7Swords
เขียนโดย จิ้งจอกมายา
วันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 เวลา 23.29 น.
แก้ไขเมื่อ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 23.40 น. โดย เจ้าของนิยาย
14) Valentine
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนที่ 14 Valentine
ภาพของแสงสีแดงไหววูบค่อยๆกลืนหายไปในความมืด เรคัสเบือนสายตาออกจากหน้าต่างและหันกลับมามอง เอเคลเซธผู้ซึ่งนั่งอยู่กลางห้อง เขาลูบหลังมือของเขาไปมา หน้าผากเป็นรอยย่นจากการครุ่นคิด
“หน้าท่านอย่างกับเห็นผีมาแน่ะ” เอเคลเซธส่งยิ้มเครียดๆให้เขา
เรคัสผู้ซึ่งพูดไม่ออกกลับมานั่งลงเขาเพิ่งจะได้เห็นฟ้าผ่าลงกลางเรือของบิมโบซึ่งก่อนหน้านี้เขายังคงอยู่ในห้องนี้ “นี่.... เจ้ารู้ล่วงหน้าว่า พวกนั้นกำลังจะไปตาย..... แต่เจ้าก็ยังจะไม่ทำอะไรงั้นหรือ?” เรคัสพูดและจ้องมองเอเคลเซธเขม็ง
“พวกนั้นไม่ใช่เพื่อนข้า ท่านเรคัส” เอเคลเซธพูดอย่างไม่ใยดี “มีประโยชน์อะไรจะไปพูดถึงทฤษฎีที่ท่านเองก็ยังไม่เชื่อจนกระทั่งเห็นมันกับตา -- พวกโจรสลัดนั้นโลภที่มายุ่งกับพ็อตเทอร์รี่ บิมโบเองก็ล่วงรู้ว่าข้าติดต่อกับท่าน โดนปิดปากไปแบบนี้ ข้าก็ไม่มีอะไรจะพูดเหมือนกัน และข้าก็คิดว่าท่านคงไม่รู้สึกเสียใจกับพวกนั้นหรอกนะ? ใช่ไหม? อย่างน้อยพวกเขาก็ไม่ต้องเป็นทาส....”
เรคัสพูดอะไรไม่ออก เขาไม่รู้ว่าตัวเองควรรู้สึกอย่างไร จริงทีเดียวที่เอเคลเซธบอกว่าเขาไม่มีสิทธิ์ไปตำหนิเรื่องที่ ชายหนุ่มไม่ทำ แต่เหตุการณ์ทั้งหมดนี่ก็นับได้ว่า จิ้งจอกแห่งไวท์ฟอร์ทนั้นเลือดเย็นมากทีเดียว
“ถ้างั้น......” เรคัสเอ่ยขึ้นในที่สุด “เราจะได้อะไรจากการพบปะครั้งนี้?”
“ข้าเพิ่งจะพูดไปว่า ข้าไม่ไว้ใจท่าน...... ซึ่งในเมื่อลูกชายของท่านและเจ้านายของท่านทำตัวน่าสงสัยแบบนี้ ท่านคงจะไม่ว่าอะไรถ้าข้าจะสงสัยตัวท่านไว้ก่อน..... -- ” เอเคลเซธพูดเจือน้ำเสียงขอโทษ “แต่อย่างไรก็ดีข้าแน่ใจว่าท่านเป็นคนดีคนหนึ่ง และคงจะไม่แทงข้างหลังใครแน่ๆ”
“นั่นคือ?”
“เราคงต้องอยู่ที่นี่ตามมารยาทอีกสักสองสามวัน ระหว่างนั้นข้าอยากแน่ใจว่าเราจะปลอดภัยและออกไปจากพ็อตเทอร์รี่อย่างปลอดภัย รวมถึงความเป็นพันธมิตรของไวท์ฟอร์ทกับพ็อตเทอร์รี่ที่ยังคงเป็นบ้านพี่เมืองน้อง”
“ข้ารับปากเจ้า” เรคัสเอ่ยอย่างหนักแน่น
“ข้าคงไว้ใจ เซอร์โรแลนด์แห่งพ็อตเทอร์รี่ได้” เอเคลเซธเอ่ยพร้อมค้อมศีรษะแสดงท่าทีเคารพ ก่อนที่เรคัสจะขอตัวกลับไปเพราะเขายังไม่ได้นอนเลยตั้งแต่เมื่อวาน
เมื่อเรคัสจากไปนานพอสมควร เอเคลเซธก็ย้ายจากห้องหนึ่งไปอีกห้องหนึ่ง เมื่อเขาเข้าไปข้างในก็พบ เอริค พ่อของเขา และ ลีโอไนดัส เด็กหนุ่มผู้ซึ่งหันหลังให้กับเขา ลีโอไนดัสมองออกนอกหน้าต่างไปยังท้องทะเลที่มืดมิดไร้ซึ่งแสงจากเปลวเพลิงใดๆแล้ว
“ท่านพ่อ” เอเคลเซธแย่งเหล้าออกจากปากของเอริค “บอกข้าหน่อยซิว่า ข้าทำถูกแล้ว”
“งานนี้เป็นของเจ้า” เอริคเอ่ยเรื่อยๆด้วยน้ำเสียงเมามาย
“มีคำแนะนำอื่นมั้ยล่ะ?” ชายหนุ่มเบ้ปาก
“รู้มั้ยว่า สิงโตน่ะจะผลักลูกของมันให้ตกหน้าผาและจะรับเลี้ยงเฉพาะลูกที่กลับมาได้?”
“นั่นมันคำสอนของตระกูล ไลออนฮาร์ท ท่านพ่อ -- ” เอเคลเซธกลอกตา “เราน่ะ -- เป็นจิ้งจอกนะ”
“นั่นแหละที่ควรรู้.....” เอริคพูดอย่างเป็นปริศนาก่อนจะกระดกเหล้าและนอนกรนเสียงดัง
เมื่ออีกราตรีผ่านไปแล้ว ไวท์ฟอร์ทก็เตรียมขบวนเพื่อออกมาส่งกลับคณะจากเบรฟเวอรี่การ์เดน ลิมพาเนียและไลโอซ่าร์เดินออกมาส่งเลดี้โรสด้วยตัวเอง
“ส่งแค่นี้ก็พอแล้ว ลิมพาเนีย” เลดี้โรสบอกอย่างเป็นกันเองก่อนจะส่งยิ้มอ่อนหวานให้กับลิมพาเนียและก้มลงจูบหน้าผากของไลโอเนล เด็กน้อยแก้มแดงพอๆกับชุดที่เลดี้โรสสวมใส่
“ขอบคุณที่กรุณามาเยี่ยมเราค่ะ” ลิมพาเนียก็เข้าไปกอดและจูบแก้มเลดี้โรสเพื่อกล่าวลา
“ที่นี่อบอุ่นกว่าที่ข้าจะคาดคิดมากเหลือเกิน ลิมพาเนีย” เลดี้โรสมองไปรอบๆอย่างรักใคร่ ชาวเมืองที่นิยมชมชอบความสวยและเป็นกันเองของเลดี้โรสต่างก็ออกมายืนส่งเธอ “ช่างน่าเสียดายที่ข้าไม่อาจอยู่ที่นี่ได้นานนัก -- ” เธอมองลอร์ดเบโอวูล์ฟ ผู้ซึ่งรับมือของนางและก้มลงจุมพิตเหนือหลังแหวนของเธอนั้น
“กรุณาฝากคำทักทายและถ้อยคำนึงของเราไปถึง เซอร์วาเลนไทน์ด้วย” ไลโอซ่าร์กล่าว
“ท่านพ่อคงจะคิดถึงท่านมาก...... พอๆกันกับข้านะ ไลโอ -- ” เลดี้โรสยิ้มและหันหลังเดินขึ้นรถม้า “ลาก่อนไวท์ฟอร์ท.... ข้าคงจะคิดถึงที่นี่มากเลยล่ะ.....” แล้วเลดี้โรสก็หายลับเข้าไปในรถม้า แต่เปิดหน้าต่างไว้
รถม้าเลื่อนไถลออกไปแต่เคลื่อนที่ได้เร็วขึ้นเพราะล้อติดหมุดที่ใช้สำหรับเดินบนหิมะแล้ว
ชาวเมืองที่เข้าแถวรอส่งต่างโห่ร้องว่า “วาเลนไทน์ วาเลนไทน์” ซึ่งเป็นชื่อตระกูลของเธอ โรสส่งยิ้มและโบกมืออำลาให้กับทุกๆคนจากด้านในของรถม้า
“ท่านโรส นี่สวยจริงๆนะครับ” ไลโอเนลที่จูงมือแม่ของเขาเอ่ยทั้งใบหน้ายังคงแดงไม่หาย
“ใช่สิ สวยมากจริงๆ ทั้งๆที่อายุมากกว่าแม่อีกนะนั่น” ลิมพาเนียพูดพลางลูบตีนกาของเธอเบาๆ “แล้วเธอก็ช่างอ่อนหวาน มีเสน่ห์เหลือเกิน.....”
“ใช่.......” ไลโอซ่าร์กระซิบอย่างแผ่วเบาไม่มีใครได้ยินเขา “ช่างมีเสน่ห์เหลือเกิน......”
ตกดึกของคืนนั้น ไวท์ฟอร์ทก็กลับเข้าสู่สภาวะเดิม หิมะลอยละล่องลงจากฟากฟ้าสีขาวราวกับปุยนุ่น แต่ละบ้านในไวท์ฟอร์ทต่างดับเทียนไขเพื่อหลับนอน เอาแรงก่อนจะลุกขึ้นมาดำเนินวิถีชีวิตตามแบบของชาวไวท์ฟอร์ทอยู่นั่นเอง
เสียงสวบสาบดังขึ้นจากการเดินผ่าหิมะที่สูงท่วมข้อเท้า ร่างที่ไร้ผ้าคลุมแต่สวมเสื้อเก่าๆปอนๆและมีสายรัดพันไว้ราวกับจะกันไม่ให้ชายเสื้อที่ขาดวิ่นหลุดลุ่ยออกมา แต่มีเสียงของสายโซ่ดังทุกย่างก้าว ร่างนั้นมีโซ่สีขาวมันวาบพันไว้ตามแขนและขาโยงห้อยเข้ากับลำตัว และใส่หมวกคลุมหน้า รูปร่างไม่ถึงกับสูงโปร่งนั้นดูสูงราวห้าฟุตครึ่ง
เสียงพรึ่บพับดังขึ้นเหนือหัวร่างนั้นที่มองขึ้นและเห็นอะไรบางอย่างสีดำๆผ่านหัวไปเร็วๆ ก่อนจะหายลับไปยังทิศทางเดียวกับที่นัดหมายไว้
ร่างนั้นเดินลับหายเข้าไปและพบว่าตัวเองอยู่ที่สระน้ำศักดิ์สิทธิ์ประจำไวท์ฟอร์ท ก่อนจะดึงหมกคลุมหน้าออกช้าๆ ปรากฏใบหน้าของชายวัยสามสิบกว่าๆที่มีใบหน้าแลดูอบอุ่นและสงบ
“วาเลนไทน์ ฮาน” เสียงทุ้มดังขึ้นเบื้องหลัง ปรากฏร่างสูงและล่ำกว่าของไลโอซ่าร์ “ข้าเพิ่งจะรู้นามสกุลของท่านนะ.... นักบวช.....”
“ลอร์ดเบโอวูล์ฟ......” นักบวชประสานพนมมือไหว้และโค้งลง แสดงท่าทางมารยาทอันงดงาม “นามสกุลอันนั้นติดมาก่อนข้าเกิด และข้าก็ได้เข้าพิธีรับศีลแห่งแซงจัวรี่แล้ว ตอนนี้ข้าเป็นเพียงนักบวชฮานที่จาริกไปทั่วทวีปเท่านั้น”
“ข้ากำลังสงสัย นักบวชฮาน” ไลโอซ่าร์เดินเข้ามาหานักบวชช้าๆ มือของเขาไขว้หลังไว้ ไม่อาจเห็นว่ามีอะไรซ่อนอยู่ “ว่าท่านอาจจะเป็นสายลับให้กับตระกูลวาเลนไทน์.....”
“วาเลนไทน์ขุนนาง..... วาเลนไทน์ทหาร..... วาเลนไทน์นักบวช..... วาเลนไทน์พ่อค้า..... หรือกระทั่ง *เซนต์วาเลนไทน์.....” นักบวชฮานพูดด้วยอาการสงบ “ใจท่านกำหนดผู้อื่นสิ่งใด ท่านก็จักตัดสินเขาในสิ่งนั้น ลอร์ดเบโอวูล์ฟ”
ไลโอซ่าร์หยุดเดินเขามองท่าทีสงบของนักบวชนั้น ก่อนจะปล่อยมือที่ไขว้หลังนั้นมาด้านหน้า และเห็นว่ามีนกเรเวนอยู่ เขาจัดการวางมันบนบ่าและแกะจดหมายออกจากขานั้น ก่อนจะยืนอ่านจดหมายเงียบๆ
นักบวชฮานก็ยืนคอยอย่างสงบ กิริยาของเขาราวกับยินดีน้อมรับทุกอย่างแม้กระทั่งความตาย
“ถ้าข้าไม่ได้ยินจากลูกชายของข้ามาก่อน คงนึกว่าท่านเป็น*พระนักเทศน์ล่ะนะ” ไลโอซ่าร์เอ่ยพลางเก็บจดหมาย นักบวชฮานยิ้มและขำหน่อยๆ เขาเอ่ยว่า
“มีแต่คนกล่าวว่าข้ากิริยาคล้ายพระนักเทศน์ทั้งนั้น.... ซึ่งข้าก็ปรารถนาเช่นนั้น แต่หัวหน้านักบวชเสนอให้ข้าจาริกไปทั่วทวีปเสียก่อน เมื่อกลับมาจะทำพิธีถอดโซ่ให้ขอรับ”
“ถ้าเช่นนั้น......” ไลโอซ่าร์เอ่ยอย่างแน่วแน่ “เรื่องที่เราคุยกันเมื่อคืนวาน.... ท่านคงกรุณาไตร่ตรองให้ข้าแล้วใช่มั้ย ท่านนักบวช?”
“ข้าคิดว่า.......” นักบวชฮานพูดช้าๆราวกับกำลังหาคำพูดที่ดีที่สุด “เขายังเด็กเกินไป.....”
**“A White Fort’s boys like a wind…… -- ” ไลโอซ่าร์เอ่ยพลางเหม่อมองดูท้องฟ้า “And the wind will blow……”
*การแบ่งระดับของนักบวชในแซงจัวรี่
สายนักเทศน์ = พระนักเทศน์ (Priest) > หัวหน้าพระนักเทศน์ (Head Master Chant) > พระคุณ (นักบวชชั้นสูง) Saint
สายนักรบ = พระนักรบ (Monk) > หัวหน้าพระนักรบ (Chain Master) > ผู้พิทักษ์ (นักบวชชั้นสูง) Guardian
**“A White Fort’s boys like a wind…… -- And the wind will blow……” Liozar’s Quote: “เด็กๆผู้ชายของไวท์ฟอร์ทก็เหมือนลมดีๆนี่แหละ.... แล้วลมก็ต้องพัดพาไปอยู่ดี......”
ไลโอซ่าร์เปรียบเปรยว่าเด็กๆเหมือนลม หมายถึงพวกเขามีอิสระ และแน่นอนว่าต้องเติบโตขึ้นไม่ว่าจะผ่านอุปสรรคใดๆ เสมือนลมที่พัดพาไปทั่วทุกสารทิศไม่ว่าจะร้อน ฝน หนาว สายลมก็ไม่เคยหยุดพัดนั่นเอง
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ