Destiny of Time โชคชะตาแห่งกาลเวลา
เขียนโดย Huzure
วันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 เวลา 00.55 น.
แก้ไขเมื่อ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2558 15.15 น. โดย เจ้าของนิยาย
29) สายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ(โรงเรียนมาเจสติกวิทยา 14.48)
............
ณ ห้อง ม. 5/4
การเรียนการสอนทุกอย่างก็ยังเป็นไปตามปกติ หากแต่มีผู้หญิงคนหนึ่งที่ตอนนี้จิตใจไม่ได้จดจ่ออยู่กับการเรียนเลยแม้แต่น้อย
มีนที่นั่งจ้องหนังสือกับสมุด แต่ในหัวเธอกำลังคิดถึงเรื่องของนรินทร์อยู่ไม่ห่าง
(รินทร์จะเป็นยังไงบ้างนะ)
(เธอคงใช้โอกาสนี้ไปหาญาดาแล้วแน่เลย)
(เราเองก็อยากรู้ความคืบหน้าเหมือนกัน...)
เธอถอนหายใจออกมาครั้งหนึ่ง ก่อนที่จะสะดุ้งขึ้นมาจากโทรศัพท์มือถือที่มีคนโทรเข้า
“อาจารย์คะ... ขออนุญาตไปเข้าห้องน้ำค่ะ”
“อ้อ เชิญเลย”
อาจารย์ผู้สอนวิชาคณิตศาสตร์อนุญาตให้เธอไปเข้าห้องน้ำ แต่หารู้ไม่ว่าเธอนั้นเพียงแค่จะแอบไปคุยโทรศัพท์ข้างนอกเท่านั้น
............
ณ บริเวณบันไดทางขึ้น
(... ถ้าเดาไม่ผิด เบอร์นี้คงจะเป็น...)
ฉันรับสายโทรศัพท์นั้น ซึ่งเสียงที่ออกมานั้นเป็นไปตามที่ฉันคิดไว้ไม่มีผิด เพราะว่าฉันเป็นคนให้เบอร์เขาเองหากมีอะไรคืบหน้า
[ฮัลโหล... นั่นมีนใช่ไหม]
[อะ...ค่ะ! คุณวอร์เรน]
[รินทร์เป็นยังไงบ้างคะ?]
[รินทร์หรอ... ไม่รู้สิ]
[เอ๋?]
[ตอนนี้เราออกมาหาน้ำกินนิดหน่อยน่ะ ส่วนรินทร์ยังนั่งอยู่ในห้องที่ญาดาพักฟื้นอยู่เหมือนเดิม]
วอร์เรนตอนนี้มาซื้อน้ำผลไม้กระป๋องจากเครื่องกดน้ำอัตโนมัติภายในโรงพยาบาล รสที่เขากดมาคือน้ำองุ่นรสโปรดของเขา
เขาแงะฝาปิดของน้ำกระป๋องออกเพื่อดื่มน้ำองุ่น
[ปล่อยให้ยัยนั่นได้พักไปแบบนั้นก่อนดีกว่า เจอเรื่องหนักหนาติดต่อกันทุกวันขนาดนั้น]
ฉันที่คุยสายอยู่ก็เข้าใจดี เพราะงั้นฉันจึงไม่อยากถามอะไรไปมากกว่านั้น
[ฉัน... ไว้ใจคุณได้ใช่ไหม?]
[ถ้าจะฝากให้คุณช่วยดูแลนรินทร์ตอนที่ฉันไม่อยู่]
[พูดแบบนี้อย่างกับไม่เชื่อใจเราเลยนะ เอาน่า เราไม่คิดทำอะไรแปลกๆอยู่แล้ว]
ฉันกังวลใจเรื่องบางเรื่องอยู่ เพราะรินทร์กับวอร์เรนนั้นค่อนข้างจะต่างกันมาก แม้จะเป็นคนที่จริงจังในยามคับขันเหมือนกัน แต่ก็แค่จุดนั้นจุดเดียว
(ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่ว่า...)
[นี่มีน...]
[ว่าไงคะ?]
[รินทร์เนี่ย...... เกลียดผู้ชายมากแค่ไหน?]
[ทำไม... ถึงถามเรื่องนี้หรอคะ?]
ภาพติดตาที่วอร์เรนคิดขึ้นมานั้น คือเหตุการณ์ตอนที่รินทร์เข้ามากอดเขาเพื่อช่วยคลายความเศร้า เรื่องนั้นทำให้วอร์เรนสงสัยทัศนคติบางอย่างที่รินทร์มี
[จะว่าไงดีล่ะ... เรารู้แค่ว่ายัยนั่นไม่ชอบผู้ชายมากๆ]
[แล้วมันเพราะอะไรล่ะ? เราไม่อยากมีปัญหาเพียงเพราะทัศนคติของรินทร์แบบนั้น]
มานึกเรื่องนี้แล้ว ดูท่าคงต้องอธิบายให้เขาเข้าใจหน่อยหนึ่งล่ะมั้ง
[เรื่องนั้น... ที่ฉันจำได้คือรินทร์เขาไม่ได้เกลียดผู้ชายหรอกค่ะ แต่เขาไม่อยากอยู่ใกล้หรือแตะเนื้อต้องตัวกับเพศตรงข้าม]
[คงเพราะครอบครัวของเขาปลูกฝังความคิดแบบนี้ไว้ ตั้งแต่ฉันรู้จักมา รินทร์ก็เลี่ยงที่จะยุ่งกับผู้ชายมาตลอด เธอมักบอกว่าผู้ชายส่วนใหญ่นิสัยไม่ดี คิดเรื่องลามกบ้างไรบ้าง หรือเป็นเพศที่ชอบใช้แต่กำลังน่ะค่ะ]
[อ๊ะ! แต่เขาไม่ได้มีรสนิยมชอบผู้หญิงนะคะ]
[หือ... งั้นหรอกเหรอ]
(ถ้าเป็นรินทร์ในสภาพปกติ แค่แตะตัวเราไม่ต้องพูดถึงเลย แต่ในสภาพจิตใจแบบนั้นคงต้องการใครสักคนที่เข้าใจเขาได้สินะ)
[มีอะไรเกิดขึ้นรึเปล่าคะ?]
[เปล่า... ไม่มีอะไร]
[ถ้าอยากรู้เรื่องอะไรเพิ่มไว้ถามจากรินทร์เอาเองละกัน เราโทรมาบอกแค่นี้แหละ]
[เอ๊ะ เดี๋ยวก่อนสิคะ-]
เขาตัดสายฉันไปซะแล้ว...
“ผู้ชายบ้าอะไรเนี่ย? คิดจะวางก็วางดื้อๆเลย!”
“ต่างกับรินทร์มากจริงๆ...”
ฉันเก็บโทรศัพท์กลับไปในกระเป๋าเสื้อ แต่ถึงฉันจะคิดแบบนั้นก็เถอะ...
(ถึงอย่างนั้น... ผู้ชายคนนี้ก็คงไม่ใช่คนไม่ดีอะไร... แต่รินทร์เองก็ยังไม่รู้เลยว่าเขาเป็นใคร มีที่มายังไงกันแน่...)
(เราเอง...... คงต้องคอยจับตาดูผู้ชายคนนี้ไว้บ้างแล้วล่ะ)
............
... ณ ห้องผู้ป่วยที่ญาดานอนพักฟื้นอยู่ ...
......
ฉันกุมมือของญาดาไว้ตลอด ตั้งแต่วอร์เรนออกไปนี่ก็ราวๆเกือบ 10 นาทีแล้ว ฉันยังคงไม่ขยับเขยื้อนไปไหนนอกจากเฝ้าดูเธอด้วยความเป็นห่วง
“ญาดา......”
ความทรงจำทั้งหมดที่ฉันเห็น เหตุผลทุกอย่างที่ทำให้ฉันมีพลังพิเศษ ตอนนี้ฉันรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเรื่องพวกนั้นแล้ว
เรื่องวันนั้นเป็นตัวแปรที่ทำให้ฉันใช้พลังได้นี่เอง แต่ว่า...
“ถ้าหากฉัน...... ถ้าฉันรู้วิธีใช้พลังตั้งแต่ตอนนั้น...”
“เธอคงไม่ต้องเป็นแบบนี้...”
“ฉันควรจะหยุดรถคันนั้น แทนที่จะเลือกผลักเธอ... ฉันมันโง่จริงๆ!”
“เพราะฉัน...... เป็นความผิดฉันเอง...”
ระหว่างที่ฉันมัวแต่รู้สึกผิด วอร์เรนก็เข้ามาในห้องตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้
*ฟืบ*
“ไม่ใช่ความผิดของเธอหรอก...”
ตอนที่ฉันมัวแต่รู้สึกผิด ก็ได้ยินเสียงวอร์เรนพูดขึ้นมา รวมถึงพลังบิดเบือนเวลาบางอย่างที่เขาใช้เพื่อเข้ามาในห้องนี้ด้วย
เขายืนพิงผนังห้องพร้อมถือน้ำผลไม้กระป๋องมาสองขวด ซึ่งขวดหนึ่งเขากำลังกินอยู่ ส่วนอีกขวดที่เป็นรถแอปเปิ้ลยังไม่ได้แงะฝา
“ว...วอร์เรน”
“ลองคิดสิ ว่าถ้าเธอเป็นมนุษย์ธรรมดา เธอจะแก้ไขสถานการณ์ตอนนั้นยังไง?”
วอร์เรนพยายามอธิบายให้ฉันฟังเกี่ยวกับเหตุการณ์วันนั้นที่ฉันเล่าให้ฟังก่อนที่เขาจะเดินออกไปข้างนอก
“ฉันรู้...... แต่ว่า...”
“เลิกโทษตัวเองสักทีเถอะน่า ถ้าวันนั้นเธอไม่ผลักเพื่อนของเธอไม่ให้โดนรถชน ป่านนี้เพื่อนเธอคงไม่มีโอกาสจะได้ลืมตาขึ้นมาดูโลกอีกรอบแล้วล่ะ”
“ถึงสภาพที่เป็นอยู่มันจะน่าเวทนา แต่มันก็ดีกว่าการที่จะไม่มีโอกาสแก้ไขสิ่งผิดพลาดที่เกิดขึ้น”
“รินทร์ควรดีใจไว้เถอะ... อย่างน้อย... เธอได้ช่วยชีวิตเพื่อนคนสำคัญของเธอให้รอดพ้นจากความตาย”
(จริงอย่างที่วอร์เรนพูด... เพราะเราช่วยชีวิตเธอไว้ตอนนั้น เธอจึงยังมีชีวิตมีลมหายใจอยู่จนถึงตอนนี้)
(แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เรารู้สึกดีใจหรือสบายใจเลยสักนิด กลับกันเลย)
(มือทั้งสองข้างของเรากลับรู้สึกเหมือนเป็นผู้เปลี่ยนชะตาของญาดาให้มาอยู่ในจุดที่บางทีอาจทรมานยิ่งกว่า)
(ต่อให้พยายามมองโลกในแง่ดียังไง เราก็......)
“ปล่อยวางเถอะ...”
วอร์เรนพูดออกมาให้ฉันฟัง ซึ่งฉันได้ยินแต่ก็ไม่ได้หันไปมอง
“เธอทำเต็มที่แล้ว... มีนเองก็คงคิดแบบเดียวกัน”
“อย่าได้โทษตัวเองอีกเลย”
............
“ขอบคุณนะ”
“ขอบคุณที่ให้กำลังใจฉัน... และช่วยแบ่งพลังเวลาเพื่อดึงความทรงจำเหล่านั้นกลับมา”
“ขอบคุณมากจริงๆ!”
วอร์เรนยิ้มเล็กน้อยหลังจากที่ฉันขอบคุณเขาไป แต่เขาก็ยังแปลกใจว่าทำไมฉันถึงไม่ยอมหันหน้าไปพูดกับเขา
“ช่างมันเถอะ แต่ทำไมต้องหลบหน้าด้วยล่ะ?”
“ไ-ไม่ได้หลบสักหน่อย”
ก็จะให้หันไปได้ยังไงล่ะ
พอเห็นหน้าอีตานี่แล้ว... เราก็คิดเรื่องที่โผเข้ากอดเขาทันทีเลย!
จะให้เขามาเห็นเราหน้าแดงเพราะความอายกับความเขินไม่ได้เด็ดขาด!
... ผ่านไป 10 นาที ...
พวกเราสองคนอยู่ที่นั่นนานไม่ได้ มีหมอเดินเข้าเดินออกตลอดเวลา แม่ของญาดาเองก็เดินเข้ามาในห้องด้วย
เพื่อป้องความเสี่ยงที่พลังคลาดเคลื่อนเวลาจะล้มเหลว พวกเราจึงตัดสินใจแยกย้ายกันกลับ เพราะต่อให้อยู่นานกว่านี้ก็ไม่มีประโยชน์อยู่ดี
ก่อนที่วอร์เรนจะกลับ เขาถามฉันถึงเรื่องบางอย่าง
“เธอตัดสินใจดีแล้วแน่นะ?”
“อื้อ...”
“เห้อ... ก็ตามใจเธอละกัน เอาเป็นว่าพรุ่งนี้เราจะไม่ยื่นมือเข้าไปยุ่งตามที่ขอร้องมา”
“อย่าให้เห็นว่าร้องไห้ขี้มูกโป่งกลับมาเชียวล่ะ”
“เดี๋ยวเถอะ!”
ฉันถอนหายใจเพื่อไม่ให้ตัวเองไปหัวเสียกับเขา
“ฉันไม่กลัวอีกแล้วล่ะ... มันเป็นเรื่องที่ฉันตัดสินใจไปแล้วด้วย”
“อย่างที่นายบอกน่ะล่ะ จะวันนี้หรือวันไหน ฉันก็ต้องหันหน้าเข้าหาความจริงอยู่วันยันค่ำ”
“เพราะคำพูดของนาย... ทำให้ฉันคิดได้”
“......รินทร์”
พวกเราสองคนมองหน้ากัน ท่ามกลางความเงียบที่ไม่มีใครพูดอะไรต่อ วอร์เรนหันหลังกลับทันทีหลังจากนั้น
“ขอตัวก่อนนะ”
ฉันที่เห็นวอร์เรนหันไปแบบนั้น ก็เตรียมตัวที่จะกลับแล้วเช่นกัน
“โชคดีนะ”
......
เส้นทางที่พวกเขากลับนั้นสวนกัน ต่างคนต่างเดินตรงไปอย่างนิ่งๆ ไม่หันกลับมามองหากัน ราวกับโชคชะตาของทั้งคู่ที่แม้จะได้เจอกัน แต่ก็ยังมีเรื่องบางอย่างที่ทำให้พวกเขานั้นต้องแยกจากกัน
เรื่องราวของทั้งสองคนในวันนี้ จะเป็นเรื่องราวที่ถูกตรึงอยู่ในความทรงจำตราบนานเท่านาน ไม่ว่าจะกำลังใจที่นรินทร์ได้รับในวันนี้ หรือการที่วอร์เรนได้รู้จักผู้หญิงคนนี้มากขึ้นกว่าเดิม พวกเขายังคงมีโชคชะตาที่เชื่อมถึงกันต่อไป
............
............
แต่ไม่มีใครรู้เลย
มือของญาดาเริ่มกระดิกขึ้นมาแล้ว
............
............
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ