7Swords
เขียนโดย จิ้งจอกมายา
วันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 เวลา 23.29 น.
แก้ไขเมื่อ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 23.40 น. โดย เจ้าของนิยาย
13) Fairy tales
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนที่ 13 Fairy tales
เรคัสนั่งลง เขาส่งสายตาไม่ไว้วางใจไปที่จิ้งจอกหนุ่ม เขายังคงกินอาหารอย่างสบายอารมณ์ เช่นเดียวกับบิมโบผู้ซึ่งดูเหมือนจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ
“ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ บิมโบ?” เรคัสแกล้งถามทั้งๆที่เขาก็พอจะรู้เลาๆอยู่แล้ว
“ไม่เอาน่าเพื่อน” บิมโบขมวดคิ้ว “นายเพิ่งจะจับเชลยได้ตั้งเกือบสองพันไม่ใช่เหรอ? แล้วพ็อตเทอร์รี่แห่งนี้มันก็เป็นเมืองแห่งการค้า ว่ามั้ย?”
“พนันว่าท่านกำลังดีใจที่พวกโจรสลัดปิดอ่าวไว้จนท่านออกเรือไม่ได้?” เอเคลเซธพูดโดยไม่เงยหน้าจากจานอาหารของเขา
“ใช่..... แล้วข้าก็ดีใจยิ่งกว่าที่ได้รู้ถึงเบื้องลึกเบื้องหลังของทาสใหม่พวกนี้ด้วย” บิมโบเอ่ยและรินเหล้าใส่แก้วส่งให้เอเคลเซธอย่างเอาใจ
“ใครบอกว่า เราจะขายเชลยพวกนั้นเป็นทาส?” เรคัสเอ่ยเสียงขุ่น มือที่จับรอบแก้วนั้นแน่นจนเห็นเนื้อขาว
“ไม่เอาน่า..... เรคัส นายก็รู้ว่าฉันจ่ายหนักกว่าใคร -- ”
“คุณจะจ่ายแค่ครึ่งราคา” เอเคลเซธเงยหน้าจากจานของเขา มองบิมโบที่มีสีหน้าไม่เชื่อหู “ถ้าคุณจำข่าวนี้ไปขายใครต่อใครว่า ฝีมือทั้งหมดในการบัญชาการรบเป็นของเซอร์โรแลนด์ เรคัส -- พวกจากไวท์ฟอร์ทไร้น้ำยาทำอะไรไม่ได้เลย”
เรคัสมีสีหน้างุนงงพอๆกับบิมโบผู้ซึ่งจ้องมองเอเคลเซธอย่างไม่วางตา
“แต่ทำไม.... -- ” บิมโบกำลังจะเริ่ม
“วางเงินของท่านไว้แล้วรับทาสไป -- หรือไม่ก็เชิญออกจากห้องนี้ เราจะได้เชิญลูกค้าอื่นมาคุย” เอเคลเซธตัดบท
บิมโบรีบเอาหนังสือสัญญาซื้อขายมาลงลายมือชื่อของเขา แล้วส่งให้เอเคลเซธที่เขียนชื่อลงอย่างง่ายดาย ก่อนจะส่งหนังสือสัญญามาให้กับเรคัส
“เอเคลเซธ......” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงอดทนอดกลั้นที่ใกล้จะสิ้นสุด -- เรคัสเกลียดการซื้อขายทาส
“ท่านเรคัส..... เพราะโจรสลัดนั่น ท่านถึงต้องเสียเรือ และทหารทั้งแม่ทัพไปเปล่าๆถึงสองพัน ท่านจะเสียดายอะไรกับพวกนั้น?” เอเคลเซธเอ่ยด้วยน้ำเสียงทั้งตักเตือนและเบื่อหน่าย เรคัสแม้ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง แต่ก็ยอมลงนามและส่งให้กับบิมโบ
“ไหนดูซิคนละห้าโกลด์ -- สินะ.....” บิมโบทำท่าจะเขียนจำนวนเงินลงไปในนั้น
“เดี๋ยวก่อนนะ.... ข้าคงต้องขอ โจรสลัดที่ชื่อ แวน เดอ มูชเชอร์ไว้คนหนึ่งล่ะ..... -- ” เอเคลเซธเอ่ยพร้อมส่งสายตาเจ้าเล่ห์ไปหาบิมโบที่ชะงักเล็กน้อย “คิดว่าข้าไม่รู้ล่ะสิว่าเขามีค่าหัวเฉพาะ?”
“โอ้..... จริงหรือ” บิมโบหัวเราะอย่างไม่แนบเนียนที่สุดก่อนจะตวัดเขียนตัวเลขลงไปในเอกสารนั้นและส่งให้กับเอเคลเซธ “แบบนี้เรียบร้อยดีนะขอรับ เซอร์คาร์ลดีเซน”
เอเคลเซธตรวจดูเอกสารนั้นอีกครั้งอย่างรวดเร็ว “ก็ดูเรียบร้อยดี” เขาหยิบกระดิ่งมาสั่น สักครู่ แม่ทัพโคล์ดี้ก็เปิดประตูเข้ามาพร้อมกับเด็กสาวที่ชื่อลิลลี่ที่เอาเหล้าเข้ามาเสิร์ฟ เธอจ้องมองคนในห้องทีละคนๆราวกับสนใจใคร่รู้ เรคัสทิปให้เธอเพื่อให้เธอรีบออกไปเสียที “อย่าหาว่างั้นงี้เลยนะ บิมโบ” เอเคลเซธเอ่ยพลางส่งเอกสารให้กับโคล์ดี้ “ข้าน่ะไม่ค่อยชอบเดินถือตั๋วเงินไปไหนมาไหนเลย เลยว่าเดี๋ยวจะขอให้ท่านช่วยนำทางแม่ทัพโคล์ดี้เอาตั๋วไปขึ้นเงินที่เรือของท่าน แล้วถ้าไม่ทำหนังสือระบุจำนวนเงินไว้ก่อนก็กลัววกท่านจะลืมจำนวนน่ะนะ” เอเคลเซธปิดท้ายด้วยเสียงหัวเราะที่ดูเจ้าเล่ห์ยิ่งกว่าเดิม
“แหม ดีแล้วล่ะครับที่รอบคอบ เราจะได้สบายใจกันทั้งสองฝ่าย......” บิมโบแสยะยิ้มโดยลืมปรับสีหน้าที่บึ้งตึงนั้น ก่อนจะลุกขึ้นและโค้งให้กับคนทั้งสองและกล่าวลา ก่อนจะเดินนำโคล์ดี้ลงไปจากชั้นสอง
“เจ้าคิดอะไรอยู่กันแน่?” เรคัสเอ่ยขึ้นหลังจากตรวจดูให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ข้างนอกแล้ว เขาหันมาเล่นงานเอเคลเซธที่ไม่มีท่าทีสะทกสะท้าน “ทำไมถึงขายพวกโจรสลัดเป็นทาสไปโดยพละการแบบนั้น?”
“เพราะ......” เอเคลเซธเงียบไปราวกับกำลังไตร่ตรองคำพูดให้ดีทุกๆคำ “ข้าไม่ไว้ใจท่าน...... -- ”
“อ้อ......” เรคัสเอ่ยพลางหรี่ตาลง “เข้าใจล่ะ......”
“อย่าใส่ใจเลย” เอเคลเซธพูดต่อ “เราไม่ไว้ใจใครง่ายๆทั้งนั้นแหละ แต่ถ้ามีผลประโยชน์ร่วมกันเราก็อยู่ร่วมกันได้” เขาพูดพลางจัดการอาหารต่อ
“นั่นไม่ได้อธิบายว่า ทำไมถึงขายเชลยไปแบบนั้น......” เรคัสขบกรามแน่น เขาไม่แน่ใจเหมือนกันว่าควรจะยอมรับในตัวชายคนนี้ดีหรือไม่ในเมื่อเขาเปิดเผยมาว่า ตัวเขาเอกก็ไม่ได้เชื่อใจเขาเลย
“ข้ามีทฤษฎีอยู่” เอเคลเซธหยุดกินก่อนจะเช็ดปากและพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ก่อนจะออกจากไวท์ฟอร์ทมา พวกข้านั้นตงิดใจมากเรื่องที่พ็อตเทอร์รี่ไม่ยอมออกต่อสู้กับพวกโจรสลัด แล้วอยู่ดีๆ ลอร์ดคราเวน เจ้านายของท่านก็ส่งเรเวนมาให้เรา บอกว่าต้องการความช่วยเหลือ..... และระหว่างที่เรามา.... เราก็พบกับกองกำลังไม่ทราบฝ่ายซุ่มรอโจมตีอยู่”
เรคัสผงะ เขาลืมโกรธไปชั่วขณะ “อะไรนะ?”
“พวกทัพซุ่มไม่ใช่ปัญหา แต่ปัญหามันมาต่อจากนั้น” เอเคลเซธพูดพลางเบ้ปาก “เราจับเชลยได้เกือบๆสองพันคนแบบนี้แหละ แล้วอยู่ๆเชลยทั้งหมดนั่นก็โดนปิดปาก”
“อย่างไรล่ะ?” เรคัสเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่เชื่อขึ้นไปอีก เพราะทหารจากไวท์ฟอร์ทแค่สองร้อยคนไม่น่าจะรอดจากการซุ่มโจมตี
“โดยสิ่งที่เราแน่ใจว่า เป็นหนึ่งใน เซเวนซอร์ดส์ --”
ใช้เวลานานพอสมควรกว่าเรคัสจะเลิกคิ้วและแสดงดีหน้าไม่เชื่ออย่างเต็มที่ แต่ที่เขาพูดก็คือ “อ้อ.... งั้นรึ?”
“ข้าไม่ขอให้ท่านเชื่อหรอก..... จะว่าไป พวกเราก็ไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองเหมือนกันแหละ จู่ๆ ฟ้าก็ผ่าลงมา แล้วอัศวินเกราะดำที่ไม่เห็นหน้าก็ใช้ดาบสายฟ้านั่นฆ่าเชลยจนหมด..... ก่อนจะหายไปพร้อมกับสายฟ้าที่พุ่งขึ้นฟ้าไป -- ” เอเคลเซธพูดพลางกระดกไวน์จนหมดแก้ว *“Like a daytime ghost.”
เรคัสนิ่งและกำลังแน่ใจว่า จิ้งจอกหนุ่มกำลังจะปั่นหัวเขาเพื่อหวังผลอะไรบางอย่าง เขาทำเป็นเงียบและฟัง ชายหนุ่มพูดพล่ามต่อไป ในหัวของเขาปฏิเสธเรื่องเหนือธรรมชาติพวกนี้โดยสิ้นเชิง
“ที่เชื่อมโยงกันก็คือ เราสงสัยลอร์ดคราเวน.....” เอเคลเซธพูดต่อไป “และคาดคะเนไว้ว่า ถ้าเขาลอบโจมตีเราไม่สำเร็จ สิ่งที่เขาจะทำเพื่อฆ่าเราอย่างแนบเนียนซึ่งก็คือการขอให้เราออกไปสู้กับพวกโจรสลัดทันทีที่เรามาถึง.... ซึ่งก็จริงตามที่เราคาดไว้เสียด้วย” เอเคลเซธส่งสายตาเฉียบแหลมมายังเรคัสผู้ซึ่งเบิกตากว้างอย่างนึกไม่ถึง “จริงๆเราก็มีแผนอื่นที่เตรียมไว้สำหรับจัดการกับโจรสลัดนั่น แต่ท่านก็โผล่มาเสียก่อน -- และการที่ท่านสั่งระดมพลนั่นแหละ ทำให้ข้ารู้ดีเลยว่า..... ท่านคงไม่อยู่ในส่วนหนึ่งของแผนฆ่าเราแน่ๆ”
เรคัสนิ่งหน้าผากยับเนื่องจากกำลังใช้ความคิด ถ้างั้นเรคอมป์ก็...... –
“ข้าค่อนข้างแน่ใจว่า ลูกชายของท่านก็คงล่วงรู้หรือมีส่วนไม่มากก็น้อยกับลอร์ดคราเวน.... ข้าจึงขอให้ท่านมาที่นี่โดยทำทีว่าจะมาดื่ม เพื่อหารือกับท่านไงล่ะ” เอเคลเซธเอ่ย เขายังคงจ้องเรคัสไม่วางตา
“แต่พวกเจ้าก็ไม่ตายนี่......” เรคัสโพล่งออกมา เขารู้สึกอึดอัดเมื่อเอเคลเซธพูดถึงทฤษฎีเจ้านายของเขาวางแผนฆ่าพวกไวท์ฟอร์ทได้หน้าตาเฉยต่อหน้า ข้ารับใช้อย่างเขา
“ที่จริงเราต้องยกเครดิตนั่นให้กับท่านเลย” เอเคลเซธพลางยกแก้วไวน์ชูให้เรคัส “ถ้าท่านไม่ให้แม่ทัพเจมสันออกไปก่อน เราก็คงไม่รู้ว่า พวกโจรสลัดนั่นเตรียมการรบมาดีแค่ไหน โดยปกติถ้าทำตามแผนที่เราวางไว้ ก็อาจจะชนะแต่ก็คงเสียกำลังทหารไปเยอะพอสมควร -- ” เอเคลเซธชูไวน์ขึ้นและเอ่ยว่า “แด่เจมสัน..... ผู้ชี้ทางชนะให้แก่เรา” แล้วเขาก็ดื่มไวน์นั้น
เรคัสทำตาม ในหัวหนักอึ้งไปด้วยทฤษฎีของเอเคลเซธ
“ข้าเดาว่าท่านคงไม่ได้อะไรมากจากการสอบสวน?” เอเคลเซธเอ่ยต่อเมื่อเรคัสดื่มเสร็จแล้ว
“ก็ใช่......” เรคัสพูดอย่างระวัง “ที่พวกมันบอกก็คือ..... มีคนบอกให้มาปิดอ่าวไว้เฉยๆ บอกว่าพวกเขาจะทำเงินได้อย่างไร และสอนยุทธวิธีการรบให้ด้วย... แค่นั้นแหละ......”
“ตัวคนบอกล่ะ?”
“ข้าเฝ้าถามคำถามนี้กับพวกมันทั้งวัน” เรคัสเอ่ยอย่างหงุดหงิดพอสมควร “พวกมันก็บอกแค่ว่า ไม่รู้......”
“ท่านรู้มั้ย? ตอนที่เราจะสอบปากคำพวกมัน ฟ้าก็ผ่าลงมาและฆ่าปิดปากพวกมันทั้งหมดเลย.....” เอเคลเซธวกมาเรื่องเดิม “ซึ่งข้าอนุมานว่า ถ้าลอร์ดคราเวนมีส่วนเกี่ยวข้องกับอัศวินนั่น ในพ็อตเทอร์รี่นี้ คงไม่มีการโจมตีเกิดขึ้น..... แต่การปิดปากคนทำงานพลาดคงจะเริ่มหลังจากที่พวกเขาออกนอกพ็อตเทอร์รี่ไปแล้ว.....”
แล้วจู่ๆ เอเคลเซธก็ลุกขึ้นและเดินไปที่หน้าต่าง เขาเปิดมันออก และลมเย็นก็พัดเข้ามา เรคัสรีบเดินตามมาเพื่อไปยืนข้างหน้าต่าง
ไกลออกไปบริเวณชายหาดที่อ่าวจอดเรือ เรือลำหนึ่งก็กำลังกางใบเรือเพื่อกินลมเลื่อนไปตามชายฝั่งก่อนจะเฉียงออกสู่มหาสมุทร เรือลำนั้นค่อนข้างใหญ่และดูเหมือนจะบรรทุกของเยอะเพราะดูไม่ค่อยจะโคลงเคลงเลย
บนเรือมีธงสมาพันธ์การค้าติดอยู่ แล้วเรือลำนั้นก็ค่อยๆเพิ่มความเร็วขณะแล่นตามชายฝั่งไปเรื่อยๆ
ทั้งสองคนมองดูเรือนั้นเงียบๆ เรคัสมองท้องฟ้าที่ค่อยๆมืดลงเรื่อยๆ
ไม่รู้ทำไมใจของเรคัสเต้นผิดจังหวะหรืออย่างไรก็ไม่ทราบ เขารู้สึกไม่ดีอย่างไรแปลกๆ เมื่อเห็นเรือลำนั้นค่อยๆแล่นออกไป “เอเคลเซธบอกข้าทีซิ..... ว่าเรื่องเซเวนซอร์ดส์อะไรนั่นเจ้าพูดล้อเล่น.....”
“ท่าทางข้า เหมือนคนชอบพูดตลกหรือ?” เขาตอบโดยที่มองเรือของบิมโบไม่วางตา
จนแล้วจนรอดเรือลำนั้นก็ไม่มีอาการบ่งบอกว่าจะเจออะไรร้ายกาจ จนในที่สุดเรือก็แล่นออกจากอ่าวไปเหลือเพียงเสากระโดงที่เห็นอยู่ลิบๆซึ่งอีกไม่นานนักคงกลืนหายไปกับความมืด....
เรคัสเดินผละจากหน้าต่างปล่อยให้เอเคลเซธยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น เขาพยายามไม่ถอนหายใจ เพราะคิดว่ามันคงไม่เป็นการสุภาพหากจะแสดงท่าทีไม่เชื่อสิ่งที่เอเคลเซธพูด
และมันก็เกิดขึ้นในพริบตา
แสงสีขาวที่วาบสว่างเพียงวูบเดียวแต่ทำให้ท้องทะเลสว่างไปทั่วก่อนความมืดจะกลบเข้ามา
“เกิดอะไรขึ้นๆ!!” เรคัสรีบกลับไปที่หน้าต่าง พร้อมกับเสียงครืนของฟ้าผ่าที่ตามมาดังสนั่นที่พวกเขารู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนได้ เมื่อเขามองผ่านความมืดออกไป ก็เห็นสีแดงส้มลิบๆใจกลางทะเล
สีของเพลิงที่ทาทับขอบฟ้าและผืนน้ำทะเลจากสุดสายตา
เรคัสยืนแข็งอยู่รู้สึกได้ว่าหัวใจของเขาเต้นอย่างรุนแรงราวกับจะกระแทกกระทั้นออกมาจากอกให้ได้เสียตอนนี้ เขาเบิกตากว้างโดยไม่สนใจสายลมเย็นที่พัดโกรกใส่ดวงตาของเขาเลย
เอเคลเซธปิดหน้าต่างเพื่อกันลมหนาวไม่ให้เข้ามา เขาปล่อยให้เรคัสยังคงยืนค้างอยู่และจ้องมองผ่านหน้าต่างกระจกถึงจุดสีแดงเพลิงเล็กๆท่ามกลางความมืดที่โอบล้อมอยู่
ก่อนจะกลับมาและยัดเหล้าที่มีฟองฟอดสีทองเต็มแก้วใส่มือเขา
“ท่านยังคิดว่า..... เซเวนซอร์ดส์ -- เป็นนิทานอยู่หรือเปล่า?”
*“Like a daytime ghost.” Akelzeth’s Quote: “อย่างกับเจอผีหลอกกลางวัน”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ