Air Walker: เหินฟ้าคว้าฝัน
-
เขียนโดย Valentinlover
วันที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 เวลา 19.58 น.
6 ตอน
0 วิจารณ์
8,574 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 14.34 น. โดย เจ้าของนิยาย
5) วาทิต..รุ่นพี่ตัวเล็ก
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความแซนเดอร์ลงซ้อมกับทีมมาได้สองทิตย์แล้วจึงเริ่มสนิทกับเพื่อนร่วมทีม
เขาสังเกตลักษณะนิสัยของเพื่อนๆ เพื่อจะได้เป็นกัปตันที่ดีตามที่การุณย์แนะนำ
แอร์ปกติจะค่อนข้างขรึม แต่จะยิ้มแย้มถ้ามีคนคุยด้วย และเป็นคนมีความอดทนมากกว่าคนอื่น
กริชดูจะร่าเริงและยิ้มง่าย แต่ก็ใจร้อนกว่าแอร์
เจสัน เป็นยักษ์ใหญ่ แต่ใจดี แล้วก็ใจเย็นมาก แต่พูดภาษาไทยแบบมึนๆ
ฮั่น เป็นมนุษย์เรื่อยเปื่อย มักใช้เวลากับโทรศัพท์มากกว่าคนอื่น แต่ในสนามจะว่องไวปราดเปรียวมากชดเชยกับความสูงที่น้อยกว่าคนอื่น
ส่วนสำรองที่วางเป็นตัวหลักมี่ นายข่าน ที่มีรูปร่างตัน และบ้าพลัง แต่เป็นร่าเริงอย่างมาก ตุล นายคนนี้สายตาดี แต่ทักษะยังด้อยกว่าแอร์และกริช หรือแม้แต่ฮั่น แต่ก็นิ่งมาก เป็นพวกเก็บตัว และโอบ.. ที่เป็นเด็กเรียนสวมแว่นในยามปกติ แต่คล่องและฉลาดมาก มักษะโดยรวมไม่ดีนัก แต่ชู้ตสามแต้มแม่นอย่างกับจับวาง
ปัญหาของทีมคือห้าตัวหลักกับสำรองทักษะต่างกันมาก.. แต่ทีมบาสเกตบอลการเปลี่ยนตัวเป็นเรื่องของแท๊กติกและความจำเป็น แล้วมันก็สะท้อนออกมาจากการแข่งกระชับมิตรกับทีมที่แข็งกว่า.. พวกเขาทำได้ดีในตอนที่ตัวหลักอยู่กันครบ และเริ่มเป็นรองเมื่อมีสำรองสักคนหรือสองคน.. นี่คือปัญหาที่การุณย์ทราบดีและพยายามแก้ไข
แซนเดอร์กับฮั่นต้องกลับทางเดียวกัน แต่ไอ้ฮั่นก็มัวแต่เล่นโทรศัพท์จนไม่ได้คุยอะไรกัน สักครู่ก็มีชายหนุ่มร่างเล็กผิวขาวขึ้นมา หนุ่มคนนี้น่าจะเป็นรุ่นพี่เพราะอยู่ในชุดนักศึกษาอุดมศึกษา หอบของพะรุงพะรัง ดูท่าจะหนักไม่น้อย แต่ที่หวงคือกล่องใบใหญ่ที่กอดไว้แน่น
แซนเดอร์มองแล้วเห็นใจ อยากจะช่วยถือ แต่พี่คนนั้นอยู่ไกลเกินจะเรียก.. เพราะแซนเดอร์นั่งอยู่หลังสุดของรถ..
แต่ฉับพลัน.. รถก็เบรคกระทันหัน ชายหนุ่มร่างเล็กแม้จับราวไว้ก็ยังผงะเกือบล้ม แต่แล้วก็ยันกายได้ แซนเดอร์นึกชมในใจ ตัวก็เล็กแค่นั้น แต่ไม่ได้ปวกเปียก
"ควาย.. ปาดมาหาพ่อ.. "คนขับสบถ แล้วก็ออกรถกระชาก
กว่าชายหนุ่มจะรู้ตัวเอาก็ผงะหงายมานั่งอยู่บนตักของใครคนหนึ่ง
"ขอโทษครับ"ชายหนุ่มกล่าว" หน้าขาวๆแดงเป็นลูกมะเขือเทศ แล้วเขาก็รีบลุก แต่เพราะรถเหวี่ยงก็เลยจะเซไป แต่มือใหญ่แข็งแรงก็คว้าไว้ได้ทัน
"พี่นั่งเถอะครับ"
ชายหนุ่มจึงได้เห็นว่าผู้ที่ช่วยเหลือเขาเป็นหนุ่มน้อยหน้าตาลูกครึ่ง
แล้วรถก็หยุดลงเพราะติดไฟแดง
เด็กหนุ่มในชุดนักเรียจึงลุกขึ้น
พอเด็กหนุ่มลุกขึ้น ชายหนุ่มตัวเล็กถึงกับต้องเงยคอตั้ง
หัวของแซนเดอร์เกือบชนกับดวงไฟของรถ
"ขอบคุณครับ" ชายหนุ่มตอบแทนด้วยรอยยิ้มและคำขอบคุณแล้วก็นั่งลง
ฮั่นหันมามองหน้า เขาขมวดคิ้วแวบหนึ่ง แล้วก็คิดออก..
"พี่วาใช่ไหมครับ"
ชายหนุ่มที่กำลังจัดการข้าวของตัวเองหันไปมองหน้า
"ผมฮั่นน้องพี่หมิงที่พี่วาเคยไปติวฟรุ๊ตให้ที่บ้านเมื่อปีแล้ว" ฮั่นแนะนำตัว
หนุ่มร่างเล็กเอียงคอคิด..
"อ๋อ.. น้องฮั่น.. โตขึ้นเยอะเลย พี่จำไม่ได้แล้ว" เขากล่าวด้วยความยินดีเมื่อจำได้
"นี่เราเรียนนวสาครเหรอ.. " ชายหนุ่มทราบจากอักษรที่ปักบนเสื้อนักเรียน
" ทีมบาส.. " หนุ่มร่างเล็กทำหน้าแปลกใจ
"โรงเรียนเราเคยมีด้วยเหรอ.."
ฮั่นหัวเราะ มองหน้าแซนเดอร์ก่อนจะตอบ
"พึ่งตั้งครับ ผมกับพี่แซนเดอร์เป็นรุ่นแรกของทีมที่ตั้งใหม่" ฮั่นตอบ ไม่น่าแปลกใจเพราะวาทิตเป็นรุ่นพี่พวกเขาอยู่สี่ปี ก็เลยไม่รู้
วาทิตพยักหน้าช้าๆ แล้วเขาก็ทำท่าจะลุกขึ้น
“ลงป้ายนี้เหรอพี่” ฮั่นถาม
แต่แซนเดอร์มือจับหูกล่องใบใหญ่ที่วาทิตดูจะหวงแหนมาก
“ผมลงป้ายหน้าเหมือนกัน ผมช่วยถือ”
สองหนุ่มเดินกันเข้ามาภายในอาคารที่พักอาศัย
“ไม่ยักรู้ว่านายก็พักที่นี่” วาทิตกล่าว
“ก็พึ่งย้ายเข้ามาได้สี่เดือนเองครับ พอดีพ่อตัดสินใจซื้อแล้วเพราะเราคงจะอยู่กรุงเทพกันอีกยาว”
แซนเดอร์ตอบ
“มิน่าล่ะ รู้สึกคุ้นๆหน้า คงเพราะเคยเห็นนี่เอง” วาทิตยิ้ม
“หรือไม่ก็เพราะ พี่วาเคยเห็นเดฟ ลูกพี่ลูกน้องของผม” แซนเดอร์กล่าวอีกข้อสันนิษฐาน
“เออ.. ใช่เลย..” วาทิตร้องออกมา
“นายหน้าตาเหมือนพี่เดฟนี่เอง”
แซนเดอร์หัวเราะหึๆ
“มีคนบอกว่าเราคล้ายกัน คงเพราะเราเป็นลูกครึ่งเอเชียแล้ว พ่อของผมกับแม่ของเดฟหน้าตาคล้ายกัน”
แซนเดอร์เลยอาสาถือกล่องไปส่งถึงหน้าห้องพักของวาทิต
“ในนี้อะไรครับ.. ผมเห็นพี่ถือระวังมาเลย” แซนเดอร์ถามตอนส่งให้
“แซกโซโฟน..มันเป็นของคนที่พี่นับถือเป็นอาจารย์อีกคนหนึ่งเขาให้พี่มา ปกติพี่จะไม่ค่อยเอาไปใช้ แต่บังเอิญวันนี้มีสอบต้องใช้” วาทิตพูดแล้วยิ้ม
“พี่จุ๊ย รู้จักไหม” วาทิตบอกแล้วมองหน้าแซนเดอร์
“ครับ..” แซนเดอร์ยิ้ม
“ต้องรู้จักอยู่แล้วนี่.. เพราะเราเป็นน้องของพี่เดฟ..” วาทิตกล่าวแล้วก็หัวเราะ
“ใช่” แซนเดอร์พยักหน้า
“ได้ยินบ่อยๆจากเดฟ พอมาอยู่นวสาครนี่.. ก็ได้ยินบ่อยเหมือนกัน เหมือนพี่โป้งกับพี่โกล”
วาทิตหัวเราะบ้าง
“ฟังดูน่าเบื่อเนอะ.. เหมือนโดนกดดันให้เราเอาอย่างพวกเขายังไงก็ไม่รู้.. พี่เป็นเด็กสายดนตรี รู้ดีว่ายังไงเราก็เทียบพี่จุ๊ยไม่ได้ เพราะพี่จุ๊ยแกนี่สุดยอด ส่วนนายเป็นนักกีฬา ถึงจะเป็นนักบาสก็น่าจะรู้ดี ว่าจะเก่งได้เหมือนพี่โป้งนี่ก็ยากเย็น เหมือนพี่โกลนี่ลำบากมาก”
“พี่ทันได้เชียร์พี่โป้งไหมครับ” แซนเดอร์ถาม
“ไม่ทัน เพราะพี่เข้ามาสองคนก็ย้ายไปเล่นที่ภูเก็ตแล้ว แต่ทันได้ดูพี่ปอที่ไปเล่นเจลีก พี่ปอนี่ยิงทีตาข่ายแทบทะลุ เห็นแกลงเล่นตอนกีฬาสี แกอยู่สีเดียวกับพี่ตั้ม.. แต่อยู่คนละสีกับพี่อัคร พี่จอม.. พี่ฉัตร แข่งกันมันซะยิ่งกว่าบอลระหว่างโรงเรียน” วาทิตเล่าแล้วก็หัวเราะเสียงใส
“วา” เสียงหนักและแน่น พร้อมร่างเดินมาจากทางลิฟต์
พอมาถึงก็มองหน้าแซนเดอร์
“พี่อู๊ด” วาทิตขาน
“นี่ใครน่ะวา” อู๊ดถามแต่ตาอยู่แซนเดอร์
“รุ่นน้องที่โรงเรียนไง” วาทิตตอบ หน้าวาทิตตอนนี้ดูซีดลง
“เรื่องนั้น รู้แล้ว.. “ อู๊ดหันมาตะคอกเสียงเข้ม
แซนเดอร์ชักสงสัย
“พอดีเขาพักที่นี่เหมือนกัน แล้วเขาเห็นวาถือของเยอะก็เลยช่วยถือ” วาทิตอธิบาย
อู๊ดมองหน้าแซนเดอร์อีกรอบ
“ขอบใจนะ” อู๊ดเปลี่ยนน้ำเสียงเล็กน้อยแต่ยังมองหน้าแซนเดอร์ด้วยแววตาไม่เป็นมิตรนัก
ทีมกำลังซ้อมรับส่งบอลกันอยู่ ตอนที่แซนเดอร์ลงมาจากห้องของโค้ช ก็ปรบมือเรียกประชุมกลางสนามบาสกลางแจ้ง
“อาทิตย์หน้าเราจะมีการแข่งรายการอินวิเตชั่น เป็นการพบกันหมดสามทีม ที่สนามโรงเรียนของเขา โค้ชไม่ได้คาดหวังจะให้เราชนะเลิศ แต่เราก็ต้องทำให้ดีที่สุด เพราะอีกเดือนหนึ่งเราจะแข่งรายการใหญ่แล้ว” แซนเดอร์กล่าว แล้วมองตาทุกคน
“เอาหละ วันนี้เราก็ซ้อมกันตามโปรแกรมไปก่อน เดี่ยวพรุ่งนี้ โค้ชจะมาลงมาบรีฟเกี่ยวกับทีมคู่แข่งให้นะ เอ้าเริ่มซ้อมกันได้”
ทุกคนแยกกันออกไป แซนเดอร์เห็นแอร์เดินเนื่อยๆไปทางห้องน้ำที่อยู่ใต้ตึกก็เลยเดินตามไป
“ฮั่น..พี่ถามอะไรหน่อยสิ”
“ครับ” ฮั่นขาน
“ รู้จักพี่อู๊ดใช่ไหม” แซนเดอร์ถาม
“อืม.. หมายถึงหัวหน้าวงโยคนก่อนหน้าพี่วาใช่ไหม” ฮั่นรำลึก เพราะพี่ชายของฮั่นเป็นนักดนตรีในวงโยธวาทิตรุ่นเดียวกับวาทิต
“ไม่รู้สิ.. ผิวเข้มๆหน้าตาดุๆ” แซนเดอร์กล่าว
“นั้นหละ.. พี่อู๊ด.. เขาเป็นหัวหน้าวงคนต่อมาจากพี่จุ๊ย” ฮั่นบอก
“ทำไมเหรอ”
“เมื่อคืนพี่ช่วยพี่เขายกของไปส่ง ก็เลยเจอพี่อู๊ด แต่เหมือนเขาสองคนเป็นอะไรกันมากกว่ารุ่นพี่รุ่นน้อง” แซนเดอร์ตอบ
“อ๋อ..” ฮั่นลากเสียง แล้วยิ้มกริ่ม
“ทำไม เขาทำท่าหึงพี่อย่างนั้นสิ”
แซนเดอร์ยักไหล่ ทั้งสองเดินมาถึงห้องน้ำ เดินเข้าไปที่โถปัสสวะข้างๆกัน
“ก็ควรหละ.. พี่อู๊ดเขาเป็นแฟนพี่วา” ฮั่นตอบกลั้วหัวเราะ
“หือ” แซนเดอร์แปลกใจ
ฮั่นยิ้ม
“พี่เขาเป็นเกย์”
แซนเดอร์พยักหน้าเงิ่ดๆ
วาทิตเดินจากป้ายรถเมล์ตามทางเข้าไปยังคอนโดมิเนียมริมน้ำที่พัก ระหว่างทางจะมีสวนเล็กที่ชุมชนและคอนโดมิเนียมจัดสร้างเอาไว้ โดยมีสนามฟุตบอล และบาสเกตบอลอยู่ด้วย
ตอนนี้เป็นเวลาสามทุ่มและเป็นวันเสาร์ วาทิตจึงไม่คิดว่าจะมีใครมาเล่นบาสเกตบอลอยู่ในสนามเพียงคนเดียว
แซนเดอร์ยืนอยู่นอกเขตสามแต้มเล็งที่แป้นแล้วชู้ตไปลงห่วงอย่างแม่นยำ
เสียงปรบมือทำให้หันขวับ
วาทิตยืนอยู่ใต้เสาไฟพอดี ทำให้แสงทาบลงมาบนร่างเล็ก แถมวาทิตยังสวมชุดสีขาวครีมทำให้เหมือนกับเป็นการปรากฏกายของเทวดาตัวเล็กๆเลยทีเดียว
“ทำไมมาเล่นคนเดียวดึกๆ” วาทิตยถามแล้วเดินเข้ามา
แซนเดอร์เดินไปเก็บลูกบาส
“ก็ซ้อมพิเศษไงครับ จะแข่งวันพุธนี้แล้ว” ว่าแล้วแซนเดอร์ก็ชู้ตลูกลงไปอีก
“ดีเนอะ.. พี่ก็อยากเล่นกีฬานะ มันน่าสนุกดี.. แต่..” วาทิตวรรค
“พี่เล่นอะไรก็ไม่ได้เรื่อง”
แล้ววาทิตก็หัวเราะอีก
แซนเดอร์หันมามองหน้าวาทิต
“ผมเองก็อยากเล่นดนตรีนะ แต่ผมเล่นไม่ได้เรื่องสักอย่าง.. แม้แต่เป่าขลุ่ยยังเป่าผิดๆถูกๆ ตอนที่เรียนตอนม.หนึ่งเกือบตก ยังดีเป็นนักกีฬาโรงเรียนเลยผ่านมาได้”
วาทิตยิ้ม มองลูกบาสในมือแซนเดอร์
“เอาอย่างนี้ไหม.. พี่สอนเราเล่นดนตรี เราก็สอนพี่เล่นบาสบ้าง พี่จะได้ออกกำลังกาย”
แซนเดอร์ทำท่าคิด
“ก็ได้ครับ.. เริ่มวันนี้เลยไหม.. เริ่มจากชู้ตก่อน เสื้อผ้าจะได้ไม่เปื้อน”
แอร์ยืนอยู่บริเวณวงกลมเพื่อเล่นลูกโทษ เพราะทีมฝ่ายตรงข้ามตัดสินใจตัดจังหวะที่แอร์ลุยเข้าไปทำคะแนน
เขาชู้ตลูกแรกลงไปอย่างแม่นยำ หันไปตีมือกับกริชและฮั่น
“เด็กชื่อกริชปฏิเสธทีมของเรา” ชายร่างสูงกอดอก
“ใช่ครับ.. แต่ก็ต้องยอมรับเลยว่านายการุณย์ทำทีมได้ดี.. โดยเฉพาะเด็กนายนภากาศ ผมไม่เคยเห็นหน้านะ แต่ทักษะดีมาก” อีกคนเป็นผู้ช่วยกล่าว
“แปลว่าการแข่งขันทัวร์นาเมนท์หน้า เพราะก็คงประมาททีมใหม่นี่ไม่ได้สินะ” แล้วทั้งสองก็เดินออกจากโรงยิมไป
การุณย์ยืนกอดอกมองแอร์ชู้ตลงไปแล้ววิ่งกลับไปแดนตัวเอง
มันน่าพอใจ.. แต่ก็ยังมีอะไรต้องปรับปรุงอีกเยอะเหมือนกัน
“นี่มันแค่อุ่นเครื่อง” การุณย์หันมองสกอร์บอร์ดที่แสดงผลคะแนนที่นำอยู่ถึงยี่สิบแต้ม
“พวกนายต้องเจอของแข็งกว่านี้อีกเยอะ”
เสียงที่ออกจากขลุ่ยฟังดูพิลึกจนวาทิตอดขำไม่ได้
“ไม่เอาละ พี่หัวเราะ” แซนเดอร์ลดขลุ่ยลงอุทธรณ์
วาทิตต้องรีบกลั่นหัวเราะ
“ไม่หัวเราะแล้ว..” แล้วเขาก็ยกขลุ่ยของเขาขึ้นมา
“นายต้องหายใจผิดน่ะ เสียงมันเลยขาดๆหายๆ”
แล้วเขาก็ทำท่าสูดลมหายใจให้ดู
ก่อนจะเป่าไล่โน้ตให้ฟังด้วยเสียงที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน
“ลองใหม่”
แซนเดอร์ก็พยายามเลียนแบบ ระหว่างนั้นวาทิตก็เอามือมากดที่อกของเขา เพื่อควบคุมการหายใจออก
“ระบายช้าๆ อย่าให้พรวดเดียวหมด..” วาทิตกล่าวด้วยรอยยิ้มจางๆ
แซนเดอร์มองหน้าวาทิต แต่วาทิตมองที่นิ้วของเขาบนขลุ่ย
“เห็นไหม.. เสียงดีขึ้นเยอะเลย” วาทิตปล่อยมือแล้วก็ยิ้มกว้าง
แล้ววาทิตก็หันไปหยิบสมุดโน้ตออกมา
“มาเริ่มจากเพลงง่ายๆก่อนนะ”
ดวงหน้าของวาทิตช่างสว่างในแสงยามบ่าย.. รอยยิ้มนั้นก็ดูแสนดีเหลือเกิน
เขาสังเกตลักษณะนิสัยของเพื่อนๆ เพื่อจะได้เป็นกัปตันที่ดีตามที่การุณย์แนะนำ
แอร์ปกติจะค่อนข้างขรึม แต่จะยิ้มแย้มถ้ามีคนคุยด้วย และเป็นคนมีความอดทนมากกว่าคนอื่น
กริชดูจะร่าเริงและยิ้มง่าย แต่ก็ใจร้อนกว่าแอร์
เจสัน เป็นยักษ์ใหญ่ แต่ใจดี แล้วก็ใจเย็นมาก แต่พูดภาษาไทยแบบมึนๆ
ฮั่น เป็นมนุษย์เรื่อยเปื่อย มักใช้เวลากับโทรศัพท์มากกว่าคนอื่น แต่ในสนามจะว่องไวปราดเปรียวมากชดเชยกับความสูงที่น้อยกว่าคนอื่น
ส่วนสำรองที่วางเป็นตัวหลักมี่ นายข่าน ที่มีรูปร่างตัน และบ้าพลัง แต่เป็นร่าเริงอย่างมาก ตุล นายคนนี้สายตาดี แต่ทักษะยังด้อยกว่าแอร์และกริช หรือแม้แต่ฮั่น แต่ก็นิ่งมาก เป็นพวกเก็บตัว และโอบ.. ที่เป็นเด็กเรียนสวมแว่นในยามปกติ แต่คล่องและฉลาดมาก มักษะโดยรวมไม่ดีนัก แต่ชู้ตสามแต้มแม่นอย่างกับจับวาง
ปัญหาของทีมคือห้าตัวหลักกับสำรองทักษะต่างกันมาก.. แต่ทีมบาสเกตบอลการเปลี่ยนตัวเป็นเรื่องของแท๊กติกและความจำเป็น แล้วมันก็สะท้อนออกมาจากการแข่งกระชับมิตรกับทีมที่แข็งกว่า.. พวกเขาทำได้ดีในตอนที่ตัวหลักอยู่กันครบ และเริ่มเป็นรองเมื่อมีสำรองสักคนหรือสองคน.. นี่คือปัญหาที่การุณย์ทราบดีและพยายามแก้ไข
แซนเดอร์กับฮั่นต้องกลับทางเดียวกัน แต่ไอ้ฮั่นก็มัวแต่เล่นโทรศัพท์จนไม่ได้คุยอะไรกัน สักครู่ก็มีชายหนุ่มร่างเล็กผิวขาวขึ้นมา หนุ่มคนนี้น่าจะเป็นรุ่นพี่เพราะอยู่ในชุดนักศึกษาอุดมศึกษา หอบของพะรุงพะรัง ดูท่าจะหนักไม่น้อย แต่ที่หวงคือกล่องใบใหญ่ที่กอดไว้แน่น
แซนเดอร์มองแล้วเห็นใจ อยากจะช่วยถือ แต่พี่คนนั้นอยู่ไกลเกินจะเรียก.. เพราะแซนเดอร์นั่งอยู่หลังสุดของรถ..
แต่ฉับพลัน.. รถก็เบรคกระทันหัน ชายหนุ่มร่างเล็กแม้จับราวไว้ก็ยังผงะเกือบล้ม แต่แล้วก็ยันกายได้ แซนเดอร์นึกชมในใจ ตัวก็เล็กแค่นั้น แต่ไม่ได้ปวกเปียก
"ควาย.. ปาดมาหาพ่อ.. "คนขับสบถ แล้วก็ออกรถกระชาก
กว่าชายหนุ่มจะรู้ตัวเอาก็ผงะหงายมานั่งอยู่บนตักของใครคนหนึ่ง
"ขอโทษครับ"ชายหนุ่มกล่าว" หน้าขาวๆแดงเป็นลูกมะเขือเทศ แล้วเขาก็รีบลุก แต่เพราะรถเหวี่ยงก็เลยจะเซไป แต่มือใหญ่แข็งแรงก็คว้าไว้ได้ทัน
"พี่นั่งเถอะครับ"
ชายหนุ่มจึงได้เห็นว่าผู้ที่ช่วยเหลือเขาเป็นหนุ่มน้อยหน้าตาลูกครึ่ง
แล้วรถก็หยุดลงเพราะติดไฟแดง
เด็กหนุ่มในชุดนักเรียจึงลุกขึ้น
พอเด็กหนุ่มลุกขึ้น ชายหนุ่มตัวเล็กถึงกับต้องเงยคอตั้ง
หัวของแซนเดอร์เกือบชนกับดวงไฟของรถ
"ขอบคุณครับ" ชายหนุ่มตอบแทนด้วยรอยยิ้มและคำขอบคุณแล้วก็นั่งลง
ฮั่นหันมามองหน้า เขาขมวดคิ้วแวบหนึ่ง แล้วก็คิดออก..
"พี่วาใช่ไหมครับ"
ชายหนุ่มที่กำลังจัดการข้าวของตัวเองหันไปมองหน้า
"ผมฮั่นน้องพี่หมิงที่พี่วาเคยไปติวฟรุ๊ตให้ที่บ้านเมื่อปีแล้ว" ฮั่นแนะนำตัว
หนุ่มร่างเล็กเอียงคอคิด..
"อ๋อ.. น้องฮั่น.. โตขึ้นเยอะเลย พี่จำไม่ได้แล้ว" เขากล่าวด้วยความยินดีเมื่อจำได้
"นี่เราเรียนนวสาครเหรอ.. " ชายหนุ่มทราบจากอักษรที่ปักบนเสื้อนักเรียน
" ทีมบาส.. " หนุ่มร่างเล็กทำหน้าแปลกใจ
"โรงเรียนเราเคยมีด้วยเหรอ.."
ฮั่นหัวเราะ มองหน้าแซนเดอร์ก่อนจะตอบ
"พึ่งตั้งครับ ผมกับพี่แซนเดอร์เป็นรุ่นแรกของทีมที่ตั้งใหม่" ฮั่นตอบ ไม่น่าแปลกใจเพราะวาทิตเป็นรุ่นพี่พวกเขาอยู่สี่ปี ก็เลยไม่รู้
วาทิตพยักหน้าช้าๆ แล้วเขาก็ทำท่าจะลุกขึ้น
“ลงป้ายนี้เหรอพี่” ฮั่นถาม
แต่แซนเดอร์มือจับหูกล่องใบใหญ่ที่วาทิตดูจะหวงแหนมาก
“ผมลงป้ายหน้าเหมือนกัน ผมช่วยถือ”
สองหนุ่มเดินกันเข้ามาภายในอาคารที่พักอาศัย
“ไม่ยักรู้ว่านายก็พักที่นี่” วาทิตกล่าว
“ก็พึ่งย้ายเข้ามาได้สี่เดือนเองครับ พอดีพ่อตัดสินใจซื้อแล้วเพราะเราคงจะอยู่กรุงเทพกันอีกยาว”
แซนเดอร์ตอบ
“มิน่าล่ะ รู้สึกคุ้นๆหน้า คงเพราะเคยเห็นนี่เอง” วาทิตยิ้ม
“หรือไม่ก็เพราะ พี่วาเคยเห็นเดฟ ลูกพี่ลูกน้องของผม” แซนเดอร์กล่าวอีกข้อสันนิษฐาน
“เออ.. ใช่เลย..” วาทิตร้องออกมา
“นายหน้าตาเหมือนพี่เดฟนี่เอง”
แซนเดอร์หัวเราะหึๆ
“มีคนบอกว่าเราคล้ายกัน คงเพราะเราเป็นลูกครึ่งเอเชียแล้ว พ่อของผมกับแม่ของเดฟหน้าตาคล้ายกัน”
แซนเดอร์เลยอาสาถือกล่องไปส่งถึงหน้าห้องพักของวาทิต
“ในนี้อะไรครับ.. ผมเห็นพี่ถือระวังมาเลย” แซนเดอร์ถามตอนส่งให้
“แซกโซโฟน..มันเป็นของคนที่พี่นับถือเป็นอาจารย์อีกคนหนึ่งเขาให้พี่มา ปกติพี่จะไม่ค่อยเอาไปใช้ แต่บังเอิญวันนี้มีสอบต้องใช้” วาทิตพูดแล้วยิ้ม
“พี่จุ๊ย รู้จักไหม” วาทิตบอกแล้วมองหน้าแซนเดอร์
“ครับ..” แซนเดอร์ยิ้ม
“ต้องรู้จักอยู่แล้วนี่.. เพราะเราเป็นน้องของพี่เดฟ..” วาทิตกล่าวแล้วก็หัวเราะ
“ใช่” แซนเดอร์พยักหน้า
“ได้ยินบ่อยๆจากเดฟ พอมาอยู่นวสาครนี่.. ก็ได้ยินบ่อยเหมือนกัน เหมือนพี่โป้งกับพี่โกล”
วาทิตหัวเราะบ้าง
“ฟังดูน่าเบื่อเนอะ.. เหมือนโดนกดดันให้เราเอาอย่างพวกเขายังไงก็ไม่รู้.. พี่เป็นเด็กสายดนตรี รู้ดีว่ายังไงเราก็เทียบพี่จุ๊ยไม่ได้ เพราะพี่จุ๊ยแกนี่สุดยอด ส่วนนายเป็นนักกีฬา ถึงจะเป็นนักบาสก็น่าจะรู้ดี ว่าจะเก่งได้เหมือนพี่โป้งนี่ก็ยากเย็น เหมือนพี่โกลนี่ลำบากมาก”
“พี่ทันได้เชียร์พี่โป้งไหมครับ” แซนเดอร์ถาม
“ไม่ทัน เพราะพี่เข้ามาสองคนก็ย้ายไปเล่นที่ภูเก็ตแล้ว แต่ทันได้ดูพี่ปอที่ไปเล่นเจลีก พี่ปอนี่ยิงทีตาข่ายแทบทะลุ เห็นแกลงเล่นตอนกีฬาสี แกอยู่สีเดียวกับพี่ตั้ม.. แต่อยู่คนละสีกับพี่อัคร พี่จอม.. พี่ฉัตร แข่งกันมันซะยิ่งกว่าบอลระหว่างโรงเรียน” วาทิตเล่าแล้วก็หัวเราะเสียงใส
“วา” เสียงหนักและแน่น พร้อมร่างเดินมาจากทางลิฟต์
พอมาถึงก็มองหน้าแซนเดอร์
“พี่อู๊ด” วาทิตขาน
“นี่ใครน่ะวา” อู๊ดถามแต่ตาอยู่แซนเดอร์
“รุ่นน้องที่โรงเรียนไง” วาทิตตอบ หน้าวาทิตตอนนี้ดูซีดลง
“เรื่องนั้น รู้แล้ว.. “ อู๊ดหันมาตะคอกเสียงเข้ม
แซนเดอร์ชักสงสัย
“พอดีเขาพักที่นี่เหมือนกัน แล้วเขาเห็นวาถือของเยอะก็เลยช่วยถือ” วาทิตอธิบาย
อู๊ดมองหน้าแซนเดอร์อีกรอบ
“ขอบใจนะ” อู๊ดเปลี่ยนน้ำเสียงเล็กน้อยแต่ยังมองหน้าแซนเดอร์ด้วยแววตาไม่เป็นมิตรนัก
ทีมกำลังซ้อมรับส่งบอลกันอยู่ ตอนที่แซนเดอร์ลงมาจากห้องของโค้ช ก็ปรบมือเรียกประชุมกลางสนามบาสกลางแจ้ง
“อาทิตย์หน้าเราจะมีการแข่งรายการอินวิเตชั่น เป็นการพบกันหมดสามทีม ที่สนามโรงเรียนของเขา โค้ชไม่ได้คาดหวังจะให้เราชนะเลิศ แต่เราก็ต้องทำให้ดีที่สุด เพราะอีกเดือนหนึ่งเราจะแข่งรายการใหญ่แล้ว” แซนเดอร์กล่าว แล้วมองตาทุกคน
“เอาหละ วันนี้เราก็ซ้อมกันตามโปรแกรมไปก่อน เดี่ยวพรุ่งนี้ โค้ชจะมาลงมาบรีฟเกี่ยวกับทีมคู่แข่งให้นะ เอ้าเริ่มซ้อมกันได้”
ทุกคนแยกกันออกไป แซนเดอร์เห็นแอร์เดินเนื่อยๆไปทางห้องน้ำที่อยู่ใต้ตึกก็เลยเดินตามไป
“ฮั่น..พี่ถามอะไรหน่อยสิ”
“ครับ” ฮั่นขาน
“ รู้จักพี่อู๊ดใช่ไหม” แซนเดอร์ถาม
“อืม.. หมายถึงหัวหน้าวงโยคนก่อนหน้าพี่วาใช่ไหม” ฮั่นรำลึก เพราะพี่ชายของฮั่นเป็นนักดนตรีในวงโยธวาทิตรุ่นเดียวกับวาทิต
“ไม่รู้สิ.. ผิวเข้มๆหน้าตาดุๆ” แซนเดอร์กล่าว
“นั้นหละ.. พี่อู๊ด.. เขาเป็นหัวหน้าวงคนต่อมาจากพี่จุ๊ย” ฮั่นบอก
“ทำไมเหรอ”
“เมื่อคืนพี่ช่วยพี่เขายกของไปส่ง ก็เลยเจอพี่อู๊ด แต่เหมือนเขาสองคนเป็นอะไรกันมากกว่ารุ่นพี่รุ่นน้อง” แซนเดอร์ตอบ
“อ๋อ..” ฮั่นลากเสียง แล้วยิ้มกริ่ม
“ทำไม เขาทำท่าหึงพี่อย่างนั้นสิ”
แซนเดอร์ยักไหล่ ทั้งสองเดินมาถึงห้องน้ำ เดินเข้าไปที่โถปัสสวะข้างๆกัน
“ก็ควรหละ.. พี่อู๊ดเขาเป็นแฟนพี่วา” ฮั่นตอบกลั้วหัวเราะ
“หือ” แซนเดอร์แปลกใจ
ฮั่นยิ้ม
“พี่เขาเป็นเกย์”
แซนเดอร์พยักหน้าเงิ่ดๆ
วาทิตเดินจากป้ายรถเมล์ตามทางเข้าไปยังคอนโดมิเนียมริมน้ำที่พัก ระหว่างทางจะมีสวนเล็กที่ชุมชนและคอนโดมิเนียมจัดสร้างเอาไว้ โดยมีสนามฟุตบอล และบาสเกตบอลอยู่ด้วย
ตอนนี้เป็นเวลาสามทุ่มและเป็นวันเสาร์ วาทิตจึงไม่คิดว่าจะมีใครมาเล่นบาสเกตบอลอยู่ในสนามเพียงคนเดียว
แซนเดอร์ยืนอยู่นอกเขตสามแต้มเล็งที่แป้นแล้วชู้ตไปลงห่วงอย่างแม่นยำ
เสียงปรบมือทำให้หันขวับ
วาทิตยืนอยู่ใต้เสาไฟพอดี ทำให้แสงทาบลงมาบนร่างเล็ก แถมวาทิตยังสวมชุดสีขาวครีมทำให้เหมือนกับเป็นการปรากฏกายของเทวดาตัวเล็กๆเลยทีเดียว
“ทำไมมาเล่นคนเดียวดึกๆ” วาทิตยถามแล้วเดินเข้ามา
แซนเดอร์เดินไปเก็บลูกบาส
“ก็ซ้อมพิเศษไงครับ จะแข่งวันพุธนี้แล้ว” ว่าแล้วแซนเดอร์ก็ชู้ตลูกลงไปอีก
“ดีเนอะ.. พี่ก็อยากเล่นกีฬานะ มันน่าสนุกดี.. แต่..” วาทิตวรรค
“พี่เล่นอะไรก็ไม่ได้เรื่อง”
แล้ววาทิตก็หัวเราะอีก
แซนเดอร์หันมามองหน้าวาทิต
“ผมเองก็อยากเล่นดนตรีนะ แต่ผมเล่นไม่ได้เรื่องสักอย่าง.. แม้แต่เป่าขลุ่ยยังเป่าผิดๆถูกๆ ตอนที่เรียนตอนม.หนึ่งเกือบตก ยังดีเป็นนักกีฬาโรงเรียนเลยผ่านมาได้”
วาทิตยิ้ม มองลูกบาสในมือแซนเดอร์
“เอาอย่างนี้ไหม.. พี่สอนเราเล่นดนตรี เราก็สอนพี่เล่นบาสบ้าง พี่จะได้ออกกำลังกาย”
แซนเดอร์ทำท่าคิด
“ก็ได้ครับ.. เริ่มวันนี้เลยไหม.. เริ่มจากชู้ตก่อน เสื้อผ้าจะได้ไม่เปื้อน”
แอร์ยืนอยู่บริเวณวงกลมเพื่อเล่นลูกโทษ เพราะทีมฝ่ายตรงข้ามตัดสินใจตัดจังหวะที่แอร์ลุยเข้าไปทำคะแนน
เขาชู้ตลูกแรกลงไปอย่างแม่นยำ หันไปตีมือกับกริชและฮั่น
“เด็กชื่อกริชปฏิเสธทีมของเรา” ชายร่างสูงกอดอก
“ใช่ครับ.. แต่ก็ต้องยอมรับเลยว่านายการุณย์ทำทีมได้ดี.. โดยเฉพาะเด็กนายนภากาศ ผมไม่เคยเห็นหน้านะ แต่ทักษะดีมาก” อีกคนเป็นผู้ช่วยกล่าว
“แปลว่าการแข่งขันทัวร์นาเมนท์หน้า เพราะก็คงประมาททีมใหม่นี่ไม่ได้สินะ” แล้วทั้งสองก็เดินออกจากโรงยิมไป
การุณย์ยืนกอดอกมองแอร์ชู้ตลงไปแล้ววิ่งกลับไปแดนตัวเอง
มันน่าพอใจ.. แต่ก็ยังมีอะไรต้องปรับปรุงอีกเยอะเหมือนกัน
“นี่มันแค่อุ่นเครื่อง” การุณย์หันมองสกอร์บอร์ดที่แสดงผลคะแนนที่นำอยู่ถึงยี่สิบแต้ม
“พวกนายต้องเจอของแข็งกว่านี้อีกเยอะ”
เสียงที่ออกจากขลุ่ยฟังดูพิลึกจนวาทิตอดขำไม่ได้
“ไม่เอาละ พี่หัวเราะ” แซนเดอร์ลดขลุ่ยลงอุทธรณ์
วาทิตต้องรีบกลั่นหัวเราะ
“ไม่หัวเราะแล้ว..” แล้วเขาก็ยกขลุ่ยของเขาขึ้นมา
“นายต้องหายใจผิดน่ะ เสียงมันเลยขาดๆหายๆ”
แล้วเขาก็ทำท่าสูดลมหายใจให้ดู
ก่อนจะเป่าไล่โน้ตให้ฟังด้วยเสียงที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน
“ลองใหม่”
แซนเดอร์ก็พยายามเลียนแบบ ระหว่างนั้นวาทิตก็เอามือมากดที่อกของเขา เพื่อควบคุมการหายใจออก
“ระบายช้าๆ อย่าให้พรวดเดียวหมด..” วาทิตกล่าวด้วยรอยยิ้มจางๆ
แซนเดอร์มองหน้าวาทิต แต่วาทิตมองที่นิ้วของเขาบนขลุ่ย
“เห็นไหม.. เสียงดีขึ้นเยอะเลย” วาทิตปล่อยมือแล้วก็ยิ้มกว้าง
แล้ววาทิตก็หันไปหยิบสมุดโน้ตออกมา
“มาเริ่มจากเพลงง่ายๆก่อนนะ”
ดวงหน้าของวาทิตช่างสว่างในแสงยามบ่าย.. รอยยิ้มนั้นก็ดูแสนดีเหลือเกิน
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ