เงารักในพายุ
8.7
เขียนโดย nightshadow
วันที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2559 เวลา 15.44 น.
30 ตอน
0 วิจารณ์
29.67K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 02.08 น. โดย เจ้าของนิยาย
16) เด็กหญิงที่มีชะตากรรมเดียวกัน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเสวี่ยไป๋ออกจากบ้านเพื่อมาเดินสำรวจในตัวเมือง เผื่อว่าจะทราบข่าวอะไรในยุทธภพบ้าง เพราะแม้ว่าจะวานให้หย่งคังเป็นธุระหาผู้ที่เขาเคยรู้จักในยุทธภพเพื่อสืบถามข่าวเกี่ยวกับจอมมารว่านอี้หาน แต่ก็ไม่อยากพึ่งเขาอยู่เพียงทางเดียว จึงหมายที่จะมานั่งในโรงเตี้ยมที่เป็นจุดผ่านสำหรับเหล่าจอมยุทธที่เป็นนักเดินทางผ่านมา เผื่อจะได้ทราบข่าวอะไรที่สำคัญ แต่ในระหว่างทางกลับพบเห็นเหตุการณ์ที่มีชายฉกรรจ์สองคน ยื้อยุดฉุดกระชากเด็กหญิงหน้าตาน่ารักแต่หน้าตาและเนื้อตัวมอมแมม
"แอ้ๆๆ แบะๆๆ" เด็กหญิงส่งเสียงดังลั่นออกมา จนทำให้เสวี่ยไป๋รับรู้ได้ทันทีว่าเด็กหญิงเป็นใบ้ เหมือนกับนาง "เงียบเดี๋ยวนี้นะนังเด็กใบ้!! ฤิทธิ์มากนัก ยังไงเจ้าก็ไม่พ้นชะตาต้องไปเป็นทาสอยู่แล้ว ช่วยทำเงินให้ข้าหน่อยก็แล้วกันนะ น่าเสียดายที่เจ้าเป็นใบ้ ไม่อย่างนั้นพวกข้าว่าจะเอาเจ้าไปขายให้แม่เล้าในหอนางโลมคงได้เงินมากกว่านี้อีก ฮ่าๆๆ" เสวี่ยไป๋จับต้นชนปลายเรื่องราวจนรับรู้ว่าเด็กหญิงคนนี้ มีชะตากรรมเดียวกันกับนางเมื่อตอนยังเล็ก และดูท่าว่าเด็กคนนี้จะอายุน้อยรุ่นราวคราวเดียวกัน กับนางในครั้งนั้นด้วย เสวี่ยไป๋ใช้วรยุทธเข้าจัดการกับชายฉกรรจ์สองคนนั้นจนพ่ายแพ้และวิ่งหนีไปอย่างง่ายดาย ด้วยเพราะชายสองคนนั้นไม่ได้เป็นผู้ฝึกวรยุทธ เสวี่ยไป๋เข้าไปหาเด็กหญิงส่งยิ้มให้อย่างอ่อนโยน นางใช้มือไม้ทำท่าทางสื่อสารเป็นภาษาใบ้เพื่อสอบถาม ชื่อของเด็กหญิงตัวน้อย 'เจ้ามีนามว่าอะไร' เด็กหญิงทำหน้านึกอยู่ชั่วครู่ก็หาไม้มาขีดอักษรลงบนพื้นดินเป็นคำว่า ซูเย่ว เสวี่ยไป๋ทำท่าทางเป็นภาษาใบ้ถามว่า 'บ้านเจ้าอยู่ไหน ข้าจะไปส่ง' เด็กหญิงส่ายหน้าอย่างเซื่องซึมสีหน้าเศร้าสร้อย
เสวี่ยไป๋เปลี่ยนใจจากที่เดิมที คิดที่จะไปนั่งในโรงเตี้ยมเพื่อสืบหาข่าว นางแวะไปหาซื้อเสื้อผ้้าเด็กหญิงแล้วพาซูเย่วกลับมาที่บ้าน พานางไปอาบน้ำทำความสะอาดร่างกาย เมื่อชำระล้างร่างกายเรียบร้อยแล้ว เผยให้เห็นหน้าตาขาวนวลผิวพรรณบ่งบอกว่าเป็นลูกผู้ดีมีสกุล หน้าตาน่ารักหวานซึ้งได้รูปแต่มีดวงตาเศร้าพาให้น่าเวทนา นางจัดการหาข้าวปลาอาหารให้เด็กหญิง ซึ่งเด็กน้อยก็รีบกินด้วยความหิวโหย 'เอ้านี่! ค่อยๆกินก็ได้ไม่ต้องรีบเดี๋ยวติดคอหรอก' เสวี่ยไป๋ส่งภาษาใบ้พร้อมกับรินน้ำชาส่งให้นาง หลังจากมื้ออาหารนางยื่นกระดาษเพื่อให้ ซูเย่ว เขียนบรรยายเรื่องราวของตัวเองออกมา แล้วก็พบว่าเด็กคนนี้้มีชะตาเดียวกันกับนางเสียส่วนใหญ่ จะต่างกันก็ตรงที่เป็นเด็กที่เป็นลูกติดของบิดาที่แต่งงานใหม่ หลังจากมารดาของนางตายจากไป ทำให้ซูเย่วต้องถูกแม่เลี้ยงโขกสับโดยที่บิดาให้การปกป้องไม่ได้ เพราะครอบครัวใหม่คือตระกูลใหญ่ที่มีฐานะสูงกว่า จึงต้องเกรงใจและปล่อยให้บุตรสาวถูกรังแก และต่อมาก็ถูกแม่เลี้ยงแอบว่าจ้างให้ชายฉกรรจ์สองคน ที่เป็นนักค้าทาสนำตัวนางไปขายโดยที่บิดาของนางไม่ทราบเรื่อง จนเสวี่ยไป๋เข้าไปขัดขวางและช่วยมาได้สำเร็จ 'เจ้าคงไม่อยากกลับบ้านไปหาบิดาอีกแล้วใช่หรือไม่' ซูเย่พยักหน้า เสวี่ยไป๋เขียนข้อความลงในกระดาษบอกกล่าวกับเด็กหญิง 'เจ้าเป็นใบ้และมีชะตากรรมคล้ายกันกับข้า ข้านามว่าเสวี่ยไป๋มีความหมายว่าหิมะขาว ส่วนเจ้าซูเย่ว มีความหมายว่าดวงจันทร์ที่งดงาม เจ้าก็ไม่มีที่ไป เจ้ามาเป็นน้องสาวบุญธรรมของข้าดีหรือไม่' 'ได้หรือเจ้าคะ เจ้าค่ะข้าตกลง พี่เสวี่ยไป๋งามเหมือนนางฟ้าเลย ข้าไม่มีพี่น้อง ข้าอยากมีพี่สาวงดงามอย่างพี่เสวี่ยไป๋เจ้าค่ะ' 'ที่นี่มีห้องอยู่อีกห้องหนึ่งยังว่างข้ายกให้เป็นห้องนอนส่วนตัวของเจ้าดีหรือไม่' เสวี่ยไป๋พาเด็กน้อยไปดูห้อง ซูเย่วพยักหน้าด้วยรอยยิ้มยินดี เสวี่ยไป๋รู้สึกถูกชะตากับซูเย่วพานางออกมาข้างนอกนั่งที่โต๊ะไม้ด้วยรอยยิ้มเบิกบานใจ ที่ได้พบกับเด็กหญิงที่มีชะตากรรมเดียวกันกับนาง ส่งผลให้ใบหน้าที่เคยเย็นชาไร้รอยยิ้ม แปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มที่งดงามอ่อนโยน จนทำให้หย่งคังที่มาหาแล้วเห็นเข้าพอดีมองรอยยิ้มนั้นอย่างตะลึงหลงใหลเคลิบเคล้มราวกับเวลาหยุดนิ่ง ในยามที่เทพธิดาหิมะของเขามีสีหน้าเย็นชาไร้รอยยิ้ม ก็งดงามราวกับหิมะขาวในยามต้องแสงแดดที่งดงามเยือกเย็นราวกับเทพธิดาหิมะ แต่ในยามที่นางแย้มยิ้มอย่างอ่อนโยนกลับยิ่งส่งให้นางงามราวกับดอกไม้ในยามหลังฝนโปรย ที่งดงามสดชื่่นจนเขารู้สึกว่าหากนางจะยิ้มให้เขาแบบนี้บ้าง จะให้เขาทำอย่างไรเขาก็ยินดีที่จะทำทุกอย่าง แต่ดูท่าว่าความหวังของหย่งคังจะยังห่างไกลจากความเป็นจริงอยู่มาก เพราะเพียงแค่เสวี่ยไป๋เห็นเขาเดินเข้ามาหาก็หุบรอยยิ้มและมีสีหน้ากลับไปเย็นชาดังเดิม "เด็กคนนั้นใครน่ะ" 'น้องสาวบุญธรรมของข้า ซูเย่ว นางคือเด็กหญิงที่มีชะตากรรมเดียวกันกับข้าตอนยังเด็กและที่สำคัญนางเป็นใบ้เหมือนกันกับข้าด้วย นางไม่มีที่ไปข้าจึงให้นางมาเป็นน้องสาวบุญธรรมของข้า'
"แอ้ๆๆ แบะๆๆ" เด็กหญิงส่งเสียงดังลั่นออกมา จนทำให้เสวี่ยไป๋รับรู้ได้ทันทีว่าเด็กหญิงเป็นใบ้ เหมือนกับนาง "เงียบเดี๋ยวนี้นะนังเด็กใบ้!! ฤิทธิ์มากนัก ยังไงเจ้าก็ไม่พ้นชะตาต้องไปเป็นทาสอยู่แล้ว ช่วยทำเงินให้ข้าหน่อยก็แล้วกันนะ น่าเสียดายที่เจ้าเป็นใบ้ ไม่อย่างนั้นพวกข้าว่าจะเอาเจ้าไปขายให้แม่เล้าในหอนางโลมคงได้เงินมากกว่านี้อีก ฮ่าๆๆ" เสวี่ยไป๋จับต้นชนปลายเรื่องราวจนรับรู้ว่าเด็กหญิงคนนี้ มีชะตากรรมเดียวกันกับนางเมื่อตอนยังเล็ก และดูท่าว่าเด็กคนนี้จะอายุน้อยรุ่นราวคราวเดียวกัน กับนางในครั้งนั้นด้วย เสวี่ยไป๋ใช้วรยุทธเข้าจัดการกับชายฉกรรจ์สองคนนั้นจนพ่ายแพ้และวิ่งหนีไปอย่างง่ายดาย ด้วยเพราะชายสองคนนั้นไม่ได้เป็นผู้ฝึกวรยุทธ เสวี่ยไป๋เข้าไปหาเด็กหญิงส่งยิ้มให้อย่างอ่อนโยน นางใช้มือไม้ทำท่าทางสื่อสารเป็นภาษาใบ้เพื่อสอบถาม ชื่อของเด็กหญิงตัวน้อย 'เจ้ามีนามว่าอะไร' เด็กหญิงทำหน้านึกอยู่ชั่วครู่ก็หาไม้มาขีดอักษรลงบนพื้นดินเป็นคำว่า ซูเย่ว เสวี่ยไป๋ทำท่าทางเป็นภาษาใบ้ถามว่า 'บ้านเจ้าอยู่ไหน ข้าจะไปส่ง' เด็กหญิงส่ายหน้าอย่างเซื่องซึมสีหน้าเศร้าสร้อย
เสวี่ยไป๋เปลี่ยนใจจากที่เดิมที คิดที่จะไปนั่งในโรงเตี้ยมเพื่อสืบหาข่าว นางแวะไปหาซื้อเสื้อผ้้าเด็กหญิงแล้วพาซูเย่วกลับมาที่บ้าน พานางไปอาบน้ำทำความสะอาดร่างกาย เมื่อชำระล้างร่างกายเรียบร้อยแล้ว เผยให้เห็นหน้าตาขาวนวลผิวพรรณบ่งบอกว่าเป็นลูกผู้ดีมีสกุล หน้าตาน่ารักหวานซึ้งได้รูปแต่มีดวงตาเศร้าพาให้น่าเวทนา นางจัดการหาข้าวปลาอาหารให้เด็กหญิง ซึ่งเด็กน้อยก็รีบกินด้วยความหิวโหย 'เอ้านี่! ค่อยๆกินก็ได้ไม่ต้องรีบเดี๋ยวติดคอหรอก' เสวี่ยไป๋ส่งภาษาใบ้พร้อมกับรินน้ำชาส่งให้นาง หลังจากมื้ออาหารนางยื่นกระดาษเพื่อให้ ซูเย่ว เขียนบรรยายเรื่องราวของตัวเองออกมา แล้วก็พบว่าเด็กคนนี้้มีชะตาเดียวกันกับนางเสียส่วนใหญ่ จะต่างกันก็ตรงที่เป็นเด็กที่เป็นลูกติดของบิดาที่แต่งงานใหม่ หลังจากมารดาของนางตายจากไป ทำให้ซูเย่วต้องถูกแม่เลี้ยงโขกสับโดยที่บิดาให้การปกป้องไม่ได้ เพราะครอบครัวใหม่คือตระกูลใหญ่ที่มีฐานะสูงกว่า จึงต้องเกรงใจและปล่อยให้บุตรสาวถูกรังแก และต่อมาก็ถูกแม่เลี้ยงแอบว่าจ้างให้ชายฉกรรจ์สองคน ที่เป็นนักค้าทาสนำตัวนางไปขายโดยที่บิดาของนางไม่ทราบเรื่อง จนเสวี่ยไป๋เข้าไปขัดขวางและช่วยมาได้สำเร็จ 'เจ้าคงไม่อยากกลับบ้านไปหาบิดาอีกแล้วใช่หรือไม่' ซูเย่พยักหน้า เสวี่ยไป๋เขียนข้อความลงในกระดาษบอกกล่าวกับเด็กหญิง 'เจ้าเป็นใบ้และมีชะตากรรมคล้ายกันกับข้า ข้านามว่าเสวี่ยไป๋มีความหมายว่าหิมะขาว ส่วนเจ้าซูเย่ว มีความหมายว่าดวงจันทร์ที่งดงาม เจ้าก็ไม่มีที่ไป เจ้ามาเป็นน้องสาวบุญธรรมของข้าดีหรือไม่' 'ได้หรือเจ้าคะ เจ้าค่ะข้าตกลง พี่เสวี่ยไป๋งามเหมือนนางฟ้าเลย ข้าไม่มีพี่น้อง ข้าอยากมีพี่สาวงดงามอย่างพี่เสวี่ยไป๋เจ้าค่ะ' 'ที่นี่มีห้องอยู่อีกห้องหนึ่งยังว่างข้ายกให้เป็นห้องนอนส่วนตัวของเจ้าดีหรือไม่' เสวี่ยไป๋พาเด็กน้อยไปดูห้อง ซูเย่วพยักหน้าด้วยรอยยิ้มยินดี เสวี่ยไป๋รู้สึกถูกชะตากับซูเย่วพานางออกมาข้างนอกนั่งที่โต๊ะไม้ด้วยรอยยิ้มเบิกบานใจ ที่ได้พบกับเด็กหญิงที่มีชะตากรรมเดียวกันกับนาง ส่งผลให้ใบหน้าที่เคยเย็นชาไร้รอยยิ้ม แปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มที่งดงามอ่อนโยน จนทำให้หย่งคังที่มาหาแล้วเห็นเข้าพอดีมองรอยยิ้มนั้นอย่างตะลึงหลงใหลเคลิบเคล้มราวกับเวลาหยุดนิ่ง ในยามที่เทพธิดาหิมะของเขามีสีหน้าเย็นชาไร้รอยยิ้ม ก็งดงามราวกับหิมะขาวในยามต้องแสงแดดที่งดงามเยือกเย็นราวกับเทพธิดาหิมะ แต่ในยามที่นางแย้มยิ้มอย่างอ่อนโยนกลับยิ่งส่งให้นางงามราวกับดอกไม้ในยามหลังฝนโปรย ที่งดงามสดชื่่นจนเขารู้สึกว่าหากนางจะยิ้มให้เขาแบบนี้บ้าง จะให้เขาทำอย่างไรเขาก็ยินดีที่จะทำทุกอย่าง แต่ดูท่าว่าความหวังของหย่งคังจะยังห่างไกลจากความเป็นจริงอยู่มาก เพราะเพียงแค่เสวี่ยไป๋เห็นเขาเดินเข้ามาหาก็หุบรอยยิ้มและมีสีหน้ากลับไปเย็นชาดังเดิม "เด็กคนนั้นใครน่ะ" 'น้องสาวบุญธรรมของข้า ซูเย่ว นางคือเด็กหญิงที่มีชะตากรรมเดียวกันกับข้าตอนยังเด็กและที่สำคัญนางเป็นใบ้เหมือนกันกับข้าด้วย นางไม่มีที่ไปข้าจึงให้นางมาเป็นน้องสาวบุญธรรมของข้า'
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ