Destiny of Time โชคชะตาแห่งกาลเวลา
เขียนโดย Huzure
วันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 เวลา 00.55 น.
แก้ไขเมื่อ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2558 15.15 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) ขาว ดำ น้ำเงิน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ(ห้อง ม. 5/2 12.00)
“รินทร์ ไปกินข้าวกันได้แล้ว”
“ไม่รีบลงไปกินเดี๋ยวจะหาที่นั่งไม่ได้ซะก่อนนะ”
ฉันเห็นเนลกับอั้มเดินเข้ามาทักฉันในช่วงพักเที่ยงที่ใครต่อใครก็จะเดินไปหาอะไรทานที่โรงอาหารกัน พวกเขาทั้งสองคนล้วนเป็นเพื่อนร่วมห้องของฉัน
เนลตัวสูงประมาณ 160 รู้สึกว่าจะเท่ากับอาจารย์ลอร่าเลย ต่างกับที่ผมเป็นสีน้ำตาลและไว้ทรงผมม้า พวกเราเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ขึ้นชั้น ม.ปลาย แล้ว เธอเป็นเพื่อนที่ดีคนหนึ่งเลยล่ะ ถึงจะขี้อายไปบ้างก็เถอะ
ส่วนอั้มตัวสูงกว่าเนลนิดหน่อย ผมสีดำออกน้ำเงินยาว แถมยังถักเปียด้วย ดูเธอเป็นคนที่ใส่ใจในรายละเอียดอะไรเล็กๆน้อยๆแบบนี้ตลอดเวลาเลยแฮะ ฉันคงทำไม่ได้แบบเธอแน่
“เอ๋... จะลงไปกินข้าวกันเลยหรอ?”
“ก็ใช่น่ะสิ ได้ฟังที่พูดบ้างมั้ยเนี่ยเธอ?”
“หรือว่ารินทร์จะ...มีปัญหาอะไรเกี่ยวกับสุขภาพอยู่หรือเปล่า”
“สุขภาพ?”
“ก็อย่าง...ที่อาจารย์ลอร่าเขาพูดเรื่องที่รินงีบหลับหลายคาบมากน่ะสิ พวกเราเองก็เคยถามรินทร์เรื่องนี้นะ พอจำได้บ้างไหม?”
ฉันนั่งมึนไปสักครู่หนึ่ง เพราะเหมือนตอนนี้ในหัวของฉันนึกเรื่องอะไรบางอย่างไม่ค่อยออกเท่าไร ราวกับว่ามีเรื่องบางอย่างในหัวมันพุ่งออกมาหลายอย่าง พอฉันพยายามนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาในช่วงสองสัปดาห์นี่ จู่ๆฉันก็รู้สึกปวดหัวจนต้องเอามือซ้ายมากุมขมับไว้ด้วยความเจ็บปวด
“รินทร์! เป็นอะไรหรือเปล่า?”
“เนล!! พารินทร์ไปห้องพยาบาลที”
“ไม่ต้อง”
“เห”
“ฉ-ฉันไม่เป็นไร ค-แค่นี้สบายมาก”
“จะไม่เป็นไรได้ไงล่ะ เธอต้องป่วยอะไรสักอย่างอยู่จริงๆด้วย”
“ไม่ใช่หรอก ฉันไม่ได้ป่วยเป็นอะไร”
“เธอได้ไปหาหมอบ้างรึเปล่า”
คนที่ยังอยู่ในห้องก็มองมาที่ฉันหลังจากมีท่าทีเหมือนกำลังเจ็บปวดกับอะไรบางอย่าง
ฉันมาย้อนคิดถึงสิ่งที่เนลพูดเมื่อกี๊ ฉันไม่รู้สึกว่าฉันป่วย แต่เหมือนกับมีเรื่องบางอย่างในช่วงสองสัปดาห์ที่นึกยังไงก็นึกไม่ออก ถ้างั้นคงต้อง...
“เรื่องหมอน่ะช่างไว้ก่อนเถอะ”
“เนล อั้ม... พวกเธอจำเรื่องอะไรเมื่อสองสัปดาห์ที่แล้วได้เปล่า”
“สองสัปดาห์ รินทร์ถามทำไมน่ะ มันมีอะไรเกิดขึ้นงั้นหรอ?”
“ฉัน...ก็ไม่รู้”
“ฉันแค่พยายามนึกเรื่องอะไรบางอย่างอยู่”
สองสัปดาห์... คงมีเรื่องอะไรสักอย่างทำให้เรามีปัญหาแบบนี้แน่ แต่สองคนนี้ก็ดูจะไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น
สภาพเราตอนนี้ไม่มีอารมณ์ลงไปกินข้าวกับพวกเธอทั้งสองคนเลย ฉันควรจะยิ้มตอบพวกเขาทั้งสองคนและไปตั้งสติให้ดีไว้ก่อน
คิดแล้วก็ไปล้างหน้าสักหน่อยดีกว่า
“นี่ รินทร์จะไปไหนน่ะ”
“รินทร์---!!!”
ฉันเดินออกจากห้องไปตามทางเดินเรื่อยๆ เพื่อที่จะไปล้างหน้าที่ห้องน้ำในอาคาร เผื่ออย่างน้อยจะช่วยให้เรารู้สึกดีขึ้นจากสภาพที่เป็นตอนนี้-
“โอ๊ย!”
ปวดหัวเหลือเกิน... ฉันปวดหัวจนแทบจะไม่อยากทำอะไรเลย ไม่ได้สิ...บนทางเดินมีคนเดินไปเดินมาตั้งเยอะตั้งแยะ
ฉันจะมาแสดงอาการเจ็บปวดจนน่าสมเพชที่นี่ไม่ได้
ฉันที่กำลังกุมขมับด้วยความเจ็บปวด และพอฉันลืมตาขึ้นมา
“เอ๋?”
ตอนแรกยังมีคนเดินไปเดินมาตั้งเยอะนี่นา แล้วทำไม...ภาพที่ฉันเห็นตอนนี้
ถึงได้ไม่มีใครอยู่เลย...
และบรรยากาศที่ฉันเห็นนี่มันอะไรกัน ไอ้ความรู้สึกชวนคลื่นไส้จากสภาพแวดล้อมรอบข้างที่ไร้ชีวิตชีวานี่มันยังไงกันแน่
ทุกๆอย่างรอบข้างฉันตอนนี้ ล้วนแต่ไม่มีสีสัน... เหมือนที่นี่ไม่ใช่โลกที่ปกติที่ฉันพึ่งเดินออกมาจากห้องเลย
ขาว...น้ำเงิน... ไม่สิ... อาจจะเป็นขาวดำมากกว่า
โลกที่ดูไร้ชีวิตและมืดมนนี่มัน—
“นรินทร์จ๋าาาาา”
ฉันได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นมา
“เอ๊ะ?”
“รินทร์มาทำอะไรอยู่ตรงนี้อะ”
ฉันรู้สึกตัวอีกที คนที่อยู่ข้างหน้าฉันตอนนี้คือผู้หญิงที่ฉันรู้จักคนหนึ่ง และบรรยากาศรอบๆตัวก็กลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว มีคนเดินผ่านไปมา และไม่มีใครสังเกตหรือสงสัยกับโลกที่ไร้สีสันเมื่อสักครู่นี่เลย
ฉันไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ อาการปวดหัวก็บรรเทาลงไปแล้วด้วย
“มีน...มาอยู่ที่นี่ตั้งแต่เมื่อไร?”
“ก็พึ่งมาน่ะจ้ะ พอดีฉันพึ่งไปทานข้าวกล่องมาน่ะ”
“ข-ข้าวกล่อง?”
“ช่าย! และฉันก็กะว่าจะเอาข้าวกล่องอีกกล่องให้รินทร์กินอยู่พอดีเลย”
“เธอทำมาให้ฉันอีกแล้วหรอ?”
“อื้ม! ฉันทำมาให้รินทร์โดยเฉพาะเลยล่ะ”
“เอ้านี่”
ฉันที่ยังตั้งสติกับสิ่งที่เห็นก่อนหน้านั้นไม่ยังไม่ได้ แถมยังต้องมาเจอมีนเอาตอนนี้อีก บอกเลยว่าการที่ต้องมาเจอเธอคนนี้ตอนเที่ยงเป็นอะไรที่แอบลำบากใจอยู่เหมือนกัน เอะอะก็มีแต่ชวนให้ทานข้าวกล่องฝีมือของเธอตลอด ถึงมันจะอร่อยมากก็เถอะ
“เอ่อ...ฉันยังไม่หิวน่ะ”
“หืม? รินทร์ทานมาแล้วหรอ?”
“ก็...ประมาณนั้น(แหละมั้ง)”
ฉันพยายามเบี่ยงประเด็นที่จะตอบให้มากที่สุด ตอนนี้ฉันไม่รู้สึกหิวข้าวเลยแม้แต่น้อย และยังจะมีเรื่องที่ยังไม่เข้าใจนั่นอีก ส่วนมีนจากตอนแรกที่ยิ้มเริงร่าชวนให้กินข้าวกล่อง ตอนนี้กลับทำหน้าจ๋อยคอตกไปซะแล้ว
“ถ้ารินทร์อยากกินเมื่อไรก็บอกได้ทุกเมื่อนะ”
ดูเหมือนเธอจะน้อยใจอยู่นิดหน่อย แต่ตอนนี้ฉันมีอย่างอื่นที่ต้องทำก่อน
“ไว้โอกาสหน้า...ฉันจะทานข้าวกล่องของเธอนะมีน”
“...อื้ม!”
จากที่มีนคอตกทำหน้าซึมๆตอนแรก กลายเป็นมายิ้มตอบดีใจซะแล้ว
“ถ้างั้น ฉันกลับไปที่ห้องเรียนก่อนนะ อย่าลืมสัญญาที่จะกินข้าวกล่องให้ได้ด้วยล่ะ!!”
“จ้า”
เธอวิ่งสวนไปทางที่ฉันเดินผ่านมา ดูเหมือนจะดีใจน่าดูเลย
ก็นะ... เธออยู่ห้อง ม.5/4 นี่นา... ถึงจะคนละห้องแต่ก็ไม่ได้อยู่ไกลกันมากเท่าไร
อ๊ะ ฉันกำลังจะไปเข้าห้องน้ำนี่นา ตอนนี้คงต้องรีบล้างหน้าหน่อยแล้ว รู้สึกว่าร้อนเหงื่อจริงๆ
............ ผ่านไป 2 นาที, ห้องน้ำหญิงชั้น 3 โซน A 12.13
ฉันที่พึ่งล้างหน้าเสร็จก็กำลังพยายามคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้
บรรยากาศที่เห็นนั่น... คงไม่ใช่ว่าละเมอไปเองแน่ ถ้าฉันละเมอไปเองก็ต้องมีคนเห็นฉันตั้งแต่แรกแล้วสิ แต่...
“รินทร์มาทำอะไรอยู่ตรงนี้อะ”
“มีน...มาอยู่ที่นี่ตั้งแต่เมื่อไร?”
“ก็พึ่งมาน่ะจ้ะ พอดีฉันพึ่งไปทานข้าวกล่องมาน่ะ”
สิ่งที่มีนพูดตอนที่เจอกัน เธอบอกว่าพึ่งมา แต่บรรยากาศที่ฉันเจอมันนานกว่านั้นมาก ถ้าเธอพึ่งมาแล้วเห็นฉันละเมอหรือยืนนิ่งอยู่แบบนั้นคงต้องตกใจใหญ่แน่ ยิ่งเป็นคนขี้เป็นห่วงอยู่ซะด้วย
จู่ๆฉันก็นึกเรื่องสมัยที่พวกเราสองคนยังเด็กขึ้นมา
อย่างตอนพวกเราไปว่ายน้ำ
“อย่าลืมห่วงยาง(2อัน)นะ”
ตอนที่เราล้มระหว่างไปเล่นสวนข้างบ้าน
“แง้—! รินทร์ต้องไม่เป็นอะไรนะ ต้องเรียกรถ-รถพยาบาล!!”
แต่ตอนนั้นก็แค่แผลถลอกเองหนินะ...
สำหรับตอนนี้คงต้องหาสาเหตุของสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อกี๊ ไม่สิ ตลอดสองสัปดาห์นี่ให้ได้
ฉันมองไปที่กระจกตรงอ่างล้างหน้าในห้องน้ำ ฉันเห็นคนกำลังเดินอยู่ในห้องน้ำเป็นปกติ จนจู่ๆภาพนั้นก็เปลี่ยนไป...
ภาพห้องน้ำที่สะท้อนในกระจกไม่เหมือนเดิม...
ห้องน้ำที่ฉันเห็นคนเดินไปมาเมื่อกี๊นี้ กลายเป็นห้องน้ำที่ไร้ผู้คน โลกที่ไร้สีสัน... อย่างกับว่ามันอยู่คนละโลกจริงๆ ภาพนี้มันกลับมาอีกแล้ว
“นี่มันอะไรกันแน่ อย่างกับว่าตอนนี้ฉันกำลังเห็นอะไรที่ไม่เหมือนคนอื่นอยู่คนเดียว”
“ภาพหลอน? ภาพลวงตา? หรือว่า... ของจริง?”
“น...น่ากลัว... ฉัน... ไม่อยาก...อยู่ที่นี่...”
ฉันที่พูดกับตัวเองด้วยเสียงสั่นคลอน จึงรีบหันหน้ากลับไปทางห้องน้ำด้านหลังด้วยความกลัว กลับกลายเป็นว่าทุกอย่างยังเป็นปกติจนฉันไม่เข้าใจว่ามันเป็นแบบนี้ได้ยังไงกัน
มีคนเดินเข้ามาในห้องน้ำคนหนึ่ง ก็มองมาที่ฉันด้วยท่าทีแปลกๆ เธอคงคิดว่าฉันเป็นอะไรรึเปล่า ถึงทำหน้าตาอย่างกับเห็นผี
ก่อนที่ฉันจะโดนมองเป็นยัยบ้า ฉันเลยรีบเดินออกจากห้องน้ำโดยที่ผู้หญิงที่เดินเข้าห้องน้ำเมื่อกี๊ยังไม่ทันกวักมือถามฉันว่าเป็นอะไร โดยที่ไม่ได้สังเกตปฏิกิริยาบางอย่างในกระเป๋าเสื้อของฉันเองเลย
พอฉันกำลังจะเดินกลับไปที่ห้อง จู่ๆร่างกายฉันก็รู้สึกอ่อนเพลียขึ้นมาทันที
ฉันได้แต่บ่นพึมพำอยู่ในลำคอตัวเองโดยไม่มีใครรู้อะไร
“ไม่ไหว...แล้ว...”
ฉันในตอนนั้นได้แต่นั่งพิงผนังตรงทางเดินภายในอาคารโรงเรียน ก่อนที่จะหมดสติไปในสภาพนั้น ก่อนจะหมดสติรู้สึกว่าคนแถวนั้นจะตกใจมาก
“เห้ เธอ! เธอเป็นอะไรรึเปล่า!?”
“พาไปห้องพยาบาลที”
นั่นเป็น...คำพูดสุดท้ายที่ฉันได้ยิน หลังจากนั้นฉันก็ไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น และยิ่งไม่มีทางรับรู้เลยว่าอีกไม่นานจะเกิดเหตุการณ์บางอย่างที่จะเปลี่ยนชีวิตของฉันไปตลอดกาล
และ ณ ตอนนี้... คนผู้ที่จะเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของเรา... ยืนอยู่หน้าโรงเรียนแล้ว
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ