Destiny of Time โชคชะตาแห่งกาลเวลา
6.5
เขียนโดย Huzure
วันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 เวลา 00.55 น.
40 Time
12 วิจารณ์
40.24K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2558 15.15 น. โดย เจ้าของนิยาย
25) แค่มนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ(โรงเรียนมาเจสติกวิทยา 8.50)
…………
ท้องฟ้ายามเช้าในปลายเดือนกรกฎาคมที่ยังอยู่ช่วงฤดูฝนนั้นช่างร่มเย็น
กลุ่มก้อนเมฆที่บดบังพระอาทิตย์ จนทำให้แดดส่องผ่านมาไม่ถึง ลดอุณหภูมิที่ผืนโลกจะต้องได้รับ
กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศวันนี้ไว้ ว่าจะไม่มีฝนตก มีแต่กลุ่มก้อนเมฆมากกว่าปกติ
ในอาคารเรียนนั้นเย็นสบาย ทุกคนตั้งใจเรียนอย่างขะมักเขม้น (ล่ะมั้ง)
หากแต่มีเก้าอี้ตัวหนึ่งในห้องเรียนยังว่างอยู่ และคนที่นั่งอยู่บนโต๊ะเรียนนั่นก็เป็นผู้ชายที่ไม่ได้ใส่ชุดนักเรียนซะด้วย แต่กลับไม่มีใครในห้องสนใจเขาเลยแม้แต่น้อย
โต๊ะตัวนี้...... คือโต๊ะของนรินทร์
ผู้หญิงที่อยู่อีกห้องหนึ่งไม่ไกลกันนัก ก็แสดงสีหน้าที่กังวลออกมาเมื่อมองดูท้องฟ้าที่ยังสดใสมีเมฆปกคลุมพระอาทิตย์
จิตใจเธอนั้นไม่ได้สนใจการเรียนเลยแม้แต่น้อย...... มีนคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน วันที่รินทร์เพื่อนรักของเธอต้องเจอกับผอ.
(รินทร์......)
............
วันนี้ถึงอากาศจะเย็นสบาย แต่ฉันรู้สึกถึงบรรยากาศที่เงียบเหงา หดหู่ ที่เกิดขึ้นมาภายในใจของฉัน
(ตั้งแต่เมื่อวาน... รินทร์ก็ไม่พูดอะไรอีกเลย)
(พอพารินทร์กลับไปส่งที่บ้าน รินทร์ก็เดินเข้าบ้านไปโดยไม่ได้สนใจเราเลยสักนิด)
(ไม่อยากเชื่อเลยว่าผู้อำนวยการโรงเรียนนี้ จะเป็นพ่อของญาดาคนนั้นด้วย)
(นี่มันเรื่องอะไรกันแน่...?)
“มีนกลับไปเถอะ... ฉันขออยู่คนเดียวสักพัก”
ฉันแอบหยิบมือถือขึ้นมา และกดโทรหารินทร์
............
ทางด้านรินทร์ที่ยังนั่งอยู่บนเตียง แววตาของเธอเศร้าหมอง ไร้ชีวิตชีวา
รินทร์ได้แต่มองดูหน้าปัดนาฬิกาพกบนมือ เข็มนาฬิกานั้นเขยิบไปเรื่อยๆ ไม่มีทีท่าว่าจะย้อนกลับ
ความทรงจำที่กลับมาบางส่วนทำให้เธอยังคงซึมเศร้า เก็บตัวอยู่ในบ้านมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว
ยิ่งคำพูดของผอ. ที่เป็นพ่อของญาดา ทำให้เธอยิ่งรู้สึกเจ็บปวดกับสิ่งที่กำลังเผชิญ
เธอทิ้งตัวลงนอน ก่อนจะเอามือขวาที่กำนาฬิกาไว้มาแตะหน้าผาก
“ญาดา......”
“ฉันควร... จะทำยังไงต่อไปดี?”
............
(ห้อง ม.5/2 10.20)
สถาบันศึกษาแห่งนี้ มีคาบว่างสำหรับนักเรียนให้ลงไปพักผ่อนและซื้อขนมกินได้ 10 นาที
คนบางคนอาศัยเวลานี้ออกไปซื้อน้ำซื้อขนมกิน บางคนก็ไม่ได้ออกไปไหน นั่งคุยกันอยู่ในห้องเหมือนเดิม
ผมก็ยังคงนั่งอยู่บนโต๊ะของนรินทร์เช่นเดิม...
มือของผมสัมผัสลงบนโต๊ะตัวนั้น สิ่งที่แว๊บเข้ามาในหัวแว๊บแรกหลังจากมองผู้ชายคนหนึ่งในห้องนั้นแล้ว
(การนอนในห้องนี่มันสบายขนาดนั้นเลยรึไงนะ?)
(ลองนอนบ้างดีกว่า)
ขณะที่ผมกำลังเตรียมจะเลื่อนเก้าอี้ ประตูหลังห้องนั้นก็เปิดออก
มีผู้หญิงคนหนึ่งด้ำๆมองๆ เข้ามาภายในห้อง
ในมือของเธอมีกระดาษ A4 ใบใหญ่ๆ เขียนไว้ว่า
*Warren’s here?*
และก็สลับไปเป็นอีกใบหนึ่ง
*Platform Midday”
คนในห้องบางคนที่เห็นเธอก็สงสัยว่าความหมายของกระดาษนั่นหมายความว่ายังไง
ผู้หญิงสองคนที่เหมือนจะเป็นเพื่อนของยัยแมวน้อยนั่นก็เดินเข้าไปหาเธอ
“ว่าไงมีน? มีธุระอะไรรึเปล่า แล้วไหงถึงมาโชว์ป้ายข้อความแปลกๆแบบนี้ล่ะ” (เนล)
“เอ่อ... ไม่มีอะไรหรอก ป้ายนี้ฉันหยิบติดมือมาเฉยๆแค่นั้นเอง”
“เห... หรือแอบส่งข้อความลับหาใครรึเปล่า?” (อั้ม)
“จะบ้าหรออั้ม ไปแซวเธออย่างนั้นได้ไง!?” (เนล)
ผมที่ยืนมองห่างๆ ก็เห็นเธอพยายามหัวเราะกลบเกลื่อน แหะๆ อะไรอยู่นั่น
ไม่นานนักเธอก็รู้สึกตัวว่ามีลมแปลกๆ โดนผมของเธอ...
ก็แค่เดินผ่านใกล้ๆแค่นั้นเอง...
............
(ดาดฟ้า 12.25)
ฉันเล่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อวานให้วอร์เรนฟัง ในขณะที่วอร์เรนเองก็เล่าเรื่องเมื่อวานให้ฉันฟังเช่นกัน
“ยัยนั่นไม่มาโรงเรียนเพราะแบบนั้นเองหรอ?”
“นึกว่าโดดเรียนซะอีก”
“เอ่อ... เพื่อนฉันไม่ใช่คนแบบนั้นนะคะ” (อย่าเอานิสัยตัวเองมาใช้สิ)
“นี่... คุณลบความทรงจำเพื่อนของรินทร์ในห้องไปหมดเลยหรอคะ?”
“อืม... เราไม่อยากให้มีใครสงสัยถึงการหายตัวไปของยัยนั่นน่ะ”
“แบบนี้นี่เอง......”
“เห้อ... น่าเสียดายจริงๆ ถ้าเรากลับช้ากว่านี้ หรือรีบไปหาพวกเธอสองคนเร็วกว่านี้ ยัยนั่นคงไม่ต้องมาเจอเรื่องที่น่าเจ็บปวดแบบนั้นด้วยตัวเอง”
“ฉันคิดว่า...... จะช้าหรือเร็วรินทร์ก็ต้องเจ็บปวดอยู่ดี”
วอร์เรนทำหน้าสงสัยในความหมายที่ฉันจะสื่อ
“......ยังไงซะ... จะช้าหรือเร็ว รินทร์ก็ต้องเอาความทรงจำกลับมาได้สักวัน”
“มันไม่มีความหมายหรอกค่ะ ต่อให้รู้ทีหลังหรือตอนนี้มันก็เจ็บปวดอยู่ดี”
“เพียงแต่... การที่เขาต้องมาเจอผอ. ที่ฉันไม่คิดว่าเขาคนนั้นจะเป็นพ่อของญาดาด้วยแบบนี้มันออกจะโหดร้ายเกินไปนะคะ”
“อย่างกับเวลากำลังเล่นตลกอะไรอยู่เลย”
พวกเราทั้งสองคนต่างนิ่งเงียบ คำพูดของฉันทำให้วอร์เรนเองก็ย้อนกลับไปคิดเรื่องอะไรของตัวเองอยู่เหมือนกัน
“แม้แต่ผู้ที่ควบคุมเวลา... ก็ไม่ได้รู้จักเวลาทั้งหมด”
“เอาจริงๆแล้ว... พวกเราควบคุมเวลาได้เพียงผิวเผินเท่านั้น”
“ถ้าให้บิดเบือนเวลา หรือควบคุมโลกทั้งใบมันเป็นไปไม่ได้หรอก”
“ชะตาชีวิตของเธอแบบนั้น... อาจเป็นสิ่งที่เวลาในชีวิตของเธอกำหนดให้เป็นก็ได้”
“แต่ไม่คิดเลยนะ... ว่าคนที่ดูห้าว ดูเข้มแข็งอย่างยัยนั่นจะไม่กล้าเผชิญกับความจริงตรงหน้า”
“เราคิดว่านั่นจะเป็นครั้งสุดท้ายแล้วที่เธอเลือกที่จะหนีจากความจริง”
*หมายถึงวันที่รินทร์หนีไปสวนสาธารณะเมื่อ 3 วันก่อน*
“......ถึงรินทร์จะดูเป็นคนที่ห้าว หรือดูเข้มแข็งอย่างกับผู้ชาย”
“เธอก็ยังเป็น... ผู้หญิงอยู่ดีน่ะค่ะ”
ฉันหยิบตั๋วหนังที่ฉัน คนที่ฉันไม่คิดจะจำ (ฉีกทิ้งไป) และก็นรินทร์ไปดูกันมาเมื่อวันเสาร์ แม้ฉันจะจำไม่ได้ว่าเธอมาดูด้วยก็เถอะ
“รินทร์เองก็ไม่ต่างกับฉัน ใช้ชีวิตอย่างคนธรรมดามาตลอด”
“จนวันหนึ่งต้องมาโดนใครที่ไหนไม่รู้ไล่ฆ่า ถูกโยงเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องของพลังเวลา หนำซ้ำยังจะต้องมารับรู้ความทรงจำที่น่าเจ็บปวดนั่นอีก”
ฉันลุกขึ้นยืน เดินแถวนั้นเล็กน้อย
“...... มันจึงไม่แปลกหรอกค่ะ ......”
“ที่เธอยังเลือกที่จะหนีจากความรู้สึกแบบนี้”
“ถ้าเป็นไปได้... รินทร์คงไม่อยากเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ตั้งแต่แรกแน่นอน”
............
(สำหรับเราแล้ว... รินทร์จะเป็นยังไงนั้นไม่ใช่ประเด็นสำคัญ เพราะพวกเราต่างมีหนี้บุญคุณกันและกัน ทำให้เราเลือกที่จะช่วยเธอ)
(แต่เรื่องนี้เกี่ยวกับความรู้สึกของยัยนั่น ถ้าวิธีนี้เป็นวิธีเดียวแล้วล่ะก็---)
“...... มันยังมีทางออกอยู่นะ ......”
“ถ้ารินทร์ลบความทรงจำเกี่ยวกับตัวเองจากผอ. เธอก็จะกลับไปใช้ชีวิตปกติได้เหมือนเดิม”
ลมที่พัดผ่านไปมาอยู่บนดาดฟ้า ความเงียบสงัดแบบนี้ทำให้บรรยากาศบางอย่างเปลี่ยนไป
“คุณจะให้เธอหนีอีกแล้วหรอคะ?”
“เรายังไม่ได้บอกให้เธอหนีสักหน่อย ก็แค่แนะนำวิธีนี้ให้ฟังเฉยๆแค่นั้นเอง”
มีนเงียบไปสักพัก ก่อนจะหันมาด้วยใบหน้าที่ไม่พอใจในคำพูดของเรา
“นั่นแหละค่ะ คือการหนี”
“คุณเลือกที่จะลบความทรงจำของผู้ชายคนนั้นโดยไม่คำนึงถึงความรู้สึกที่รินทร์จะต้องเผชิญเลยหรอคะ?”
“คุณคิดมาได้ไง ว่าถ้าในความทรงจำของ ผอ. ไม่มีเรื่องของรินทร์แล้วจะทำให้รินทร์มีความสุขน่ะ!”
“มันไม่ต่างอะไรกับการหลอกตัวเองเลยนะคะ! ในเมื่อ...”
“ในเมื่อสิ่งที่เกิดขึ้นกับรินทร์ทั้งหมด เป็นความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้...”
ความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ คำพูดของเธอทำให้ผมนึกถึงเรื่องราวเก่าๆที่เคยเกิดขึ้นในชีวิตผม เรื่องที่เกี่ยวกับพี่ชายเพียงคนเดียวในชีวิต...
“ฉันไม่อยากให้รินทร์ต้องหนีอีกแล้ว... แค่นี้ เธอก็เจ็บปวดมากพอแล้ว”
............
อีกจุดหนึ่งในเวลาที่ไล่เลี่ยกัน
นรินทร์ใส่ชุดตัวโปรดที่มีนซื้อมา เดินอยู่ในเมืองด้วยแววตาที่ยังคงเศร้าหมอง
มือของเธอยังคงกำนาฬิกาเรือนนั้นเอาไว้ เหมือนกำลังจะตัดสินใจอะไรบางอย่างอยู่...
............
โกรธ...
ฉันโกรธในสิ่งที่คุณวอร์เรนพูดออกมาจริงๆ
ฉันไม่คิดเลยว่าเขาจะไม่แครความรู้สึกที่รินทร์กำลังเผชิญอยู่เลยแบบนี้
“......ลืมที่พูดเมื่อกี๊ไปละกัน”
“ตอนนี้เรามาหาวิธีช่วยให้รินทร์ออกจากวังวนความทรงจำบ้านั่นก่อนดีกว่า”
“ออกจากวังวน? คุณจะลบความทรงจำของนรินทร์งั้นหรอ?”
“ไม่ใช่...”
“ความทรงจำของตัวแทนเชื่อมต่อเวลาเป็นสิ่งที่ไม่มีทางทำลายได้”
“นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เธอไม่สามารถลืมเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสองสัปดาห์ก่อนได้ยังไงล่ะ”
เขากำลังพูดถึงเรื่องอะไรกันแน่ แววตาของเขาเริ่มจริงจังมากขึ้นกว่าเมื่อกี๊
“หมายความว่าไงกันคะ?”
“เธอพูดใช่ไหม ว่าไม่มีใครในโรงเรียนที่เอะใจเรื่องของญาดาที่อยู่ห้องเดียวกับรินทร์”
“นั่นเพราะว่า...”
“ยัยนั่นลบความทรงจำที่เกี่ยวกับญาดาออกไปจากเพื่อนทุกคนยังไงล่ะ”
“เอ๋!?”
“นั่นคือสาเหตุที่ทำให้ยัยนั่นใช้พลังได้ยังไงล่ะ”
“โดยปกติผู้ที่ครอบครองนาฬิกาแต่ยังไม่ได้ทำพันธะสัญญา หากเจอเรื่องที่ทำให้รู้สึกช็อคหรือสะเทือนใจ”
“อาจดึงพลังในการบิดเบือนเวลาบางอย่างออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจได้”
“เรื่องที่เกิดขึ้นนั่นคือสาเหตุที่เธอได้พลังพวกนี้มา...”
เรื่องนี้ฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลย ผู้ชายคนนี้รู้อะไรเกี่ยวกับพลังพวกนั้นเยอะมาก จนบางทีฉันยังรู้สึกแคลงใจในตัวตนอันเป็นปริศนาของผู้ชายคนนี้เลย
“แล้วทำไมพ่อของญาดาถึงไม่โดนลบด้วยล่ะคะ?”
“...คงเพราะไม่ได้เจอกันแบบตรงๆล่ะมั้ง ระยะการใช้พลังมันก็มีขอบเขตอยู่น่ะ”
“แต่เรื่องที่สำคัญสำหรับตอนนี้จริงๆคือเรื่องอื่นมากกว่า”
วอร์เรนกำลังเตรียมเดินกลับเข้าไปในอาคารเรียน
“จะไปไหนหรอคะ?”
“มันมีเรื่องที่เรายังคิดยังไงก็คิดไม่ตก”
“ความทรงจำของยัยนั่นคือผลักญาดาล้มลงใช่ไหมล่ะ”
“แต่ว่า... นั่นยังไม่ใช่ความทรงจำทั้งหมดของเธอนะ”
“ไม่ใช่ทั้งหมด!? คุณรู้หรอคะว่าเหตุการณ์วันนั้นจริงๆเป็นยังไง?”
“ก็ไม่เชิงหรอก... แต่มันมีภาพที่มีแต่เราที่เห็น ในขณะที่รินทร์ยังปกปิดช่วงเวลาส่วนนั้นอยู่โดยไม่รู้ตัว”
เขาหันมาบอกฉันว่าภาพที่เขาเห็นนั้นคืออะไร
“รินทร์ไม่ได้ผลักเธอเพราะตั้งใจจะทำร้าย”
“ยัยนั่นช่วยชีวิตญาดาไว้ต่างหากล่ะ!”
............
............
รินทร์ที่ยืนอยู่บนสะพานข้ามคลองเล็กๆ
เธอมองดูนาฬิกาพกที่ถืออยู่ในมือด้วยแววตาอันโศกเศร้า พร้อมกับจ้องมองพื้นน้ำที่กำลังพลิ้วไหวไปมา
...หรือว่า...
เธอกำลัง
คิดจะฆ่าตัวตาย!!?
............
............
…………
ท้องฟ้ายามเช้าในปลายเดือนกรกฎาคมที่ยังอยู่ช่วงฤดูฝนนั้นช่างร่มเย็น
กลุ่มก้อนเมฆที่บดบังพระอาทิตย์ จนทำให้แดดส่องผ่านมาไม่ถึง ลดอุณหภูมิที่ผืนโลกจะต้องได้รับ
กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศวันนี้ไว้ ว่าจะไม่มีฝนตก มีแต่กลุ่มก้อนเมฆมากกว่าปกติ
ในอาคารเรียนนั้นเย็นสบาย ทุกคนตั้งใจเรียนอย่างขะมักเขม้น (ล่ะมั้ง)
หากแต่มีเก้าอี้ตัวหนึ่งในห้องเรียนยังว่างอยู่ และคนที่นั่งอยู่บนโต๊ะเรียนนั่นก็เป็นผู้ชายที่ไม่ได้ใส่ชุดนักเรียนซะด้วย แต่กลับไม่มีใครในห้องสนใจเขาเลยแม้แต่น้อย
โต๊ะตัวนี้...... คือโต๊ะของนรินทร์
ผู้หญิงที่อยู่อีกห้องหนึ่งไม่ไกลกันนัก ก็แสดงสีหน้าที่กังวลออกมาเมื่อมองดูท้องฟ้าที่ยังสดใสมีเมฆปกคลุมพระอาทิตย์
จิตใจเธอนั้นไม่ได้สนใจการเรียนเลยแม้แต่น้อย...... มีนคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน วันที่รินทร์เพื่อนรักของเธอต้องเจอกับผอ.
(รินทร์......)
............
วันนี้ถึงอากาศจะเย็นสบาย แต่ฉันรู้สึกถึงบรรยากาศที่เงียบเหงา หดหู่ ที่เกิดขึ้นมาภายในใจของฉัน
(ตั้งแต่เมื่อวาน... รินทร์ก็ไม่พูดอะไรอีกเลย)
(พอพารินทร์กลับไปส่งที่บ้าน รินทร์ก็เดินเข้าบ้านไปโดยไม่ได้สนใจเราเลยสักนิด)
(ไม่อยากเชื่อเลยว่าผู้อำนวยการโรงเรียนนี้ จะเป็นพ่อของญาดาคนนั้นด้วย)
(นี่มันเรื่องอะไรกันแน่...?)
“มีนกลับไปเถอะ... ฉันขออยู่คนเดียวสักพัก”
ฉันแอบหยิบมือถือขึ้นมา และกดโทรหารินทร์
............
ทางด้านรินทร์ที่ยังนั่งอยู่บนเตียง แววตาของเธอเศร้าหมอง ไร้ชีวิตชีวา
รินทร์ได้แต่มองดูหน้าปัดนาฬิกาพกบนมือ เข็มนาฬิกานั้นเขยิบไปเรื่อยๆ ไม่มีทีท่าว่าจะย้อนกลับ
ความทรงจำที่กลับมาบางส่วนทำให้เธอยังคงซึมเศร้า เก็บตัวอยู่ในบ้านมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว
ยิ่งคำพูดของผอ. ที่เป็นพ่อของญาดา ทำให้เธอยิ่งรู้สึกเจ็บปวดกับสิ่งที่กำลังเผชิญ
เธอทิ้งตัวลงนอน ก่อนจะเอามือขวาที่กำนาฬิกาไว้มาแตะหน้าผาก
“ญาดา......”
“ฉันควร... จะทำยังไงต่อไปดี?”
............
(ห้อง ม.5/2 10.20)
สถาบันศึกษาแห่งนี้ มีคาบว่างสำหรับนักเรียนให้ลงไปพักผ่อนและซื้อขนมกินได้ 10 นาที
คนบางคนอาศัยเวลานี้ออกไปซื้อน้ำซื้อขนมกิน บางคนก็ไม่ได้ออกไปไหน นั่งคุยกันอยู่ในห้องเหมือนเดิม
ผมก็ยังคงนั่งอยู่บนโต๊ะของนรินทร์เช่นเดิม...
มือของผมสัมผัสลงบนโต๊ะตัวนั้น สิ่งที่แว๊บเข้ามาในหัวแว๊บแรกหลังจากมองผู้ชายคนหนึ่งในห้องนั้นแล้ว
(การนอนในห้องนี่มันสบายขนาดนั้นเลยรึไงนะ?)
(ลองนอนบ้างดีกว่า)
ขณะที่ผมกำลังเตรียมจะเลื่อนเก้าอี้ ประตูหลังห้องนั้นก็เปิดออก
มีผู้หญิงคนหนึ่งด้ำๆมองๆ เข้ามาภายในห้อง
ในมือของเธอมีกระดาษ A4 ใบใหญ่ๆ เขียนไว้ว่า
*Warren’s here?*
และก็สลับไปเป็นอีกใบหนึ่ง
*Platform Midday”
คนในห้องบางคนที่เห็นเธอก็สงสัยว่าความหมายของกระดาษนั่นหมายความว่ายังไง
ผู้หญิงสองคนที่เหมือนจะเป็นเพื่อนของยัยแมวน้อยนั่นก็เดินเข้าไปหาเธอ
“ว่าไงมีน? มีธุระอะไรรึเปล่า แล้วไหงถึงมาโชว์ป้ายข้อความแปลกๆแบบนี้ล่ะ” (เนล)
“เอ่อ... ไม่มีอะไรหรอก ป้ายนี้ฉันหยิบติดมือมาเฉยๆแค่นั้นเอง”
“เห... หรือแอบส่งข้อความลับหาใครรึเปล่า?” (อั้ม)
“จะบ้าหรออั้ม ไปแซวเธออย่างนั้นได้ไง!?” (เนล)
ผมที่ยืนมองห่างๆ ก็เห็นเธอพยายามหัวเราะกลบเกลื่อน แหะๆ อะไรอยู่นั่น
ไม่นานนักเธอก็รู้สึกตัวว่ามีลมแปลกๆ โดนผมของเธอ...
ก็แค่เดินผ่านใกล้ๆแค่นั้นเอง...
............
(ดาดฟ้า 12.25)
ฉันเล่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อวานให้วอร์เรนฟัง ในขณะที่วอร์เรนเองก็เล่าเรื่องเมื่อวานให้ฉันฟังเช่นกัน
“ยัยนั่นไม่มาโรงเรียนเพราะแบบนั้นเองหรอ?”
“นึกว่าโดดเรียนซะอีก”
“เอ่อ... เพื่อนฉันไม่ใช่คนแบบนั้นนะคะ” (อย่าเอานิสัยตัวเองมาใช้สิ)
“นี่... คุณลบความทรงจำเพื่อนของรินทร์ในห้องไปหมดเลยหรอคะ?”
“อืม... เราไม่อยากให้มีใครสงสัยถึงการหายตัวไปของยัยนั่นน่ะ”
“แบบนี้นี่เอง......”
“เห้อ... น่าเสียดายจริงๆ ถ้าเรากลับช้ากว่านี้ หรือรีบไปหาพวกเธอสองคนเร็วกว่านี้ ยัยนั่นคงไม่ต้องมาเจอเรื่องที่น่าเจ็บปวดแบบนั้นด้วยตัวเอง”
“ฉันคิดว่า...... จะช้าหรือเร็วรินทร์ก็ต้องเจ็บปวดอยู่ดี”
วอร์เรนทำหน้าสงสัยในความหมายที่ฉันจะสื่อ
“......ยังไงซะ... จะช้าหรือเร็ว รินทร์ก็ต้องเอาความทรงจำกลับมาได้สักวัน”
“มันไม่มีความหมายหรอกค่ะ ต่อให้รู้ทีหลังหรือตอนนี้มันก็เจ็บปวดอยู่ดี”
“เพียงแต่... การที่เขาต้องมาเจอผอ. ที่ฉันไม่คิดว่าเขาคนนั้นจะเป็นพ่อของญาดาด้วยแบบนี้มันออกจะโหดร้ายเกินไปนะคะ”
“อย่างกับเวลากำลังเล่นตลกอะไรอยู่เลย”
พวกเราทั้งสองคนต่างนิ่งเงียบ คำพูดของฉันทำให้วอร์เรนเองก็ย้อนกลับไปคิดเรื่องอะไรของตัวเองอยู่เหมือนกัน
“แม้แต่ผู้ที่ควบคุมเวลา... ก็ไม่ได้รู้จักเวลาทั้งหมด”
“เอาจริงๆแล้ว... พวกเราควบคุมเวลาได้เพียงผิวเผินเท่านั้น”
“ถ้าให้บิดเบือนเวลา หรือควบคุมโลกทั้งใบมันเป็นไปไม่ได้หรอก”
“ชะตาชีวิตของเธอแบบนั้น... อาจเป็นสิ่งที่เวลาในชีวิตของเธอกำหนดให้เป็นก็ได้”
“แต่ไม่คิดเลยนะ... ว่าคนที่ดูห้าว ดูเข้มแข็งอย่างยัยนั่นจะไม่กล้าเผชิญกับความจริงตรงหน้า”
“เราคิดว่านั่นจะเป็นครั้งสุดท้ายแล้วที่เธอเลือกที่จะหนีจากความจริง”
*หมายถึงวันที่รินทร์หนีไปสวนสาธารณะเมื่อ 3 วันก่อน*
“......ถึงรินทร์จะดูเป็นคนที่ห้าว หรือดูเข้มแข็งอย่างกับผู้ชาย”
“เธอก็ยังเป็น... ผู้หญิงอยู่ดีน่ะค่ะ”
ฉันหยิบตั๋วหนังที่ฉัน คนที่ฉันไม่คิดจะจำ (ฉีกทิ้งไป) และก็นรินทร์ไปดูกันมาเมื่อวันเสาร์ แม้ฉันจะจำไม่ได้ว่าเธอมาดูด้วยก็เถอะ
“รินทร์เองก็ไม่ต่างกับฉัน ใช้ชีวิตอย่างคนธรรมดามาตลอด”
“จนวันหนึ่งต้องมาโดนใครที่ไหนไม่รู้ไล่ฆ่า ถูกโยงเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องของพลังเวลา หนำซ้ำยังจะต้องมารับรู้ความทรงจำที่น่าเจ็บปวดนั่นอีก”
ฉันลุกขึ้นยืน เดินแถวนั้นเล็กน้อย
“...... มันจึงไม่แปลกหรอกค่ะ ......”
“ที่เธอยังเลือกที่จะหนีจากความรู้สึกแบบนี้”
“ถ้าเป็นไปได้... รินทร์คงไม่อยากเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ตั้งแต่แรกแน่นอน”
............
(สำหรับเราแล้ว... รินทร์จะเป็นยังไงนั้นไม่ใช่ประเด็นสำคัญ เพราะพวกเราต่างมีหนี้บุญคุณกันและกัน ทำให้เราเลือกที่จะช่วยเธอ)
(แต่เรื่องนี้เกี่ยวกับความรู้สึกของยัยนั่น ถ้าวิธีนี้เป็นวิธีเดียวแล้วล่ะก็---)
“...... มันยังมีทางออกอยู่นะ ......”
“ถ้ารินทร์ลบความทรงจำเกี่ยวกับตัวเองจากผอ. เธอก็จะกลับไปใช้ชีวิตปกติได้เหมือนเดิม”
ลมที่พัดผ่านไปมาอยู่บนดาดฟ้า ความเงียบสงัดแบบนี้ทำให้บรรยากาศบางอย่างเปลี่ยนไป
“คุณจะให้เธอหนีอีกแล้วหรอคะ?”
“เรายังไม่ได้บอกให้เธอหนีสักหน่อย ก็แค่แนะนำวิธีนี้ให้ฟังเฉยๆแค่นั้นเอง”
มีนเงียบไปสักพัก ก่อนจะหันมาด้วยใบหน้าที่ไม่พอใจในคำพูดของเรา
“นั่นแหละค่ะ คือการหนี”
“คุณเลือกที่จะลบความทรงจำของผู้ชายคนนั้นโดยไม่คำนึงถึงความรู้สึกที่รินทร์จะต้องเผชิญเลยหรอคะ?”
“คุณคิดมาได้ไง ว่าถ้าในความทรงจำของ ผอ. ไม่มีเรื่องของรินทร์แล้วจะทำให้รินทร์มีความสุขน่ะ!”
“มันไม่ต่างอะไรกับการหลอกตัวเองเลยนะคะ! ในเมื่อ...”
“ในเมื่อสิ่งที่เกิดขึ้นกับรินทร์ทั้งหมด เป็นความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้...”
ความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ คำพูดของเธอทำให้ผมนึกถึงเรื่องราวเก่าๆที่เคยเกิดขึ้นในชีวิตผม เรื่องที่เกี่ยวกับพี่ชายเพียงคนเดียวในชีวิต...
“ฉันไม่อยากให้รินทร์ต้องหนีอีกแล้ว... แค่นี้ เธอก็เจ็บปวดมากพอแล้ว”
............
อีกจุดหนึ่งในเวลาที่ไล่เลี่ยกัน
นรินทร์ใส่ชุดตัวโปรดที่มีนซื้อมา เดินอยู่ในเมืองด้วยแววตาที่ยังคงเศร้าหมอง
มือของเธอยังคงกำนาฬิกาเรือนนั้นเอาไว้ เหมือนกำลังจะตัดสินใจอะไรบางอย่างอยู่...
............
โกรธ...
ฉันโกรธในสิ่งที่คุณวอร์เรนพูดออกมาจริงๆ
ฉันไม่คิดเลยว่าเขาจะไม่แครความรู้สึกที่รินทร์กำลังเผชิญอยู่เลยแบบนี้
“......ลืมที่พูดเมื่อกี๊ไปละกัน”
“ตอนนี้เรามาหาวิธีช่วยให้รินทร์ออกจากวังวนความทรงจำบ้านั่นก่อนดีกว่า”
“ออกจากวังวน? คุณจะลบความทรงจำของนรินทร์งั้นหรอ?”
“ไม่ใช่...”
“ความทรงจำของตัวแทนเชื่อมต่อเวลาเป็นสิ่งที่ไม่มีทางทำลายได้”
“นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เธอไม่สามารถลืมเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสองสัปดาห์ก่อนได้ยังไงล่ะ”
เขากำลังพูดถึงเรื่องอะไรกันแน่ แววตาของเขาเริ่มจริงจังมากขึ้นกว่าเมื่อกี๊
“หมายความว่าไงกันคะ?”
“เธอพูดใช่ไหม ว่าไม่มีใครในโรงเรียนที่เอะใจเรื่องของญาดาที่อยู่ห้องเดียวกับรินทร์”
“นั่นเพราะว่า...”
“ยัยนั่นลบความทรงจำที่เกี่ยวกับญาดาออกไปจากเพื่อนทุกคนยังไงล่ะ”
“เอ๋!?”
“นั่นคือสาเหตุที่ทำให้ยัยนั่นใช้พลังได้ยังไงล่ะ”
“โดยปกติผู้ที่ครอบครองนาฬิกาแต่ยังไม่ได้ทำพันธะสัญญา หากเจอเรื่องที่ทำให้รู้สึกช็อคหรือสะเทือนใจ”
“อาจดึงพลังในการบิดเบือนเวลาบางอย่างออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจได้”
“เรื่องที่เกิดขึ้นนั่นคือสาเหตุที่เธอได้พลังพวกนี้มา...”
เรื่องนี้ฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลย ผู้ชายคนนี้รู้อะไรเกี่ยวกับพลังพวกนั้นเยอะมาก จนบางทีฉันยังรู้สึกแคลงใจในตัวตนอันเป็นปริศนาของผู้ชายคนนี้เลย
“แล้วทำไมพ่อของญาดาถึงไม่โดนลบด้วยล่ะคะ?”
“...คงเพราะไม่ได้เจอกันแบบตรงๆล่ะมั้ง ระยะการใช้พลังมันก็มีขอบเขตอยู่น่ะ”
“แต่เรื่องที่สำคัญสำหรับตอนนี้จริงๆคือเรื่องอื่นมากกว่า”
วอร์เรนกำลังเตรียมเดินกลับเข้าไปในอาคารเรียน
“จะไปไหนหรอคะ?”
“มันมีเรื่องที่เรายังคิดยังไงก็คิดไม่ตก”
“ความทรงจำของยัยนั่นคือผลักญาดาล้มลงใช่ไหมล่ะ”
“แต่ว่า... นั่นยังไม่ใช่ความทรงจำทั้งหมดของเธอนะ”
“ไม่ใช่ทั้งหมด!? คุณรู้หรอคะว่าเหตุการณ์วันนั้นจริงๆเป็นยังไง?”
“ก็ไม่เชิงหรอก... แต่มันมีภาพที่มีแต่เราที่เห็น ในขณะที่รินทร์ยังปกปิดช่วงเวลาส่วนนั้นอยู่โดยไม่รู้ตัว”
เขาหันมาบอกฉันว่าภาพที่เขาเห็นนั้นคืออะไร
“รินทร์ไม่ได้ผลักเธอเพราะตั้งใจจะทำร้าย”
“ยัยนั่นช่วยชีวิตญาดาไว้ต่างหากล่ะ!”
............
............
รินทร์ที่ยืนอยู่บนสะพานข้ามคลองเล็กๆ
เธอมองดูนาฬิกาพกที่ถืออยู่ในมือด้วยแววตาอันโศกเศร้า พร้อมกับจ้องมองพื้นน้ำที่กำลังพลิ้วไหวไปมา
...หรือว่า...
เธอกำลัง
คิดจะฆ่าตัวตาย!!?
............
............
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
6.4 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6.6 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
6.5 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ