7Swords
9.6
เขียนโดย จิ้งจอกมายา
วันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 เวลา 23.29 น.
31 chapter
3 วิจารณ์
28.73K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 23.40 น. โดย เจ้าของนิยาย
14) Valentine
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนที่ 14 Valentine
ภาพของแสงสีแดงไหววูบค่อยๆกลืนหายไปในความมืด เรคัสเบือนสายตาออกจากหน้าต่างและหันกลับมามอง เอเคลเซธผู้ซึ่งนั่งอยู่กลางห้อง เขาลูบหลังมือของเขาไปมา หน้าผากเป็นรอยย่นจากการครุ่นคิด
“หน้าท่านอย่างกับเห็นผีมาแน่ะ” เอเคลเซธส่งยิ้มเครียดๆให้เขา
เรคัสผู้ซึ่งพูดไม่ออกกลับมานั่งลงเขาเพิ่งจะได้เห็นฟ้าผ่าลงกลางเรือของบิมโบซึ่งก่อนหน้านี้เขายังคงอยู่ในห้องนี้ “นี่.... เจ้ารู้ล่วงหน้าว่า พวกนั้นกำลังจะไปตาย..... แต่เจ้าก็ยังจะไม่ทำอะไรงั้นหรือ?” เรคัสพูดและจ้องมองเอเคลเซธเขม็ง
“พวกนั้นไม่ใช่เพื่อนข้า ท่านเรคัส” เอเคลเซธพูดอย่างไม่ใยดี “มีประโยชน์อะไรจะไปพูดถึงทฤษฎีที่ท่านเองก็ยังไม่เชื่อจนกระทั่งเห็นมันกับตา -- พวกโจรสลัดนั้นโลภที่มายุ่งกับพ็อตเทอร์รี่ บิมโบเองก็ล่วงรู้ว่าข้าติดต่อกับท่าน โดนปิดปากไปแบบนี้ ข้าก็ไม่มีอะไรจะพูดเหมือนกัน และข้าก็คิดว่าท่านคงไม่รู้สึกเสียใจกับพวกนั้นหรอกนะ? ใช่ไหม? อย่างน้อยพวกเขาก็ไม่ต้องเป็นทาส....”
เรคัสพูดอะไรไม่ออก เขาไม่รู้ว่าตัวเองควรรู้สึกอย่างไร จริงทีเดียวที่เอเคลเซธบอกว่าเขาไม่มีสิทธิ์ไปตำหนิเรื่องที่ ชายหนุ่มไม่ทำ แต่เหตุการณ์ทั้งหมดนี่ก็นับได้ว่า จิ้งจอกแห่งไวท์ฟอร์ทนั้นเลือดเย็นมากทีเดียว
“ถ้างั้น......” เรคัสเอ่ยขึ้นในที่สุด “เราจะได้อะไรจากการพบปะครั้งนี้?”
“ข้าเพิ่งจะพูดไปว่า ข้าไม่ไว้ใจท่าน...... ซึ่งในเมื่อลูกชายของท่านและเจ้านายของท่านทำตัวน่าสงสัยแบบนี้ ท่านคงจะไม่ว่าอะไรถ้าข้าจะสงสัยตัวท่านไว้ก่อน..... -- ” เอเคลเซธพูดเจือน้ำเสียงขอโทษ “แต่อย่างไรก็ดีข้าแน่ใจว่าท่านเป็นคนดีคนหนึ่ง และคงจะไม่แทงข้างหลังใครแน่ๆ”
“นั่นคือ?”
“เราคงต้องอยู่ที่นี่ตามมารยาทอีกสักสองสามวัน ระหว่างนั้นข้าอยากแน่ใจว่าเราจะปลอดภัยและออกไปจากพ็อตเทอร์รี่อย่างปลอดภัย รวมถึงความเป็นพันธมิตรของไวท์ฟอร์ทกับพ็อตเทอร์รี่ที่ยังคงเป็นบ้านพี่เมืองน้อง”
“ข้ารับปากเจ้า” เรคัสเอ่ยอย่างหนักแน่น
“ข้าคงไว้ใจ เซอร์โรแลนด์แห่งพ็อตเทอร์รี่ได้” เอเคลเซธเอ่ยพร้อมค้อมศีรษะแสดงท่าทีเคารพ ก่อนที่เรคัสจะขอตัวกลับไปเพราะเขายังไม่ได้นอนเลยตั้งแต่เมื่อวาน
เมื่อเรคัสจากไปนานพอสมควร เอเคลเซธก็ย้ายจากห้องหนึ่งไปอีกห้องหนึ่ง เมื่อเขาเข้าไปข้างในก็พบ เอริค พ่อของเขา และ ลีโอไนดัส เด็กหนุ่มผู้ซึ่งหันหลังให้กับเขา ลีโอไนดัสมองออกนอกหน้าต่างไปยังท้องทะเลที่มืดมิดไร้ซึ่งแสงจากเปลวเพลิงใดๆแล้ว
“ท่านพ่อ” เอเคลเซธแย่งเหล้าออกจากปากของเอริค “บอกข้าหน่อยซิว่า ข้าทำถูกแล้ว”
“งานนี้เป็นของเจ้า” เอริคเอ่ยเรื่อยๆด้วยน้ำเสียงเมามาย
“มีคำแนะนำอื่นมั้ยล่ะ?” ชายหนุ่มเบ้ปาก
“รู้มั้ยว่า สิงโตน่ะจะผลักลูกของมันให้ตกหน้าผาและจะรับเลี้ยงเฉพาะลูกที่กลับมาได้?”
“นั่นมันคำสอนของตระกูล ไลออนฮาร์ท ท่านพ่อ -- ” เอเคลเซธกลอกตา “เราน่ะ -- เป็นจิ้งจอกนะ”
“นั่นแหละที่ควรรู้.....” เอริคพูดอย่างเป็นปริศนาก่อนจะกระดกเหล้าและนอนกรนเสียงดัง
เมื่ออีกราตรีผ่านไปแล้ว ไวท์ฟอร์ทก็เตรียมขบวนเพื่อออกมาส่งกลับคณะจากเบรฟเวอรี่การ์เดน ลิมพาเนียและไลโอซ่าร์เดินออกมาส่งเลดี้โรสด้วยตัวเอง
“ส่งแค่นี้ก็พอแล้ว ลิมพาเนีย” เลดี้โรสบอกอย่างเป็นกันเองก่อนจะส่งยิ้มอ่อนหวานให้กับลิมพาเนียและก้มลงจูบหน้าผากของไลโอเนล เด็กน้อยแก้มแดงพอๆกับชุดที่เลดี้โรสสวมใส่
“ขอบคุณที่กรุณามาเยี่ยมเราค่ะ” ลิมพาเนียก็เข้าไปกอดและจูบแก้มเลดี้โรสเพื่อกล่าวลา
“ที่นี่อบอุ่นกว่าที่ข้าจะคาดคิดมากเหลือเกิน ลิมพาเนีย” เลดี้โรสมองไปรอบๆอย่างรักใคร่ ชาวเมืองที่นิยมชมชอบความสวยและเป็นกันเองของเลดี้โรสต่างก็ออกมายืนส่งเธอ “ช่างน่าเสียดายที่ข้าไม่อาจอยู่ที่นี่ได้นานนัก -- ” เธอมองลอร์ดเบโอวูล์ฟ ผู้ซึ่งรับมือของนางและก้มลงจุมพิตเหนือหลังแหวนของเธอนั้น
“กรุณาฝากคำทักทายและถ้อยคำนึงของเราไปถึง เซอร์วาเลนไทน์ด้วย” ไลโอซ่าร์กล่าว
“ท่านพ่อคงจะคิดถึงท่านมาก...... พอๆกันกับข้านะ ไลโอ -- ” เลดี้โรสยิ้มและหันหลังเดินขึ้นรถม้า “ลาก่อนไวท์ฟอร์ท.... ข้าคงจะคิดถึงที่นี่มากเลยล่ะ.....” แล้วเลดี้โรสก็หายลับเข้าไปในรถม้า แต่เปิดหน้าต่างไว้
รถม้าเลื่อนไถลออกไปแต่เคลื่อนที่ได้เร็วขึ้นเพราะล้อติดหมุดที่ใช้สำหรับเดินบนหิมะแล้ว
ชาวเมืองที่เข้าแถวรอส่งต่างโห่ร้องว่า “วาเลนไทน์ วาเลนไทน์” ซึ่งเป็นชื่อตระกูลของเธอ โรสส่งยิ้มและโบกมืออำลาให้กับทุกๆคนจากด้านในของรถม้า
“ท่านโรส นี่สวยจริงๆนะครับ” ไลโอเนลที่จูงมือแม่ของเขาเอ่ยทั้งใบหน้ายังคงแดงไม่หาย
“ใช่สิ สวยมากจริงๆ ทั้งๆที่อายุมากกว่าแม่อีกนะนั่น” ลิมพาเนียพูดพลางลูบตีนกาของเธอเบาๆ “แล้วเธอก็ช่างอ่อนหวาน มีเสน่ห์เหลือเกิน.....”
“ใช่.......” ไลโอซ่าร์กระซิบอย่างแผ่วเบาไม่มีใครได้ยินเขา “ช่างมีเสน่ห์เหลือเกิน......”
ตกดึกของคืนนั้น ไวท์ฟอร์ทก็กลับเข้าสู่สภาวะเดิม หิมะลอยละล่องลงจากฟากฟ้าสีขาวราวกับปุยนุ่น แต่ละบ้านในไวท์ฟอร์ทต่างดับเทียนไขเพื่อหลับนอน เอาแรงก่อนจะลุกขึ้นมาดำเนินวิถีชีวิตตามแบบของชาวไวท์ฟอร์ทอยู่นั่นเอง
เสียงสวบสาบดังขึ้นจากการเดินผ่าหิมะที่สูงท่วมข้อเท้า ร่างที่ไร้ผ้าคลุมแต่สวมเสื้อเก่าๆปอนๆและมีสายรัดพันไว้ราวกับจะกันไม่ให้ชายเสื้อที่ขาดวิ่นหลุดลุ่ยออกมา แต่มีเสียงของสายโซ่ดังทุกย่างก้าว ร่างนั้นมีโซ่สีขาวมันวาบพันไว้ตามแขนและขาโยงห้อยเข้ากับลำตัว และใส่หมวกคลุมหน้า รูปร่างไม่ถึงกับสูงโปร่งนั้นดูสูงราวห้าฟุตครึ่ง
เสียงพรึ่บพับดังขึ้นเหนือหัวร่างนั้นที่มองขึ้นและเห็นอะไรบางอย่างสีดำๆผ่านหัวไปเร็วๆ ก่อนจะหายลับไปยังทิศทางเดียวกับที่นัดหมายไว้
ร่างนั้นเดินลับหายเข้าไปและพบว่าตัวเองอยู่ที่สระน้ำศักดิ์สิทธิ์ประจำไวท์ฟอร์ท ก่อนจะดึงหมกคลุมหน้าออกช้าๆ ปรากฏใบหน้าของชายวัยสามสิบกว่าๆที่มีใบหน้าแลดูอบอุ่นและสงบ
“วาเลนไทน์ ฮาน” เสียงทุ้มดังขึ้นเบื้องหลัง ปรากฏร่างสูงและล่ำกว่าของไลโอซ่าร์ “ข้าเพิ่งจะรู้นามสกุลของท่านนะ.... นักบวช.....”
“ลอร์ดเบโอวูล์ฟ......” นักบวชประสานพนมมือไหว้และโค้งลง แสดงท่าทางมารยาทอันงดงาม “นามสกุลอันนั้นติดมาก่อนข้าเกิด และข้าก็ได้เข้าพิธีรับศีลแห่งแซงจัวรี่แล้ว ตอนนี้ข้าเป็นเพียงนักบวชฮานที่จาริกไปทั่วทวีปเท่านั้น”
“ข้ากำลังสงสัย นักบวชฮาน” ไลโอซ่าร์เดินเข้ามาหานักบวชช้าๆ มือของเขาไขว้หลังไว้ ไม่อาจเห็นว่ามีอะไรซ่อนอยู่ “ว่าท่านอาจจะเป็นสายลับให้กับตระกูลวาเลนไทน์.....”
“วาเลนไทน์ขุนนาง..... วาเลนไทน์ทหาร..... วาเลนไทน์นักบวช..... วาเลนไทน์พ่อค้า..... หรือกระทั่ง *เซนต์วาเลนไทน์.....” นักบวชฮานพูดด้วยอาการสงบ “ใจท่านกำหนดผู้อื่นสิ่งใด ท่านก็จักตัดสินเขาในสิ่งนั้น ลอร์ดเบโอวูล์ฟ”
ไลโอซ่าร์หยุดเดินเขามองท่าทีสงบของนักบวชนั้น ก่อนจะปล่อยมือที่ไขว้หลังนั้นมาด้านหน้า และเห็นว่ามีนกเรเวนอยู่ เขาจัดการวางมันบนบ่าและแกะจดหมายออกจากขานั้น ก่อนจะยืนอ่านจดหมายเงียบๆ
นักบวชฮานก็ยืนคอยอย่างสงบ กิริยาของเขาราวกับยินดีน้อมรับทุกอย่างแม้กระทั่งความตาย
“ถ้าข้าไม่ได้ยินจากลูกชายของข้ามาก่อน คงนึกว่าท่านเป็น*พระนักเทศน์ล่ะนะ” ไลโอซ่าร์เอ่ยพลางเก็บจดหมาย นักบวชฮานยิ้มและขำหน่อยๆ เขาเอ่ยว่า
“มีแต่คนกล่าวว่าข้ากิริยาคล้ายพระนักเทศน์ทั้งนั้น.... ซึ่งข้าก็ปรารถนาเช่นนั้น แต่หัวหน้านักบวชเสนอให้ข้าจาริกไปทั่วทวีปเสียก่อน เมื่อกลับมาจะทำพิธีถอดโซ่ให้ขอรับ”
“ถ้าเช่นนั้น......” ไลโอซ่าร์เอ่ยอย่างแน่วแน่ “เรื่องที่เราคุยกันเมื่อคืนวาน.... ท่านคงกรุณาไตร่ตรองให้ข้าแล้วใช่มั้ย ท่านนักบวช?”
“ข้าคิดว่า.......” นักบวชฮานพูดช้าๆราวกับกำลังหาคำพูดที่ดีที่สุด “เขายังเด็กเกินไป.....”
**“A White Fort’s boys like a wind…… -- ” ไลโอซ่าร์เอ่ยพลางเหม่อมองดูท้องฟ้า “And the wind will blow……”
*การแบ่งระดับของนักบวชในแซงจัวรี่
สายนักเทศน์ = พระนักเทศน์ (Priest) > หัวหน้าพระนักเทศน์ (Head Master Chant) > พระคุณ (นักบวชชั้นสูง) Saint
สายนักรบ = พระนักรบ (Monk) > หัวหน้าพระนักรบ (Chain Master) > ผู้พิทักษ์ (นักบวชชั้นสูง) Guardian
**“A White Fort’s boys like a wind…… -- And the wind will blow……” Liozar’s Quote: “เด็กๆผู้ชายของไวท์ฟอร์ทก็เหมือนลมดีๆนี่แหละ.... แล้วลมก็ต้องพัดพาไปอยู่ดี......”
ไลโอซ่าร์เปรียบเปรยว่าเด็กๆเหมือนลม หมายถึงพวกเขามีอิสระ และแน่นอนว่าต้องเติบโตขึ้นไม่ว่าจะผ่านอุปสรรคใดๆ เสมือนลมที่พัดพาไปทั่วทุกสารทิศไม่ว่าจะร้อน ฝน หนาว สายลมก็ไม่เคยหยุดพัดนั่นเอง
ภาพของแสงสีแดงไหววูบค่อยๆกลืนหายไปในความมืด เรคัสเบือนสายตาออกจากหน้าต่างและหันกลับมามอง เอเคลเซธผู้ซึ่งนั่งอยู่กลางห้อง เขาลูบหลังมือของเขาไปมา หน้าผากเป็นรอยย่นจากการครุ่นคิด
“หน้าท่านอย่างกับเห็นผีมาแน่ะ” เอเคลเซธส่งยิ้มเครียดๆให้เขา
เรคัสผู้ซึ่งพูดไม่ออกกลับมานั่งลงเขาเพิ่งจะได้เห็นฟ้าผ่าลงกลางเรือของบิมโบซึ่งก่อนหน้านี้เขายังคงอยู่ในห้องนี้ “นี่.... เจ้ารู้ล่วงหน้าว่า พวกนั้นกำลังจะไปตาย..... แต่เจ้าก็ยังจะไม่ทำอะไรงั้นหรือ?” เรคัสพูดและจ้องมองเอเคลเซธเขม็ง
“พวกนั้นไม่ใช่เพื่อนข้า ท่านเรคัส” เอเคลเซธพูดอย่างไม่ใยดี “มีประโยชน์อะไรจะไปพูดถึงทฤษฎีที่ท่านเองก็ยังไม่เชื่อจนกระทั่งเห็นมันกับตา -- พวกโจรสลัดนั้นโลภที่มายุ่งกับพ็อตเทอร์รี่ บิมโบเองก็ล่วงรู้ว่าข้าติดต่อกับท่าน โดนปิดปากไปแบบนี้ ข้าก็ไม่มีอะไรจะพูดเหมือนกัน และข้าก็คิดว่าท่านคงไม่รู้สึกเสียใจกับพวกนั้นหรอกนะ? ใช่ไหม? อย่างน้อยพวกเขาก็ไม่ต้องเป็นทาส....”
เรคัสพูดอะไรไม่ออก เขาไม่รู้ว่าตัวเองควรรู้สึกอย่างไร จริงทีเดียวที่เอเคลเซธบอกว่าเขาไม่มีสิทธิ์ไปตำหนิเรื่องที่ ชายหนุ่มไม่ทำ แต่เหตุการณ์ทั้งหมดนี่ก็นับได้ว่า จิ้งจอกแห่งไวท์ฟอร์ทนั้นเลือดเย็นมากทีเดียว
“ถ้างั้น......” เรคัสเอ่ยขึ้นในที่สุด “เราจะได้อะไรจากการพบปะครั้งนี้?”
“ข้าเพิ่งจะพูดไปว่า ข้าไม่ไว้ใจท่าน...... ซึ่งในเมื่อลูกชายของท่านและเจ้านายของท่านทำตัวน่าสงสัยแบบนี้ ท่านคงจะไม่ว่าอะไรถ้าข้าจะสงสัยตัวท่านไว้ก่อน..... -- ” เอเคลเซธพูดเจือน้ำเสียงขอโทษ “แต่อย่างไรก็ดีข้าแน่ใจว่าท่านเป็นคนดีคนหนึ่ง และคงจะไม่แทงข้างหลังใครแน่ๆ”
“นั่นคือ?”
“เราคงต้องอยู่ที่นี่ตามมารยาทอีกสักสองสามวัน ระหว่างนั้นข้าอยากแน่ใจว่าเราจะปลอดภัยและออกไปจากพ็อตเทอร์รี่อย่างปลอดภัย รวมถึงความเป็นพันธมิตรของไวท์ฟอร์ทกับพ็อตเทอร์รี่ที่ยังคงเป็นบ้านพี่เมืองน้อง”
“ข้ารับปากเจ้า” เรคัสเอ่ยอย่างหนักแน่น
“ข้าคงไว้ใจ เซอร์โรแลนด์แห่งพ็อตเทอร์รี่ได้” เอเคลเซธเอ่ยพร้อมค้อมศีรษะแสดงท่าทีเคารพ ก่อนที่เรคัสจะขอตัวกลับไปเพราะเขายังไม่ได้นอนเลยตั้งแต่เมื่อวาน
เมื่อเรคัสจากไปนานพอสมควร เอเคลเซธก็ย้ายจากห้องหนึ่งไปอีกห้องหนึ่ง เมื่อเขาเข้าไปข้างในก็พบ เอริค พ่อของเขา และ ลีโอไนดัส เด็กหนุ่มผู้ซึ่งหันหลังให้กับเขา ลีโอไนดัสมองออกนอกหน้าต่างไปยังท้องทะเลที่มืดมิดไร้ซึ่งแสงจากเปลวเพลิงใดๆแล้ว
“ท่านพ่อ” เอเคลเซธแย่งเหล้าออกจากปากของเอริค “บอกข้าหน่อยซิว่า ข้าทำถูกแล้ว”
“งานนี้เป็นของเจ้า” เอริคเอ่ยเรื่อยๆด้วยน้ำเสียงเมามาย
“มีคำแนะนำอื่นมั้ยล่ะ?” ชายหนุ่มเบ้ปาก
“รู้มั้ยว่า สิงโตน่ะจะผลักลูกของมันให้ตกหน้าผาและจะรับเลี้ยงเฉพาะลูกที่กลับมาได้?”
“นั่นมันคำสอนของตระกูล ไลออนฮาร์ท ท่านพ่อ -- ” เอเคลเซธกลอกตา “เราน่ะ -- เป็นจิ้งจอกนะ”
“นั่นแหละที่ควรรู้.....” เอริคพูดอย่างเป็นปริศนาก่อนจะกระดกเหล้าและนอนกรนเสียงดัง
เมื่ออีกราตรีผ่านไปแล้ว ไวท์ฟอร์ทก็เตรียมขบวนเพื่อออกมาส่งกลับคณะจากเบรฟเวอรี่การ์เดน ลิมพาเนียและไลโอซ่าร์เดินออกมาส่งเลดี้โรสด้วยตัวเอง
“ส่งแค่นี้ก็พอแล้ว ลิมพาเนีย” เลดี้โรสบอกอย่างเป็นกันเองก่อนจะส่งยิ้มอ่อนหวานให้กับลิมพาเนียและก้มลงจูบหน้าผากของไลโอเนล เด็กน้อยแก้มแดงพอๆกับชุดที่เลดี้โรสสวมใส่
“ขอบคุณที่กรุณามาเยี่ยมเราค่ะ” ลิมพาเนียก็เข้าไปกอดและจูบแก้มเลดี้โรสเพื่อกล่าวลา
“ที่นี่อบอุ่นกว่าที่ข้าจะคาดคิดมากเหลือเกิน ลิมพาเนีย” เลดี้โรสมองไปรอบๆอย่างรักใคร่ ชาวเมืองที่นิยมชมชอบความสวยและเป็นกันเองของเลดี้โรสต่างก็ออกมายืนส่งเธอ “ช่างน่าเสียดายที่ข้าไม่อาจอยู่ที่นี่ได้นานนัก -- ” เธอมองลอร์ดเบโอวูล์ฟ ผู้ซึ่งรับมือของนางและก้มลงจุมพิตเหนือหลังแหวนของเธอนั้น
“กรุณาฝากคำทักทายและถ้อยคำนึงของเราไปถึง เซอร์วาเลนไทน์ด้วย” ไลโอซ่าร์กล่าว
“ท่านพ่อคงจะคิดถึงท่านมาก...... พอๆกันกับข้านะ ไลโอ -- ” เลดี้โรสยิ้มและหันหลังเดินขึ้นรถม้า “ลาก่อนไวท์ฟอร์ท.... ข้าคงจะคิดถึงที่นี่มากเลยล่ะ.....” แล้วเลดี้โรสก็หายลับเข้าไปในรถม้า แต่เปิดหน้าต่างไว้
รถม้าเลื่อนไถลออกไปแต่เคลื่อนที่ได้เร็วขึ้นเพราะล้อติดหมุดที่ใช้สำหรับเดินบนหิมะแล้ว
ชาวเมืองที่เข้าแถวรอส่งต่างโห่ร้องว่า “วาเลนไทน์ วาเลนไทน์” ซึ่งเป็นชื่อตระกูลของเธอ โรสส่งยิ้มและโบกมืออำลาให้กับทุกๆคนจากด้านในของรถม้า
“ท่านโรส นี่สวยจริงๆนะครับ” ไลโอเนลที่จูงมือแม่ของเขาเอ่ยทั้งใบหน้ายังคงแดงไม่หาย
“ใช่สิ สวยมากจริงๆ ทั้งๆที่อายุมากกว่าแม่อีกนะนั่น” ลิมพาเนียพูดพลางลูบตีนกาของเธอเบาๆ “แล้วเธอก็ช่างอ่อนหวาน มีเสน่ห์เหลือเกิน.....”
“ใช่.......” ไลโอซ่าร์กระซิบอย่างแผ่วเบาไม่มีใครได้ยินเขา “ช่างมีเสน่ห์เหลือเกิน......”
ตกดึกของคืนนั้น ไวท์ฟอร์ทก็กลับเข้าสู่สภาวะเดิม หิมะลอยละล่องลงจากฟากฟ้าสีขาวราวกับปุยนุ่น แต่ละบ้านในไวท์ฟอร์ทต่างดับเทียนไขเพื่อหลับนอน เอาแรงก่อนจะลุกขึ้นมาดำเนินวิถีชีวิตตามแบบของชาวไวท์ฟอร์ทอยู่นั่นเอง
เสียงสวบสาบดังขึ้นจากการเดินผ่าหิมะที่สูงท่วมข้อเท้า ร่างที่ไร้ผ้าคลุมแต่สวมเสื้อเก่าๆปอนๆและมีสายรัดพันไว้ราวกับจะกันไม่ให้ชายเสื้อที่ขาดวิ่นหลุดลุ่ยออกมา แต่มีเสียงของสายโซ่ดังทุกย่างก้าว ร่างนั้นมีโซ่สีขาวมันวาบพันไว้ตามแขนและขาโยงห้อยเข้ากับลำตัว และใส่หมวกคลุมหน้า รูปร่างไม่ถึงกับสูงโปร่งนั้นดูสูงราวห้าฟุตครึ่ง
เสียงพรึ่บพับดังขึ้นเหนือหัวร่างนั้นที่มองขึ้นและเห็นอะไรบางอย่างสีดำๆผ่านหัวไปเร็วๆ ก่อนจะหายลับไปยังทิศทางเดียวกับที่นัดหมายไว้
ร่างนั้นเดินลับหายเข้าไปและพบว่าตัวเองอยู่ที่สระน้ำศักดิ์สิทธิ์ประจำไวท์ฟอร์ท ก่อนจะดึงหมกคลุมหน้าออกช้าๆ ปรากฏใบหน้าของชายวัยสามสิบกว่าๆที่มีใบหน้าแลดูอบอุ่นและสงบ
“วาเลนไทน์ ฮาน” เสียงทุ้มดังขึ้นเบื้องหลัง ปรากฏร่างสูงและล่ำกว่าของไลโอซ่าร์ “ข้าเพิ่งจะรู้นามสกุลของท่านนะ.... นักบวช.....”
“ลอร์ดเบโอวูล์ฟ......” นักบวชประสานพนมมือไหว้และโค้งลง แสดงท่าทางมารยาทอันงดงาม “นามสกุลอันนั้นติดมาก่อนข้าเกิด และข้าก็ได้เข้าพิธีรับศีลแห่งแซงจัวรี่แล้ว ตอนนี้ข้าเป็นเพียงนักบวชฮานที่จาริกไปทั่วทวีปเท่านั้น”
“ข้ากำลังสงสัย นักบวชฮาน” ไลโอซ่าร์เดินเข้ามาหานักบวชช้าๆ มือของเขาไขว้หลังไว้ ไม่อาจเห็นว่ามีอะไรซ่อนอยู่ “ว่าท่านอาจจะเป็นสายลับให้กับตระกูลวาเลนไทน์.....”
“วาเลนไทน์ขุนนาง..... วาเลนไทน์ทหาร..... วาเลนไทน์นักบวช..... วาเลนไทน์พ่อค้า..... หรือกระทั่ง *เซนต์วาเลนไทน์.....” นักบวชฮานพูดด้วยอาการสงบ “ใจท่านกำหนดผู้อื่นสิ่งใด ท่านก็จักตัดสินเขาในสิ่งนั้น ลอร์ดเบโอวูล์ฟ”
ไลโอซ่าร์หยุดเดินเขามองท่าทีสงบของนักบวชนั้น ก่อนจะปล่อยมือที่ไขว้หลังนั้นมาด้านหน้า และเห็นว่ามีนกเรเวนอยู่ เขาจัดการวางมันบนบ่าและแกะจดหมายออกจากขานั้น ก่อนจะยืนอ่านจดหมายเงียบๆ
นักบวชฮานก็ยืนคอยอย่างสงบ กิริยาของเขาราวกับยินดีน้อมรับทุกอย่างแม้กระทั่งความตาย
“ถ้าข้าไม่ได้ยินจากลูกชายของข้ามาก่อน คงนึกว่าท่านเป็น*พระนักเทศน์ล่ะนะ” ไลโอซ่าร์เอ่ยพลางเก็บจดหมาย นักบวชฮานยิ้มและขำหน่อยๆ เขาเอ่ยว่า
“มีแต่คนกล่าวว่าข้ากิริยาคล้ายพระนักเทศน์ทั้งนั้น.... ซึ่งข้าก็ปรารถนาเช่นนั้น แต่หัวหน้านักบวชเสนอให้ข้าจาริกไปทั่วทวีปเสียก่อน เมื่อกลับมาจะทำพิธีถอดโซ่ให้ขอรับ”
“ถ้าเช่นนั้น......” ไลโอซ่าร์เอ่ยอย่างแน่วแน่ “เรื่องที่เราคุยกันเมื่อคืนวาน.... ท่านคงกรุณาไตร่ตรองให้ข้าแล้วใช่มั้ย ท่านนักบวช?”
“ข้าคิดว่า.......” นักบวชฮานพูดช้าๆราวกับกำลังหาคำพูดที่ดีที่สุด “เขายังเด็กเกินไป.....”
**“A White Fort’s boys like a wind…… -- ” ไลโอซ่าร์เอ่ยพลางเหม่อมองดูท้องฟ้า “And the wind will blow……”
*การแบ่งระดับของนักบวชในแซงจัวรี่
สายนักเทศน์ = พระนักเทศน์ (Priest) > หัวหน้าพระนักเทศน์ (Head Master Chant) > พระคุณ (นักบวชชั้นสูง) Saint
สายนักรบ = พระนักรบ (Monk) > หัวหน้าพระนักรบ (Chain Master) > ผู้พิทักษ์ (นักบวชชั้นสูง) Guardian
**“A White Fort’s boys like a wind…… -- And the wind will blow……” Liozar’s Quote: “เด็กๆผู้ชายของไวท์ฟอร์ทก็เหมือนลมดีๆนี่แหละ.... แล้วลมก็ต้องพัดพาไปอยู่ดี......”
ไลโอซ่าร์เปรียบเปรยว่าเด็กๆเหมือนลม หมายถึงพวกเขามีอิสระ และแน่นอนว่าต้องเติบโตขึ้นไม่ว่าจะผ่านอุปสรรคใดๆ เสมือนลมที่พัดพาไปทั่วทุกสารทิศไม่ว่าจะร้อน ฝน หนาว สายลมก็ไม่เคยหยุดพัดนั่นเอง
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.3 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.7 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ