Air Walker: เหินฟ้าคว้าฝัน

-

เขียนโดย Valentinlover

วันที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 เวลา 19.58 น.

  6 ตอน
  0 วิจารณ์
  8,553 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 14.34 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) ความช่วยเหลือจากอดีตนักบาส..

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

          โรงเรียนเปิดเทอม.. แอร์ในชุดนักเรียนเดินมาช้าๆท่ามกลางหมู่นักเรียนจำนวนมากที่กำลังตื่นเต้นกับการเปิดเทอมใหม่ ทุกคนอยู่ในชุดเสื้อผ้าชุดใหม่ มีรอยยิ้มเสียงหัวเราะสนทนากับเพื่อนเก่าและใหม่อย่างร่าเริง

            แอร์เดินผ่านประตูเข้ามา เขายกมือไหว้อาจารย์ที่ยืนหน้าโรงเรียน แล้วเดินผ่านเข้าไปภายใน

            เขาหยุดเท้าแล้วมองไปข้างหน้าสู่หมู่ตึกเรียนที่ไม่คุ้นเคย 

            นวสาครวิทยาลัย.. โรงเรียนที่มีผลงานวิชาการไม่โดดเด่นนัก แต่ผลงานด้านกิจกรรมเป็นเลิศ ที่นี่เคยมีนักแซกโซโฟนหนุ่มที่เก่งกาจและได้แชมป์ระดับประเทศ ที่นี่เคยมีนักฟุตบอลที่ฝีเท้าจัดจ้านอย่าง โป้ง เทพพร และ โกล กรกฏ แล้วยังจะ วู๊ด ฤทธา ปอ ปรเมศวร ตั้ม ทรงยศ จอม จอมทอง และศูนย์หน้าอัคร..

            แต่ที่เขาตัดสินใจเลือกเรียนที่นี่ เพราะที่นี่มีโค้ชการุณย์ อดีตนักบาสเกตบอลตำแหน่ง Small Forward ของทีมชาติไทย..

            และที่นี่มี..

            “แอร์” เสียงเรียกจากข้างหลัง

            เด็กหนุ่มที่มีเรือนรางสูงทัดเทียมกับเขา ผิวเข้มแต่มีดวงตากลมโตเป็นประกายสดใสวิ่งมาเคียงข้าง กริช..

            “กูเห็นมึงเดินผ่านหอ ก็เลยรีบตามมา” กริชกล่าวเมื่อมาถึง

            “ไป.. กูจะพาไปรู้จักเพื่อนๆ มีเด็กหอเดียวกันเป็นนักบาสเหมือนกันอยู่สองคน”

            แอร์พยักหน้า แล้วเดินตามกริชที่เดินนำไปอย่างมั่นใจแม้จะเป็นเด็กใหม่เหมือนกัน

           

            “นั่นมันเด็กม.สี่แน่เหรอครู.. สูงอย่างเปรต ครูว่าสูงแล้วสองคนนั้นคงจะสูงกว่าแน่ถ้าโตขึ้น” อาจารย์วัยสี่สิบต้นกล่าว เขาอยู่ในข้าราชการสีน้ำตาลที่แปลกตาเด็กนักเรียน เพราะปกตินักเรียนจะคุ้นเคยกับชุดวอร์ม และถือลูกฟุตบอล เพราะเขาคืออาจารย์ป้อมเพชร โค้ชทีมฟุตบอลของนวสาคร ผู้สร้างทีมนวสาครจนแข็งแกร่ง

            อาจารย์หนุ่มอีกคนอยู่ในชุดแบบเดียวกัน ยิ้มแล้วหันมา

            “นี่หล่ะครับนักบาส.. ถ้าขืนตัวบางจิ๋วแบบนายโป้ง คงเล่นไม่ได้.. นักบาสระดับโลกเขาตัวสูงขนาดนี้ทั้งนั้นหละครับ”

            ป้อมเพชรพยักหน้า

            “แต่การจะทำทีมบาสไม่ง่ายเลยนะครู..” ป้อมเพชรกล่าวแล้วหันมองไปทางสนามบาสกลางแจ้ง กลายเป็นสนามฟุตบอลโดยสภาพตอนนี้ แป้นบาสก็เก่ามากเพราะขาดคนเล่นมานาน ตาข่ายขาดเพราะยังไม่ใครเปลี่ยน

            “จริงอยู่ที่นี่สนับสนุนกีฬาและกิจกรรม แต่เพราะที่นี่กิจกรรมเด่นมาก แล้วงบมันก็มีจำกัด.. จะของบูรณะซากปรักหักพังของทีมนี่หนักหนาเลยนะครู.. เพราะคณะกรรมการเขายังเข็ดกับกรณีทุจริตของโค้ชบาสคนเก่าที่โดนไล่ออกไปอยู่”

            การุณย์หน้าเศร้าลงนิดหน่อย แต่ก็ยิ้มออกมา

            “ผมก็จะลองดูครับ”

            ป้อมเพชรมองท่าทางของครูหนุ่มวัยเพียงสามสิบเจ็ดปีแล้วก็อมยิ้ม.. เอามือตบบ่าแล้วเดินไปด้วยกัน

            “ผมมีเงินก้อนหนึ่งนะครู.. เจ้าโป้งมันโอนมาให้ ตอนมันได้โบนัสจากที่พา นารา ธันเดอร์เดียร์เป็นแชมป์ บอกว่าเอาเป็นค่าอุปกรณ์ให้น้องๆ แต่โรงเรียนมีทุกอย่างครบแล้วผมก็เลยไม่ได้ใช้.. เก็บเอาไว้เฉยๆ ผมจะเอาให้ครูยืมก่อน คงพอจะซื้ออุปกรณ์การซ้อมดีๆ แล้วก็ของที่ใช้ที่จำเป็นได้” ป้อมเพชรเสนอ

            การุณย์หันมองหน้าโค้ชป้อมด้วยความซาบซึ้ง

            “ขอบคุณครับ”

            “เฮ้ย ไม่เป็นไร.. เราก็พวกเดียวกัน.. ผมเข้าใจดี เพราะตอนที่เข้ามาทีมบอลก็ย่ำแย่เหมือนกัน กว่าจะทำให้ยอมรับได้ก็เหนื่อยแทบแย่เหมือนกัน  แต่ผมก็สู้นะเพื่อเด็กๆ เพื่อวงการฟุตบอล.. ครูก็เหมือนกันไม่ใช่เหรอ  เพื่อเด็กๆ เพื่อวงการบาสเกตบอล..” ป้อมเพชรกล่าวแล้วมองไปข้างหน้า แววตาคู่นั้นเป็นประกาย

            “ผมก็อยากเห็นเด็กไทยไปเป็นนักกีฬาใน NBA หรือไม่ก็ได้เหรียญทองโอลิมปิกสักครั้งเหมือนกัน”

 

 

กริชเป็นคนยิ้มง่าย และหัวเราะเสียงดัง ดวงหน้าเข้มของกริชจะสว่างไสวเวลาเขายิ้ม

แอร์กับกริชสนิทกันมากขึ้นตอนปิดเทอม เพราะเขากับกริชจะชวนกันเล่นบาสที่สนามของสวนสาธารณะแทบทุกวัน

ตอนนี้แอร์รู้แล้วว่ากริชเป็นลูกกำพร้าที่โตในสถานสงเคราะห์จังหวัดระนอง เมื่อปีที่ผ่านมากริชมาแข่งบาสที่กรุงเทพ เขาจึงได้เจอกับการุณย์ จึงติดตามการุณย์มาเรียนที่นวสาครแทนจะไปโรงเรียนชื่อดังเรื่องบาสเกตบอล

"พ่อเลิกบ่นแล้วรึยัง" กริชถาม

"ก็เลิกแล้ว.. ท่านไม่ใช่คนพูดมากอยู่แล้ว แต่ก็คงไม่พอใจมาก เพราะเลิกบ่นปุบ ก็ไม่คุยด้วยเลยแทน" แอร์พยายามหัวเราะให้ออก

“เลยโล่งหูมาก ช่วงนี้"

กริชมองแอร์หัวเราะ แต่เขาถอนใจเบาๆตบบ่า

“เอาวะ เขาก็รักเรานั้นหละถึงได้เข้มงวด แล้วก็ผิดหวังกับเราจริงไหม"

 

เพื่อนใหม่ที่กริชแนะนำชื่อฮั่น แม้จะเตี้ยกว่าแอร์แต่ก็แลดูปราดเปรียว อีกคนเป็นลูกครึ่งผิวดำชื่อเจสัน ร่างสูงตันเหมือนชักคลิล โอนิล ยอดนักบาสเกตบอลทีมแอลเอ เลคเกอร์ในยุครุ่งเรือง

และเพราะเป็นเด็กใหม่เหมือนกันก็เลยเข้ากลุ่มกันได้ดี แต่เจสัน กับฮั่นเรียนกันคนละห้องกับกริชกับแอร์ ก็เลยต้องแยกกันไปตอนเข้าแถว

เพื่อนคนที่อยู่ลำดับถัดไปมองความสูงของกริชกับแอร์แล้วก็ถาม

“พวกนายกินอะไรเป็นอาหารเนี่ย ถึงได้โตขนาดนี้” คนที่ถามสูงราวร้อยเจ็ดสิบเศษๆ

กริชเตี้ยกว่าแอร์นิดหน่อยก็เลยอยู่ติดกับเขา

“ก็กินหลายอย่าง.. ก็กิเหมือนนายนั่นหละมั้ง” แล้วกริชก็ยิ้ม

ตอนนี้แอร์สูงร้อยแปดสิบเก้า ส่วนกริชเตี้ยกว่าน่าจะประมาณร้อยแปดสิบสามหรือไม่ก็ร้อยแปดสิบสี่

มีคนถามเขาแบบนี้เสมอเรื่องส่วนสูง ที่โรงเรียนเก่าก็เรียกเขาว่าเปรตบ้าง ยักษ์บ้าง แต่แอร์ไม่ค่อยสนใจ ที่จริงต้องบอกว่าไม่แคร์มากกว่า เพราะเขามีเรื่องให้ต้องสนใจมากกว่าคือเรื่องผลการเรียน

 

เพราะความสูงทำให้พวกเลือกนั่งหลังสุดของห้อง

พออาจารย์หนุ่มวัยราวประมาณเดียวกับโค้ชการุณย์เข้ามาเห็น ก็พินิจ..

"เออเนอะ ห้องนี้มียักษ์วัดแจ้ง กับยักษ์วัดโพธิ์อยู่ด้วย ดีๆ สูงดีมาก ต้องอย่างนี้สิ.. ไม่ใช่ตัวกระเปี๊ยกเป็นลูกลิงอย่างไอ้พวกนี้" ว่าแล้วยีหัวไอ้หนุ่มร่างจิ๋วหน้ามมที่นั่งอยู่หน้าห้อง

แล้วอาจารย์หนุ่มก็นึกอะไรออกอย่างหนึ่ง

"แล้วใครที่ว่ามาจากเตรียม"

แอร์รู้สึกลำบากใจ แต่ก็ยกมือ

อาจารย์หนุ่มเดินมาข้างๆ

"ก็ดีแล้วหละ.. ที่ตัดสินใจเด็ดขาด ไม่ใช่สถาบันเขาไม่ดีนะ ดี.. แต่บางทีบรรยกาศมันก็กดดันเกินไป" เขายิ้ม

"ผมเข้าใจคุณ"

อาจารย์คนนี้ชื่ออติ.. สอนวิชาดนตรี แต่เขาเป็นอาจารย์ประจำชั้นของพวกเขา

 

กุญแจห้องอุปกรณ์ต้องออกแรงเขย่ามันจึงคลายตัว เหมือนมันจะแปลกใจที่มีคนมาปลุกมันจากอาการหลับไหล เลยดื้อดึงด้วยความงัวเงีย

"นี่คือที่เหลือมา.. ชมรมบาสยุบไปเมื่อ พวกเจ้าโกล ม.สาม..  ก็ประมาณเกือบๆเจ็ดปีได้.." อาจารย์ป้อมกล่าวแล้วเดินนำเข้ามา

"เมื่อก่อนอาจารย์วีย์ แกใช้ห้องนี้เป็นห้องประชุมทีม เพราะทีมบาสมีกันอยู่แค่ไม่กี่คน พอแกออกไป ทีมยุบ ผมเลยให้พวกนักบอลช่วยกันเก็บอุปกรณ์ ที่อยู่ในโรงยิม อย่างพวกสกอร์บอร์ดดิจิตอลกับอุปกรณ์จับเวลา แป้นบาสราคาแพงๆ แล้วก็สั่งของถูกๆไปติดแทน ลูกบาสดีๆที่ไว้แข่ง.. เสื้อผ้านักกีฬาที่มาส่งใหม่ยังไม่ได้ใช้ อุปกรณ์อุปสรรคที่ใช้ตอนซ้อม แล้วก็สารพัดสารเพมาเก็บไว้ในนี้หมดเลย.. "

"ส่วนห้องเก็บของของชมรมบาสตอนนี้ชมรมดนตรีเขายืมไว้เก็บเครื่องดนตรีเก่า ถ้าอยากได้ ก็ต้องไปแจ้งครูอติให้มาขนไป"

การุณย์หันไปมองหน้าหนุ่มๆทั้งสี่..

"ก็ยังดีเนอะ.."

สี่หนุ่มหันมองหน้ากัน

            “แต่นี่.. มีกันแค่นี่เองเหรอนักกีฬา.. ปกติหนึ่งทีมต้องมีห้าคนไม่ใช่เหรอ” ป้อมเพชรมองหน้าหนุ่มๆที่ตัวสูงกว่าเขาแทบทุกคน

            “ก็ว่าจะเริ่มประกาศรับพรุ่งนี้หละครับ..” การุณย์มองหน้าลูกทีม

 

       แอร์ กับกริชช่วยกันเดินติดป้ายประกาศรับนักกีฬาตั้งแต่เช้า ที่จริงเขาก็ไม่ได้คาดหวังอะไร เพราะเด็กนักเรียนที่นี่ดูจะสนใจกับกีฬาฟุตบอลมาก ก็น่าจะเป็นอย่างนั้นอยู่หรอก ตอนนี้เมืองไทยมีลีกฟุตบอลอาชีพที่เข้มแข็ง แต่ลีกอาชีพของบาสเกตบอลนั้นยังเตะแตะอยู่.. หนทางก้าวหน้าในกีฬานี้มีจำกัดมาก..

               แถมที่นี่ยังเป็นที่ซึ่งมีอดีตนักเตะลูกหม้อ ปอ ปรเมศวร์ที่ศูนย์หน้าเท้าหนักที่ไปค้าแข่งในเจลีก และอีกหลายๆคนรวมทั้งโกล กรกฏที่เติมโตทางด้านฟุตบอลจากที่นี่ เด็กหลายๆคนเลือกเรียนโรงเรียนนี้เพราะอยากเข้าทีมฟุตบอลของที่นี่

            แต่พอตกเย็นก็มีคนมาร่วมคัดตัวกันมากพอสมควร แต่การุณย์ก็รับไว้หมดเพราะยังไงก็เป็นกิจกรรมเพื่อเด็กๆ ถึงบางคนจะไม่ได้มีคุณสมบัติของนักบาสเกตบอลที่ดีก็ตาม

            พอวันต่อมาก็เริ่มการฝึกอย่างจริงจังด้วยการเริ่มจากโปรแกรมการสร้างร่างกาย

            การุณยืนมองเด็กๆวิ่งไปรอบสนามร่วมกับนักฟุตบอลของโรงเรียน เขาเห็นความหวังอยู่แค่สี่คนที่เขาชวนมากับอีกสามสี่คนที่ได้มาใหม่

            “หืยหนัก” เสียงชายหนุ่มพร้อมกับการวางสิ่งของบางอย่างอย่างแรง สิ่งของที่ว่ามันกระเด้งได้ ฟังดูก็รู้ว่ามันคือลูกบาสเกตบอลจำนวนมาก

            การุณย์หันไป เป็นชายหนุ่มดวงหน้าลูกครึ่งคมหล่อ ที่คุ้นตามาก เรือนร่างของเขาสูงราวๆร้อยเก้าสิบ กับชายหนุ่มอายุผิวเข้มดวงหน้าคมหล่อ และคุ้นตาเช่นกัน ถืออุปกรณ์การฝึกอย่างเช่นกรวยยาง อุปกรณ์อื่นๆ

            ทั้งสองยกมือไหว้การุณย์ การุณย์รับไหว้อย่างงงๆ

            ป้อมเพชรที่ยืนอยู่ใกล้ๆเลยเดินเข้ามา

            “เดฟ อัศวะ.. เป็นยังไงบ้าง..” ป้อมเพชรตบบนบ่าแข็งแรงของหนุ่มลูกครึ่ง

            “นี่เดฟ เป็น อดีตนักบาสม.ต้นรุ่นสุดท้าย.. เป็นตัวทำแต้มของทีมเลยนะ”

            เดฟยิ้มพราย รอยยิ้มนั้นทำให้ดวงหน้าคมคายดูสุกสว่าง สักเดี่ยวก็มีเกย์สาวหลายคนวิ่งมา

            “พี่เดฟ พี่อัศวะ” ทั้งหมดเรียกออกมา แต่ไม่กล้าเข้ามาเพราะเห็นอาจารย์อยู่ถึงสองคน

            “ส่วนนี่อัศวะ.. เป็นนักเรียนเก่าที่นี่..” ป้อมเพชรแนะนำต่อ

            “ผมรู้จากประธานรุ่นว่าโรงเรียนจะตั้งทีมบาส แล้วก็ได้โค้ชการุณย์มาช่วย ผมก็เลยอยากสนับสนุนรุ่นน้องน่ะครับ เพราะยังไงผมก็นักบาสเก่า” เดฟมองที่กองลูกบาสยี่สิบลูกที่ซื้อมา

            “ผมเอามาให้แค่นี้ก่อน ถ้าไม่พอผมจะซื้อมาเพิ่ม”

            ส่วนอัศวะก็เอาของที่ถือมาวางไว้เหนือลูกบาส

            “ขอบคุณมากนะ” การุณย์กล่าว มองความสูงของเดฟแล้วรู้สึกเสียดาย

            ถ้าทีมไม่ยุบไป เพราะความเห็นแก่ตัวของหัวหน้าโค้ชคนเก่า.. ประเทศไทยอาจมีนักบาสที่เก่งกาจเพิ่มอีกหนึ่งคนก็ได้

         

       หลังจากอบอุ่นร่างกายเรียบร้อย ทั้งหมดก็มารวมกัน

            การุณย์ก็เรียกให้มาเข้าแถวเพื่อชู๊ดบาสลงที่จุดโทษเพื่อจะดูทักษะของแต่ละคน

            เดฟมองเรือนร่างสูงของแอร์แล้วรู้สึกสนใจ ยิ่งแอร์รับลูกไปแล้วยิงลูกด้วยการกระโดดนิดหน่อยส่งลูกผ่านห่วงโดยไม่กระทบแป้น ก็ยิ้มออกมา

            “จะกินเด็กเหรอไอ้เดฟ” อัศวะเห็นรอยยิ้มแล้วขยับหน้าเขามากระซิบถาม

            “บ้า.. ฉันดูแววว่าน้องคนนี้ทักษะดีมากต่างหาก ตอนนี้ม.สี่สูงกว่าฉันตอนม.สี่อีกมั้ง หรือนายว่าไง” เดฟตอบ

            อัศวะมองแล้วก็คิดถึงเดฟที่เป็นนักเรียนที่สูงที่สุดในรุ่น

            “ก็น่าจะนะ.. อาจสูงกว่าสักห้าหกเซนต์”

            “น้องอีกคนก็สูงดี ส่วนลูกครึ่งอัฟฟริกัน ก็ดูสูงใหญ่ดี เล่นเป็นเป็นเซนเตอร์ได้เลย” เดฟพยักหน้าพอใจ

            “เสียดายที่ฉันเกิดเร็วไปนิดนึง.. ไม่อย่างนั้นจะได้เล่นด้วยกัน..”

            “เล่นอย่างเดียวเหรอ” อัศวะทำหน้าไม่วางใจ

            “หึงเหรอ” เดฟหันมายิ้มเย้ย

            “ก็นายมันน่าไว้วางใจที่ไหนเล่า..” อัศวะกอดอกเมินไปทางอื่น

            ห่างไปจากสนามบาสกลางแจ้ง ตรงช่องบันไดของตึกเรียน สายตาคู่หนึ่งจับมองไป เรือนร่างสูง ดวงหน้าคมคาย..  เขาเผลอยิ้มให้กับการพลาดของนักบาสหน้าใหม่ ที่ชู๊ตไม่ได้ใกล้เคียงกับห่วงเลยแม้แต่น้อย..

แต่นายตัวสูงทั้งสี่นั่น.. ดูท่าทางใช้ได้ทุกคน..

พอเห็นอย่างนี้แล้วหัวใจก็เต้นแรงอย่างบอกไม่ถูก.. มันรู้สึกราวกับมีอะไรบางอย่างร่ำร้องจากภายใน.. รุนแรงจนเด็กหนุ่มต้องไล่มันไปด้วยการสะบัดหน้าแรงๆ และเดินหนีเสียให้พ้นจากตรงนั้น..

 

"โค้ชครับ..  ไม่ชื่อสมานันท์ในทีมเหรอครับ.." เดฟถามหลังจากเอาใบรายชื่อมาอ่านดู แล้วส่งกลับคืนให้

การุณย์กวาดตาไล่อ่านอีกรอบ

"ไม่มีนี่"

"ใครเหรอ.. "

"เขาน่าจะอยู่ม.ห้า.."  เดฟกล่าว

"ตอนแรกผมนึกว่าพอสร้างทีมใหม่เขาจะมาสมัคร.. แปลว่าเขายังไม่ยอมกลับมาเล่น"

"แซนเดอร์ใช่ไหมครับ.. " เสียงเด็กหนุ่มแทรกขึ้น

หันไป กริชกำลังเก็บลูกบาสที่กลิ้งอยู่ใกล้ๆ

" แซนเดอร์ สมานันท์ พาวเวอร์ฟอเวิร์ดของเชียงรายสมบูรณ์อุปถัมป์ แชมป์บาสม.ต้นภาคเหนือเมื่อสองปีก่อน เราเจอกันในการแข่ง.. ผมจำเขาได้"

เดฟยักคิ้วตอบ ก่อนจะหันไปหาการุณย์

"เขาเป็นญาติฝ่ายแม่ของผม เป็นลูกครึ่งจีน อเมริกัน.. แต่มาโตเมืองไทย เพราะพ่อของเขามาเป็นครูสอนภาษาที่เชียงราย ตอนนี้พ่อของเขามาสอนที่กรุงเทพ เขาก็เลยเข้าเรียนที่นวสาคร"

 

แอร์กับเจสันกำลังช่วยกันแยกเสื้อนักกีฬา โดยกริชกับฮั่นกำลังพยายามแก้ไขนาฬิกา24วินาทีที่ไม่ยอมส่งเสียงร้องตอนหมดเวลา

"แซนเดอร์มีแฟนสาวคนหนึ่งคบกันมาได้ราวหกเจ็ดเดือน แต่เธอเสียชีวิตไปเพราะถูกคนร้ายฉุดไปข่มขืนแล้วฆ่าตอนจะกลับบ้าน วันนั้นแซนเดอร์ไม่ได้กลับบ้านด้วยวเพราะเขาต้องอยู่ซ้อมบาสเป็นพิเศษคนเดียวเพราะใกล้แข่งรายการใหญ่ เขาเลยโทษตัวเอง โทษบาส.. แล้วก็เลยเลิกเล่นไป" เดฟเล่าให้การุณย์ภายในห้องของชมรมบาสที่ปัดกวาดจนสะอาดแล้ว

การุณย์กันมามองหน้าเดฟ แล้วหันกลับไปตีตารางบนกระดานไวท์บอร์ด

"ไอ้ผมมันก็ไม่รู้จะปลอบมันยังไง ก็เลยต้องปล่อยไปอย่างนั้น พ่อของแซนเดอร์เห็นว่าถ้ายังให้ลูกอยู่ในสิ่งแวดล้อมเดิมๆ เขาอาจไม่หายซึมเศร้าเลยย้ายโรงเรียนมากรุงเทพ แล้วพาแซนเดอร์มาด้วย แต่ก็ช่วยได้แค่เรื่องหายซึมเศร้าเท่านั้นเอง" เดฟหันมองหน้าอัศวะที่นั่งข้างๆเขาบนม้านั่งยาว

"แซนเดอร์เขาเก่งมาก.. รีบาวด์ได้ดี ทำแต้มใต้แป้นได้เจ๋งมาก.. ผมกดดันเวลาชู๊ต.. แถมตอนเขาฝ่าเข้าไปในเขต ก็หยุดยาก เพราะเขาแข็งแรงสุดๆ" กริชเล่าตามความทรงจำ

"แต่ถ้าเขาไม่กลับมาเองก็เปล่าประโยชน์..  เราไปบังคับใจคงไม่ได้" ฮั่นออกความเห็น

แอร์มองหน้ากันกับเจสัน เพราะที่เจสันถือคือเสื้อที่มีหมายเลขปักไว้แล้ว และมีชื่อเขียนว่า David

อัศวะหันมาเห็นพอดี เลยลุกมาหยิบไปดู

แล้วเขาก็นึกถึงภาพเดฟในชุดเสื้อกล้ามขาวขลิบเขียวปักหมายเลขหกเอาไว้ เขาวิ่งแหวกผู้เล่นฝั่งตรงข้ามอย่างว่องไวแล้วกระโดดหลบตัวเซ็นเตอร์ก่อนจะยิงลูกลงห่วงอย่างแม่นยำ

นั่นคือนัดสุดท้ายของเดฟ เพราะหลังจากนั้นทีมก็ยุบไป..

น้อยคนจะจำเดฟในเสื้อนักกีฬาได้ แต่กลับจำเขาอย่างแม่นยำในยูนิฟอร์มสีขาวคาดสายสะพายของดรัมเมเยอร์ วงโยธวาทิต

"ผมพูดกับเขาหลายทีเรื่องนี้.. เพราะแซนเดอร์เก่งกว่าผม แต่เขาก็ไม่ฟัง..  แล้วที่เขาเลือกเข้าที่นี่เพราะไม่มีชมรมบาส" เดฟกล่าวแล้วถอนหายใจ

การุณย์พยักหน้าช้าๆ

"ผมอาจลองคุยกับเขาดู"

"เดฟ" อัศวะเรียก

พอเดฟหันไปก็ลุกก็ไปหยิบเสื้อมาพินิจด้วยรอยยิ้มชื่นใจ

แววตาของเดฟที่มองเสื้อเป็นประกายอย่างเปี่ยมสุข.. แอร์สัมผัสความรู้สึกได้..

"เอาไปสิ.. มันเป็นของนายนี่.." การุณย์กล่าว

"ก็ถือเป็นใบอนุโมทนาที่ชมรมออกให้ที่นายอุตส่าห์หาอุปกรณ์มาให้เพิ่มเติม"

"ถ้าว่าง ก็มาช่วยผมฝึกน้องๆด้วย นอกจากสี่คนนี้.. ที่เหลือก็ยังต้องฝึกอีกเยอะ.. ถ้าคุณมาช่วยได้ก็ดีมาเลย"

เดฟหันไปมองหน้าอัศวะ

"ครับ" เขายิ้มออกมา

แอร์รู้ดีว่าเดฟเป็นดาราชายที่เปิดตัวยอมรับว่าเป็นเกย์ แต่เขาไม่เคยรู้ว่าเดฟเคยเป็นนักบาสและรักกีฬานี้มากขนาดนี้..

ตอนที่เดฟต้องแยกจากบาสเกตบอล เขาคงทุกข์ใจไม่น้อย..  เป็นความทุกข์ใจที่คงจะทรมานมากๆ..

             จาก ผู้เขียน.. หลายคนที่ติดตามงานของผม อาจจะแปลกใจว่าทำไม ตาเดฟถึงไปปรากฏตัวในหลายเรื่องมากๆ ที่จริงผมรู้สึกผิดกับตัวละครเดฟ เพราะเดฟคือพระเอกคนแรกของดวงใจของสายน้ำ โดยเดฟจะต้องคู่กับจุ๊ย แต่ผมปลดนายเดฟจากตำแหน่งพระเอกกลายเป็นพระรองผู้ผิดหวังตลอดแทน.. ผมก็เลยให้บทแกเยอะหน่อยเป็นการชดเชย..

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา