แค่อยากให้รู้ว่ารักเธอ

8.7

เขียนโดย ลันตนา

วันที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 เวลา 14.02 น.

  33 บท
  10 วิจารณ์
  36.24K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 15 เมษายน พ.ศ. 2562 21.37 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

8) รักแรกพบ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

บทที่ 8 รักแรกพบ

บนถนนสายหลักของลอนดอนการจราจรคับคั่งไปด้วยรถหลากหลายยี่ห้อ กำลังแล่นไปมาเพื่อจะไปยังจุหมายปลายทางที่คนขับได้กำหนดไว้ อีกด้านหนึ่งซึ่งตอนนี้กำลังร้อนรุ่มกระวนกระวายใจเหลือเกิน ญาณิศาเดินไปมาอยู่หน้ามหาวิทยาลัยมิตเดลตัลซึ่งเธอและไอรินทร์ได้เรียนอยู่ที่นี้ วันนี้พวกเธอมีเรียนช่วงบ่าย พวกเธอจะมามหาวิทยาลัยพร้อมกันทุกวันแต่วันนี้ญาณิศารีบออกมาก่อนเพราะมีงานด่วนที่ต้องส่งตอนเช้า ส่วนไอรินทร์ก็ทำงานค้างอยู่ที่ห้องพักเพื่อเตรียมส่งอาจารย์ในช่วงบ่าย ตอนนี้ก็สิบเอ็ดโมงแล้วทำไมยังไม่มาอีก อพาร์ทเมนท์กับมหาวิทยาลัยนั่งรถเมล์มาสามสิบนาทีก็ไม่นานมาก

“ไปไหนของแกเนี่ยป่านแล้วนี้ยังมาไม่ถึงอีก ลืมแล้วเหรอว่าวันนี้มีสอบปลายภาคด้วย” ญาณิศาพึมพำถึงเพื่อนอย่างหัวเสียที่ตอนนี้ยังมาไม่ถึงสักที

ส่วนไอรินทร์ตอนนี้กำลังนั่งรถเมล์อยู่ก็มองสองข้างทางด้วยความสงสัยว่าไม่คุ้นกับทางไปมหาวิทยาลัยเลย แล้วรถก็มาจอดตรงป้ายรถเมล์ ไอรินทร์จึงเดินลงเมื่อเธอหันไปดูที่รถก็ตกใจมากเพราะว่าเธอนั่งรถมาผิดสาย ปกติถ้าไปมหาวิทยาลัยต้องนั่งรถเมล์สายสีแดง แต่วันนี้เธอมีอาการเบลอจากการทำการบ้านมากจึงนั่งรถเมล์สายสีเขียวซึ่งเธอก็แปลกใจมาตลอดทางว่าทำไมยังไม่ถึงมหาวิทยาลัยสักที ไอรินทร์ก็หันไปอ่านป้าข้อมูลเกี่ยวกับรถเมล์ ป้ายเขียนไว้ว่า

‘ถนนเบอร์เกอร์มีรถเมล์สายสีเขียวและสีม่วงวิ่งผ่านเท่านั้น’

ซึ่งไอรินทร์ต้องยืนรออีกสิบกว่านาที กว่าจะนั่งรถแล้วรถก็ติดจนหนูสักตัวก็วิ่งผ่านไม่ได้ ต้องใช่เวลาเป็นชั่วโมงแน่ๆกว่าจะไปถึงมหาวิทยาลัย

‘กลุ้มใจจริงๆ ยายรินทร์เอ้ย ถ้าไปไม่ทันก็ต้องโดนตัดสิทธิ์สอบแถมอาจารย์วิชานี้ก็โคตรโหด งานนี้มีแต่ตายกับตาย ถ้าพระเจ้าสงสารก็เมตตาด้วยเถอะค่ะ’ หญิงสาวภาวนาในใจ

“คุณดูมีปัญหานะครับมีอะไรให้ผมช่วยมั้ย” มีเสียงของผู้ชายคนหนึ่งพูดภาษาอังกฤษแต่ออกสำเนียงฝรั่งเศสดังอยู่ข้างๆไอรินทร์

พระเจ้าเมตตาจริงๆหญิงสาวยิ้มด้วยความดีใจ ไอรินทร์จึงหันไปทางเจ้าของเสียงก็พบชายหนุ่มผมทอง นัยน์ตาสีฟ้าสดใส สูงประมาณร้อยเก้าสิบผิวขาว สวมเสื้อโค้ตสีดำสะพายกีตาร์ไว้ข้างหลัง กำลังยิ้มให้ไอรินทร์อย่างเป็นมิตร ไอรินทร์รู้สึกคุ้นหน้าหนุ่มคนนี้ยิ่งนักแต่นึกไม่ออกว่าเคยเห็นที่ไหน

“ค่ะฉันกำลังมีปัญหา คือว่าฉันนั่งรถผิดสาย”

“แล้วคุณจะไปไหนครับ” เจ้าของผมสีทองถามไอรินทร์และยังไม่หยุดยิ้มให้หญิงสาว

“ฉันกำลังจะไปมหาวิทยาลัยมิตเดลตัล” ไอรินทร์ตอบชายหนุ่ม

“ผมก็กำลังจะไปมิตเดลตัลเหมือนกัน ไปด้วยกันมั้ยครับ” เจ้าของผมสีทองเห็นฝ่ายหญิงไม่เชื่อจึงล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อโค้ตเพื่อหยิบกระเป๋าสตางค์แล้วเอาบัตรประจำตัวนักศึกษาออกมาให้เธอดู

“ก็ได้ค่ะ คุณแอนเดอสัน” ไอรินทร์พยักหน้าและยิ้มให้

เป็นยิ้มที่หวานและน่ารักจริงๆ แอนเดอสันคิดอย่างนั้น

“เชิญครับ รถของผมจอดอยู่ทางโน้น” แอนเดอสันพูดเชิญไอรินทร์ แล้วเดินนำหญิงสาวมาที่รถของตน

“รถคุณสวยจังเลยค่ะ” ไอรินทร์กำลังชื่นชมความงามของรถหรูสีดำวาววับที่ถูกดูแลอย่างดีอยู่เบื้องหน้า

“ขอบคุณครับ ถ้าคุณอยากนั่งอีกก็บอกผมนะครับ” ร่างสูงพูดขณะนำกีตาร์ไปวางไว้ที่ท้ายรถ

นั่งอีกเหรอ หมายความว่ายังไง ไอรินทร์ได้ยินประโยคนั้นก็รู้สึกแปลกใจ แล้วก็เปิดประตูรถมานั่งข้างคนขับ แอนเดอสันก็มานั่งประจำที่ที่นั่งคนขับ ไม่ช้ารถก็เคลื่อนออกไป

“คราวหลังอย่าเรียกผมว่าแอนเดอสันนะ” คนขับรถพูดในขณะที่สายตากำลังจ้องมองไปยังถนนเบื้องหน้า

“ทำไมล่ะคะ คนฝรั่งถ้าไม่สนิทกันก็ต้องเรียกนามสกุลไม่ถูกเหรอคะ” ไอรินทร์พูดออกไปตามข้อมูลที่เธอเคยอ่าน คนขับรถก็ยิ้มและส่ายหัวน้อยๆกับความไร้เดียงสาของหญิงสาว

“มันก็ถูกครับ แต่สำหรับคุณไม่ต้องเรียกนามสกุลก็ได้เรียกปีเตอร์เฉยๆก็พอ”

สำหรับคุณเหรอ? เอาอีกแล้วคำพูดชวนสงสัย ไอรินทร์คิด

“แล้วคุณล่ะชื่ออะไร” ปีเตอร์ถามหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ

“ฉันชื่อไอรินทร์ วัฒธนเวช เรียกสั้นๆว่ารินทร์” แต่ดูเหมือนชายหนุ่มจะทำท่างงๆกับชื่อของหญิงสาว ไอรินทร์อาจจะพูดเร็วเกินไป

“ชื่อคุณพูดยากจัง อะไรเวดๆนะ” ปีเตอร์พูดออกมาเหนื่อยๆกับชื่อของหญิงสาว ชื่อของเธอมันพูดไม่ยากแต่นามสกุลมันอาจจะพูดอยากสำหรับเขา

“ไอรินทร์ วัฒธนเวช เรียกสั้นๆว่ารินทร์” หญิงสาวพูดช้าๆชัดๆที่ชื่อและนามสกุลของเธอ

“โอเค! ผมเข้าใจแล้ว รินทร์”

“คุณแอน... เอ๊ย ปีเตอร์เป็นคนฝรั่งเศสเหรอ” ไอรินทร์อดสงสัยไม่ได้เกี่ยวกับสำเนียงในการพูดภาษาอังกฤษของเขา

“ผมเป็นลูกครึ่งอังกฤษ-ฝรั่งเศส เกิดที่ฝรั่งเศสอยู่ที่นั่นจนอายุสิบเก้าแล้วย้ายมาอยู่อังกฤษ ผมพยายามพูดสำเนียงอังกฤษให้ได้แต่มันออกเสียงยากจริงๆ เพราะผมพูดภาษาฝรั่งเศสตั้งแต่เกิด จนตอนนี้ผมอายุยี่สิบสองแล้วพอพูดภาษาอังกฤษก็ยังออกสำเนียงฝรั่งเศสอยู่ รินทร์เองก็พูดสำเนียงอังกฤษชัดเหมือนกันนะ” ชายหนุ่มเล่าเรื่องราวของตัวเอง

“แหมนิดหน่อยค่ะ คุณก็พยายามเข้านะคะ” ไอรินทร์ให้กำลังใจหนุ่มลูกครึ่ง

“ผมจะพยายามครับ ใกล้จะถึงมหาวิทยาลัยแล้ว”

“คุยกับปีเตอร์จนเพลินไม่ได้ดูทางเลย เดี๋ยวไปจอดตรงนั้นก็ได้ค่ะเพื่อนฉันรอยู่พอดี” ไอรินทร์ชี้ไปทางที่ญาณิศายืนอยู่

“รินทร์กับเพื่อนเนี่ยสวยไม่แพ้กันเลย”

เป็นจริงอย่างที่ปีเตอร์ว่า ตอนนี้ไอรินทร์ไม่ได้อ้วนเหมือนตอนเด็กๆแล้ว รูปร่างของเธอตอนนี้เพรียวบางเนื่องจากออกกำลังกายบ่อย เพราะเธอทำตามคำมั่นที่เคยสัญญากับตัวเองไว้ว่าจะสวยขึ้นให้ได้ จะได้ไม่ต้องให้ก้องภพพูดล้ออีก ผมที่เคยหยิกก็ถูกยืดให้ตรงแล้วไว้ยาวถึงกลางหลัง

“ขอบคุณสำหรับคำชมค่ะและขอบคุณที่มาส่ง”

“โอกาสหน้าเจอกันใหม่ครับ”

ไอรินทร์เปิดประตูลงมาจากรถแล้วเดินไปที่ญาณิศาตอนนี้กำลังทำตาเขียวใส่

“แกไปไหนมาแล้วมากับผู้ชายคนนั้นได้ยังไง” ญาณิศาถามเพื่อนผสมอารมณ์โมโหนิดๆ

“ฉันนั่งรถผิดสาย ไปเจอปีเตอร์เค้าก็จะมามหาวิทยาลัยพอดีก็เลยให้ฉันติดรถมาด้วย” ไอรินทร์อธิบายเหตุผลให้เพื่อน

“แกคงจะทำการบ้านจนเบลอใช่ไหมเนี่ย แล้วปีเตอร์คนนั้นใช่ปีเตอร์ แอนเดอสันลูกชายของอธิการบดีมหาวิทยาลัยหรือเปล่า”

“จริงสิฉันจำได้แล้วเขาเป็นนายแบบของมหาวิทยาลัยด้วย ตอนแรกก็นึกไม่ออกเลย”

ไอรินทร์และญาณิศายืนคุยอยู่ด้วยกันไม่นานก็เดินเข้าไปในมหาวิทยาลัยด้วยกัน ส่วนชายหนุ่มที่ส่งไอรินทร์เมื่อครู่ก็ยืนมองทั้งสองสาวเดินขึ้นอาคารเรียนไปด้วยกันโดยที่ทั้งสองไม่รู้ตัวว่ามีคนแอบมองอยู่ใต้ต้นไม้หน้าอาคาร ชายหนุ่มยิ้มอย่างมีเล่ห์นัยบางอย่างแล้วเดินออกไปจากตรงนั้นเมื่อสองสาวเดินขึ้นบันไดพ้นสายตาของเขาแล้ว

 

“สวัสดีครับสาวๆ” เสียงของชายหนุ่มคนหนึ่งเอ่ยทักไอรินทร์และญาณิศาที่กำลังเดินออกมาจากอาคารเรียน

“สวัสดีปีเตอร์” สองสาวเอ่ยทักชายหนุ่มพร้อมกัน

“กำลังจะไปไหน” ปีเตอร์ถามสองสาวแต่สายตาของเขาจับจ้องอยู่ที่ไอรินทร์

“ไปหาอาหารมื้อเย็นทาน แล้วก็กลับอพาร์ทเมนท์วันนี้สอบทั้งวันเหนื่อยมากเลย” ญาณิศาตอบชายหนุ่มแล้วส่งยิ้มหวานสุดชีวิตให้ปีเตอร์

“ถ้าอย่างนั้นวันนี้ผมขอเลี้ยงมื้อเย็นรินทร์กับสาได้ไหม ปีเตอร์พูด ญาณิศาก็ทำท่าทางดี้ด๊าดีใจจนออกนอกหน้า แต่ไอรินทร์ไม่เป็นแบบนั้น

“มันจะดีเหรอ อาทิตย์ที่แล้วปีเตอร์เลี้ยงพวกเราตั้งหลายมื้อ ไม่ดีกว่าพวกเราเกรงใจ” ไอรินทร์ปฏิเสธชายหนุ่มให้สุภาพที่สุด และพาญาณิศาเดินเลี่ยงไปอีกทาง

“โธ่ รินทร์เขาอุตส่าห์มีน้ำใจปฏิเสธทำไมล่ะ ดีค่ะปีเตอร์งั้นเราไปกันเลย” ไม่พูดเปล่าญาณิศาก็เข้าไปควงแขนของปีเตอร์ทันที ดูเหมือนว่าญาณิศาจะตกหลุมรักหนุ่มลูกครึ่งเข้าแล้ว

ไอรินทร์อยากจะห้ามปรามแต่ก็พูดไม่ทันโดนญาณิศาเข้ามาลากจนได้ เธอพยายามปฏิเสธเพราะไม่ค่อยอยากอยู่ใกล้ปีเตอร์ไม่ได้รังเกียจเขานะ แต่รู้สึกยังไงก็บอกไม่ถูกเมื่อได้อยู่ใกล้ผู้ชายคนนี้

“อาหารมาเสริฟแล้ว” ญาณิศาสะกิดไอรินทร์ให้หลุดออกจากภวังค์ความคิด

“รินทร์ไม่สบายเหรอ ผมเห็นคุณนั่งเหม่อตั้งแต่อยู่บนรถแล้ว” ปีเตอร์ถามหญิงสาวด้วยน้ำเสียงความห่วงใย

“เหม่อลอยคิดถึงพี่ก้องอยู่เหรอ แหมคนรักกันก็ยังงี้แหละเนอะ” ญาณิศาพูดเป็นภาษาไทยด้วยท่าทางยียวนใส่เพื่อนสาวที่นั่งข้างๆ ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงข้ามก็ไม่เข้าใจที่ทั้งสองสาวพูดกัน

“บ้าเหรอ ใครจะไปคิดถึง รินทร์สบายดีปีเตอร์” ไอรินทร์พูดเฉไฉ ฮึคิดถึงคนที่เขามีแฟนเหรอคิดทำไม

แล้วทุกคนก็ลงมือทานอาหารของตัวเอง ไอรินทร์ทานอยู่ได้สักครู่ก็รู้สึกเหมือนมีคนจ้องมอง หญิงสาวจึงเงยหน้าขึ้นก็พบกับดวงตาสีฟ้ากำลังมองหญิงสาวด้วยความอ่อนโยนแต่ไอรินทร์ไม่ได้รู้สึกอะไร

“ปีเตอร์มองรินทร์ทำไมเหรอ” ไอรินทร์ถามชายหนุ่มด้วยความสงสัย

“เปล่า ก็แค่อยากมอง” ปีเตอร์พูดแล้วทำหน้าตาเฉย

ปีเตอร์นะ ปีเตอร์ทำไมไม่มองฉันบ้างละ อุตส่าห์มองตั้งหลายรอบแล้วไม่สนใจกันบ้าง ญาณิศาพูดในใจด้วยความตัดพ้อแล้วทำหน้าบูดบึ้ง

เมื่ออาหารค่ำจบลงที่มีปีเตอร์ แอนเดอสันเป็นผู้เลี้ยงมื้อนี้ให้กับทั้งสองสาว เขาก็อาสาเป็นสารถีขับรถไปส่งที่ อพาร์ทเมนท์ ก่อนจะออกจากร้านอาหารชายหนุ่มก็ชวนไอรินทร์และญาณิศาไปช๊อปปิ้งในห้าง แต่ไอรินทร์ก็ปฏิเสธอีกเช่นเคย ส่วนญาณิศาก็อยากไปมาก (เพราะจะได้อยู่ใกล้พ่อหนุ่มรูปหล่อไงละ) แต่ก็โดนไอรินทร์ห้ามเอาไว้

“ขอบคุณมากนะคะที่มาส่ง” ไอรินทร์พูดจบก็เปิดประตูรถลง ญาณิศาก็ตามลงมา

“ยินดีครับ” ชายหนุ่มตอบรับคำขอบคุณ แล้วไอรินทร์และญาณิศาก็เดินเข้าไปในอพาร์ทเมนท์ ญาณิศาก็ไม่วายหันมามองชายหนุ่มแล้วส่งยิ้มหวานให้ ส่วนปีเตอร์ก็ยิ้มตอบเช่นกัน

สายตาของชายหนุ่มเปลี่ยนจากสดใสเมื่อกี้กลายเป็นสายตาของหมาป่าเจ้าเล่ห์พร้อมกับจ้องไปที่ไอรินทร์ตลอด ตัวเขาเองก็พบเจอผู้หญิงมามากมาย แต่ไม่เคยตกหลุมรักใครก่อน ส่วนมากผู้หญิงจะตกหลุมเขาก่อนทุกครั้ง เขาตกหลุมรักเธอตั้งแต่แรกเห็น จับตามองเธอทุกฝีก้าวไม่ว่าเธอจะไปไหนหรือทำอะไร

“คุณเป็นผู้หญิงที่น่าหลงใหลจริงๆ” ริมฝีปากหนาของชายหนุ่มแสยะยิ้มออกมาเมื่อคิดอะไรบางอย่าง

 

“เฮ้อ อิ่มทั้งอาหารกายอาหาร อิ่มทั้งตาจริงๆ” ญาณิศาพูดอย่างมีความสุขขณะทิ้งตัวลงนอนบนเตียงนอนในห้องพัก

“อะไรฮะ อาหารตาของแก” ไอรินทร์เดินไปเปิดคอมฯแล้วหันไปถามเพื่อน

“แหม อะไรอีกละก็ปีเตอร์รูปหล่อไง มองกี่ทีก็อิ่ม” ญาณิศาพูดไปก็ทำตาหวานเยิ้มเหมือนกับได้ทานอาหารรสเลิศ

“ตกหลุมรักเขาเข้าแล้วใช่มั้ย” ไอรินทร์พูดไปมือของเธอก็พิมพ์ชื่อเวปไซต์ไปด้วย

“ฉันตกหลุมรักปีเตอร์เข้าอย่างจังเลยล่ะ แต่ปีเตอร์เขาคงไม่มาตกหลุมรักฉันหรอก” ญาณิศาพูดเสียงเศร้าๆ

“ทำไมละ” ไอรินทร์ถามพรางตาของเธอก็ดูรูปของนักร้องที่เธอชอบไปด้วย รูปพวกนี้เป็นรูปของปกป้องเพื่อนในFacebook ของเธอ เมื่ออาทิตย์ที่แล้วบอกว่าจะเอามาให้ดู แล้วเค้าก็เอามาให้ดูจริงๆ มีภาพตอนให้สัมภาษณ์ ตอนร้องเพลง แล้วก็มีวีดีโอด้วย

“สงสัยปีเตอร์ตกหลุมรักแกเข้าแล้วไงละ” ไอรินทร์ได้ยินดังนั้นก็ไม่ได้คิดอะไรมากเพราะเธอไม่ได้รู้สึกอะไรกับปีเตอร์มากกว่าเพื่อน

“พูดอะไรของแกเนี่ย”

ญาณิศาลุกขึ้นนั่งบนเตียงแล้วมองแผ่นหลังเล็กของไอรินทรที่กำลังนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ไม่ได้หันมามอง แล้วพูดออกมาอย่างจริงจัง

“ฉันพูดจริงนะแกฉันสังเกตมาตลอดว่าปีเตอร์เขามองแกตลอดตอนที่ไปกินข้าวเมื่อกี้” ญาณิศายืนยันความจริงจากที่ตนได้เห็นเมื่อช่วงหัวค่ำตอนที่นั่งรับประทานอาหารเย็นด้วยกัน

“...” ตัวเธอเองก็รู้สึกเหมือนกันว่าถูกมองแต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก

“ปีเตอร์เค้าสนใจแกแล้วแกไม่สนใจเค้าบ้างเหรอ”

“ฉันคิดกับปีเตอร์แค่เพื่อน ไม่ได้คิดอะไรไปมากกว่านี้” ไอรินทร์หันไปค้อนใส่เพื่อน

ไอรินทร์ไม่เข้าใจจริงๆว่าญาณิศาไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยเหรอว่าผู้ชายคนนี้เวลาอยู่ใกล้พวกเธอสองคนเขามีท่าทางแปลกๆ

“จ๊ะๆ คืนนี้อากาศหนาวชะมัด รินทร์ฝากเปิดฮีทเตอร์ด้วยนะ ฉันจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้า”

“ค่ะ คุณผู้หญิง” หญิงสาวที่นั่งอยู่หน้าจอคอมฯว่าอย่างประชด แล้วเดินไปเปิดฮีตเตอร์ตามที่เพื่อนขอ แม้ว่าที่บ้านของไอรินทร์และญาณิศาจะมีคนรับใช้คอยดูแลช่วยเหลือทุกอย่าง แต่พอมาอยู่ต่างบ้านต่างเมือง ก็ต้องช่วยกันดูแลและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน

ตื่อดึ้ง!

เสียงเตือนช่องแชทในเฟสบุ๊กดังขึ้น หญิงสาวไม่รอช้ารีบคลิกเข้าไปทันทีที่ช่องสีแดงๆปรากฏอยู่มุมล่างขวา

[The Man_Next Door: say: เป็นยังไงบ้างครับรูปที่ผมส่งมาให้ ชอบมั้ย??]

‘Rin rin: say: ชอบม๊าก มาก ป้องถ่ายรูปเก่งจังภาพสวยมากเลย’

[The Man_Next Door: say: ขอบคุณครับ วีดีโอก็มีนะ]

‘Rin rin: say: ดูแล้ว ดูแล้ว นักร้องหล้อหล่อ เพลงก็เพราะมากๆ *v*’

[The Man_Next Door: say: ใช่เพลงเพราะมาก ความหมายของเพลงนี้มันทำให้ผมคิดถึงใครคนหนึ่ง]

‘Rin rin: say: แฟนของป้องเหรอ’ (อยากรู้อยากเห็น)

[The Man_Next Door: say: ก็ไม่เชิงหรอกเธอไม่รู้ตัวซ้ำว่าผมแอบรักเธอ]

‘Rin rin: say: แล้วทำไมป้องไม่บอกเธอล่ะ เดี๋ยวเธอก็มีแฟนหรอก’

[The Man_Next Door: say: ผมไม่รู้จะบอกเธอยังไง เพราะเธอไม่ค่อยชอบหน้าผมเลย... ชวนรินทร์คุยเรื่องอะไรก็ไม่รู้เครียดเลย ว่าแต่รินทร์เถอะฟังเพลงนี้แล้วเป็นยังไงบ้าง]

‘Rin rin: say: ก็... รู้สึกคิดถึงใครคนหนึ่งเหมือนกัน ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาทำอะไรอยู่แล้วก็คิดถึงฉันบ้างมั้ย’

[The Man_Next Door: say: ใครครับ] (อยากรู้)

‘Rin rin: say: ไม่มีอะไร อย่าใส่ใจเลย’

            ทั้งสองเงียบราวกับว่ากำลังคิดอะไรอยู่

[The Man_Next Door: say: สมมติว่ารินทร์เจอเหตุการณ์แบบในเอ็มวีเพลงนี้ละ จะทำยังไง]

ไอรินทร์เงียบ 2 นาทีก่อนจะตอบ

‘Rin rin: say: ฉันก็จะบอกเค้าว่า ฉันรักเค้าจะไม่มีวันลืมและคิดถึงทุกวัน แล้วป้องละ’

[The Man_Next Door: say: ผมก็จะเข้าไปกอดเธอกอดไว้แน่นๆ แล้วบอกเธอว่าอย่าไปเลยอยู่กับพี่เถอะ ของรินทร์หวานดีนะ]

เข้าไปกอดแล้วบอกว่าอย่าไป อยากให้พี่ก้องทำแบบนี้บ้างจัง แต่คงเป็นได้แค่ฝันใช่ไหม... เป็นบ้าอะไรของเราเนี่ยคิดถึงเขาอยู่ได้

‘Rin rin: say: ของป้องก็โรแมนติกดีนะ สามทุ่มแล้วไปนอนเถอะพรุ่งนี้ต้องไปเรียน’

[The Man_Next Door: say: ที่กรุงเทพเพิ่งบ่ายสามเอง รินทร์จะชวนผมนอนตั้งแต่บ่ายสามเลยเหรอ??]

‘Rin rin: say: โทษที ลืมสนิทนึกว่าอยู่บ้าน งั่นรินทร์ไปนอนก่อนนะ’

[The Man_Next Door: say: กู๊ดไนท์ครับ ^^]

‘♪♪ รักของฉันคงไม่สามรถกลับมาที่เดิมได้อีกแล้ว น้ำตาไหลออกไปเท่าไหร่ก็ยิ่งไหลออกมาเท่านั้น

ฉันต้องลืมใช่ไหม แต่ฉันก็ยังคิดถึงเธอเหลือเกิน ฉันไม่รู้ว่าจะลืมเธอยังไงให้ไม่ต้องเจ็บปวด♪’

เพลงที่เพิ่งฟังจบก็ยังคงดังกึกก้องอยู่ในโสตประสาทของเธอ ไอรินทร์มองขึ้นไปบนท้องฟ้ายามราตรีที่มีดวงดาวประดับเต็มท้องฟ้า

“เป็นดวงดาวอย่างพวกแกก็ดีเหมือนกันนะจะได้ไม่ต้องมีความรู้สึกเจ็บและร้องไห้... ดาวเอ๋ยฉันจะทำยังไงดียิ่งฉันพยายามลืมแต่ก็ยิ่งคิดถึงเขามากเหลือเกิน แล้วฉันต้องทำยังไงดีที่จะลืมพี่ก้องและเจ็บน้อยลงกว่านี้” ไอรินทร์พึมพำกับตัวเองเบาๆขณะมองไปที่ท้องฟ้ามืดที่มีดวงดาวมากมาย ทันใดนั้นน้ำตาก็ไหลลงมาอาบสองแก้มนวล

“พี่ก้อง” ญาณิศาพูดออกมาเบาๆขณะนอนอยู่บนเตียงตาของเธอก็จ้องมองไปที่หลังเล็กๆของเพื่อนสาวที่สั่นสะท้านเนื่องจากร้องไห้ญาณิศาได้ยินทุกอย่างที่ไอรินทร์พูด แต่ไอรินทร์ไม่รู้ตัวเพราะญาณิศาแกล้งหลับ

 

“การได้คิดถึงเธอทำให้ทุกวันของฉันสว่างไสว” ก้องภพพูดกับตังเองและยิ้มบางๆออกมา ขณะนอนเอนกายอยู่บนเตียงนอนในหอพักของโรงเรียน

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา