พิษเพลิงสิเน่หา
10.0
เขียนโดย ศิริพารา
วันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 เวลา 15.46 น.
6 ตอน
0 วิจารณ์
8,924 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2558 11.44 น. โดย เจ้าของนิยาย
5) พิษเพลิงสิเน่หา ตอนที่ 4 100%
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ***พิษเพลิงสิเน่หาวางจำหน่ายในรูปแบบอีบุ๊กเท่านั้น
สามารถโหลดได้แล้ววันนี้ที่เมพ meb e-book***
ภัทรษาและพรรณลดาเดินทางมาถึงสถานที่จัดงานพร้อมด้วยขนมไทยหลากหลายชนิดซึ่งล้วนแล้วแต่มีชื่ออันเป็นมงคล เหมาะแก่พิธีการสำคัญนี้ ทว่าความเป็นไทยที่หญิงสาวกำลังจัดแต่งอย่างสุดฝีมือ ประยุกต์ให้เข้ากับความสะดวกในการรับประทาน สายตาหลายคู่จึงได้เห็นขนมทองหยิบ ทองหยอด เม็ดขนุน จ่ามงกุฎในขนาดเล็กกว่าปกติทั้งยังถูกจัดวางเอาไว้ในช้อนสีขาวสะอาดสะอ้าน บ้างก็เรียงบนถาด บ้างก็ถูกเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบบนชั้นวางขนม มั่นใจว่าจะเป็นที่สะดุดตากับแขกเหรื่อที่มาร่วมงาน
“ไวน์... ดูเด็กคนนั้นสิ น่ารักจังเลย” ภัทรษาชะงักมือเมื่อสายตาสะดุดเข้ากับร่างของเด็กคนหนึ่งอยู่ในชุดกระโปรงสีชมพูอ่อนฟูฟ่อง กำลังเดินร้องไห้อยู่เพียงลำพัง
“พี่วุ้นไปดูแกเถอะค่ะ คงจะเป็นลูกหลานเจ้าของบ้านนี่แหละ” พรรณลดาบอกเพราะรู้ว่าก่อนงานจะเริ่มทุกคนในบ้านคงวุ่นๆ เด็กตัวน้อยอาจจะหลุดรอดสายตาไปได้
ภัทรษาจึงรีบวิ่งเข้าไปหาเพราะกลัวว่าเด็กน้อยจะเดินพ้นประตูรั้วเสียก่อน เมื่อถึงตัวก็ช้อนอุ้มเอาไว้ในอ้อมแขน ปลอบประโลมอย่างใจเย็น “ชูว์... อย่าร้องนะจ๊ะ เงียบซะนะ”
“จะหาแม่... แงๆ” โจเซลีนบอกทั้งน้ำตา อารมณ์ไม่ดีเพราะเมื่อคืนนั้นหยอกเย้าอยู่กับผู้เป็นอาเสียดึกดื่น เมื่อถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาแต่งตัวจึงร้องไห้โยเย เหวี่ยงสะบัดจนรอดสายตาผู้ใหญ่เดินออกมาเช่นนี้
แม้จะไม่รู้ว่าเด็กน้อยร้องไห้ด้วยสาเหตุใดแต่ความน่ารักน่าชัง ผิวแก้มเนียนนุ่มก็ทำให้ภัทรษายิ้มกว้าง พาเด็กในอ้อมแขนเดินไปนั่งบนชิงช้าที่ใช้เชือกเส้นใหญ่มัดเข้ากับกิ่งต้นไม้ใหญ่ ภาษาอังกฤษที่ได้ยินทำให้เธอเริ่มซักถามพลางลูบแผ่นหลังอย่างปลอบใจ “ร้องไห้ทำไมจ๊ะ แต่งตัวสวยๆ แบบนี้ต้องยิ้มสิจ๊ะ”
“หาแม่... ลินนี่จะหาแม่” โจเซลีนถูกจับให้นั่งซ้อนอยู่บนตัก แหงนหน้ามอง
“แม่หนูชื่ออะไรจ๊ะ อยู่ในบ้านหลังนี้รึเปล่า”
ไม่ทันได้ตอบคำถาม เสียงห้าวของใครบางคนก็ดังขึ้นอย่างร้อนใจ “ลินนี่... ลินนี่อยู่ไหน?”
“รามอส แง...” โจเซลีนเรียกคุณอาและร้องไห้ออกมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ สองแขนยื่นออกไปข้างหน้าเรียกให้คุณอามาอุ้ม
รามอสเดินเข้ามาอุ้มหลานสาวไปในทันที มองหญิงสาวตรงหน้าอย่างเอาเรื่องเพราะเสียงร้องไห้ที่ดังไม่ขาดสายทำให้คิดไปว่าเกิดเรื่องไม่ชอบมาพากลขึ้นเป็นแน่
“ลูกสาวคุณ...” ไม่ทันที่ภัทรษาจะได้พูดจบประโยค เสียงห้าวที่ดังขึ้นก็ทำให้เธอต้องอ้าปากค้าง
“คุณทำอะไรให้แก ลินนี่ถึงได้ร้องไห้แบบนี้” ถามแต่กลับไม่ยอมฟังคำตอบจากเธอ เพราะเขาจะเชื่อในคำพูดของหลานสาวเท่านั้น “ร้องไห้ทำไมลินนี่ ผู้หญิงคนนี้ทำอะไรหนู”
สายตาที่มองเธอไม่ต่างจากผู้ร้ายลักพาตัวเด็กทำให้ภัทรษาอ้าปากค้าง คำพูดของเขายิ่งทำให้เธอพูดไม่ออก นิ่งงันไม่ชั่วขณะ มองเด็กน้อยหน้าตาน่ารักส่ายหน้าไปมาแต่ไม่พูดว่าอย่างไร ร้องไห้หาแม่อย่างเดียว
“หาแม่ ลินนี่จะหาแม่” โจเซลีนบอกและซุกหน้าลงบนบ่ากว้างของผู้เป็นอา
เด็กอายุสองขวบครึ่งคงไม่ได้สนใจว่าจะทำให้ผู้ใหญ่เกิดความเข้าใจผิดแต่อย่างใด ความจริงในเรื่องนี้ทำให้ภัทรษารู้ดีแต่ที่ทำให้เธอฉุนคงจะเป็นมารยาทของผู้ใหญ่เสียมากกว่า
“ทำอะไรให้ลินนี่ถึงได้ร้องไห้โยเยแบบนี้” ถามอย่างเอาเรื่องในขณะที่ลูบแผ่นหลังหลานสาวขึ้นลงช้าๆ
ตอนแรกก็ตั้งใจว่าจะข่มอารมณ์แย่ๆ แล้วอธิบายด้วยความใจเย็น จนแล้วจนรอดสายตา ท่าทาง และน้ำเสียงของผู้ชายตัวเท่าตึกตรงหน้าก็ทำให้ความตั้งใจดีสูญสิ้น “ถ้าฉันเป็นโจรลักพาตัวเด็กฉันก็จะถามคุณว่าดูแลลูกยังไงถึงปล่อยให้แกเดินออกมาหน้าบ้านคนเดียวแบบนี้ ถ้าฉันทำให้เด็กร้องไห้คงไม่อุ้มมานั่งบนตักให้เสียเวลา ก่อนจะใช้สายตาประณามคนอื่นแบบนี้ช่วยสำรวจความบกพร่องของตัวเองก่อนจะดีกว่า”
คำตอบของเธอทำให้รามอสนิ่งงัน ความร้อนใจที่ไม่เห็นหลานสาวนั่งอยู่ที่เดิมทำให้วู่วาม ขาดสติไปมากโข “ผมไม่ได้ตั้งใจ...”
“อย่ามาแก้ตัวหน่อยเลย คุณใช้คำถามไม่ต่างจากฉันเป็นแก๊งลักพาตัวเด็กถึงสองครั้งสองครา แถมคิดว่าฉันทำให้ลูกสาวคุณร้องไห้ จะมาแก้ตัวน้ำขุ่นๆ ว่าไม่ได้ตั้งใจได้ยังไง” ภัทรษากำมือตัวเองแน่นด้วยความโกรธและรีบพูดดักคอเมื่อเห็นเขาตั้งท่าจะเปิดปากอีกครั้ง “คุณไม่ถามต้นสายปลายเหตุเลยสักนิดว่าทำไมเด็กถึงร้องไห้ แต่กลับใช้คำถามแย่ๆ กับคนที่ช่วยไม่ให้ลูกสาวของคุณเดินออกไปนอกบริเวณบ้าน”
รามอสปั้นหน้ายากเพราะความจริงที่เธอโยนลงตรงหน้าคือท่าทางแย่ๆ ที่เพิ่งปฏิบัติกับเธอ ทว่าหลานสาวตัวน้อยที่หยุดร้องไห้แล้วเงยหน้าขึ้นมาจากบ่าก็อมยิ้มและชี้มือไปยังร่างของหญิงสาวที่ยืนอยู่ไม่ไกล
“สวยจังเลย ลินนี่ชอบคนสวย” โจเซลีนบอกตามประสาเด็ก
ก็ถ้าเธอเป็นผู้ร้ายหรือทำให้โจเซลีนร้องไห้ เขาก็คงไม่ได้ยินคำชมเช่นนี้ รามอสกลอกสายตาเบื่อหน่ายกับความใจร้อนของตัวเอง “ผมต้องขอโทษ”
“อย่าเลยค่ะ ดูแลลูกสาวของคุณให้ดีกว่านี้ คราวหลังจะได้ไม่ต้องมากล่าวร้ายคนอื่น” บอกพร้อมเมินหน้าหนี
โอ้โห! สะบัดหน้าเสียคอแทบเคล็ด นักเตะหนุ่มคิดในใจและโต้กลับเพราะตั้งแต่ไหนแต่ไรไม่เคยเป็นฝ่ายงอนง้อผู้หญิงก่อน “จะเอายังไงอีก ผมขอโทษคุณแล้วนะ”
ภัทรษาหัวเราะพรืดออกมาเมื่อได้ยินคำถามเช่นนั้น “เหลือเชื่อเลย คุณคิดว่าตัวเองเป็นใครมาจากไหนถึงได้พูดจาร้ายกาจกับคนอื่นแบบนี้”
“ก็แล้วจะเอายังไง ขอโทษแล้วก็เลิกรากันไปสิ ทำไมต้องมาประชดผมด้วย”
“คุณคิดว่าฉันควรยิ้มรับและให้อภัยคนที่กล่าวคำขอโทษอย่างเสียมิได้ สัมผัสถึงความจริง ความเสียใจที่ได้กล่าวหาคนอื่นในทางเสียหายไม่ได้เลยสักนิด งั้นเหรอ?” ภัทรษาถามกลับอย่างเอาเรื่องเช่นกัน
รามอสเบ้ปากพลางไหวไหล่อย่างไม่ยี่หระ “โอเค ขอโทษนะครับทูนหัว”
ภัทรษาหน้าตึงขึ้นมากกว่าเดิมเพราะน้ำเสียงยั่วโทสะและท่าทางผยองในตัวเอง ไม่มีทีท่าว่าจะสำนึกผิดหรือรู้สึกผิดเลยสักน้อยนิด พลางคิดในใจอย่างเดือดดาลว่าทำไมเธอต้องมาเจอผู้ชายคนนี้ในวันมงคลแบบนี้ด้วยนะ!
“ผู้หญิง ชอบนักล่ะไอ้คำพูดหวานๆ เนี่ย” นั่นไง เธอนิ่งงันเหมือนผู้หญิงที่กำลังเคลิบเคลิ้มแค่ได้ยินเขาพูดออดอ้อน
“ถ้าคิดว่าผู้หญิงที่คุณเคยเจอมาเหมือนกันหมด ฉันก็ไม่อยากจะเข้าไปขัดความคิดแคบๆ ของคุณหรอกค่ะ” ภัทรษาพูดเสียงแข็งและตบท้ายด้วยน้ำเสียงและท่าทางเย้ยหยันไม่ต่างจากที่ได้รับเมื่อครู่ “ผู้ชาย หลงตัวเองนักล่ะ”
ก่อนจะเกิดการวิวาทะยืดยาวไปกว่านี้ เสียงของสายป่านก็ดังขึ้นเมื่อเห็นเทพบุตรที่ตนคลั่งไคล้กำลังอุ้มคุณหนูตัวน้อยซึ่งหลายคนกำลังตามหา “อ้าว... คุณลินนี่มาอยู่ที่นี่เอง”
“พี่เป็นคนเจอแกเองล่ะจ้ะ ตอนที่เดินร้องไห้ออกมาเลยเข้ามาอุ้มเอาไว้เพราะกลัวว่าจะเดินออกไปนอกรั้วบ้าน” ภัทรษาบอก
“คุณหนูลินนี่คงนอนไม่เต็มอิ่มน่ะค่ะ เลยร้องไห้โยเย” สายป่านบอกและหันไปพูดกับเทพบุตรในฝันเสียงหวานด้วยภาษาไทยและใช้ภาษามือสำทับอีกครั้งหนึ่ง “คุณทิมให้เชิญคุณเข้าไปด้านในนะคะ พิธีจะเริ่มแล้ว”
ใบหน้าหล่อเหลาเหลอหลาเพราะไม่อาจเข้าใจในคำพูดของแม่บ้านสาวได้เลย แม้ว่าจะพยายามใช้มือสื่อสารประกอบด้วย จนแล้วจนรอดก็ไม่เห็นว่าจะเข้าใจกันสักนิด
“พี่วุ้นช่วยบอกคุณรามอสทีเถอะค่ะ ถ้าให้หนูพูดคงเข้าไปไม่ทันพิธีแน่” สายป่านจึงหันมาร้องขอให้ภัทรษาช่วยเหลือ
ภัทรษาทำหน้าที่ล่ามแปลภาษาให้อย่างไร้อารมณ์ หากไม่เห็นว่าผู้ชายน่าโมโหคนนี้มีส่วนร่วมในพิธีมงคลก็คงไม่มีทางยื่นมือเข้าช่วยเป็นแน่ จบคำพูดเขายังตีคิ้วใส่อย่างยั่วเย้าปล่อยให้เธอต้องกัดริมฝีปากล่างของตัวเองอย่างข่มอารมณ์
“อ๊าย... หล่อที่สุด เจ้าเสน่ห์เหลือเกิน” สายป่านกรีดร้องเมื่อเห็นเทพบุตรในฝันขยิบตาให้
“คงหล่อกว่านี้ถ้าลดความปากร้าย” บ่นอุบอิบและชวนคุยเรื่องอื่นเมื่อสายป่านหันมาย้ำถามเพราะได้ยินไม่ถนัดหูนัก “เปล่าจ้ะ พี่ชมว่าลูกสาวเขาน่ารักจังเลย”
“คุณหนูลินนี่น่ะเหรอคะ” สายป่านถามแล้วรีบอธิบายให้ชัดเจนเมื่อเห็นเจ้าของร้านขนมไทยพยักหน้าเร็วๆ “ไม่ใช่ค่ะ คุณหนูลินนี่เป็นลูกสาวของคุณทิมกับคุณนิก้า ส่วนคุณรามอสเป็นน้องชายของคุณทิมค่ะ”
ภัทรษาพยักหน้ารับพลางคิดในใจอย่างโล่งอกว่าเป็นโชคดีของเด็กนักที่ไม่ต้องมีพ่อนิสัยแย่ๆ แบบนั้น “พี่ไม่รู้มาก่อนเลยว่าทั้งคู่มีลูกสาวโตขนาดนี้”
“ค่ะ หนูได้ยินว่าทั้งคู่แต่งงานกันแล้วที่อังกฤษ แต่คุณไพลินอยากจัดให้ญาติๆ ที่อยู่ไทยรับรู้ แขกที่เชิญมาเลยมีแต่ญาติสนิทแล้วก็เพื่อนๆ เท่านั้นค่ะ”
“มิน่าล่ะ มีแม่สวยนี่เองน้องลินนี่ถึงได้หน้าตาน่าเอ็นดูนัก” ชมด้วยความจริงใจจากนั้นจึงแยกตัวจากแม่บ้านสาวไปยังโต๊ะวางขนมไทยของตน เพราะตอนนี้มีแขกเหรื่อจำนวนหนึ่งกำลังยืนมองด้วยความสนใจ ภัทรษาจึงเข้าไปทำหน้าที่ของตนช่วยน้องสาวที่ยืนประจำอยู่หลังโต๊ะวางขนมอีกฝั่งหนึ่ง
หากไม่นับรวมความขุ่นข้องหมองใจเพราะผู้ชายปากเสียเมื่อครู่แล้วก็พูดได้เต็มปากว่า เป็นวันที่ภัทรษามีรอยยิ้มบนใบหน้ามากที่สุด เพราะนอกจากจะยิ้มกับพิธีสมรสอันเรียบง่ายแต่อบอวลไปด้วยความรัก สัมผัสได้ถึงความจริงใจที่คู่บ่าวสาวมีให้กันแล้ว เธอยังยิ้มให้กับผลงานของตัวเอง ขนมไทยหลากหลายชนิดของวันนี้ได้รับความสนใจจากแขกที่มาร่วมงานเป็นอย่างยิ่ง เธอและพรรณลดานั้นยืนอยู่คนละฝั่ง ท่ามกลางแขกชาวไทยและต่างชาติซึ่งคาดคะเนจากสายตาแล้วน่าจะคละกันราวครึ่งหนึ่ง จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่ชาวต่างชาติจะให้ความสนใจไถ่ถามถึงชื่อขนมตลอดวัตถุดิบเบื้องต้นว่าขนมหวานหน้าตาน่ารับประทานนี้ทำมาจากอะไร
หลังจากพิธีด้านในเสร็จสิ้น คู่บ่าวสาวก็ออกมาด้านนอกและกล่าวคำรักต่อกันพอเป็นพิธี จากนั้นจึงเชื้อเชิญแขกเหรื่อให้ดื่มแชมเปญร่วมฉลองกับความสุขในครั้งนี้ เสียงไชโยโห่ร้องดังขึ้นทั่วบริเวณพร้อมกับการดื่มฉลอง ร่วมเต้นรำและร้องเพลงอย่างสนุกสนาน
“เฮ้... คนสำคัญของงานอยู่ทางนี้ มัวแต่มองอะไรวะแบร์ตี้” หลังจากดื่มแชมเปญรวดเดียวหมดแก้ว รามอสก็มองตามสายตาของเพื่อนนักเตะจึงได้เห็นว่าเบเนทาร์จ้องมองสาวหน้าหวานคนหนึ่งไม่กะพริบตา
“นางฟ้ารึเปล่าวะ ทำไมถึงได้สวยขนาดนี้” เบเนทาร์แทบจะครางออกมา เมื่อเห็นใบหน้างดงามของหญิงสาวที่อยู่ในชุดผ้าพลิ้วไหวสีครีม ผิวขาวอมชมพูอย่างคนสุขภาพดีที่สำคัญรอยยิ้มและกิริยาท่าทางของเธอนั้นสะกดสายตาแก่ผู้พบเห็นยิ่งนัก
รามอสปั้นหน้าเมื่อย ยิ้มให้เพื่อนเซ็งๆ เมื่อมองตามสายตาแล้วเห็นว่าเบเนทาร์จ้องมองร่างระหงของผู้หญิงที่เพิ่งปะทะคารมมาด้วยเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ ความจริงแล้วเขาอยากจะบอกว่าแม่คนนี้ปากคอร้ายกาจไม่เบา แต่ก็คร้านจะอธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้น
“ผู้หญิงไทยไม่ง่ายนะโว้ย เตือนไว้ก่อน” รามอสกระซิบกระซาบพอให้ได้ยินกันสองคนแต่เพื่อนนักเตะกลับมองด้วยสายตาไม่ไว้ใจพลางส่ายหน้าดิก
“เก็บไว้กินเองรึเปล่าวะ ที่เคยได้ยินได้ฟังมาไม่ยากเท่าไหร่นี่หว่า เงินมาผ้าหลุด” เบเนทาร์บอกอย่างมั่นใจ เพราะมันคือความจริงที่เกิดขึ้นทั่วไปไม่ได้เฉพาะเจาะจงกับผู้หญิงชนชาติใด บางคนคลั่งไคล้เขามากจนมาเสนอตัวให้ถึงที่ บางคนก็ยั่วจนไม่น่าไว้ใจกลายเป็นความน่ากลัว ถึงจะสวยแค่ไหนก็ห่อเหี่ยว หมดอารมณ์ไปในบัดดล
เช่นเดียวกับรามอสก็เคยพบเจอผู้หญิงมาแล้วทุกรูปแบบ แต่คนอย่างเขาไม่นิยมซื้อเซ็กซ์จากผู้หญิง มันดูง่อยเปลี้ยเสียเชิงชายไปมากโขหากต้องจ่ายเงินหาสาวเอสคอร์ตมาปลดเปลื้องอารมณ์หนุ่มอันร้อนแรง ก็แล้วจะต้องแสวงหาผู้หญิงอย่างนั้นทำไมในเมื่อมีนางแบบหุ่นดี ขาเรียวยาวเดินเข้ามาหาอยู่เป็นประจำ ส่วนสาวๆ ที่คลั่งไคล้นักฟุตบอลหล่อๆ นั่นตัดไปได้เลยเพราะถ้าหุ่นดีก็หน้าตาไม่ได้เรื่อง ถ้าสวยหน่อยก็ต้องเจ้าเนื้อ
“เฮ้... เอาจริงเหรอวะ” รามอสเรียกเพื่อนร่วมสโมสรที่กำลังก้าวเข้าไปหาสาวหน้าหวานโดยไม่หันกลับมาสนใจเสียงเรียกของเขาสักนิด ทว่าปฏิกิริยาของเธอที่มีต่อเบเนทาร์สวนทางกับตนอย่างสิ้นเชิง รอยยิ้มหวานจับใจนั้นทำให้ดวงตาเขาพร่ามัว โลกทั้งใบดูเหมือนจะหยุดหมุนไปชั่วขณะ!
“ฮัลโหล สวยจังครับ” ทักทายอย่างตรงไปตรงมา ทว่าคู่สนทนากลับไม่ได้คิดไปในทางเดียวกัน
ภัทรษายิ้มตอบพลางมองมือแข็งแรงที่ยื่นมาหยิบขนมในช้อนที่จัดเรียงอย่างเป็นระเบียบ “ดีใจที่ชอบค่ะ”
“ชื่ออะไรครับ”
“Bean-paste ภาษาไทยเรียกว่า เม็ดขนุนค่ะ”
เบเนทาร์หัวเราะร่วนเมื่อถามตอบคนละเรื่องเดียวกัน “หวานและอร่อยมากครับ แต่ผมชมคุณว่าสวยและประโยคที่แล้วก็หมายถึงชื่อของคุณ”
ภัทรษาทำตาโตและอดหัวเราะตามเขาไม่ได้เมื่อได้ยินคำอธิบายด้วยท่าทางและน้ำเสียงเป็นมิตร แตกต่างกับผู้ชายอีกคนที่ยืนอยู่ข้างหลัง เมื่อเช้านี้ได้ปะทะคารมกันมาแล้วครั้งหนึ่งและเธอก็ไม่มีท่าทางเกรงกลัวเขาเลยสักนิด
ความเป็นนักฟุตบอลชื่อเสียงโด่งดัง เก่งกาจ หล่อเหลาเพียบพร้อมไปทุกด้านไม่ได้ทำให้เธอมองเห็นเขาเป็นเทพบุตรหรือมองเขาในแง่บวกขึ้นมาเลย แต่เป็นบรรยากาศดีๆ ในงานมงคลซึ่งทุกคนที่ร่วมงานสัมผัสได้ถึงความรัก ความจริงใจต่างหากเป็นตัวฉุดรั้งให้เธออดทน ไม่สนใจในท่าทางยียวนของเขาและทำงานของตัวเองต่อไป
“เบเนทาร์ครับ เรียกผมว่าแบร์ตี้ก็ได้” หนุ่มหล่ออารมณ์ดีเป็นฝ่ายเอ่ยแนะนำตัวก่อน ทั้งยังยื่นมือมารอสัมผัสตรงหน้า
“ภัทรษา ยินดีที่ได้รู้จักคุณค่ะ” แนะนำตัวเองบ้างและยื่นมือไปสัมผัสกับเขาอย่างเป็นมิตร ทว่าเสียงห้าวที่กำลังเอ่ยเรียกชื่อตนอย่างยากลำบากก็ทำให้หญิงสาวอดขำไม่ได้ “งั้นเรียกสั้นๆ ว่า วุ้นก็ได้ค่ะ ไม่รู้ว่าคุณจะออกเสียงได้ง่ายขึ้นรึเปล่า”
แม้จะสั้นแต่ก็ไม่ได้ช่วยให้นักแตะหนุ่มเมืองผู้ดีออกเสียงได้ง่ายนัก แต่ภัทรษาก็ไม่ได้ติดใจเพราะคิดว่าอย่างไรแล้วก็คงจะเจอกันเพียงวันนี้ ตนคงไม่มีโอกาสรู้จักมักคุ้นกับนักกีฬาที่มีชื่อเสียง จะว่าไปแล้วเพราะมีความรู้สึกติดลบกับผู้ชายที่ยืนอยู่ไม่ไกลนั้นมากกว่า ทว่าร่างอ้อนแอ้นของพรรณลดาก็เดินถือถาดขนมใบย่อมมาวางข้างๆ พร้อมทั้งเบียดตัวเข้ามายืนใกล้ๆ
“สวัสดีค่ะ แบร์ตี้ ฉันไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลยว่าจะเจอคุณ” พรรณลดาแนะนำตัวพลางยื่นมือไปรอตรงหน้านักเตะชื่อดังที่ตัวเองคลั่งไคล้ กะพริบตาถี่ๆ ราวกับฝันไปเมื่อรู้สึกถึงฝ่ามือใหญ่ยื่นมาสัมผัส “ตัวจริงคุณหล่อกว่าในทีวีหลายเท่าเลยนะคะ”
เบเนทาร์ขยิบตาใส่ดวงตาเป็นประกาย เขาทำแบบนี้กับสาวน้อยสาวใหญ่ซึ่งจ้องมองด้วยอาการตกตะลึงจนกลายเป็นเรื่องปกติสำหรับเขา “ส่วนมากคนพูดแบบนี้เสียจนฉันเริ่มชินแล้ว สาวน้อย”
“พรรณลดาหรือจะเรียกว่า ไวน์ ก็ได้ค่ะ น้องสาวของฉันเอง” ภัทรษาบอกเมื่อชายหนุ่มหันกลับมาจ้องหน้าตนเช่นเดิม
“หน้าตาไม่เหมือนกันเลย คนหนึ่งสวย อีกคนน่ารัก” เบเนทาร์ชมตรงๆ และเหล่มองรามอสที่เข้ามายืนชิมขนมข้างๆ “ว่าแต่ทำไมพี่น้องถึงได้หน้าตาไม่เหมือนกันล่ะครับ”
“อ่อ... ไวน์เป็นลูกสาวของน้าค่ะ แต่ก็เหมือนพี่น้องกันจริงๆ เพราะโตมาด้วยกัน” ภัทรษาอธิบาย
“ว้าว... รามอส วันนี้ฉันโชคดีได้เจอนักฟุตบอลเกือบทั้งสโมสร” พรรณลดาครางอย่างไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง “รู้ไหมคะว่าฉันติดตามพวกคุณลงแข่งทุกแมตช์ พวกคุณเล่นเก่งมากๆ เข้าขากันได้ดีที่สุด”
“ส่วนมากเด็กผู้หญิงมักจะเริ่มดูฟุตบอลเพราะชอบนักเตะ จากนั้นค่อยเปลี่ยนมาเป็นคลั่งไคล้ทั้งเกมทั้งคน” เบเนทาร์บอกเพราะเขาเจอสาวๆ อย่างพรรณลดามาตลอดชีวิตการเป็นนักเตะอาชีพ ท่าทางหลงใหลได้ปลื้มที่เห็นจึงเป็นเรื่องชินตา
“ดีนะที่ชอบสโมสรเดียวกัน ไม่งั้นมันจะเป็นข้อโต้แย้งเล็กๆ ของบ้าน” รามอสบอกพลางเหลือบสายตามองคนพี่พลางคิดอย่างย่ามใจ ทำเป็นหน้าบึ้ง ที่แท้ก็ปลื้มเขาไม่ต่างจากผู้หญิงทั่วไป
“ไม่หรอกค่ะ เพราะทั้งบ้านมีไวน์ดูฟุตบอลอยู่คนเดียว พี่วุ้นนี่ไม่สนใจเรื่องพวกนี้เลย” พรรณลดาบอก
ภัทรษาหลับตาลงอย่างระงับสติอารมณ์เมื่อเห็นเขาชักสีหน้าอย่างไม่เชื่อถือในคำพูดอีกเช่นเคย เขาคงอยากได้ยินว่ามนุษย์ผู้หญิงทุกคนบนโลกต้องคลั่งไคล้ หลงใหลได้ปลื้ม มองเขาไม่ต่างจากพ่อเทพบุตรสินะ ฝันไปเถอะ คิดในใจอย่างเดือดดาล แต่นักเตะอีกคนที่ดูจะมีมนุษยสัมพันธ์เป็นเลิศกลับถามอย่างอยากรู้
“แล้วคุณสนใจอะไรเป็นพิเศษครับ” เบเนทาร์สนใจที่จะถามคนพี่ แต่กลับได้ยินคนน้องชิงตอบทุกอย่างเสียเอง
“สนใจคุณค่ะ” พรรณลดาพูดโพล่งออกมาเพราะเก็บความดีใจเอาไว้ไม่อยู่จนพี่สาวต้องกดเสียงต่ำปราม ถ้าหากไม่มีความปลาบปลื้มในตัวของเบเนทาร์เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว พรรณลดาก็สังเกตเห็นท่าทางหน่ายใจที่นักเตะหนุ่มแสดงออกมาแวบหนึ่ง “เอ่อ... ไวน์หมายถึงชื่นชอบการเล่นของคุณเป็นพิเศษค่ะ ถึงแม้จะชอบทั้งทีมแต่ชอบสไตล์การเล่นของคุณที่สุด คุณวิ่งเร็วเข้าบอลแบบไม่กลัวเจ็บแต่ในขณะเดียวกันก็เซฟตัวเองด้วย”
คำชมด้วยเสียงเจื้อยแจ้วทำให้พี่สาวส่ายหน้าและยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดู ไม่ต่างจากเบเนทาร์ซึ่งยกมือของตัวเองไปวางบนกระหม่อมของพรรณลดา จึงไม่มีใครได้เห็นอาการตกตะลึงของรามอสเมื่อเห็นท่าทางอ่อนโยนของภัทรษา
“ถ่ายรูปคู่กันดีไหมจะได้เอาไปโชว์เพื่อนๆ” เบเนทาร์บอกอย่างใจดี
“จริงๆ นะคะ ขอลายเซ็นคุณด้วยได้ไหม”
“ใครจะปฏิเสธเธอได้ลงคอกันล่ะสาวน้อย” บอกโดยไม่รู้เลยว่าสาวน้อยที่ตนนึกว่าอายุไม่เกินสิบแปดปีตรงหน้ากำลังจะเรียนจบปริญญาตรีในหนึ่งปีนี้
“ไวน์สะสมรูปของคุณไว้เยอะมากๆ เลยค่ะ คุณสัญญาแล้วนะคะว่าจะเซ็นให้ทุกภาพ” ความตื่นเต้นดีใจรวมอยู่บนใบหน้าของพรรณลดา เพียงชั่วครู่ก็สลดลงอย่างฉับพลันเมื่อคิดขึ้นมาได้ว่าตนไม่ได้มาร่วมงานเลี้ยงในตอนเย็นนี้ “แต่ไวน์จะเอาภาพมาให้คุณเซ็นได้ยังไงล่ะคะ ในเมื่อ...”
“ฝากพี่มาไง” ภัทรษาอาสาและได้เห็นรอยยิ้มแห่งความดีใจบนใบหน้าน้องสาวอีกครั้ง “แต่ตอนนี้พี่ว่าปล่อยให้แบร์ตี้ไปสังสรรค์กับเพื่อนก่อน อีกอย่างถ้าขนมยังเหลือแบบนี้แปลว่ามันไม่อร่อยนะจ๊ะ”
“ใครว่าล่ะคะ ฝีมือพี่วุ้นอร่อยที่สุดแล้วไม่เชื่อถามแบร์ตี้ดู จริงไหมคะ?” พรรณลดาถามด้วยน้ำเสียงสดใส
“จริงที่สุดครับ” สิ้นคำตอบรับของเบเนทาร์ ทั้งสามก็หัวเราะร่วนอย่างครื้นเครง แต่ภัทรษากลับหุบยิ้มฉับเมื่อหันไปสบสายตาเข้ากับรามอสที่ดูเหมือนว่าจะถูกตัดขาดออกไปจากวงสนทนา
โลกที่กำลังสดใสด้วยรอยยิ้มหวานจับใจและท่าทีอ่อนโยนของเธอ ทำให้รามอสเผลอยิ้มตามไม่ได้แต่เธอกลับทำให้เขารู้สึกเหมือนตัวประหลาด ไร้มารยาทที่แอบฟังผู้อื่นสนทนา สายตานิ่งเฉย ใบหน้าราบเรียบทั้งที่เพิ่งหัวเราะครึกครื้นเมื่อครู่สร้างความหงุดหงิดใจให้เขาจนต้องดึงแขนเพื่อนร่วมทีมออกมาจากสองพี่น้อง
ภัทรษาไม่ได้สนใจต่อท่าทีกระแทกแดกดันของอีกฝ่าย การวางเฉยมองเขาเป็นธาตุอากาศยังเป็นการตอบโต้ที่ได้ผล เธอและน้องสาวยังทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป พูดคุยและอธิบายให้แขกที่หมุนเวียนเปลี่ยนหน้าซึ่งให้ความสนใจต่อขนมจากร้านตนได้รับรู้พอสังเขป หากบ่อยครั้งที่สายตาไปปะทะกับดวงตาคมกริบของนักเตะหนุ่ม ไม่ว่าจะกี่ครั้งกี่หนเธอก็รู้สึกว่าเขาเป็นฝ่ายจ้องมองอยู่ก่อนแล้ว แม้ว่าจะบอกตัวเองไม่ให้สนใจแต่กลับปฏิเสธไม่ได้ว่า ดวงตาคมกริบคู่นี้สร้างความหวั่นไหวให้หัวใจสั่นคลอนได้เป็นอย่างดี
ท่ามกลางเพื่อนร่วมทีม ผู้ฝึกสอน ผู้จัดการส่วนตัวที่พูดคุยกันอย่างออกรส แต่บ่อยครั้งรามอสจ้องมองร่างระหงราวกับต้องมนตร์สะกด ไม่ว่าเธอจะหยิบจับอะไรหรือพูดจากับใครก็น่ามองยิ่งนัก แน่ล่ะว่าเขามองเธอบ่อยเกินความจำเป็น แม้ว่าเพื่อนร่วมทีมจะเอ่ยปากแซวเมื่อเห็นดาเรียควงคู่มากับแฟนหนุ่ม เสียงนกเสียงกาเหล่านั้นยังไม่มีอิทธิพลดึงความสนใจของเขาให้หันไปแก้ต่างให้กับตัวเอง แต่สิ่งที่ทำให้เขาเดือดดาลร้อนใจกลับเป็นเพียงแค่รอยยิ้มของผู้หญิงคนหนึ่งที่มีให้ทุกคนยกเว้น เขา!
“หวงกระทั่งรอยยิ้มเชียวนะ แม่คุณ!” รามอสคำรามลอดไรฟันเมื่อเวลาผ่านไปพอสมควร แขกเริ่มทยอยกลับที่พักจนบางตา เธอและน้องสาวก็เดินหลบออกไปจนพ้นบริเวณของบ้าน ในขณะที่ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมต้องรู้สึกเบาโหวงกับภาพที่เธอเดินไกลออกไป ในขณะที่อีกใจรู้สึกยินดีเมื่อคิดขึ้นมาได้ว่าจะเห็นเธออีกครั้งในงานปาร์ตี้ตอนเย็น
สามารถโหลดได้แล้ววันนี้ที่เมพ meb e-book***
ภัทรษาและพรรณลดาเดินทางมาถึงสถานที่จัดงานพร้อมด้วยขนมไทยหลากหลายชนิดซึ่งล้วนแล้วแต่มีชื่ออันเป็นมงคล เหมาะแก่พิธีการสำคัญนี้ ทว่าความเป็นไทยที่หญิงสาวกำลังจัดแต่งอย่างสุดฝีมือ ประยุกต์ให้เข้ากับความสะดวกในการรับประทาน สายตาหลายคู่จึงได้เห็นขนมทองหยิบ ทองหยอด เม็ดขนุน จ่ามงกุฎในขนาดเล็กกว่าปกติทั้งยังถูกจัดวางเอาไว้ในช้อนสีขาวสะอาดสะอ้าน บ้างก็เรียงบนถาด บ้างก็ถูกเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบบนชั้นวางขนม มั่นใจว่าจะเป็นที่สะดุดตากับแขกเหรื่อที่มาร่วมงาน
“ไวน์... ดูเด็กคนนั้นสิ น่ารักจังเลย” ภัทรษาชะงักมือเมื่อสายตาสะดุดเข้ากับร่างของเด็กคนหนึ่งอยู่ในชุดกระโปรงสีชมพูอ่อนฟูฟ่อง กำลังเดินร้องไห้อยู่เพียงลำพัง
“พี่วุ้นไปดูแกเถอะค่ะ คงจะเป็นลูกหลานเจ้าของบ้านนี่แหละ” พรรณลดาบอกเพราะรู้ว่าก่อนงานจะเริ่มทุกคนในบ้านคงวุ่นๆ เด็กตัวน้อยอาจจะหลุดรอดสายตาไปได้
ภัทรษาจึงรีบวิ่งเข้าไปหาเพราะกลัวว่าเด็กน้อยจะเดินพ้นประตูรั้วเสียก่อน เมื่อถึงตัวก็ช้อนอุ้มเอาไว้ในอ้อมแขน ปลอบประโลมอย่างใจเย็น “ชูว์... อย่าร้องนะจ๊ะ เงียบซะนะ”
“จะหาแม่... แงๆ” โจเซลีนบอกทั้งน้ำตา อารมณ์ไม่ดีเพราะเมื่อคืนนั้นหยอกเย้าอยู่กับผู้เป็นอาเสียดึกดื่น เมื่อถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาแต่งตัวจึงร้องไห้โยเย เหวี่ยงสะบัดจนรอดสายตาผู้ใหญ่เดินออกมาเช่นนี้
แม้จะไม่รู้ว่าเด็กน้อยร้องไห้ด้วยสาเหตุใดแต่ความน่ารักน่าชัง ผิวแก้มเนียนนุ่มก็ทำให้ภัทรษายิ้มกว้าง พาเด็กในอ้อมแขนเดินไปนั่งบนชิงช้าที่ใช้เชือกเส้นใหญ่มัดเข้ากับกิ่งต้นไม้ใหญ่ ภาษาอังกฤษที่ได้ยินทำให้เธอเริ่มซักถามพลางลูบแผ่นหลังอย่างปลอบใจ “ร้องไห้ทำไมจ๊ะ แต่งตัวสวยๆ แบบนี้ต้องยิ้มสิจ๊ะ”
“หาแม่... ลินนี่จะหาแม่” โจเซลีนถูกจับให้นั่งซ้อนอยู่บนตัก แหงนหน้ามอง
“แม่หนูชื่ออะไรจ๊ะ อยู่ในบ้านหลังนี้รึเปล่า”
ไม่ทันได้ตอบคำถาม เสียงห้าวของใครบางคนก็ดังขึ้นอย่างร้อนใจ “ลินนี่... ลินนี่อยู่ไหน?”
“รามอส แง...” โจเซลีนเรียกคุณอาและร้องไห้ออกมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ สองแขนยื่นออกไปข้างหน้าเรียกให้คุณอามาอุ้ม
รามอสเดินเข้ามาอุ้มหลานสาวไปในทันที มองหญิงสาวตรงหน้าอย่างเอาเรื่องเพราะเสียงร้องไห้ที่ดังไม่ขาดสายทำให้คิดไปว่าเกิดเรื่องไม่ชอบมาพากลขึ้นเป็นแน่
“ลูกสาวคุณ...” ไม่ทันที่ภัทรษาจะได้พูดจบประโยค เสียงห้าวที่ดังขึ้นก็ทำให้เธอต้องอ้าปากค้าง
“คุณทำอะไรให้แก ลินนี่ถึงได้ร้องไห้แบบนี้” ถามแต่กลับไม่ยอมฟังคำตอบจากเธอ เพราะเขาจะเชื่อในคำพูดของหลานสาวเท่านั้น “ร้องไห้ทำไมลินนี่ ผู้หญิงคนนี้ทำอะไรหนู”
สายตาที่มองเธอไม่ต่างจากผู้ร้ายลักพาตัวเด็กทำให้ภัทรษาอ้าปากค้าง คำพูดของเขายิ่งทำให้เธอพูดไม่ออก นิ่งงันไม่ชั่วขณะ มองเด็กน้อยหน้าตาน่ารักส่ายหน้าไปมาแต่ไม่พูดว่าอย่างไร ร้องไห้หาแม่อย่างเดียว
“หาแม่ ลินนี่จะหาแม่” โจเซลีนบอกและซุกหน้าลงบนบ่ากว้างของผู้เป็นอา
เด็กอายุสองขวบครึ่งคงไม่ได้สนใจว่าจะทำให้ผู้ใหญ่เกิดความเข้าใจผิดแต่อย่างใด ความจริงในเรื่องนี้ทำให้ภัทรษารู้ดีแต่ที่ทำให้เธอฉุนคงจะเป็นมารยาทของผู้ใหญ่เสียมากกว่า
“ทำอะไรให้ลินนี่ถึงได้ร้องไห้โยเยแบบนี้” ถามอย่างเอาเรื่องในขณะที่ลูบแผ่นหลังหลานสาวขึ้นลงช้าๆ
ตอนแรกก็ตั้งใจว่าจะข่มอารมณ์แย่ๆ แล้วอธิบายด้วยความใจเย็น จนแล้วจนรอดสายตา ท่าทาง และน้ำเสียงของผู้ชายตัวเท่าตึกตรงหน้าก็ทำให้ความตั้งใจดีสูญสิ้น “ถ้าฉันเป็นโจรลักพาตัวเด็กฉันก็จะถามคุณว่าดูแลลูกยังไงถึงปล่อยให้แกเดินออกมาหน้าบ้านคนเดียวแบบนี้ ถ้าฉันทำให้เด็กร้องไห้คงไม่อุ้มมานั่งบนตักให้เสียเวลา ก่อนจะใช้สายตาประณามคนอื่นแบบนี้ช่วยสำรวจความบกพร่องของตัวเองก่อนจะดีกว่า”
คำตอบของเธอทำให้รามอสนิ่งงัน ความร้อนใจที่ไม่เห็นหลานสาวนั่งอยู่ที่เดิมทำให้วู่วาม ขาดสติไปมากโข “ผมไม่ได้ตั้งใจ...”
“อย่ามาแก้ตัวหน่อยเลย คุณใช้คำถามไม่ต่างจากฉันเป็นแก๊งลักพาตัวเด็กถึงสองครั้งสองครา แถมคิดว่าฉันทำให้ลูกสาวคุณร้องไห้ จะมาแก้ตัวน้ำขุ่นๆ ว่าไม่ได้ตั้งใจได้ยังไง” ภัทรษากำมือตัวเองแน่นด้วยความโกรธและรีบพูดดักคอเมื่อเห็นเขาตั้งท่าจะเปิดปากอีกครั้ง “คุณไม่ถามต้นสายปลายเหตุเลยสักนิดว่าทำไมเด็กถึงร้องไห้ แต่กลับใช้คำถามแย่ๆ กับคนที่ช่วยไม่ให้ลูกสาวของคุณเดินออกไปนอกบริเวณบ้าน”
รามอสปั้นหน้ายากเพราะความจริงที่เธอโยนลงตรงหน้าคือท่าทางแย่ๆ ที่เพิ่งปฏิบัติกับเธอ ทว่าหลานสาวตัวน้อยที่หยุดร้องไห้แล้วเงยหน้าขึ้นมาจากบ่าก็อมยิ้มและชี้มือไปยังร่างของหญิงสาวที่ยืนอยู่ไม่ไกล
“สวยจังเลย ลินนี่ชอบคนสวย” โจเซลีนบอกตามประสาเด็ก
ก็ถ้าเธอเป็นผู้ร้ายหรือทำให้โจเซลีนร้องไห้ เขาก็คงไม่ได้ยินคำชมเช่นนี้ รามอสกลอกสายตาเบื่อหน่ายกับความใจร้อนของตัวเอง “ผมต้องขอโทษ”
“อย่าเลยค่ะ ดูแลลูกสาวของคุณให้ดีกว่านี้ คราวหลังจะได้ไม่ต้องมากล่าวร้ายคนอื่น” บอกพร้อมเมินหน้าหนี
โอ้โห! สะบัดหน้าเสียคอแทบเคล็ด นักเตะหนุ่มคิดในใจและโต้กลับเพราะตั้งแต่ไหนแต่ไรไม่เคยเป็นฝ่ายงอนง้อผู้หญิงก่อน “จะเอายังไงอีก ผมขอโทษคุณแล้วนะ”
ภัทรษาหัวเราะพรืดออกมาเมื่อได้ยินคำถามเช่นนั้น “เหลือเชื่อเลย คุณคิดว่าตัวเองเป็นใครมาจากไหนถึงได้พูดจาร้ายกาจกับคนอื่นแบบนี้”
“ก็แล้วจะเอายังไง ขอโทษแล้วก็เลิกรากันไปสิ ทำไมต้องมาประชดผมด้วย”
“คุณคิดว่าฉันควรยิ้มรับและให้อภัยคนที่กล่าวคำขอโทษอย่างเสียมิได้ สัมผัสถึงความจริง ความเสียใจที่ได้กล่าวหาคนอื่นในทางเสียหายไม่ได้เลยสักนิด งั้นเหรอ?” ภัทรษาถามกลับอย่างเอาเรื่องเช่นกัน
รามอสเบ้ปากพลางไหวไหล่อย่างไม่ยี่หระ “โอเค ขอโทษนะครับทูนหัว”
ภัทรษาหน้าตึงขึ้นมากกว่าเดิมเพราะน้ำเสียงยั่วโทสะและท่าทางผยองในตัวเอง ไม่มีทีท่าว่าจะสำนึกผิดหรือรู้สึกผิดเลยสักน้อยนิด พลางคิดในใจอย่างเดือดดาลว่าทำไมเธอต้องมาเจอผู้ชายคนนี้ในวันมงคลแบบนี้ด้วยนะ!
“ผู้หญิง ชอบนักล่ะไอ้คำพูดหวานๆ เนี่ย” นั่นไง เธอนิ่งงันเหมือนผู้หญิงที่กำลังเคลิบเคลิ้มแค่ได้ยินเขาพูดออดอ้อน
“ถ้าคิดว่าผู้หญิงที่คุณเคยเจอมาเหมือนกันหมด ฉันก็ไม่อยากจะเข้าไปขัดความคิดแคบๆ ของคุณหรอกค่ะ” ภัทรษาพูดเสียงแข็งและตบท้ายด้วยน้ำเสียงและท่าทางเย้ยหยันไม่ต่างจากที่ได้รับเมื่อครู่ “ผู้ชาย หลงตัวเองนักล่ะ”
ก่อนจะเกิดการวิวาทะยืดยาวไปกว่านี้ เสียงของสายป่านก็ดังขึ้นเมื่อเห็นเทพบุตรที่ตนคลั่งไคล้กำลังอุ้มคุณหนูตัวน้อยซึ่งหลายคนกำลังตามหา “อ้าว... คุณลินนี่มาอยู่ที่นี่เอง”
“พี่เป็นคนเจอแกเองล่ะจ้ะ ตอนที่เดินร้องไห้ออกมาเลยเข้ามาอุ้มเอาไว้เพราะกลัวว่าจะเดินออกไปนอกรั้วบ้าน” ภัทรษาบอก
“คุณหนูลินนี่คงนอนไม่เต็มอิ่มน่ะค่ะ เลยร้องไห้โยเย” สายป่านบอกและหันไปพูดกับเทพบุตรในฝันเสียงหวานด้วยภาษาไทยและใช้ภาษามือสำทับอีกครั้งหนึ่ง “คุณทิมให้เชิญคุณเข้าไปด้านในนะคะ พิธีจะเริ่มแล้ว”
ใบหน้าหล่อเหลาเหลอหลาเพราะไม่อาจเข้าใจในคำพูดของแม่บ้านสาวได้เลย แม้ว่าจะพยายามใช้มือสื่อสารประกอบด้วย จนแล้วจนรอดก็ไม่เห็นว่าจะเข้าใจกันสักนิด
“พี่วุ้นช่วยบอกคุณรามอสทีเถอะค่ะ ถ้าให้หนูพูดคงเข้าไปไม่ทันพิธีแน่” สายป่านจึงหันมาร้องขอให้ภัทรษาช่วยเหลือ
ภัทรษาทำหน้าที่ล่ามแปลภาษาให้อย่างไร้อารมณ์ หากไม่เห็นว่าผู้ชายน่าโมโหคนนี้มีส่วนร่วมในพิธีมงคลก็คงไม่มีทางยื่นมือเข้าช่วยเป็นแน่ จบคำพูดเขายังตีคิ้วใส่อย่างยั่วเย้าปล่อยให้เธอต้องกัดริมฝีปากล่างของตัวเองอย่างข่มอารมณ์
“อ๊าย... หล่อที่สุด เจ้าเสน่ห์เหลือเกิน” สายป่านกรีดร้องเมื่อเห็นเทพบุตรในฝันขยิบตาให้
“คงหล่อกว่านี้ถ้าลดความปากร้าย” บ่นอุบอิบและชวนคุยเรื่องอื่นเมื่อสายป่านหันมาย้ำถามเพราะได้ยินไม่ถนัดหูนัก “เปล่าจ้ะ พี่ชมว่าลูกสาวเขาน่ารักจังเลย”
“คุณหนูลินนี่น่ะเหรอคะ” สายป่านถามแล้วรีบอธิบายให้ชัดเจนเมื่อเห็นเจ้าของร้านขนมไทยพยักหน้าเร็วๆ “ไม่ใช่ค่ะ คุณหนูลินนี่เป็นลูกสาวของคุณทิมกับคุณนิก้า ส่วนคุณรามอสเป็นน้องชายของคุณทิมค่ะ”
ภัทรษาพยักหน้ารับพลางคิดในใจอย่างโล่งอกว่าเป็นโชคดีของเด็กนักที่ไม่ต้องมีพ่อนิสัยแย่ๆ แบบนั้น “พี่ไม่รู้มาก่อนเลยว่าทั้งคู่มีลูกสาวโตขนาดนี้”
“ค่ะ หนูได้ยินว่าทั้งคู่แต่งงานกันแล้วที่อังกฤษ แต่คุณไพลินอยากจัดให้ญาติๆ ที่อยู่ไทยรับรู้ แขกที่เชิญมาเลยมีแต่ญาติสนิทแล้วก็เพื่อนๆ เท่านั้นค่ะ”
“มิน่าล่ะ มีแม่สวยนี่เองน้องลินนี่ถึงได้หน้าตาน่าเอ็นดูนัก” ชมด้วยความจริงใจจากนั้นจึงแยกตัวจากแม่บ้านสาวไปยังโต๊ะวางขนมไทยของตน เพราะตอนนี้มีแขกเหรื่อจำนวนหนึ่งกำลังยืนมองด้วยความสนใจ ภัทรษาจึงเข้าไปทำหน้าที่ของตนช่วยน้องสาวที่ยืนประจำอยู่หลังโต๊ะวางขนมอีกฝั่งหนึ่ง
หากไม่นับรวมความขุ่นข้องหมองใจเพราะผู้ชายปากเสียเมื่อครู่แล้วก็พูดได้เต็มปากว่า เป็นวันที่ภัทรษามีรอยยิ้มบนใบหน้ามากที่สุด เพราะนอกจากจะยิ้มกับพิธีสมรสอันเรียบง่ายแต่อบอวลไปด้วยความรัก สัมผัสได้ถึงความจริงใจที่คู่บ่าวสาวมีให้กันแล้ว เธอยังยิ้มให้กับผลงานของตัวเอง ขนมไทยหลากหลายชนิดของวันนี้ได้รับความสนใจจากแขกที่มาร่วมงานเป็นอย่างยิ่ง เธอและพรรณลดานั้นยืนอยู่คนละฝั่ง ท่ามกลางแขกชาวไทยและต่างชาติซึ่งคาดคะเนจากสายตาแล้วน่าจะคละกันราวครึ่งหนึ่ง จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่ชาวต่างชาติจะให้ความสนใจไถ่ถามถึงชื่อขนมตลอดวัตถุดิบเบื้องต้นว่าขนมหวานหน้าตาน่ารับประทานนี้ทำมาจากอะไร
หลังจากพิธีด้านในเสร็จสิ้น คู่บ่าวสาวก็ออกมาด้านนอกและกล่าวคำรักต่อกันพอเป็นพิธี จากนั้นจึงเชื้อเชิญแขกเหรื่อให้ดื่มแชมเปญร่วมฉลองกับความสุขในครั้งนี้ เสียงไชโยโห่ร้องดังขึ้นทั่วบริเวณพร้อมกับการดื่มฉลอง ร่วมเต้นรำและร้องเพลงอย่างสนุกสนาน
“เฮ้... คนสำคัญของงานอยู่ทางนี้ มัวแต่มองอะไรวะแบร์ตี้” หลังจากดื่มแชมเปญรวดเดียวหมดแก้ว รามอสก็มองตามสายตาของเพื่อนนักเตะจึงได้เห็นว่าเบเนทาร์จ้องมองสาวหน้าหวานคนหนึ่งไม่กะพริบตา
“นางฟ้ารึเปล่าวะ ทำไมถึงได้สวยขนาดนี้” เบเนทาร์แทบจะครางออกมา เมื่อเห็นใบหน้างดงามของหญิงสาวที่อยู่ในชุดผ้าพลิ้วไหวสีครีม ผิวขาวอมชมพูอย่างคนสุขภาพดีที่สำคัญรอยยิ้มและกิริยาท่าทางของเธอนั้นสะกดสายตาแก่ผู้พบเห็นยิ่งนัก
รามอสปั้นหน้าเมื่อย ยิ้มให้เพื่อนเซ็งๆ เมื่อมองตามสายตาแล้วเห็นว่าเบเนทาร์จ้องมองร่างระหงของผู้หญิงที่เพิ่งปะทะคารมมาด้วยเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ ความจริงแล้วเขาอยากจะบอกว่าแม่คนนี้ปากคอร้ายกาจไม่เบา แต่ก็คร้านจะอธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้น
“ผู้หญิงไทยไม่ง่ายนะโว้ย เตือนไว้ก่อน” รามอสกระซิบกระซาบพอให้ได้ยินกันสองคนแต่เพื่อนนักเตะกลับมองด้วยสายตาไม่ไว้ใจพลางส่ายหน้าดิก
“เก็บไว้กินเองรึเปล่าวะ ที่เคยได้ยินได้ฟังมาไม่ยากเท่าไหร่นี่หว่า เงินมาผ้าหลุด” เบเนทาร์บอกอย่างมั่นใจ เพราะมันคือความจริงที่เกิดขึ้นทั่วไปไม่ได้เฉพาะเจาะจงกับผู้หญิงชนชาติใด บางคนคลั่งไคล้เขามากจนมาเสนอตัวให้ถึงที่ บางคนก็ยั่วจนไม่น่าไว้ใจกลายเป็นความน่ากลัว ถึงจะสวยแค่ไหนก็ห่อเหี่ยว หมดอารมณ์ไปในบัดดล
เช่นเดียวกับรามอสก็เคยพบเจอผู้หญิงมาแล้วทุกรูปแบบ แต่คนอย่างเขาไม่นิยมซื้อเซ็กซ์จากผู้หญิง มันดูง่อยเปลี้ยเสียเชิงชายไปมากโขหากต้องจ่ายเงินหาสาวเอสคอร์ตมาปลดเปลื้องอารมณ์หนุ่มอันร้อนแรง ก็แล้วจะต้องแสวงหาผู้หญิงอย่างนั้นทำไมในเมื่อมีนางแบบหุ่นดี ขาเรียวยาวเดินเข้ามาหาอยู่เป็นประจำ ส่วนสาวๆ ที่คลั่งไคล้นักฟุตบอลหล่อๆ นั่นตัดไปได้เลยเพราะถ้าหุ่นดีก็หน้าตาไม่ได้เรื่อง ถ้าสวยหน่อยก็ต้องเจ้าเนื้อ
“เฮ้... เอาจริงเหรอวะ” รามอสเรียกเพื่อนร่วมสโมสรที่กำลังก้าวเข้าไปหาสาวหน้าหวานโดยไม่หันกลับมาสนใจเสียงเรียกของเขาสักนิด ทว่าปฏิกิริยาของเธอที่มีต่อเบเนทาร์สวนทางกับตนอย่างสิ้นเชิง รอยยิ้มหวานจับใจนั้นทำให้ดวงตาเขาพร่ามัว โลกทั้งใบดูเหมือนจะหยุดหมุนไปชั่วขณะ!
“ฮัลโหล สวยจังครับ” ทักทายอย่างตรงไปตรงมา ทว่าคู่สนทนากลับไม่ได้คิดไปในทางเดียวกัน
ภัทรษายิ้มตอบพลางมองมือแข็งแรงที่ยื่นมาหยิบขนมในช้อนที่จัดเรียงอย่างเป็นระเบียบ “ดีใจที่ชอบค่ะ”
“ชื่ออะไรครับ”
“Bean-paste ภาษาไทยเรียกว่า เม็ดขนุนค่ะ”
เบเนทาร์หัวเราะร่วนเมื่อถามตอบคนละเรื่องเดียวกัน “หวานและอร่อยมากครับ แต่ผมชมคุณว่าสวยและประโยคที่แล้วก็หมายถึงชื่อของคุณ”
ภัทรษาทำตาโตและอดหัวเราะตามเขาไม่ได้เมื่อได้ยินคำอธิบายด้วยท่าทางและน้ำเสียงเป็นมิตร แตกต่างกับผู้ชายอีกคนที่ยืนอยู่ข้างหลัง เมื่อเช้านี้ได้ปะทะคารมกันมาแล้วครั้งหนึ่งและเธอก็ไม่มีท่าทางเกรงกลัวเขาเลยสักนิด
ความเป็นนักฟุตบอลชื่อเสียงโด่งดัง เก่งกาจ หล่อเหลาเพียบพร้อมไปทุกด้านไม่ได้ทำให้เธอมองเห็นเขาเป็นเทพบุตรหรือมองเขาในแง่บวกขึ้นมาเลย แต่เป็นบรรยากาศดีๆ ในงานมงคลซึ่งทุกคนที่ร่วมงานสัมผัสได้ถึงความรัก ความจริงใจต่างหากเป็นตัวฉุดรั้งให้เธออดทน ไม่สนใจในท่าทางยียวนของเขาและทำงานของตัวเองต่อไป
“เบเนทาร์ครับ เรียกผมว่าแบร์ตี้ก็ได้” หนุ่มหล่ออารมณ์ดีเป็นฝ่ายเอ่ยแนะนำตัวก่อน ทั้งยังยื่นมือมารอสัมผัสตรงหน้า
“ภัทรษา ยินดีที่ได้รู้จักคุณค่ะ” แนะนำตัวเองบ้างและยื่นมือไปสัมผัสกับเขาอย่างเป็นมิตร ทว่าเสียงห้าวที่กำลังเอ่ยเรียกชื่อตนอย่างยากลำบากก็ทำให้หญิงสาวอดขำไม่ได้ “งั้นเรียกสั้นๆ ว่า วุ้นก็ได้ค่ะ ไม่รู้ว่าคุณจะออกเสียงได้ง่ายขึ้นรึเปล่า”
แม้จะสั้นแต่ก็ไม่ได้ช่วยให้นักแตะหนุ่มเมืองผู้ดีออกเสียงได้ง่ายนัก แต่ภัทรษาก็ไม่ได้ติดใจเพราะคิดว่าอย่างไรแล้วก็คงจะเจอกันเพียงวันนี้ ตนคงไม่มีโอกาสรู้จักมักคุ้นกับนักกีฬาที่มีชื่อเสียง จะว่าไปแล้วเพราะมีความรู้สึกติดลบกับผู้ชายที่ยืนอยู่ไม่ไกลนั้นมากกว่า ทว่าร่างอ้อนแอ้นของพรรณลดาก็เดินถือถาดขนมใบย่อมมาวางข้างๆ พร้อมทั้งเบียดตัวเข้ามายืนใกล้ๆ
“สวัสดีค่ะ แบร์ตี้ ฉันไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลยว่าจะเจอคุณ” พรรณลดาแนะนำตัวพลางยื่นมือไปรอตรงหน้านักเตะชื่อดังที่ตัวเองคลั่งไคล้ กะพริบตาถี่ๆ ราวกับฝันไปเมื่อรู้สึกถึงฝ่ามือใหญ่ยื่นมาสัมผัส “ตัวจริงคุณหล่อกว่าในทีวีหลายเท่าเลยนะคะ”
เบเนทาร์ขยิบตาใส่ดวงตาเป็นประกาย เขาทำแบบนี้กับสาวน้อยสาวใหญ่ซึ่งจ้องมองด้วยอาการตกตะลึงจนกลายเป็นเรื่องปกติสำหรับเขา “ส่วนมากคนพูดแบบนี้เสียจนฉันเริ่มชินแล้ว สาวน้อย”
“พรรณลดาหรือจะเรียกว่า ไวน์ ก็ได้ค่ะ น้องสาวของฉันเอง” ภัทรษาบอกเมื่อชายหนุ่มหันกลับมาจ้องหน้าตนเช่นเดิม
“หน้าตาไม่เหมือนกันเลย คนหนึ่งสวย อีกคนน่ารัก” เบเนทาร์ชมตรงๆ และเหล่มองรามอสที่เข้ามายืนชิมขนมข้างๆ “ว่าแต่ทำไมพี่น้องถึงได้หน้าตาไม่เหมือนกันล่ะครับ”
“อ่อ... ไวน์เป็นลูกสาวของน้าค่ะ แต่ก็เหมือนพี่น้องกันจริงๆ เพราะโตมาด้วยกัน” ภัทรษาอธิบาย
“ว้าว... รามอส วันนี้ฉันโชคดีได้เจอนักฟุตบอลเกือบทั้งสโมสร” พรรณลดาครางอย่างไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง “รู้ไหมคะว่าฉันติดตามพวกคุณลงแข่งทุกแมตช์ พวกคุณเล่นเก่งมากๆ เข้าขากันได้ดีที่สุด”
“ส่วนมากเด็กผู้หญิงมักจะเริ่มดูฟุตบอลเพราะชอบนักเตะ จากนั้นค่อยเปลี่ยนมาเป็นคลั่งไคล้ทั้งเกมทั้งคน” เบเนทาร์บอกเพราะเขาเจอสาวๆ อย่างพรรณลดามาตลอดชีวิตการเป็นนักเตะอาชีพ ท่าทางหลงใหลได้ปลื้มที่เห็นจึงเป็นเรื่องชินตา
“ดีนะที่ชอบสโมสรเดียวกัน ไม่งั้นมันจะเป็นข้อโต้แย้งเล็กๆ ของบ้าน” รามอสบอกพลางเหลือบสายตามองคนพี่พลางคิดอย่างย่ามใจ ทำเป็นหน้าบึ้ง ที่แท้ก็ปลื้มเขาไม่ต่างจากผู้หญิงทั่วไป
“ไม่หรอกค่ะ เพราะทั้งบ้านมีไวน์ดูฟุตบอลอยู่คนเดียว พี่วุ้นนี่ไม่สนใจเรื่องพวกนี้เลย” พรรณลดาบอก
ภัทรษาหลับตาลงอย่างระงับสติอารมณ์เมื่อเห็นเขาชักสีหน้าอย่างไม่เชื่อถือในคำพูดอีกเช่นเคย เขาคงอยากได้ยินว่ามนุษย์ผู้หญิงทุกคนบนโลกต้องคลั่งไคล้ หลงใหลได้ปลื้ม มองเขาไม่ต่างจากพ่อเทพบุตรสินะ ฝันไปเถอะ คิดในใจอย่างเดือดดาล แต่นักเตะอีกคนที่ดูจะมีมนุษยสัมพันธ์เป็นเลิศกลับถามอย่างอยากรู้
“แล้วคุณสนใจอะไรเป็นพิเศษครับ” เบเนทาร์สนใจที่จะถามคนพี่ แต่กลับได้ยินคนน้องชิงตอบทุกอย่างเสียเอง
“สนใจคุณค่ะ” พรรณลดาพูดโพล่งออกมาเพราะเก็บความดีใจเอาไว้ไม่อยู่จนพี่สาวต้องกดเสียงต่ำปราม ถ้าหากไม่มีความปลาบปลื้มในตัวของเบเนทาร์เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว พรรณลดาก็สังเกตเห็นท่าทางหน่ายใจที่นักเตะหนุ่มแสดงออกมาแวบหนึ่ง “เอ่อ... ไวน์หมายถึงชื่นชอบการเล่นของคุณเป็นพิเศษค่ะ ถึงแม้จะชอบทั้งทีมแต่ชอบสไตล์การเล่นของคุณที่สุด คุณวิ่งเร็วเข้าบอลแบบไม่กลัวเจ็บแต่ในขณะเดียวกันก็เซฟตัวเองด้วย”
คำชมด้วยเสียงเจื้อยแจ้วทำให้พี่สาวส่ายหน้าและยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดู ไม่ต่างจากเบเนทาร์ซึ่งยกมือของตัวเองไปวางบนกระหม่อมของพรรณลดา จึงไม่มีใครได้เห็นอาการตกตะลึงของรามอสเมื่อเห็นท่าทางอ่อนโยนของภัทรษา
“ถ่ายรูปคู่กันดีไหมจะได้เอาไปโชว์เพื่อนๆ” เบเนทาร์บอกอย่างใจดี
“จริงๆ นะคะ ขอลายเซ็นคุณด้วยได้ไหม”
“ใครจะปฏิเสธเธอได้ลงคอกันล่ะสาวน้อย” บอกโดยไม่รู้เลยว่าสาวน้อยที่ตนนึกว่าอายุไม่เกินสิบแปดปีตรงหน้ากำลังจะเรียนจบปริญญาตรีในหนึ่งปีนี้
“ไวน์สะสมรูปของคุณไว้เยอะมากๆ เลยค่ะ คุณสัญญาแล้วนะคะว่าจะเซ็นให้ทุกภาพ” ความตื่นเต้นดีใจรวมอยู่บนใบหน้าของพรรณลดา เพียงชั่วครู่ก็สลดลงอย่างฉับพลันเมื่อคิดขึ้นมาได้ว่าตนไม่ได้มาร่วมงานเลี้ยงในตอนเย็นนี้ “แต่ไวน์จะเอาภาพมาให้คุณเซ็นได้ยังไงล่ะคะ ในเมื่อ...”
“ฝากพี่มาไง” ภัทรษาอาสาและได้เห็นรอยยิ้มแห่งความดีใจบนใบหน้าน้องสาวอีกครั้ง “แต่ตอนนี้พี่ว่าปล่อยให้แบร์ตี้ไปสังสรรค์กับเพื่อนก่อน อีกอย่างถ้าขนมยังเหลือแบบนี้แปลว่ามันไม่อร่อยนะจ๊ะ”
“ใครว่าล่ะคะ ฝีมือพี่วุ้นอร่อยที่สุดแล้วไม่เชื่อถามแบร์ตี้ดู จริงไหมคะ?” พรรณลดาถามด้วยน้ำเสียงสดใส
“จริงที่สุดครับ” สิ้นคำตอบรับของเบเนทาร์ ทั้งสามก็หัวเราะร่วนอย่างครื้นเครง แต่ภัทรษากลับหุบยิ้มฉับเมื่อหันไปสบสายตาเข้ากับรามอสที่ดูเหมือนว่าจะถูกตัดขาดออกไปจากวงสนทนา
โลกที่กำลังสดใสด้วยรอยยิ้มหวานจับใจและท่าทีอ่อนโยนของเธอ ทำให้รามอสเผลอยิ้มตามไม่ได้แต่เธอกลับทำให้เขารู้สึกเหมือนตัวประหลาด ไร้มารยาทที่แอบฟังผู้อื่นสนทนา สายตานิ่งเฉย ใบหน้าราบเรียบทั้งที่เพิ่งหัวเราะครึกครื้นเมื่อครู่สร้างความหงุดหงิดใจให้เขาจนต้องดึงแขนเพื่อนร่วมทีมออกมาจากสองพี่น้อง
ภัทรษาไม่ได้สนใจต่อท่าทีกระแทกแดกดันของอีกฝ่าย การวางเฉยมองเขาเป็นธาตุอากาศยังเป็นการตอบโต้ที่ได้ผล เธอและน้องสาวยังทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป พูดคุยและอธิบายให้แขกที่หมุนเวียนเปลี่ยนหน้าซึ่งให้ความสนใจต่อขนมจากร้านตนได้รับรู้พอสังเขป หากบ่อยครั้งที่สายตาไปปะทะกับดวงตาคมกริบของนักเตะหนุ่ม ไม่ว่าจะกี่ครั้งกี่หนเธอก็รู้สึกว่าเขาเป็นฝ่ายจ้องมองอยู่ก่อนแล้ว แม้ว่าจะบอกตัวเองไม่ให้สนใจแต่กลับปฏิเสธไม่ได้ว่า ดวงตาคมกริบคู่นี้สร้างความหวั่นไหวให้หัวใจสั่นคลอนได้เป็นอย่างดี
ท่ามกลางเพื่อนร่วมทีม ผู้ฝึกสอน ผู้จัดการส่วนตัวที่พูดคุยกันอย่างออกรส แต่บ่อยครั้งรามอสจ้องมองร่างระหงราวกับต้องมนตร์สะกด ไม่ว่าเธอจะหยิบจับอะไรหรือพูดจากับใครก็น่ามองยิ่งนัก แน่ล่ะว่าเขามองเธอบ่อยเกินความจำเป็น แม้ว่าเพื่อนร่วมทีมจะเอ่ยปากแซวเมื่อเห็นดาเรียควงคู่มากับแฟนหนุ่ม เสียงนกเสียงกาเหล่านั้นยังไม่มีอิทธิพลดึงความสนใจของเขาให้หันไปแก้ต่างให้กับตัวเอง แต่สิ่งที่ทำให้เขาเดือดดาลร้อนใจกลับเป็นเพียงแค่รอยยิ้มของผู้หญิงคนหนึ่งที่มีให้ทุกคนยกเว้น เขา!
“หวงกระทั่งรอยยิ้มเชียวนะ แม่คุณ!” รามอสคำรามลอดไรฟันเมื่อเวลาผ่านไปพอสมควร แขกเริ่มทยอยกลับที่พักจนบางตา เธอและน้องสาวก็เดินหลบออกไปจนพ้นบริเวณของบ้าน ในขณะที่ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมต้องรู้สึกเบาโหวงกับภาพที่เธอเดินไกลออกไป ในขณะที่อีกใจรู้สึกยินดีเมื่อคิดขึ้นมาได้ว่าจะเห็นเธออีกครั้งในงานปาร์ตี้ตอนเย็น
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ