Destiny of Time โชคชะตาแห่งกาลเวลา
เขียนโดย Huzure
วันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 เวลา 00.55 น.
แก้ไขเมื่อ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2558 15.15 น. โดย เจ้าของนิยาย
14) สถานการณ์เลวร้าย
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ(บริเวณนอกห้างใจกลางเมืองกรุงเทพ 14.05)
............
เวลาบ่ายมักจะเป็นช่วงที่ร้อนมากที่สุดในประเทศนี้ ผู้คนเลยมักจะเดินเล่นในห้างมากกว่าที่จะยืนหรือนั่งภายนอกห้างที่ร้อนระอุ
ทั้งๆที่นี่เป็นช่วงหน้าฝน แต่วันนี้กลับไม่มีทีท่าว่าจะฟ้าครึ้มเลยสักนิด แถมร้อนซะจนไม่มีใครอยากจะออกมาเดินข้างนอกเลย
ในขณะนั้นเองก็มีผู้ชายคนหนึ่งเดินใส่แว่นกันแดด ท้าทายความร้อนด้วยร่างกายที่เหงื่อท่วมหัว
(2 นาทีต่อมา // ไม่ไกลจากร้านเสื้อผ้านัก)
ผู้ชายคนนั้นเดินเข้ามาในห้าง ก่อนจะเจอคนนั่งอยู่ตรงเก้าอี้ที่อยู่บริเวณนั้นมีท่าทีแปลกๆ
นั่นยังเป็นคนอยู่หรือเปล่าก็ไม่อาจคิดได้
ชายหนุ่มผู้นั้นไม่รอช้า เดินเข้าไปดูทันทีว่าคนที่นั่งอยู่ตรงนี้นั้นคือใครกันแน่
ทันทีที่ผู้ชายคนนั้นเดินไปดูหน้าของผู้หญิงคนนั้น เขาก็ต้องตะลึงเมื่อได้เห็นหน้าของผู้หญิงคนนี้
“นรินทร์!”
เธอคนนั้นได้แต่นั่งกอดเข่าตัวซีดเป็นร่างไร้วิญญาณ แววตาไร้ชีวิตชีวาไม่รับรู้ความเคลื่อนไหวอะไรภายนอกเลย
............
“รินทร์?”
“ไหงถึงได้มานั่งตัวซีดเป็นสัมภเวสีอยู่ตรงนี้ะเนี่ย?”
“เห้ เห้!”
*ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ*
ขนาดโบกมือผ่านตาก็ยังค้างไม่กระพริบตอบอีกแฮะ เหมือนเธอจะเจอเหตุการณ์ชวนช็อคบางอย่างมา
“เห้! ตื่นสักทีสิคุณเธอ ยัยแมวน้อย ยัยบ้า!”
“......ไม่ตอบอีกแฮะ ขนาดเรียกแบบนี้ก็ยังจะนิ่งอีก”
ความคิดชั่วๆของผมเริ่มไหลเข้ามาในหัวอีกแล้ว
“เฮะเฮ่... ถ้าเธอไม่ขยับล่ะก็... อย่าได้มาว่ากันล่ะ”
มือของผมค่อยๆขยับไปตรงหน้าอกของรินทร์อย่างช้าๆ ไม่รู้ทำไมความคิดแบบนี้ถึงได้เข้ามาอยู่ในหัวทุกที คงเพราะอยากจะแกล้งยัยนี่ล่ะมั้ง
จนมือของผมเกือบจะถึงหน้าอกของรินทร์อยู่แล้ว......
*เพี้ยะ!*
แก้มซีกซ้ายของเราถูกประทับด้วยฝ่ามือขวาของรินทร์เข้าอย่างจัง
เธอตบเราเต็มแรงมากจนตัวเราเซล้มไปด้านข้าง พร้อมแว่นตาที่ติดไว้บนหน้าผากกระเด็นปลิวหายวับไปเลย
เสียงตบที่ดังกระหึ่มทำให้คนสงสัยว่าเสียงมันมาจากตรงไหน เพราะพวกเราทั้งสองคนอยู่ในเวลาที่คลาดเคลื่อนจากพวกเขา จึงไม่มีใครมองเห็นเลยสักคน
ซึ่งมันต่างกับตอนที่คนในห้องของเธอมองเห็นวันนั้น ที่เราอยู่คนละมิติเวลาเพียงคนเดียว ขณะที่เธอยังอยู่เวลาเดิม
ตอนที่ถูกสัมผัสตัวเลยทำให้ความคลาดเคลื่อนในเวลาของเรากลับไปเป็นเหมือนเดิม
อะ ช่างเรื่องคำอธิบายพวกนี้ไปละกัน...
หลังจากเมื่อกี๊ สิ่งที่คืนกลับมามีแต่แววตาของเธอที่ดูมีชีวิตอีกครั้ง เธอยังคงนั่งนิ่งอยู่ท่าเดิมไม่เปลี่ยน
“เห้! ตบให้มันเบาๆกว่านี้ไม่ได้รึไง?”
“นี่......”
เธอกลับไปกอดเข่าทำหน้าเศร้าอีกครั้ง ดูเหมือนตอนนี้เธอจะยังไม่มีอารมณ์จะต่อล้อต่อเถียงอะไรกับเราล่ะมั้ง
“โทษทีที่แหย่แรงเกินไป สรุปแล้วเกิดเรื่องขึ้นกับเธอกันแน่?”
เธอค่อยๆหันมามองหน้าเราอย่างช้าๆ แววตาของเธอยังดูเศร้าสร้อยอยู่
“วอร์เรน...”
............
“แบบนี้นี่เอง เธอกลัวที่เพื่อนของเธอจะพูดคำว่าเกลียดเลยลบเวลาไปสินะ?”
“อื้อ...”
“ฉันทำเรื่องที่แย่มากลงไปแล้วใช่ไหม วอร์เรน?”
“การที่ฉันเลือกหนีมาแบบนี้น่ะ... มันน่าสมเพชมากสินะ”
“......น่าสมเพชหรือไม่ มันเป็นความคิดของตัวเธอเอง”
“ยังไงเธอก็รู้อยู่แล้ว ว่ามีนคงไม่เชื่อเรื่องที่เธอพูดหรอก”
“พูดได้เลยว่าไม่มีใครในโลกมาเชื่อเรื่องที่ไม่มีหลักฐานหรือเหตุผลแบบนั้นหรอก”
“โดยเฉพาะคนที่ยังอยู่ในวังพะวนแห่งความรักแบบนั้นน่ะ”
ดูเหมือนคำพูดของเราจะแทงใจดำทำให้เธอหน้าซีดอีกแล้ว
ให้ตายสิ ยัยนี่มันนิสัยจริงจังชะมัดยากเลยแฮะ
“นี่... ถ้าเกิดฉันไม่ได้ลบเวลาช่วงนั้น...”
“แปลว่าเธอจะเกลียดฉันมากเลยใช่ไหม?”
“......เกลียดงั้นหรอ......”
เหมือนจะเป็นคำถามที่เธออยากจะให้เราตอบเพื่อให้กำลังใจสินะ ถ้างั้นล่ะก็
“อืม... เกลียดแน่นอน”
“เอ๊ะ? นายพูดอะไรน่ะ”
“ก็เธอถามเองใช่ไหมล่ะ ว่าถ้าเธอไม่ลบความทรงจำช่วงนั้นไป มีนจะยังโกรธเกลียดเธออยู่รึเปล่า”
“เราก็ตอบให้ไงว่าเกลียดแน่นอน”
“น...นี่! ทำไมถึงมาซ้ำเติมกันอย่างนี้ล่ะ”
“นี่ยังน้อยไปด้วยซ้ำ ต่อจากเกลียดก็คงจะโกรธไปจนวันตาย ตัดขาดเพื่อน อาฆาตแค้น และจองล้างลองผลาญตลอดชีวิต”
ทุกคำที่เราพูดทำให้รินทร์เลือดขึ้นหน้ามากขึ้นเรื่อยๆ
“ต่อไปพวกเธออาจจะเป็นศัตรูกันไปเลยก็ได้-”
*ฟึ่บ*
เธอกระชากคอเสื้อของเราด้วยใบหน้าที่โกรธมาก
“พอได้แล้ว ถ้านายพูดอีก ฉันจะต่อยหน้านายจริงๆนะ!”
“ทำไมล่ะ หรือว่ามันไม่จริง? แค่นี้ก็-”
“ฉันบอกให้พอไง!!”
เธอตะโกนเสียงดังออกมา ก่อนจะก้มหน้าลงไป...
หยดน้ำตาของเธอค่อยๆไหลออกมากระทบกับม้านั่งตรงนั้น
“ฉันขอร้องล่ะ...... หยุดพูดที!!”
เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นน้ำตาของเธอชัดๆแบบนี้ เธอคงจะแครเพื่อนรักของเธอคนนี้มาก จนไม่อยากที่จะต้องสูญเสียความสัมพันธ์แบบที่เป็นอยู่
“...การที่เธอร้องไห้ออกมาแบบนั้น......”
“เธอนี่มันอ่อนแอจริงๆ”
“หา? นี่นายยังจะไม่หยุดอีกหรอ?”
“ก็จริงปะล่ะ? ความสัมพันธ์ของเธอมันพังง่ายขนาดนั้นเลยงั้นหรอ?”
คำพูดเมื่อกี๊ของเราทำให้เธอตาค้างไปชั่วขณะ
“จริงอยู่... ที่มีนอาจจะเกลียดเธอ... แต่ถ้าเธอเชื่อสิ่งที่เราบอกไปทั้งหมด”
“นั่นหมายความว่าเธอไม่เชื่อใจในสายสัมพันธ์ของพวกเธอสองคนเลย”
“......วอร์เรน......”
“ฟังนะ นรินทร์”
*ตุ้บ*
เธอปล่อยคอเสื้อผมมาสักพักหนึ่งแล้ว ตอนนี้ผมเลยจับแขนทั้งสองข้างของเธอเพื่อปลอบใจบ้าง เอาเข้าจริงเราก็ไม่ใช่คนที่ปลอบใจผู้หญิงเก่งหรอก ครั้งแรกเลยด้วยซ้ำ
“เชื่อในสายสัมพันธ์ระหว่างพวกเธอสองคนที่รู้จักกันมาตลอดสิ”
“ต่อให้เกิดเรื่องแบบนั้น รินทร์คิดว่ามีนจะเกลียดเธอตลอดไปจริงๆแน่หรอ?”
“คนที่เป็นเพื่อนกันน่ะ ไม่ว่าจะทะเลาะกันรุนแรงแค่ไหน ยังไงความเป็นเพื่อนก็ไม่มีทางตัดขาดกันหรอก!”
............
*ในขณะเดียวกัน*
มีนซื้อเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยและออกมาหาพี่เต้ที่รออยู่ข้างนอก
พี่เต้พูดชมเสื้อผ้าน่ารักๆ ที่มีนซื้อมา ก่อนจะอาสาแบกกระเป๋าโดยให้เธอเก็บกระเป๋าสตางค์ให้เรียบร้อย
ระหว่างที่เธอกำลังเก็บกระเป๋าสตางค์ลงในกระเป่าสะพาย
ข้างในกระเป๋าใบนั้นมีใบเสร็จตั๋วหนังสามที่นั่งที่พวกเธอไปดูมาเมื่อตอนเที่ยง
มีนหยิบตั๋วใบนั้นขึ้นมาดูด้วยความแปลกใจ แต่เธอก็เลือกที่จะไม่ถามพี่คนนั้นเพราะเหตุผลบางอย่างที่ทำให้เธอรู้สึกคาใจ
............
*ตัดกลับมาอีกทาง*
“ไม่ต้องเชื่อที่เราพูดก็ได้... แต่เชื่อในความรู้สึกที่พวกเธอสองคนมี”
“แค่นั้นก็น่าจะพอแล้ว...”
นานๆผมจะพูดอะไรแบบนี้สักที เป็นครั้งแรกที่ได้พูดอะไรที่ดูหล่อๆแบบนี้ให้ผู้หญิงฟังเลยนะเนี่ย
*เก๊กแปป หึหึ*
แต่เอ๊ะ ทำไมเธอถึงได้ตัวแข็งทื่ออยู่แบบนี้ล่ะ
“ปล่อย...”
“เอ๊ะ?”
สายตาของเธอดูเหมือนจะจ้องกินเลือดกินเนื้อผมอย่างมาก... หรือว่าเพราะมือของเรากำลังจับแขนเธออยู่แบบนี้......
ความรู้สึกเสียวสันหลังแบบนี้ทำให้ผมรีบปล่อยมือของตัวเองออกมาทันที
“ข-ขอโทษคร้าบ อ-อย่าทำอะไรเราเลยนะ”
“เ-เราเผลอแต๊ะอั๋งเธอแบบนี้ ขอโทษๆๆๆๆๆ”
เราได้แต่คำนับเธอเพื่อขอโทษไปไม่รู้ตั้งกี่รอบ รังสีอำมหิตนั่นแผ่ออกมา
(เธอขยับตัวแล้ว โดนแน่เรา โดนแน่เรา โดนแน่เรา!!)
............
“ขอบคุณนะ”
“......เอ๊ะ?”
ผมเงยหน้าขึ้นมา เธอนั่งคุกเข่าโค้งหัวมาให้เรา
“ขอบคุณ......ที่เตือนสติฉัน”
“ฉันเกือบจะรู้สึกว่ามีตราบาปไปตลอดชีวิตซะแล้ว ที่ทำให้เพื่อนคนสำคัญต้องเกลียด”
“ขอบคุณมาก วอร์เรน”
เหมือนตอนนี้เธอจะกลับมาเป็นปกติแล้วสินะ แบบนี้ก็ค่อยโล่งอกหน่อย
“อื้อ... งั้นก็”
“แต่เรื่องที่นายแต๊ะอั๋งฉันเมื่อกี๊”
“ถ้าไม่ติดว่านายเตือนสติฉันไว้ล่ะก็ นายคงได้โดนตบซ้ำสองอีกแน่ วอร์เรน”
“ค-ครับผม...”
รอยยิ้มที่แฝงไปด้วยรังสีอาฆาตแบบนี้มันโคตรน่ากลัวเลย
............
(ผ่านไป 2 นาที // ภายในห้าง)
พวกเราสองคนยังเดินตามมีนและพี่คนนั้นอยู่ห่างๆ และพยายามเลี่ยงการปะทะกับผู้คน เพราะไม่งั้นการคลาดเคลื่อนเวลาของเราก็จะสูญเปล่า
“นายสะกดรอยตามฉันมางั้นหรอ?”
“อื้อ... ตั้งแต่เช้าแล้วล่ะ แต่ก็พลัดหลงกับเธอในฝูงคนตอนออกจากสถานี”
“ก่อนจะรู้ว่าเธออยู่ในห้างนั้นเพราะพลังที่เธอใช้ออกมารุนแรงขนาดนั้นนั่นล่ะ”
เพราะอีตานี่รับรู้การบิดเบือนเวลาของฉัน ทำให้เขาตามหาฉันถูกนี่เอง ดูเหมือนการใช้เวลายิ่งมีการบิดเบือนเยอะหรือเป็นวงกว้างเท่าไร จะยิ่งทำให้คนอื่นรู้ตำแหน่งง่ายขึ้นเท่านั้น
“ร...ร่างกายของนายไม่เป็นไรแล้วแน่นะ?”
“ช่างเรื่องร่างกายเถอะน่า ตอนนี้เรื่องเพื่อนของเธอน่าเป็นห่วงมากกว่าอีก”
ตอนนี้ยังไม่มีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นกับสองคนนั่น พวกเราเดินแอบตามมุมเสาไปเรื่อยๆ (ซึ่งจริงๆก็ไม่จำเป็นหรอก)
ระหว่างที่พวกเรากำลังสะกดรอยตามอยู่ ตอนนั้นมีใครบางคนที่เดินผ่านระหว่างกลางของพวกเราไป...
ฉันกับวอร์เรนหันหน้าไปมองคนๆนั้น...
ไม่รู้ว่าพวกเราตาฝาดไปเองรึเปล่า เพราะเหมือนจะเห็นผู้ชายคนนั้น
ส่งเสียงในคอ (หึ) ตอนที่เดินผ่านระหว่างกลางพวกเรา
(เมื่อกี๊นี้มัน...) *นรินทร์คิด*
(หรือว่า คนๆนั้นจะ...) *วอร์เรนคิด*
แต่ในจังหวะนั้นเอง...
เพียงแว๊บเดียวที่พวกเราเผลอให้ความสนใจผู้ชายคนนั้นมากไป พอวอร์เรนหันกลับมาก็เห็นมีนกับพี่คนนั้นอยู่ในลิฟท์แล้ว
“แย่แล้ว รินทร์!”
“พวกเขาสองคนกำลังลงลิฟท์ไปแล้ว!”
“เอ๋?”
ฉันรีบหันกลับมาด้วยความตกใจ แล้วพยายามที่จะวิ่งตามไปให้ทัน
“เ-เดี๋ยวก่อน มีน!”
แต่ประตูลิฟท์ก็ปิดซะแล้ว ถึงตอนนั้นมีนจะสะดุ้งราวกับได้ยินเสียงใครเรียกอยู่ก็ตาม
ส่วนฉันที่รีบวิ่งตามไป ก็เผลอชนคนที่เดินออกมาจากลิฟท์ข้างๆไปหลายคน จนร่างของฉันปรากฏกายมาในเวลาปัจจุบันทันที
“วะ วะ เหวอ! มาจากไหนเนี่ย!?”
“แว๊ก!”
คนที่ชนฉันตกใจมากที่เห็นพวกเราโผล่มาต่อหน้าต่อตา
“รินทร์! รีบหนีจากที่นี่ก่อน!”
“ละ-แล้วมีนล่ะ?”
“ถ้าขืนยังอยู่ที่นี่ จะตกเป็นเป้าสงสัยนะ!”
เพราะคนรอบข้างก็เริ่มมองฉันด้วยความรู้สึกแปลกๆ
มีเสียงซุบซิบมาตลอด
*เกิดอะไรขึ้นน่ะ?*
*เธอโผล่มาได้ไงกัน?*
*มายากลอะไรรึเปล่า?*
ฉันไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากหนีไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด ขณะที่ในใจของฉันก็ยังคงห่วงมีนที่ลงลิฟท์ไปแล้วมาก
............
*แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก*
พวกเราวิ่งหนีมาจากฝูงคนได้แล้วก็จริง แต่ว่า...
“จะทำไงดี วอร์เรน!?”
“พวกเราคลาดสายตาจากสองคนนั่นแล้ว! ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับมีนล่ะก็...”
“สงบสติไว้รินทร์ เราก็กำลังหาทางแก้สถานการณ์ตอนนี้อยู่เหมือนกัน”
วอร์เรนยังคุมสติได้อยู่ตลอด ต่างกับฉันที่เริ่มร้อนรนจนทำอะไรไม่ถูกแล้ว
“โทรหา... โทรหาเธอเลย”
“ตอนนี้ต้องรู้ตำแหน่งที่เธออยู่ให้ได้ก่อน”
“ดะ- ได้!”
............
ตอนนี้มีนกับพี่เต้กำลังยืนอยู่ข้างนอกห้างเพื่อเตรียมจะกลับบ้าน
“วันนี้ฉันสนุกมากเลยนะคะ พี่เต้”
“พี่เองก็ดีใจที่มีนสนุกนะ”
เธอได้รับของขวัญเป็นตุ๊กตาลูกเจี๊ยบตัวสีเหลืองที่เหมือนจะเป็นตัวกาลกิณีประจำโลกออนไลน์ของที่นี่
มันอาจจะดูทุเรศลูกตาไปบ้าง แต่ก็ถือว่าเป็นของขวัญที่พี่เขาอุตส่าห์ให้มาแหละนะ
“พวกเราขึ้นรถไฟฟ้ากลับกันเลยไหมคะ?”
“เอ่อ... พี่ยังอยากใช้เวลาอยู่กับมีนนานๆอยู่เลยน่ะ?”
“ลองเปลี่ยนเป็นนั่งรถแท็กซี่แทนไหม?”
“เอ๊ะ? แท็กซี่หรอคะ?”
*ตู๊ด ตู๊ด*
มือถือที่เธอใส่ไว้ในกระเป๋าถือดังขึ้น คนที่โทรมาก็คือนรินทร์เอง
(รินทร์......)
ระหว่างที่มีนมองดูจอโทรศัพท์ เธอไม่ได้สังเกตเลยว่าพี่เต้คนนั้นมีแววตาแปลกๆที่เห็นเธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
มีนกดรับสายคุยกับรินทร์
[ฮัลโหล มีอะไรหรอรินทร์]
[เอ่อ... คือ... มีน!]
[ตอนนี้อยู่ที่ไหนน่ะ?]
[วันนี้ฉันมาเที่ยวที่ห้าง SJ Center น่ะ]
[ว่าแต่รินทร์มีธุระอะไรงั้นหรอ]
(เสียงรถแล่นผ่านนั่น... เธอกำลังจะกลับแล้วงั้นสินะ)
[ฟังนะ! มีน! เธอนั่งรถไฟฟ้ากลับบ้านให้เร็วที่สุดเลย!]
[อย่าให้ใครไปส่งเด็ดขาดนะ]
[เอ๋?]
ไม่นานนักผู้ชายคนนั้นก็ฉกโทรศัพท์ของมีนไปทันที
“จะคุยอีกนานไหม พี่อยากกลับจะแย่แล้วนะ”
“พ-พี่เต้... ทำอะไรน่ะคะ? คืนโทรศัพท์มานะ!!”
ขณะที่เธอพยายามจะชิงโทรศัพท์คืน ผู้ชายคนนั้นก็โชว์ให้เห็นมีดที่เหน็บไว้ใต้แจ็คเก็ตมาตลอดให้ดู
“ชู่ววว อย่าเสียงดังไปสิ”
“ไม่เช่นนั้นแล้ว ผิวของเธออาจมีรูอยู่ก็ได้”
“พ-พี่เต้—”
จิตใจของมีนได้ก่อความกลัวขึ้นมาในใจแล้ว เธอไม่คิดว่าคนที่เป็นรักแรกในชีวิตของเธอ จะมีของพวกนี้พกติดตัวไว้ด้วย
[ฮัลโหล!]
[อะ...เสียงนี้......]
[เสียงนี้? โหะโหะ หมายความว่าไงกันล่ะ]
[รินทร์]
(รินทร์? เจ้านั่นน่าจะถูกลบเวลาไปแล้วไม่ใช่หรอ?)
[ไม่ต้องห่วงหรอก เพื่อนของเธอยังปลอดภัยดี และจะปลอดภัยในอ้อมแขนของพวกเราแน่นอน]
มีรถ SUV คันหนึ่งมาจอดตรงจุดรับผู้โดยสาร ข้างในนั้นมีผู้ชายประมาณ 5 คนนั่งรออยู่ในรถ
มีนที่เห็นภาพแบบนั้นยิ่งตัวสั่นไปด้วยความกลัว แต่ก้าวขายังไงก็ก้าวไม่ออก เพราะหากเธอก้าวแม้แต่นิดเดียว ผู้ชายคนนี้อาจเล่นงานเธอทันที
[แกคิดจะทำอะไรเพื่อนของฉัน!? แล้วแกรู้จักชื่อฉันได้ไง?]
[โฮ่ว... ลืมพี่ที่แสนดีที่เคยอยู่ข้างบ้านไปแล้วงั้นหรอ...]
[พี่เสียใจมากเลยนะ ที่เธอลืมเรื่องของพี่ได้เนี่ย]
[แต่ช่างเถอะ... ไว้พี่จะส่งรูปภาพเพื่อนที่แสนจะน่ารักของเธอให้ดูนะ]
[คงต้องเป็นภาพที่......น่ารักน่าเอ็นดูมากเลย!]
รอยยิ้มกับแววตาของคนที่ชื่อเต้คนนั้น ไม่ต่างอะไรกับคนโรคจิตที่ในหัวคิดแต่เรื่องหื่นกามอยู่ตลอดเวลา
ตาของมีนจับจ้องไปที่รอยยิ้มของผู้ชายคนนั้น พร้อมเอามือป้องปากไว้ด้วยความรู้สึกช็อคที่เกิดขึ้นในใจ
*ตัดสาย*
“ถ้าเพื่อนของเธอไม่โทรมาล่ะก็ คงไม่ต้องเล่นด้วยวิธีรุนแรงแบบนี้หรอก”
“ว่าไงล่ะมีน...... จะไปกันรึยัง”
สายตาที่จ้องจะกลืนกินเรือนร่างของมีน ทำให้มีนไม่มีทางเลือกนอกจากจำใจตามไปด้วยเท่านั้น
(รินทร์........ช่วยฉันด้วย)
.........
*อีกด้านหนึ่ง*
*ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด*
[เดี๋ยวก่อนสิ ฮัลโหล! ฮัลโหล!!]
“แย่แล้ว เจ้าบ้านั่นวางสายไปแล้ว!”
ฉันรีบเก็บโทรศัพท์ทันที สีหน้าฉันตอนนี้เริ่มจะกังวลจนถึงขีดสุดแล้ว มีนกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายสุดๆแล้ว
“รินทร์ พวกเขาสองคนอยู่ไหน?”
“ฉันได้ยินเสียงรถ! พวกเขาคงจะอยู่หน้าห้างแล้ว!!”
“งั้นรีบไปกันเถอะ...”
“ไปตอนนี้น่ะหรอ...? จะตามพวกเขายังไงให้ทันล่ะ?”
“อย่าลืมสิ......”
“พวกเราสองคนมีอะไรบางอย่างที่เหมือนกันอยู่นะ...”
คำพูดของวอร์เรนทำให้ฉันใจเย็นลง ก่อนที่ฉันจะเอามือแตะไปที่กระเป๋ากางเกงด้านซ้ายที่ไม่ใช่แค่ใส่มือถือ
*แต่ข้างในยังมีนาฬิกาพกอยู่ด้วย*
“ตั้งสมาธิเชื่อมั่นในพลังของตัวเองและวงจรเวลาที่ไหลเวียนอยู่ในร่าง”
“กะเวลาที่จะเคลื่อนย้ายให้แม่นยำที่สุด นั่นเป็นเงื่อนไขที่จำเป็นในการข้ามเวลา”
*ฮูม*
เข็มนาฬิกาเลือนรางโผล่มาด้านหน้าของวอร์เรน ไม่มีใครเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงตรงนี้เพราะความคลาดเคลื่อนของเวลา เขากำลังรอให้เราใช้พลังในแบบเดียวกันอยู่
ฉันหยิบนาฬิกาออกมา หลับตาตั้งสมาธิ ไม่นานนักก็มีเข็มนาฬิกาโผล่ขึ้นมาด้านหน้าฉันเหมือนกัน
“พร้อมแล้วใช่ไหม...?”
“.........ไปกันเถอะ.........”
ฉันลืมตาและก็พูดคำนั้นออกมา...
(รอก่อนนะมีน... ฉันจะไปช่วยเธอเดี๋ยวนี้แหละ...)
............
............
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ