Destiny of Time โชคชะตาแห่งกาลเวลา
เขียนโดย Huzure
วันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 เวลา 00.55 น.
แก้ไขเมื่อ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2558 15.15 น. โดย เจ้าของนิยาย
27) เผชิญหน้า
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ(สะพานข้ามคลองเล็กๆ 12.53)
............
วอร์เรนบอกว่าจะเอาความทรงจำที่ยังขาดไปพวกนั้นกลับมา ท่าทีที่มั่นอกมั่นใจขนาดนั้นมันอะไรกันล่ะนั่น
“นายบอกจะเอาความทรงจำที่เหลือกลับมา?”
“จะเอากลับมายังไงล่ะ?”
จนถึงตอนนี้ฉันได้ความทรงจำกลับมาแล้ว ถึงจะยังเป็นบางส่วนที่เกี่ยวกับเหตุการณ์วันนั้นก็เถอะ
“ความทรงจำที่เกี่ยวกับผู้หญิงที่ชื่อญาดาถูกลบออกไปใช่ไหมล่ะ ทั้งในส่วนของเธอ”
“และเพื่อนๆคนอื่นที่รู้จักญาดาด้วย”
“เอ๋?”
ฉันก้มหน้าทบทวนสิ่งที่วอร์เรนพูดมาเมื่อกี๊
(เป็นอย่างที่เราคิดจริงๆ)
(เหตุผลที่เราหรือคนอื่นๆนึกถึงเรื่องญาดาไม่ออกเป็นเพราะ...)
“ยังไงก็เถอะ ถ้าเป็นตอนนี้อาจจะยังทันอยู่นะ”
ตานั่นเดินสวนฉันไปอีกทาง ก่อนจะหันหน้ามาหาเรา
“มากับเรา... ไปหาญาดาเพื่อกู้คืนเวลาที่ลบไปกลับมา”
ให้เราไปหาญาดา... คนที่เราผลักจนเธอล้มหัวกระแทกคนนั้น......
พอคิดแค่นี้ตัวเราก็เริ่มสั่นขึ้นมาอีกแล้ว การที่ต้องไปเจอหน้าคนที่เราเป็นต้นเหตุของการบาดเจ็บนั่นแบบนี้แล้ว... จู่ๆความกลัวก็เพิ่มพูนขึ้นมาทันที
“ต-ต้องไปหา... ญาดา...”
“ท-ทำไมถึงต้องไปหาเขาด้วยล่ะ”
วอร์เรนทำสีหน้าไม่ค่อยพอใจเท่าไรที่เรายังลังเล
"เธอเองก็คงจะรู้อยู่แล้วหนิ การกู้คืนเวลาก็คือการอ่านเวลาที่ลึกลงไปยังอดีตของเป้าหมาย ยิ่งเข้าใกล้เป้าหมายที่ต้องการรับรู้มากเท่าไรก็ยิ่งได้ความทรงจำที่แม่นยำมากขึ้นเท่านั้น"
"หากเธอตีกรอบให้ความทรงจำทั้งหมดที่เห็นมีแต่ความสัมพันธ์และเรื่องราวระหว่างพวกเธอสองคน ก็จะเลี่ยงการใช้พลังเวลาอย่างสิ้นเปลืองได้""
"ก็อย่างที่เธอเห็นความทรงจำบางส่วนตรงทางแยกนั่นแหละ แต่เธอยังไกลจากเป้าหมายในการดึงความทรงจำกลับมาอย่างญาดาอยู่โข"
"รินทร์ ถ้าเธอมัวแต่ยืนแข็งทื่ออยู่แบบนี้มันก็ไม่มีประโยชน์หรอกนะ"
“มั่นใจในตัวเองหน่อย!”
คำพูดของเขาทำให้ฉันสะดุ้งรู้สึกตัวขึ้นมา
“......”
“ไม่ใช่ว่าไม่เข้าใจความรู้สึก... ก็จริงอยู่ที่การเผชิญหน้ากับความจริงบางครั้งมันก็อาจต้องใช้เวลาเพื่อเยียวยาบ้าง”
“แต่ในอีกมุมหนึ่ง...”
“จากที่เห็นเธอยอมรับความจริงเรื่องที่หนักหนาแบบนั้นได้ เราเชื่อว่าอุปสรรคต่อไปเธอก็ผ่านพ้นได้แน่นอน”
“มันก็ขึ้นอยู่กับว่าเธอจะเลือกอะไร......”
“จะรับรู้เรื่องทุกอย่างวันนี้ด้วยตัวเอง... หรือจะเลือกตอนไหน-”
“ฉันจะไป...”
วอร์เรนหันหน้ามาหาฉันหลังจากที่ตอบคำถามของเขาไป
“ฉันเลือกที่จะเผชิญหน้ากับความจริงตั้งแต่ฉันรับรู้ความทรงจำพวกนั้นแล้ว...”
“เพราะงั้น... ฉันจะสู้กับความจริงตรงหน้าอีกสักครั้ง......”
ยืนยันคำตอบเรียบร้อยแล้ว ทั้งต่อตัวเอง และอีตานี่
“เข้าท่าดีนี่”
“งั้นก็ไปกัน-”
ฉันคว้าเสื้ออีตานี่ไว้ก่อน
“แล้ว...... จะไปที่ไหน?”
............
[. . .]
“ก็......โรงพยาบาลสักแห่งแหละ หรืออาจจะตามคลินิกก็ได้-”
*จึ้ก*
“จ๊าก!! ตา! ตาช้านนนน!!”
หมั่นไส้อีตานี่ชะมัด จิ้มตาเบาๆแค่นี้แล้วยังจะลงไปเกลือกกลิ้งอีกนะ
“นายจะงี่เง่าไปถึงไหนกันยะ!?”
“ทำอะไรหัดเตรียมการณ์ให้มันดีกว่านี้หน่อยเซ่!”
“ก็เราไม่ได้จำนี่หว่าว่ายัยนั่นพักอยู่ที่โรงพยาบาลไหน!? เธอเองก็เถอะ! ไม่คิดจะหาข้อมูลอย่างอื่นตอนเข้าไปในห้องนั้นเลยรุไง!?”
“อย่าพูดบ้าๆนะ! นายคิดว่าฉันในสภาพจิตใจแบบนั้นจะมีกะจิตกะใจจะทำอย่างอื่นอีกหรอ!? แค่... แค่ตอนที่รู้อาการของเธอ... ฉันก็... คิดอะไรไม่ออกแล้ว”
เราพยายามข่มความกังวลใจไว้ระหว่างที่เถียงกับอีตานี่ ต่อจากนั้น...
*กริ๊ง กริ๊ง*
เสียงมือถือฉันดังอีกแล้ว คราวนี้พอฉันหยิบมือถือมาดู คนที่โทรมารอบนี้เป็นมีน
“มีน?”
*ปุ๊ป* (กดรับ)
[ฮัลโหลรินทร์]
[ฉันรู้โรงพยาบาลที่ญาดาอยู่แล้ว]
[เอ๋? ทำไมมีนถึง...]
[ฉัน...... เข้าไปคุยกับผอ. มาน่ะ]
*ย้อนไปเมื่อไม่กี่นาทีก่อน*
(ณ ห้องผู้อำนวยการ)
ผอ. ดูรูปภาพญาดาขี่คอตัวเองด้วยความอาลัยอาวรณ์
หมอเคยบอกว่าโอกาสรอดของญาดานั้นต่ำ หากจะรอดกลับมาเป็นปกติคงต้องหวังพึ่งปาฏิหาริย์เท่านั้น
*ก๊อกๆ* (เสียงเคาะประตู)
“...... เชิญ ......”
มีนแง้มประตูเข้ามาอย่างช้าๆ
............
“คุณมานพ... เอ่อ... ท่านผู้อำนวยการคะ”
“เรียกแค่ชื่อเฉยๆก็ได้ ผมไม่ชอบให้ใครมาเรียกซะยิ่งใหญ่ขนาดนั้น”
ฉันเห็นเขาวางกรอบรูปภาพตั้งโต๊ะไว้ เหมือนภาพนั้นจะเป็นภาพที่สำคัญสำหรับเขามากเลย
(ในรูปภาพนั่น... คงจะเป็น...)
“ว่าแต่มีธุระอะไรกับผมหรือเปล่า?”
“หรือจะเกี่ยวกับการเรียน?”
(วิธีการพูดของเขาต่างจากเมื่อวานมาก คงเพราะเมื่อวานเขาอยู่ในอารมณ์ที่โกรธมากจนพูดอะไรไม่ดีออกมา)
(แปลว่าตอนนี้... ถ้าเราพยายามพูดกับเขาดีๆ......)
“ไม่ใช่เรื่องเรียนหรอกค่ะ...”
“ฉันมาคุยเรื่องของญาดาน่ะ-”
*ปั้ง*
ทันใดนั้นเอง ผอ. ที่มีท่าทีสงบนิ่งมาตลอด พอได้ยินฉันพูดชื่อญาดาออกไปก็ถึงกับเอามือทุบโต๊ะ พร้อมกับส่งสายตาด้วยความตื่นตะลึงออกมา
“เธอ......รู้จักญาดา?”
“ค่ะ...... ฉันรู้จักญาดาค่ะ”
(จะให้เขารู้ไม่ได้เด็ดขาด ว่าฉันจริงๆแล้วไม่มีความทรงจำเรื่องเธอเลย ที่รู้มาจากรินทร์นี่ยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่)
“ไ-ไม่น่าเชื่อ...... เกือบสองสัปดาห์กว่าๆมานี่... ไม่มีใครที่มาถามหาเธอเลย”
“เธอเป็น... เด็กคนแรกที่พูดถึงญาดา”
ผอ. เหมือนจะดีใจมากที่ฉันจำลูกสาวของเขาได้ คงต้องพยายามเนียนต่อไป
“แล้วเธอมาถามถึงญาดา เธออยากรู้เรื่องอะไรล่ะ?”
“คือ... ฉันอยากรู้ว่าเธอพักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาลไหนน่ะค่ะ”
“ฉันอยากจะไปเยี่ยมเขา ช่วยบอกฉันหน่อยได้ไหมคะ?”
“จะไปเยี่ยมใช่ไหม? ตอนเย็นนี้ผมก็กำลังจะแวะไปเยี่ยมลูกสาวผมพอดี เธอจะมาด้วยกันก็ได้นะ”
“ตอนเย็นวันนี้ฉันมีธุระน่ะค่ะ พอดีชมรมหัตถกรรมที่ฉันอยู่เขานัดประชุมสมาชิกชมรมทุกคน”
“เพราะงั้นฉันเลยอยากรู้ว่าเธออยู่ที่ไหน... เผื่อว่าจะพาเพื่อนๆทุกคนแวะไปเยี่ยมด้วยค่ะ”
(ยิ้มไว้มีน ยิ้มไว้นะมีน! อย่าให้เขารู้เด็ดขาดว่าเราแถน่ะ!)
“เพื่อนๆที่ว่า...... หมายถึงนรินทร์ด้วยรึเปล่า?”
“เอ่อ... นรินทร์ไหนหรอคะ...?”
“......ไม่มีอะไร... ผมคงคิดมากไปเอง”
เขาเก็บเอกสารบนโต๊ะเตรียมที่จะไปสอนวิชาภาษาอังกฤษในช่วงบ่าย
ก่อนที่เขาออกห้องไป เขาก็บอกที่อยู่ให้ฉันรู้
............
............
*ตัดกลับมาปัจจุบัน*
หลังจากที่ฉัน... คุยกับมีนเสร็จไปสักพัก
พวกเราสองคน ฉันกับวอร์เรนก็มาถึงโรงพยาบาลที่ญาดาอยู่
ตอนนี้เป็นเวลาประมาณ 13.20 ทางมีนเองก็คงไม่สะดวกที่จะคุยอะไรมากไปกว่านี้แล้ว แค่นี้ก็ถือว่าเธอช่วยพวกเราได้มากแล้ว
บรรยากาศแบบนี้บางทีก็รู้สึกคุ้นเคยดีเหมือนกัน ฉันเคยเข้าโรงพยาบาลครั้งแรกในชีวิตก็เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมานี่เอง
ตอนนี้พวกเราเดินไปจนใกล้จะถึงหน้าห้องผู้ป่วยที่ญาดาพักอยู่
แม่ของเธอนั่งอยู่ข้างนอกด้วยแววตาที่ห่วงใยลูกสาวเพียงคนเดียวของเขา
“นี่ เราจะเข้าไปข้างในยังไงอะ?”
“เข้าไปข้างในหรอ?”
“ถ้าเปิดประตูในเวลาปัจจุบันไม่ได้ ก็เปิดประตูในเวลาอีกมิติหนึ่งสิ”
ฉันแทบจะลืมเรื่องมิติว่างเปล่านั่นไปเลยถ้าเขาไม่พูดขึ้นมา
พวกเราเลยเข้าไปยังมิติว่างเปล่าพร้อมกัน โดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็นรอยแตกของมิติตรงนั้นพอดี
ในโลกที่ฉันไม่ได้เข้ามาสักพักแบบนี้... ความรู้สึกสะอิดสะเอียน ความวังเวง ความเงียบงันแบบนี้มัน...
พอฉันยืนอยู่หน้าห้องเพื่อจะเปิดประตูเข้าไป มือก็กลับสั่นไม่หยุด วอร์เรนเองก็สังเกตมือเราที่สั่นอยู่ตลอด
(...... จะยังสั่นทำไมอีกล่ะนรินทร์ ......)
(ในเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว...)
*แกร๊ก*
ในที่สุด... ฉันก็เปิดประตูเข้าไปหาญาดา...
ไม่สิ......
ฉันเปิดประตูเพื่อสู้กับอดีตของฉัน!
*เอี๊ยด*
............
พวกเราสองคนเดินเข้าไปข้างในห้องนั้น ซึ่งขณะนี้ยังเป็นมิติว่างเปล่าอยู่
สิ่งที่พวกเราทำต่อมาคือกลับมายังมิติแห่งเวลาที่แท้จริงอีกครั้ง โดยมันจะทำรอยแยกของมิติเอาไว้ในตำแหน่งที่พวกเราอยู่
ภาพที่ฉันค่อยๆเห็นหลังจากที่กลับเข้ามายังโลกใบนี้
ญาดา......
ผ้าพันแผลรอบหัว สายน้ำเกลือ เครื่องช่วยหายใจ
เธอนอนอยู่บนเตียงอย่างเดียวดาย ไม่สามารถขยับเขยื้อนแบบนี้ได้มาตลอดสองสัปดาห์
ทรมาน...... ความรู้สึกที่สุมอกเราอยู่ตอนนี้มัน......
เจ็บปวด
“ญา......ดา”
ฉันไม่ทันคาดคิด...... ว่าอาการของเธอจะหนักขนาดนี้...
มือของเราค่อยๆเอื้อมไปแตะตัวเธอทั้งที่ยังสั่นอยู่
“ญาดา......”
เราจับมือของเธอไว้ มือของเธอนั้นยังอุ่น ยังมีความอบอุ่นส่งผ่านมาหาเรา
อดีตบางอย่างระหว่างพวกเราสองคนโผล่ขึ้นมาในหัวของฉัน แต่มันคลุมเครือมากๆ
“ญาดา...... ฉันขอโทษ”
“ฉันขอโทษ!”
น้ำตาฉันค่อยๆไหลออกมา ความเสียใจยังคงอัดแน่นอยู่ในใจฉันอยู่ตลอด นั่นคือความเป็นจริงที่ไม่มีทางเปลี่ยนแปลง
“ต่างกับคนทั่วไป ความทรงจำของผู้ใช้เวลาไม่สามารถลบได้ มันแค่ถูกลบออกจากความนึกคิดของเธอ แต่ความทรงจำนั่นยังคงถูกล็อคอยู่ภายในสมอง”
“ในกรณีของเธอ การลบเกิดขึ้นพร้อมกับตอนที่เธอใช้พลังในฐานะตัวแทนผู้เชื่อมต่อเวลา”
“เคยพูดไว้สินะ ที่มีอาการแปลกๆเกิดขึ้นตลอดช่วงสองสัปดาห์โดยที่ตัวเองไม่รู้ตัว”
“นั่นเกิดจากการที่จิตใจของเธอครึ่งหนึ่งถูกกักอยู่ในมิติว่างเปล่า รวมถึงการใช้พลังลบความทรงจำของคนรอบข้างเกี่ยวกับญาดาโดยไม่รู้ตัวด้วย”
“คงเรียกว่าพลังทะลักออกมามั้ง การบิดเบือนเวลาเพราะความช็อคจากสภาพจิตใจก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้”
ในขณะที่ฉันยังคงเสียใจและอึ้งสิ่งที่วอร์เรนพูด ฉันเห็นเขาเดินมาตรงหัวเตียงที่ญาดานอนอยู่
“รินทร์...... ถ้าเธออยากสู้กับความเป็นจริงล่ะก็”
วอร์เรนกางมือซ้ายที่มีนาฬิกาข้อมือเหมือนจะทำอะไรบางอย่าง
“จงเอาความทรงจำทั้งหมดกลับมา!”
*ครืน*
จู่ๆ... มือที่ฉันจับมือของญาดาไว้ มีหน้าปัดนาฬิกาเรืองแสงปรากฏขึ้นมา
“นี่มัน...!”
“เราแชรเวลาให้เธอ...... พลังนั่นเป็นหนึ่งในรูปแบบพิเศษ มันจะทำให้เวลาของผู้แชรถูกส่งต่อไปยังผู้รับ”
“เธอจะมีความสามารถในการบิดเบือนเวลา หรือก็คือเธอจะมีพลังในการกู้คืนเวลาได้มากขึ้น”
“เ-เดี๋ยวสิ! ถ้าแชรแบบนั้นแปลว่านาย”
“ช่างเราเถอะ... แค่นี้ทำอะไรเราไม่ได้หรอก”
“เอาล่ะ... ขั้นต่อไป... เธอพร้อมที่จะกู้คืนความทรงจำที่เสียไปไหม”
ฉันครุ่นคิดแล้วครุ่นคิดอีก
“แม้ว่าจะได้ความทรงจำกลับมา แต่ความรู้สึกผิดที่มีของฉันต่อญาดาก็ยังเหมือนเดิม”
“และถ้านายต้องมาเป็นอะไรเพราะฉันอีกแบบนี้มัน......”
“ไม่ต่างอะไรกับการที่ฉันทำร้ายนายอีกคนเลยนะ”
คำพูดของเราเหมือนจะทำให้วอร์เรนตกใจอยู่ เขาคงไม่คิดว่าเราจะพูดอะไรแบบนี้ออกมา
“............”
“ขอโทษนะ...... ญาดา...”
“ฉันรู้ดี... ว่าฉันสู้หน้าเธอไม่ได้หลังจากเห็นความทรงจำแบบนั้น”
“แต่ฉัน...... ก็ไม่อยากจะหนีอีกแล้ว”
“ขอร้องนะญาดา......”
“ช่วยบอกเรื่องราวทั้งหมดระหว่างพวกเราสองคนที!!”
*ครืน*
............
ทุกสิ่งนั้นขาวโพลน รอบตัวฉันนั้นไม่มีอะไรเลย
ร่างของฉันที่ร่องรอยอยู่แบบนั้น ราวกับว่าจิตใจกำลังมาเยือนในที่ๆหนึ่งที่เราไม่รู้จัก
“นรินทร์!”
ฉันหันกลับไปข้างหลัง มองเห็นตัวเองในชุดนักเรียนชั้น ม.ปลาย กำลังหันหน้าไปหาคนที่เรียกชื่อฉัน
“ไปอ่านหนังสือกัน รินนี่!”
รินนี่...... ผู้หญิงที่เรียกเราว่ารินนี่...
คือญาดา
นี่คือความทรงจำของพวกเราสองคนสินะ เป็นจุดเริ่มต้นของโศกนาฏกรรมอันเลวร้าย
............
............
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ