Destiny of Time โชคชะตาแห่งกาลเวลา
เขียนโดย Huzure
วันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 เวลา 00.55 น.
แก้ไขเมื่อ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2558 15.15 น. โดย เจ้าของนิยาย
13) เรื่องเล่าของเวลา (บทจบ)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“การบิดเบือนเวลาจะส่งผลให้กระแสเวลาของสิ่งที่ถูกบิดเบือนเปลี่ยนไป มีการเปลี่ยนแปลงเวลาเกิดขึ้นกับสิ่งต่างๆที่โดนแก้ไขเวลา”
“การใช้พลังเปลี่ยนแปลงเวลาแต่ละอย่างเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำถ้าไม่จำเป็นหรอกนะ”
ไม่จำเป็นงั้นหรอ!? คำพูดของอีตานี่ที่บิดเบือนเวลาเพื่อเล่นสนุกนี่โคตรน่าเชื่อถือเลยจริงจริ๊ง! (ประชด)
“สายตาอย่างนั้นคงไม่เชื่อกันเลยสินะ...”
“เอาเถอะ เธออาจจะใช้พลังพวกนั้นได้เร็วๆนี้นี่ล่ะ เพราะเธอพึ่งจะเชื่อมต่อกับสื่อนำเวลานั่นอย่างสมบูรณ์แบบได้ไม่นานเอง”
วอร์เรนที่ยืนพิงกำแพงห้องมาตั้งนานเริ่มจะขยับเขยื้อนบ้างแล้ว
“หืม?”
ฉันไม่รู้ว่าวอร์เรนมองอะไรอยู่ตรงนั้น เพราะนั่นก็ไม่น่าจะมีอะไรนอกจากแค่ตู้วางของที่มีแต่ชั้นหนังสือทั้งนั้น
......
“เธอไม่มีความต้องการอะไรเลย...แน่หรอ?”
พูดอะไรของเขาล่ะเนี่ย หรือว่า จะหมายถึงเรื่องอะไรแบบ...
“น-นายพูดอะไรออกมาน่ะ ความต้องการอะไรกัน ใครจะไปคิดเรื่องสัปดนแบบนั้นกับคนอย่างนายกันเล่า”
“เข้าใจผิดหมดแล้ว”
“ความต้องการที่เราจะสื่อ คือเป้าหมายในการบิดเบือนของเธอ”
“เธอมีความต้องการอะไรสักอย่างที่ต้องใช้พลังพวกนี้ไหมล่ะ?”
วอร์เรนถามถึงความต้องการ หรือเป้าหมายในการที่ฉันต้องการพลังนี้
ฉันได้แต่ก้มหน้าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ว่าฉันต้องการพลังในการเชื่อมมิติกับอีกโลกหนึ่ง หรือพลังในการบิดเบือนเวลาอะไรแบบนี้หรือเปล่า
“ฉันไม่รู้...”
“แต่ว่า... ถ้าพลังนี่ทำให้ฉันจบความทรงจำน่ากลัวนั่นได้...”
“... นั่นคงจะเป็นเหตุผลเดียวของฉัน ...”
“...... ถ้าเธอรู้เรื่องทั้งหมดนั่นแล้ว เธอจะกลับไปใช้ชีวิตธรรมดาสินะ?”
ในหัวฉันจู่ๆก็มีความรู้สึกว่า คำถามของวอร์เรนแอบซ่อนความต้องการอะไรบางอย่างของเขาออกมา ถึงจะไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ในหัวก็เถอะ มองตาเจ้านี่ไม่เคยอ่านความคิดออกเลยแม้แต่นิดเดียว
“น่าจะเป็นอย่างนั้น... ฉันยังไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าตัวแทนของเวลามีไว้เพื่ออะไร”
“มันสำคัญถึงขนาด... บอกไม่ได้เลยงั้นหรอ?”
จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าเหตุผลที่ต้องมีตัวแทนเวลา เหตุผลที่ฉันจะถูกฆ่า การที่ฉันทำพันธะสัญญาเป็นตัวแทนนี่เพียงเพื่อมีชีวิตรอดต่อไปเท่านั้น
และตอนนี้จะยัง...
“ตัวแทนแห่งเวลาคือผู้เชื่อมต่อมิติเวลาเข้ากับแกนกลางของเวลาจักรวาล เป็นผู้รับภาระในการดูแลมิติที่เราอาศัยอยู่ และปิดกั้นไม่ให้เกิดความแปรปรวนกับมิติว่างเปล่า”
“นั่นเป็นสิ่งเดียวที่เรารู้ ข้อมูลที่เราค้นคว้ามามันมีแค่นี้”
“ค้นคว้า? นายพูดย่างกับไม่ได้รู้ด้วยตัวเองเลย
“มันเป็นเรื่องเมื่อนานมาแล้วน่ะ... เป็นเรื่องที่... ผ่านมาสักพักแล้ว...”
ฉันสัมผัสได้ถึงความรู้สึกอันน่ากลัวที่ซ่อนอยู่ก้นบึ้งจิตใจของเขา ใบหน้าเขายังปกติทุกอย่าง ยกเว้นแววตาที่ไร้ซึ่งสีสันแห่งความมีชีวิตเหมือนตอนทำตัวปกติทั่วไป
ผู้ชายคนนี้ อาจเป็นคนที่มีสองอารมณ์ที่ตรงข้ามกันสุดๆเลยก็ได้ ด้านที่ทำตัวปกติเฮฮาปาร์ตี้ กับอีกด้าน... ที่มีจิตใจมืดมนน่ากลัวซ่อนอยู่...
(นี่ฉันกำลังคุยกับคนที่อันตรายสุดๆเลยรึเปล่านะ?)
ขนลุกขึ้นเลยค่ะ...
...
“ลืมเรื่องในอดีตของเราไปเถอะ”
“ปัญหาตอนนี้มันอยู่ที่เธอแล้วล่ะ”
*ฟุ่บ (ลงไปนั่งที่เดิม)
“ผู้ที่ได้รับการเลือกจากสื่อนำเวลา หรือก็คือนาฬิกาพวกนี้น่ะ ผู้ที่ถูกเลือกส่วนใหญ่จะมีความปรารถนาสักอย่างที่ต้องใช้พลังเวลาพวกนี้”
“ผู้ที่ถูกเลือก...”
“อันนี้ถือเป็นจุดสำคัญอีกอย่างหนึ่ง...”
“เธอได้นาฬิกานี่มาตั้งแต่เมื่อไร...?”
ได้มาเมื่อไร... ได้มาเมื่อไรกันนะ... ทำไมฉันถึง...
“ฉัน... จำไม่ได้”
“ว่าไงนะ?”
“มันมีเรื่องบางอย่างที่คาใจฉันมานานแล้วล่ะ ลุงของฉันเองก็เคยพูดเรื่องอาการป่วยของฉันให้ฟังอยู่”
“ป่วย? ป่วยเป็นโรคอะไร ร้ายแรงขนาดนั้นเลยงั้นหรอ?”
“... ลุงฉันบอกว่า”
“ฉันจะลืมเรื่องอะไรบางอย่างตลอดเวลาตั้งแต่หลายปีก่อน จนถึงตอนนี้ฉันก็ยังนึกไม่ออกเลยว่าฉันลืมเรื่องอะไรไป”
“หมอบอกว่า... ความทรงจำของฉันในเรื่องบางอย่าง”
“จะถูกรีเซ็ตตลอดเวลา”
“ถูกรีเซ็ต? มีอาการอะไรแบบนั้นด้วยหรอ”
“ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน หมอบอกว่าน่าจะเป็นอาการช็อคจากอะไรบางอย่างในอดีต จนทำให้ฉันลืมเรื่องอะไรไปหลายอย่าง และจะลืมตลอดเวลาไม่ว่าจะมีคนพูดให้ฟังอีกกี่รอบก็ตาม”
“และน่าจะลืมเจ้านี่(นาฬิกา)ด้วย”
...... วอร์เรนที่ตาค้างไปชั่วขณะ เขาคงจะแปลกใจกับอาการที่ฉันพูดให้ฟังมาก
“ถ้าไม่รู้วันเวลาที่เธอได้นาฬิกามาล่ะก็... คงยิ่งบอกอะไรยากกว่าเดิมอีก”
“เพราะถ้าเธอได้นาฬิกามาก่อนเหตุการณ์เมื่อสองสัปดาห์ก่อนล่ะก็”
“เธอคงมีความปรารถนาอะไรที่ต้องการแก้ไขอยู่แน่!”
“ความปรารถนาที่จะแก้ไข ฉันไม่เห็นจะเคยรู้สึกอะไรแบบนั้นเลย”
“...นั่นแหละคือประเด็น ชีวิตเธอนี่มันซับซ้อนชะมัดยากเลยนะ ยัยเหมียว
“เดี๋ยวเถอะ!”
“ล้อเล่นน่าล้อเล่น มาเปลี่ยนบรรยากาศก่อนดีกว่า นี่ก็ดึกมากแล้วด้วย”
เขาบอกว่าดึกมากแล้ว ฉันเปิดนาฬิกาพกที่ถืออยู่มาดูเวลา
(20.40)
เห นี่พวกเรานั่งคุยกันตั้งเกือบชั่วโมงเลยหรอเนี่ย ทำไมเวลามันถึงผ่านไปเร็วขนาดนี้
“ผู้ที่เป็นตัวแทนเชื่อมต่อเวลา จะมีความสามารถในการจดจำเหตุการณ์ในช่วงเวลาต่างๆได้ค่อนข้างจะสมบูรณ์”
“ถ้าเธอบอกว่าเธอใช้พลังพวกนั้นได้ตั้งแต่สองสัปดาห์ก่อน และเป็นช่วงเดียวกันกับที่ความทรงจำหายไป”
“ความทรงจำนั่น หายไปเพราะฝีมือการใช้พลังของเธอเอง”
......
“หา?”
“ฉันเป็นคนลบเองงั้นหรอ?”
“ถูกต้อง นั่นเป็นข้อสมมุติฐานเดียวที่เราคิดไว้”
“เพราะมันไม่มีทางที่ความทรงจำของเธอจะถูกลบด้วยการบิดเบือนจากภายนอกแน่ๆ”
“เดี๋ยวก่อนสิ! แต่ควอสเองก็จ้องจะฆ่าฉันเมื่อไม่กี่วันก่อน เจ้านั่นเองก็เหมือนจะรู้เรื่องอะไรบางอย่างของฉันเมื่อสองสัปดาห์นั่นด้วย”
“หมอนั่นอาจจะไล่ตามฉันมาตั้งแต่ตอนนั้นแล้วก็ได้ อาจจะเป็นฝีมือของหมอนั่นก็ได้!!”
ที่เถียงไปแบบนั้น เพราะฉันไม่อยากยอมรับ ว่าอาการที่เหมือนจะหลับตลอด โดนคนที่ชื่อควอสไล่ล่า ความทรงจำที่หายไปนั่นจะมีต้นเหตุมาจากฉัน...
ถ้าให้ยอมรับแบบนั้นน่ะมัน...
“เรื่องนี้เธอน่าจะรู้ดีอยู่แล้ว”
“ที่เราไปอยู่บนดาดฟ้าให้โดนเหยียบหน้านั่นน่ะ ไม่ใช่ว่าบังเอิญผ่านมาหรอกนะ แต่เพราะเรารู้สึกถึงการบิดเบือนเวลาแถวนั้นได้ต่างหาก”
“ควอสตามล่าเธอ เพราะการเชื่อมต่อมิติทั้งสองใบที่ไม่สมบูรณ์นั่น ทำให้ควอสรู้ที่อยู่ของเธอได้”
“เข้าใจสินะ...”
จริงอย่างที่วอร์เรนพูด ฉันได้แต่นิ่งฟังด้วยความเข้าใจจากคำพูดพวกนั้น ตัวฉันเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดอาการผิดปกติต่างๆนี่เอง ฉันได้แต่ทำหน้าซึมอยู่ทั้งแบบนั้น มือของเราที่กำนาฬิกาแน่นอยู่ตรงอก... นี่คือคำตอบสินะ
“จะลองไปตามหาปะล่ะ?”
“ตามหา? ตามหาใคร?”
“ตามหาความทรงจำทั้งหมดในสองสัปดาห์นั่นกลับมา”
“เธอบอกว่าไม่อยากหนีจากมันอีกแล้วใช่ไหมล่ะ?”
“แต่ถ้าเธอรับรู้เรื่องราวทั้งหมดนั่น เธอจะรับได้ไหม”
ตามหาความทรงจำ... วอร์เรนดูเหมือนจะกระตือรือร้นกับเรื่องพวกนี้มาก ราวกับว่าอยากให้ฉันได้ความทรงจำกลับมาเร็วๆเพราะอะไรบางอย่าง
“รับได้สิ...”
“ฉันจะ...ไม่หันหลังหนีอีกแล้ว”
“ต่อให้มันจะเจ็บปวดแค่ไหน นั่นก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมาแล้วไม่มีทางแก้ไขได้...”
ฉันลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้หลังจากที่นั่งขยับตัวไปมาตั้งนานสองนาน วอร์เรนเองก็ยืนตั้งแต่ถามคำถามฉันเมื่อกี๊แล้ว
“...ฉัน... ต้องการให้นายช่วย วอร์เรน”
“...ให้ช่วย? คนแปลกหน้าแบบเราเนี่ยนะ?”
“เชื่อใจเราขนาดนั้นเลยหรอ?”
“ไม่รู้สิ... ถึงไอ้โรคจิตอย่างนายจะมีนิสัยที่บ้าๆบอๆ หรือชอบทำตัวเกรียนบ่อยๆ”
“แต่ฉันไม่ลืม... ว่านายช่วยชีวิตฉันไว้”
“และนี่จะเป็นครั้งสุดท้าย ที่จะขอร้องให้นายช่วยอีกครั้ง”
ฉันก้มหัวลงต่อหน้าเขา เป็นครั้งแรกที่เราต้องทำถึงขนาดนี้เพื่อขอร้องอะไรสักอย่าง
“ขอร้องล่ะ...”
............
ความเงียบปกคลุมไปทั่ว รินทร์ก้มหัวให้ผู้ชายคนนั้น เพื่อขอร้องให้เขาทำเรื่องเห็นแก่ตัวของรินทร์ สิ่งที่ผู้ชายคนนี้ที่ช่วยเหลือรินทร์มาตลอดจะตอบนั้นคงจะเป็น...
“ขอปฏิเสธ”
......
“เอ๊ะ?”
“หลังจากได้ฟังเรื่องของเธอแล้ว เรารู้สึกว่าไม่มีประโยชน์ที่จะช่วยเธอเลยแม้แต่นิดเดียว”
“นี่ก็ดึกแล้วด้วย เราขอตัวก่อนล่ะ”
ผมเบือนหน้าหนีออกไปทันที สิ่งที่เธอพูดมาทั้งหมดทำให้ผมเปลี่ยนใจเลือกที่จะไม่ช่วยเธอ นั่นเพราะว่า...
“เ-เดี๋ยวสิ! นายบอกว่าจะช่วยฉันไม่ใช่หรอ แล้วทำไมถึง?”
*ตึ้บ*
แม้จะมองไม่เห็นแต่ก็เข้าใจถึงอารมณ์ของเธอในตอนนี้ ผมตัดสินใจที่จะไม่หันหลังกลับไปมองใบหน้าของเธอที่ยังคงตกใจนั่นเด็ดขาด
“นั่นเพราะว่า... เธอไม่มีประโยชน์อะไรต่อเราเลยน่ะสิ”
“...ประโยชน์...”
“ความคลุมเครือในช่วงเวลาที่เธอได้รับนาฬิกา ความปรารถนาที่ไม่มีความชัดเจน เราต้องการใช้ประโยชน์นั่นจากเธอ”
“ฟังไว้นะรินทร์ ไม่มีใครอยากทำอะไรให้ฟรีๆหรอก ถ้าเธอต้องการใช้พลังนั่นเพื่อความปรารถนาอะไรสักอย่างแล้วล่ะก็ เราเองก็อยากใช้ประโยชน์ในเรื่องนั้นเพื่อทำให้ความปรารถนาของเราเป็นจริงเช่นกัน”
“นั่นคือเหตุผลที่... เราช่วยเธอมาจนถึงตอนนี้...”
“ขอโทษด้วย”
ตอนนี้เธอคงจะเกลียดผมแล้วล่ะ ก็เล่นพูดออกไปชัดเจนแบบนี้ แต่ก็ดีแล้วล่ะ จะได้ไม่ต้องมายุ่งเกี่ยวกันอีก มือของเธอเอื้อมมาโดนหลังของผมก่อนที่จะชะงักไปเพราะอะไรไม่รู้
ผมเดินออกไปโดยไม่ฟังเสียงของเธอที่พยายามตะโกนบอกให้หยุดตั้งหลายครั้ง ฝนข้างนอกหยุดตกตั้งแต่เมื่อไรก็ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ ส่วนร่ม... รู้สึกผมจะลืมนึกไปเลย
นี่แหละ... ชีวิตจริง... ทุกคนย่อมต้องการใช้ประโยชน์จากอีกคนหนึ่งเพื่อตัวของเขาเอง การทำอะไรให้ฟรีๆมันไม่มีอยู่จริงหรอก...
............
ผมหันกลับไปมองบ้านของเธออีกครั้งหลังจากเดินผ่านมาไกลแล้ว
“ขอโทษนะ นี่เป็นทางที่ดีที่สุดสำหรับเธอแล้วล่ะ”
“อย่าได้เอาความทรงจำนั่นกลับมา และเข้าสู่วงจรแห่งการนองเลือดนี่เลย”
นั่นเป็น... อีกเหตุผลหนึ่งนอกเหนือจากที่คิดไว้ ผมไม่อยากดึงเธอเข้ามาพัวพันกับการนองเลือดโดยใช้เวลาเป็นตัวสร้างหายนะ ถึงแม้ตอนแรกผมจะบอกว่าเธอจะย้อนกลับไปทางเก่าไม่ได้
แต่ผมก็อยากให้เธอกลับไปใช้ชีวิตตามปกติ...
ผมเบือนหน้าหนีออกจากบ้านหลังนั้น และเดินต่อไปโดยเลือกที่จะลืมทุกอย่างให้อยู่ข้างหลัง
“ให้ตายสิ แกนี่มันอับโชคจริงๆนะ ไอ้วอร์เรนจอมซวยเอ๊ย”
บิดขี้เกียจเสร็จ ก็ได้เวลากลับไปที่พักสักที...
............
............
*ผู้ชายคนนั้นแหละ*
*อื้ม เป็นเขาไม่ผิดแน่*
*คนที่ปรากฏตัวที่โรงเรียนมัธยมมาเจสติกวิทยา...*
*ดึงเขามาเป็นพวกดีกว่าเนอะ จะได้ทำเรื่องอะไรสนุกๆตั้งหลายอย่างเลย*
*คริคริคริคริ*
จิตใจของชายหญิงคู่หนึ่งที่สะกดรอยตามวอร์เรนจากข้างหลังไกล กำลังวางแผนอะไรบางอย่างที่ดูจะไม่ใช่เรื่องดีแน่
............
“...วอร์เรน...”
มือขวาของนรินทร์... สัมผัสตรงไหล่ซ้ายของเธอที่มีแผลเป็นจากรอยกระสุนอยู่... ก่อนที่จะเปลี่ยนชุดเป็นชุดตัวเก่งของเธอพร้อมหยิบนาฬิกาพกออกไปข้างนอกบ้านทันที
............
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ