Destiny of Time โชคชะตาแห่งกาลเวลา
เขียนโดย Huzure
วันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 เวลา 00.55 น.
แก้ไขเมื่อ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2558 15.15 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) นึก
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ(ห้อง ม.5/2 13.35)
ระหว่างคาบเรียนภาษาอังกฤษ
“เนล...เนล”
“หือ?”
“รินทร์ยังไม่กลับมาเลยอะ เราควรจะออกไปตามดีไหม?”
“จะทำแบบนั้นได้ยังไง ตอนนี้อาจารย์ก็สอนอยู่นะ”
“มากระซิบคุยกันตอนนี้เดี๋ยวอาจารย์ก็จับได้หรอก”
ทั้งสองคนคงอดเป็นห่วงรินทร์ไม่ได้แน่ ถึงคิดจะออกไปหาทั้งๆที่ยังเรียนอยู่
“พวกเธอสองคนที่นั่งข้างกันกลางห้องตรงนั้น”
“อาจารย์ไม่อนุญาตให้กระซิบคุยกันนะ ถ้าจะคุยเสียงดังๆก็คุยมาเลยดีกว่า แต่ช่วยเป็นนอกห้องเรียนนะครับ”
“ค...ค่ะ”
พวกเธอสองคนสิ้นเสียงนั่งเงียบทันทีหลังจากอาจารย์หันหน้ามาต่อว่าเธอแบบนั้น ซึ่งนั่นก็ไม่ใช่เรื่องแปลกหรอก ส่วนเรื่องที่แปลกตอนนี้...
“นรินทร์หายไปไหน...”
...............................
?? 13.35
“ตอนแรกก็กะว่าจะกลับห้องอยู่แล้ว”
“แล้วไหง...”
“ฉันถึงต้องมาอยู่สภาพนี้ด้วยเนี่ย
ฉันตื่นมาในสภาพที่นอนอยู่บนเตียงๆหนึ่ง มีผ้าห่มคลุมตัวฉันไว้ถึงประมาณหน้าอก ข้างหน้าห้องนั้นมีโต๊ะ และเคาน์เตอร์พร้อมยาหลายชุดวางอยู่ ฉันเลยรู้ว่าที่นี่คือที่ไหน
(ห้องพยาบาล 13.36)
“เหมือนฉัน...จะเป็นลมไปสินะ”
“และมีคนบางคนพาเรามาที่ห้องพยาบาล อยากไปขอบคุณคนๆนั้นจังเลย”
ฉันพยายามคิดถึงเรื่องก่อนที่ฉันจะสลบไปก็คิดไม่ออก แต่สิ่งที่ทำให้ฉันรู้สึกลำบากใจยิ่งกว่าคือภาพที่ฉันมองเห็นในตอนนี้
ฉันไม่รู้ว่าจะอธิบายเรื่องแบบนี้ให้กับตัวเองยังไงดี ฉันพยุงตัวเองขึ้นมานั่งบนเตียงนอนเพื่อพิสูจน์อะไรบางอย่าง
ฉันรู้สึกไม่ค่อยดีกับสิ่งที่พยายามจะทำเท่าไร แต่เพื่อหาคำตอบฉันก็ต้องมองข้ามไว้
ฉันค่อยๆปิดตาซ้ายลง โดยลืมตาขวาเพื่อกวาดสายตามองไปโดยรอบห้องพยาบาล
ภาพที่ตาขวาของฉันเห็นตอนนี้ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ยังมีพยาบาลกำลังยืนเฝ้าเคาน์เตอร์ตรงหน้าประตูอยู่
ฉันไม่ได้รู้สึกโล่งอกเลยแม้แต่น้อย เพราะสิ่งที่ฉันกำลังจะทำต่อไป ถึงจะรู้ว่าจะทำให้ฉันต้องเครียดมากกับสภาพตัวเองในตอนนี้ก็เถอะ
สุดท้ายแล้วฉันก็ลองเอามือขวาของฉันมาปิดตาขวาเอาไว้ และค่อยๆลืมตาซ้ายขึ้นทีละนิดทีละหน่อย
ภาพที่ฉันมองไปทั่วห้องพยาบาล ณ ขณะนี้...
“โลกที่...ไร้ชีวิตนี่อีกแล้ว”
ภาพโลกไร้สีสัน ที่ไม่มีอะไรอยู่เลย ทั้งพยาบาล ทั้งนักเรียนที่อยู่เตียงถัดจากฉัน ทุกอย่างที่เป็นสิ่งมีชีวิตหายไป
“นี่มันเป็น...ภาพหลอนหรือไงกันนะ?”
“แต่ว่า...”
ฉันที่ปิดตาข้างขวาอยู่ในเวลานั้น เลยตะโกนขึ้นมาให้ดังทั่วห้องพยาบาล
“นี่!! มีใครได้ยินเสียงฉันไหม!?”
“ใครได้ยินแล้วตอบที!!”
“เรื่องนี้มัน...ไม่ใช่เรื่องจริงใช่ไหม!!”
“ภาพที่...ฉันเห็นมันไม่ใช่...”
ฉันกลัวมาก... ฉันได้แต่นั่งคอตกอยู่บนเตียงตรงนั้น
ความรู้สึกของฉันตอนนี้ มันทั้งกลัว ทั้งเศร้า และรู้สึกอึดอัดที่ต้องมาเห็นโลกอะไรที่เปล่าเปลี่ยวเช่นนี้
ฉันลืมตาขวาขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว มือของฉันได้แต่หยิกผ้าห่มที่คลุมตัวฉันอยู่ตั้งแต่ตอนที่นอนในห้องพยาบาล
ตอนนี้ฉัน...รู้สึกอ้างว้างกว่าแต่ก่อนซะอีก
ทั้งๆที่ตอนแรกก็ไม่เหลืออะไรให้จดจำอีกแล้ว... สภาพในตอนนี้ยัง...
............
“อันนี้นาฬิกาของเธอหรอ”
ฉันที่ยังอยู่ในอารมณ์เศร้าตอนนั้น ทันทีที่ได้ยินเสียงเลยมองไปทางขวา
คุณหมอประจำห้องพยาบาลยืนอยู่ข้างๆฉัน ถึงแม้ว่า...
ฉันจะมองร่างของคุณหมอไม่เห็นส่วนหนึ่ง เพราะจุดโฟกัสบางส่วนอยู่ตรงตาซ้าย ยิ่งฉันเห็นแบบนั้น ฉันยิ่งรู้สึกสะเทือนใจมากกว่าเดิม
“ไม่น่าเชื่อเลยนะ นักเรียนสมัยใหม่อย่างเธอใช้นาฬิกาพกแบบนี้อยู่หรอเนี่ย”
“นาฬิกา...พก”
คุณหมอหยิบนาฬิกาพกที่อยู่ข้างเตียง ฉันไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่านาฬิกาพกนี่มันร่วงมาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไร หรือคุณพยาบาลจะเอาออกมาวางไว้เพื่อกันไม่ให้ของโดนทับหากนอนดิ้นกันนะ
“อ...เอาคืนมานะคะ คุณหมอ!!”
“อ๊ะ...ด-ได้ๆ”
เสียงตะโกนของฉันทำให้คุณหมอตกใจ คุณหมอเลยรีบคืนนาฬิกาพกทันที
“หมออยู่ในโรงเรียนนี้มาเกือบจะ 25 ปีแล้ว ก็พึ่งจะเคยเห็นนักเรียนที่ใช้นาฬิกาพกอยู่เป็นเธอคนแรกนี่ล่ะ บอกเลยว่ามันเซอร์ไพร์สมาก”
ฉันที่กำลังกุมนาฬิกาพกอยู่ตอนนั้น พอหมอทักเรื่องที่มีนักเรียนใช้นาฬิกาพกในสมัยนี้อยู่ ทำให้ฉันอดสงสัยที่จะถามหมอไม่ได้เลยจริงๆ
“ช-ใช้นาฬิกาพก มันแปลกขนาดนั้นเลยหรอคะ”
“ก็ต้องแปลกสิ”
“ในยุคนี้ใครๆ เขาก็หันไปดูเวลาในโทรศัพท์ไม่ก็นาฬิกาข้อมือกันหมดแล้ว”
“ถ้าเธอยังใช้นาฬิกาพกนั่นอยู่ แปลว่านั่นต้องเป็นของสำคัญมากเลยใช่ไหม?”
“ของ...สำคัญ”
คุณหมอพูดว่านาฬิกาพกนี่เป็นของสำคัญของฉันงั้นหรอ...
“ฉันไม่รู้...อะไรเกี่ยวกับนาฬิกาพกเรือนนี้เลยค่ะ”
“หา?”
“ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าทำไมฉันต้องพกนาฬิกาเรือนนี้ติดตัวไปตลอด จำไม่ได้แม้แต่วันแรกที่ฉันเจอนาฬิกาเรือนนี้ด้วยซ้ำ”
“ฉันเองก็อยากรู้เหมือนกันค่ะว่าทำไม...”
“ไม่ใช่แค่เรื่องนาฬิกา... แต่มีอีกหลายอย่างที่... ฉันไม่เคยนึกออกอยู่เลย”
สีหน้าหมอตอนนั้นดูจะอึ้งกับสิ่งที่ฉันพูดออกมา ตัวฉันในตอนนี้ถ้ามองจากคนภายนอก คงโดนมองว่ามีสายตากับคำพูดที่เย็นชาแน่ ซึ่งเรื่องนั้นมันก็ไม่แปลกหรอกนะ ฉันไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้าง ไม่ได้รับรู้ถึงสีหน้าของหมอตอนนั้นเลยด้วยซ้ำ สิ่งที่ฉันกำลังสนใจอยู่ ณ เวลานั้น
“คืออะไรบางอย่างที่เรานึกไม่ออก”
“และโลกที่ฉันกำลังเห็นอยู่ในตอนนี้... คืออะไรกันแน่”
“เอ่อ... หมอขอโทษที่ถามเรื่องอะไรไม่เข้าท่านะ ยกโทษให้หมอด้วย”
“ม-ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันไม่ได้โกรธอะไรเลยนะคะ”
ฉันรีบห้ามไม่ให้คุณหมอขอโทษ ฉันนี่ก็แย่จริงๆ เอาเรื่องที่ทำให้บรรยากาศดูหดหู่มาพูดแบบนี้ คุณหมอไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วยสักหน่อย นี่มันเรื่องของฉันทั้งหมดแท้ๆ
“เข้าเรื่องอาการของเธอดีกว่า ตอนนี้ยังปวดหัวอยู่ไหม?”
ฉันส่ายหน้าตอบคำถามของคุณหมอแทนที่จะพูดกลับไป
“เท่าที่หมอดูจากอาการของเธอ... ก็ไม่น่ามีอาการป่วยตรงไหน สุขภาพก็ยังโอเค แสดงว่าเธอต้องเครียดอยู่จนกลายเป็นผลกระทบข้างเคียง”
“เครียด...หรอคะ?”
“หมอเคยได้ยินเรื่องของเธอจากคุณลอร่ามาก่อนเหมือนกัน ว่าเธอมีอาการเหมือนร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอ วูบหลับโดยไม่รู้ตัว พอถามก็ตอบไม่ได้ว่าเป็นยังไง”
“ฉัน...เป็นอย่างงั้นจริงๆหรอคะ?”
“อื้ม...”
พอฉันได้ฟังสิ่งที่คุณหมอพูด เหมือนอาการของฉันจะแย่จริงๆ แต่ทำไมฉันถึงไม่เคยรู้ตัวเล—
“บางที เธออาจจะมีเรื่องที่พยายามนึกอยู่ก็ได้”
“เรื่องที่พยายามนึก? หมายความว่ายังไงหรอคะ?”
คุณหมอทำหน้าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เลยพูดขึ้นมาว่า
“อย่างเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว หรืออะไรทำนองนี้?”
......ฉันหยุดอึ้งไปสักพัก พยายามคิดถึงสิ่งที่เขาพูด สองสัปดาห์ที่แล้ว เกิดอะไรขึ้น อาการต่างๆ จนถึงภาพโลกสองส่วนตอนนี้ก็อาจจะ... มีส่วนกับเรื่องนั้น
“สองสัปดาห์ที่แล้ว... ฉัน...”
“ฉัน......!”
ทำไม... จู่ๆฉันก็ปวดหัวอีกแล้ว... เพียงแค่นึกถึงเรื่องสองสัปดาห์ที่แล้ว...
“เธอเป็นอะไรรึเปล่า... พยาบาล... เตรียมยาพารากับยาอื่นๆมาให้หน่อย”
คุณหมอตกใจกับอาการของฉันมาก ฉันปวดหัวจนถึงกับต้องเอามือขวามากุมขมับข้างเอาไว้ ถึงอย่างนั้นแล้ว... มันก็ไม่ใช่อาการที่จะกินยาแล้วหาย
แต่สิ่งที่คิดว่าเหตุผลที่ทำให้ฉันปวดหัว และมีอาการแปลกๆมาตลอดสองสัปดาห์ ต้องเกี่ยวกับภาพนั้นแน่
“ฉันได้...คำตอบแล้ว”
นั่นเป็นสิ่งที่ฉันคิดขึ้นมาในหัว ขณะที่พยาบาลรีบเดินไปเอายาพารา กับยาคลายกล้ามเนื้อมาให้หมอ ส่วนหมอก็บอกให้ฉันกินยานี่ไว้ แต่ดันยื่นยามาให้ซีกตาซ้ายของฉันอีกแล้ว ฉันก็มองไม่เห็นสิ่งมีชีวิตอื่นๆ รวมถึงยาที่หมอกำลังหยิบอยู่ด้วย
ฉันไม่ได้สนใจสิ่งที่หมอพูดอีกเลย หมอวางยาไว้ทางขอบเตียงใกล้ๆมือขวาของฉัน ก่อนจะเดินออกไปจากห้องพยาบาล หมอเหลือบมาหาฉันอยู่บางครั้ง คงเพราะห่วงอาการของฉันน่าดู แต่เหมือนจะมีคนเรียกสินะ ทั้งหมอและพยาบาลก็เดินออกจากห้องพยาบาลไปทั้งคู่
เรื่องเมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว... สิ่งที่ฉันเริ่มจะนึกออกได้อยู่บ้าง เหมือนจะไม่ใช่แค่ฉันที่จำมันไม่ได้ แต่คนอื่นๆเองก็จำไม่ได้เหมือนกัน...
ในตอนนั้นเอง... ที่ฉันเริ่มรู้สึก... ว่าเรื่องเลวร้ายบางอย่างกำลังคืบคลานเข้ามา...
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ