แค่อยากให้รู้ว่ารักเธอ
เขียนโดย ลันตนา
วันที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 เวลา 14.02 น.
แก้ไขเมื่อ 15 เมษายน พ.ศ. 2562 21.37 น. โดย เจ้าของนิยาย
6) ความทรงจำครั้งสุดท้าย
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่ 6ความทรงจำครั้งสุดท้าย
19 พฤษภาคม พ.ศ.25xx
ครอบครัววัฒธนเวชก็มาพร้อมกันที่สนามบินแล้ว สนามบินนี้เป็นสนามบินประจำจังหวัดสามารถบินได้เฉพาะภายในประเทศเท่านั้นที่นี้เต็มไปด้วยผู้คนที่มารอโดยสารเครื่องบินเพื่อจะเดินทางไปต่างจังหวัด ดังนั้นถ้าหากจะไปต่างประเทศต้องนั่งเครื่องบินจากที่นี้แล้วไปต่อเครื่องบินที่กรุงเทพมหานคร
“สานะ สานะบอกแล้วว่าอย่ามาสายทำอะไรอยู่เนี่ย อีกสามสิบนาทีก็จะหมดเวลาเช็คอินแล้ว” ไอรินทร์พูดอย่างกระวนกระวายเมื่อเพื่อนสนิทยังมาไม่ถึง
“ลองโทร.ไปดูสิลูก” คุณวรรณวิภาแนะนำลูกสาว
“หนูโทรจนสายจะไหม้แล้วนะคะ” หญิงสาวพูดไปพร้อมกับกดโทรศัพท์มือถือ
ตึกๆๆๆ “แฮกๆๆ ขอโทษคะที่มาสาย คือว่า...”
“ไม่ต้องอธิบายแล้วรีบไปเช็คอินเร็วๆเดี๋ยวก็หมดเวลาหรอก” ญาณิศาวิ่งมาพร้อมกับกระเป๋าเดินทางสีชมพูลายจุดสีดำใบโต พอทำท่าจะอธิบายเหตุผลก็โดนเพื่อนพูดตัดไว้ก่อน
“รับทราบค่ะเจ้านาย” ญาณิศาพูดประชดแล้วรีบวิ่งไปที่เค้าเตอร์เช็คอินทีนที
เมื่อญาณิศาเช็คอินเสร็จเรียบร้อยก็มานั่งรวมกับคุณพ่อและคุณแม่ของไอรินทร์ที่โซนสำหรับให้ผู้โดยสารพักเพื่อรอเวลาประตูเปิด
“ฉันดีใจจังเลยที่จะได้ไปอังกฤษกับแก” ญาณิศานั่งอยู่ข้างๆไอรินทร์ก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงสดใส
“ฉันก็มีความสุขมากๆเลยที่ได้ไปอังกฤษกับแก” ไอรินทร์ก็พูดขึ้นบ้าง ปากบอกว่ามีความสุขแต่นัยน์ตาตาดูไม่มีความสุขเลย
“มีความสุขจริงเหรอจ๊ะ แววตาแกมันฟ้องฉันว่าแกไม่ได้เป็นอย่างที่พูด” ญาณิศามองตาเพื่อนปุ๊บก็รู้ปั๊บว่าเธอเป็นอะไร
“มีความสุขจริงๆสิ แกไม่เชื่อฉันเหรอ” ไอรินทร์พูดซ้ำเพื่อยืนยัน
“จ๊ะๆฉันเชื่อแก” ญาณิศาพูดอย่างยอมแพ้ แต่ในใจก็ไม่เชื่ออย่างที่เพื่อนบอกหรอกมันต้องมีอะไรสักอย่าง แต่ก็เก็บเอาไว้ในใจไม่ถามออกมา แล้วก็นั่งคุยกันต่อไปอย่างสนุกสนาน
พีรพัฒน์กำลังเดินไปมาอยู่ใกล้ๆกับที่ครอบครัวของตัวเองนั่งก็เห็นก้องภพกำลังเดินออกไปจากอาคารก็เรียกทัก
“ก้องนายมาทำอะไรที่นี้วะ” ก้องภพได้ยินที่พีรพัฒน์เรียกก็เดินเข้ามาหา ไอรินทร์ที่ได้ยินก็หันมาดูบ้างแล้วก็หันกลับไป
“พ่อกับแม่จะไปงานแต่งงานที่ภูเก็ตก็เลยมาส่ง แล้วนายละมาทำอะไร” ก้องภพอธิบาย ไอรินทร์ได้ยินที่ทั้งสองหนุ่มคุยกัน ก็ทำเป็นไม่สนใจแต่ก็หันไปมองบ้างเป็นระยะ
“มาส่งพ่อแม่รินทร์แล้วก็ญาณิศาไปอังกฤษนะสิส่วนฉันก็ต้องทำหน้าที่เป็นเด็กดีเฝ้าบ้าน เหงาไปอีกหลายวันกว่าพ่อกับแม่จะกลับมาจากส่งรินทร์” พีรพัฒน์พูด
“ขากลับไปหาร้านอร่อยๆกินไหมวะ อยู่บ้านกินข้าวคนเดียว‘เหงา’วะ” ก้องภพชวนพีรพัฒน์ ตรงคำว่าเหงาก็หันไปมองไอรินทร์ที่กำลังคุยกับเพื่อนอย่างสนุกสนาน
“เป็นความคิดที่ดีมากเพื่อน ร้านที่...” พีรพัฒน์เห็นด้วยแล้วทั้งสองก็คุยกันต่อไป
ในระหว่างที่กำลังคุยกันก้องภพก็หันไปมองไอรินทร์เป็นบางครั้ง ส่วนไอรินทร์บางทีก็หันมามองก้องภพบ้าง หันมองกันไปหันมองกันมาจนพระเจ้าเกิดความรำคาญจึงดลบันดาลให้ทั้งสองได้จ้องตากัน(ปิ้งๆ) ก้องภพมองตาไอรินทร์ไม่หลบไอรินทร์ก็อยากจะหลบแต่ก็หลบไม่ได้ ชายหนุ่มยิ้มหวานให้ไอรินทร์ก็รู้สึกดีขึ้นมาเหมือนโดนมนต์สะกดหญิงสาวจึงยิ้มให้ก้องภพบ้างแต่
‘ไม่ได้นะเขามีแฟนแล้วจะไปยิ้มให้เขาทำไม’ ไอรินทร์หุบยิ้มแล้วก็หันมาคุยกับเพื่อนต่อราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก้องภพที่เห็นอย่างนั้นก็คิดว่าไอรินทร์ไม่อยากเห็นหน้าตนอีกแล้ว
‘รินทร์ไม่อยากเห็นหน้าพี่ก็ไม่เป็นไร แต่รู้ไว้ด้วยนะว่าพี่อยากเห็นหน้ารินทร์ทุกวัน’ ก้องภพได้แต่พูดในใจ
“ท่านผู้โดยสารโปรดทราบขณะนี้เที่ยวบินที่ RA360 Rainbow Airline ที่จะให้บริการผู้โดยสารไปยังท่าอากาศยานใกล้พัง กรุงเทพมหานครขณะนี้...” เสียงประชาสัมพันธ์ประกาศ
“ถึงเวลาแล้วไปกันเถอะ” วิชัยชวนภรรยาลูกสาวและญาณิศา ทั้งหมดถือสัมภาระที่ไม่ได้โหลดเข้าใต้ท้องเครื่องขึ้นเครื่องบินแล้วเดินออกไป
“อาร์มพ่อกับแม่ไม่อยู่ดูแลบ้านด้วยนะลูก ถ้าลูกอยากได้อะไรก็โทร.มาบอกนะ” คุณวรรณวิภาหันมากำชับลูกชาย
“ไม่ต้องห่วงครับ” พีรพัฒน์ รับปาก
“ถึงเวลาแล้วค่ะแม่ไปกันเถอะ” ไอรินทร์เดินเข้ามาหาแม่แล้วพูด
‘ใช่มันถึงเวลาแล้วที่เราจะไม่ได้พบกันอีกนานแสนนาน พี่จะคิดถึงรินทร์ทุกวัน... ลาก่อน’ ก้องภพพูดในใจแล้วมองไปที่ไอรินทร์ ส่วนไอรินทร์ก็มองมาที่ก้องภพบ้าง ชายหนุ่มก็ยิ้มน้อยๆให้หญิงสาว
‘รินทร์อยากให้พี่คิดถึงน้องสาวคนนี้บ้างจังแต่รินทร์เข้าใจค่ะว่ามันเป็นไปไม่ได้แต่รินทร์จะคิดถึงพี่ทุกวันนะคะ ลาก่อน’ ไอรินทร์พูดในใจแล้วก็หันหลังร้องไห้เดินตามพ่อแม่และญาณิศาที่เดินนำไปก่อนแล้ว นั่นเป็นนาทีสั้นๆที่ทั้งคู่ได้มองตากัน ‘ฉันจะพยายามลืมพี่ก้องให้ได้แม้ว่าหัวใจมันจะไม่ยอมทำตามที่สั่งก็ตาม’
หลังจากพีรพัฒน์ส่งทุกคนเรียบร้อยทั้งสองหนุ่มก็ออกไปหาร้านอร่อยๆรับประทานอาหารกันเพื่อเป็นมื้อเย็นอย่างที่ได้ตกลงกันไว้ เมื่อเสร็จจากรับประทานอาหารแล้วก็พากันกลับบ้าน
“พ่อกับแม่แล้วก็รินทร์ไม่อยู่บ้านมันคึกคักดีจริงๆ” พีรพัฒน์พูดอย่างประชด “อ้าว! เข้ามานั่งข้างในก่อนสิ ยืนอยู่ได้” ชายหนุ่มเรียกก้องภพ แล้วก้องภพเข้ามานั่งอย่างที่เพื่อนชวน
“บ้านฉันพ่อกับแม่ไม่อยู่ก็เหงาเหมือนกัน” ก้องภพพูดขึ้นบ้าง
“คืนนี้นายมานอนบ้านฉันไหม” พีรพัฒน์ชวนก้องภพ
“แล้วบ้านฉันละ” ก้องภพถามออกไป
“คืนนี้นายมานอนบ้านฉันแล้วพรุ่งนี้ฉันก็จะไปนอนบ้านนาย สลับกันไงดีไหม” พีรพัฒน์เสนอก้องภพ ตอนเด็กๆพวกเขาก็ทำอย่างนี้กันบ่อยๆ
“ดีเหมือนกันไม่ได้มานอนกับนายตั้งนานแล้ว...คิดถึงวะ” ชายหนุ่มยอมรับข้อเสนอของเพื่อนแล้วก็แกล้งทำตาหวานๆใส่พีรพัฒน์ตรงคำว่าคิดถึงแล้วก็ขยับเข้าไปนั่งใกล้ๆพีรพัฒน์
“อื้อ... ฉันก็คิดถึงเหมือนกัน เฮ้ย! ไอ้ก้องเดี๋ยวฟ้าก็ผ่าตายพอดีพูดอะไรวะขนลุก” ตอนแรกพีรพัฒน์ก็ทำเคลิ้มแล้วก็คิดได้ทีหลัง
“ฮ้าๆๆ” ก้องภพก็หัวเราะใหญ่ที่ได้แกล้งเพื่อน แล้วชายหนุ่มก็กลับบ้านไปบอกพวกแม่บ้านว่าคืนนี้จะไม่นอนที่บ้าน
บ้านของก้องภพที่พ.อ.เกรียงภพกับสุภาพรไม่อยู่เขาคิดว่ามันก็ไม่เหงาเท่าไหร่หรอกเพราะว่ามีพวกแม่บ้านและคนดูแลสวนเดินไปมาอยู่บริเวณบ้านทั้งวัน แต่ในความรู้สึกของเขาที่ไม่มีไอรินทร์อยู่มันเหงาหว้าเหว่มาก
“พักนี้นายเป็นอะไรวะซึมๆหงอยๆ” พีรพัฒน์ถามก้องภพขณะที่กำลังนั่งดูทีวีอยู่ด้วยกันในห้องนั่งเล่นในบ้านของก้องภพ
“ไม่เป็นไร ฉันสบายดี” ปากบอกว่าสบายดีแต่หน้าดูไม่สบายดีเลย
“ทำหน้าเหมือนหมาเป็นหวัดเนี่ยนะสบายดี” พีรพัฒน์เห็นเพื่อนทำหน้าหงอยๆจึงแกล้งแซวเล่นชวนขำ
“ใช่นายพูดถูก” ก้องภพพยักหน้ายอมรับในคำแซวของเพื่อน
“ฉันแค่พูดเล่นๆอย่าจริงจังสิวะ ตกลงนายเป็นอะไรบอกฉันได้ไหม” พีรพัฒร์ถามเพื่อน
“...ที่ฉันเป็นอย่างนี้เพราะฉันคิดถึงใครคนหนึ่ง” ก้องภพพูดออกมาแล้วทำหน้าเศร้าๆ
“คนที่นายแอบชอบเหรอวะ” พีรพัฒน์ยื่นหน้าเข้าไปใกล้เพื่อนแล้วก็ถาม
“ใช่ฉันชอบเธอแต่ดูเหมือนว่าเธอจะไม่รู้ตัวเลย” ก้องภพตอบเพื่อนพร้อมกับทำหน้าเศร้าๆ
“แล้วทำไมนายไม่บอกเธอละ ถ้าเป็นฉันนะบอกไปตั้งนานแล้ว” พีรพัฒน์พูดด้วยความมั่นใจ
“ฉันไม่กล้าวะ เพราะฉันไม่รู้ว่าเธอคิดยังไงกับฉันแล้วเธอก็ไม่เคยแสดงท่าทีว่าชอบฉันด้วย” ก้องภพพูดน้ำเสียงเศร้าๆ
“ไอ้ก้องนายกำลังจะเป็นทหารแล้วนะโว้ยเรื่องแค่นี้ไม่กล้า แล้วผู้หญิงคนนั้นชื่ออะไรวะฉันรู้จักไหม” พีรพัฒน์พูด
“ชื่อ...ไม่บอกโว้ย!” เกือบหลุดไปแล้วไหมละ แล้วเรื่องอะไรจะบอกล่ะ ผู้หญิงคนนั้นพีรพัฒน์รู้จักดีเลยละ
“ผู้หญิงอะไรวะชื่อไม่บอกโว้ยชื่อแปลกชะมัด... อ้าวเฮ้ย! ทำไมนายไม่บอกชื่อเธอวะ” ตอนแรกพีรพัฒน์พูดไปก็เกาหัวไปกับชื่อแปลกๆของผู้หญิงคนนั้น แล้วก็นึกได้ว่าโดนเพื่อนอำ
“แล้วทำไมฉันต้องบอกนายด้วยวะ” ก้องภพพูดไปก็หัวเราะไปกับท่าทางของเพื่อน ใช่เรื่องอะไรจะบอก
“ก็คนมันอยากรู้นี่หว่า โธ่เซ็งวะ” พีรพัฒน์ผิดหวังมาก
“อาร์มฉันขออะไรนายหน่อยสิวะ” ก้องภพพูดแล้วทำท่ากวักมือให้เพื่อนเข้ามาใกล้ๆ
“ก้อง... นายจะทำอะไร” พีรพัฒน์พูดด้วยสายตาและท่าทางหวาดระแวง
“มาเถอะฉันไม่ทำอะไรนายหรอก ฉันไม่ใช่พวกชอบไม้ป่าเดียวกันนะโว้ย เอาหูมานี่” ก้องภพพูดเสียงดังเพราะเริ่มรำคาญท่าทีของเพื่อน จะระแวงอะไรนักหนา
“นายจะกัดหูฉันเหรอ” พีรพัฒน์พูดแล้วเอามือมาป้องไว้ที่หู
“ถ้านายยังไม่เลิกระแวงฉันกัดจริงนะโว้ย” ก้องภพเริ่มอารมณ์เสีย ได้ยินดังนั้นพีรพัตร์ก็เอามือออกจากหู
ก้องภพเป็นคนพูดจริงทำจริงถ้าไม่ทำตามที่สั่งมีหวังไม่มีหูไว้ประดับศีรษะแน่ แล้วพีรพัฒน์ก็เอาหูเข้าไปใกล้ๆก้องภพ ชายหนุ่มก็กระซิบบอกอะไรบางอย่างใส่หูเพื่อน
“นายจะเอาไปทำอะไรวะ” พีรพัฒน์ เอาหูออกมาแล้วถามเพื่อนเมื่อเพื่อนกระซิบเสร็จ
“เอามาให้ฉันหน่อยนะอาร์มทั้งสองอย่างเลย” ก้องภพขอร้อง
“ฉันให้นายอย่างที่สองก่อนก็แล้วกันอย่างแรกต้องไปถามพ่อกับแม่ เอากระดาษมาเดี๋ยวฉันจดให้” แล้วพีรพัฒน์ก็จดอีเมลของใครคนหนึ่งลงในกระดาษแผ่นเล็กให้ก้องภพ
“ขอบใจมากนะเพื่อน” ก้องภพมองไปที่กระดาษแผ่นเล็กแล้วยิ้มอย่างดีใจ
พีรพัฒน์มองหน้าเพื่อนนิ่ง ‘จะเอาไปทำอะไรของมันวะถามก็ไม่ยอมบอก’
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ