Destiny of Time โชคชะตาแห่งกาลเวลา
เขียนโดย Huzure
วันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 เวลา 00.55 น.
แก้ไขเมื่อ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2558 15.15 น. โดย เจ้าของนิยาย
15) คำตอบ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ(ริมคลองละแวกบ้าน 21.00)
............
(แบบนี้คงดีแล้วสินะ)
ผมคิดว่าการตัดสินใจแบบนั้นคงจะดีที่สุดสำหรับนรินทร์แล้ว
แม้ว่าผมจะอยากช่วยยัยนั่นให้ได้ความทรงจำกลับคืนมา แต่ความปรารถนาที่คลุมเครือไม่ชัดเจนแบบนั้น ไม่สมควรที่จะเข้ามาอยู่ในวงจรในการควบคุมเวลานี่
*ฉึบ*
*จ๋อม......*
จริงๆ ผมก็ควรจะกลับไปพักที่ห้องพักได้แล้วแหละ แต่ตอนนี้ยังอยากเดินกินลมชมวิวอะไรสักหน่อย เลยมายืนโยนหินอยู่แถวนี้เล่น
แถวนี้อยู่ใกล้กับสวนสาธารณะที่ยัยนั่นไปซ่อนอยู่ตอนแรก คลองนี่พอดูช่วงกลางคืนที่มีแสงจากจันทร์เพียงครึ่งดวงก็สวยดีเหมือนกัน
“สวยจังนะ ตรงข้ามกับชีวิตเราที่โคตรอาภัพเรื่องผู้หญิงเลย”
“ล่าสุดก็คงทำให้ยัยนั่นเกลียดเข้าสุดๆไปแล้ว รู้จักใครก็โดนเกลียดไปหมด”
อดีตของผมเกี่ยวกับสาวๆน่ะ เป็นตอนที่ผมยังเรียนอยู่โรงเรียนม.ต้น ที่ประเทศแคนาดาที่เป็นบ้านเกิดผม
ผู้หญิงที่ผมชอบแต่ละคนมักจะปฏิเสธการสารภาพรักจากผมเหมือนกันหมด ถึงแม้ว่ายัยนี่จะไม่ใช่คนที่ผมรู้สึกอะไรด้วยเลยแม้แต่น้อย แต่อาจนับได้ว่าเป็นคนที่ 12 ที่อาจจะเกลียดผมเข้าแล้ว
“ทำไงได้ล่ะ แกเลือกทางนี้เองนะ วอร์เรน”
“ฮึบ...” (บิดขี้เกียจ)
“ไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะสักหน่อยดีกว่า อาจจะมีโซลเมท (Soul Mate) ของเราเดินผ่านมาสักคนก็ได้”
ฮะฮะ พูดไปแล้วก็กระดากอยู่เหมือนกัน ผู้ชายที่ชอบทำตัวกวนประสาทเป็นประจำแบบผมยังไงก็ไม่มีใครชอบหรอก นั่นอาจจะเป็นเหตุผลที่ผู้หญิงส่วนใหญ่ที่มองนิสัยด้านนี้ของผมเลยปฏิเสธตลอดล่ะมั้ง
ผมดูเวลาตรงนาฬิกาข้อมือ ตอนนี้ก็ราวๆ 9.04 pm. แล้ว
วันนี้อยู่ดึกมากเลยแฮะ มีแต่เรื่องวุ่นทั้งวันเลย...
ใช่แล้วล่ะ ทั้งวันอย่างที่ผมพูดนั่นล่ะ...
............
(สวนสาธารณะ 21.12)
สวนสาธารณะในตอนนี้มีคนเดินเพียงไม่กี่คน อาจเพราะที่นี่ไกลจากเขตตัวเมืองที่คนพลุกพล่านเยอะก็ได้ ที่พักผ่อนหย่อนใจแบบนี้เลยไม่เป็นที่นิยมเวลาดึกๆเท่าไร
และนอกจากจะเป็นที่ไว้พักผ่อนหย่อนใจ มันก็ยังเป็นที่ที่เลี่ยงอะไรต่อมิอะไรที่ไม่อยากให้คนภายนอกเห็นได้ง่ายด้วย...
............
สระน้ำที่อยู่ใจกลางสวนสาธารณะนี่สวยงามมาก สวยงามยิ่งกว่าคลองที่มีแสงจันทร์กระทบอีก และยิ่งที่นี่ไม่มีคนอยู่ด้วยแล้วล่ะก็...
“......มีสาวน่ารักมาตามสโตกเกอร์เราแบบนี้ เห็นทีจะอยากรู้จักสักหน่อยแล้ว”
“แต่ว่า... ถ้าให้ดีหน่อย คืออย่าพาผู้ชายมาจะดีกว่านะ”
......
หลังจากผมพูดจบ ก็มีผู้ชายกับผู้หญิงสองคนเดินออกมาจากต้นไม้ที่อยู่ด้านหลังของผม ดูท่าสองคนนี้จะแอบสะกดรอยมาสักระยะหนึ่งแล้วด้วยซ้ำ
“รู้ด้วยงั้นหรอ ว่าพวกเราตามมา” (ช)
“Yes”
“ตั้งแต่เมื่อไร?”
“ตั้งแต่เช้าเลยล่ะ เรารับรู้ขอบเขตของการบิดเบือนเวลาเพื่อปกปิดตัวเองจากมิติเวลา”
“ซึ่งเป็นพลังแบบเดียวกับที่เราใช้ที่โรงเรียน”
“ถูกต้องไหม?”
ผมหันหน้ามาหาพวกเขาสองคนที่อยู่ข้างหลัง ดูจากรูปหน้าแล้ว ผู้ชายที่อยู่ด้านซ้ายมือของเราน่าจะเป็นคนที่มาจากโซนยุโรป ก็ผมเหลืองเข้มกับตาสีส้มซะขนาดนั้น แถมรูปร่างดูกำยำและสูงมากกว่าเราซะอีก
ส่วนผู้หญิงข้างขวาของเราเหมือนจะเป็นคนไทย ผมสีดำที่มัดออกมาด้านซ้ายของเธอก็น่ารักดีนะ อายุน่าจะไล่เลี่ยหรืออ่อนกว่ายัยนั่นนิดหน่อย แถมมีไฝมหาเสน่ห์ใต้ตาซ้ายนี่โคตรจะตรงสเป็คเลยว่ะ แต่หน้าตาแลดูซาดิสม์พิกลๆแฮะ หวังว่าจะไม่เป็นอย่างนั้น
......
“นายพูดไทยชัดดีนี่ เป็นคนไทยงั้นหรอ?” (ญ)
“ไม่ใช่อะ เป็นชาวแคนาดา แค่พอดีหน้าดูทรงเอเชียหน่อยหนึ่งแค่นั้นเอง”
“เห... ที่นายพูดไทยชัดขนาดนี้ คงเพราะความสามารถที่ได้มาจากนาฬิกานั่นใช่ไหม”
“มันคงจะช่วยให้นายสามารถจดจำทุกคำพูดและทุกความหมายได้ดีกว่าคนปกติสินะ”
“ฮะฮะ เธอพูดถูกเผงเลย ถ้าไม่มีเจ้านี่(ที่ข้อมือ)ล่ะก็ คงไม่มีทางเรียนรู้หลักภาษาทั้งหมดด้วยเวลาเพียงแค่ 2 ปีได้หรอก”
การเป็นตัวแทนที่เชื่อมต่อมันก็ดีนะ ช่วยให้ความสามารถต่างๆของมนุษย์ขยายได้มากกว่าคนปกติ เพราะการใช้ประสิทธิภาพจากเวลาที่ไม่ขาดช่วงเหมือนคนทั่วไปที่มีกระแสเวลาจำกัด ขีดจำกัดในด้านต่างๆเลยเพิ่มขึ้นมาระดับหนึ่ง
“ฮึ...ฮึฮึ...”
ทำไมเธอถึงหัวเราะแบบนั้น...
“ดีเลย... ถ้านายเข้าใจภาษาได้ดีขนาดนี้”
“ตอนเวลานายเจ็บปวด... คงจะน่าฟังมากเลย”
ให้ตายสิ เป็นอย่างที่คิดเลย ยัยนี่มันซาดิสม์จริงๆ ไอ้เราก็ไม่ค่อยถูกกับพวกสาวซาดิสม์แบบนี้ซะด้วย นึกถึงสมัยก่อนที่ถูกสาวในห้องเอาไม้บรรทัดตีขึ้นมาเลย
“จะเอาส่วนไหนดีนะ... แขน... ขา... หรือลำตัวดี...”
“ควบคุมตัวเองหน่อย พิม”
“เราไม่ได้มาที่นี่เพื่อสู้กับหมอนั่นนะ”
“โห่... เคนนี่อะ”
หน้าของผู้หญิงที่ชื่อพิมนั่นแสดงออกมาชัดเจนเลยว่าเสียดายมากที่พวกเขาไม่ได้มาเพื่อคิดสู้กับเรา ว่าแต่มาทำไมล่ะนั่น?
“นี่... นายน่ะ”
เขากระเถิบเข้ามาหน่อยหนึ่ง
“มาร่วมมือกับพวกเราไหม?”
“หา? ร่วมมือ?”
“หมายความว่ายังไงที่ว่าร่วมมือ?”
“นายเองก็เป็นตัวแทนของผู้ใช้กาลเวลาคนหนึ่งใช่ไหมล่ะ พวกเราเองก็เป็นเหมือนกับนายนี่ล่ะ”
“คงรู้ดีอยู่แล้วใช่ไหม ว่าพลังในการบิดเบือนมิติเวลาของโลกปัจจุบันนั่น มีความทรงพลังมากแค่ไหน แม้ว่าจะเป็นไม่สามารถใช้ในพื้นที่ที่กว้างใหญ่มากเกินไปได้ แต่แค่นั้นก็เพียงพอที่จะใช้มันเพื่อทำประโยชน์ให้ตัวเองได้แล้ว”
“เพราะงั้นจงมาร่วมมือกับเราซะ เพื่อใช้พลังนั่นในการสร้างอาณาจักรของพวกเรา Silver Lotus”
“Silver Lotus? (ซิลเวอร์โลตัส หรือความหมายคือ ดอกบัวสีเงิน)”
เจ้านั่นดูจะโม้เกี่ยวกับโนบ้งโนเบิลอะไรนั่นมากเลยแฮะ คงจะอวยกลุ่มที่ตัวเองอยู่สุดๆเลย (สีหน้ากับท่าทางมันฟ้อง)
“ชิ... แค่อัดให้มันสลบและก็บังคับให้เข้ากลุ่มก็สิ้นเรื่องแล้ว”
“พิม!!”
“เอาเป็นว่า พวกเราที่มาวันนี้ก็เพื่อชวนให้นายมาเป็นพวกแค่นั้นแหละ ไม่ได้คิดจะมาเป็นศัตรูกับนายเลยแม้แต่น้อย
“เราจะรอฟังคำตอบของนายภายในสามวั-”
“ไม่เอาอะ...”
......
“หะ?”
“ก็มันน่าเบื่อน่ะ มีรวมกันเป็นกลุ่มเป็นก้อนแบบนั้นเราไม่ชอบเท่าไรเลยว่ะ”
ผมปฏิเสธพวกนั้นไปทันที ก็เพราะมันไม่มีความจำเป็นอะไรที่ผมต้องไปเข้าร่วมกับใคร หรือต้องไปสร้างอาณาเขต อาณาจักรบ้าบออะไรนั่นด้วย อะไรติดอยู่ในหูหว่า เขี่ยก่อน...
“นายเอาจริงงั้นหรอ? นี่เป็นหนทางที่พวกเราจะสร้างอาณาจักรใหม่มาเพื่อขึ้นปกครองเลยนะ พลังอำนาจที่สามารถควบคุมกาลเวลาได้ขนาดนี้ ก็ต้องรู้จักเอามาทำเรื่องสุดยอดแบบนั้นไม่ใช่รึไง?”
“ลองเก็บเอาไปทบทวนดูหน่อย-”
“ไม่ต้องหรอก... เพราะนั่นเป็นคำตอบที่ดีที่สุดแล้ว”
ผมพูดย้ำไปอีกครั้ง ก่อนจะหันหน้ากลับไปมองสระน้ำเหมือนเดิม แต่แสงจันทร์ตอนนี้ถูกเมฆบังไปอีกรอบแล้ว รู้สึกจะเป็นลางไม่ดีเลยนะ
“เราไม่สนใจเรื่องไร้สาระอย่างการครองโลกหรือสร้างอาณาจักรเพื่อปกครองอะไรนั่นหรอกนะ กลุ่ม Silver Lotus อะไรของพวกนายนั่นจะทำยังไงมันก็ไม่เกี่ยวกับเรา เป้าหมายของเรามันก็แค่เรื่องเรียบง่ายที่ไม่ใช่การครองโลก”
(ใช่แล้วล่ะ ความปรารถนาที่เราต้องการใช้เวลาก็เพราะ...)
“กลับไปซะเถอะ... เราขี้เกียจคุยกับพวกนายแล้ว”
“เดี๋ยวอีกสักพักเราก็คงจะ... กลับ...”
*เกร๊ง!*
เคนนี่กระโจนข้ามเวลามาโจมตีผมทันที โชคยังดีที่ผมรู้ตัวก่อน เลยเรียกดาบสั้นมาจากมิติว่างเปล่าพลิกตัวมารับการโจมตีจากค้อนด้ามยาวของเจ้านั่นด้านหลังได้ทันเวลา
สีหน้าของเจ้านี่ดูจะเอาจริงสินะ แบบนี้คงคุยให้จบด้วยดีไม่รู้เรื่องแล้วล่ะ
“เห้ เราบอกว่าขี้เกียจคุยต่อแล้วไง”
“แต่พวกเรายังไม่จบว่ะ”
“จนกว่าจะลากแกไปด้วยได้ยังไงก็ยังถือว่าการเจรจายังไม่สิ้นสุด”
ผมกับเจ้านั่นต่างดีดตัวหนีออกมาทิ้งระยะห่าง ตอนนี้สิ่งที่ผมต้องทำคือต้องสู้เท่านั้นแล้วสินะ
และที่อันตรายจริงๆ คือยัยนั่น ที่ตอนนี้ถือหยิบปืนขึ้นมาพร้อมรอยยิ้มที่ชวนขนลุกสุดๆ
“ฉันบอกแล้วไงเคน ว่าแค่อัดให้สลบๆไปซะก็สิ้นเรื่อง”
“อ่า... ดูท่าครั้งนี้เธอจะพูดถูก”
“ถ้าดึงมาเป็นพวกไม่ได้ ก็แค่พังนาฬิกาของมันทิ้งไปก็คงพอสินะ”
เจ้าหมอนี่พูดถึงเรื่องพังนาฬิกาแบบนี้ ท่าจะไม่ดีซะแล้วสิ ต้องตั้งรับดีๆซะแล้ว...
“แกคงจะรู้ดีสินะ... ความหมายของสิ่งที่ข้าพูดออกไป......”
“อ่า... เกือบลืมไปแล้วล่ะ ขอบคุณที่ช่วยเตือนความจำนะ”
“ก็ดีแล้ว จะได้เข้าใจง่ายๆหน่อย ถ้านาฬิกาของแกพัง การเชื่อมต่อเวลาของแกในฐานะตัวแทนก็จะยุติ ชีวิตของแกก็จะกลับไปเป็นเหมือนคนธรรมดาอีกครั้ง”
“แค่กระแสเวลาที่มีอยู่ในสื่อนำเวลาของแกจะแยกตัวออกมาจากสิ่งยึดเหนี่ยว และความสามารถในการเชื่อมต่อกับแกนกลางของเวลาของสื่อนำเวลาของผู้เชื่อมต่อคนอื่นก็จะเพิ่มขึ้น”
“ถ้าแกปฏิเสธที่จะให้ความร่วมมือกับพวกเรา ก็จงเป็นเครื่องมือให้พวกเราได้ใช้พลังตามความต้องการแทนก็แล้วกัน!”
...... พวกมันพร้อมสู้แล้ว ......
ดูท่าจะหลีกหนีการต่อสู้ไม่ได้สินะ งั้นแทนที่จะสู้ที่นี่ เปลี่ยนที่สักหน่อยน่าจะดี
“ช่วยไม่ได้”
“เคลื่อนย้าย!!”
“หืม?”
*ฮรืนนนนนน*
......
ร่างของวอร์เรนหายไปจากสายตาของทั้งสองคน ในเวลานี้ วอร์เรนไม่ได้อยู่ในห้วงเวลาที่พวกเขาอยู่แล้ว
“เคนนี่!!”
“รู้แล้วล่ะน่า”
......
ผมย้ายตัวเองมายังมิติว่างเปล่า เพราะไม่อยากให้มีคนนอกเห็นการต่อสู้หรือต้องมาเดือดร้อนจากการต่อสู้นี่
“มาจนได้สินะ”
ร่างของเคนนี่ค่อยๆเคลื่อนย้ายมายังมิติเดียวกันกับเรา แต่น่าแปลกที่เราไม่เห็นคนที่ชื่อ พิม อะไรนั่นเลย
“เพื่อนทิ้งงั้นหรอ?” (ยิ้มกวนประสาท)
“หึ แค่เราคนเดียวก็เกินพอแล้ว ยัยนั่นจะไปไหนก็ปล่อยไปเถอะ”
“ไม่ต้องมองด้วยสายตาน่ากลัวขนาดนั้นก็ได้ เป็นแค่ไก่ก็ทำตัวให้สมกับเป็นไก่สิ”
............
“อย่าดูถูกข้านะว้อย!!!”
โดนยั่วโมโหแค่นี้ก็ของขึ้นซะแล้วหรอเนี่ย สงสัยจะเป็นไก่อ่อนอย่างที่เราเข้าใจจริงๆ
............
เคนนี่ข้ามเวลาโผล่มาด้านหน้าของวอร์เรนทันที เขาใช้มือขวาถือค้อนด้ามยาวเพียงมือเดียวเหวี่ยงอาวุธงัดขึ้นใส่วอร์เรน
วอร์เรนรับการโจมตีครั้งนั้นด้วยดาบได้ทัน แต่ทว่าด้วยความรุนแรงของค้อนนั่น ทำให้ตัวของเขาสั่นเพราะการปะทะทันที
(พละกำลังอะไรกันเนี่ย!?)
วอร์เรนเลือกที่จะถอยออกมาตั้งหลัก แต่ยังไม่ทันถอยได้ไกลพอ เคนนี่ก็ข้ามเวลาโผล่มาด้านหลังเขาพอดี
“ข้าถนัดในการใช้เทคนิคการข้ามเวลา ข้าจึงใช้มันบ่อยๆได้มากกว่าผู้ควบคุมเวลาคนอื่น”
“นี่จะเป็น จุดจบของแก”
*ฟึ่บ!!!*
เคนนี่เหวี่ยงค้อนด้วยสองมือเต็มแรงหวังโจมตีแนวขวางใส่ลำตัวของวอร์เรน แต่ทว่า...
“ใช้ได้เลยนี่นา... เราไม่ได้มีความสามารถด้านการข้ามเวลาขนาดนั้นด้วย...”
“คงจะทำอะไรได้มากกว่านี้สินะ เจ้าไก่อ่อน”
“หึ... แบบนี้ค่อยน่าอัดให้สลบกว่าตอนแรกเยอะเลย”
วอร์เรนแสดงสีหน้าจริงจังออกมาแล้ว ผิดกับตอนแรกที่ทำสีหน้าทีเล่นทีจริง ตอนนี้สถานการณ์มันเปลี่ยนไปจากที่เขาคิดไว้มาก คงเพราะคนที่เขาสู้ด้วยไม่ได้อ่อนอย่างที่เขาคิด
คราวนี้เคนนี่พุ่งเข้ามาตรงๆแบบไม่ข้ามเวลามาโจมตี ทางด้านวอร์เรนที่ตั้งท่าเตรียมสู้อยู่พยายามอ่านทิศทางการโจมตีของเขา
(ทางขวา)
ทันทีที่เขาอ่านภาพที่จะเกิดขึ้นข้างหน้าออก วอร์เรนรีบหลบการโจมตีของค้อนที่เล็งทุบไหล่ขวาของเขาได้แบบหวุดหวิด
(ชิ ความเร็วเจ้านั่นมันมากกว่าที่คิดงั้นหรอ)
(คราวนี้งัดขึ้นและก็หมุนเหวี่ยงตัดลำตัว)
เคนนี่หยิบค้อนขึ้นมาพร้อมกับหมุนตัวเพื่อเพิ่มแรงเหวี่ยงในการโจมตีมากขึ้น โดยเล็งไปที่ข้างตัวของวอร์เรน
ในจังหวะนั้น วอร์เรนเลือกที่จะรับการโจมตีนั่น โดยเปลี่ยนทิศทางการจับดาบสั้นของมือขวามากันไว้ พร้อมกับใช้มือซ้ายช่วยรับแรงกระแทกอันหนักหน่วงของค้อนนั่นด้วย
(อึ้ก!!)
ด้วยแรงปะทะที่รุนแรงนั่น ตัวของวอร์เรนจึงกระเด็นไปตามแรงเหวี่ยงของค้อน ขาของเขายังคงยึดอยู่ที่พื้นได้หลังจากไหลไปไกลระดับหนึ่ง
พอเขาแหงนหน้าขึ้นบนฟ้าก็พบว่าเคนนี่ข้ามเวลาโดดมาอยู่เหนือตัวของวอร์เรน พร้อมกับเหวี่ยงค้อนสองมือทุบลงมาที่หัวอย่างจัง
วอร์เรนรีบดีดตัวออกมาจากตรงนั้นโดยเร่งความเร็วเวลาของตัวเอง ทำให้การโจมตีของเคนลงที่พื้นจนแตกเป็นเสี่ยงๆ แทน
*แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก*
วอร์เรนที่หันกลับมาตั้งท่าป้องกันการโจมตีชุดต่อไปของเคนนี่กำลังหายใจด้วยเสียงหอบ ดูท่าว่านี่จะไม่ใช่การต่อสู้ที่วอร์เรนชนะได้ง่ายๆเลยแม้แต่นิดเดียว
“หึ ที่คุยโวว่าคนอื่นเป็นไก่อ่อน”
“เป็นแกเองหรือเปล่า ที่เป็นไก่อ่อนน่ะ”
ผู้ชายคนนั้นถือค้อนด้ามยาวด้วยมือเดียวชี้มาที่วอร์เรน พละกำลังของผู้ชายคนนี้มีมากกว่าที่วอร์เรนคิดไว้
“อาจจะเป็นงั้นก็ได้ ถ้าเราโดนอัดสักรอบคงจะจุกไปนานเลยล่ะ”
“ดูท่าว่านายจะไม่ได้ใช้แค่การข้ามเวลาสินะ”
“ถูกต้อง ข้าสามารถเร่งเวลาการทำงานของร่างกายให้มีประสิทธิภาพได้มากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ได้หลายเท่า ถ้าแกโดนอัดสักรอบเดียวคงได้ไปสวรรค์มากกว่าสลบเลยล่ะ”
“หึ... น่ากลัวจริงๆ”
“ไง... ยอมรับแล้วว่าเทียบกันไม่ติดสินะ”
“อาวุธของแกเองก็เริ่มงอแล้วนะ จะสู้ทั้งๆสภาพนั้นแน่งั้นหรอ?”
*แฮ่ก แฮ่ก*
“นายพูดถูก ความจริงแล้วเราไม่ค่อยชอบการใช้อาวุธสั้นมือเดียวเท่าไรน่ะ”
“หือ? พูดอะไรของแก?”
“คิดจะพูดจาวางก้ามให้ข้าคนนี้กลัวงั้นหรอ?”
“ฝันไปเถอะ!!!”
เคนนี่พุ่งเข้ามาโดยเร่งความเร็วของตัวเองเพื่อโจมตีวอร์เรน ในขณะที่วอร์เรนยังคงยืนนิ่งพร้อมกับแสดงรอยยิ้มที่ดูกวนประสาทออกมาอีกครั้ง
(ทำไมเจ้านี่ ถึงยังยิ้มอยู่ได้!?)
ก่อนที่เคนจะพุ่งเข้าประชิดตัววอร์เรน ชั่วขณะนั้น วอร์เรนก็ปาของที่อยู่ในมือซ้ายออกมาดักทางที่เคนพุ่งเข้ามาพอดี
“อ๊ะ โทษทีนะ......พอดีชั้นบรรยากาศมันโล่งไปหน่อยน่ะ”
รอยยิ้มนั่น
*แผงตะปูหลากหลายรูปแบบออกมาจากช่องว่างมิติ หันคมตะปูเล็งใส่เคนนี่*
ในจังหวะนั้นที่เคนนี่พุ่งเข้าด้วยความเร็วสูง ทำให้เขาไม่สามารถเปลี่ยนไปใช้ความสามารถในการข้ามเวลาได้ เนื่องจากพลังต่างๆ มีรอยต่อของการใช้ ทำให้ไม่สามารถใช้ได้แบบต่อเนื่องทันที เขาหยุดไม่ได้แล้ว
ร่างของเคนนี่พุ่งเข้ามาโดนชุดตะปูที่วอร์เรนสร้างไว้เข้าอย่างจังเต็มแผงอก แขนสองข้าง และขา ทั้งๆที่เป็นแค่ชุดตะปูที่ตามปกติต้องร่วงลงสู่พื้น แต่ด้วยความสามารถในการหยุดเวลาของวอร์เรน ทำให้ตะปูทั้งหมดถูกตรึงอยู่ในอากาศ และยากที่จะขยับเขยื้อนสิ่งเหล่านั้น
ด้วยความสามารถในการหยุดเวลาของวอร์เรนนั้นสูงมาก ทำให้การตรึงเวลาให้อยู่ในสภาพนั้นแข็งแกร่งสุดๆ ยากที่จะแก้ไขสภาพเวลาปัจจุบันของตะปูพวกนั้นได้ และวิธีการต่อสู้ของเขาที่ใช้ตะปูรวมถึงชุดกับดักประเภทต่างๆ ทำให้เขาได้เปรียบคู่ต่อสู้ที่เน้นความเร็วแบบประชิดตัว เพราะนั่นจะทำให้กับดักของเขามีประสิทธิภาพในการหวังผลมากขึ้น
......
เอาล่ะ หลังจากที่ผมโดนไล่ต้อนมาตั้งนาน พอเริ่มจับทิศทางพลังของเจ้านี่ได้ทุกแบบแล้ว ก็คงต้องบอกว่าเจ้านี่ไม่ได้อ่อน แต่ไม่ใช่คนที่จะเอาชนะวิธีการต่อสู้ของผมได้
ระหว่างที่เจ้านี่ยังยืนเจ็บเพราะความเร็วของตัวเองปะทะเข้ากับชุดตะปูพวกนั้น ผมเลยถีบเข้าไปที่ท้องของเจ้านั่นเข้าเต็มๆหนึ่งทีจนกระเด็นกลิ้งไปไกลนิดหน่อย เพราะผมเร่งความเร็วในการถีบ แรงที่ส่งออกไปจึงมากอยู่เหมือนกัน
“อั้ก!!”
......
เจ้านั่นยังคงทรุดอยู่ตรงนั้นขยับเขยื้อนไปไหนไม่ได้หลังจากที่ผมถีบไปเต็มแรง
“แก... ไอ้ขี้โกง”
“แกล่อให้ข้าดึงความเร็วสูงสุดออกมาเพื่อปะทะกับกับดักของแกอย่างงั้นเองเหรอ!?”
“ใช่แล้วล่ะ ดาบสั้นที่เราใช้เป็นของที่มีไว้หลอกวิธีการต่อสู้เราน่ะ”
“เพราะการหยุดเวลาที่เราถนัด มันไม่เหมาะที่จะเอามาใช้ดาบสั้นเข้าสู้น่ะสิ”
ผมทำให้ดาบสั้นเล่มนั้นหายไป ขณะที่ในมือขวาของผมกำลังโยนชุดตะปูเล่นอยู่ในมือ
“การหยุดเวลาน่ะ ทำให้ตรึงเวลาสิ่งของต่างๆได้ดั่งใจนึก ชุดตะปูพวกนี้เราซ่อนในมิติเวลาเพื่อการนั้น”
“นี่ล่ะ วิธีการต่อสู้ของเรา”
ผมชนะเจ้านี่ได้จากการอ่านทักษะการใช้พลังด้านต่างๆ คำนวณถึงความเป็นไปได้ที่เจ้านี่จะใช้พลังรูปแบบอื่นๆได้อยู่ จริงๆแล้วถ้าเขาใช้พลังได้หลากหลายแบบกว่านั้นอาจจะทำให้วิธีการต่อสู้ของผมใช้การไม่ได้ก็เป็นได้
“หึ...หึหึหึ แกนี่... เก่งกว่าที่ข้าคิดจริงๆ”
เจ้านี่... ทำไมถึงยังหัวเราะได้อีก...
“นี่นาย... หรือว่า”
*แกร๊ก*
“หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ”
นี่มันเสียงของผู้หญิงที่มากับเจ้านี่ด้วยหนิ
ผมหันหน้าไปมองทางซ้ายที่เป็นต้นทางเสียงทันที
พบว่าผู้หญิงคนนี้จับเด็กผู้ชายคนหนึ่งมาเป็นตัวประกันเข้ามาในมิติที่ว่างเปล่านี่...
“นายคงรู้สินะ ถ้าฉันปล่อยเด็กคนนี้ จะเกิดอะไรขึ้นต่อไป...”
“นี่เธอ...!!”
“เด็กคนนี้... ก็จะหายไปตลอดกาลเลยไงล่ะ!!”
(กรอด!)
แววตาของยัยนั่น เสียงที่ยัยนั่นพูด... มันจะดูโรคจิตมากกว่าซาดิสม์แล้วด้วยซ้ำ...
จะเอายังไงดี เราที่ยังยืนอยู่ตรงนั้นได้แต่หยุดนิ่งอยู่กับที่ ตัดสินใจอะไรไม่ได้เลย ไม่ว่าจะเข้าไปเพื่อช่วยเด็กหรือเข้าไปเล่นงานยัยนั่น...
ถ้าเราพลาด... เด็กคนนั้นก็จะหายไปจากมิติเวลาทุกใบทันที...
............
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ