Air Walker: เหินฟ้าคว้าฝัน

-

เขียนโดย Valentinlover

วันที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 เวลา 19.58 น.

  6 ตอน
  0 วิจารณ์
  8,551 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 14.34 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) จะทำสิ่งที่รัก หรือทำสิ่งที่ต้องทำ..

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ลูกบาสกระทบพื้นเป็นจังหวะ.. ดวงตาจับนิ่งไปข้างหน้า เปลี่ยนมือที่เลี้ยงซ้ายขวาไปมา..

เสียงตึ่ง.. เป็นสัญญาณของ Shot clockที่ใกล้จะหมด..

แล้วร่างสูงชะลูดก็ทะยานออกไป เขาหลบคู่แข่งที่พยายามดักเอาไว้ แล้วเหยียบบนเส้นสามแต้ม

การกระโดดที่ทรงพลังส่งร่างกายที่สูงราวร้อยเก้าสิบแปดไปสู่อากาศ

ราวกับมีปีกที่หลัง ร่างนั้นบินไปในอากาศ ขาที่เตะอากาศเพื่อแหวกอากาศดังการก้าวเดิน..

มือใหญ่จับลูกบาสเกตบอลไว้ด้วยข้างเดียวอย่างมั่นคง แล้วเมื่อมาถึงห่วงที่ติดกับแป้น..

มือยักษ์ก็ยัดมันลงห่วงไปดังตูม..

"That is the great..  He did again.. The Asian Air Walker show.. What a great.. What a great show.."

 

"แกมันโง่ผิดคนอื่น พี่ๆเขามีแต่ไม่มีใครเรียนได้แย่เท่าแกเลย.. ฉันเบื่อจะพูด..  แต่ฉันจะบอกแกอีกครั้ง.. ถ้าแกยังเรียนได้แค่นี้ ก็อย่าหวังจะเอาตัวรอดได้เลย" เสียงของพ่อดังในหัวตลอด

เด็กหนุ่มสูดลมหายใจ มือใหญ่ตะปบลูกที่กระเด้งขึ้นมาพอดีแล้ววิ่งออกไปสองก้าว  กระโดดเขย่งส่งลูกบาสเกตบอลลงห่วงที่ติดอยู่กับแป้น

ลูกกลมๆสีแดงเข้ม ร่วงลงผ่านห่วง

แต่ก่อนมันจะกระทบพื้น มือใหญ่ๆก็คว้ามันไว้ วิ่งเลี้ยงไปย้อนกลับไปหลายก้าวแล้วกระโดดหมุนตัว มือข้างหนึ่งยกเล็ง อีกมือผลักออก ส่งลูกบาสด้วยกำลังแขนโค้ง ลงสู่ห่วงอีกครั้ง

คราวนี้เขาปล่อยมันตกกระทบพื้น จึงเขาไปเลี้ยงสลับมือออกมาไกลพอสมควรแล้ว ก็กลับหลังทันควัน ชู๊ดส่งลูกบอลให้โค้งสูง

แล้วรีบวิ่งไป เมื่อถึงเส้นสามแต้มเขาก็กระโดดออกไป

เท้าเตะแหวกอากาศ ร่างกายนั้นประดุจบินในอากาศ..

ลูกกลมกระแทกขอบห่วงแล้วกระเด้งขึ้น

ทว่ามือใหญ่ก็จับมันยัดลงห่วงไป ส่งเสียงกระแทกดังสนั่น..

 

ห่างไปมีชายหนุ่มคนหนึ่งยืนกอดอกมองเด็กหนุ่มวัยราวสิบสี่เล่นบาสเกตบอลอยู่เพียงลำพัง..  การเล่นนั้นไม่ได้หมายมุ่งเพื่อฝึกฝนหรือบันเทิงแน่นอน.. 

มันเป็นการระบายอารมณ์..

แต่เป็นการระบายอารมณ์ที่ชวนตะลึง..  การเคลื่อนที่นั่น..  การกระโดดอีกเล่า.. แล้วยังร่างที่สูงราวๆเกือบร้อยแปดสิบ..

 

เด็กหนุ่มเอาถุงตาข่ายใส่ลูกบาสพาดข้ามไหล่แล้วเดินกลับบ้านด้วยเส้นทางที่คุ้นเคย..

"เข้าไปแล้วครับ.. สุดยอดเลยครับ.. เป็นการยิงที่ยอดเยี่ยมเหลือเกิน.. "

เขาเดินมาทันตอนที่โทรทัศน์ของร้านอาหารริมทางฉายภาพหนุ่มวัยยี่สิบเอ็ดวิ่งเหยาะกลับสู่แดนตัวเองด้วยรอยยิ้ม..

โป้ง เทพพร.. นักเตะไทยหนึ่งในสองที่ไปค้าแข้งในอังกฤษ..  โป้ง และโกล กรกฏ..

ทำไมหนอ.. เด็กชายถามตัวเอง..

"ทำไมพี่เขามีความสุขนัก.."

"เพราะพี่เขาทำในสิ่งที่เขารักยังไงหละ.. " เสียงดังจากข้างหลัง

เด็กหนุ่มหันมา

ชายคนที่กล่าวเดินมายืนข้างๆ เขากอดอกมองจอที่กำลังฉายภาพช้าของจังหวะทำประตูของเท้าซ้ายพิฆาต..

"เธออยากมีความสุขแบบนั้นบ้างไหม.. ม. อะไรแล้วหละ"

"ม.สามครับ กำลังจะขึ้นม.สี่" เด็กหนุ่มตอบ

เขาหยิบกระดาษแข่งใบหนึ่งให้ เป็นนามบัตรที่ทำอย่างง่ายๆ

"ฉันชื่อการุณย์นะ.. เป็นครูพละที่นวสาคร..  ฉันกำลังจะตั้งทีมบาส ถ้านายอยากทำในสิ่งทำให้นายมีความสุข.. นายก็ลองคิดดู..” เขาวางมือบนไหล่ชายหนุ่ม

“ตอนที่นายหงุดหงิด.. ทำไมนายอยากเล่นบาส.. เพราบาสทำให้นายมีความสุขใช่ไหม.. ถ้าใช่.. นายก็ไปหาฉันนะ”             แล้วชายหนุ่มก็เดินไป ร่างสูงราวร้อยแปดกว่าๆ โบกมือให้แต่ไม่ได้หันกลับมา

“ผมชื่อแอร์ครับ...” เด็กหนุ่มกล่าวออกไป

ชายหนุ่มจึงหันกลับ..

“ผมเป็นหลานของน้าอัสดง.. ที่เคยเล่นทีมชาติรุ่นเดียวกับพี่” เด็กหนุ่มกล่าว

การุณย์มองหน้าเด็กชาย

 

“มิน่าหละ.. วิธีการเล่นของนายมันเด็ดขาดมาก.. ฉันมองอยู่นานมาก อยากจะไปเล่นด้วย แต่เห็นเธอเหมือนอยากเล่นคนเดียวมากกว่า” การุณย์กล่าว

ตอนนี้การุณย์ชวนแอร์มานั่งกินนมสดที่แผงข้างทาง

“อาของเราน่ะ เก่งมากเลยนะ.. เสียดายที่เขาอายุสั้นไปหน่อย.. ไม่อย่างนั้นก็คงได้เป็นโค้ชทีมชาติไปแล้วหละ” การุณย์ยิ้มตอนพูดถึงเพื่อนเก่า

“เราคงได้วิชาจากเขามาเยอะเลยสิ..”

“อาดงเขาสอนผมทุกอย่างเลยครับ” แอร์ยิ้ม

การุณย์ยิ้มตอบ แต่พอนึกได้ก็กล่าว

“ถ้าอย่างนั้นเธอก็คงเป็นลูกชายของพี่ชายอัจฉริยะของนายดงสินะ.. พี่ขายคนโตที่อายุห่างกันแปดปีนั่น” การุณย์ระลึก

“ครับ” แอร์ตอบ

“ถ้าอย่างนั้น.. ฉันก็คงไม่ได้ตัวนายมาเล่นด้วยแน่นอนแล้วสินะ.. เพราะตอนนี้นายคงเรียนโรงเรียนดังอยู่แล้ว.. อืม.. เสียดายนะ.. แต่ถ้าอยากเล่นก็มาเล่นได้ เพราะนวสาครก็อยู่ใกล้ๆนี่เอง วันไหนเลิกเรียนเครียดๆก็มาเล่นบาสที่โรงเรียนได้” การุณย์กล่าวแล้วก็ยิ้ม

“แต่..” แล้วการุณย์ก็มองตาเด็กชาย

“จริงๆแล้วคนเรามันมีความสำเร็จในชีวิตของตัวเองนะ พ่อของนายอาจเคยชินกับโลกวิชาการ ส่วนฉันกับอาดงของนายเป็นนักกีฬา.. ฉันกับอาของนายได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก.. แม้จะรายได้จะต่ำไปสักนิด เราก็ยังมีความสุข.. แต่คนที่มีทั้งความสุขและรายได้ดีก็ยังมีนะ.. เช่น พี่โป้งของเธอไง.. พี่โป้งเลือกเป็นนักฟุตบอลอย่างที่เขารัก.. แล้วด้วยความสามารถของเขาและความรักของเขา ก็พาเขาให้ไปเป็นนักเตะอาชีพที่รายได้สูงมากเอง”

“แต่ถึงเราจะไม่ได้ประสบความอย่างโป้ง แต่การทำในสิ่งตัวเองรักก็เป็นความสุขของเรา ใครอื่นเขาจะยังไงก็ช่างสิ.. ชีวิตมันของเรานี่”

แอร์มองตาของการุณย์ที่มีแววอบอุ่นอย่างมาก

“เชื่อฉัน.. เราเป็นตัวของเราเอง ดีกว่าที่เราพยายามเหมือนหรือเป็นคนอื่น แอร์..”

 

แอร์นอนหงายอยู่บนเตียง แล้วเขาก็นึกถึงตอนที่เขาเริ่มต้นฝึกบาสเกตบอลกับอาดง อาดงเป็นคนหนุ่มรูปร่างสูง แขนขายาวแบบนักบาสเกตบอล เคลื่อนที่ได้รวดเร็วเพราะเขาคือพอยท์การ์ดทีมชาติไทย

อาดงสอนเขาทุกอย่าง.. และเป็นคนที่เข้าข้างเขาตลอดเวลา เขาโดนเอาไปเปรียบกับพี่ชายและพี่สาวอีกสองคน

ตอนที่อาดงจากไปด้วยอุบัติเหตุมอเตอร์ไซด์เสียชีวิตพร้อมแฟนสาว เป็นสิ่งที่โทมนัสที่สุดในชีวิตของแอร์เลยที่เดียว..

“เราจะสนอะไร.. ถ้านายเรียนไม่เก่ง นายก็ไม่ต้องฝืนก็ได้นี่.. ทำไมนายไม่หาอะไรที่ตัวเองทำแล้วมีความสุข ลองทำมัน อย่าไปสนใจใคร” นี่คือคำพูดของอาดง

 

แล้วการประกาศสิทธิเข้าเรียนต่อของโรงเรียนก็ออกมาอย่างเป็นทางการ แอร์มองเพื่อนๆที่สมหวังได้เรียนต่อสายวิทย์คุยกันโขมงโฉงเฉง เขาไม่ได้อิจฉา แต่กำลังคิดว่าจะบอกกับพ่ออย่างไร จึงเดินละจากภาพนั้น

ไม่อยากกลับ ก็ต้องกลับ แต่พอเปิดประตูมาแล้วพบรอยยิ้มแสนใจดีของย่า ทำให้รอยยิ้มแรกของวันนี้เผยออก

เด็กหนุ่มยิ้มกว้างยกมือไหว้ แล้วนั้งพับเพียบกอดเอวหญิงชราเอาไว้...

 

"แผนศิลป์ แล้วแกจะเรียนต่ออะไร" คำพูดของพ่อช่างเรียบเย็น แต่ในใจคงครุกกรุ่น

มันแสดงออกด้วยสายตา

ที่จริง..  เผลอๆพ่ออาจจะรู้ตั้งแต่ก่อนกลับมา เพราะมหาวิทยาลัยที่พ่อสอนอยู่ติดกับโรงเรียนของเขา พ่อเป็นศาสตราจารย์ด้านฟิสิกส์ชื่อดังของประเทศ.. ทุกอย่างที่ไม่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์คือไร้สาระสำหรับพ่อ

"ก็เยอะแยะ.. สังคม ภาษา ประวัติศาสตร์.. เดี่ยวนี้มหาวิทยาลัยเขาไม่สอนวิชาพวกนี้กันแล้วหรือไง" คุณย่าตอบแทน แล้วตักปลาทอดที่ย่าเอามาด้วยใส่จานของแอร์

"เอ้า..  กินเยอะๆนะจะได้ตัวสูงๆ"

"ขอบคุณครับ" แอร์ยกมือไหว้ทั้งช้อน

"คุฌแม่ครับ แต่ถ้าเรียนสายวิชาพวกนั้น โอกาสก้าวหน้ามัน..."

"ศึกฟุตบอลเอฟเอคัพอังกฤษเมื่อวาน เทมไซด์ยูไนเต็ด เอาชนะอาร์เซนอลไปหนึ่งประตูต่ศูนย์ จากการยิงของเทพพร"

พ่อหยุดพูดไป สิ่งเดียวที่พอจะดึงความสนใจของพ่อได้ ก็คือฟุตบอล

"แกจะพูดว่าไม่ก้าวหน้าใช่ไหม.. แล้วนายเทพพรนีเขาจบอะไร..  ฟิสิกส์ เคมี วิศวะ หรือแพทย์ เท่าที่รู้ เพื่อนของแม่บอกว่าเขากับผู้รักษาประตูตัวสูงๆนั่น จบแค่ม.หก.. แล้วทำไมเก่งจัง.. " คุณย่ากล่าว น้ำเสียงของท่านเชือดเฉือน คุณย่าเป็นอดีตครู ที่เกษียรแล้วของนวสาคร เธอจบคุรุศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยที่พ่อสอน

"อุ่น.. ทุกวิชาชีพมีความสำคัญเหมือนๆกัน แกอย่าเอาตัวเองเป็นบรรทัดฐานของโลก อย่างเด็กเทพพร เขาเล่นฟุตบอล..  ไม่ได้มีประโยชน์ต่อความเจริญก้าวหน้าของโลกก็จริง แต่แกเองก็ชอบดู.. ไม่ใช่รึ..  แล้วแกจะเอาอะไรมาวัดว่าวิชาชีพนั้นดี นั้นไม่ดี.." คุณย่าชิงจังหวะกล่าวก่อน

"ผมไม่ได้บอกว่าไม่ดี.. หรือว่าดูถูกนะครับ..  ผมแค่เห็นว่าโอกาสก้าวหน้ายาก เพราะมีคนจบเยอะ ผมหวังดีกับเจ้าแอร์ผมถึงได้ให้มันเรียนสายวิทย์.. " พ่อรีบแก้ตัว

"ถ้าอย่างนั้น ฉันจะให้เรียนสายวิทย์ แต่เป็นที่นวสาครนะ ถ้าเป็นที่นั่น นายแอร์อาจได้เรียนก็ได้" คุณย่าตอบ แล้วหันมามองหน้าแอร์

แอร์ตื่นตัว แต่เขาไม่กล้าแสดงออกให้พ่อเห็น

"ไม่ได้นะครับ" พ่อค้านเสียงดัง แต่ด้วยสายตาพญาเหยี่ยวของย่า พ่อก็ต้องลดเสียงลง

"เจ้าแอร์มันสอบเข้าด้วยความยากลำบาก มันก็ต้องเรียนต่อสิครับ เดี่ยวผมจะลองคุยกับอาจารย์ ดูเองว่าจะพอช่วยให้มันได้เรียนได้ไหม"

พ่อเหลือบมามองหน้าแอร์

"แกก็บอกเองบ่อยๆว่า เจ้าแอร์มันหัวสู้พี่ๆไม่ได้ คนเรามันต้องประมาณตัวเองและรู้จักตัวเอง ไม่อย่างนั้นเราก็จะต้องตะเกียกตะกายในสิ่งที่ไม่ได้เหมาะสมกับเรา อย่าเอาแนวคิดของพ่อแกมาใช้ให้มาก.. ฟังฉันบ้างตาอุ้ม..  เดี่ยวนี้เขามีทฤษฏีเลี้ยงลูกแบบใหม่ คือให้เด็กหาความต้องการของเขาเอง เลือกในสิ่งที่อยากทำ" ย่าตอบ

"คุณแม่ ผมหวังดีกับลูกนะครับ ไม่ใช่ว่าผมจะเกลียดมันเลยทำอย่างนี้.. ผมอยากให้ลูกทุกคนมีอนาคตที่ดี.. " พ่ออธิบาย

ย่านิ่ง มองตาลูกชาย

"ไหนแกลองนิยามคำว่าอนาคตที่ดีให้ฟังสิอุ้ม แม่อยากรู้ว่ามันคืออะไร"

พ่อเป็นฝ่ายเงียบไป..

"ไม่รู้หละ.. เรื่องนี้ฉันอยากให้เจ้าแอร์ตัดสินใจด้วยตัวเอง.. ฉันไม่ได้ให้แกเลือก แล้วถ้าเกิดมันอยากเรียน นวสาคร แล้วแกไม่พอใจ ไม่อยากส่งเสีย ฉันจะเป็นธุระให้เอง" คุณย่ายื่นคำขาด

 

แอร์ยืนเคาะลูกบาส ด้วยอาการใจลอย

คำพูดของย่าทำให้เขาต้องคิดหนัก.. จริงของพ่อที่ว่าเขาพยายามอย่างหนักที่จะผลักดันตัวเองให้ได้เข้าเรียนโรงเรียนที่พ่ออยากให้เขาเรียน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขากดดันมากกับการเรียนที่นี่..

 

ระหว่างที่ยืนใจลอยอยู่ อยู่ดีๆ ก็มีคนมาตบลูกบาสจากมือของเขา

หันไป เห็นนายคนนั้นเลี้ยงลูกไปแล้วชู๊ดที่หน้าเส้นสามแต้มลงห่วงไปอย่างง่ายดาย

เขาเดินไปคว้าลูกที่กำลังกระดอนอยู่จากแรงตก แล้วส่งกลับมาให้แอร์

แอร์ก็รับไว้

"เล่นคนเดียวไม่เบื่อเหรอ.. มาเล่นด้วยกันดีกว่า"

แล้วเด็กหนุ่มร่างสูงใกล้เคียงกับเขาก็กางแขนออก ย่อเข่าเล็กน้อย.. โยกตัวไปมาช้าๆ

แอร์มองหน้าเด็กหนุ่มวัยเดียวกัน แล้วเขาก็เลี้ยงลูกพุ่งเข้าไป

เมื่อแต่เมื่อเขาเข้าใกล้ตัวของฝ่ายตรงข้าม เขาก็เปลี่ยนทิศทางอย่างฉับพลัน แต่อีกฝ่ายก็ยังไม่หลง เขาจึงตบลูกบาสลงพื้นลอดขาตัวเอง แล้วหมุนตัวไปรับ แล้วเลี้ยงโยกไปมาอย่างรวดเร็ว อีกฝ่ายก็ยังไม่มีทีท่าจะหลงทางแต่อย่างไร

เขาทำเหมือนจะเลี้ยงหนีไปข้างซ้าย ทำให้ฝ่ายตรงข้ามหมุนตามไป

แต่พลันเขาก็กระโดดถอยหลังแล้วชู๊ดออกไป

ลูกลอยไปแล้วโค้งมุดลงห่วงไปอย่างแม่นยำ

ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่แปลกใจการเคลื่อนไหวของเขา  เขาวิ่งไปเอาลูกมาแล้วเลี้ยงกลับไปที่กลางสนาม หมุนตัวว่องไวแล้วเลี้ยงเข้ามา

ร่างของเด็กหนุ่มแปลกหน้าเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วไม่แพ้เขา การเลี้ยงก็ว่องไวมาก เลี้ยงหลอกซ้ายขวาก็เป็นไปอย่างรวดเร็วจนแอร์หลงจนได้

เขาวิ่งผ่านไปอย่ารวดเร็ว แล้วก็ตะปบลูกแล้วก้าวไปข้างหน้า แล้วกระโดดหยอดลูกลงห่วงไป

“เก่งนี่..” แอร์เริ่มรู้สึกตื่นเต้น เขาเผลอยิ้มออกมา

วิ่งไปเอาลูกแล้วก็วิ่งไปกลางสนามก่อนจะพุ่งเข้าใส่เด็กหนุ่มแปลกหน้าอย่างรวดเร็วไม่แพ้กัน

 

“โอ้โห..” เด็กหนุ่มหลายคนที่ตั้งใจมาเล่นฟุตบอลมาหยุดดูคนวัยใกล้เคียงกับพวกเขาเล่นบาสเกตบอลกันอย่างสนุกสนาน แม้จะเหงื่อโทรมกาย กำลังเคลื่อนไหวหลอกล่อ และป้องกันกันอย่างสุดกำลัง แต่ทั้งคู่ก็ยิ้มออกมา

"เก่งชิบหาย.." คนหนึ่งกล่าว..

ลูกแล้วลูกเล่าที่สองคนผลัดกันทำคะแนน แต่ไม่มีใครนับแต้ม

ทั้งสองเพลินจะลืมเวลาและสิ่งรอบตัวไปเสียสิ้น..

แต่การชู๊ดลูกนี้จากหนุ่มที่ไม่รู้จักชื่อพลาด..

ลูกกระทบห่วงกระเด้งออกมา 

แอร์กระโดดไปจับไว้แล้วเลี้ยงออกไปกลางสนามแล้วจะเลี้ยงกลับเข้าไป

แต่อีกฝ่ายยกมือห้าม

แล้วก็ทรุดกายลงนั่งหอบ

“ไม่ไหว.. เหนื่อย.. นายนี่มันฟิตชะมัดยาด”

ที่จริงแอร์ก็เหนื่อยแต่เพราะความสนุกสนานทำให้เขายังมีแรงอยู่ได้ พออีกฝ่ายพูดอย่างนี้ก็เลยชักเหนื่อย เดินไปนั่งข้างๆ

“นายชื่ออะไร” แอร์ถาม

เด็กหนุ่มหันมา เขายิ้มบนใบหน้าที่เปียกเหงื่อ

“กริช..” เขาตอบ

“นายเป็นนักบาสรึเปล่า.. นายเก่งนะ” แอร์ถาม

“เป็นแต่.. เราพึ่งย้ายมาจากต่างจังหวัดน่ะ ไม่มีเพื่อน เห็นนายมาเล่นบ่อยๆแต่เล่นคนเดียวก็เลยมาเล่นด้วนนี่หละ” กริชตอบแล้วเล่าให้ฟัง

“นายหละ นายเก่งมากเลยนะเนี่ย.. ถึงฉันไม่เคยเห็นนายเลยนะ แต่ต้องใช่นักบาสแหง่ๆ โรงเรียนในกรุงเทพนี่เก่งหลายโรงเรียนเลย อยู่โรงเรียนอะไรหละ”   

แอร์เงียบไป

“ฉันไม่ได้อยู่ทีมโรงเรียนหรอก.. แล้วฉันก็ไม่ใช่นักบาสด้วย ฉันแค่ฝึกกับอาแล้วก็เล่นคนเดียวมาตลอดเลย ตั้งแต่อาตายไป”

กริชหันมามองหน้า ทำหน้าตื่น

“หา.. ไม่ได้เป็นนักกีฬาด้วย.. แต่เก่งขนาดนี้นี่นะ.. ทำไมวะ.. โรงเรียนนายนี่มันคงเทพเลยมั้ง.. เก่งอย่างนายยังไม่ติดเลย”

แอร์ถอนหายใจ

“พ่อฉันไม่อยากให้เล่นน่ะ พ่ออยากให้ฉันตั้งใจเรียน เพราะฉันหัวไม่ดี เลยต้องขยันกว่าคนอื่น.. หมดสิทธิ์เล่นกีฬา”

กริชอ่านแววตาเศร้านั้นออก

“บ้านนายอยู่แถวนี้ใช่ไหม.. หอฉันอยู่ใกล้ๆนี่เอง.. เอาไว้ฉันจะมาเล่นกับนายทุกวันเลย โอเคเปล่า” แล้วกริชก็ยื่นมือออกมา

แอร์มองหน้ากริช ก่อนจะยื่นมือมาจับด้วย..

“โอเคเลย..”

“ไปหาอะไรกินกัน ชักหิวละ.. ไม่ไหวดวลกับนายนี่มันเหนื่อยโคตรๆ”

“ตรงหน้าสวนมีร้านข้าวขาหมูอร่อยมาก ไปกินกัน”

“เออดีวะ.. ชอบเหมือนกันเลย”

แล้วสองหนุ่มก็เดินเคียงกันไปแสงอาทิตย์ที่เริ่มอัศดง

ส่องแสงสีแดงส้มทาบทาบรรยากาศรอบข้างอย่างงดงาม เหมือนจะร่วมแสดงความยินดีให้กับมิตรภาพของเพื่อนใหม่สองคน...

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา