Crystalfall: Fake/Brave [ชีวิตพังเพราะพระเจ้า]

8.8

เขียนโดย Spy442299

วันที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2559 เวลา 17.23 น.

  25 chapter
  4 วิจารณ์
  24.31K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 17.57 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

18) จอมมารที่เปลี่ยนไป

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

Crystalfall: Fake/Brave

คริสตัลฟอร์: เฟค/เบรฟ

  1. จอมมารที่เปลี่ยนไป

*คำเตือนตอนนี้อาจจะมี +18 หน่อยๆ*

◊◊◊

[หนึ่งวันก่อนเกิดเรื่องที่เมืองบาลาส]

[คุกใต้ดินชั้นลึกสุด – สถาบันนิวส์ไลฟ์]

“นี่อาหาร!”

ช่องเล็กข้างล่างของประตูไม้เสริมเหล็กถูกเปิดออกแล้วมีจานอาหารเหลวสีน้ำตาลถูกดันเข้ามา คนที่ถูกขังอยู่ในนั้นรีบกรู่เข้ามากินอาหารด้วยลิ้นจนหมดเกลี้ยง มันเป็นอาหารจานแรกในรอบสองวัน

“หึๆ”

ชายผมแดงยาวหัวเราะกับความสมเพศของตัวเองที่เป็นอยู่ตอนนี้...

เขาเคยเป็นจอมมารลำดับที่สามก่อนที่จะถูกพวกผู้กล้าจากพวกมนุษย์และเอลฟ์โค่นเมื่อสองร้อยปีก่อน สภาพตอนนี้เขาไม่มีมานาและพละกำลังเลยเพราะถูกรีดพลังตอนหลับไหล...เรื่องนี้เขาทราบจากผู้ชายคนแรกที่ตื่นมาเจอ

ผอ. สถาบันนิวส์ไลฟ์ที่ตั้งอยู่บนหัวคุกแห่งนี้

สมมุติว่ายังมีพลังเหลืออยู่คงใช้มันแหกคุกหนีไปแล้ว...เขาเคยคิดแบบนั้น

แต่พอหลับไปอีกตื่นเพราะอ่อนล้า...มันกลับมีความทรงจำของคนๆ หนึ่งเข้ามาแทนที่บุคลิกเดิมที่จอมมารควรจะเป็นเข้ามาในสมอง

ทอมมี่ เปเรซ...นั่นคือคนที่เขาเป็นอยู่ตอนนี้

ไม่ใช่จอมมารคนเดิมอีกต่อไป...เหมือนกับว่าถูกดึงวิญญาณมาสิ่งร่างจอมมารนี้โดยได้รับความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมนี้ด้วยและใช้เวลาหลายชั่วโมงเรียบเรียงกับสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้

เขาเป็นเด็กมอปลายที่ Area TH-7 โรงเรียนซิลเซลแห่งเมืองการทดลองหรือ Rat City…กำลังจะขึ้นปีสองแต่ได้รับการบ้านปิดเทอมมาให้เลือกหัวข้อเอง

หัวข้อที่ตั้งขึ้นมาคือศึกษาประสบการณ์ทำงานของเจ้าหน้าที่ MLA

เขาก็เลยทำเรื่องขอลงพื้นที่การทำงานของ MLA และแล้วไม่กี่วันก็ได้รับการอนุมัติพร้อมวันเวลา...มันเป็นที่สนามบินและระบุไว้ด้วยว่าที่ๆ เขาจะได้ไปสัมภาษณ์นั้นคือเจ้าหน้าที่ MLA คุ้มกันของสำคัญบนเครื่องบินเจ็ทขนาดใหญ่ พอขึ้นมาจากท้ายเครื่องบินมากับพี่นักบินที่เป็นพี่เลี้ยงการทำงานครั้งนี้เดินผ่านกล่องเหล็กของ MLA ใหญ่ๆ ที่คุ้มด้วยตะข่ายอีกที...

เหมือนรู้สึกว่ากล่องมันขยับเองได้ แต่คงคิดมากไปเองเลยไม่ได้สนใจอะไร

แล้วพี่นักบินพาไปนั่งที่นั่งสำรอง (อันที่จริงที่วางของมากกว่า) ในห้องนักบินให้เห็นมุมมองกำลังบินขึ้น พี่เขาก็อวยนู้นนี่นั่นไปเรื่อยเปื่อย

มันก็น่าจะไม่มีอะไร...ระหว่างที่บินไปชินโคเซ็นหรือที่ๆ เป็นจุดหมายปลายทางของเครื่องบินที่เขาขึ้นมา พอสักพักหนึ่งก็ขออนุญาตไปทำงานที่อาจารย์มอบหมายมาเดินออกมาจากห้องนักบินไล่สัมภาษณ์ไปทั่วจนมาถึงผู้หญิงคนหนึ่งที่มีคนบอกว่าเป็นหัวหน้าการคุ้มกันของครั้งนี้

เธอรวบผมแดงหางม้ากำลังนั่งสับหงกอยู่เกือบท้ายเครื่องบิน ดูๆ แล้วอายุน่าจะเพิ่งขึ้นเลขสามแต่หน้าตาของเธอนั้นกลับดูคุ้นๆ มาก ตอนแรกเขาไม่กล้าปลุกแต่พอมาคิดๆ ดูแล้วรีบๆ ทำให้มันจบและหัวหน้าคนนั้นจะได้หลับยาวๆ ไปเลย

แต่กว่าจะทำใจเตรียมปลุกผู้หญิงผมแดงนั่นก็เล่นเกือบครึ่งชั่วโมง...เข้าไปสะกิดไหล่เรื่อยๆ พอเห็นว่าเริ่มลืมตาตื่นแล้วด้วยความตกใจรีบแจงทันที

“หวัดดีครับ พอดีทำรายงานวิชาสังคมอยู่เกี่ยวกับประสบการณ์อันแสนทรหดของเจ้าหน้าที่ MLA ครับ ขอถามอะไรหน่อยนะครับ...อ่าเริ่มจากคุณผู้หญิงชื่ออะไรครับ ตำแหน่งอะไรเอ่ย”

เขาว่าไม่ได้ถามอะไรผิดพลาดไป ทุกอย่างตามสคริปที่จดไว้จากคำแนะนำของอาจารย์ท่านหนึ่งในโรงเรียน เครื่องบันทึกเสียงก็กดแล้ว...ผู้หญิงตรงหน้าที่ยังทำหน้าเบลอๆ ตอบด้วยความเบลอเช่นกัน

“อ่า...เฟลิกซ์ ดิฟเฟอร์ รองหัวหน้าแผนกปฏิบัติการ MLA ที่เจ็ด ประจำสาขาชินโคเซ็น”

เฟลิกซ์ ดิฟเฟอร์...

ดิฟเฟอร์นี่มันนามสกุลของเฟียน่านี่? ถ้าจะถามว่าเฟียน่าเป็นใครนั้น เธอเป็นเพื่อนสนิทที่ชอบใช้กำลังของเขาเอง และตอนนั้นเรื่องที่คาใจเขาอยู่ถูกเฉลยออกมาแล้ว

หน้าเธอเหมือนเฟียน่ามาก...นามสกุลก็เหมือนกันอีก หรือว่า...

“ดะดะดิฟเฟอร์!? คุณเป็นอะไรกับเฟียน่าหรือเปล่า?”

ตอนนั้นเขาถามติดๆ ขัดๆ มากเพราะตกใจอยู่และตกใจยิ่งกว่าเดิมกับประโยคต่อมา

“อ๋อ...เป็นแม่ไง...เห้อ!? เดี๋ยวสิ...เฮ้ย! ใครปล่อยให้เด็กขึ้นเครื่องบินมาเนี่ย!?”

เธอตะคอกลั่นเครื่องบิน เขาผวาตกใจจนก้นจ้ำเบ้าที่พื้น

“แม่เฟียน่า!?”

“หือ!? ก็เออสิ...ฉันเป็นแม่ของเฟียน่า เฮ้ย! นั่นมันไม่ใช่ประเด็นหลัก...เธอมาอยู่ที่นี่ได้ไง!”

ตอนนั้นเขาคิดว่ามันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆ เลยรีบคว้าเอกสารอนุมัติการขึ้นเครื่องบินครั้งนี้ให้เธออ่าน...แล้วขย้ำทิ้งซะงั้น เธอทำหน้าฉุนเฉียวมาก

“หาที่ลงจอดฉุกเฉินเดี๋ยวนี้! จะโยนเด็กนี่ลง!”

“เอ่อ...ตอนนี้พวกเราอยู่กลางพายุนะครับ”

พี่นักบินตอบอย่างงั้น

“หา!? เฮ้ยเดี๋ยวนะ...ตอนนี้บินถึงไหนแล้ว?”

“ทะเลจีนใต้ครับ!”

และเขาก็เห็นแม่เฟยีน่าเอามือกุบหน้าตัวเองเหมือนเขาเป็นปัญหาชวนให้ปวดหัวก่อนที่จะมองเขาผ่านง่ามนิ้ว

“เธอน่ะ ชื่อไร”

“ทอมมี่ครับ”

เขาตอบตามที่ถูกถามและเห็นแววตาเธอเปลี่ยนไปเพราะชื่อเขาเอง

“ทอมมี่…นายเป็นอะไรกับลูกสาวฉัน เฟียน่าน่ะ”

“อ๋อ...เป็น---”

หลังจากนั้นพยายามนึกเท่าไรก็นึกไม่ออกสักทีว่ามันเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้นและตอนนี้เขามาอยู่ในร่างของจอมมารที่ก่อสงครามเมื่อสองร้อยปีก่อนซะแล้ว

“นี่มันบ้าอะไรกัน”

เขาบ่นแล้วสำรวจร่างกายตัวเองอีกครั้ง มันเต็มไปรอยแผลเป็นและผอมซูบแต่สิ่งที่ยังมีเหมือนก็คือผมสีแดงแต่ดันยาวหน่อยและตาสีฟ้าที่เห็นจากภาพสะท้อนของเหล็กตรงประตู

หลังจากนั้นก็นึกเรื่องราวของความจำของจอมมาร...โลกที่อยู่นี้มันเป็นโลกแห่งเวทมนต์แฟนตาซีและอีกหลายๆ เรื่องที่ไม่สามารถอธิบายมาหมดได้ มันฝังลึกกลายเป็นจิตสำนึกไปแล้ว...

แต่ชีวิตต่อไปนี้จะทำยังไง?

จะกลายเป็นนักโทษแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนวันตาย?

ปึ่ก!

ประตูถูกเปิดออกอย่างแรง มีผู้ชายคนหนึ่งถือที่คล้องโซ่และกุญแจมือมา

“เฮ้ยไอ้โจรพันหน้า! ลุกได้แล้ว! เดี๋ยววันนี้ต้องพาเจ้าไปหาท่านผอ.”

“โจรพันหน้า? ที่จริงผมเป็นจอม—”

ไม่สิ...ไม่ได้เป็นอีกแล้ว นั่นมันคนเก่า

“ว่าอะไรนะ?”

“เปล่าครับ...ไม่มีอะไร”

“รีบยื่นมือมาได้แล้ว!”

และทอมมี่ก็ยอมทำตามโดยดี เขาถูกลากออกจากห้องขังที่เคยเป็นห้องจำศีลจอมมาร

◊◊◊

คนๆ นี้ไม่น่าคบหาจริงๆ

ตอนนี้ทอมมี่มาอยู่ห้องๆ หนึ่งที่จะอยู่ในชั้นใต้ดินอยู่แต่เป็นห้องหินอ่อนที่มีความกว้างกว่าเดิมและบนพื้นมีสัญลักษณ์หกเหลี่ยมเต็มไปหมดและมีชายดาร์คเอลฟ์ผู้ซึ่งเป็นผอ. ที่แห่งนี้ที่ปลุกเขาตื่นขึ้นมาจากการจำศีล ถ้าจำไม่ผิดเขาชื่อว่าอาเธอร์

“ทำไมวันนี้จู่ๆ ว่านอนสอนง่ายขึ้นมา?”

“...เรื่องของเรา”

ทอมมี่ตอบสิ่งที่น่าจะเป็นบุคลิกเดิมของจอมมารออกไป

“หึ...รู้สถานะของตัวเองแล้วก็ดี งั้นท่านก็น่าจะรู้ว่าตัวเองต้องถูกประหารชีวิตจากผลการตัดสินของสภานิวส์ไลฟ์แห่งนี้”

สิ่งที่อาเธอร์บอกนั้นไม่ได้ทำให้เขาตกใจเลย...มันอาจจะเป็นเพราะเขาทำใจมาสักพักแล้วว่าเรื่องนี้มันต้องเกิดขึ้น

“และตอนนี้พวกเขาทั้งหมดเข้าใจว่าท่านตายแล้ว”

“ห๊ะ!?”

ทอมมี่แปลกใจสิ่งที่อาเธอร์ทำ เขาลุกขึ้นมาจากโต๊ะที่เต็มไปด้วยวัตถุดิบนานาชนิด ถือสร้อยอะไรสักอย่างมาด้วย

“ท่านคิดยังไงถ้ามีคนที่ทำความผิดมหาศาลแล้วมีคนบอกว่าประหารชีวิตเพื่อชดใช้ความผิด”

“ก็ตามนั้น...ต้องชดใช้”

“เราว่านั่นมันก็แค่ความสะใจไม่กี่นาทีเท่านั้น...นั่งลง!

จู่ๆ ทอมมี่รู้สึกว่าเข่าหนักขึ้นมากจนต้องคุกเข่าลงกับพื้นและฝืนมันไม่ได้ด้วย เงยหน้ามองอาเธอร์

“ทำอะไรกับผมเนี่ย!?”

“หึๆ ทำไมสุภาพขึ้นมาละ? กลัวจนต้องพูดแบบนั้นเพื่อหย่อนความผิดที่ตัวเองทำไว้งั้นหรือ...ก็ได้ผลนิดหน่อย แต่หลังจากนี้นี่ความสนุกที่แท้จริงต่างหาก”

อาเธอร์กล่าวร่ายยาวที่ฟังแล้วชวนรู้สึกไม่ดีอย่างยิ่ง เขากางสร้อยที่ถือมา...มันเป็นลูกปัดเล็กๆ สีชมพูและมีจี้ห้อยอยู่เป็นสัญลักษณ์เพศหญิง

อะไรน่ะ?

และอาเธอร์ก็สวมให้เขา...ทันใดนั้นร่างกายจู่ๆ รู้สึกร้อนวูบวาบไปทั้งตัวจนต้องนอนกองไปกลับพื้น ร่างกายเขาเริ่มปล่อยควันสีขาวออกมารอบกาย อาเธอร์ที่ฉีกยิ้มอย่างชั่วร้ายบอกสิ่งสุดท้ายก่อนที่จะสิ้นสติไป

“แล้วเจ้าจะได้รู้เองว่าการลงโทษที่แท้จริงสำหรับเรานั้นมันทรมานแสนสาหัสแค่ไหน!”

◊◊◊

[สี่ชั่วโมงก่อนเกิดเรื่องเมืองบาลาส]

[หอสมุดชั้นบนสุด - สถาบันนิวส์ไลฟ์]

ทำไม...มันกลายเป็นแบบนี้?

ทอมมี่ยืนอึ้งช็อกค้างสนิทเมื่อเห็นตัวเองในกระจกโดยมีเมดกำลังจัดแจงชุดตัวเขา...

ไม่ใช่ [เขา] อีกต่อไปแล้ว แต่เป็น [เธอ]

คนที่อยู่ในกระจกมันเป็นผู้หญิงชัดๆ!

ผมสั้นชี้ตรงสีแดงเข้ม นัยน์ตาสีฟ้าที่ดูลุกวาวกว่าที่เคยเป็น ใบหน้าอิ่มเอิ่มราวกับเป็นสาวแตกวัยรุ่น สวมชุดเกาะอกสีส้มแถบขาวที่ปิดบังหน้าอกที่เกือบจะเป็นหน้ากระดานแต่ยังพอมีรูปทรงให้รู้ว่าเป็นผู้หญิงและดูเหมือนความสูงจะหายไปหน่อยด้วย มือเท้าเล็บและทั้งร่างกายเนียนนุ่มนวล ที่ต้นคอมีจี้สร้อยคอสัญลักษณ์เพศหญิงอยู่

ตอนแรกก่อนที่จะเห็นว่าตัวเองกลายเป็นแบบนี้ตื่นขึ้นมาสะลึมสะลือ ใครสั่งอะไรก็ทำตามหมด รู้สึกจะเป็นเมดสาวสองคนนี้ที่มีหูแมวกับหูหมา พวกเธอสองคนมาจัดแจงตัวฉันตั้งแต่พาไปอาบน้ำขัดตัวและพอใส่เสื้อผ้าถึงเริ่มรู้สึกตัว

“อะ...อะไรเนี่ย”

“ได้สติแล้วเหรอค่ะท่านหญิง” เมดหูแมวว่าแล้วก็จัดแจงชุดต่อ

“ท่านหญิง!?”

“ต่อไปนี่เหนื่อยหน่อยนะคะ มากลายเป็นของเล่นของท่านอาเธอร์ซะได้”

เมดหูหมาว่าแบบนั้น

“ของเล่น!? ดะเดี๋ยว! รู้หรือเปล่าผมเป็นผู้ชาย!?”

“รู้สิค่ะ” เมดหูหมาตอบ “คนที่สวมสร้อยนั่นจะถูกเปลี่ยนเพศอยู่แล้ว...เอ๋...คุณเป็นคนที่สิบสองแล้วมั้งค่ะ”

“แต่ดูเหมือนว่านายท่านจะโปรดปรานท่านหญิงเป็นพิเศษนะคะ ต่อไปนี้ดิฉันจะสอนการเป็นผู้หญิงของนายท่านเอง!”

เมดหูหาวกล่าวอย่างชอบใจราวกับเป็นเรื่องปกติ แต่ทอมมี่ไม่รู้สึกแบบนั้นเลย

ไม่ๆๆๆ อย่าบอกว่านะบทลงโทษที่เจ้านั่นบอกก็คือ...

“ได้เวลาแล้วค่ะ!”

เมดทั้งสองดันตัวเขาออกจากห้องนอนไปยังห้องทำงานของอาเธอร์ที่นั่งยิ้มรออยู่ ทอมมี่บัดนี้เหงื่อไหลแตกซีดไปทั้งตัวแต่ก็ยังกล้าเอ่ยปาก

“แบบนี้ฆ่าผมไปเลยซะดีกว่า!”

อาเธอร์ได้ยินแล้วตบมือสองทีแล้วลุกขึ้นมา...เหมือนเห็นเขาหยิบลูกอมในตะกร้าขึ้นมาอมไว้ด้วย

“งดงามจริงๆ ขอบคุณเจ้าทั้งสองมาก”

“มิเป็นไรค่ะนายท่าน”

“ตอนนี้ออกไปได้แล้ว เราต้องการอยู่กันแค่สองคน”

“ค่ะนายท่าน”

พอเมดสองคนออกไป บรรยากาศไม่น่าไว้วางใจเพิ่มขึ้นมากเลยทีเดียว สายตาที่อาเธอร์มองยิ่งทำให้รู้สึกสะอิดสะเอียนมากขึ้น มันเป็นสายตาที่ผู้ชายมองผู้หญิงด้วยอารมณ์อย่างว่า

“จะเรียกเธอว่าอะไรดีนะ”

“ทะทะทอมมี่!”

เขาบอกชื่อของตัวเองไป อีกฝ่ายขมวดคิ้ว

“ชื่ออย่างกับผู้ชาย...เราจะเรียกเธอว่าเชอรี่ละกัน”

“กะ—”

ทอมมี่กะจะด่ากลับไปแต่เปลี่ยนใจเพราะกลัวถูกเวทมนต์ที่ฝังไว้กับตัวเขาแทน อาเธอร์ยิ้มชอบใจ

“งืม...รู้สถานภาพของตัวเองดี ขอชื่นชมเลยท่านอดีตจอมมาร” อาเธอร์พูดแล้วเดินเข้ามาเอามือจับที่จี้สร้อยคอ “เธอน่าจะรู้ดีว่าสร้อยนี่ไม่มีวันถอดได้เพราะถ้าถอดมันจะทำให้เธอกลายเป็นผู้หญิงตลอดกาล”

เหงื่อทอมมี่เริ่มไหลจากหน้าผากลงคอ มืออาเธอร์เริ่มไล้ขึ้นไปเรื่อยๆ แล้วจับปลายคางไว้

“และถ้าเธอสัมผัสคนที่เราไม่อนุญาตนานๆ เข้าก็จะกลายเป็นผู้หญิงตลอดไปเช่นกัน”

“กะ...นายจะทำอะไรกันแน่!?”

“นี่คือวิธีการลงโทษของเราไง”

จบคำพูดนั้น ริมฝีปากของอาเธอร์ประกบกับทอมมี่ทันที...และเหมือนถูกอะไรบางอย่างดันเข้ามาในปากนอกจากลิ้น เขาไม่สามารถโต้ตอบอะไรได้เลยเพราะความกลัว เมื่ออาเธอร์พอใจถึงผละออก คนถูกขโมยจูบช็อกค้างไปก่อนที่จะรู้สึกตัวเพราะมีอะไรบางอย่างในปาก

เปรี้ยว!? ลูกอมงั้นหรอ?

เขาป้อนลูกอมผ่านปากมา!?

ทอมมี่แสดงสีหน้าตกใจขีดสุดและอาเธอร์ก็พอใจที่เห็นสีหน้าแบบนั้นแล้วออกคำสั่ง

“เชอรี่ เธอต้องลงจากตึกนี้ไปเดินในเมืองสักสามสี่ชั่วโมงแล้วกลับมารายงานความรู้สึกที่ถูกพวกผู้ชายมองกับเรา”

“หะหะหะห๊ะ!? ทำไม...ต้องทำตามที่บอกด้วย!”

“หือ? เธอลืมไปแล้วหรือไงว่าตอนนี้ร่างกายเธอถูกควบคุมโดยสมบูรณ์แบบแล้ว แต่เราไม่อยากใช้ไม้นั้น...หวังว่าคงเข้าใจนะ”

อาเธอร์กล่าวอย่างเหนือกว่า ทอมมี่ที่จิตใจแตกเป็นเสี่ยงๆ กำหมัดแน่นก่อนที่จะฝืนพูดออกไป

“ก็ได้...”

“พูดให้เพราะๆ หน่อย”

“ค่ะ!”

แล้วเขาก็เดินออกจากห้องนี้ไปทำตามที่สั่ง

◊◊◊

[อีกไม่กี่นาทีก่อนเกิดเรื่องเมืองบาลาส]

[หอสมุดชั้นสิบ - สถาบันนิวส์ไลฟ์]

เลวร้าย...เลวร้ายสุดๆ!

ทอมมี่ที่กลายเป็นผู้หญิงแล้วกำลังนั่งร้องไห้หลบมุมในชั้นหนังสือหอสมุด

ทำไมต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วย!

แล้วเขาก็นึกย้อนหลังหลายชั่วโมงก่อนที่ถูกบังคับให้เดินในเมือง...สายตาผู้ชายทั้งหลายต่างจ้องมองมาหาเขา มันช่างน่าขยะแขยง...และมันทำให้เขานึกถึงใครบางคน

พี...เธอต้องเจอสายตาแบบนี้ตลอดเลยหรอ? เธอทรมานกับมันมากแน่ๆ!

คนที่ทอมมี่นึกถึงนั้นคือเพื่อนสนิทอีกคนที่ชื่อว่าพี เป็นผู้ชายแต่มีหน้าตารูปลักษณ์คล้ายผู้หญิงจนไม่มีใครมองออก...อีกทั้งเธอใส่ชุดนักเรียนหญิงอีกด้วย

และเป็นคนที่ทอมมี่สนิทสุด เขาหลงรักพีเต็มๆ ถึงรู้ว่าเป็นผู้ชายด้วยกัน แต่ไม่ได้ชอบเพราะรูปลักษณ์ภายนอกแต่ชอบเพราะพีคือพี แต่ถึงอย่างงั้นเขาก็ไม่อยากเสี่ยงทำลายความสัมพันธ์เลยเป็นแต่เพื่อนสนิทมาตลอด เขา พีและเฟียน่าต่างไปไหนด้วยกันเสมอ

ทั้งสองคน...อยู่ที่ไหนกันนะ

เขาเช็ดน้ำตาแล้วลุกขึ้นตรงไปที่ลิฟต์เตรียมกลับไปห้องทำงานส่วนตัวของอาเธอร์ที่อยู่ชั้นบนสุดเพราะมันใกล้เวลาแล้ว

นี่ผมต้องทำแบบนี้อีกต่อไปนานแค่ไหนกันนะ!?

พอลิฟต์เปิดก็พบว่ามีผู้ชายคนหนึ่งอยู่ในลิฟต์อยู่แล้ว เขาไว้ผมสั้นกุดสีน้ำตาล ตาสีม่วง อยู่ในชุดสีส้มสลับขาวสวมเกราะบางที่ซึ่งทอมมี่จำได้ว่าตอนเดินในเมืองเห็นอยู่บ้างน่าจะเป็นเจ้าหน้าที่อะไรสักอย่าง สายตาที่เขามองมามันเหมือนกับพวกนั้น

ทำไมต้องมองแบบนั้นด้วย!?

ทอมมี่ตัดสินใจเดินเข้าลิฟต์เพราะกลัวไม่ทันเวลาและพยายามอยู่ห่างๆ ไม่ให้โดนตัวกันแล้วกดลิฟต์ไปยังชั้นบนสุด ลิฟต์เริ่มเคลื่อนตัวขึ้น

ทำไงดีทำไงดี...อยู่ที่แคบๆ แบบนี้สองต่อสองด้วย

นิ่งๆ เงียบๆ ไว้น่าจะดีสุด!

ทอมมี่คิดแล้วตัดสินใจแบบนั้นเลยก้มทำหน้าเศร้าไว้อยู่เรื่อยๆ แล้วภาวนาในใจอย่าให้เกิดอะไรขึ้น ผ่านไปสักพักผู้ชายคนข้างๆ ก็ทักขึ้นมา

“คือ...เอ่อ...คุณผู้หญิงครับ...”

อย่าทักได้ไหม!

“เอ่อ...สวัสดีครับ”

ยังจะทักอีก!

“เป็นอะไรหรือเปล่า?”

หยุดวุ่นวายกับผมซะทีเหอะ!

พอคิดแบบนั้นแล้วจู่ๆ รู้สึกเหมือนโดนไฟฟ้าดูดไปทั้งตัวเลยสะดุ้งถอยตัวชิดผนังแก้วลิฟต์ถึงได้รู้ว่าเมื่อครู่ถูกผู้ชายคนนี้เอามือแตะบ่า

อย่างงี้เองหรอเนี่ย...มันเป็นแบบนี้เอง

“ขอโทษครับ! ไม่ตั้งใจเสียมารยาทจะแตะตัวเธอเลย! แต่ผมเรียกคุณตั้งหลายรอบแล้วเลย...”

คำแก้ตัวของผู้ชายตรงหน้ามันไม่ช่วยให้อาการผวาหายไปได้เลย เขาเห็นว่าเราเงียบเลยพูดต่อ

“จะบอกว่าเสื้อเกาะอกคุณมันจะหลุดแล้วครับ! มันเริ่มเห็นตรงนั้น...แล้ว”

ไม่รู้เพราะอะไรเรื่องที่เขาพูดมาทำให้หน้าร้อนวูบวาบไปหมดและก้มมองลงที่ชุดตัวเองก็เป็นไปอย่างที่เขาจริงๆ เลยรีบดึงมันขึ้นมาใหม่

นี่มันไม่ดีชัดๆ เขาเห็นตรงนั่นแล้ว...มันจะเป็นอะไรหรือเปล่านะ!?

แต่...ผมก็เข้าใจดีอยู่ว่าที่เขาพูดมานั้น หวังดี

“ขะขะขอบใจ!”

ทอมมี่พูดตามมารยาทแล้วหันหน้าหนี อีกฝ่ายพูดต่อ

“อ่า...ไม่เป็นไรครับ”

“หะเห็นมัน...ชัดๆ แล้วใช่ไหม?”

ทอมมี่ถาม...ซึ่งเขาไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องถามแบบนั้นไป? คงอยากให้แน่ใจ

“มะมะไม่เห็นอะไรทั้งนั้นครับ!” เขารนรานตอบ

“โกหก! ก่อนหน้านี้ยังพูดอยู่เลย โลกนี้...เขาว่ากันว่าเห็นร่างเปลือยก็เป็นสาวเจ้าไม่ได้แล้วใช่ไหม?”

ทอมมี่อารมณ์เดือดขึ้นมาเลยถามเรื่องบ้าๆ ออกไป...มันเป็นเรื่องที่ได้ยินผ่านหูตอนเดินในเมือง

ไม่นะ พูดแบบนั้นไปเหมือนกันเชิญชวนนิดๆ เลยนี่หว่า?

และมันก็เป็นอย่างที่ทอมมี่คิด ผู้ชายคนนั้นเอ่ยอย่างมันใจว่า

“งั้นผมจะรับผิดชอบเอง! ได้โปรดคบ—”

ตึ่ก!

ลิฟต์มาหยุดชั้นที่สี่สิบสอง...ดูเหมือนเป็นชั้นที่ผู้ชายคนนี้จะมาแต่แรกอยู่แล้วและมีผู้ชายผมทองอีกคนอยู่หน้าลิฟต์เอ่ยทัก

“อ้าวรอน! นายมาพอดีเลย เอาของกินอะไรมาฝากเปล่าคือเรากำลังจะ...อุ้ย วิ๊ดหวิ๊ว...นั่นแฟนนายหรอ! ชอบแนวสาวห้าวก็ไม่บอก เรามีเพื่อนแบบนี้เพียบเลยนะโว้ย”

“อ๊าก!”

ทอมมี่ได้ยินแบบนั้นแล้วส่งลูกถีบดันตัวผู้ชายในลิฟต์ออกไปแล้วรีบกดให้ขึ้นไปทันที พอประตูลิฟต์ปิดก็ทิ้งดิ่งนั่งกับพื้น

มันบ้าอะไรกันเนี่ย...

นี่มันต้องเป็นเพราะเจ้าอาเธอร์แน่ๆ! ความคิดในหัวมันวุ่นวายไปหมด!

ถึงจะโทษคนต้นเหตุแต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรขึ้นมาอยู่ดี พอมาถึงชั้นบนสุดที่ทำสถานที่ทำงานส่วนตัวของอาเธอร์ที่ดันมีห้องนอนอยู่ซ้ายมือ ซึ่งเขานั่งรอยิ้มด้วยความอยากรู้

“เป็นไงบ้างเชอรี่...สายตาพวกผู้ชายในเมืองมองเธอมันทำให้มีอารมณ์บ้างไหม”

“หา!?”

คำถามที่ชวนอ๊วกมันทำให้ทอมมี่รู้สึกว่าไม่อยากอยู่ในห้องนี้อีกต่อไป แต่ไม่มีทางเลือกเพราะร่างกายเขาเองถูกอาเธอร์ควบคุมได้ตลอดเวลาเลยเลือกที่จะตอบคำถาม

“ไม่เลยสักนิด”

“หึ เป็นเรื่องปกติสำหรับครั้งแรกของเธอละนะ...คงต้องใช้เวลาอีกสักหน่อยความคิดถึงจะเปลี่ยน”

“นี่! ถามหน่อย! ทำอะไรกับตัวเรากันแน่! มันเหมือนกับ...เหมือนกับว่าไม่ใช่ความคิดของตัวเองตลอดเวลายังไงก็ไม่รู้”

ทอมมี่ถามไปสั่นกลัวตัวเองไป คนที่ทำให้ทุกอย่างเป็นแบบนี้บอกคำตอบ

“เพื่อให้เธอรื่นรมย์กับเราไง”

สิ้นสุดคำพูดนั้นทอมมี่ก็ถูกลากเข้าห้องนอนเหวี่ยงขึ้นบนเตียง

“เดี๋ยว!”

ไม่ทันไรอาเธอร์ก็ฉีกเสื้อผ้าเปิดหน้าอกของทอมมี่แล้ว

“อย่านะโว้ย!”

ทอมมี่พยายามดิ้นถีบดันตัวออกไปแต่กลับไม่มีแรงเลย ในที่สุดก็ถูกจับล็อคแขนและขา...ไม่รู้ว่าทำไมน้ำตามันไหลพรากออกมามากมายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน อาเธอร์ค่อยๆ เอานิ้วลูบไล้ที่ใบหน้า

“เชอรี่...อย่าได้เสียใจไปเลย ต่อไปนี้เธอจงทำใจเสียเถอะ...แล้วเธอก็น่าจะสนุกกับมัน”

ความกลัวแล่นเข้าร่างกายทุกที่ทุกแห่งหน ทอมมี่หลับตาลงปี๋เพราะไม่สามารถทำอะไรได้แล้ว

แต่ว่า...

“นายท่านเจ้าค่ะ!”

เมดหูแมวกระแทกประตูเข้ามา อาเธอร์ตะคอกกลับ

“มีอะไร! ถ้าไม่ใช่เรื่องสำคัญล่ะก็จะ—”

“เมืองบาลาสฟอร์ดาวน์กะทันหันค่ะ! มีการประชุมเร่งด่วนจากสภานิวส์ไลฟ์ตอนนี้เลยค่ะ”

“หา!?”

ทอมมี่ได้เห็นสีหน้าตกใจของอาเธอร์เป็นครั้งแรก และแล้วทั้งสองคนนั้นก็เดินออกจากห้องไปปล่อยให้ทอมมี่ร้องไห้กับชะตากรรมตัวเองที่ต้องเจอเมื่อครู่

น่ากลัว...น่ากลัว...น่ากลัว

และเขาก็ภาวนาว่าจะไม่เจอเรื่องแบบนี้อีก

◊◊◊

[สองเดือนต่อมาหลังเกิดเรื่องที่เมืองบาลาส]

[หอสมุดชั้นบนสุด - สถาบันนิวส์ไลฟ์]

“แปบๆ เดียวเข้าเดือนที่สองแล้วนะคะ ท่านหญิง”

“อือ...”

เมดหูแมวที่วันนี้มาทำหน้าที่คนเดียวถามระหว่างที่กำลังจัดทรงผมที่เริ่มยาวขึ้นให้ทอมมี่

“คงเหนื่อยน่าดูสินะคะ...กว่าจะเริ่มรู้สึกชินได้”

“ก็คง...งั้นมั้ง”

ใช่...

ตอนนี้ก็เดือนสองแล้ว...สิ่งที่เคยภาวนาไว้มันไม่ช่วยอะไรเลย

ทอมมี่ที่ตอนนี้อ่อนล้าทั้งใจและทางกายกำลังนึกย้อนสิ่งที่ผ่านมาทั้งหมด

วันนั้นนึกว่าจะรอดแล้ว...เขากลับมาข่มขืนเราจนได้

หลังจากนั้นก็ถูกทำแบบนั้นทุกวัน...ทุกวัน...มีทั้งเฆี่ยนบ้างตีบ้าง เจ้าอาเธอร์เป็นพวกซาดิสชัดๆ

และยังมีความคิดประหลาดอีก ยังให้ฉันไปเดินในเมืองทั้งๆ ที่ไม่ใส่ชั้นใน แม้ไม่อยากจะทำแต่ก็ถูกเวทมนต์จับตามองดูอยู่ตลอดเวลา

เขาให้ทำแบบนี้อยู่หลายวันและหนักขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งให้ขายตัวกับพวกผู้ชายแถวนั้นโดยที่ยกเลิกผลการแตะตัวจากสร้อยนั่นชั่วคราว

ใช่...มันเลวร้ายมาก

แต่พอผ่านเข้าสัปดาห์ที่สอง ในหัวเราเริ่มว่างเปล่าเริ่มชาชินกับเรื่องพวกนี้และมีความรู้สึกอย่างหนึ่งผุดขึ้นทั้งๆ ที่รู้ว่ามันแต่การตอบสนองของร่างกายก็คือ ตัวเราเริ่มสนุกกับมัน

เรามั่นใจว่านี่เป็นผลของเวทมนต์ที่เมดหูแมวหูหมาเคยหลุดพูดให้ฟังอยู่ครั้งหนึ่ง มันจะค่อยๆ กลืนกินจิตใจไปเรื่อยๆ จนกลายเป็นคนละคนตามที่ท่านอาเธอร์ต้องการ

ถึงจะรู้ตัวว่าเป็นผลจากเวทมนต์แต่ในใจเริ่มไม่อยากขัดท่านอาเธอร์แล้ว เริ่มเชื่อฟัง เริ่มมีความรู้สึกบางอย่างกับเขา มีความสุขที่เชื่อฟังเขา...

นี่เรากลายเป็นตัวอะไรไปแล้วเนี่ย...

ก่อนหน้านี้เป็นแต่เด็กผู้ชายมอปลายแล้วมาสิงร่างจอมมารแล้วกลายเป็นทาสอารมณ์ของท่านอาเธอร์

ทุกอย่างมันจบสิ้น...ผู้ชายจากต่างโลกที่ชื่อว่าทอมมี่กำลังจะหายไป

“ท่านหญิงค่ะ ใกล้เวลาแล้วขอตัวก่อนนะคะ”

เมดหูแมวบอกลาแล้วเดินออกไป ตอนนี้เรากำลังมองกระจกที่สะท้อนให้เห็นตัวเองที่เป็นอยู่ตอนนี้

มีแต่เชอรี่อย่างที่ท่านอาเธอร์ให้เป็นเท่านั้น

แล้วเราก็ลุกขึ้นไปนั่งตรงกลางเตียง จัดแจงเสื้อผ้าลายลูกผ้าบางๆ ให้เปิดส่วนผิวมากที่สุด พอได้ยินเสียงเปิดประตูเข้าก็หันไปยิ้มต้อนรับ

“ท่านอาเธอร์ข๊า คิดถึงท่านจังเลย ทำไมปล่อยให้เชอรี่เหงาแบบนี้ละคะ”

◊◊◊

[สามเดือนต่อมาหลังเกิดเรื่องที่เมืองบาลาส]

[หอสมุดชั้นบนสุด - สถาบันนิวส์ไลฟ์]

ตอนนี้ในใจเราแทบจะไม่มีตัวตนทอมมี่หรือจอมมารเหลืออีกแล้ว

เชอรี่เผลอคิดแบบนั้นขึ้นมาเลยหงุดหงิดนิดหน่อยก่อนที่สลัดมันทิ้งไปแล้วเลือกชุดที่จะใส่คืนนี้ต่อเพลิดเพลิน

“วันนี้อารมณ์ดีนะคะ ท่านหญิง”

เมดหูหมาที่ยืนรับใช้อยู่ใกล้ๆ เอ่ยถามเพราะได้ยินเราฮัมเพลงตลอดเวลา

“ก็วันนี้ท่านอาเธอร์กลับมานี่น่า...จากไปตั้งเกือบๆ สัปดาห์เลยหน๊า...เออ! รู้เปล่าว่าท่านจะกลับมาตอนไหน”

“เร็วๆ นี้แหละค่ะ เมดอีกคนเลยออกไปทำหน้ารับตัวท่านกลับมาค่ะ”

“งั้นก็ใกล้ถึงแล้วสินะ! อิอิ”

ทำไมเราอารมณ์ดีเวอร์ๆ แบบนี้นะ

ตึ่ก!

เชอรี่ได้ยินเสียงเปิดประตูตรงห้องทำงานข้างนอกดังเข้ามาเลยรีบวิ่งจะออกไปกอดท่านอาเธอร์ แต่ถูกเมดหูหมาดักทางไม่ให้ออก

“ถอยไป”

“ไม่ได้ค่ะ ท่านหญิงยังไม่เรียบร้อยดีเลยเดี๋ยวจะถูกนายท่านต่อว่าได้นะคะ!”

“อ่า...นั่นสิ”

เชอรี่เกาหัวแล้วมองตัวเองที่ยังไม่ได้ใส่เสื้อผ้าอะไรเลย หลังจากนั้นก็ผ่านไปสิบห้านาทีก็จัดการตัวเองเสร็จเลยจะเดินออกไปแต่ถูกเมดหูหมาขวางไว้เหมือนเดิม

“มีอะไรอีก...ฉันก็จัดการตัวเรียบร้อยแล้วนะ”

“นายท่านมีแขกอยู่ค่ะ ยังออกไปไม่ได้หรอก”

“อ๋อ...ทำงานนั่นเหมือนเดิมสินะ”

“ใช่ค่ะ”

เชอรี่พยักหน้าเข้าใจแล้วกำลังจะกลับไปนั่งที่เตียงก็ได้ยินเสียงท่านอาเธอร์ดังขึ้น

“ถ้างั้นทางนี้จะให้เธออยู่พักที่นี่เลยละกัน ทั้งสองคนเลยนะ”

พอเชอรี่ได้ยินแบบนั้นแล้วทำไมในใจถึงรู้สึกเจ็บปวด

เขากำลังเอาผู้หญิงเข้ามาใหม่ เรากำลังถูกเขี่ยทิ้ง...ไม่นะ!

จู่ๆ ขามันลุกขึ้นแล้วเดินไปที่ประตูเอง เมดหูหมากั้นสุดฤทธิ์

“ออกไม่ได้นะคะท่านหญิง!”

“หา!? ฉันกำลังถูกพวกผู้หญิงนอกคอกแย่งนะ! ถอยไป!”

“แต่ว่า—”

“ไม่แต่อะไรทั้งนั้น บอกให้ถอยไป!”

เชอรี่จับตัวเมดหูหมาเหวี่ยงหลบไปแล้วเปิดประตูกล่าวลั่นห้องทำงานของอาเธอร์โดยไม่สนใจว่าใครอยู่บ้าง

“ใครคิดจะแย่งท่านอาเธอร์จากฉันหรอห๊ะ!?”

ในห้องทำงานนั้นมีอาเธอร์ที่ถอดสีหน้าและผู้หญิงอีกสามคน ผู้หญิงคนแรกไว้ผมถักเปี้ยคู่สีเหลืองยืนอยู่ข้างท่านอาเธอร์และอีกผู้หญิงอีกสองคนหัวขาวกับหัวม่วงนั่งอยู่และหัวขาวเกิดสงสัยขึ้นมาเลยหันไปถามหัวเหลือง

“เรย์ลี่...ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร?”

พอเชอรี่ได้ยินแบบนั้นแล้วเดินแอ่นตัวแนะนำตัวเองอย่างภาคภูมิใจ

“ฉันคือภรรยาของท่านอาเธอร์! พวกแกทั้งสามตัวไสหัวออกไปให้หมดเดี๋ยวนี้นะ!”

◊◊◊

ช่วงคุยกับไรท์เตอร์

จบลงไปแล้วสำหรับ Ch.17 ของเรื่อง CrystalFall: Fake/Brave นะจ๊ะ

เอ่อ...มันค่อนข้าง Dark หน่อยนะจ๊ะ เพื่อเนื้อเรื่องจ้า T_T

เป็นเรื่องราวของทอมมี่ เด็กผู้ชายที่เฟลิกซ์คุยด้วยก่อนที่จะถูกพามาต่างโลก

แต่แล้วชะตากรรมของเขามันย่ำแย่ซะจนตัวเองเปลี่ยนไปไม่เหลือโครงเค้าเดิมเลย (นายเปลี๊ยนไป๊ T_T)

ทว่าตอนท้ายของตอนนี้เป็นการใบ้เหตุการณ์บางอย่างล่วงหน้าเพราะจู่ๆ มันผ่านไปสามเดือนแล้วหลังจากเหตุการณ์ที่เมืองบาลาส

แล้วระหว่างนั้นเกิดอะไรกับเฟลิกซ์บางอย่างล่ะ? แล้วทำไมเรย์ลี่ถึงไปยืนอยู่ข้างอาเธอร์ในห้องนั้นด้วย?

โปรดติดตามต่อตอนไปที่เป็นบทหลักของภาคนี้มีชื่อว่า
Ch.18 Fake/Brave 1 – [บทลงโทษของพระเจ้า]

ถ้าชอบก็ Comment ให้กำลังใจกันบ้างเน้อ 1 Comment เท่ากับล้านกำลังใจเลย ฮ่าๆ

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.3 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา