Destiny of Time โชคชะตาแห่งกาลเวลา
เขียนโดย Huzure
วันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 เวลา 00.55 น.
แก้ไขเมื่อ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2558 15.15 น. โดย เจ้าของนิยาย
30) ช่วงเวลาที่รอคอย
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ(โรงพยาบาล 17.35)
............
ในวันต่อมา
ผอ.มานพ เดินทางมาเยี่ยมญาดา ลูกสาวเพียงคนเดียวของตนเอง
หมอผู้รับผิดชอบคนไข้กำลังตรวจวัดความดัน และค่าโลหิตต่างๆอยู่ด้านในห้อง ซึ่งคุณมานพก็เข้ามาในจังหวะเวลานั้นพอดี
“อ่า คุณหมอ...”
“อ้อ... คุณมานพนี่เอง”
วันนี้ผอ.มานพนั้นมาคนเดียว เพราะภรรยาของเขาต้องไปทำงานที่ต่างจังหวัด ในขณะที่ผอ.นั้นสอนหนังสือทั้งวัน และไม่ได้สนใจเรื่องอื่นเลยนอกจากลูกสาวของตนเอง
“วันนี้... มีใครมาเยี่ยมลูกสาวผมบ้างเปล่าครับ?”
“เอ่... ยังไม่เห็นเลยนะครับ”
“เพื่อนๆของเธอจะมาหรอ?”
“คง...... ประมาณนั้นมั้งครับ”
เพราะจากตอนที่มีนมาถามเรื่องเกี่ยวกับญาดา ผอ.มานพเลยคิดว่าเธอจะแวะมาเยี่ยมในเร็วๆนี้ แต่ก็ไม่ได้เป็นไปตามที่คิดไว้
หลังจากที่พยายามคิดอยู่สักพัก ผอ.มานพก็หยุดคิดและหันไปถามหมอเกี่ยวกับอาการของลูกสาวตนเอง
“ว่าแต่ลูกสาวผม เป็นยังไงบ้างครับ?”
“เอ่... หมอก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน”
“มีอะไรงั้นหรือครับ?”
“อาการของเธอดูทรงตัวขึ้นจากเมื่อวาน ทั้งชีพจร เม็ดเลือด รวมถึงความดันเองก็อยู่ในเกณฑ์ที่ดีขึ้น”
“หมอยังไม่รู้เลยว่าจู่ๆทำไมอาการของเธอถึงได้ปรับตัวเร็วขนาดนี้”
“ถ้างั้น! ลูกสาวผมจะฟื้นมาเร็วๆนี้ใช่ไหมครับ?”
“เรื่องนั้นหมอยังรีบด่วนสรุปไม่ได้ ต้องรอดูอาการอีกสักระยะก่อนน่ะครับ”
“งั้นหรอครับ”
คุณมานพทำท่าดีใจอยู่พักหนึ่ง ก็ต้องมาทำสีหน้าครุ่นคิดอีกรอบ เพราะเขาหวังว่าปาฏิหาริย์นั้นจะมีจริงสำหรับลูกสาวของเขา
แต่นั่นก็อาจจะเป็นก้าวที่สำคัญสำหรับลูกสาวของเขา อาการของญาดาตอนนี้ดีขึ้นกว่าตอนแรกมากจนไม่น่าเชื่อ แม้แต่หมอเองก็ยังไม่เข้าใจเหตุผลตรงนี้
“งั้นหมอขอตัวก่อนนะ”
หมอที่ดูแลคนไข้คนนั้นก็เดินออกมาข้างนอก แต่เหมือนเขาจะจ๊ะเอ๋กับเด็กบางคนที่ยืนขวางทางเข้าออกอยู่ด้านนอก
“ข-ขอโทษนะคะ”
ผอ.มานพได้ยินเสียงผู้หญิงบางคนอยู่ข้างนอกหลังหมอเดินออกไปจึงเดินไปดู ก็เห็นผู้หญิงสองคนยืนอยู่หน้าห้อง
คนหนึ่งนั้นคือ มีน ที่มาถามเรื่องญาดาตั้งแต่เมื่อวาน ส่วนอีกคนนั้นยังหลบอยู่หลังมีนจนผอ.ไม่รู้ว่าใครกันแน่ พวกเธอทั้งสองคนมาทั้งๆชุดนักเรียนนั่นเลย
ผอ.ทำสีหน้าดีใจเมื่อรู้ว่ามีนมาเยี่ยมลูกสาวของตัวเองอย่างที่บอกไว้
“เธอนั่นเอง!”
“นึกว่าจะไม่มาซะแล้ว”
มีนยิ้มตอบผู้อำนวยการที่กำลังดีใจอย่างมาก
“ฉันต้องมาอยู่แล้วล่ะค่ะ และก็...... ฉันพาเพื่อนมาด้วยคนหนึ่งน่ะค่ะ”
“เพื่อนข้างหลังเธอน่ะหรอ?”
เพื่อนของมีนคนนั้นเดินออกมาจากด้านหลัง ผู้อำนวยการหลังจากเห็นเธอคนนั้นก็ถึงกับหยุดยิ้มไปเลย เพราะผู้หญิงคนนั้นคือคนที่ผอ.ไม่อยากให้มายุ่งกับลูกสาวของเขามากที่สุดในเวลานี้
นรินทร์...
............
(ในมุมมองของนรินทร์)
เรื่องที่ฉันตกลงกับวอร์เรนหมายถึงเรื่องนี้นี่ล่ะ ฉันอยากจะเจอกับผอ.มานพตรงๆอีกครั้ง โดยที่ครั้งนี้ไม่มีเขายื่นมือเข้ามาช่วย มีนเป็นคนพาฉันมาเพื่อที่จะไม่ผิดคำพูดที่ให้ไว้กับผู้อำนวยการ แต่ถึงกระนั้น มีนก็บอกให้ฉันมาพร้อมกันเผื่อว่าเธอจะช่วยอะไรฉันได้
สุดท้ายแล้ว ถ้าฉันไม่เลือกที่จะคุยกับผอ.ซึ่งๆหน้า ว่าฉันอยากจะมาทำอะไร มันคงไม่มีประโยชน์ที่ฉันจะแอบมาหาเธอตั้งแต่เมื่อวานนี้เลย
เพื่อที่จะต่อสู้กับความจริงตรงหน้า ฉันต้องทำให้ผู้ชายคนนี้ยอมรับให้ได้!
“นรินทร์......”
“ไหนว่าเธอไม่รู้จักนรินทร์ไงล่ะ?”
“เอ่อ... ฉันไม่ได้พูดแบบนั้นนะคะ คุณมานพ”
“ไม่ต้องมาพูดดีเลย! ฉันได้ยินเต็มสองรูหูว่าเธอไม่รู้จักยัยนรินทร์นี่”
“คือ...... ฉันแค่ไม่รู้น่ะค่ะ ว่านรินทร์ที่คุณกำลังพูดถึงหมายถึงใคร และฉันไม่รู้ด้วยว่าพวกคุณสองคนมีปัญหาอะไรกันรึเปล่า”
“ฉันแค่อยากมาหาญาดาพร้อมกับเพื่อนๆแค่นั้น”
ฉันที่ดูการโต้คารมของทั้งสองคน พอเห็นมีนพูดแบบนั้นแล้วรู้สึกได้เลย ว่าเธอนั้นแอบใช้ลูกไม้บางอย่างเพื่อเลี่ยงคำตอบที่อาจทำให้ผอ.โมโหใส่อย่างมาก
ไม่อยากเชื่อเลยว่ามีนที่เป็นคนอ่อนโยน จะมีด้านแบบนี้ด้วย
“จะอะไรก็ช่างเถอะ ทำไมเธอถึงมาที่นี่ นรินทร์”
“เรื่องนั้นน่ะ......”
“มีน”
ฉันพูดเบาๆให้มีนเข้าใจ มีนเลยหยุดพูดและปล่อยให้ฉันเป็นคนพูดเอง
“ผอ.มานพคะ ฉันมาเยี่ยมญาดาน่ะค่ะ”
“พอฉันทราบข่าวจากมีน เธอเลยพาฉันมาเยี่ยมพร้อมกันน่ะค่ะ”
“เพราะงั้น--”
“กลับไปซะ!”
“ที่นี่ไม่ต้อนรับเธอ”
“รวมถึงเธอด้วย กลับไปทั้งคู่นั่นล่ะ
คุณมานพทำหน้าบึ้งตรึงเหมือนกับวันนั้นอีกแล้ว ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ยังทำหน้าตื้นตันดีใจอยู่เลยแท้ๆ
“แต่ว่า... พวกเราตั้งใจมาหาเธอจริงๆนะคะ!”
“งั้นทำไมถึงมาเอาป่านนี้!”
“โดยเฉพาะเธอ! ฉันไม่อยากให้ลูกสาวฉันต้องเห็นเพื่อนที่ทิ้งเพื่อนอย่างเธอตอนที่ฟื้นขึ้นมา”
“ถึงอย่างนั้น! ญาดาก็เป็นเพื่อนคนสำคัญของฉันนะคะ”
“ฉันรู้! ว่าฉันผิดที่ไม่ได้มาเยี่ยมเธอ...”
“แต่... ฉันกลัว... ฉันกลัวว่าเธอจะเกลียดฉัน!”
“......”
“คุณมานพรู้ไหมคะ ว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว......”
“รินทร์!”
มีนรู้ว่าฉันกำลังจะพูดอะไร ส่วนคุณมานพเหมือนจะไม่รู้ว่าวันนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง เพราะไม่มีใครสามารถเล่าอะไรให้เขาฟังได้ ความทรงจำของคนทุกคนที่สามารถเป็นพยานได้หายไปหมดแล้ว
“วันนั้น... ญาดาขอร้องให้ฉันเดินไปเป็นเพื่อนเขาเพราะทะเลาะกับคุณ”
“จนตอนที่เธอข้ามถนน มีรถบรรทุกเบรกแตกพุ่งเข้ามาจวนจะชนเธอ”
“ฉันผลักเธอหลบจากรถบรรทุกคันนั้นพอดี รวมถึงฉันเองก็รอดหวุดหวิดจากการชนด้วย”
“แต่เพราะ... เพราะฉันผลักเธอไปแบบนั้น...”
“ศีรษะของเธอเลยกระแทกเข้ากับขอบทางเท้าตรงนั้น......”
“ที่เธอต้องกลายมาเป็นเจ้าหญิงนิทราแบบนี้...”
“เป็นเพราะฉันเองค่ะ!”
“เพราะงั้น ฉันจึงไม่กล้ามาเยี่ยมเธอ หรือไม่กล้าแม้แต่จะมาสู้หน้าเธอเลยแม้แต่น้อย!”
ฉันพูดด้วยเสียงที่ค่อนข้างดัง แต่ก็พยายามยั้งไว้ไม่ให้ดังเกินไปเพราะเป็นโรงพยาบาล มีนตอนนั้นก็กำลังยืนนิ่งอยู่ เธอห้ามฉันไม่ให้เล่าไม่ได้ ส่วนคุณมานพเองไม่ได้ตกตะลึงมากนัก แค่สีหน้าเขาเหมือนจะพึ่งเคยรู้เรื่องนี้ครั้งแรกเหมือนกัน
“อย่างน้อย...... ฉันอยากให้คุณรับรู้ว่าเรื่องทั้งหมดมันเป็นมายังไง”
“นั่นคือความจริงที่เกิดขึ้นในวันนั้น...... มันเป็นความผิดของฉันเอง”
(การที่ฉันตัดสินใจพูดต่อหน้าเขาในวันนี้ คือการสารภาพผิด แม้ว่าทุกอย่างจะทำไปเพื่อญาดา แต่ความจริงที่เธอต้องมาเป็นแบบนี้มันก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลย ฉันอยากให้คุณมานพรู้ว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้นในวันนั้น แม้ว่า......)
(เขาจะไม่ให้อภัยฉันก็ตาม...)
“......เรื่องทั้งหมดนั่น... เป็นความจริงใช่ไหม?”
“......ค่ะ...”
“ทำไมเธอถึงไม่บอกฉันตั้งแต่แรก...!”
มีนยิ้มขึ้นมา เธอคิดว่าคุณมานพเข้าใจเรื่องทั้งหมดแล้วจะให้อภัยฉัน
“ขอบคุณที่เล่าให้ฟัง”
“แต่ว่า... กลับไปเถอะ......”
“เอ๋!? คุณมานพ! ทำไมล่ะคะ? นี่ไม่ใช่ความผิดของรินทร์นะคะ! ทำไมถึงได้--”
“พอเถอะมีน!”
“รินทร์...”
ฉันขัดจังหวะคำพูดของเธอ ความรู้สึกของคุณมานพ ฉันเข้าใจดีที่สุด
“ฉันเป็นเพื่อนของญาดา... แต่ฉันกลับเลือกที่จะหนีในเวลาที่เธอกำลังต้องการใคร”
“ฉันผิดเองแหละค่ะ... ที่ไม่ได้อยู่เคียงข้างเธอตามที่สัญญากันไว้”
ในวินาทีนั้น มือของญาดาเริ่มขยับขึ้นมาเล็กน้อย
“ต่อให้วันนี้คุณไม่ให้อภัยฉัน... ฉันก็จะแวะมาหาคุณทุกครั้ง”
“จนกว่าคุณจะให้อภัยฉัน และอนุญาตให้ฉันเข้าไปหาเธอ”
“ฉันอยากอยู่เคียงข้างเธอไม่ว่า... ไม่ว่าจะยังไงฉันก็ยังอยากดูแลเธอ เหมือนที่เธอคอยดูแลฉันมาตลอด”
น้ำตาฉันเริ่มไหลออกมา... ฉันเสียใจที่ไม่สามารถเข้าไปหาญาดาได้ แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ยังไม่เลือกที่จะยอมแพ้
“เพราะพวกเราสัญญากันแล้ว... ว่าจะไม่ทอดทิ้งซึ่งกันและกัน......”
“ฉันน่ะ... อยากเป็นเพื่อนกับญาดาตลอดไป!”
มือของญาดาขยับมากขึ้น ร่างกายของเธอเริ่มตอบสนอง ตาของเธอค่อยๆลืมขึ้นมา เธอค่อยๆหันหน้ามาทางประตูหน้าห้องคนไข้อย่างช้าๆ ในตอนนั้นไม่มีใครสังเกตเห็นเธอเลย
“ร......รินทร์......”
เสียงอันแผ่วเบาของญาดา พยายามเรียกชื่อของฉัน แต่เพราะเธออยู่ไกลเกินไป ฉันที่อยู่ข้างนอกเลยยิ่งไม่ได้ยินเสียง และไม่รับรู้ความเปลี่ยนแปลงภายใต้ขอบเขตเวลาเลย
“ถ้าวันนี้คุณยังไม่ให้ฉันเข้าไปหาเธอ......”
“วันพรุ่งนี้... วันมะรืนนี้... หรือวันต่อๆไป”
“ฉันก็จะแวะมาหาเธอแบบนี้อีกเหมือนเดิม จนกว่าคุณจะอนุญาตให้ฉันเข้าไปพบค่ะ!”
คุณมานพไม่ได้ทำสีหน้าโมโหแบบตอนแรกที่ทำ คงเพราะรู้ความจริงแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น ณ ตอนนั้น แต่จิตใจเขาก็ยังคงไม่อยากยอมรับเรื่องที่เราทิ้งลูกสาวของเขาอยู่ดี ในขณะที่มีนได้แต่ฟังที่เราพูด เธอขัดอะไรเราไม่ได้เลยเช่นเดิม
“พวกเรา...... ขอตัวก่อนนะคะ”
“ขอโทษ...... ที่มารบกวนด้วยค่ะ”
ฉันค่อยๆเดินออกไปท่ามกลางความเงียบของคุณมานพ มีนพยายามยกแขนยั้งฉันไว้ แต่ฉันตัดสินใจที่จะกลับแล้ว
ระหว่างที่ฉันกำลังเดินออกไป
“รินทร์...... รินทร์.........”
เสียงอันแผ่วเบาที่ฉันได้ยินนี่มัน......
(เสียงนี้มัน)
“รินทร์......”
คุณมานพหันไปหาลูกสาวของเขาก็ถึงกับตะลึง
ญาดาเริ่มขยับตัวแล้ว...... มือของเขาพยายามเอื้อมเพื่อหยุดไม่ให้ฉันที่เดินออกมาแล้วหนีไป ร่างเขาที่อยู่บนเตียงนั้นมีสภาพที่อิดโรยมากเนื่องจากอยู่ในนิทรามานานกว่า 2 สัปดาห์
“ญาดา!!”
คุณมานพตะโกนดังขึ้นมาด้วยความตื้นตัน วิ่งเข้าไปในห้องต่อหน้าฉันไปกุมมือของญาดาที่ยกขึ้นมาไว้
“ญาดา... ลูก!”
“ลูกฟื้นแล้ว!!”
ผู้เป็นพ่อคนนั้นน้ำตาไหลพรากออกมาด้วยความปลื้มปิติ ความดีใจทั้งหมดเอ่อล้นออกมา
“ญาดา...... จำพ่อได้ไหมลูก!?”
“ญาดา!”
การตอบสนองของเขานั้นยังช้าอยู่ แต่เขาพยายามตอบสนองต่อสิ่งสำคัญที่เขารู้สึก ณ เวลานั้น
“รินทร์...... รินทร์.........”
เธอเรียกชื่อฉัน ซึ่งมันเบามากจนมีนไม่ได้ยิน แต่ร่างกายของฉันพึ่งจะตอบสนองกับเสียงนั่นหลังจากที่เดินออกมาพ้นห้องเล็กน้อย
คุณมานพกำลังช็อคอยู่ ที่คำแรกที่ลูกสาวของเขาเรียกไม่ใช่ชื่อเขา หรือชื่อของผู้เป็นแม่ แต่เป็นชื่อฉัน...... เพื่อนที่คุณมานพมองว่าเป็นคนไร้หัวใจ
“ญาดา!!”
ฉันกับมีนรีบวิ่งเข้ามาในห้องด้วยความดีใจทันที โดยวิ่งไปที่อีกฝั่งของเตียงตรงข้ามกับคุณมานพที่อยู่ด้านขวาของเธอ
“นรินทร์!!”
ความรู้สึกโมโหของคุณมานพแสดงออกมาทางสีหน้าชัดเจน คงเพราะพวกฉันไม่ฟังเขาและยังคิดจะเข้ามาหาเธออีก
“ญาดา! เธอได้สติแล้วงั้นหรอ?”
“เธอ... เรียกฉัน... เธอเรียกชื่อฉันอยู่ใช่ไหม?”
“รินทร์...... อุ่นจัง......”
น้ำตาแห่งความดีใจของฉันไหลออกมา มีนเองก็เริ่มมีน้ำตาคลออยู่เหมือนกัน แต่คุณมานพกำลังยืนช็อคไม่หาย
“ขอโทษนะ ญาดา!! ฉันขอโทษที่ทิ้งเธอให้อยู่คนเดียว!”
......
*หมับ*
มือซ้ายของเธอกำลังลูบหัวฉันอย่างอ่อนโยนและอบอุ่น
“รินทร์...... ไม่เคยทอดทิ้ง......”
“รินทร์น่ะ...... อยู่เคียงข้างฉัน...... ตลอดเวลา......”
“ขอบคุณ..... นะ”
เสียงอันแผ่วเบาและมือที่แสนอบอุ่นนี้ ชำระล้างจิตใจที่มีแต่ความโศกเศร้าของฉัน ให้เต็มไปด้วยความยินดี น้ำตาที่เอ่อล้นมาไม่หยุด ฉันก้มร้องไห้ลงบนเตียงอย่างกับเด็ก มีนพยายามใช้นิ้วซับน้ำตาอยู่เรื่อยๆ
ท่ามกลางความดีใจเหล่านั้น คุณมานพที่ได้แต่ยืนอึ้งตั้งแต่ตอนนั้นเลือกที่จะเดินออกไปข้างนอก มีนจึงตามหลังเขาไปติดๆ
............
“คุณมานพคะ......”
“พวกเรารู้ค่ะ...... ว่าคุณรู้สึกยังไง”
“แต่ว่า...... ญาดาเองก็เฝ้ารอให้เพื่อนคนสำคัญของเธอมาหา”
“รินทร์เองก็สำนึกผิดแล้ว...”
“ฉันขอนะคะ... ยกโทษให้เธอด้วยเถอะค่ะ”
ฉันโค้งขอร้องให้คุณมานพยกโทษให้เธอ... ในขณะที่คุณมานพนั้นไม่ได้หันมามองฉันเลยแม้แต่น้อย ได้แต่หันหลังพร้อมกับความเงียบมาตั้งแต่เมื่อกี๊แล้ว
“อยากทำอะไรก็เชิญ...... ในเมื่อลูกสาวฉันต้องการแบบนั้น”
“ก็ตามแต่ที่ต้องการเลย”
แม้ว่าจะไม่พอใจมากแค่ไหน... แต่คุณมานพก็เข้าใจเรื่องราวทั้งหมดดี รวมถึงความต้องการของลูกสาวของตนเองด้วย
เขาเดินออกไปข้างนอก เพื่อให้พวกเราทุกคนได้ใช้เวลาอยู่ที่นี่อย่างเต็มที่...
พอฉันเห็นเขาเดินจากไปแล้ว ฉันที่รู้สึกมีลางสังหรณ์แปลกๆเลยลองทำอะไรบางอย่างดู
“วอร์เรน”
ไม่นานนัก วอร์เรนก็โผล่มาจริงๆด้วย เขาแอบดูเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ตลอดเวลาโดยไม่ให้นรินทร์รู้
“นึกแล้วว่าคุณต้องอยู่ที่นี่ด้วย”
“ก็แค่จะมาดูให้แน่ใจน่ะ...”
“เป็นห่วงรินทร์หรอคะ?”
“ก็คงทำนองนั้นล่ะมั้ง”
พอวอร์เรนมองไปที่นรินทร์ที่กำลังร้องไห้ซบญาดาด้วยความดีใจ วอร์เรนเองก็ยิ้มให้กับเหตุการณ์ในวันนี้
“การที่มีคนสำคัญให้เราได้ร้องไห้นี่ดีจริงๆเลยนะ”
“ยัยนั่นตอนนี้... คงจะดีใจสุดๆเลยล่ะ”
ฉันหันไปมองพวกเขาทั้งสองคนเหมือนกับวอร์เรน
“นั่นสินะคะ”
“นรินทร์ในตอนนี้... คือเด็กสาวที่มีความสุขที่สุดในโลกเลยล่ะ”
............
............
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ