปีที่เรย์ลี่อัญเชิญมาแล้วถูกเฟลิกซ์ใช้มันจัดการไป แต่คำพูดปริศนาที่กินซ่าทิ้งไว้มันคืออะไรกันแน่นะ?
และในที่สุดก็ได้หินคริสตัลสีรุ้งของตัวเองคืนมาสักที ส่วนเหตุผลที่ยูกะเอาไปนั้นมีบอกอ้อมๆ หลายตอนที่แล้วแต่เดี๋ยวในอนาคตจะมีการพูดคุยเรื่องนี้กันอีกที
พลังที่เฟลิกซ์ได้มาจากมาเรียนั้นเธอกลายเป็นพวกเหนือมนุษย์ไปเรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่รู้ว่าจะใช้เวทมนต์ตามที่มาเรียบอกไว้ได้หรือไม่?
เส้นทางผู้กล้าของเธอนั้นได้ถูกเปิดออกแล้ว
ต่อไปนี้ชีวิตเธอจะเป็นยังไงต่อไป เรย์ลี่จะหายโศกเศร้ากับการจากไปของมาเรียหรือไม่?
โปรดติดตามตอนต่อไปที่มีชื่อว่า
บทลง—
Stop! ขอคั่นตอนด้วยเรื่องสำคัญก่อนนะ :P
ระหว่างที่เกิดเรื่องที่เมืองบาลาสนั้น ที่สถาบันบาลาสก็มีเกิดเรื่องบ้างอย่างขึ้น
ไม่ใช่พวกรอน บาร์เบสหรือครินซัง
แต่เป็นอีกหนึ่งคนที่มาจากต่างโลกเช่นเดียวกันกับเฟลิกซ์ มีชื่อตอนว่า!
จอมมารที่เปลี่ยนไป
ถ้าชอบก็ Comment ให้กำลังใจกันบ้างเน้อ 1 Comment เท่ากับล้านกำลังใจเลย ฮ่าๆ
คริสตัลฟอร์: เฟค/เบรฟ
แกนกลางคริสตัล 5 - [จงเป็นผู้กล้า!]
◊◊◊
“แผ่นดินไหวอีกแล้ว! เวรเอ้ย!”
“เรย์ลี่! เรียกเจ้าพวกนั้นมาแล้วใช่ไหม?”
“เรียกแล้ว!...ถ้าเห็นลูกไฟเวทมนต์ละนะ”
“โอ้ย! ไอ้ก้อนหินบ้านี่! เมื่อกี้สองคนว่าไงนะ เรียกใครมา?”
“ออกจากรูถ้ำนี้ได้เดี๋ยวรู้เอง!”
“ยูกะ! เด็กใหม่เป็นไงบ้าง?”
“อาการเริ่มทรงตัวแล้วค่ะ!”
“เรย์ลี่เลิกฮีลมาช่วยเคลียร์ทางข้างหน้าหน่อย! บ้านข้างบนนี้มันถล่มปิดทางไว้แน่ๆ”
“ไม่ล่ะ! ขอฮีลต่อได้ไหม? ไม่อยากปล่อยท่านพี่เลย!”
“มาช่วยทางนี้ก่อน! ถ้าออกไม่ได้เดี๋ยวได้ตายกันหมด!”
เสียงเอะอะโวยวายหลายคนเข้าประสาทหูฉันหลังจากได้สติแต่ไม่มีแรงขยับและพูดเลยสักนิด มีเพียงแต่เปลือกตาที่จะลืมขึ้นมาดูว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง
ฉันถูกยูกะแบกแขนขวากับอาเซียแบกแขนซ้ายอยู่…
ที่แคบๆ แบบนี้...เหมือนกับตอนอุโมงค์เล็กขามา…
สัสดีกับเรย์ลี่กำลังพังไม้ที่ปิดทางออก...
แล้วมาเรีย...เธอ...
“พอบอกให้ผลักเมื่อไรก็ผลักพร้อมกัน” สัสดีว่า
“ทำไมไม่ใช่เวทย์ล่ะ?” เรย์ลี่แย้ง
“จะบ้าหรือ? เราเพิ่งถูกกินซ่าดูดมานาเกือบไม่รอด! ถ้ายังมีมานา...ทำแบบนั้นถ้ำจะถล่มใส่หัวเอา...ออกแรงผลักช่วยกัน หนึ่ง สอง สาม ผลักเลย!”
“ย๊าก!”
ในที่สุดทั้งสองคนพังไม้ที่ถล่มปิดทางออกสำเร็จ พากันออกข้างนอกบ้านร้างที่พังไปแล้ว...บ้านในสลัมโดยรอบแห่งนี้มีพังเป็นบางหลัง
ครืนๆๆๆๆ
แผ่นดินไหวเกิดขึ้นอีกครั้ง ตาคนตาประคองตัวไม่ให้ล้มลงเว้นแต่ฉันที่ถูกคนอื่นประคองอยู่ สัสดีหันเงยหน้ามองบนฟ้าอะไรบางอย่าง
“เรย์ลี่...ไหนกำลังเสริม?”
“ป่านนี้ยังไม่มาอีกหรอเนี่ย!? ช่างแจ๊ะเมาเหล้าอู้แน่ๆ...นั่นไง!!”
เรย์ลี่ชี้ฟ้าทางขวา มีบางอย่างคล้ายเรือไม้กำลังลอยตัวลดระดับเข้ามาใกล้เหนือหัวแค่สามเมตรตรงหน้าฉันทำให้เห็นอย่างชัดเจน มันเป็นเรือไม้เสริมเหล็กรูปลักษณ์โดยรวมคล้ายเรือสำเภาโบราณของชาติที่แล้วเพียงแต่สิ่งที่แทนใบเรือนั้นเป็นแผ่นคริสตัลที่เรืองแสงอยู่เหมือนกับใต้ท้องเรือ
เรือบิน?
เมื่อมีเชือกหย่อนลงมา เรย์ลี่ตะโกนบอกคนที่โยนมันลงมา
“เฮ้ยช่างแจ๊ะ! ลงจอดเลยไม่ได้หรือไง? ทางนี้มีคนเจ็บนะ!”
“แหกตาดูมั้งสิว่ามีที่ให้จอดไหม!” มีผู้ชายข้างบนคนหนึ่งตะคอกสวนกลับมา “ทางนั้นใช้เวทย์ยกตัวคนเจ็บขึ้นมาสิ!”
“พวกเราเพิ่งโดนเวทย์ดูดมานาเกือบไม่รอด ไม่มีแรงเหลือพอจะใช้หรอก!”
เรย์ลี่ตะโกนกลับไปทำให้ฉันไม่เข้าใจบางอย่าง
มานาหมด? ทุกคนเนี่ยนะ...มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ จำไม่เห็นได้...
“พวกคุณหาทางขึ้นหลังคาบ้านทางขวามือผมได้ไหม?” คนที่ถูกเรียกว่าช่างแจ๊ะชี้นำไปทางซ้าย “มันสูงพอเทียบท่าได้!”
“โอเค!” เรย์ลี่ตอบรับ
“พลขับ! หันหัวเรือสองนาฬิกาเทียบท่ากับหลังคาบ้านทางซ้าย...พวกแกเตรียมรับคนเจ็บด้วย!”
“เฮ!!”
หลังจากนั้นฉันก็จำอะไรไม่ค่อยจะได้ รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่กำลังจะขึ้นเรือบินพอดี ฉันเอาแขนซ้ายตัวเองเกาะเสากลางเรือไว้ ถึงตรงนี้ฉันมองไกลออกไปเห็นเรือบินอีกสองลำที่กำลังลอยขึ้นจากการรับคนข้างล่าง...ซึ่งรับขึ้นมาไม่หมดด้วย ยูกะเลื่อนตัวเข้ามาถามใกล้ๆ
“เธอควรจะนั่งพักนะ”
“ไม่—”
ไม่ทันพูดจบเรือบินเกิดสั่นไหวพร้อมๆ กับแผ่นดินไหว สัสดีเอ่ยด้วยความแปลกใจ
“ทำไมเรือนี่ถึงได้โคลงเคลง!?”
“ไม่ใช่แค่แผ่นดินไหวแน่!” ช่างแจ๊ะเตือน “ทุกคนหาที่จับไว้เตรียมรับแรงกระแทก! โว้!”
“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!”
เสียงร้องโหยหวนดังกึกก้องสะท้านแผ่นดินราวกับว่าเสียงนั้นมีพลังมหาศาลจนทำให้แผ่นดินเบื้องล่างเริ่มสลายจมลงไปและมีบางอย่างผุดขึ้นมาแทนเป็นคริสตัลที่เกาะตัวกันเป็นรูปร่างผู้หญิงครึ่งตัวขนาดมหึมาถ้าเทียบกับโลกก่อนน่าจะเกือบเท่าครึ่งหนึ่งของสนามฟุตบอล คริสตัลรูปคนเงยหน้ากางแขนทั้งสองที่กว้างใหญ่จนทลายบ้านแถวนั้นจนหมดสิ้นแล้วส่งเสียงกรี๊ดลั่นอีกครั้งแล้วเกิดแรงลมปะทะกับตัวเรือบินทั้งสามลำจนโซเซไปมา
“แสบหูโว้ย!”
“เกาะแน่นๆ ไว้...เฮ้ย! เฟลิกซ์!”
ฉันไม่รู้ว่าใครเป็นคนเรียกฉันเมื่อครู่เพราะตอนนี้ร่างกายมันกำลังร่วงลงสู่หลังคาบ้าน
ใช่...ฉันตกลงจากเรือบิน
“อ๊าก!!”
หลังกระแทกอย่างจังความเจ็บปวดแล่นเข้าทุกส่วน แต่ยังดีที่ตกจากที่ไม่สูงมากนัก
“ท่านพี่!”
เรย์ลี่โผล่หน้าบนเรือบินที่กำลังแล่นออกห่างให้พ้นระยะคลื่นเสียงจากตัวประหลาดยักษ์
โดนทิ้งจนได้...
“ลุกขึ้นสิค่ะ! คุณเฟลิกซ์!”
“มา...เรีย!?”
ฉันหันซ้ายแล้วเห็นร่างมาเรียที่จางจนเกือบมองไม่เห็นกำลังเขย่าตัวฉันอยู่
ภาพหลอนอย่างงั้นหรอ...
“ถ้าไม่ลุกตอนนี้เดี๋ยวตายนะคะ!”
จะตายแล้วเลยหลอนสินะ
“อย่าให้สิ่งที่ฉันทำมันสูญเปล่าสิคะ!”
ประโยคนั้นเรียกสติฉันคืนกลับมา 100%
นั่นสิ..คุณมาเรียอุตสาห์สละชีวิตเพื่อเราแล้วจะตายง่ายๆ แบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด!
กำลังใจเริ่มกลับมาบ้าง ทันใดนั้นรู้สึกได้ว่าที่แขนซ้ายกับกลางอกกำลังเลือดพล่านปล่อยพลังเข้าสู่ร่างกายฉันทำให้มีแรงลุกขึ้นมาดูสิ่งที่ทำให้ฉันตกเรือบินอย่างถนัดตา ตรงกลางอกของคริสตัลคนยักษ์ที่ผุดขึ้นจากใต้ดินนั้นมีร่างกายของคนๆ หนึ่งที่ฉันรู้จักถูกผนึกไว้
“กินซ่า!?”
“เห้อออออออออออออออออออออ มันเกิด...อะไรขึ้น...กับข้า...โอบี”
ร่างกายคริสตัลยักษ์นั้นมองลงมาที่ฉันก่อนที่จะทอดมองรอบตัวอย่างเชื่องช้า
“ทำไม...เจ้า...ตัวเล็กขนาดนั้น...หือออออออออออ ไม่ใช่...ไม่ใช่...”
หล่อนก้มมองดูแขนตัวเอง
“โอ้วววววววววม่ายยยยยยย...ทำไม...ข้าถึงกลายเป็นแบบนี้โอบี!!!!!”
เสียงคำรามดังสนั่นแหวกอากาศจนทำให้เรือบินทั้งสามโซเซอีกครั้ง ตัวฉันเริ่มเดินถอยหลังเพราะเพิ่งเห็นว่าทั้งบ้านและพื้นดินข้างหน้ากำลังถล่มลงไล่มาทางฉันทีละนิด
ทั้งหมดเป็นฝีมือกินซ่ากับตาแก่นั่นหรือเนี่ย!?
แล้วตรงหน้าฉัน...ร่างจอมมารที่สองคนนั้นบอกไว้?
“โอบี! เจ้าอยู่ไหน!”
“หมอนั่นมันตกไปข้างล่างแล้ว!”
ฉันตะโกนบอกคำตอบไปก่อนที่จะรู้สึกตัว
แย่ล่ะ หาเหาใส่หัวแท้ๆ
“หือ!? เจ้าบอกว่าโอบี...ตกขอบโลกไปแล้ว? เดี๋ยวสิ...เจ้าคือที่รักของข้า...ที่โอบีควรจะควักหัวใจของเจ้า...มาเสริมพลังควบคุมแกนกลางคริสตัล...ตอนที่กำลังรวบกับตัวข้านิ?...”
กินซ่าพูดกับตัวเองก่อนที่จะเข้าใจสถานการณ์ที่เป็นอยู่
“โอ้วม่ายยยยยยย...ข้ากลายเป็นตัวประหลาดไปแล้ววววววว”
“เฮ!! เธอน่ะ...ทำไมอยากเป็นจอมมารถึงกับต้องฆ่าหลายชีวิตด้วย!?
ฉันกล้าหาญถามออกไป กินซ่าตอบกลับด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“ข้าพูดไปเจ้าก็ไม่เข้าใจหรอก!! สั่งเสียอะไรก่อนที่จะตายคามือข้าไหม? และช่วยบอกชื่อที่แท้จริงของเจ้าด้วย ข้าจะจำไว้ว่าเป็นเพราะเจ้าถึงทำให้ข้าต้องกลายเป็นเช่นนี้!”
“ชื่อฉันงั้นหรอ...หึ”
ได้ยินแบบนั้นแล้วเริ่มรู้สึกเลือดมันเดินทั่วร่างอีกครั้งก่อนที่จะใช้มือซ้ายจักรกลดึงผ้าคลุมที่ปิดบังตัวไว้ออกไปราวกับตัวเองเป็นตัวเอกหนัง
“ชื่อของฉันคือเฟลิกซ์!!”
“หือ!? นี่เจ้าเป็นไซบอร์กงั้นหรือ...เจ้า...เจ้าเป็นคนเดียวกับที่อยู่ในประกาศจับที่ว่าเป็นผู้กล้าจอมปลอมตามคำทำนายนั่น...เห้!?”
กินซ่าอาการแปลกใจมากจนเปิดช่องว่างเต็มไปหมด ฉันที่รอจังหวะนั้นอยู่แล้วรีบยิงมือซ้ายออกใส่ตรงกลางอกที่มีร่างเดิมของกินซ่าอยู่ ผลก็คือ...
ไม่เป็น...อะไรเลย...
ไม่สิไม่สิ เหมือนจะมีเศษหินคริสตัลหลุดมาหน่อยหนึ่งด้วย...ก็แค่หน่อยหนึ่งจริงๆ
ไงเจ้านางฟ้านั่นบอกว่าแขนซ้ายฉันมีดีที่ทำลายเวทมนต์ได้ทุกอย่างไม่ใช่หรือไง?
ฉันนึกถึงเรื่องที่พูดคุยในห้องต่างมิติหลังปราบเจ้าหุ่นแมงมุมก่อนที่จะถูกส่งวาปกลับ
เวทมนต์...
แย่แล้ว! นั่นมันหินคริสตัลไม่ใช่เวทมนต์นี่หว่า!!
ฉันรีบสั่งให้มือซ้ายดีดตัวกลับมาหาแล้วออกตัววิ่งหนีเท่าแรงที่มี
“เฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟลิกซ์!!”
เสียงลากยาวของกินซ่าดังลั่นตามหลังมาชวนให้สันหลังเสียววูป หลังจากนั้นก็เห็นมือใหญ่ๆ ที่เป็นคริสตัลกำลังง้างลงมาที่ฉันเลยออกตัวกระโดดหลบและคิดไว้อยู่ว่าคงไม่พ้นแน่ แต่แล้วมีบางอย่างแปลกไป
ร่างกายมันเบาผิดปกติ...
กระโดดเมื่อกี้เลยลอยออกไปไกลกว่าที่คิดจนหลบฝ่ามืออรหันต์ได้
โครม!!
“เหวอ!”
แต่แรงปะทะนั้นทำให้ตัวกระเด็นปลิวล้มลงแทนแต่ก็ลุกขึ้นได้อย่างรวดเร็ว
เกิดอะไรขึ้นกับตัวเราเนี่ย...
พอก้มลงดูกลางอกตัวเองที่เสื้อเป็นรูจนเห็นแท่งคริสตัลหกเหลี่ยมกำลังเปล่งแสงสีทองอยู่
นี่ของ...มาเรียสินะ ฉันต้องไม่ให้การตายของเธอสูญเปล่า!
แต่จะให้แก้แค้นตอนนี้มัน...
พอมองดูกินซ่าที่กำลังตั้งหลักใหม่ค่อยๆ เคลื่อนตัวลอยขึ้นกลางอากาศเล็กน้อย ทำลายทุกสิ่งที่กีดขวางแม้แต่แผ่นดินมาทางฉัน
ต่างเกินไป...พลังมันต่างเกินไป ตอนนี้ต้องหนีเอาตัวรอดก่อน!
เมื่อคิดได้เลยกระโดดตัวไปคนละทางกับกินซ่าเพื่อที่จะหนี
“ไม่ปล่อยให้เจ้าหนีไปหรอก!! อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!”
กินซ่าคำรามลั่นท้องฟ้าอีกครั้ง คราวนี้มีโล่บาเรียหกเหลี่ยมสีฟ้าเกิดขึ้นครอบคลุมห่างจากตัวฉันออกไปไม่กี่ร้อยเมตร
เวรละ! โดนขังจนได้! แล้วทำไม...เรือบินพวกนั้นถึงยังไม่บินหนีออกไปอีกล่ะ!?
ถึงแม้มีเรื่องสงสัยแต่ไม่มีเวลาคิดหาเหตุผลมากนัก เป็นเวลากว่าสิบนาทีที่ฉันทั้งวิ่งทั้งกระโดดหนีกินซ่าและทำให้พื้นที่ที่เป็นพื้นที่หายไปทุกที ในที่สุดก็เหลือมุมเดียวที่ยังเหลืออยู่คือทางที่ติดกับแม่น้ำคริสตัล
“ท่านพี่! รีบขึ้นเรือมาเถอะค่ะ”
เรย์ลี่โผล่หน้าจากบนเรือบินทั้งสามที่แล่นเข้ามาใกล้พอดี ฉันใช้มือซ้ายส่งขึ้นไปก่อนที่จะดึงตัวเองขึ้นตามไปโดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าเริ่มใช้ฟังก์ชั่นแขนซ้ายคล่องขึ้นมาก พวกสัสดีที่อยู่บนเรือต่างกู่เข้ามาหา
“เฟลิกซ์! ทำไมเจ้าบ้าระห่ำแบบนั้น!”
สัสดีพูดด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง
ชิ...อะไรของเขาเนี่ย
ตอนนี้อยากจะชกสัสดีสักหมัดแต่มีเรื่องสำคัญกว่าเลยตะโกนถาม
“นี่ทุกคน! เรือบินนี่มันบินผ่านโล่นั่นไม่ได้หรอ?”
“ไม่...มันเป็นโล่มานาที่แข็งแกร่งมาก เว้นแต่ทำลายตัวยักษ์นั่น”
ผู้ชายคนหนึ่งที่เรย์ลี่เรียกว่าช่างแจ๊ะเป็นผู้ชายที่ไว้หนวดเครานิดหน่อยนัยน์ตาสีเหลืองและสวมชุดที่เลาะคราบดำทั้งตัวเดินแทรกเข้ามาบอก ฉันรีบบอกเรื่องที่รู้
“ตรงกลางอกข้างล่างตัวนั้นมันมีร่างเดิมอยู่ค่ะ! ถ้าใช้ของหนักทำลายมันได้น่าจะ...ช่วยเปิดทางได้ คิดว่างั้นนะ...ฉันเองก็ไม่ค่อยแน่ใจ”
ฉันบอกตามที่สันนิฐานไป คนบนเรือที่ไม่ใช่คนรู้จักต่างแปลกใจกับแขนซ้ายฉันที่เป็นจักรกลเป็นอย่างมากก่อนที่เรย์ลี่จะทำบรรยากาศนั้นให้หายไป
“ของหนัก!? อ๋อ...คงต้องใช้ไอ้นั่นแล้วมั้ง หอกนั่น”
“หอก!? มานาเจ้าตอนนี้ไม่น่าจะพอ” สัสดีพูด
“เรื่องนั้นเดี๋ยวให้ช่างแจ๊ะจัดการให้!”
เรย์ลี่หลิ่วตาให้ช่างแจ๊ะที่ยืนเกาหัวกับสิ่งที่เขาต้องทำต่อไป
“เฮ้อ...หาเรื่องให้ใช้ตัวถ่ายมานาจนได้ เดี๋ยวขากลับจะเรียกเก็บค่าคริสตัลกับคลังสถาบันของเธอให้หมดตูด”
“เชิญเก็บได้เต็มที่เลยจ้า! ไม่ใช่เงินเราอยู่แล้ว! ฮ่าๆ”
“เฮ้อ”
ทุกคนบนเรือยกเว้นฉันต่างถอนหายใจหนักราวกับว่ากำลังเจอเรื่องที่หนักใจ ทันใดนั้นข้างตัวฉันมาเรียปรากฏตัวด้วยเรือนร่างที่จางเหมือนผีที่คนอื่นมองไม่เห็น เธอกำลังมองเรลี่ด้วยความเป็นห่วง
นี่ยังเห็นภาพหลอนอยู่หรอเนี่ย...
ฉันเบือนหน้ามองเรลี่ที่กำลังปีนขึ้นไปอยู่หัวเรือแล้วกางแขนออก
“จิตวิญญาณท่านบรรพบุรุษสู่รุ่นต่อรุ่น...อัศวินกายาเวทานุภาพทั้งหลายทั้งมวลจงตอบรับเจตจำนงของฉัน! หอกทำลายล้างของท่านผู้กล้าจงปรากฏขึ้นตรงหน้า!”
สิ้นสุดคำร่ายเรย์ลี่รวบมือทั้งสองมาอยู่ข้างหน้ากลางอกทำคล้ายเหมือนกำลังจับลูกบอล ทันใดนั้นเองตรงใบเรือผ้าสีขาวของเรือเกิดเปล่งแสงสีฟ้าแล้วปล่อยคลื่นมันเข้าตัวเรย์ลี่จนทั้งตัวเธอถูกครอบคลุมด้วยออร่าสีฟ้า ระหว่างมือที่เตรียมท่าไว้มีบางอย่างค่อยๆ หลอมรวมจากความว่างเปล่า มันเป็นหอกยาวที่ดูมีเอกลักษณ์ ร่างกายเธอนั้นเริ่มมีหูและหางแมวปรากฏขึ้นให้เห็นอีกครั้ง
“คำร่ายแบบนั้นมันอะไรกัน เสริมแต่งเองชัดๆ” ช่างแจ๊ะบ่น “แต่ก็เรียกมันออกมาจนได้ อาวุธที่สืบทอดรุ่นต่อรุ่นของหนึ่งในกลุ่มผู้กล้าสองร้อยปีก่อน...หอกทำลายล้างของเอ็กซ์ คนที่ใช้มันได้ตอนนี้มีแต่เรย์ลี่เท่านั้น”
“แหม่ ขอบคุณที่สาธยายให้นะช่างแจ๊ะ!”
“รีบๆ ทำลายเจ้าตัวยักษ์ได้แล้ว!”
“รับทราบข๊า!”
เรย์ลี่เอี่ยวตัวเอามือซ้ายทำท่ารับคำสั่งอย่างกวนๆ แล้วควงหอกรอบหนึ่งก่อนที่จะเอาปลายหอกเล็งไปทางกินซ่าที่อยู่ค่อนข้างไกล
“เอาไปกินซะ! บีม! (Bream)”
เหมือนฉันได้ยินคำศัพท์คุ้นหูจากเรย์ลี่ ปลายหอกเกิดประกายไฟฟ้าหรือประกายเวทมนต์ฉันก็ไม่แน่ใจนักเพราะมันคล้ายๆ กัน ก่อนที่ปลดปล่อยลำแสงสีฟ้าขนาดเท่าตัวเรย์ลี่พุ่งออกไปหากินซ่าถูกตรงไหล่ขวาของมัน เกิดการระเบิดและควันโขมงมองไม่เห็นความเสียหายแต่เจ้าตัวคนโดนร้องลั่นเมือง
“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!”
สาบานนะนั่นคือหอก!? ยิงบีมได้ด้วย!?
ฉันอยู่ในสภาวะอึ้งค้างไป ส่วนคนอื่นต่างจ้องจุดที่เรย์ลี่ยิงไป...พอควันถูกพัดก็เห็นส่วนไหล่ของกินซ่าตัวยักษ์แหว่งไปกำลังถูกคืนสภาพกลับเป็นเช่นเดิมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“พวกแกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!”
กินซ่ากรี๊ดร้องเต็มไปด้วยความแค้น ตายักษ์ข้างขวาที่เป็นคริสตัลล้วนๆ เกิดมีแสงรวมตัวกันคล้ายสิ่งที่เรย์ลี่ทำ บีมสีฟ้าที่มีขนาดใหญ่กว่าเดิมสามเท่าพุ่งเฉียดเรือบินไปนิดเดียว แต่ด้วยแรงลมที่มองไม่เห็นทำให้เรือเกิดการเสียทรงตัวโยกไปทางขวาเล็กน้อย
“ว๊าย!”
“หาที่จับไว้!”
ช่างแจ๊ะตะโกนบนทุกคน เป็นเวลาเกือบนาทีกว่าเรือบินจะประคองกลับมา
“หอกมันร่วงไปแล้ว!”
จู่ๆ เรย์ลี่บอกสิ่งที่ทำให้ความหวังทุกคนแตกสลาย สัสดีรีบถาม
“หล่นตรงไหน!”
“ตรง...เอ่อ...มันน่าจะข้างล่างข้างหน้า...เอ่อ...ทางซ้ายมั้ง!”
ความไม่แน่ใจของเรย์ลี่ยิ่งทำให้สถานการณ์แย่ลงไปอีกและยิ่งไปกว่านั้น...กินซ่าเตรียมรอบที่สองแล้ว คนที่เห็นคนแรกคือฉันเองเลยรีบเตือน
“มันจะยิงมาอีกรอบแล้ว!”
“แย่ล่ะ!”
คนคุมพังงาเรือตื่นตกใจรีบหมุนหักไปทางขวาเต็มตัวเลยทำให้เรือหักเลี้ยวเก้าสิบองศา ช่างแจ๊ะที่เป็นกับตันเรือร้องลั่นอย่างโมโห
“ใครใช้ให้แกหันข้างเรือรับลำแสงพิฆาตนั่นวะ!”
“ขะขออภัยครับ เดี๋ยวผม—”
เจ้าตัวคนคุมพังงาสำนึกแล้วจะหักกลับแต่ไม่ทันเสียแล้ว ลำแสงบีมยักษ์จากกินซ่าถูกยิงมาอย่างแม่นยำ อีกไม่กี่วินาทีจะถูกกลางเรืออย่างจัง
ไม่ยอมให้เป็นแบบนั้นหรอก!
ไม่รู้ว่าตัวเองบ้าดีเดือดอะไรถึงได้ออกตัววิ่งไปย่อเข่าลงเล็กน้อยแล้วตั้งแขนซ้ายรับลำแสงบีมยักษ์เอียงขึ้นนิดหน่อย พอบีมจะเข้ามาถึงก็มีโล่สีฟ้าทรงกลมขึ้นตรงหน้าแขนซ้ายตามที่คิด ลำแสงที่สมควรทำลายเรือกลับถูกเบี่ยงขึ้นฟ้าและเรือที่รับแรงกระแทกที่ถูกส่งผ่านมาจากตัวฉันอีกทีลอยถอยหลังออกไปพอสมควร
ระระระรับการโจมตีตะกี้ได้ด้วย...แต่แขนซ้ายร้อนชะมัด
ฉันค่อยๆ ลุกขึ้นอย่างงุนงงแล้วหันหลังเห็นสีหน้าทุกๆ คนบนเรือที่ต่างคนต่างมองฉันราวกับว่าเป็นปีศาจตัวจริง
ก็เข้าใจอยู่นะ...ฉันเองก็ยังอึ้งกับตัวเองเหมือนกัน
ทำไมรู้สึกหวิวๆ ชอบกล ขอเอาหลังพิงราวเรือหน่อยนะ
ฉันเอนหลังเล็กน้อยก่อนที่จะผงะเพราะมันไม่มีราวที่ว่านั่นแล้ว (หายไปกับบีม) แต่ยังมีสติเหลือบ้างเลยใช้มือซ้ายจับขอบเรือห้อยอยู่กลางอากาศและคนที่โผล่หน้ามาเป็นคนแรกก็คือยูกะ เธอยื่นอีกมือมา
“จับไว้!”
เปล้ง!?
ฉันตั้งใจจะยกมือขวาขึ้นไปจับแต่ได้ยินเสียงแตกคล้ายแก้วที่ข้างหูซ้ายก่อน...คริสตัลที่อยู่ในต้นแขนซ้ายกำลังแตกเป็นเสี่ยงๆ ความรู้สึกที่ควบคุมแขนซ้ายได้หายไป ทั้งเรือและยูกะดูเหมือนลอยสูงขึ้น
ร่วงอีกแล้ว!!
“อ๊าก!”
ยังดีที่มีหลังคารองรับอยู่และตกไม่สูงมากด้วยเลยฟื้นตัวลุกขึ้นได้ไว แต่แขนซ้าย...ใช้การไม่ได้แล้ว
“ยูกะ!”
เสียงห้ามของสัสดีดังขึ้นเหนือหัว ซึ่งเป็นการห้ามไม่ให้เอลฟ์สาวกระโดดตามฉันลงมาแต่ห้ามไม่ทัน พอใกล้ถึงร่างกายเธอค่อยๆ หล่นช้าลงอย่างสวยงามด้วยเวทมนต์มาอยู่ข้างฉันแล้วมีเสียงจากช่างแจ๊ะตะโกนลั่น
“เวรแล้ว! เจ้ายักษ์นั่นจะยิงบีมแล้ว! ขับหนีก่อน!”
“แล้วสองคนนั่น—” เรย์ลี่ว่า
“ไว้ก่อน! เดี๋ยวกลับมารับ!”
กับตันเรือออกคำสั่งเด็ดขาดเลยออกตัวจากไปกับพยายามหลบบีมของกินซ่าไปด้วยและเหมือนมองเห็นเรย์ลี่ทำหน้าร้องไห้อยู่ไกลๆ
“คุณเฟลิกซ์...คือ...มีเรื่องจะบอกค่ะ”
ยูกะเอ่ยเสียงต่ำแล้วยื่นบางอย่างที่ทำให้ตะลึง
คริสตัลสีรุ้ง...
ฉันเงยมองหน้ายูกะหาคำตอบและแน่นอนว่าเธอยอมพูด
“ฉันสลับของคุณกับของทั่วไปที่ทาสีเอาคะ...ที่ทำไปเพราะความโลภของฉันเอง”
เธอไม่ยอมให้ฉันตั้งคำถามชิงตอบก่อนแล้วยัดคริสตัลสีรุ้งใส่ต้นแขนซ้ายฉันเลยและพอแขนซ้ายทำงานได้มันรู้สึกว่าแตกต่างกว่าอันก่อนมาก...หลายสิบเท่าหรืออาจจะร้อยเท่า
“มันเป็นนิสัยเห็นแก่ได้ที่ซ่อนอยู่ลึกในตัวฉัน...ต้องขอโทษจริงๆ ด้วย”
“ยะ—”
ฉันว่าจะต่อว่าหล่อน...แต่เพราะสถานการณ์ตอนนี้มันไม่ชวนอยากทำแบบนั้น...เลยทำสิ่งที่น่าจะดีกว่า
“คุณยูกะ พอนึกวิธีโค่นมันได้หรือเปล่า”
“แขนซ้ายของคุณ...น่าจะได้มั้งค่ะ”
“ไม่หรอก เจ้านี้ไม่ได้มีผลักเจาะทะลวงคริสตัลได้...คือลองก่อนหน้านี้แล้วน่ะ แต่ถ้ารับการโจมตีตะกี้น่าจะได้อยู่”
“งั้นฉันเองก็จนปัญญาค่ะ” ยูกะยอมแพ้ “ถ้าพื้นฐานของสิ่งนั้นไม่ใช่แกนกลางคริสตัลล่ะก็...เวทมนต์ทั่วไปน่าจะได้ผล”
“แล้วหอกตะกี้ล่ะ...”
“อย่างที่เห็นค่ะ ถึงจะสร้างความเสียหายได้แต่มันก็ฟื้นกลับคืนได้รวดเร็ว”
“ไม่ๆๆ ฉันจะเข้าไปอัดร่างจริงของกินซ่า”
“ร่างจริง?” ยูกะเอียงคอ
“มันอยู่ตรงกลางอกเจ้านั่นไง เธอไม่เห็นมันหรอ? บนเรือฉันบอกไปรอบหนึ่งแล้วนะ”
พอถูกถามแบบนั้นยูกะส่ายหัว ฉันหันไปมองกินซ่ายักษ์อีกครั้งถึงเข้าใจ
“อยู่ไกลเกินไปที่จะเห็นสินะ”
“ถ้าเป็นอย่างที่คุณว่า...น่าลองเสี่ยงดู ใช้หอกนั่นยิงใกล้ๆ ตรงจุดตาย...” ยูกะพูดตามที่คิดออกมาเรื่อยๆ “ไม่สิ หอกผู้กล้านั่นเท่าที่รู้มา...คนที่ใช้ได้ต้องเป็นคนที่ได้รับการยอมรับจากมัน”
“ยอมรับ? จากมัน?”
“เหมือนอาวุธจะเลือกเจ้านาย ถ้าไม่ใช่ผู้ถูกเลือกมันจะเป็นแค่หอกธรรมดา”
“ชิ...เรื่องมากซะจริง ถ้างั้น...เรย์ลี่เป็นคนเดียวที่ใช้ได้?”
“ค่ะ เราต้องช่วยตามหาหอกแล้วนำไปให้เรย์ลี่ ชี้จุดตายให้เธอยิงใส่ค่ะ...แยกกันหานะคะ”
“อ่าอือ”
ยูกะวิ่งออกตัวเดินไต่ตามหลังคาตัวเบาตามทักษะของเอลฟ์ ฉันเองก็เริ่มออกวิ่งมองหาเหมือนกันและค้นพบว่าตัวเองตัวเบากว่าที่คิด กระโดดได้สูงพอสมควรและคล่องแคล่วกว่าเดิมเยอะขึ้น อันที่จริงมันเริ่มมีสังเกตให้เห็นได้ตั้งแต่ตกจากเรือบินรอบแรกแล้ว
เพราะคริสตัลของมาเรียงั้นหรอ?
“เดี๋ยวดิฉันช่วยมองทางซ้ายให้นะคะ”
จู่ๆ ร่างเรือนลางของมาเรียปรากฏขึ้นอีกรอบ เธอลอยตัวเบาอย่างกับวิญญาณมองทางซ้ายเป็นลูกตาที่สามให้ฉัน
“มาเรีย!? ภาพหลอนอีกแล้ว?”
“ไม่ใช่ค่ะ!” มาเรียว่างั้น “ตอนแรกก็คิดๆ อยู่เหมือนกัน แต่มันไม่ใช่แน่นอน! ไม่รู้เพราะอะไรแต่ว่าตอนนี้มาช่วยหาหอกผู้กล้านั่นก่อนดีกว่าค่ะ”
“อือเห็นด้วย”
เรื่องเหตุผลช่างก่อนล่ะ!
ต้องหามันเจอให้ได้ หอกยิงบีมนั่น!
◊◊◊
[สิบห้านาทีต่อมา]
“เรย์ลี่! เจ้าผู้หญิงไซบอร์กนั่นเป็นใครกัน? ทำไมถึง...ต้านพลังขนาดนั้นได้?”
ช่างแจ๊ะถามเรย์ลี่ที่นอนอยู่ข้างๆ ตอนนี้ทุกคนบนเรือแทบจะหมอบหลบกับพื้นกันหมดยกเว้นคนบังคับพังงาเพื่อหลบบีมจากปีศาจยักษ์ที่กำลังไล่ยิงเฉียดหัวบ่อยๆ
“เพราะเป็นท่านพี่ของเรย์ลี่ไงละ!”
เรย์ลี่ตอบด้วยสายตาเปล่งประกาย ซึ่งนั่นไม่ได้ช่วยให้เข้าใจอะไรขึ้นมาเลย
“ขอเข้าใจง่ายกว่านี้ได้ไหม?”
“ท่านพี่ชื่อว่าเฟลิกซ์ค่ะ เป็นคนที่มาตามคำทำนายแต่ดันไม่ถูกต้องตามสเปคเลยโดนพวกเอลฟ์กับเฟธล่าค่าหัวไงคะ”
“อ๋อ...ไอ้ที่ทำให้เกิดสงครามกลางทวีปนั่นหรือ? ได้ข่าวว่าเป็นผู้กล้าปลอมจอมแล้วทำไมถึงต้องประกาศจับ—” ระหว่างช่างแจ๊ะพูดก็เริ่มคิดได้ “อ๋อ...ข้าเข้าใจล่ะ พลังนั้นถ้าได้ครอบครองล่ะก็...”
“ไม่ๆๆๆ ไม่ใช่แบบนั้น!” เรย์ลี่เถียง “เจ้าพวกนั้นไม่รู้พลังที่แท้จริงของท่านพี่หรอก! เห็นว่าเอาไปเป็นเงื่อนไขทางการเมืองกับสงครามเฉยๆ”
“เหอะ เสียดายของแท้ๆ”
“ท่านพี่ไม่ใช่สิ่งของ” เรย์ลี่ตอบอย่างหนักแน่น
“แต่แขนซ้ายเหล็กนั้นเป็นจักรกลเป็นสิ่งของ เดี๋ยวถ้าได้เจออีกรอบต้องถามหน่อยแล้วว่าได้มาจากใคร จะไปขอซื้อแบบแปลน”
“เสียเวลา แขนซ้ายเทพของท่านพี่มันติดตัวตั้งแต่โผล่มาจากเกทแล้ว”
“หา!? มีเรื่องพันนั้นด้วย? ไซบอร์กตั้งแต่กำเนิด...เป็นไปได้ยังไง?”
“เป็นไปแล้วค่ะ! เห็นเองสองลูกตายืนยันคอมเฟิร์มได้เลย!”
เรย์ลี่ตอบอย่างมั่นใจ สัสดีคลานเข้ามาใกล้พอดี
“เรย์ลี่! รีบๆ จำให้ได้ว่าทำหอกตกไว้ตรงไหน!?”
“ขอบอกตามตรงเลยนะ! จำไม่ได้แล้วค่ะ!”
คำตอบของเธอไม่ได้ช่วยอะไรดีขึ้นมาเลย ช่างแจ๊ะที่โผล่หน้าดูกินซ่าตะโกนเตือนทุกคน
“มันจะยิงมาอีกรอบแล้ว!”
◊◊◊
“ทางนี้ค่ะคุณเฟลิกซ์!”
“เจอแล้วหรอ?”
“ค่ะ เจอแล้ว!”
มาเรียลอยตัวคล้ายวิญญาณมาบอกแล้วนำทางฉันไปยังซอกซอยหนึ่ง หอกที่ยิงบีมได้อยู่ท่ามกลางกองขยะ ฉันเก็บมันขึ้นมาด้วยมือซ้ายแล้วอยู่ดีๆ ตัวหอกเปล่งแสงออร่าสีฟ้ารอบตัวมัน
อะไรเนี่ย!?
“โอเคได้มันล่ะ ต้องรีบเอาไปให้เรย์ลี่ที่เรือบินนั่น...ตอนนี้พอรู้เปล่าว่ามันบินไปทางไหน มา—ยูกะ!?”
คนที่น่าจะอยู่กลับหายไป แต่เห็นยูกะกำลังวิ่งมาทางนี้พอดีแทน
คงเป็นภาพหลอนจริงๆ นั่นแหละ
คนที่วิ่งมาหาตาโตเมื่อเห็นฉันถือหอกอยู่ ฉันเอ่ยขึ้น
“คุณยูกะ! กลับเรือบินกันเถอะค่ะ!”
“เดี๋ยว...ทำไมหอกมัน...”
น้ำเสียงยูกะเต็มไปด้วยความแปลกใจ เธอยืนพิจารณาอยู่สักพักแล้วทำหน้าเข้าใจเดินเข้ามาจับบ่าทั้งสองข้าง
“เฟลิกซ์...บางทีเธออาจจะใช้มันได้”
“ห๊ะ!?”
“หอกผู้กล้ามันมีปฏิกิริยากับเธอนะ เฟลิกซ์” ยูกะพูดอย่างจริงจัง “ตอนนี้กินซ่าตัวยักษ์นั่นถูกเรือบินเบี่ยงเบนความสนใจอยู่ ถ้าเธอแอบเข้าไป—”
“ไม่ๆๆๆๆๆๆๆ”
ฉันปฏิเสธทันควัน ยูกะข่มตาถอนหายใจแล้วร้องขอฉันอีกครั้ง
“ได้โปรดเถอะ...ตอนนี้ฉันไม่เห็นวิธีเอาชนะเจ้านั่นนอกจากตัวเธอแล้วนะ เฟลิกซ์”
“แต่ฉันเป็นผู้กล้าจอมปลอมนิ?”
“งั้นใช้โอกาสนี้เปลี่ยนคำสบประมาทนั่น...จงเป็นผู้กล้าเถอะ”
ผู้กล้า...
ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่านี่เป็นเกมที่พระเจ้าสร้างขึ้นมาหรือไม่ แต่ตอนนี้เรื่องพวกนั้นแทบไม่มีผลกับการชั่งใจเรื่องนี้แม้แต่น้อย ฉันถอนหายใจอย่างหนักก่อนที่จะตอบไป
“เฮ้อ...ถ้าฉันจัดการกินซ่าได้ ทำลายบาเรีย ทุกๆ คนออกจากเมืองที่กำลังล่มสลายนี้ได้ ฉันก็จะทำ!”
“เหมือนจะเห็นดวงตาที่ลุกโชนจากคุณเลย” ยูกะส่งยิ้ม
“ช่างเถอะ...แต่อยากขอร้องให้คุณมากับฉันได้ไหม ไปด้วยกัน...ฉันไม่มีความมั่นใจแม้แต่น้อยเลยว่าจะเข้าถึงตัวกินซ่าได้ยังไงถ้าไม่มีคนช่วย”
เป็นการขอร้องเอาแต่ใจของฉัน แต่ยูกะพยักหน้ายอมรับอย่างรวดเร็ว
“เป็นเกียรติอย่างยิ่งค่ะ ได้ผจญภัยกับผู้กล้าถือว่าเป็นประสบการณ์ที่หาไม่ได้...อีกทั้งอยากชดใช้เรื่องแอบสับเปลี่ยนหินคริสตัลของคุณด้วย”
เธอมองมาที่ต้นแขนซ้ายจักรกล ฉันอยากจะถามเกี่ยวกับเรื่องนั้นให้มากขึ้นแต่มันยังไม่ใช่เวลานี้
หอกนี่...มันใช้ยังไงนะ?
ฉันจับหอกชี้ไปยังกำแพงใกล้ๆ
“บีม!”
มีลำแสงที่ปลายหอกก่อตัวขึ้นแล้วพุ่งออกไปทันทีแต่มันค่อนข้างเล็กกว่าที่เรย์ลี่มาก ความเสียหายเลยมีแค่ทำให้กำแพงเป็นรูเล็กน้อย ยูกะเห็นเป็นแบบนั้นแล้วแจงเกี่ยวกับวิธีใช้
“ก่อนที่จะปลดปล่อยพลังออกไป ลองจินตนาการว่ากำลังรวบรวมพลังก่อนค่ะ”
รวบรวมพลัง...คงเหมือนกับตอนที่ใช้พลังจิตชาติที่แล้วแน่ๆ
ฉันคิดอย่างงั้นก่อนที่จะยกหอกชูขึ้นฟ้า
ชาร์จ!
ละอองสีฟ้าที่ผุดขึ้นจากความว่างเปล่าและตัวหอกเองเริ่มไหล่มารวมกันที่ปลายหอก พอมันรวมตัวกันได้ประมาณหนึ่งก็ปลดปล่อยมันออกไป
“บีม!”
ลำแสงพิฆาตที่ถูกปล่อยขึ้นฟ้าไปนั้น ฉันไม่แน่ใจว่ามันใหญ่กว่าของเรย์ลี่ที่ทำได้หรือเปล่า แต่เท่ากับว่าฉันรู้วิธีใช้มันแล้ว
“รีบไปกันเถอะค่ะ บูสต์!”
ยูกะร่ายเวทย์บางอย่างใส่ตัวฉันแล้ววิ่งลากออกไปด้วยความเร็วที่สูงกว่าปกติ แต่ที่น่าแปลกใจก็คือเท้าฉันก็วิ่งไวขึ้นมากเช่นกัน
เวทย์เสริมพลังขา!?
อีกไม่กี่นาทีต่อมา...กินซ่าร่างยักษ์ที่กำลังไล่ยิงบีมใส่พวกเรือบินทั้งสามลำอยู่ข้างหน้าไม่ถึงสองร้อยเมตรแต่พื้นดินข้างหน้ากลับไม่มีแล้ว ก้มหน้าลงไปเจอแต่ความมืดมิด เงยหน้ามองเลยออกไปพบกับฐานคริสตัลขนาดใหญ่กว่าห้าสิบเมตรที่ลอยตัวกลางอากาศแบกตัวกินซ่าไว้
“จะไปยังไงเนี่ย!?”
“ฉันใช้เวทย์ติดปีกได้แค่กับตัวเองด้วย”
ยูกะเอ่ยอย่างเจ็บใจ ฉันพยายามมองหาจุกพลิกพันไปเรื่อยๆ จนเจอบางอย่าง
“คุณยูกะ...พอที่จะเบี่ยงเบนความสนใจไม่ก็สร้างควันปิดหน้ากินซ่าได้หรือเปล่าคะ”
“เอ๋!? ก็ได้อยู่...จะทำ—”
“เกาะฉันไว้แน่นๆ นะ!”
ฉันเอาหอกไปถือมือขวาและรวบเอวเธอไว้ด้วยแล้วยกแขนซ้ายจักรกลเล็งไปที่หัวไหล่ขวากินซ่ายักษ์แล้วสั่งให้มือมันพุ่งไปเกาะตรงนั้นแล้วดึงตัวเองเข้าหา พื้นที่ยืนอยู่เมื่อครู่พังทลายลงสู่โลกเบื้องล่างพอดี พอใกล้จะถึงก็ดึงมือกลับไป ยูกะที่รู้แล้วว่าฉันจะทำอะไรเริ่มใช้เวทมนต์ติดปีกสีเขียวใสให้กับตัวเองแล้วพาฉันลอยข้ามไหล่กินยักษ์
“เอาเลย!”
“ซอร์ดวิงค์! (Sword Wild)”
รอบตัวยูกะมีลมต่อตัวเป็นรูปดาบเกินร้อยเล่มโจมตีใส่ส่วนใบหน้าของกินซ่ายักษ์จนเกิดควันโขมงและคนโดนร้อง
“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!”
ส่วนฉันที่ตัวกลับหัวกำลังดิ่งสู่ใต้โลกยกแขนซ้ายเล็งไปข้างหน้ารอเวลาที่ตัวเองกำลังร่วงหล่นไปเรื่อยๆ จนถึงช่วงกลางหน้าอกของกินซ่ายักษ์พอดี รีบยิงมือซ้ายไปเกาะแล้วดึงตัวเองให้ใกล้ร่างจริงของกินซ่าที่อยู่ใต้คริสตัลยักษ์สีฟ้านี่ ง้างหมัดซ้ายจักรกลแล้วอัดเข้าเต็มแรง ชิ้นส่วนคริสตัลพังกระจายมันแรงกว่าและพังได้เยอะกว่าครั้งก่อน บัดนี้ร่างจริงของกินซ่าอยู่แค่เอื้อม ฉันใช้หอกที่ถืออีกมือแทงเข้ากลางท้องของเธออย่างจัง
ชาร์จ!
แน่นอนว่าฉันเริ่มรวบรวมพลังพอดี กินซ่าร่างจริงที่ได้สติพยายามตั้งคอขึ้นดูฉันและพูดทั้งที่ปากเต็มไปด้วยเลือด
“กะกะกะแก...คิดว่า...จะฝืนชะตาที่พระเจ้า...โดยที่ไม่มีข้างั้นหรือ”
สิ่งที่เธอพูดมานั่นทำให้ฉันชะงักไป
“หมายความว่าไง!?”
“ทั้งแกและข้า...ต่างมีออร่าที่สามารถกำหนดชะตากรรมตัวเองและคนอื่นได้...แต่แกเลือกฆ่าข้าให้เสียเปล่า ทั้งๆ ที่ข้าน่าจะดูดออร่านั่นมาเสริมตัวข้าแท้ๆ”
ไม่เข้าใจกับเรื่องที่ยัยนี่พูดเลย
“คิดว่ามันจะช่วยให้ทุกคนรอดพ้นฟอร์ดาวน์ครั้งนี้หรือ...แกมันเป็นไอ้โง่!”
“เออ! ฉันมันไอ้โง่ ตายๆ ไปซะเถอะ! บีม!”
ตูม!!!
ในที่สุดร่างจริงของกินซ่าก็หายไปพร้อมกับลำแสงพิฆาตที่ใหญ่กว่าเดิมเกือบร้อยเท่าประชิดตัว...ร่างยักษ์ของกินซ่ากำลังแตกหัก บาเรียยักษ์ที่ปิดขังทั้งเมืองไว้สลายหายไป ยูกะที่ใช้เวทย์ติดปีกกับตัวเองบินเข้ามาพาตัวฉันออกไปและยังดีที่ฉันเก็บหอกมาด้วย
“ทำสำเร็จแล้วนะ”
“อือ...”
ทำไมไม่รู้สึกยินดีเลยแฮะ
ไม่นานนักก็มาถึงเรือบินที่พวกสัสดีอยู่ ทุกคนต่างมองฉันที่ถือหอกผู้กล้าที่เปล่งแสงยอมรับผู้ใช้อยู่
“เป็นท่านพี่...เองหรอ? ไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ”
เรย์ลี่เดินเป้เข้ามาหา
“ก็คงงั้น”
“เดี๋ยวๆ ทำไมหอกนั่นถึง...”
ช่างแจ๊ะตาตื่นถามเพราะหอกผู้กล้าที่ฉันอยู่มันเปล่งแสง เรย์ลี่กอดฉันข้างตัวแล้วจึงบอก
“ก็อย่างที่เห็นแหละช่างแจ๊ะ หอกผู้กล้าสองร้อยปียอมรับในตัวท่านพี่แล้ว!”
“เธอเป็นผู้กล้าจอมปลอมไม่ใช่หรือไง?”
จู่ๆ ช่างแจ๊ะบอกแบบนั้นทำให้บรรยากาศอึมครึมขึ้นมา ยูกะเห็นท่าไม่ดีเลยบอกให้กระจ่าง
“แล้วสิ่งที่ทุกคนเห็นคืออะไรคะ? เธอทำลายปีศาจยักษ์นั่นได้ด้วยหอกผู้กล้าที่มีแต่ผู้ที่มีจิตใจกล้าหาญเท่านั้นถึงจะใช้มันได้...พวกคุณเห็นเฟลิกซ์เป็นใครกันล่ะ”
“ผู้กล้า...”
“ใช่ๆ ผู้กล้ากำเนิดใหม่แน่ๆ”
“ผู้กล้ากลับมาแล้ว!”
หลังจากนั้นหลายเสียงยกย่องเชิดชูตามมามากมายและพากันยกมือดีใจ
ดีนะที่ไม่คุกเข่า…แต่ฉันมีจิตใจที่กล้าหาญจริงๆ งั้นหรอ...
ฉันตาตกแล้วเห็นเรย์ลี่ก็นึกอะไรออก
“เรย์ลี่!? แล้วเธอล่ะ...ใช้หอกนั่นได้ไม่ใช่หรือไง?”
“อ๋อ...เรย์ลี่เป็นแค่ผู้ดูแลมันน่ะ ใช้พลังจากหอกนั่นได้ไม่มากหรอกค่ะ ไม่เหมือนท่านพี่ที่ดึงใช้พลังได้มากขนาดนั้น”
“งั้นหรอ...”
พอเงยหน้ามองดูผู้คนรอบตัวบนเรืออีกครั้ง...สายตาพวกเขาต่างมีความหวัง
เผลอเดินมาเส้นทางผู้กล้าจนได้…มาเรีย!?
ฉันเห็นร่างจางๆ ที่เป็นมาเรียอยู่ใกล้ๆ กำลังยิ้มให้ ซึ่งไม่มีใครเห็นเธอเลยนอกจากฉัน
ภาพหลอนอีกแล้ว...มาแสดงความยินดีงั้นหรอคะ
“ยูกะ...มองหาอะไรหรือ”
สัสดีถามยูกะที่หันซ้ายขวาเหมือนสัมผัสอะไรบางอย่าง
“ขออนุญาตใช้เวทย์นะคะ...จงแสดงเจตจำนงที่แท้จริง แปรเปลี่ยนวิญญาณเป็นกายา! อิมเมจจิ้นเบรก! (Imagine Break)”
ยูกะแบมือทั้งสองอยู่ในระดับหน้าอกแล้วร่ายเวทย์ยาว จู่ๆ มีออร่าสีเขียวกระจายไปทั่วเรือจากตัวเธอ ฉันกำลังสงสัยว่าเธอกำลังทำอะไรกันแน่แต่ได้คำตอบเมื่อเรย์ลี่ผละตัวออกไปเดินไปทางคนๆ หนึ่งที่ไม่น่ามีใครเห็น
“มาเรีย!? ธะเธอกลับมาแล้ว!?”
“เอ๊ะ!? เห็นฉันด้วย!?” แม้แต่ตัวมาเรียเองก็ยังแปลกใจ
“มาเรียจริงๆ ด้วย...เอ๊ะ!?”
เรย์ลี่จะวิ่งเข้าไปกอดแต่กลับจับตัวมาเรียไม่ได้เลยราวกับว่าเธอเป็นวิญญาณ
อ้าว...ไม่ใช่ภาพหลอนหรอ!?
ฉันตกใจก่อนที่จะหันไปถามยูกะ
“ทำไมถึง—”
“ฉันสัมผัสถึงพลังมานาแปลกๆ มาสักพักแล้วค่ะ เลยใช้เวทย์เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงออกมา”
“งั้นมาเรียก็ยังไม่ตาย!?”
ดูเหมือนเป็นคำถามที่มีความหวังจากตัวฉัน เรย์ลี่หันมาฟังคำตอบด้วยเช่นกันซึ่งเธอไม่สบตาฉันแม้แต่น้อย
“...เรื่องนั้น...”
“ฉันกำลังจะตายจริงๆ ใช่ไหมคะ”
มาเรียพูดแล้วก้มมองตัวเอง เธอไม่มีเท้าแล้วเหลือแต่หัวเข่าที่กำลังกลายเป็นละอองฝุ่น ร่างเธอกำลังสลายหายไปอย่างช้าๆ เรย์ลี่ที่ดูจะเป็นคนที่รับกับเรื่องตรงหน้าไม่ได้มากที่สุดเป็นครั้งที่สองเอามือกุมหน้าอย่างสั่นกลัวราวกับไม่อยากเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง ปากที่สั่นระรัวค่อยๆ สะกดคำออกมา
“อย่า...หาย...ไป...นะ”
“ในที่สุดก็ได้โอกาสพูดแล้วสินะคะ” มาเรียยังคงยิ้มเหมือนแม่ชีมาโปรด
“อย่าพูด...แบบนั้น...นะ”
“เรย์ลี่ค่ะ...ต้องขออภัยด้วยที่อยู่ให้ชดใช้หนี้ชีวิตอีกต่อไป”
“ไม่...ไม่ เธอจะต้องตายตามที่ฉันสั่งเท่านั้นสิ...เธอสัญญาแบบนั้นแล้วไม่ใช่หรอ”
“...งั้นดิฉันกลายเป็นคนเลวที่ผิดสัญญากับคุณจนได้นะคะ”
“ได้โปรด...เรย์ลี่ยกโทษให้ก็ได้นะ! ไม่สิ...เรย์ลี่ยกโทษให้ตั้งนานแล้วต่างหาก! อย่าจากไปนะ...เรย์ลี่อยากถูกมาเรียดุต่อไปเรื่อยๆ นะ”
“เคยบอกแล้วไม่ใช่หรือคะ...เรื่องที่ดิฉันทำให้คุณเกือบตายเพราะทิ้งคุณไว้คนเดียวในดันเจี้ยน ดิฉันไม่มีวันให้อภัยตัวเองเด็ดขาด”
“หยุดพูดแบบนั้นสักทีเหอะ!”
เรย์ลี่สุดจะทน...เธอเงยหน้าขึ้นพบว่าร่างมาเรียหายไปจนเหลือแค่ส่วนครึ่งบนแล้ว น้ำตาเรย์ลี่ไหลพรากออกมา ฉันที่ยืนดูอยู่ก็อดเศร้าตามไม่ได้
“เรย์ลี่...ได้โปรดเข้มแข็งต่อไปนะคะ” มาเรียว่าเสร็จก็หันมาทางฉัน...เอามือที่ใครจะสลายหายไปมาแตะตรงคริสตัลกลางอกฉัน “คุณเฟลิกซ์ค่ะ ฝากดูแลเรย์ลี่ด้วยนะ เธออาจจะดื้อบ้าง แต่ฉันก็เชื่อในตัวคุณ...ดิฉันจะคอยให้กำลังอยู่ในนี้นะคะ”
และนั่นก็เป็นคำพูดสุดท้ายของมาเรียก่อนที่จะตามด้วยเสียงร้องครวญครางของเรย์ลี่ มันเป็นอีกด้านหนึ่งของเธอที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน สัสดีเดินเข้ามาแทรกระหว่างตัวฉันและยูกะ
“ความสามารถอย่างสุดท้ายของคริสเมน”
“ใช่ค่ะ...ถึงยังไม่มีหลักฐานยืนยันแน่ชัด แต่กล่าวกันว่าวิญญาณที่ถูกก่อด้วยพลังสุดท้ายของคริสตัลของคริสเมนเพื่อการบอกลาสั่งเสียครั้งสุดท้ายด้วยความรัก”
พลังคริสตัล...
ฉันเอามือกุมหน้าอกที่มีแท่งคริสตัลของมาเรียอยู่แล้วกุมมันแน่นขึ้นเรื่อยๆ
มาเรีย...ฉันจะไม่ทำให้การเสียสละของเธอสูญเปล่าอย่างแน่นอน
ต่อไปนี้ฉันจะอยู่ข้างเรย์ลี่เอง…
เรือบินทั้งสามลำต่างแล่นไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เมืองบาลาสและแม่น้ำคริสตัล ณ เบื้องล่างพวกเขาต่างกำลังล่มสลายสู่เบื้องล่างโลกที่มืดมิด มันกลายเป็นโศกนาฏกรรมอย่างใหญ่หลวงที่ทุกคนทุกเผ่าพันธุ์ทั่วทวีปต่างพูดถึง
◊◊◊
ช่วงคุยกับไรท์เตอร์
จบลงไปแล้วสำหรับ Ch.16 ของเรื่อง CrystalFall: Fake/Brave นะจ๊ะ
ในที่สุดก็จบบท [แกนกลางคริสตัล] สักที...ซึ่งมันไม่ได้หมายถึงคริสตัลอันใหญ่ที่ค้ำจุนยกแผ่นดินลอยฟ้าไว้
แต่เป็นแกนกลางคริสตัลหัวใจของมาเรีย...ซึ่งเธอจากไปดีซะแล้ว (คนอ่านคงนึกว่าจะไปตั้งแต่ตอนที่แล้ว ฮ่าๆ)
กินซ่าที่กลายเป็นปีศาจยักษ์ก็ถูกอาวุธหอกของผู้กล้าสองร้อยปีที่เรย์ลี่อัญเชิญมาแล้วถูกเฟลิกซ์ใช้มันจัดการไป แต่คำพูดปริศนาที่กินซ่าทิ้งไว้มันคืออะไรกันแน่นะ?
และในที่สุดก็ได้หินคริสตัลสีรุ้งของตัวเองคืนมาสักที ส่วนเหตุผลที่ยูกะเอาไปนั้นมีบอกอ้อมๆ หลายตอนที่แล้วแต่เดี๋ยวในอนาคตจะมีการพูดคุยเรื่องนี้กันอีกที
พลังที่เฟลิกซ์ได้มาจากมาเรียนั้นเธอกลายเป็นพวกเหนือมนุษย์ไปเรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่รู้ว่าจะใช้เวทมนต์ตามที่มาเรียบอกไว้ได้หรือไม่?
เส้นทางผู้กล้าของเธอนั้นได้ถูกเปิดออกแล้ว
ต่อไปนี้ชีวิตเธอจะเป็นยังไงต่อไป เรย์ลี่จะหายโศกเศร้ากับการจากไปของมาเรียหรือไม่?
โปรดติดตามตอนต่อไปที่มีชื่อว่า
บทลง—
Stop! ขอคั่นตอนด้วยเรื่องสำคัญก่อนนะ :P
ระหว่างที่เกิดเรื่องที่เมืองบาลาสนั้น ที่สถาบันบาลาสก็มีเกิดเรื่องบ้างอย่างขึ้น
ไม่ใช่พวกรอน บาร์เบสหรือครินซัง
แต่เป็นอีกหนึ่งคนที่มาจากต่างโลกเช่นเดียวกันกับเฟลิกซ์ มีชื่อตอนว่า!
จอมมารที่เปลี่ยนไป
ถ้าชอบก็ Comment ให้กำลังใจกันบ้างเน้อ 1 Comment เท่ากับล้านกำลังใจเลย ฮ่าๆ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.3 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.7 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ