Air Walker: เหินฟ้าคว้าฝัน

-

เขียนโดย Valentinlover

วันที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 เวลา 19.58 น.

  6 ตอน
  0 วิจารณ์
  8,688 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 14.34 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) สิ่งที่แอร์ขาดไป

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

  เมื่อมาถึงบ้านแอร์รู้สึกใจฟ่อลงไปนิดหนึ่ง เขาเปิดประตูรั้วอย่างเนือยๆ เดินเอื่อยๆ ไปเปิดประตูบ้าน..

            แต่แล้วเขาก็แปลกใจ..

            ที่จริงก็ไม่ควรแปลกใจ เพราะก็ไม่ใช่คนแปลกหน้าอะไร สมาชิกในครอบครัวแท้ๆ

            แต่ที่ทำให้แปลกใจเพราะสองปีแล้วที่อาร์มพี่ชายของเขาไปเป็นแพทย์ใช้ทุนอยู่ที่ต่างจังหวัด  พอเห็นหน้าเขาอาร์มก็ยิ้มกว้าง ใบหน้าใจดีสุกสว่างเหมือนรูปของแปะยิ้มที่ล่อสิงโตหรือมังกรตอนวันตรุษจีน ความรู้สึกชื่นใจก็กลับคืนมา

            แอร์ยกมือไหว้แล้วเดินเข้ามา

            “โอ้โห ไอ้แอร์ แกนี่สูงเอาสูงเอาเลยนะ.. ไม่เจอแค่เดี๋ยวเดียวตัวสูงกว่าฉันไปอีกเยอะเลย..” พี่ชายเดินมาหาเขาจับบ่าทั้งสองข้างชื่นชมอย่างเต็มตา

            “รู้สึกตัวเองเป็นคนแคระเลยว่ะ เวลายืนกับแกอย่างนี้”

            แอร์ยิ้มกับเสียงหัวเราะของพี่ชาย

            แม้ความสัมพันธ์ของเขากับพ่อจะไม่ราบรื่น และเขากับพี่สาวคนรองก็ไม่ค่อยได้คุยกัน แต่กับพี่ชายคนโตที่อายุห่างจากเขาแปดปีคนนี้ แอร์รู้สึกว่าพี่ชายเป็นคนเดียวในครอบครัวที่เข้าใจเขามากที่สุดแล้ว..

            ไม่เหมือนกับพ่อกับอาดง.. เพราะพ่อกับอาห่างกันแปดปีเท่ากัน แต่กลับเฉยเมยต่อกันมาก.. จนกระทั้งอาตายไป.. พ่อก็ไม่เคยพูดถึงอาสักคำ..

            แต่พี่อาร์มรักเขา และคอยเล่นกับเขาอย่างใจดี..

            “แล้วทำไมกลับดึกจัง.. ที่โรงเรียนใหม่เขาเลิกเย็นมากเลยเหรอ” พี่ชายมีสีหน้ายุ่งยากใจนิดหน่อย

            “ผมอยู่ชมรมบาสครับ ซ้อมพึ่งจะเสร็จ” แอร์ตอบ

            “แล้วกินข้าวหรือยัง..”

            เรื่องกินเป็นเรื่องใหญ่ของพี่อาร์ม ร่างของพี่อาร์มจึงท้วม แต่ไม่ถึงขนาดอ้วน

            “กินแล้วครับ ผมแวะกินที่หน้าโรงเรียน ร้านตามสั่งหน้าโรงเรียนอร่อยมากเลย..” แอร์ตอบ

            “จริงเหรอ.. เออ.. ว่างๆจะไปแวะกินดู..” อาร์มเลิกคิ้วข้างหนึ่ง

            “เออๆ กินแล้วก็กินอีกได้ แกยังเด็กระบบเผาพลาญดี.. พี่ซื้อหม้อแกงมาแช่อยู่ในตู้ แกชอบกินเย็นพี่รู้เลยเอาไปแช่”

            “ขอบคุณครับ” แอร์ยกมือไหว้แล้วก็เดินไป

            แต่เสียงพ่อเปิดประตูรั้วเข้ามา และคุยโทรศัพท์

            “จริงเหรอลูก.. ดีๆ เก่งมาก” พ่อพูดปนหัวเราะ.. แอร์ไม่อยากจะเจอพ่อ เลยไม่หยุดรอเดินเข้าครัวไปเลย

 

            ขนมหม้อแกงเจ้าอร่อยยังรสดีเหมือนเดิม ความหวานดูเหมือนจะเพิ่มเมื่อได้รับความเย็น  เขากินอย่างบันเทิงปาก

            เสียงชองพ่อสนทนาโทรศัพท์ยังไม่เลิก

            ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใคร.. ปลายสายอีกข้างต้องเป็นพี่สาวของเขา พี่อายอย่างแน่นอนที่สุด..

            สำหรับพ่อ พี่อาร์มคือความภูมิใจ ส่วนพี่อายคือเสียงหัวเราะและรอยยิ้ม เพราะพ่อจะหัวเราะกับยิ้มกับลูกสาวคนรองมากกว่าพี่อาร์มเองเสียอีก

            แล้วแอร์หละ.. เขาอาจเป็นความอับอายของพ่อ หรือไม่ก็ความผิดหวังก็ได้..

 

            “มันหมายความไง.. แซนด์.. นี่มันเรื่องอะไรกันแน่..” หญิงสาวคาดคั้นถามเสียงเข้ม

            “ก็บอกว่าไม่มีอะไร ก็แค่เข้าใจผิดไง..” เขาตอบ

            “เอาไว้เราค่อยคุยกันลี.. แซนด์ต้องซ้อม..”

            “ไม่..” เธอดึงแขนเขาไว้

            “แซนด์จะหนี.. เราต้องคุยกันให้รู้เรื่อง”

            “ลี.. อย่างี่เง่าได้ไหม.. ลีกลับไปก่อนเถอะ.. ขืนลีอยู่ แซนด์ไม่ได้ซ้อมแน่” แล้วเขาก็สะบัดมือหลุดจากเธอ

            “แซนด์..” เสียงเรียกรั้ง..

            เขาหันกลับไป.. แทนจะได้เจอหญิงสาวใบหน้างดงามที่กำลังโกรธ..

            กลับได้เห็นใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยเลือด และบิดเบี้ยวอย่างทรมาน

            “แซนด์.. ช่วยด้วย.. ช่วยลีด้วย..”

            ร่างสูงพรวดพราดขึ้นจากเตียง เขาหอบหายใจถี่.. ฝันร้ายอีกแล้ว..

            แซนเดอร์ซบหน้าลงบนฝ่ามือตัวเอง แม้น้ำตาไหลนองออกมาอย่างไม่รู้ตัว แต่เหงื่อกาฬก็ไหลออกมาจนปะปนกันไปบนใบหน้า..

            “แซนด์ขอโทษลี.. แซนด์ขอโทษ..” เด็กหนุ่มร่ำร้อง..

 

            “ได้ยินว่า โรงเรียนของแกตั้งทีมบาสแล้วนี่” พ่อถามเป็นภาษาอังกฤษขณะขับรถออกจากซอยของคอนโดมิเนียมที่ทั้งสองอาศัยอยู่

            “ทำไมแกไม่ไปสมัครดูหละ”

            เด็กหนุ่มไม่ได้ตอบ

            พอดีรถติด บิดาก็เลยหันมามองหน้า

            “แกต้องหัดวางอดีต แล้วเดินหน้า.. เมื่อไหร่แกจะเลิกโทษตัวเองสักที.. เรื่องที่เกิดมันเป็นความโชคร้าย.. มันไม่ใช่ความผิดของแก แซนเดอร์”

            แซนเดอร์เบื่อจะฟังพ่อพูดอย่างนี้ซ้ำๆ เลยหันไปมองข้างทาง

            บิดาก็เลยถอนหาย เปลี่ยนเกียร์รถ

            “ก็ตามใจแก.. ฉันคงได้แค่พูดเท่านั้น”

 

            “นายสมานันท์นะเหรอค่ะ” หญิงสาวทวนชื่อนั้น

            “ก็เป็นเด็กดีนะคะ แต่ออกจะขรึมๆ เงียบๆนิดหน่อย.. แต่ก็เป็นมิตรดี”

            เธอคืออาจารย์ประจำชั้นของห้องที่สมานันท์เรียนอยู่

            “ไม่ยักรู้ว่าเคยเป็นนักบาสด้วย เพราะไม่เคยเห็นเล่นสักที ตอนมีกีฬาสีก็มีคนชวน แต่เขาบอกว่าเล่นไม่เป็น”

            การุณย์พยักหน้าช้าๆ

            “ครูอยากจะชวนเขาดูไหมละคะ ดิฉันจะบอกให้เขาไปหาที่ห้องพักพละ”

            “ไม่ต้องหรอกครับ.. เอาไว้ผมคุยกับเขาเองดีกว่า ขอบคุณครูวรรณามากนะครับ” การุณย์ตอบแล้วก็ลาออกมาจากห้องพักครู

            เขาเดินตามตามระเบียง พอดีเห็นคนที่เขาพึ่งจะพูดถึงยืนท้าวแขนกับขอบกั่นของทางเดินแล้วทอดสายตาลงไปที่สนามบาสเกตบอลข้างล่าง ที่มีในเด็กในทีมบาสเกตบอลหลายคนเอาลูกบาสมาซ้อมมือกันเล่นตอนเช้า โดยมีแอร์กับกริชร่วมอยู่ด้วย

            แซนเดอร์เห็นการเคลื่อนที่ของแอร์กับกริชแล้วรู้สึกทึ่ง สองคนนี้มีการเคลื่อนไหวที่จัดระเบียบร่างกายอย่างดี ย่อตัวไปตลอดการเลี้ยง เวลาบังบอลแล้วเลี้ยงไปก็ทำได้อย่างสมบูรณ์ เลี้ยงลูกต่ำเร็วและรัวจนดักตบได้ยาก การหมุนตัวไปพร้อมกับการเลี้ยงก็คล่องแคล่วมาก จังหวะจับบอลแล้วหมุนตัวหลอกล่อโดยใช้เท้าข้างหนึ่งเป็นหลักก็ทำได้อย่างดี..

            สองคนนี้ทักษะใกล้เคียงกันมาก แต่ดูเหมือนจะต่างตรงที่ความแม่นยำและจังหวะการเข้าทำคะแนนของแอร์จะเด็ดขาดกว่า แล้วก็การกระโดด.. แอร์กระโดดได้สูงมาก ส่วนกริชเด่นการหลอกล่อที่คล่องแคล่ว การเลี้ยงบอลของเขาทำให้เดาได้ยากว่าเขาจะทำอะไร.. เผลอนิดเดียวก็ฝ่าเข้าไปทำแต้มได้แล้ว..

            “แต่.. “ แล้วแซนเดอร์ก็ยังสังเกตเห็นสิ่งหนึ่งจากการเล่นของแอร์

            “ทำไม.. เขาเล่นอย่างนั้น”

            “แสดงว่านายก็ดูออกสินะ..” เสียงดังข้างตัว

            พอหันไปก็เห็นการุณย์ยืนกอดอกมองหน้าเขาอยู่

            “นายจะไม่ไปให้คำแนะนำเขาด้วยตัวเองเหรอ.. ในเมื่อนายก็ดูออกเหมือนกัน”

            แซนเดอร์ยกมือไหว้การุณย์ แล้วก็เดินไปโดยไม่พูดไม่จา..

            การุณย์อมยิ้ม..

            “นายตัดมันไม่ขาดหรอก.. สายใยที่มองไม่เห็นนั่น.. มันพันนายกับลูกบาสจนแน่นแล้ว.. ให้นายวิ่งหนีไปไหน.. นายก็ไม่มีทางหนีมันพ้น”

 

       วันนี้เป็นวันเสาร์ แต่การุณย์ชวนแอร์กับกริชออกมาดูบาสเกตบอลรายการหนึ่งที่เป็นรายการเล็กๆแต่มีทีมดังหลายทีมลงแข่ง

            คนดูในสนามมีไม่มากนักเพราะเป็นคู่ไม่ใหญ่ แต่แอร์ก็ดูไปอย่างเพลิดเพลิน ส่วนกริชทำหน้านิ่งๆไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่

            การุณย์มองหน้าสองหนุ่ม ก่อนจะถามแอร์

            “นายเห็นอะไรไหม”

            แอร์หันมามองหน้าโค้ช

            “อะไรครับ” แอร์ถามกลับ

            เสียงสัญญาณหมดเวลาควอเตอร์แรกดังขึ้น

            “ก็เห็นจุดที่นายไม่มีไงแอร์”การุณย์ถาม

            “จุดที่ผมไม่มี” แอร์ทวนคำ

            “ใช่.. ถ้ายังไม่รู้ก็ดูกันต่อไป.. “ทีม” ไหนจะชนะหนอ” การุณย์เน้นเสียงบางช่วงของประโยค

            กริชหันมามองหน้าการุณย์

            แอร์เริ่มขมวดคิ้ว..

 

            แล้วสัญญาณหมดควอร์เตอร์ที่สองก็ดังขึ้น

            “เห็นหรือยัง..” การุณย์หันมามองหน้า

            แอร์นิ่ง มองนักกีฬาตีมือกัน และกอดคอกัน

            “ผมไม่เคยเล่นเป็นทีม” แอร์กล่าวออกไป

            การุณย์มองหน้ากริชที่ยิ้มออกมา

            “ใช่.. เพราะนายฝึกบาสกับอาแค่สองคนมาโดยตลอด พออาของนายตายนายก็เล่นคนเดียวฝึกคนเดียว.. นายไม่เคยร่วมทีมกับใคร.. นี่หละปัญหาของนาย” การุณย์กอดคอแอร์..

            “บาสเกตบอลเป็นกีฬาที่เล่นเป็นทีม.. เหมือนกับฟุตบอล ที่มีสิบเอ็ดคน บาสก็มีห้าคนในสนาม สำรองอีกสามหรือห้าคน.. แต่ทุกคนต้องเล่นกันได้อย่างต่อเนื่อง.. นายคนเดียวอาจแหวกคู่ต่อสู้เข้าไปทำคะแนนได้ดี แต่นายคนเดียวก็ป้องกันคนห้าคนของฝ่ายตรงข้ามไม่ได้..ใช่ไหม”

            แอร์มองนักกีฬาที่พักเหนื่อยกันและคุยกัน

            “ต่อไปนี้ฉันจะสอนนายเล่นเป็นทีม.. นายมีทักษะอยู่แล้ว แต่การเล่นเป็นทีมนี่หละสำคัญ เพราะนี่คือกีฬาที่เล่นเป็นทีม”

 

            แซนเดอร์ พยายามอย่างที่สุดที่จะไม่ผ่านบริเวณที่ทีมบาสเกตบอลซ้อมกัน เขาก็ทำได้สำเร็จมาตลอดเดือนกว่าๆที่ผ่านมา

            แต่วันนี้เขาดันลืมไม้แบดมินตันเอาไว้ในโรงยิม เลยต้องไปเอาคืนมา แต่พอเดินเข้ามาในโรงยิม เขาก็เห็นสิ่งที่ต่างออกไป แป้นบาสอครีลิกใสถูกติดตั้งอยู่เรียบร้อย สกอร์บอร์ดและนาฬิกาดิจิตอลก็อยู่ในตำแหน่งที่แสดงชัดเจน

            ที่สำคัญคือมีนักกีฬาสองทีมวิ่งเข้ามาจับมือกัน..

            เขาพยายามเดินเลี่ยงคนดูจำนวนมากไปด้านหลัง แต่เห็นว่าห้องพักครูที่อยู่ด้านในปิดอยู่

            เขาก็เลยต้องยืนรอ เพราะแร็คเก็ตนั้นเป็นของเพื่อนข้างห้องที่คอนโดมิเนียมที่เขายืมมาเสียด้วย เพราะของเขาเน็ตขาดจนใช้ไม่ได้

            หัน กลับไปเกมในสนามก็เริ่มขึ้น.. เป็นการแข่งขันระหว่างทีมโรงเรียนที่มีสี่ผู้เล่นที่เป็นตัวหลักของทีมเป็น แกนและมีตัวผู้เล่นใหม่หนึ่งคนผสม ส่วนคู่แข่งคือนักบาสรุ่นพี่ ที่รู้จักดีคือเดฟ ดาราหนุ่มญาติผู้พี่ของเขา และนักกีฬาทีมชาติอีกสองคนที่แซนเดอร์ทราบมาว่าเคยเป็นนักบาสคนหนึ่งในรุ่น ม.ต้นของนวสาคร แต่พอทีมบาสยุบก็ย้ายไป อรุณวัฒน์ และดนัยเซนเตอร์ร่างใหญ่ ผสมนักกีฬาแปลกหน้าที่อาจเป็นเพื่อนของเดฟหรือไม่ก็เพื่อนของอดีตนักบาสของ นวสาครคนอื่นๆ

การแข่งขัน​เริ่มต้นโดยฝั่งผู้มาเยือนเริ่มก่อน อรุณวัฒน์รับบอลมา มองไปข้างหน้า แล้วก็จ่ายลูกกระเด้งพื้นไปให้เดฟ

เดฟเป็นดารามีชื่อเสียง พอได้บอลแก๊งสาวนวสาครก็กรี๊ดกันสนั่น ยิ่งเดฟเลี้ยงลูกหลบหลีกการป้องกันของแอร์ไปได้ เสียงกรี๊ดก็ยิ่งดังทวีขึ้น

แต่พอโดนขวางไว้โดยเจสันเซนเตอร์ร่างใหญ่ เขาก็ไม่ฝืน หลอกเหมือนจะลุยไป แต่ซัดลูกกลับหลังด้วยมือเดียวให้อรุณวัฒน์ที่วิ่งมารออยู่แล้ว

อรุณวัฒน์ปัจจุบันเป็นตัวหลักทีมชาติไทย ตำแหน่งพอยท์การ์ด รับแล้วกระโดดชู้ตจากนอกเขตลงห่วงไป

สามคะแนนแรกเป็นของทีมที่ตั้งชื่อแบบตลกว่า เก๋าเก่า..

แต่พอด้านของนวสาครโต้กลับไปบ้าง แอร์ที่รับลูกมาจากกริช กลับพยายามฝืนชู้ตนอกเขต ทั้งที่โดนเดฟขวางอยู่ ลูกจึงกระทบห่วงกระดอนออกมา

ดนัย เซนเตอร์ของเก๋าเก่าตะปบลูกได้ แล้วขวางไกลให้อรุณวัฒน์วิ่งพาลูกไปเลย์อัพใส่ห่วงโดยกริชตามมาป้องกันไม่ทัน

"บาสเล่นเป็นทีม ไอ้หนู.. หัดเรียนรู้ซะบ้าง ชู้ตไม่ได้ก็อย่าฝืนสิวะ" แซนเดอร์บ่นอุบอิบ

แต่มองไปเห็นการุณย์ยังกอดอกนิ่งๆ แต่ส่งสัญญาณมือบอกแผนให้กริช

แอร์ได้บอลอีกครั้งจากการจ่ายบอลไปมา แล้วเขาก็พยายามลุยเข้าไปอีก แต่จังหวะหมุนตัวพลาดดนัยโดนตบบอลได้ ลูกบาสเลยโดนเดฟฉวยโอกาสขโมยไป

เดฟวิ่งแข่งมากับฮั่นแล้วอาศัยความสูง กระโดดชู้ตในเขตลงไปอีก..

"ไอ้เด็กนี่.. " แซนเดอร์ขัดใจ จนต้องกอดอก

เขาขยับตัวไปหาพื้นที่ยืนชมที่ไม่โดนบัง

ตรงนี้คือใกล้แป้นฝั่งของเก๋าเก่า

คราวนี้บุกเข้ามาในรูปแบบเดิม แล้วต่อหน้าต่อตาแซนเดอร์ไอ้หนุ่มผิวขาวร่างสูงก็ทำท่าจะฝ่าเข้าไปด้วยการเลี้ยงลูก

"อย่านะ" เขาเผลอตวาดออกไป ในจังหวะที่แอร์จับลูกแล้วเหมือนจะฝืนกระโดดเข้าเลย์อัพทำคะแนนทั้งที่โดนเซนเตอร์ฝั่งตรงข้ามขวางไว้

แวบหนึ่ง.. แอร์เผยรอยยิ้ม เขาเปลี่ยนฉับพลันจากการยกบอลกลายเป็นขว้างลูกออกไปข้างๆ

ฮั่นรับลูกนั้นไว้ แล้วกระโดดอยู่หน้าเส้นสามแต้มแล้วชู้ตออกไป ลูกลงห่วงอย่างแม่นยำ..

เสียงเฮเป็นของฝ่ายนวสาคร สามคะแนนแรกมาแล้ว..

ตอนที่ทีมนวสาครถอยลงไปตั้งรับ แอร์วิ่งลงเป็นคนสุดท้าย เขาหันมายกมือแสดงสัญลักษณ์โอเคให้แซนเดอร์

การุณย์พยายามไม่หันแต่เหลือบมอง.. แล้วก็อมยิ้ม..

 

ทีมของเก๋าเก่า ส่งบอลกันไปมา แล้วก็มาส่งมาหาเดฟ

แต่เดฟรับบอลมาแล้วก็หาทางไปไม่ได้

24 วินาทีกำลังจะหมด เขาเลยต้องฝืนใจยิงแม้แอร์จะขวางเขาไว้และบดบัง

ลูกบาสเลยกระทบห่วง แล้วลอยขึ้น

เจสันจึงคว้าเอาไว้แล้วขว้างไปข้างหน้า

กริชปล่อยบอลตกพื้นแล้วเลี้ยงมันต่อไปอย่างรวดเร็วโดยมีอรุณวัฒน์ตามมา

ทั้งคู่เข้ามาในเขต

อรุณวัฒน์อ่านใจว่า กริชจะพยายามทำคะแนน

แต่ฉับพลัน กริชหยุดเท้าแล้วปัดลูกที่กระดอนขึ้นไปข้างๆ

ตรงนั้นมีแอร์รออยู่ที่หน้าเส้นสามแต้ม

เขาจับลูกแล้วตั้งมือเล็ง เขาส่งกำลังแขนดันลูกบาสลอยออกไป

มันย้อยลง แล้วมุดผ่านห่วงอย่างสวยงาม..

 

แซนเดอร์ไม่อาจขยับเขยื้อนไปไหน มีอะไรบางอย่างรั้งเท้าเขาไว้และตรึงลูกตาของเขาไว้กับเกมการแข่งขัน หัวใจมันเต้นโครมครามอย่างที่ประหลาด อะดรีนาลีนกำลังทำงานอย่างดุดัน.. ผลักดันให้แซนเดอร์อยากจะกระโจนเข้าไปเล่น..

เก๋าเก่าคือทีมรวมเฉพาะกิจ แต่คนที่น่าจะอ่อนซ้อมอย่างเดฟกลับเล่นได้อย่างดีเยี่ยม ไม่ต้องพูดถึงคนอื่นๆ ที่ยังอยู่ในแวดวงบาสเกตบอล

แต่แม้นวสาครทีมจะเด็กกว่าทั้งอายุและประสบการณ์ ก็ยังตอบโต้ได้ดี และสำแดงความสามารถของแต่ละคนออกมา

ทั้งสองทีมผลัดกันทำแต้มแซงกันไปมาอย่างตื่นเต้น

ผ่านควอเตอร์แรกเข้าสู่ควอเตอร์ที่สอง สาม.. และก็ถึงควอเตอร์สุดท้าย..อย่างรวดเร็วในความรู้สึกของผู้ชม

กริชหลอกทำท่าจะจ่าย ทำให้เดฟหลงไปทำให้เกิดช่อง เขาจึงกระโดดขึ้นชู้ตไกลส่งลูกบาสลงห่วงไปอย่างดงาม..

แต้มขึ้นไปที่66ต่อ68 นวสาครนำ..

เก๋าเก่าตามหลังสองแต้ม.. เวลาก็ใกล้จะหมด ดนัยเซนเตอร์ตัวสูงจึงรีบส่งบอลให้อรุณวัฒน์พาลูกเข้าไปในแดนของนวสาคร

อรุณวัฒน์มองไปที่ตัวฟอร์เวิร์ดทั้งสอง แล้วคิดจะจ่ายให้ แต่ก็ทั้งสองก็มีตัวประกบแน่นหนา

จึงคิดจะเปลี่ยนทางไปหาเดฟ แต่พอส่งลูกออกไปแล้ว จึงรู้ว่าเสียท่า..

กริชปาดหน้าเข้าคว้า แล้วลูกเลี้ยงไปทันที

อรุณวัฒน์กลับหลังทันที เขารีบเข้าเบียดกับกริช คิดจะใช้ประสบการณ์แย่งให้ได้ หรือไม่ก็บีบให้กริชเล่นยาก แต่อยู่ๆกริชก็ผลักบอลกระดอนไปข้างๆ

แอร์พุ่งเข้ามารับ แล้วเลี้ยงลูกเข้าหาแป้นเป้าหมาย..

เท้าเขาเหยียบบนเส้นสามแต้ม จากนั้นก็กระโดดออกไป..

เหินลอยไปในอากาศ ก้าวเตะอากาศแหวกไป.. มือใหญ่ยัดลูกลงห่วงส่งเสียงกระแทกดังสนั่นโรงยิม..

เดฟยืนตะลึงกับสิ่งที่ได้เห็น..

เสียงเหมือนแตรเป่า ดังเป็นสัญญาณหมดเวลาการแข่งขัน.. นวสาคร 70 เก๋าเก่า 66..

 

แซนเดอร์ตื่นตัวเพราะเสียงสัญญาณหมดเวลา เขาหันไปมองสกอร์บอร์ดแล้วหันมามอง นักบาสทั้งห้าตีมือกัน ก่อนตัวสำรองอีกสามคนจะเข้ามาร่วมดีใจด้วย..

แล้วอยู่ๆ การุณย์เดินก็ยื่นเสื้อบาสเกตบอลมาให้ มันมีเลขสี่อยู่บนนั้น..

แซนเดอร์มองตาการุุณย์

"นายไม่ต้องรีบปาทิ้งหรือใส่มัน..  ฉันอยากให้นายคิดให้ดี..  ว่าสิ่งที่ผ่านมา บาสผิดหรือนายผิด แต่ไม่ว่าใครจะผิด.. การจมอยู่กับความผิดหวังในอดีต.. มันก็แก้ไขอะไรไม่ได้..  คนเราต้องลุกขึ้นจากความเจ็บปวด ผิดหวัง หรือเสียใจให้ได้ และโดยเร็ว แต่ถ้าไม่ได้.. นายอาจพบว่าตัวเองพลาดอะไรไปมากมาย” การุณย์กล่าวด้วยน้ำเสียงมั่นคง

“ฉันเชื่อว่านายเหมือนฉัน เราสองคนติดกับดักของกีฬาบ้านี่..  หลงมันจนโงหัวไม่ขึ้น..  นายต้องคิดให้ดี ว่านายจะให้ความผิดพลาดในอดีต มาทำให้นายพลาดอะไรไปอีกหลายอย่างในชีวิตหรือเปล่า.. พลาดโอกาสที่จะได้สนุกกับสิ่งที่อยากทำหรือเปล่า หรือนายจะปล่อยให้มันผ่านไปในฐานะอดีต แล้วเดินหน้าไปกับสิ่งที่นายรัก.."

แซนเดอร์ไม่รู้ว่าทำไมเขาจึงรับเสื้อตัวนั้นมา..

" ปีนี้นายม.ห้า..  เวลาสนุกของนายน้อยกว่าสี่คนนั้น นายอยากจะสนุกกับพวกเขาไหม..  หรือจมความทุกข์ในอดีต.. หาคำตอบให้ตัวเองซะนะ.. แต่อย่านานนัก..  เพราะทีมนี้ต้องการกัปตันด่วนมาก"

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา