Destiny of Time โชคชะตาแห่งกาลเวลา

6.5

เขียนโดย Huzure

วันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 เวลา 00.55 น.

  40 Time
  12 วิจารณ์
  40.24K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2558 15.15 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

38) ยืนยันความบริสุทธิ์

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
(องค์กรรักษาเอกภาพเวลา 15.01)
............
ไม่รู้ว่าจะอธิบายบรรยากาศตอนนี้ยังไงดี
คนที่พาตัวฉันมายังไม่เท่าไร แต่ไอ้คนที่ฉันคุยด้วยอยู่ตอนนี้นี่ดิ...
(รู้สึกไม่ค่อยชอบขี้หน้ายังไงไม่รู้แฮะ)
“ทำหน้าอย่างนั้นแปลว่าอยากรู้ชื่อของชายหนุ่มผู้นี้สินะ”
(ไม่ได้อยากเลยสักนิด!)
“ฉันมีชื่อว่า มาตันท์ ผู้ดูแลองค์กรรักษาเอกภาพเวลาสาขานี้ จะบอกว่าฉันใหญ่สุดในนี้ก็ไม่ผิดนักหรอกนะ...”
......
(ท่าโพสชวนขนลุกนั่นมันอะไรก้านนนน!!)
ท่าโพสของเขานั้นดูจะพยายามเก๊กให้หล่อเต็มที่ แต่ในมุมมองของฉันมันกลับรู้สึกเห่ยจนน่าขนลุกอย่างบอกไม่ถูก ถ้าเขาไม่หลงตัวเองคงจะรู้สึกตัวอยู่หรอกว่าท่าโพสนั่นมันเห่ยแค่ไหน
(หน้าตาก็ดี แต่ไหงหลงตัวเองงี้ หล่อเสียของชะมัด)
“คุณมาตันท์ครับ เข้าเรื่องเถอะครับ”
“อ๊ะ...”
เขาเลิกเก๊กและกลับเข้าสู่ท่าเคร่งเครียดเหมือนเดิม
“โทษที เผลอตัวไปหน่อย ขอบใจนะ คิชิดะคุง”
นั่นเผลอแล้วหรอนั่น? คนที่อยู่ข้างหลังฉันเหมือนจะชื่อคิชิดะสินะ ถึงเขาจะไม่ได้แนะนำตัว แต่ถ้าจะเรียกคงเรียกชื่อนี้ได้สินะ
“อะแฮ่ม... เธอรู้ใช่ไหม ว่าเธอถูกเรียกมาในฐานะอะไร”
“......ผู้ต้องสงสัยที่สร้างความวุ่นวายที่ธนาคารสินะคะ?”
“ไม่ใช่...”
“เธอถูกพามาในฐานะผู้กระทำความผิด ใช้พลังบิดเบือนแก้ไขเวลาในที่สาธารณะต่างหาก”
“ห่ะ?”
“สาธารณะ... อะไรนะ?”
“เธอไม่รู้จักองค์กรของพวกเราล่ะสิท่า...”
“เดี๋ยวฉันจะอธิบายให้ฟัง”
เขาเอามือวางลงบนจอมอนิเตอร์ ต่อจากนั้นไม่นาน ไฟในห้องก็มืดลง จนมีแต่จอมอนิเตอร์ใหญ่ๆนั้นสว่างขึ้นมาจุดเดียว
“องค์กรรักษาเอกภาพเวลา ถือกำเนิดภายใต้อุดมการณ์ของผู้ก่อตั้งกว่าหลายร้อยปีมาแล้ว เพื่อรวบรวมเหล่า Keeper ภายในห้วงเวลานี้มาเป็นพวกเดียวกัน โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะคอยดูแล กำชับเหล่า Keeper ทั้งในและนอกองค์กรทั่วโลกให้ใช้พลังอย่างถูกต้อง”
*ภาพที่เกิดบนจอมอนิเตอร์เป็นภาพจำลองของผู้ก่อตั้ง และภาพดิจิตอล 3 มิติแสดงภาพเหล่า Keeper หลายคน*
“Keeper คืออะไร? เธอคงจะไม่รู้สินะ...”
“Keeper เป็นคำที่เราใช้เรียกตัวแทนผู้เชื่อมต่อเวลา เพราะพวกเขามีสถานะในการรักษาเวลาเช่นเดียวกัน พวกเราจึงเรียกพวกเขาเหล่านี้ว่าเป็นผู้รักษาหรือผู้ดูแลเอกภาพเวลาในห้วงมิตินี้”
“นาฬิกาที่เหล่า Keeper มีคือสิ่งยืนยันว่าพวกเขานั้นได้เข้ามาอยู่ในสถานะดังกล่าวแล้ว”
ฉันมองไปที่นาฬิกาของฉันภายในกระเป๋าเสื้อ และดูเหมือนพวกเขาอีกสองคนก็คงมีเช่นกัน
“แล้ว... พวกคุณพาฉันมาที่นี่เพื่ออะไรงั้นหรอคะ? ถ้าไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้?”
“......”
เขาวางมือแตะบนจอมอนิเตอร์อีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้ภาพที่ฉายในแนวราบเป็นภาพอุบัติเหตุทางถนนที่ถ่ายจากกล้องวงจรปิดจุดหนึ่ง
“คุ้นตาบ้างไหม?”
“......นี่มัน...”
จะไม่คุ้นได้ยังไง ภาพวงจรปิดที่ถึงแม้จะไม่ได้ถ่ายเห็นจุดเกิดเหตุโดยตรง แต่มันไม่ผิดแน่...
นี่คือเหตุการณ์เมื่อสามสัปดาห์ก่อน ที่ทำให้ฉันเข้ามาพัวพันกับเรื่องบ้าๆนี่ รวมถึงทำให้ญาดาต้องเข้าโรงพยาบาล
“นี่เป็นครั้งแรก... ที่เธอใช้พลังในที่สาธารณะ”
“ผลของมันก็คือ... ไม่มีใครจดจำอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นวันนั้นได้เลย หรือแม้แต่รถบรรทุกคันนั้นที่เธอหยุดเวลาเอาไว้”
“ในภาพของกล้องวงจรปิด ไม่เห็นอะไรเลยนอกจากภาพรถบรรทุกที่พุ่งเข้ามาตรงแยก ก่อนเกิดเหตุการณ์วุ่นวายต่างๆ”
“แม้แต่เจ้าหน้าที่เองก็ปวดหัวกับเรื่องนี้ เพราะกล้องแยกนี้มีตัวเดียวและยังไม่ได้แก้ไขจุดโฟกัสภาพ ทำให้พวกเขาถอดใจหาต้นตอของอุบัติเหตุและปล่อยให้เรื่องเงียบไป”
“แต่นั่นไม่ได้ทำให้พวกเราหยุดที่จะเข้ามาสืบเรื่องนี้ด้วยตัวเอง”
“เข้ามาสืบด้วยตัวเอง?”
“การแก้ไขเวลาในมิติจะส่งผลให้ผู้ที่อยู่ใกล้เคียงรับรู้ ในวันนั้นฉันที่อยู่ภายในตึกนี่ก็ยังรู้สึกได้เลย และประกอบกับเหตุการณ์วุ่นวายต่างๆในที่เกิดเหตุ ฉันจึงมั่นใจว่าใครสักคนต้องอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์เหล่านี้แน่”
“จนเราสืบข้อมูลจากช่วงเวลาของผู้คนและสถานที่บริเวณนั้น แม้ว่าจะถูกลบด้วยพลังของเธอ แต่ก็รวบรวมได้มากพอที่จะยืนยันตัวผู้ใช้”
“ซึ่งนั่นก็คือเธอ... นรินทร์”
พอเขาอธิบายจบก็ชี้นิ้วมาทางฉันแถมเอียงคอซะเท่เลยด้วย ฉันเลยนึกย้อนถึงเรื่องต่างๆ รวมถึงเรื่องที่เกี่ยวข้องกับผู้ชายที่ชื่อว่า ควอส คนนั้นด้วย
(ที่เขารู้จักชื่อของเรา คงเพราะสืบข้อมูลเรื่องนี้มาแน่ๆ)
(และก็... อาจเป็นไปได้ด้วยว่า)
(ผู้ชายคนนั้นจะรับรู้เกี่ยวกับตัวเราจากเหตุการณ์ในวันนั้น......)
(ไม่งั้นแล้ว... ก็คงไม่มีเหตุผลอื่นที่ทำให้เขารู้เรื่องของเรา และตามฆ่าเราตอนนั้น)
“มันไม่จบเท่านี้...”
“เอ๋?”
เขาเอาสไลด์มือบนจอภาพไปทางขวาเป็นอันจบการเล่นวิดีโอนั้น
“หลังจากตอนนั้น ฉันจึงตัดสินใจให้คิชิดะคอยสังเกตการณ์อยู่ห่างๆโดยพยายามไม่ทำให้เธอรู้ตัว”
มาตันท์ค่อยๆเดินมาหาฉัน โดยอ้อมจอภาพเพื่อมาคุยกับฉัน
“จนพวกเราได้ข้อมูลมามากกว่าเดิม ไม่ว่าจะเรื่องที่เกิดในโรงเรียนของเธอ การต่อสู้กับใครบางคนตรงสวนสาธารณะ หรืออย่างล่าสุดก็เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้”
“...จากผลสรุปที่พวกเราติดตามเธอมานาน...”
“เธอคือพวก Keeper ที่ใช้พลังสร้างเรื่องวุ่นวายในมิตินี้เพื่อประโยชน์ของตัวเองอย่างแน่นอน!”
เขายืนอยู่หน้าฉันแล้วตอนนี้ สีหน้าเขาดูจริงจังแบบเก๊กแปลกๆ แต่น้ำเสียงของเขาหนักแน่นมาก
“ที่พูดมายืดยาวทั้งหมด คือคุณพยายามจะสื่อว่าคุณมั่นใจ... ว่าฉันเป็นคนไม่ดีสินะคะ?”
“ก็ประมาณนั้นแหละ... ฉันไม่อยากเชื่อว่าเด็กอย่างเธอจะมีจิตใจโหดเหี้ยมอำมหิตจนถึงขนาดฆ่าคนธรรมดาอย่างโหดร้ายทารุณได้เพียงนี้”
“ยัยฆาตกร!”
ฉันนิ่งพร้อมกับจ้องตาเขาด้วยสีหน้าที่แอบเซ็งเล็กน้อย แววตาของเขาดูหลงตัวเองและมั่นใจในความคิดของตัวเองมาก
“ส่งนาฬิกาของเธอมาซะ ฉันจะทำลายพร้อมกับส่งเธอกลับไปเป็นคนธรรม--”
“ไม่เอา”
............
“หา?”
“ตะกี้... ว่าอะไรนะ?”
“......ฉันบอกว่า ฉันจะไม่ให้นาฬิกาเรือนนี้กับคุณหรอก และฉัน... ก็ไม่ใช่คนที่ฆ่าพวกเขาทุกคนที่ธนาคารด้วย”
ฉันพูดออกมาอย่างจริงจัง น้ำเสียงของฉันทำให้ทั้งมาตันท์และคิชิดะยืนนิ่งไปชั่วขณะ แต่คนที่แสดงอาการหงุดหงิดมามากสุดคงเป็นมาตันท์
“เฮ่ เฮ่... ล้อเล่นกันใช่เปล่า? หลักฐานมัดตัวขนาดนี้ยังกล้าปฏิเสธเสียงแข็งอีกหรอ?”
“หลักฐานที่คุณหมายถึงคือสิ่งที่เพื่อนของคุณเข้ามาเห็นงั้นหรอคะ? งั้นฉันก็จะขอเล่าในส่วนของฉันบ้างนะคะ”
“ฉันไปที่นั่นเพราะอยากหยุดพวกโจรที่กำลังปล้นธนาคารอยู่... สาเหตุนั่น... เพราะมีโจรคนหนึ่งบุกเข้ามาในโรงเรียนฉันเพื่อจับเด็กคนหนึ่งเป็นตัวประกัน”
“มันทำให้ฉันรู้สึกว่า ถ้าฉันไม่หยุดโจรพวกนั้น อาจเกิดเรื่องอะไรเลวร้ายตามมาที่โรงเรียนได้”
“หัวหน้าโจรกลุ่มนั้นไม่ใช่คนธรรมดา... เขาเป็น Keeper เหมือนกับฉันหรือคุณ”
“ถึงท้ายที่สุดแล้วฉันจะชนะเขาได้... แต่ผู้ชายคนนั้นก็ทำให้เรื่องทุกอย่างเลวร้ายลงกว่าเดิม”
“ผู้ชายคนนั้น?”
“......ควอส แพทริค......”
“เขาคนนั้นฆ่าทุกคนที่อยู่ที่นั่น และเขาก็เคยพยายามที่จะฆ่าฉันมาก่อน”
“นั่นคือเรื่องจริงที่เกิดขึ้นที่นั่น”
เหมือนมาตันท์จะชักสีหน้าไม่สบอารมณ์ คงไม่เชื่อสิ่งที่ฉันพูดแน่
“นี่ๆ จะโกหกอะไรก็โกหกให้มันเนียนกว่านี้หน่อย... มือของเธอที่เปื้อนเลือดตอนนั้น หรือแม้แต่ภาพเหตุการณ์ก่อนหน้านั้นที่คิชิดะมองเห็นก็ชัดพอที่จะยืนยันแล้วว่าเธอเป็นคนร้าย!”
“ใช่ไหมคิชิดะคุง?”
“เอ่อ... มันไม่ใช่อย่างนั้นครับ”
“หะ...? ไม่ใช่อะไร?”
“คือว่า...... ผมไม่เห็นอะไรเลยน่ะครับ”
“...... ว่าไงนะ!?”
“รู้สึกเหมือนช่วงเวลาก่อนหน้านั้นจะถูกลบไปน่ะครับ พอผมพยายามย้อนดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในนั้น ปรากฏว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นในเวลาเดียวกับตอนที่โจรบุกเข้ามาถูกลบออกไปหมดเลยน่ะครับ”
“แสดงว่าเป็นยัยนี่เป็นคนลบช่วงเวลาในอดีตนั่นไปน่ะสิ!?”
“ไม่ใช่ครับ...”
......
“ในตอนที่ร่างกายของเธออ่อนแรงจนผมป้อนคำสั่งให้เธอค่อยๆเดินมายังรถที่ผมจอดอยู่”
“มีช่วงที่ผมสัมผัสตัวเธอ แต่ก็ไม่เห็นอะไรเลยนอกจากภาพเธอกุมมือตำรวจที่ถูกยิงตาคนหนึ่ง ก่อนที่เขาจะสิ้นใจ”
“ผมเลยคิดว่า... เธอที่ดูจะอ่อนโยนแบบนั้น คงไม่ใช่คนร้ายหรอกครับ”
คำอธิบายของเขาทำให้มาตันท์นิ่งฟังไปครู่หนึ่งเลย แม้แต่ฉันก็ยังรู้สึกแปลกใจ
“คุณ...คิชิดะ”
“ภาพแค่นั้นมันยืนยันถึงความเลวทรามที่เธอทำได้ที่ไหนกันล่ะ!?”
“ไม่ใช่แค่นั้นนะครับ... มือที่เปื้อนเลือดของเธอก็เกิดจากตอนที่กุมมือของตำรวจคนนั้นด้วย ไม่ได้เกิดจากเลือดที่กระเซ็นมาโดนมือเธอเพราะเป็นคนก่อเหตุ”
“เธอไม่ใช่คนที่ลงมือแทงคนอื่นก่อนแน่ครับ”
ดูเหมือนมาตันท์จะไม่ค่อยพอใจกับมุมมองของคิชิดะเท่าไร
“เห้อ... ปวดหัวชะมัด”
“ถ้าคิชิดะคุงยืนยันแบบนั้น... ดูท่าฉันคงต้องเชื่อใจคิชิดะคุงแล้วล่ะ”
ฉันค่อยๆยิ้มดีใจ ที่ดูเหมือนฉันจะได้เป็นอิสระแล้ว และเขาก็เดินกลับไปอีกฝั่งของจอภาพตรงข้ามฉัน
“แต่ว่า... ถ้าเธอต้องการจะยืนยันความบริสุทธิ์ขล่ะก็... เธอจะต้องทำตามที่ฉันสั่ง!”
“หา?”
อะไรอีกล่ะเนี่ย!? ไหงฉันถึงยังไม่ได้ปล่อยอีกล่ะ? นี่มันจะมากไปแล้วนะ ถูกพามาและยังต้องมาสั่งไรนี่อีกงั้นหรอ
“คุณมาตันท์ครับ! คิดจะทำอะไรน่ะครับ!? ไหนคุณบอกว่าเชื่อใจผมหนิ?”
“......ฉันเชื่อใจนาย แต่ไม่ใช่นรินทร์”
“ดังนั้น... ฉันจะให้เธอไปทำภารกิจบางอย่าง เพื่อแลกกับอิสรภาพด้วยการกำไลกระตุ้นประสาทที่อยู่ตรงข้อมือของเธอ”
*กุ๊งกิ๊ง*
มาตันท์โชว์กุญแจดอกเล็กที่เหมือนจะเอาไว้ไขอะไรบางอย่างให้ฉันกับคิชิดะดู... ขนาดมันพอๆกันกับรูกุญแจของกำไลเรือนนี้พอดี
“ค-คุณเอาดอกกุญแจในกระเป๋าผมไปตั้งแต่เมื่อไร!?”
*ควับ*
เขาโยนลูกกุญแจเล่นก่อนจะคว้าไว้อย่างเท่ๆ (ตามฉบับคนขี้เก๊ก)
“ช่วยไม่ได้หนิ นายเก็บไว้ไม่ดีเอง ฉันก็จิ๊กมาในกระเป๋านายเมื่อกี๊นี้นั่นแหละ”
แม้แต่คิชิดะยังทำหน้าหมองๆอึ้งๆไปเลย ผู้ชายคนนั้นอาจจะเก่งกว่าที่ฉันคิดไว้ ถึงจะเป็นพวกหลงตัวเอง แต่ฝีมือของเขาคงไม่ธรรมดาแน่
“เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน... เธอจะรู้เรื่องอะไรก็ได้ที่เธออยากรู้”
“เรื่องอะไรก็ได้?”
“ถูกแล้ว... เท่าที่ดูเธอยังเป็นพวกผู้ใช้มือใหม่ คงไม่รู้จักเรื่องราวความลี้ลับในโลกเบื้องหลังใบนี้แน่”
“...โลกแห่งเวลาที่มีแต่ความซับซ้อนแห่งนี้...”
“เธออยากจะรู้จักมันเปล่าล่ะ?”
“............”
“ตกลงค่ะ... ฉันยอมทำตามคำสั่งของคุณ”
(เพื่อดึงช่วงเวลาที่หายไปของฉันกลับมา... มีแต่ต้องรู้จักโลกแห่งเวลาให้มากขึ้นเท่านั้น)
คิชิดะที่อยู่ด้านหลังมองมาทางฉันด้วยความประหลาดใจ
“แล้วคุณต้องการให้ฉันทำอะไร?”
“......”
เขายิ้มเล็กน้อยก่อนจะบอกสิ่งที่ทำให้ฉันตะลึงได้เลย
“Silver Lotus......”
“สิ่งที่เธอต้องทำ คือไปจัดการ Keeper คนหนึ่งในกลุ่ม Silver Lotus”
Silver Lotus ที่เขาพูดถึง ต้องหมายถึงกลุ่มที่ฉันเคยเจอพร้อมกับวอร์เรนกลุ่มนั้นแน่เลย
“Silver... Lotus?”
“... ครั้งนี้ ฉันจะให้คิชิดะคุงออกปฏิบัติภารกิจคู่กับเธอด้วย”
“เอ๋?”
“ไม่ต้องมาเอ๋เลย นายเป็นคนยืนยันความบริสุทธิ์ของเธอ เพราะงั้นนายต้องตามเธอไปด้วย”
เขาเอามือข้างหนึ่งเท้าคางไว้ โพสท่าแบบเท่ๆทั้งๆที่นั่งอยู่ ส่งสายตาที่ดูไม่ค่อยเชื่อใจฉันเลยสักนิดมา
“ว่าไงล่ะนรินทร์......”
“จะยอมทำภารกิจนี้ไหม?”
เพียงเพราะไปหยุดโจรพวกนั้น ถึงกับต้องมาเจอเรื่องน่ารำคาญมากมายขนาดนี้
และเพียงเพื่อข้อมูลของโลกแห่งเวลาอันซับซ้อนที่ฉันต้องการ ถึงกับต้องมาเจอผู้ชายหลงตัวเองแบบนี้อีก
แววตาของฉันยังคงมีแต่ความจริงจัง คิชิดะนั้นมีท่าทีที่ลุกลี้ลุกลนนิดหน่อยหลังจากมาตันท์ที่นั่งโพสท่าเก๊กหล่อบอกให้เขาตามฉันมาด้วย
ฉันควรจะตอบรับหรือปฏิเสธเจ้านี่ดีนะ...
............
............

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
6.4 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6.6 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
6.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา