Destiny of Time โชคชะตาแห่งกาลเวลา

6.5

เขียนโดย Huzure

วันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 เวลา 00.55 น.

  40 Time
  12 วิจารณ์
  40.24K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2558 15.15 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

34) โหมดกระหายเลือด

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
(สนามหญ้าหน้าโรงเรียน 12.43)
............
คนร้ายที่จับเด็กม.ต้น คนนั้นเป็นตัวประกันถูกฉันเตะหัวทิ่มไปแล้ว
ทุกคนที่เห็นเหตุการณ์นั้นล้วนแต่อึ้งกันเป็นแถบๆ
“เ-เธอคนนั้นเป็นใครกันน่ะ?”
“สุดยอดเลย! จัดการคนร้ายนั่นด้วยการเตะครั้งเดียว!”
เนลกับอั้มเองก็อ้าปากค้างจนพูดอะไรไม่ออก
มีสาวผมแดงในบรรดาคนเหล่านั้นพูดอะไรบางอย่างเช่นกัน
“หือ... เก่งใช้ได้เลยนะนี่”
พอสถานการณ์เริ่มคลี่คลาย เด็กนักเรียนชั้นม.ต้น 2 คน ที่เหมือนจะเป็นเพื่อนของคนที่ถูกจับเป็นตัวประกันวิ่งมาหาเธอคนนั้น
“ปอน!!”
เด็กที่ถูกจับคนนั้นรีบเข้ามากอดเพื่อนทั้ง 2 คนของเธอ พร้อมกับหลั่งน้ำตาออกมาด้วยความกลัว
“ยู... ภา... ฉันกลัวมากเลย ฮือๆๆๆ”
พวกเขาทั้งสามคนยังร้องไห้กอดกันอยู่ หมอกับพยาบาลที่ประจำห้องพยาบาลเองก็รีบเข้ามาดูอาการของเด็กคนนั้น รวมถึงเช็คอาการของคนร้ายคนนั้นว่าอาการเป็นยังไง
“เขา... หมดสติไปแล้ว”
ทันทีที่หมอพูดออกมา อาจารย์แถวนั้นก็ดีใจที่ทุกอย่างจบลงด้วยดี ยกเว้นแต่คานิลีโอที่เดินตรงเข้ามาหาฉัน
“อาจารย์ค--”
*เพี้ยะ!*
............
อาจารย์คานิลีโอตบหน้าฉันเต็มแรง เสียงตบของเธอดังจนได้ยินชัดเจนไปทั่วทั้งสนามหน้าโรงเรียน
“...ทำไม... ทำไมถึงทำเรื่องบ้าๆแบบนี้......”
“ไม่คิดบ้างรึไง ว่าถ้าเกิดอะไรผิดพลาดแล้วต้องเป็นอะไรไปขึ้นมา อนาคตของเธอจะเป็นยังไง!!?”
ไม่แปลกหรอกที่เธอจะโกรธฉันขนาดนั้น เพราะมันก็จริงอย่างที่เขาพูดมานั่นล่ะ ฉันไม่ได้ห่วงชีวิตตัวเองเลย แต่ว่า...
นั่นก็ต้องเป็นกรณีคนธรรมดาแหละนะ
“ฉันไม่เป็นไรหรอกค่ะ... อาจารย์คาน”
“เพราะว่าฉัน...... ไม่ใช่คนธรรมดาๆอีกต่อไปแล้ว...”
แววตาของฉันทำให้เธอประหลาดใจ เพราะตาของฉันนั้นเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจ ฉันตัดสินใจด้วยความจริงจังเด็ดเดี่ยว
......
“เมื่อตะกี๊หมายความว่าไงเธอว่าไงนะ?”
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ...”
เด็กที่ถูกจับเป็นตัวประกันคนนั้นเดินมาหาฉันเพื่อที่จะขอบคุณที่ช่วยเธอไว้
“พี่สาวคะ... เอ่อคือ...”
“ขอบคุณมากนะคะ”
“ขอบคุณมากนะคะ ที่ช่วยปอนเอาไว้!”
เด็กอีกสองคนก็พูดขอบคุณต่อจากเด็กคนนั้นอีกที พอเห็นอย่างนี้ฉันก็อดอมยิ้มไม่ได้เลย
ตอนแรกเด็กคนนี้ยังสั่นกลัวอยู่ แต่พอฉันเอามือสัมผัสศีรษะของเธออย่างอ่อนโยน... อาการหวาดผวาพวกนั้นก็ค่อยๆหายไป
“ไม่มีอะไรแล้วนะน้องนะ”
“เธอปลอดภัยแล้วล่ะ”
เจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึงที่เกิดเหตุ ก็เห็นสถานการณ์ทั้งหมดคลี่คลายแล้ว ตอนนี้มีเสียงประกาศแจ้งทั้งโรงเรียนอีกรอบ
“ขอให้นักเรียนทุกคนอยู่ในความสงบ สถานการณ์ตอนนี้กลับเข้าสู่สภาวะปกติแล้ว”
“นักเรียนทุกคนกลับเข้าไปอยู่ในห้องเรียนได้ ส่วนคณาจารย์ท่านใดที่ทางเจ้าหน้าที่จะเรียกตัวเพื่อสอบปากคำเพิ่มเติมนั้น ให้แจ้งต่อกองธุรการด้วย”
“ขณะนี้ ทางตำรวจกำลังเร่งจัดการความวุ่นวายอยู่”
“ขอให้อาจารย์และนักเรียนทุกคนให้ความร่วมมือแก่เจ้าหน้าที่ด้วย หากทางนั้นต้องการ”
ตอนนี้นักเรียนที่อยู่บนชั้นเรียนส่วนหนึ่งกลับเข้าไปในห้องเรียน
มีนวิ่งลงมาหาฉันที่อยู่ยังยืนอยู่ตรงสนามหญ้า ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่ตำรวจจับคนร้ายที่ยังไม่มีสติคนนั้นขึ้นรถพร้อมล็อคกุญแจมือ
“รินทร์!!”
“มีน... ลงมาที่นี่ทำไม!?”
“ก็... ฉันเป็นห่วงนี่นา... ถึงจะรู้อยู่แก่ใจว่าจะไม่เป็นอะไรก็เถอะ”
“เห้อ... มีนนี่ล่ะก็...”
ตอนนี้อาจารย์บางท่านกำลังตอบข้อสงสัยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพิ่มเติม ส่วนผอ. นั้นมีสารวัตรตำรวจเข้ามาคุยด้วย ซึ่งเขาก็อธิบายเหตุการณ์ปัจจุบันของอีกจุดหนึ่ง
“แปลว่า... ผู้ชายคนนี้คือคนร้ายที่รับหน้าที่เป็นนกต่อเพื่อเบี่ยงเบนเป้าหมายสินะครับ”
“ครับ... ทันทีที่ทางเราได้รับเรื่องจากคุณ พวกเราก็รีบมาที่นี่ ก็ไม่อยากเชื่อเหมือนกันว่าเด็กนักเรียนของคุณจะจัดการคนร้ายได้ด้วยตัวคนเดียว”
“......”
ผอ. มองมาทางฉันด้วยสายตาที่เฉยเมย แต่ก็ไม่ได้โกรธหรือข้องใจอะไร
“เพราะความสามารถของเธอ... ทำให้พวกเราไม่ต้องสูญเสียอะไร”
“แต่สถานการณ์ทางโน้นเป็นยังไงบ้างหรอครับ?”
“อืม...... พวกมันยืนกรานว่าจะไม่ปล่อยตัวประกันจนกว่าจะหลบหนีออกนอกเมืองได้”
“ยังอยู่ในจุดวิกฤติไม่เปลี่ยน”
ฉันได้ยินที่พวกเขาคุยกันทั้งหมด แต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมา มีนรู้สึกได้ว่าฉันกำลังคิดอะไรอยู่ในใจ เลยกระซิบบอกอะไรบางอย่างกับฉัน
............
“สารวัตรครับ... ให้ดำเนินการยังไงต่อครับ?”
“อืม... พาเจ้านั่นกลับไปโรงพักก่อน สอบปากคำเฉพาะคนที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้เท่านั้น เราไม่ต้องการให้โรงเรียนวุ่นวายไปมากกว่านี้”
ผอ.มานพ โค้งตัวขอบคุณสารวัตรที่เห็นแก่โรงเรียน
“ขอบคุณมากนะครับ”
หลังจากตำรวจที่มาถามสารวัตรได้คำตอบ เขาก็กำลังมองหาคนที่จัดการคนร้ายได้
เหล่ไปสักพัก เขาก็เดินไปถามอาจารย์คานิลีโอที่ยืนอยู่ใกล้ๆกัน
“เอ่อ... คุณพอจะเห็นเด็กที่จัดการคนร้ายได้บ้างไหมครับ?”
“...นรินทร์น่ะหรอ ก็อยู่ตรงนั้นไม่ใช่---”
............
นรินทร์หายไปแล้ว มีแต่มีนที่ยังยืนอยู่ที่เดิม สร้างความสับสนให้กับเธอและคนอื่นๆมาก
“มีน... นรินทร์ไปไหนแล้วน่ะ!?”
“เห็นเธอบอกว่ามีธุระด่วนจากทางบ้านน่ะค่ะ เธอเลยถือจังหวะที่วุ่นๆอยู่แอบออกนอกโรงเรียนไปเลย”
“หา?”
มีนโกหกหน้าตายมากๆ น้ำเสียงและรอยยิ้มนั้นสร้างความน่าเชื่อถือให้กับคำพูดของเธอมาก ถึงอย่างนั้นอาจารย์คานิลีโอก็ยังแปลกใจอยู่ดี
“ออกไปในเวลาแบบนี้เนี่ยนะ!?”
ผอ. และสารวัตรหันมาทางมีน สงสัยว่าพวกเขาสองคนกำลังคุยอะไรกัน
“รินทร์เขาบอกไว้ว่าไม่อยากจะให้ปากคำหรือสัมภาษณ์อะไรน่ะค่ะ บางทีเขาคงไม่อยากวุ่นวายไปมากกว่านี้”
“ยัยนรินทร์นะ ยัยนรินทร์... ทำเรื่องแปลกๆอีกแล้ว!!”
ในเมื่อตำรวจไม่สามารถสอบปากคำนรินทร์ที่หายไปตั้งแต่เมื่อไรได้ พวกเขาก็เตรียมตัวที่จะกลับเพื่อไม่ให้โรงเรียนต้องวุ่นวายเกินไป
ระหว่างที่อาจารย์ส่วนใหญ่กำลังกลับเข้าไปในอาคาร มีนยังยืนอยู่ตรงนั้น คิดถึงสิ่งที่เขากระซิบบอกนรินทร์ก่อนที่เธอจะหายไป
“ขอให้กลับมาอย่างปลอดภัยนะ รินทร์”
............
ในขณะเดียวกัน สถานการณ์ทางธนาคารมหาพรยังคงตึงเครียด
คนร้าย 5 คนมีอาวุธครบมือ เล็งปืนใส่พนักงานธนาคารและลูกค้าภายในธนาคารไว้
ตัวประกันทุกคนถูกบังคับให้นอนราบไปกับพื้น โดยเอาของมีค่าทั้งหมดออกมาวางไว้นอกกระเป๋ากางเกง
จุดที่คนร้ายกับตัวประกันทุกคนนั้นอยู่นั้นอยู่ในมุมทึบที่คนจากภายนอกมองเข้ามาไม่เห็น เป็นด้านในหลังเคาน์เตอร์ของธนาคาร เพราะเงื่อนไขที่ทางคนร้ายให้ไว้ก็คือ
ถ้าใครเข้ามาภายในอาคาร จะยิงตัวประกันทั้งหมดทิ้งทันที หากอยากให้ตัวประกันรอด จงนำรถมารับออกไปนอกเมืองและห้ามไล่ตามมาเด็ดขาด
แต่ถึงอย่างนั้น คนร้ายกลุ่มนี้ก็ยังคงเคร่งเครียด ไม่ใช่เพราะสถานการณ์นั้นยื้ออยู่นาน แต่เพราะสมาชิกอีกคนไม่ยอมติดต่อมาสักที
“เห้ย... ไอ้กากนั่นเมื่อไรจะโทรมาวะ!?”
“ป่านนี้แผนมันน่าจะสำเร็จแล้วสิ!”
ชายคนหนึ่งที่คาบบุหรี่อยู่ในปาก มีหนวดมีเครารุงรังท่าทางจะเป็นหัวหน้า ตอนนี้กำลังหัวเสียที่ติดต่อลูกน้องในกลุ่มไม่ได้
หัวหน้าโจรกดโทรศัพท์ติดต่อไปหาลูกน้องตัวเองหลังจากทนรอไม่ได้
ไม่นานนัก... ก็มีคนกดรับโทรศัพท์
[ไอ้เวรเอ๊ย! จับตัวประกันได้ยังวะ!? จะเตรียมหนีกันอยู่แล้วเนี่ย!]
[ลูกพี่ครับ... คือผม...]
สักพักเสียงคู่สายก็เปลี่ยนไป
[นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจพูดสาย เราจับกุมสมาชิกคนหนึ่งของคุณไว้แล้ว ขอให้มอบตัวซะก่อนที่อะไรๆจะสายเกินไป]
*แกร๊ก*
โทรศัพท์ในมือของผู้ชายคนนั้นถูกบีบจนพังแตกไป
“ไอ้ไก่อ่อนนั่นโดนจับแล้ว!”
“บัดซบ!!”
เขาเขวี้ยงโทรศัพท์ทิ้งไปด้วยความโมโห ก่อนที่โทรศัพท์จะร่วงลงพื้นหลังกระแทกโดนอะไรบางอย่าง
“เอาไงดีลูกพี่! ขืนยื้อสถานการณ์อยู่อย่างนี้พวกเราซวยกันหมดแน่”
คนที่ถูกเรียกว่าลูกพี่ เอามือขวาดึงคอเสื้อของคนที่พูดเมื่อกี๊ไว้ด้วยความหงุดหงิด
“มันซวยตั้งแต่วันที่พวกเราเสียบอลแล้วโว้ย! เลิกทำตัวงี่เง่าแล้วไปเจรจาให้ไอ้พวกตำรวจมันยอมทำตามเงื่อนไขของเราซะ!!”
เขาผลักลูกน้องของตัวเองไปที่พื้น สร้างความไม่พอใจให้กับลูกน้องคนนั้นมาก แต่เขาก็ต้องทำตามที่สั่งมา
ลูกน้องคนนั้นถูกส่งไปตรงทางเข้าอาคารเพื่อเตรียมเจรจากับตำรวจอีกครั้ง โดยเขาจับพนักงานธนาคารเป็นตัวประกันไว้ด้วย
ก่อนที่เขาจะออกมาถึงหน้าประตูธนาคาร มีคนๆหนึ่งสะกิดไหล่ของเขา ทำให้เขารู้สึกเอะใจหันมา
“พี่คะ... นี่โทรศัพท์ของพี่เปล่าคะ”
คนร้ายคนนั้นก้มลงมามองที่โทรศัพท์ ซึ่งเป็นเครื่องที่หัวหน้าของเขาเขวี้ยงทิ้งไป
“ไม่ใช่น่ะ! นี่ไม่ใช่โทรศัพท์ของเรา--”
“เดี๋ยวนะ ทำไมแกถึง---!?”
หลังเท้าขวาของเธอคนนั้นเตะเข้าหน้าของผู้ชายคนนั้นอย่างจัง ทำให้ตัวประกันที่เขาจับอยู่หลุดมือไปด้วย
ร่างของเขากระเด็นไปชนโต๊ะเคาน์เตอร์ ซึ่งมีเสียงดังเกิดขึ้นมาจนแก๊งคนร้ายในธนาคารรู้สึกผิดปกติ
ผู้ชายคนนั้นยังมีสติ หันปากกระบอกปืนเล็งไปที่คนๆนั้น
“แก!!!”
*ปึ้ก*
ปืนในมือของคนๆนั้นหลุดมือหลังจากที่คนๆนั้นขว้างโทรศัพท์กระแทกมือของเขา
ต่อจากนั้น สิ่งที่คนร้ายโดนต่อมาก็คือท่อนแขนอัดลงไปที่อกจนจุกเกินกว่าจะประคองสติรับอาการเจ็บปวดเหล่านี้
และก็หมดสติไปในที่สุด...
ผู้หญิงที่ถูกจับมาเป็นตัวประกันคนนั้นได้แต่นั่งนิ่งมองดูเหตุการณ์ทุกอย่าง และพยายามถามคนๆนั้น
“เธอ... เป็นใครหรอคะ?”
“......ก็แค่...... คนที่หัวเสียเพราะโดนมือถือปาอัดหัวแค่นั้นเองค่ะ”
เธอ...? ใช่แล้วล่ะ...
คนที่มาอัดคนร้ายเมื่อกี๊พร้อมกับช่วยตัวประกันคนนั้นไว้ก็คือ
นรินทร์... แต่...
โทรศัพท์ที่หัวหน้าคนนั้นปาในห้อง บังเอิญไปโดนหน้าผากนรินทร์ที่แอบซ่อนตัวอยู่ตรงนั้นพอดิบพอดี หัวก็เลยแตกเลือดไหลออกมาเล็กน้อย
“คุณหนีออกไปข้างนอกเถอะค่ะ...”
“เดี๋ยวฉันจะจัดการที่นี่เอง”
“เอ๋!?”
“รีบไปเถอะค่ะ! และขอร้องว่าอย่าพึ่งให้ใครเข้ามาข้างในเด็ดขาดนะคะ”
พนักงานคนนั้นรีบวิ่งออกมาจากธนาคาร ในขณะที่นรินทร์กำลังเตรียมพร้อมที่จะจัดการคนที่เหลือแค่ 4 คน
“หึหึหึหึ... แค่ป่วนโรงเรียนฉันยังไม่พอ... ยังจะทำฉันหัวแตกแบบนี้”
“เห็นทีจะอัดแค่หมัดเดียวไม่ได้แล้ว!”
เธอเอามือซ้ายกำหมัดขวาไว้ เตรียมตัวเข้าสู่โหมดการต่อสู้อีกครา พร้อมด้วยไฟแห่งความโมโหที่หัวต้องมาอาบเลือดแบบไม่จำเป็นเช่นนี้
............
............

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
6.4 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6.6 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
6.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา