แค่อยากให้รู้ว่ารักเธอ
8.7
เขียนโดย ลันตนา
วันที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 เวลา 14.02 น.
33 บท
10 วิจารณ์
36.27K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 15 เมษายน พ.ศ. 2562 21.37 น. โดย เจ้าของนิยาย
7) บทที่ 7 เพื่อนออนไลน์คนใหม่
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่ 7 เพื่อนออนไลน์คนใหม่
อพาร์ทเมนท์แห่งหนึ่งในลอนดอนที่ไอรินทร์และญาณิศาใช้เป็นที่พักในขณะที่เรียนในประเทศอังกฤษ ตอนนี้ทั้งสองสาวกำลังช่วยกันถือกระเป๋าเดินทางของคุณวรรณวิภาและคุณวันชัยไปที่รถแท็กซี่ คุณวรรณวิภาและคุณวิชัยมาอยู่เป็นเพื่อนลูกสาวที่อังกฤษได้หนึ่งอาทิตย์แล้ว
“อยู่กับรินทร์อีกอาทิตย์เดียวไม่ได้เหรอคะ” ไอรินทร์พูดขณะกำลังลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ของวรรณวิภาลงมาจากห้องพักจนมาถึงรถแท็กซี่ที่จอดรออยู่หน้าอพาร์ทเมนท์ พร้อมกับวิชัย วรรณวิภาและญาณิศาที่เดินลงมาพร้อมกัน
“พ่ออยากให้ลูกฝึกเอาตัวรอดบ้าง... ญาณิศาก็อยู่เป็นเพื่อนลูกแล้ว” วิชัยพูดพลางหันไปที่ญาณิศาที่ยืนอยู่ข้างๆลูกสาว
“อยากรีบไปเที่ยวสวิสฯกับแม่ก็บอกมาเถอะค่ะ” หญิงสาวพูดอย่างแสนงอน วิชัยและวรรณวิภาก็หันมายิ้มให้กัน
“พ่อไปดีกว่าเดี่ยวตกเครื่อง” วิชัยพูดแบบนี้เพราะขี้เกียจจะคุยต่อกับลูกสาวขี้งอนแล้ว ถ้ายังพูดต่อคงอีกยาว
“รีบไปเที่ยวจริงๆด้วย” ไอรินทร์พูดแล้วมองไปที่พ่อที่กำลังจะเปิดประตูรถแท็กซี่ คุณวิชัยเองก็ทำเป็นไม่สนใจเสียงของลูกสาว
“แม่ไปแล้วนะลูกอยู่ที่นี้ก็ช่วยกันดูแลนะลูก ถ้าแม่กลับถึงเมืองไทยเมื่อไหร่แล้วแม่จะโทร.มา” วรรณวิภาสั่งเสียทั้งสองสาว
“ค่ะ/ค่ะ” ทั้งสองรับปาก ไอรินทร์เดินเข้าไปกอดพ่อกับแม่แล้วยกมือไหว้ท่านทั้งสอง ญาณิศาก็ยกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองเช่นกัน
“เดินทางโดยสวัสดิ์ภาพค่ะ” ไอรินทร์และญาณิศาพูดพร้อมกัน วิชัยและวรรณวิภาเดินไปขึ้นรถแท็กซี่เพื่อเดินทางไปสนามบินฮีทโธรว์
หลังจากไอรินทร์และญาณิศาส่งวิชัยและวรรณวิภาเสร็จแล้วก็ไปหาอาหารเย็นทานกัน เมื่อเสร็จจากการทานอาหารก็กลับมาห้องพัก
“แกผอมลงนะ” ญาณิศาทักไอรินทร์ขณะที่กำลังนั่งดูทีวีด้วยกันในห้องพัก
“ฉันไม่ชอบกินอาหารฝรั่งนะสิก็เลยกินน้อย”
ญาณิศานึกอะไรบางอย่างออกในวันที่คุยโทรศัพท์กันวันนั้นไอรินจะบอกอะไรบางอย่างแต่ก็ไม่ได้บอก เธอก็อยากจะถามตั้งแต่ตอนที่มาถึงแล้วแต่น้าภากับอาวิทอยู่ก็เลยไม่กล้าถาม ตอนนี้ท่านทั้งสองก็ไม่อยู่แล้วอยากจะถามแต่ก็กล้าๆกลัวๆว่าจะถามดีไหม(มันอยากรู้มากๆเลยนะ) ญาณิศาตัดสินใจอยู่สักพักแล้วก็รวบรวมความกล้าถามออกไป
“เอ่อ... แกจำได้ไหมวันนั้นที่เราคุยโทรศัพท์กันแกบอกว่าแกจะบอกอะไรฉันเหรอ” ญาณิศาถามเพื่อน
วันนั้นเป็นวันที่เราตัดสินใจจะมาอังกฤษ เพราะรู้ว่าพี่ก้องมีแฟนแล้วทั้งเจ็บทั้งเสียใจก็เลยตัดสินใจมาเพื่อจะได้ลืมเรื่องและความรู้สึกทั้งหมดที่มีให้มันหมดไป แล้วฉันจะบอกสายังไงดีนะ
“ไม่มีอะไรหรอกฉันแต่พูดลอยๆ แกอย่าไปสนใจเลย” ไอรินทร์ตัดสินใจพูดออกไปแล้วยิ้มปกปิด
“อย่าปกปิดฉันนะเลยแววตาแกมันฟ้องฉัน แกไม่สบายใจเรื่องอะไรบอกฉันก็ได้” ญาณิศาพูดเมื่อเธอเห็นเพื่อนเศร้าตัวเธอเองก็ไม่สบายใจเหมือนกัน ไอรินทร์เห็นเพื่อนมีท่าทางไม่สบายใจเธอจึงตัดสินใจบอกเผื่อทีมันอาจจะทำให้รูสึกสบายใจขึ้นบ้างเมื่อได้ระบายออกไป
“...ฉันเป็นแบบนี้เพราะฉันแอบชอบผู้ชายคนหนึ่งมานานแล้ว แต่ก็มารู้ทีหลังว่า... เขามีแฟนแล้ว ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าฉันชอบเขามากขนาดนี้ ฮือๆๆ...ฮือๆๆ” ไอรินทร์พูดไปก็ร้องไห้ไป
“ฉันสงสารแกจัง นี่คงเป็นเหตุผลที่แกอยากมาอังกฤษสินะ” ญาณิศาเองก็น้ำตาซึมเหมือนกันแล้วก็ดึงเพื่อนมากอดไว้เพราะสงสารเพื่อนจับใจ
“แล้วเขาชื่ออะไร” ญาณิศาถามเพื่อนที่ตอนนี้ตนกำลังกอดอยู่
ได้ยินคำถามนี้ไอรินทร์ก็เงียบแล้วน้ำตาก็ไหลมากกว่าเดิม บอกยังไงดีล่ะ
“ไม่อยากบอกก็ไม่เป็นไร ฉันขอโทษนะที่ถามแกแบบนี้” ญาณิศาเองก็ไม่อยากเซ้าซี้มาก เพื่อนอกหักเสียใจร้องไห้เธอก็ไม่อยากจะถามต่อแล้ว
ทางด้านของก้องภพตอนนี้ก็อาการของเขาก็ไม่ได้แตกต่างไปจากไอรินทร์มากนักเพียงแต่ไม่มีน้ำตาเท่านั้น หลังจากไอรินทร์ไปอังกฤษเขาก็กลายเป็นคนเงียบขรึมไม่ค่อยยิ้ม ต่างจากเมื่อก่อนที่ไอรินทร์ยังอยู่เขาเป็นคนช่างพูดและยิ้มง่าย เพื่อนๆชวนออกไปดื่มไปเที่ยวเมื่อก่อนเขาไม่เคยปฏิเสธ แต่ตอนนี้เขาปฏิเสธทุกคำชวน สิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดคือเขาอยากเจอไอรินคนเดียวเท่านั้น สุภาพรและเกรียงภพเห็นลูกชายเป็นแบบนี้มาหลายเดือนรู้สึกเป็นห่วงลูกมากๆ หัวอกคนเป็นพ่อเป็นแม่เมื่อเห็นลูกไม่สบายหรือทุกข์ใจก็อดที่จะเป็นห่วงลูกไม่ได้
“ก้องเป็นอะไรหรือเปล่าลูกหมู่นี้ดูเงียบๆนะ” สุภาพรเดินเข้ามานั่งข้างลูกชายและถามด้วยเสียงอ่อนโยนระคนเป็นห่วง
“ผมสบายดีครับ” ก้องภพและยิ้มแห้งๆให้แม่ ยิ้มแค่ปากแต่ตาไม่ได้ยิ้มด้วย คนราถ้ามีความสุขหรือสบายจริงๆต้องยิ้มทั้งปากและตาใช่ไหม
“มีอะไรไม่สบายใจก็บอกพ่อกับแม่ได้นะลูก” เกรียงภพที่เดินมาพร้อมกับภรรยาก็ถามขึ้นมาบ้าง
ก้องภพก็อยากบอกเหมือนกัน แต่ความรู้สึกมันยากที่จะบอกใครเหลือเกิน รออยู่คนเดียว เรียกหาอยู่คนเดียว คิดถึงอยู่คนเดียว
“อาร์มบอกแม่ว่าลูกเป็นแบบนี้ตั้งแต่รินทร์ไปอังกฤษแล้ว หรือว่าลูกทะเลาะกับน้องก่อนน้องจะไป” สุภาพรถามลูกชายเพราะรู้ว่าสองคนนี้เห็นหน้ากันทีไรทะเลาะกันทุกที
“ผมไม่ได้ทะเลาะอะไรกับรินทร์ทั้งนั้นครับ ผมแค่...” เกือบไปแล้วไหมล่ะ จะบอกดีไหมนะ บอกดีกว่าจะได้ไม่ต้องทำให้พ่อกับแม่เป็นห่วง อย่าดีกว่าถ้าบอกไปแล้วเดี๋ยวก็โดนหัวเราะ
ก้องภพทะเลาะกับความคิดของตัวเองอยู่ได้ไม่นาน เขาก็ตัดสินใจ “...ผม ผมคิดถึงรินทร์ครับ” ก้องภพพูดเสียงเบา ถ้าหากเขาสามารถเดินข้ามทวีปได้คงทำไปนานแล้ว
คุณสุภาพรและคุณเกรียงภพที่ได้ยินเช่นนั้นก็หันมายิ้มให้กันเหมือนกับว่าคุณสุภาพรและพ.อ.เกรียงภพคิดอะไรเหมือนกัน
ไอรินทร์เหน็ดเหนื่อยกับการทำการบ้านที่จะต้องส่งพรุ่งนี้มากจึงมานั่งเล่นคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คที่นำมาด้วยจากประเทศไทย ใช่ทำงานและเล่นไปด้วยเพื่อผ่อนคลายความเครียดจากการที่ต้องเร่งทำการบ้านหลายวิชาเพื่อจะได้ส่งทันปิดภาคเรียนที่หนึ่งปีสอง เธอเข้าไปดูเว็ปโน้นออกเว็ปนี้ ออกจากเว็ปนั้นก็เข้าไปอีกเว็ปหนึ่ง ฟังเพลงบ้างเล่นเกมส์บ้างดูข่าวดารา แล้วสุดท้ายเธอก็มาล็อคอินเข้าสู่เว็บไซต์โซเชียล เน็ตเวิร์กชื่อดังอย่างเฟสบุ๊คเพื่อติดตามข่าวคราวของเพื่อนใหม่ที่นี้บ้าง เพื่อนเก่าที่เมืองไทยและครอบครัวของเธอ มีแจ้งเตือนสิบข้อความ มีคนขอเป็นเพื่อนอีกหนึ่งคน เธอเลือกแจ้งเตือนข้อความก่อน ข้อความแรกเป็นของคุณวรรณวิภา
‘Wanvipa: เรียนปีสองเป็นยังไงบ้างลูกปิดเทอมเดี๋ยวแม่จะไปหา แม่เห็นพยากรณ์อากาศบอกว่าที่อังกฤษอากาศเย็นลงดูแลตัวเองด้วยนะลูก’
ไอรินทร์รู้สึกดีใจมากๆที่เห็นข้อความของแม่และเธอไม่ลืมที่จะตอบกลับด้วย ข้อความต่อมาเป็นของพีรพัตร์
‘Prince ARM: รินทร์น้องรัก ที่นั้นมีสาวๆสวยๆบ้างมั้ยครับแนะนำพี่สักคนสองคนสิ J’
‘พี่อาร์มนะพี่อาร์มเป็นห่วงน้องบ้างมีมั้ย’ ไอรินทร์คิดในใจและตอบกับข้อความนี้ด้วย
เมื่อเสร็จจากอ่านข้อความของทุกคนแล้วมือเล็กก็ย้ายเมาส์มาคลิกที่แจ้งขอแจ้งขอเป็นเพื่อน คลิกเข้าไปก็ปรากฏช่องสี่เหลี่ยมผืนผ้าเล็กๆข้างในนั้นมีเพื่อนที่ส่งคำร้องมาขอเป็นเพื่อนชื่อว่า ‘The Man_Next Door’ รูปโปรไฟล์ของเขาคือรูปภาพของคังฮยองวานักร้องที่เธอชื่นชอบมากๆ แล้วไอรินทร์ก็คลิกยืนยันคำขอโดยไม่ได้คิดอะไร
ผ่านไปสามสิบนาทีพื้นที่สำหรับเช็ทกับเพื่อนก็ทำงานอย่างอัตโนมัติเมื่อมีคนทักมา ไอรินทร์ก็คลิกเข้าไปที่ห้องสำหรับเช็ทที่ปรากฏอยู่มุมล่างขวาสีแดงๆ
[The Man_Next Door: say: 안녕하세요[1] ^_^ ]
ไอรินทร์รู้สึกแปลกใจเมื่อเพื่อนที่เธอรับมาเมื่อไม่นานทักเธอมาเป็นภาษาเกาหลี หญิงสาวจึงทักกลับไปบ้าง
‘RIN rin: say: 안녕하세요, 이름이뭐예요[2]?’
[The Man_Next Door: say:เอ่อ... อะไรครับ]
‘RIN rin: say: อ้าว! คุณเป็นคนไทย ทักฉันเป็นภาษาเกาหลีทำไม แล้วคุณชื่ออะไรคะ?’
[The Man_Next Door: say:...ครับผมเป็นคนไทย ผมเองก็เป็นพวกเกาหลีฟีเวอร์แล้วก็เป็นแฟนคลับของคังฮยองวาด้วย ผมชื่อ...]
(เงียบ 3นาที)
‘RIN rin: say: ชื่ออะไรคะ...’
[The Man_Next Door: say:ชื่อ... ปกป้องครับ แล้วคุณล่ะชื่ออะไร]
‘RIN rin: say: ชื่อรินทร์ คุณรู้ว่าฉันชอบคังฮยองวาแสดงว่าต้องไปแอบดูเฟสของฉันแล้วใช่มั้ย’
[The Man_Next Door: say:ก็นิดหน่อย แต่แฟนคลับด้วยกันก็ต้องต้องดูออกอยู่แล้ว คุณเป็นคนจังหวัดอะไร]
‘RIN rin: say: จังหวัดนครศรีฯ แต่ตอนนี้ฉันมาเรียนที่ลอนดอน แล้วคุณละ’
[The Man_Next Door: say:ผมคนกรุงเทพฯครับ เอ้อ...คุณอาทิตย์หน้าฮยองวาจะมาเมืองไทย]
‘RIN rin: say: จริงเหรอพี่ฮยองวาจะมา *v* แต่ฉันคงไม่ได้ไปดูหรอกเสียดายจัง’
[The Man_Next Door: say:อย่าเศร้าไปเลยครับ ถ้าผมไปผมจะถ่ายรูปแล้วก็ถ่ายวีดีโอมาให้คุณด้วยดีมั้ยครับ]
‘RIN rin: say: รบกวนแล้วก็ขอบคุณมากๆเลยค่ะJ ฉันไปก่อนนะคะดึกแล้ว บ๊าย’
[The Man_Next Door: say:กรุงเทพฯเพิ่งสี่โมงเย็นอยู่เลย ราตรีสวัสดิ์ครับรินทร์]
‘RIN rin: say: ค่ะ’
เสร็จจากเช็ทไอริทร์ก็ออกจากเว็ปไซต์แล้วปิดคอมฯ เดินมาล้มตัวลงนอนข้างๆญาณิศาที่หลับไปนานแล้ว หญิงสาวนึกถึงคนที่ชื่อปกป้องคนที่คุยเช็ทกันเมื่อกี้ ได้คุยกับเขาแล้วรู้สึกสนุกดีอาจจะเป็นเพราะเป็นแฟนคลับของนักร้องคนเดียวกัน
‘อยากให้พี่ก้องเป็นแฟนคลับของฮยองวาบ้างจังเลย แต่มันคงเป็นไปไม่ได้ใช่ไหม’ ไอรินทร์คิดในใจ เธอนอนคิดอะไรเล่นๆไปเรื่อยๆและเข้าสู่นิทราในยามดึก
‘ป่านนี้รินทร์หลับแล้วยังนะ แล้วหลับสบายหรือเปล่า’ ก้องภพมองขึ้นไปบนท้องฟ้าตอนนี้เป็นเวลาสี่โมงเย็นที่กรุงเทพฯแล้วคิดถึงคนที่อยู่อีกซีกโลก
----------------------------------------------------------------------------------
ข้อ [1] อ่านว่า อัน นยอง ฮา เซ โย แปลว่า สวัสดีครับ ข้อ [2] อ่านว่า อัน นยอง ฮา เซ โย, อี รือ มี มวอ เย โย แปลว่า สวัสดีค่ะ, ชื่ออะไรคะ
อพาร์ทเมนท์แห่งหนึ่งในลอนดอนที่ไอรินทร์และญาณิศาใช้เป็นที่พักในขณะที่เรียนในประเทศอังกฤษ ตอนนี้ทั้งสองสาวกำลังช่วยกันถือกระเป๋าเดินทางของคุณวรรณวิภาและคุณวันชัยไปที่รถแท็กซี่ คุณวรรณวิภาและคุณวิชัยมาอยู่เป็นเพื่อนลูกสาวที่อังกฤษได้หนึ่งอาทิตย์แล้ว
“อยู่กับรินทร์อีกอาทิตย์เดียวไม่ได้เหรอคะ” ไอรินทร์พูดขณะกำลังลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ของวรรณวิภาลงมาจากห้องพักจนมาถึงรถแท็กซี่ที่จอดรออยู่หน้าอพาร์ทเมนท์ พร้อมกับวิชัย วรรณวิภาและญาณิศาที่เดินลงมาพร้อมกัน
“พ่ออยากให้ลูกฝึกเอาตัวรอดบ้าง... ญาณิศาก็อยู่เป็นเพื่อนลูกแล้ว” วิชัยพูดพลางหันไปที่ญาณิศาที่ยืนอยู่ข้างๆลูกสาว
“อยากรีบไปเที่ยวสวิสฯกับแม่ก็บอกมาเถอะค่ะ” หญิงสาวพูดอย่างแสนงอน วิชัยและวรรณวิภาก็หันมายิ้มให้กัน
“พ่อไปดีกว่าเดี่ยวตกเครื่อง” วิชัยพูดแบบนี้เพราะขี้เกียจจะคุยต่อกับลูกสาวขี้งอนแล้ว ถ้ายังพูดต่อคงอีกยาว
“รีบไปเที่ยวจริงๆด้วย” ไอรินทร์พูดแล้วมองไปที่พ่อที่กำลังจะเปิดประตูรถแท็กซี่ คุณวิชัยเองก็ทำเป็นไม่สนใจเสียงของลูกสาว
“แม่ไปแล้วนะลูกอยู่ที่นี้ก็ช่วยกันดูแลนะลูก ถ้าแม่กลับถึงเมืองไทยเมื่อไหร่แล้วแม่จะโทร.มา” วรรณวิภาสั่งเสียทั้งสองสาว
“ค่ะ/ค่ะ” ทั้งสองรับปาก ไอรินทร์เดินเข้าไปกอดพ่อกับแม่แล้วยกมือไหว้ท่านทั้งสอง ญาณิศาก็ยกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองเช่นกัน
“เดินทางโดยสวัสดิ์ภาพค่ะ” ไอรินทร์และญาณิศาพูดพร้อมกัน วิชัยและวรรณวิภาเดินไปขึ้นรถแท็กซี่เพื่อเดินทางไปสนามบินฮีทโธรว์
หลังจากไอรินทร์และญาณิศาส่งวิชัยและวรรณวิภาเสร็จแล้วก็ไปหาอาหารเย็นทานกัน เมื่อเสร็จจากการทานอาหารก็กลับมาห้องพัก
“แกผอมลงนะ” ญาณิศาทักไอรินทร์ขณะที่กำลังนั่งดูทีวีด้วยกันในห้องพัก
“ฉันไม่ชอบกินอาหารฝรั่งนะสิก็เลยกินน้อย”
ญาณิศานึกอะไรบางอย่างออกในวันที่คุยโทรศัพท์กันวันนั้นไอรินจะบอกอะไรบางอย่างแต่ก็ไม่ได้บอก เธอก็อยากจะถามตั้งแต่ตอนที่มาถึงแล้วแต่น้าภากับอาวิทอยู่ก็เลยไม่กล้าถาม ตอนนี้ท่านทั้งสองก็ไม่อยู่แล้วอยากจะถามแต่ก็กล้าๆกลัวๆว่าจะถามดีไหม(มันอยากรู้มากๆเลยนะ) ญาณิศาตัดสินใจอยู่สักพักแล้วก็รวบรวมความกล้าถามออกไป
“เอ่อ... แกจำได้ไหมวันนั้นที่เราคุยโทรศัพท์กันแกบอกว่าแกจะบอกอะไรฉันเหรอ” ญาณิศาถามเพื่อน
วันนั้นเป็นวันที่เราตัดสินใจจะมาอังกฤษ เพราะรู้ว่าพี่ก้องมีแฟนแล้วทั้งเจ็บทั้งเสียใจก็เลยตัดสินใจมาเพื่อจะได้ลืมเรื่องและความรู้สึกทั้งหมดที่มีให้มันหมดไป แล้วฉันจะบอกสายังไงดีนะ
“ไม่มีอะไรหรอกฉันแต่พูดลอยๆ แกอย่าไปสนใจเลย” ไอรินทร์ตัดสินใจพูดออกไปแล้วยิ้มปกปิด
“อย่าปกปิดฉันนะเลยแววตาแกมันฟ้องฉัน แกไม่สบายใจเรื่องอะไรบอกฉันก็ได้” ญาณิศาพูดเมื่อเธอเห็นเพื่อนเศร้าตัวเธอเองก็ไม่สบายใจเหมือนกัน ไอรินทร์เห็นเพื่อนมีท่าทางไม่สบายใจเธอจึงตัดสินใจบอกเผื่อทีมันอาจจะทำให้รูสึกสบายใจขึ้นบ้างเมื่อได้ระบายออกไป
“...ฉันเป็นแบบนี้เพราะฉันแอบชอบผู้ชายคนหนึ่งมานานแล้ว แต่ก็มารู้ทีหลังว่า... เขามีแฟนแล้ว ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าฉันชอบเขามากขนาดนี้ ฮือๆๆ...ฮือๆๆ” ไอรินทร์พูดไปก็ร้องไห้ไป
“ฉันสงสารแกจัง นี่คงเป็นเหตุผลที่แกอยากมาอังกฤษสินะ” ญาณิศาเองก็น้ำตาซึมเหมือนกันแล้วก็ดึงเพื่อนมากอดไว้เพราะสงสารเพื่อนจับใจ
“แล้วเขาชื่ออะไร” ญาณิศาถามเพื่อนที่ตอนนี้ตนกำลังกอดอยู่
ได้ยินคำถามนี้ไอรินทร์ก็เงียบแล้วน้ำตาก็ไหลมากกว่าเดิม บอกยังไงดีล่ะ
“ไม่อยากบอกก็ไม่เป็นไร ฉันขอโทษนะที่ถามแกแบบนี้” ญาณิศาเองก็ไม่อยากเซ้าซี้มาก เพื่อนอกหักเสียใจร้องไห้เธอก็ไม่อยากจะถามต่อแล้ว
ทางด้านของก้องภพตอนนี้ก็อาการของเขาก็ไม่ได้แตกต่างไปจากไอรินทร์มากนักเพียงแต่ไม่มีน้ำตาเท่านั้น หลังจากไอรินทร์ไปอังกฤษเขาก็กลายเป็นคนเงียบขรึมไม่ค่อยยิ้ม ต่างจากเมื่อก่อนที่ไอรินทร์ยังอยู่เขาเป็นคนช่างพูดและยิ้มง่าย เพื่อนๆชวนออกไปดื่มไปเที่ยวเมื่อก่อนเขาไม่เคยปฏิเสธ แต่ตอนนี้เขาปฏิเสธทุกคำชวน สิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดคือเขาอยากเจอไอรินคนเดียวเท่านั้น สุภาพรและเกรียงภพเห็นลูกชายเป็นแบบนี้มาหลายเดือนรู้สึกเป็นห่วงลูกมากๆ หัวอกคนเป็นพ่อเป็นแม่เมื่อเห็นลูกไม่สบายหรือทุกข์ใจก็อดที่จะเป็นห่วงลูกไม่ได้
“ก้องเป็นอะไรหรือเปล่าลูกหมู่นี้ดูเงียบๆนะ” สุภาพรเดินเข้ามานั่งข้างลูกชายและถามด้วยเสียงอ่อนโยนระคนเป็นห่วง
“ผมสบายดีครับ” ก้องภพและยิ้มแห้งๆให้แม่ ยิ้มแค่ปากแต่ตาไม่ได้ยิ้มด้วย คนราถ้ามีความสุขหรือสบายจริงๆต้องยิ้มทั้งปากและตาใช่ไหม
“มีอะไรไม่สบายใจก็บอกพ่อกับแม่ได้นะลูก” เกรียงภพที่เดินมาพร้อมกับภรรยาก็ถามขึ้นมาบ้าง
ก้องภพก็อยากบอกเหมือนกัน แต่ความรู้สึกมันยากที่จะบอกใครเหลือเกิน รออยู่คนเดียว เรียกหาอยู่คนเดียว คิดถึงอยู่คนเดียว
“อาร์มบอกแม่ว่าลูกเป็นแบบนี้ตั้งแต่รินทร์ไปอังกฤษแล้ว หรือว่าลูกทะเลาะกับน้องก่อนน้องจะไป” สุภาพรถามลูกชายเพราะรู้ว่าสองคนนี้เห็นหน้ากันทีไรทะเลาะกันทุกที
“ผมไม่ได้ทะเลาะอะไรกับรินทร์ทั้งนั้นครับ ผมแค่...” เกือบไปแล้วไหมล่ะ จะบอกดีไหมนะ บอกดีกว่าจะได้ไม่ต้องทำให้พ่อกับแม่เป็นห่วง อย่าดีกว่าถ้าบอกไปแล้วเดี๋ยวก็โดนหัวเราะ
ก้องภพทะเลาะกับความคิดของตัวเองอยู่ได้ไม่นาน เขาก็ตัดสินใจ “...ผม ผมคิดถึงรินทร์ครับ” ก้องภพพูดเสียงเบา ถ้าหากเขาสามารถเดินข้ามทวีปได้คงทำไปนานแล้ว
คุณสุภาพรและคุณเกรียงภพที่ได้ยินเช่นนั้นก็หันมายิ้มให้กันเหมือนกับว่าคุณสุภาพรและพ.อ.เกรียงภพคิดอะไรเหมือนกัน
ไอรินทร์เหน็ดเหนื่อยกับการทำการบ้านที่จะต้องส่งพรุ่งนี้มากจึงมานั่งเล่นคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คที่นำมาด้วยจากประเทศไทย ใช่ทำงานและเล่นไปด้วยเพื่อผ่อนคลายความเครียดจากการที่ต้องเร่งทำการบ้านหลายวิชาเพื่อจะได้ส่งทันปิดภาคเรียนที่หนึ่งปีสอง เธอเข้าไปดูเว็ปโน้นออกเว็ปนี้ ออกจากเว็ปนั้นก็เข้าไปอีกเว็ปหนึ่ง ฟังเพลงบ้างเล่นเกมส์บ้างดูข่าวดารา แล้วสุดท้ายเธอก็มาล็อคอินเข้าสู่เว็บไซต์โซเชียล เน็ตเวิร์กชื่อดังอย่างเฟสบุ๊คเพื่อติดตามข่าวคราวของเพื่อนใหม่ที่นี้บ้าง เพื่อนเก่าที่เมืองไทยและครอบครัวของเธอ มีแจ้งเตือนสิบข้อความ มีคนขอเป็นเพื่อนอีกหนึ่งคน เธอเลือกแจ้งเตือนข้อความก่อน ข้อความแรกเป็นของคุณวรรณวิภา
‘Wanvipa: เรียนปีสองเป็นยังไงบ้างลูกปิดเทอมเดี๋ยวแม่จะไปหา แม่เห็นพยากรณ์อากาศบอกว่าที่อังกฤษอากาศเย็นลงดูแลตัวเองด้วยนะลูก’
ไอรินทร์รู้สึกดีใจมากๆที่เห็นข้อความของแม่และเธอไม่ลืมที่จะตอบกลับด้วย ข้อความต่อมาเป็นของพีรพัตร์
‘Prince ARM: รินทร์น้องรัก ที่นั้นมีสาวๆสวยๆบ้างมั้ยครับแนะนำพี่สักคนสองคนสิ J’
‘พี่อาร์มนะพี่อาร์มเป็นห่วงน้องบ้างมีมั้ย’ ไอรินทร์คิดในใจและตอบกับข้อความนี้ด้วย
เมื่อเสร็จจากอ่านข้อความของทุกคนแล้วมือเล็กก็ย้ายเมาส์มาคลิกที่แจ้งขอแจ้งขอเป็นเพื่อน คลิกเข้าไปก็ปรากฏช่องสี่เหลี่ยมผืนผ้าเล็กๆข้างในนั้นมีเพื่อนที่ส่งคำร้องมาขอเป็นเพื่อนชื่อว่า ‘The Man_Next Door’ รูปโปรไฟล์ของเขาคือรูปภาพของคังฮยองวานักร้องที่เธอชื่นชอบมากๆ แล้วไอรินทร์ก็คลิกยืนยันคำขอโดยไม่ได้คิดอะไร
ผ่านไปสามสิบนาทีพื้นที่สำหรับเช็ทกับเพื่อนก็ทำงานอย่างอัตโนมัติเมื่อมีคนทักมา ไอรินทร์ก็คลิกเข้าไปที่ห้องสำหรับเช็ทที่ปรากฏอยู่มุมล่างขวาสีแดงๆ
[The Man_Next Door: say: 안녕하세요[1] ^_^ ]
ไอรินทร์รู้สึกแปลกใจเมื่อเพื่อนที่เธอรับมาเมื่อไม่นานทักเธอมาเป็นภาษาเกาหลี หญิงสาวจึงทักกลับไปบ้าง
‘RIN rin: say: 안녕하세요, 이름이뭐예요[2]?’
[The Man_Next Door: say:เอ่อ... อะไรครับ]
‘RIN rin: say: อ้าว! คุณเป็นคนไทย ทักฉันเป็นภาษาเกาหลีทำไม แล้วคุณชื่ออะไรคะ?’
[The Man_Next Door: say:...ครับผมเป็นคนไทย ผมเองก็เป็นพวกเกาหลีฟีเวอร์แล้วก็เป็นแฟนคลับของคังฮยองวาด้วย ผมชื่อ...]
(เงียบ 3นาที)
‘RIN rin: say: ชื่ออะไรคะ...’
[The Man_Next Door: say:ชื่อ... ปกป้องครับ แล้วคุณล่ะชื่ออะไร]
‘RIN rin: say: ชื่อรินทร์ คุณรู้ว่าฉันชอบคังฮยองวาแสดงว่าต้องไปแอบดูเฟสของฉันแล้วใช่มั้ย’
[The Man_Next Door: say:ก็นิดหน่อย แต่แฟนคลับด้วยกันก็ต้องต้องดูออกอยู่แล้ว คุณเป็นคนจังหวัดอะไร]
‘RIN rin: say: จังหวัดนครศรีฯ แต่ตอนนี้ฉันมาเรียนที่ลอนดอน แล้วคุณละ’
[The Man_Next Door: say:ผมคนกรุงเทพฯครับ เอ้อ...คุณอาทิตย์หน้าฮยองวาจะมาเมืองไทย]
‘RIN rin: say: จริงเหรอพี่ฮยองวาจะมา *v* แต่ฉันคงไม่ได้ไปดูหรอกเสียดายจัง’
[The Man_Next Door: say:อย่าเศร้าไปเลยครับ ถ้าผมไปผมจะถ่ายรูปแล้วก็ถ่ายวีดีโอมาให้คุณด้วยดีมั้ยครับ]
‘RIN rin: say: รบกวนแล้วก็ขอบคุณมากๆเลยค่ะJ ฉันไปก่อนนะคะดึกแล้ว บ๊าย’
[The Man_Next Door: say:กรุงเทพฯเพิ่งสี่โมงเย็นอยู่เลย ราตรีสวัสดิ์ครับรินทร์]
‘RIN rin: say: ค่ะ’
เสร็จจากเช็ทไอริทร์ก็ออกจากเว็ปไซต์แล้วปิดคอมฯ เดินมาล้มตัวลงนอนข้างๆญาณิศาที่หลับไปนานแล้ว หญิงสาวนึกถึงคนที่ชื่อปกป้องคนที่คุยเช็ทกันเมื่อกี้ ได้คุยกับเขาแล้วรู้สึกสนุกดีอาจจะเป็นเพราะเป็นแฟนคลับของนักร้องคนเดียวกัน
‘อยากให้พี่ก้องเป็นแฟนคลับของฮยองวาบ้างจังเลย แต่มันคงเป็นไปไม่ได้ใช่ไหม’ ไอรินทร์คิดในใจ เธอนอนคิดอะไรเล่นๆไปเรื่อยๆและเข้าสู่นิทราในยามดึก
‘ป่านนี้รินทร์หลับแล้วยังนะ แล้วหลับสบายหรือเปล่า’ ก้องภพมองขึ้นไปบนท้องฟ้าตอนนี้เป็นเวลาสี่โมงเย็นที่กรุงเทพฯแล้วคิดถึงคนที่อยู่อีกซีกโลก
----------------------------------------------------------------------------------
ข้อ [1] อ่านว่า อัน นยอง ฮา เซ โย แปลว่า สวัสดีครับ ข้อ [2] อ่านว่า อัน นยอง ฮา เซ โย, อี รือ มี มวอ เย โย แปลว่า สวัสดีค่ะ, ชื่ออะไรคะ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ