แค่อยากให้รู้ว่ารักเธอ

8.7

เขียนโดย ลันตนา

วันที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 เวลา 14.02 น.

  33 บท
  10 วิจารณ์
  36.28K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 15 เมษายน พ.ศ. 2562 21.37 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

18) ตะวันหมอง

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

บทที่ 18  ตะวันหมอง

 

 

ในห้องโดยสารของรถตู้คันนี้บรรทุกผู้โดยสารครอบครัววัฒธนเวชและครอบครัวเปรมสุดามุ่งกำลังหน้าสู่หาดไร่เลย์ ในรถคนนี้ทุกๆคนต่างพากันพูดคุยเรื่องราวมากมายทำให้บรรยากาศภายในห้องโดยสารครึกครื้นมากและทุกคนก็คอยหันไปมองกิริยาอาการของก้องภพและไอรินทร์ที่นั่งอยู่ด้วยกันบนเบาะนั่งสำหรับสองคนว่าเป็นอย่างไรบ้าง ความจริงแล้วสองคนนี้ถูกยัดเยียดให้นั่งด้วยกันต่างหากเพราะจุดประสงค์ของการมาเที่ยวคือต้องการทั้งสองอยู่ด้วยกันและปรับความเข้าใจกัน

ศีรษะเล็กใช้ไหล่หนาของชายหนุ่มที่นั่งข้างกายเป็นหมอนโดยไม่รู้ตัวร่างเล็กขดตัวลงเล็กน้อยเพราะความหนาวจากแอร์ของรถแขนสองข้างกอดอกตัวเองเพื่อคลายหนาว

“ห่มผ้าให้รินทร์หน่อยสิ” พีรพัฒน์นั่งเบาะเดี่ยวข้างๆ เบาะที่ทั่งคู่นั่ง เขายื่นผ้าห่มให้ก้องภพ ชายหนุ่มรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยก่อนเอื้อมมือไปรับผ้าห่มไม่อยากทำก็อาจจะดูใจร้ายเกินไปสำหรับคนขี้หนาว สิ้นเสียงพีรพัฒน์ทุกคนบนรถหยุดการสนทนาสักครู่เปลี่ยนเป็นหันมามองชายหนุ่มที่กำลังคลี่ผ้าห่มออกและคลุมผ้านั้นลงบนร่างของไอรินทร์

“เอ๊ะ รู้สึกว่าข้างหน้าจะมีร้านอาหารทะเลอยู่เจ้าหนึ่งนะคะอาหารโส้ดสดน้ำจิ้มซีฟู้ดก็อร่อยมากๆ” คุณสุภาพรพูดทำให้ทุกคนพอจะเข้าใจว่าจะทำอะไรต่อเว้นแต่ชายหนุ่มหญิงสาวสองคนนั้น

“แค่พูดก็หิวแล้วครับก้องนายไปกินด้วยกันไหม” พีรพัฒน์พูด

“พี่อาร์มคะพี่ก้องเขาไปไม่ได้หรอกค่ะ” ญาณิศาที่นั่งเบาะเดี่ยวหลังพีรพัฒน์เบ้หน้าไปทางเบาะที่ทั้งคู่นั่ง

“จริงสินายต้องเป็นหมอนให้น้องฉันไม่เป็นไรเดี๋ยวฉันกินเผื่อนายเองนะเพื่อน” พีรพัฒน์ตบไหล่เพื่อน ‘หวังว่าถ้ารินทร์ตื่นขึ้นมาคงจะได้ปรับความเข้าใจกัน’

ก้องภพก้มลงมองหญิงสาวที่หลับตั้งแต่ขึ้นรถมาจนถึงร้านอาหารเจ้าอร่อยที่คุณแม่ของตัวเองโฆษณา “ฉันฝากนายซื้อข้าวเผื่อฉันกับรินทร์ด้วย”

ทุกคนลงไปหมดแล้วไม่เหลือแม้แต่คนขับรถเหลือไว้เพียงห้องโดยสารเงียบๆกับชายหนุ่มที่ให้หญิงสาวใช้ไหล่ของตัวเองเป็นหมอน บรรยากาศเงียบๆทำให้ก้องภพคิดได้ว่าหญิงสาวคนนี้ไม่ควรอยู่ใกล้ชายอื่นมากเกินไปแต่จะให้ทำอย่างไรในเมื่อใจมันอยากอยู่ใกล้ ตลอดเวลาที่ไอรินทร์อยู่อังกฤษไม่เคยมีวันไหนที่ก้องภพไม่คิดถึงเธอเลยและเมื่อวันที่เธอกลับมาเขาดีใจมากและพยายามทำทุกอย่างให้เธอได้มองเห็นความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเองว่าคิดเช่นไร แต่พอมาเห็นภาพวันนั้นก็ทำให้ตัวเขาเองเข้าใจมากยิ่งขึ้นว่าเพราะเหตุไอรินทร์จึงพยายามทำตัวออกห่างทุกครั้งที่เขาเข้าใกล้

มือหนาลูบผมสีดำปกคลุมศีรษะเล็กแผ่วเบาเกรงว่าคนกำลังหลับจะตื่นนิ้วเรียวยาวเกลี่ยเส้นผมที่บดบังใบหน้าออกเพื่อจะได้มองหน้าเธอได้อย่างชัดเจน ใบหน้ารูปหัวใจประดับด้วยดวงตากลมที่ปิดสนิทปกคลุมด้วยแพขนตางอนดำ จมูกเล็กโด่งและริมฝีปากสีชมพู ในเวลานี้อาจเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้อยู่ใกล้และได้มองเธอแบบนี้อย่างใกล้ชิดต่อจากนี้ไปคงไม่มีอีกแล้ว ใบหน้าคมคายก้มลงประทับจุมพิตบนแก้มนวลหนึ่งครั้ง

รถตู้คันเดิมยังคงทำหน้าที่อย่างดีพาผู้โดยสารมุ่งหน้าไปยังจุดหมายปลายทาง

“เฮ้อ จะทำยังไงดีครับยังไม่ได้เรื่องอะไรเลย” พีรพัฒน์เอ่ยอย่างเซ็งแซ่เมื่อมองดูหนุ่มสาวที่หลับคู่กัน เมื่อทุกคนขึ้นรถหลังจากรับประทานอาหารเสร็จก็พบว่าก้องภพและไอรินทร์หลับด้วยกันในท่านั่งบนเบาะทั่งคู่

“เพิ่งวันแรกเองอาร์มเนี่ยใจร้อนจริงๆ” คุณสุภาพรพูด

“นั่นสิลูกเราอยู่โรงแรมอีกหลายวันพ่อว่ามันต้องมีอะไรคืบหน้าบ้างแหละ” คุณวิชัยปลอบใจลูกชายก็แหงละพีรพัฒน์เป็นผู้วางแผนมากกว่าใครต้องหวังผลสำเร็จเป็นที่สุด

น้ำทะเลซัดกระทบเข้าหาฝั่งเป็นระยะรายล้อมด้วยต้นมะพร้าวสูงกว่าอาคารสองชั้น บ้านพักสูงสองชั้นตกแต่งสไตล์เรียบง่ายแต่ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย บอกทุกคนให้รู้ว่ามาถึง ไร่เลย์ คันทรี่โฮม รีสอร์ท แอนด์ สปาจุดหมายปลายทางเป็นที่เรียบร้อย กว่าจะมาถึงที่นี้ก็ล่วงเข้าสู่ยามเย็นแล้วเพราะระหว่างทางเมื่อเจอร้านค้าไหนน่าสนใจก็แวะตลอดทาง

ห้องพักถูกเปิดทั้งหมดสี่ห้องโดยให้ญาณิศานอนกับไอรินทร์ พีรพัฒน์นอนกับก้องภพ ส่วนบรรดาผู้ใหญ่ก็ขอนอนกันคู่ๆ ที่แยกกันแบบนี้ก็เพราะญาณิศาจะได้ดูแลอาการของไอรินทร์ส่วนพีรพัฒน์ก็ดูแลอาการของก้องภพ

“แกเดี๋ยวไปดูพระอาทิตย์ตกดินไหม” ญาณิศาชวนไอรินทร์ในขณะที่กำลังช่วยกันขนสำภาระเข้าห้องพัก

“อืม ไปสิ” ไอรินทร์ยิ้มรับคำชวนของเพื่อนโดยไม่คิดอะไร

สองสาวเดินออกมายังชายหาดที่มีผู้คนประปรายกำลังเดินเล่นรับลมทะเลยามเย็น

“อากาศดีจัง” ไอรินทร์อ้าสองแขนเพื่อรับลมและสูดหายใจเข้าเต็มปอด

“วิวก็สวยเนอะ” ญาณิศามองบรรยากาศสวยๆรอบตัวและสายตาก็หันไปพบกับพีรพัฒน์และก้องภพกำลังเดินมาทางฝั่งที่ตนเองและเพื่อนกำลังนั่ง พีรพัฒน์ส่งสัญญาณมือว่า ‘โอเค’ มาให้เธอก็จัดการตามแผนที่วางไว้ทันที

“โอ๊ยยย แกฉันอยากไปเข้าห้องน้ำจัง” ญาณิศาขดตัวลงยกสองมือกุมหน้าท้องพร้อมกับทำหน้าตาไม่ค่อยสู้ดีนัก

“แกเป็นอะไรหรือเปล่า” ไอรนิทร์เข้ามาหาเพื่อนด้วยความเป็นห่วงระคนตกใจ

“ฉันคงกินอะไรผิดสำแดงแน่เลยฉันไม่ไหวแล้วอะ ฉันไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ โอ๊ยยย” ญาณิศาพยายามเล่นให้เนียนที่สุด

“ฉันไปเป็นเพื่อนนะ”

“อ้ะ ไม่ต้องๆ ฉันคงจะนั่งนาน” ญาณิศายืดตัวตรงยกสองมือขึ้นห้ามเพื่อน

“แกหายปวดท้องแล้วเหรอ”

“อะ โอ๊ย โอ๊ย ฉันไปก่อนนะไม่ต้องตามมาละ” ญาณิศากุมท้องอีกครั้ง เกือบจะโดนจับได้จึงขอตัวเผ่นก่อนเพราะพีรพัฒน์กับก้องภพเดินมาใกล้จะถึงแล้ว

“เมื่อกี้พี่เห็นสานะ ตอนนี้ไปไหนแล้วละ” พีรพัฒน์ถาม

“ปวดท้องก็เลยไปเข้าห้องห้องน้ำ”

พีรพัฒน์ทำเป็นพยักหน้ารับ ‘เยี่ยมมากน้อ

♫♪...♫♬...♫♪...♫♬... เสียงโทรศัพท์ของพีรพัฒน์ดังขึ้น “ฮัลโหล ใครพูดครับ พูดดังๆหน่อยไม่ค่อยได้ยินเลย ฮัลโหล...” ชายหนุ่มค่อยๆเดินออกไปเรื่อยๆปล่อยให้สองคนอยู่ด้วยกัน

เสียงน้ำซัดเข้าหาฝั่งดังซ่าๆกับลมทะเลพัดเอื่อยๆภาพพระอาทิตย์สีแดงอมส้มค่อยๆคล้อยต่ำลงบอกลาวันเก่า

“พระอาทิตย์สวยจัง” ไอรินทร์ยิ้มบางๆให้ภาพพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าข้างหน้าสลับกับหันไปมองผู้ชายที่นั่งบนเก้าอี้ชายหาดอีกตัวข้างๆ

“ใช่ แล้วพรุ่งนี้มันก็จะกลับมาใหม่พร้อมกับแสงที่สดใส แต่ใครบางคนคงไม่กลับมาอีกแล้ว” เขาตั้งหน้าตั้งตารอวันที่เธอกลับมาแต่พอได้เจอกันไม่เธอก็มาจากไป

“ใครคะจากไป” หญิงสาวถามด้วยความงุนงงระคนสงสัยทำไมคำพูดของเขาช่างเศร้านัก

“คนที่พี่รักไงเขาจากไปแล้ว” ชายหนุ่มยิ้มเศร้าๆจะให้พูดตรงๆคงไม่มีประโยชน์

“พี่ก้องโกรธอะไรรินทร์ไหม” คำถามนี้เคยถามแล้วแต่ตอนนั้นเธอเห็นเขายุ่งมากก็เลยไม่ได้คิดมากแต่ตอนนี้มันหลายวันมาแล้วเขาก็ยังเงียบขรึมเหมือนเดิม

“เปล่าพี่ก็เป็นแบบนี้แหละ”ชายหนุ่มพูดและหันหน้าไปอีกทาง

“ไม่จริง...”

♫♪...♫♬...♫♪...♫... ยังพูดไม่ทันจบเสียงโทรศัพท์มือถือก็ร้องเตือน “ค่ะพี่โอ๊ต...”

บรรยากาศรอบตัวเริ่มอึดอัดอย่างพิลึกเพราะเขาไม่ควรนั่งฟังการสนทนาของเธอก้องภพจึงลุกขึ้นเดินไปอีกทางไอรินทร์หันไปเห็นพอดีแต่ก็ห้ามไม่ได้เพราะกำลังติดสาย

‘ท่าทางหมางเมิน ห่างเหินมันคืออะไร...ทำไมต้องทำแบบนี้’ เธอคิดในใจระหว่างคุยกับคนปลายสายสายตาจับจ้องอยู่ที่ร่างสูงที่กำลังเดินออกไปเรื่อยๆ

“เฮ้ย เฮ้ย เฮ้ยจะไปไหนของมันวะ” พีรพัฒน์ที่ซุ่มดูสถานการณ์ห่างๆกับญาณิศาพูดขึ้นเมื่อเห็นก้องภพเดินห่างออกไป

“นั้นสิ... อ้าวพี่อาร์มจะไปไหน” ญาณิศาร้องทักเมื่อเห็นหนุ่มรุ่นพี่เดินออกไป

“ไปตามไอ้ก้องให้มันกลับมาที่เดิมไง”

“ไม่ต้องหรอกค่ะสาคิดว่าปล่อยพวกเขาไปก่อนเถอะ”

“ทำไมละ” ชายหนุ่มย่นคิ้วถามด้วยวามงุนงง

“พวกเขาอาจจะยังไม่พร้อมที่จะก็ได้ ใจเย็นๆสิคะยังมีเวลาอีกเยอะถ้าแผนแรกไม่ได้ผลเราก็ค่อยใช้แผนสองก็ได้” พีรพัฒน์พยักหน้ารับเขาอาจจะใจร้อนเกินไป

 

ห้องอาหารของรีสอร์ทระดับสี่ดาวไว้สำหรับบริการอาหารให้กับแขกที่มาพักในรีสอร์ท มื้อเย็นของวันนี้ครอบครัววัฒธนเวชและครอบครัวเปรมสุดาจึงฝากท้องที่นี้ อาหารทะเลหลากชนิดถูกรองบนจากระเบื้องเซรามิคที่จัดตกแต่งอย่างมีศิลปะจัดเรียงอย่างดีอยู่บนโต๊ะอาหาร

“จานนี้อร่อยมากเลยค่ะพี่ก้องฝากตักให้รินทร์หน่อยสิคะ” ญาณิศาส่งจานปูผัดผงกระหรี่สีฉูดฉาดให้ก้องภพที่ถูกยัดเยียดให้นั่งข้างไอรินทร์ ชายหนุ่มตักก้ามปูชิ้นใหญ่ให้หญิงสาวเพียงหนึ่งชิ้นก่อนจะยันตัวลุกขึ้น

“ผมอิ่มแล้วนะครับขอตัวก่อน”

“รินทร์ก็อิ่มแล้วขอตัวออกไปเดินเล่นนะคะ”

เมื่อเห็นว่าทั้งคู่เดินออกไปแล้วทุกคนบนโต๊ะอาหารจึงหันมาประชุมกัน

“อาร์มเมื่อตอนเย็นเป็นไงบ้างลูกสองคนนี้คุยบ้างไหม” คุณวรรณวิภาเปิดประเด็นเป็นคนแรกถามด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

“แทบจะไม่ได้คุยกันเลยครับแถมนายตัวดียังเดินหนีออกไปอีก” ผู้เป็นลูกชายตอบด้วยท่าทางเซ็งโลกสุดๆ

“แหม เสียดายจริงๆที่พวกเราไม่ได้ไปดูมัวแต่ห่วงนวดเท้า” คุณสุภาพรพูดอย่างเสียดาย

“ใครละชวน” คุณเกรียงภพเบ้หน้าไปทางภรรยา

“ถ้าอย่างนั้นพรุ่งเราก็เริ่มกันใหม่” คุณวิชัยพูด เมื่อวันนี้ยังไม่คืบหน้าวันพรุ่งนี้ต้องดีขึ้นแน่นอน

 

                เว็บไซต์โซเชียลเน็ตเวิร์คนี้เป็นแหล่งพบปะกับเพื่อนที่รู้จักกันหรือไม่รู้กัน สเตตัสจากเพื่อนๆหลายคนโพสกันทุกนาทีบ้างก็บอกว่า วันนี้อากาศดีจัง... กินข้าวบ้างนะ... ฝนตกหนักจัง... และอีกมากมายแม้ว่าจะเป็นสเตตัสของคนที่รู้จักและไม่รู้จักแต่มันก็ทำให้เธอยิ้มได้กับข้อความน่ารักๆ แต่มีสเตตัสของคนหนึ่งที่เธอเศร้าใจไปกับเขาด้วย

The Man_Next Door:การจากกันครั้งนี้เป็นการจากกันตลอดไปแม้จะเจอหน้ากันแต่เราก็ไม่สามารถหันมาพูดกันเหมือนเดิมได้อีกแล้ว เธอกำลังมีความสุขฉันก็ควรยินดีกับเธอ...แม้มันอาจจะฝืนความรู้สึกไปบ้าง

 

                ลมทะเลพัดกระทบผิวกายตามความเร็วของเรือที่มุ่งหน้าไปยังหาดถ้ำพระนางเป็นสถานที่แรกในตารางเที่ยววันนี้ อ่าวน้ำเค็มสีใสมีแบคกราวด์เป็นภาพถ้ำหินและหมู่ต้นไม้มากมาย

ถ้ำพระนาง เป็นที่สถิตของพระนางอันศักดิ์สิทธิ์ซึ่งชาวเรือแถบนี้เคารพสักการะ มุมมองนี้เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนที่ใด คือเมื่อเข้าไปอยู่ภายในถ้ำมองออกมาจะเห็นปากโพรงถ้ำ มีหินย้อยลงมาเป็นฉากระย้า สวยงาม มีท้องทะเลกว้างและเกาะน้อยใหญ่เรียงราย ในยามพระอาทิตย์ตกจะเป็นมุมมองสวยงามแปลกตา น่าทึ่งที่สุดแห่งหนึ่งในเมืองไทย

ในบริเวณถ้ำพระนางเป็นที่สถิตของพระนางอันศักดิ์สิทธิ์ซึ่งชาวเรือแถบนี้เคารพสักการะและมีที่มาของชื่อหาด ตามตำนานว่า...

มีสามีภรรยาคู่หนึ่งคือครอบครัว “ตายมดึง” ตายมดึงไม่มีลูกจึงไปขอวิงวอนพญานาคให้ประทานลูกให้ พญานาคจึงตอบตกลงแต่มีข้อแม้ว่าถ้าเป็นลูกสาวก็จะต้องให้แต่งงานกับลูกชายของตน ต่อมาครอบครัวตายมดึงก็ได้ลูกสาวจึงให้ชื่อว่า “นาง” นางเป็นสาวงามที่สุชดในละแวกนั้นและมีหนุ่มๆมาชอบพอหลายคน และนางได้รักใคร่ชอบคอกับบุญ หนุ่มชาวบ้านคนหนึ่ง ลูกชายของพญานาคพยายามเกี้ยวพาราสีนางแต่นางก็ไม่สนใจ ต่อมานางได้แต่งงานกับนายบุญ ในงานวันแต่งงานพญานาคโกรธแค้นตายมดึงที่ไม่ทำตามสัญญานางไม่ยอมแต่งงานกับลูกของตน จึงอาละวาดเกิดการทะเลาะแย่งชิงตัวนาง ฤๅษีออกมาห้ามแต่ก็ไม่เป็นผลฤๅษีจึงสาปทุกสิ่งเป็นหิน เรือนหอจึงกลายเป็นถ้ำพระนาง และข้างเหนียวกลายเป็นสุสานหอย ข้าวของเครื่องใช้กลายเป็นเกาะทัพ เกาะหม้อ และเกาะต่างๆบริเวณอ่าวพระนาง

 “แกๆมาถ่ายรูปกับฉันหน่อยสิ” วิวสวยๆทำให้ญาณิศาอยากบันทึกภาพความประทับใจ มือเล็กลากแขนเพื่อนสาวให้เข้ามาตรงจุดที่มีฉากสวยที่สุด สองสาวกำลังจัดท่าในการถ่ายภาพญาณิศาชูกล้องถ่ายภาพของโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเตรียมจะกดปุ่มถ่ายรูป “ฉันว่าฉันเปลี่ยนใจดีกว่าฉันไม่ถ่ายกับแกแล้ว”

“อ้าวทำไมละ” ญาณิศาเดินห่างออกไปและเดินไปทางชายหนุ่มที่อยู่บริเวณใกล้ๆ

“พี่ก้องคะมาถ่ายรูปคู่กับรินทร์หน่อยสิคะ มาค่ะๆ” แม้เธอเห็นว่าชายหนุ่มมีท่าทีเหมือนไม่อยากถ่ายภาพแต่เธอฉุดลากฉุดดึงมาจนถึงที่จนได้

“โพสนะคะ หนึ่ง สอง... นี่ยืนชิดๆกันหน่อยสิยืนห่างกันเป็นวาอย่างนั้นไม่สวยเลย” ทั้งคู่หันมามองหน้ากันก่อนจะค่อยๆขยับเข้ามาใกล้กันคนละหนึ่งก้าว

“อีกนิดสิ” คนถ่ายรูปออกคำสั่งทั้งสองจึงก้าวเข้ามาใกล้กันอีกหนึ่งก้าว

“ชิดๆกันหน่อยอีกนิดนึง” ทั้งสองนิ่งและมองหน้ากัน

“แกพอแล้ว” ญาณิศาไม่สนใจเสียงเรียกของเพื่อนและยังคงทำตามใจตัวเองเหมือนเดิม

“แค่นี้ก็ใกล้มากแล้วนะ” ก้องภพหันมามองความห่างเพียงแค่สามสิบเซนติเมตร

“ต้องให้จัดการใช่ไหม” ญาณิศาไม่สนใจเสียงของทั้งคู่แขนเรียวสองข้างท้าวสะเอวก่อนจะก้าวเท้าเดินฉับๆไปหาชายหญิงสองคน สาวน้อยพาชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆเพื่อนตัวเองให้ชิดเข้ามาอีกนิดก่อนจะยกแขนล่ำสันของเขาให้มาโอบไหล่บางของเพื่อนดึงใบหน้าคมคายของเขาให้ลงมาชิดกับหน้าของไอรินทร์ยกแขนเล็กเรียวขึ้นมาโอบลำตัวหนาของชายหนุ่ม

“โพสท่าแค่นี้ก็ต้องให้ช่วย ยิ้มนะ หนึ่ง สอง ซั่ม!”  และแล้วรูปคู่ของชายหนุ่มที่โอบไหล่สาวน้อยกำลังยิ้มบางๆแต่ถ้าให้ดูจริงๆคือแค่ยกมุมปากเฉยๆไม่เห็นฟันและหญิงสาวกำลังโอบเอวหนาของชายหนุ่มแกร็งคอห่างออกจากใบหน้าอีกฝ่าย

‘เกาะปอดะเกาะสวยน้ำทะเลสีฟ้าสดใสอยู่ห่างจากอ่าวนางแปดกิโลเมตร และยังมีเกาะที่อยู่ใกล้ๆกันได้แก่ “เกาะทับ เกาะหม้อ เกาะไก่” ซึ่งเป็น 4 เกาะไฮไลท์สำหรับการท่องทะเลกระบี่เกาะปอดะมีชายหาดล้อมรอบทั้งสามด้านยกเว้นทางด้านทิศตะวันตกซึ่งเป็นด้านที่รับคลื่น ด้านนี้เป็นหน้าผาหิน สูง ชัน ด้านหน้าเกาะมีหาดทรายที่ขาวละเอียด น้ำทะเลใสถึงแม้จะอยู่ไม่ไกลจากฝั่ง นักท่องเที่ยว นิยม แวะ ขึ้นเกาะเพื่อไปพักผ่อน เดินเล่นชาดหาดและเล่นน้ำ 

 “ทะเลแหวก” (Unseen Thailand) เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดจากอิทธิพลของน้ำขึ้นและน้ำลงทำให้สันทรายของเกาะทั้ง 3 คือ เกาะทับ เกาะหม้อ และ เกาะไก่ ปรากฏขึ้นกลายเป็นหาดทรายขาวเชื่อมกันทั้งสามเกาะอย่างน่าอัศจรรย์ โดยจะเกิดเฉพาะในวันก่อนและหลังวันขึ้น 15 ค่ำ ราว 5 วัน ทำให้สามารถเดินเล่น ไป - มา ได้ระหว่างเกาะ

ร่องเรือกินลมชมวิวไปอีกสักพักจึงถึงที่หมายนั่นคือ “เกาะห้อง” ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี เกาะห้อง เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “เกาะเหลาบิเละ” เป็นเกาะที่มีทัศนียภาพสวยงามมากล้อมรอบด้วยน้ำทะเลสีคราม มีกัลปังหาและปะการังรอบเกาะ โดยมีจุดที่น่าสนใจได้แก่ “อ่าวบิเละ” เป็นอ่าวที่มีหาดทรายโค้งเป็นรูปนกบิน ทรายละเอียดขาวสะอาด น้ำทะเลใสสีเขียวมรกต มีฝูงปลาเล็กๆ แหวกว่ายให้เห็นอยู่ทั่วไป ห่างจากชายหาดลงไปในทะเลมีกัลปังหาและปะการังหลากชนิด ชายทะเลเหมาะแก่การเล่นน้ำ ถือว่าเป็นแหล่งพายเรือคายัคและแหล่งดำน้ำดูปะการังน้ำตื้นที่สวยงามจนได้รับการจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 10 เกาะ ที่มีหาดน่าเที่ยวและสะอาดที่สุดในโลก

ลักษณะเด่นอีกอย่างหนึ่งของเกาะห้อง คือ “อ่าวห้อง (ลากูน) หรือ ทะเลใน” ซึ่งเปรียบเสมือนสระน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่ ผนังเป็นหน้าผาชันโดยรอบ ลักษณะคล้ายห้องมีประตูทางเข้าเพียงทางเดียวกว้างประมาณ 10 เมตร สามารถนำเรือเข้าไปได้ พื้นเป็นทรายขาวสะอาดราบเรียบเสมอกัน น้ำตื้นและใสมาก 

“พี่ก้องคะเห็นพ่อกับแม่พี่อาร์มแล้วก็สามั้ย” เมื่อลงเรือเท้าเหยียบทราบปุ๊บทุกคนราวกับต้องมนต์สะกดกับความสวยงามของธรรมชาติของเกาะแห่งนี้จึงต่างพากันเดินแยกย้ายชมวิวไปกันคนละทิศละทาง

“พี่ก็กำลังตามหาเหมือนกัน เรา...” คำว่า ‘เรา’ เขาพูดเสียงเบาแทบจะไม่ได้ยิน “เดินหาด้วยกันมั้ย”

ชายหนุ่มร่างสูงกับหญิงสาวอีกคนที่เดินขนาบข้างความสูงเพียงไหล่ของอีกฝ่ายเดินไปด้วยกันบนชายหาดสีขาวเม็ดทรายละเอียดนุ่มเท้าเดินมองซ้ายมองขวาตลอดทางที่เดินก็ยังไม่เจอกลุ่มบุคคลเป้าหมายเลยกลายเป็นเดินเล่นแทนการหาคน ไอรินทร์แอบลอบมองใบหน้าเรียบเฉยที่เห็นเพียงแค่ด้านข้างของอีกฝ่ายเวลาอยู่กับเขาสองต่อสองมันทำให้เธอคิดเรื่องเรื่องหนึ่งออก ถ้าถามก็กลายเป็นว่าก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวถ้าไม่ถามมันกลายเป็นปัญหาคาใจ

“มองตั้งนานมีอะไรจะพูดมั้ย” คนถูกมองหยุดเดินแล้วหันมาหาผู้หญิงที่แอบมอง เขารู้สึกตั้งนานแล้วว่าถูกแอบมอง

“คือว่า...” คำถามที่อยากรู้มันติดอยู่ที่คอแต่จะพูดออกไปเลยดีมั้ยนะ

“คือว่าอะไรพูดมาเถอะเดี๋ยวจะได้ไปตามหาพ่อกับแม่ต่อ” ก้องภพรอคำตอบของเธออย่างใจเย็น ไอรินทร์มองหน้าคนตัวสูงสลับกับก้มหน้ามองพื้นทรายเพื่อให้กำลังใจตัวเองในการถามคำถาม “ว่าไง” ชายหนุ่มทำท่าจะเดินต่อแต่มือเล็กๆรั้งแขนไว้

ไอรินทร์มองหน้าเขานิ่ง “แทนี่ เป็นแฟนพี่หรือเปล่า” เสียงหวานเอ่ยช้าๆถามชายตรงหน้าใบหน้าของเขาอึ้งไปสักครู่ก่อนจะตอบ

“ใช่ เราเป็นแฟนกัน” ก้องภพตอบโดยไม่หันไปมองผู้หญิงที่กำลังยืนฟัง

“พี่กับแทนี่คบกันได้สี่ปีกว่าแล้ว” เขาพูดยิ้มๆ

“เราตกลงกันว่า” ชายหนุ่มนิ่งคิดโดยไม่หันไปมองผู้หญิงข้างกาย “จะแต่งงานกัน”

เพียงได้ยินแค่นั้นน้ำตาที่กลั้นไว้ก็แทบจะไหลแต่เธอก็เก็บไว้ทัน “เหรอคะ” เธอยิ้มแต่เป็นยิ้มที่เศร้า “ยินดีด้วยนะคะ” เธอตอบและรีบหันหลังเดินออกไปทันทีเพื่อแอบจมูกแดงๆและน้ำตาที่เก็บไว้กำลังไหลออกมา

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา