แค่อยากให้รู้ว่ารักเธอ
เขียนโดย ลันตนา
วันที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 เวลา 14.02 น.
แก้ไขเมื่อ 15 เมษายน พ.ศ. 2562 21.37 น. โดย เจ้าของนิยาย
17) ไปเที่ยวกันไหม
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่ 17 ไปเที่ยวกันไหม
อาการเศร้าของก้องภพเริ่มทวีเพิ่มขึ้นทุกวันจนทำให้คุณเกรียงภพและคุณสุภาพรอดเป็นห่วงไม่ได้ จากที่เคยเป็นชายหนุ่มที่อัธยาศัยดีตอนนี้กลายเป็นคนเก็บตัวเงียบจนหน้าใจหาย
“มีเรื่องไม่สบายใจหรือเปล่าหมู่นี้ดูเครียดๆนะ” คุณสุภาพรเข้ามาถามลูกชายด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและห่วงใย
“เปล่าครับผมไม่ได้เครียดอะไร”
“ไม่เครียดแล้วทำไมต้องทำหน้าอมทุกข์ด้วยละ” คุณเกรียงภพถามคนทำหน้าอมทุกข์
เมื่อไม่สามรถบอกความจริงที่อยู่ในใจได้ก็ตอบอย่างอื่นแทน “อาทิตย์หน้าจะมีงานรับเสด็จครับผมก็เลยเครียดว่าจะทำออกมาดีหรือเปล่าเพราะไม่เคยทำมาก่อน” แม้จะเป็นข้ออ้างแต่ก็ทำให้ผู้ใหญ่ทั้งสองท่านเชื่อสนิทใจ
“ไม่ต้องห่วงหรอกคนเราก็มีผิดพลาดกันได้” คุณเกรียงภพปลอบใจ
“พ่อครับเสร็จจากงานรับเสด็จผมขอลงไปสามจังหวัดนะครับ” ประโยคนี้ทำให้ผู้ฟังแปลกใจไม่น้อย
“เมื่อก่อนพ่อถามเป็นร้อยรอบว่าอยากไปไหมแต่ปฏิเสธตลอดมาวันนี้ทำไมถึงอยากไปละ”
“วันนั้นกับวันนี้มันไม่เหมือนกันแล้วหน้าที่ของผมคือปกป้องชาติไม่ใช่เหรอครับ” คำตอบของชายหนุ่มทำให้ผู้ฟังรู้สึกถึงความเศร้า นายทหารรุ่นใหญ่พยักหน้ารับ
“ได้สิอีกห้าเดือนกองสองจะหมดประจำการลูกก็ไปพร้อมกับกองสามได้เลย” ใจอยากจะห้ามแต่เมื่อเป็นหน้าที่รั่วของชาติอย่างพวกเขาก็ต้องปฏิบัติ
“แม่ว่าหลังงานรับเสด็จลาพักร้อนแล้วพวกเราไปเที่ยวด้วยกันดีมั้ยจะได้คลายเครียดด้วย”
“ตั้งแต่ทำงานพวกเราไม่ค่อยได้เที่ยวด้วยกันเลยนะ” คุณเกรียงภพเสริมพร้อมมองปฏิกิริยาของลูกชาย
อยู่ที่นี้ก็รังจะทำให้คิดถึงแต่เรื่องเดิมๆอยากลืมไปให้หมดสักทีไปที่ใหม่ๆคงจะทำให้รู้สึกดีขึ้น “ตกลงครับ” คุณเกรียงภพและคุณสุภาพรแอบลอบยิ้มให้กัน
ทางด้านของบ้านวัฒธนเวชก็สอบถามความเห็นกับสมาชิกในครอบครัวเรื่องที่จะไปพักผ่อนกันที่กระบี่ทุกคนต่างสนอกสนกอสนใจกับคำชักชวนไม่น้อยแต่มีเพียงแต่ไอรินทร์คนเดียวเท่านั้นที่ไม่ยอมให้ความร่วมมือชวนเท่าไหร่หว่านล้อมเท่าไหร่ก็ไม่ยอมสักที
“นะๆไปด้วยกันนะตั้งแต่รินทร์กลับมายังไม่ได้ไปเที่ยวที่ไหนเลย” พีรพัฒน์อ้อนวอนถึงที่สุดยังไงทริปนี้เธอต้องไปด้วย ไอรินทร์มองหน้าพี่ชายอย่างเหนื่อยใจเธอเคยสาบานว่าจะไม่ย่างกรายเข้าจังหวัดนี้อีกเด็ดขาดเพราะตอนเด็กๆเธอเคยไปเล่นน้ำทะเลที่นั้นและเกิดจมน้ำจนกลัวน้ำทะเลจนขึ้นหัวมาจนถึงทุกวันนี้
“ยังไงก็ไม่ค่ะ” ไอรินทร์เดินหลบพี่ชายไปอีกทางพีรพัฒน์เหนื่อยใจกับน้องสาวผู้กลัวน้ำทะเลจนขึ้นหัวเหลือเกินจึงส่งสายตาขอความช่วยเหลือไปหาคุณวรรณวิภา
“ไปเถอะลูกแม่อยากไปเที่ยวกับลูกมากเลย” เห็นสายตาของร้องของผู้เป็นแม่เธอจึงยอมใจอ่อน
“ก็ได้ค่ะแต่ให้สาไปด้วยนะคะ” คุณวรรณวิภายอมรับข้อเสนอของลูกสาวแต่โดยดี พีรพัฒน์แอบลอบชูนิ้วโป้งให้กับคุณวรรณวิภาแทนพูดว่าเยี่ยม
รถตู้โตโยต้าสีเทาพาผู้โดยสารครอบครัววัฒธนเวชมายังสระมรกตภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง สระมรกตเป็นสถานที่ยอดนิยมแห่งหนึ่งในจังหวัดกระบี่ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวจากชาวไทยและชาวต่างชาติ
สระน้ำอุ่นสีเขียวอมฟ้าโอบล้อมด้วยป่าไม้สีเขียวครึ้มทำให้ผู้มาเยียนหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งจาการเดินเท้าเข้ามาระยะทางกว่าแปดร้อยเมตร ไอรินทร์ยืดอกขึ้นเพื่อสูดรับอากาศบริสุทธิ์สองเท้าเดินย่ำลงบริเวณพื้นหินขรุขระที่มีน้ำจากสระมรกตเอ่อล้นออกมาความอุ่นของน้ำทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายจากความเมื่อยล้าขึ้นมาเล็กน้อย สองเท้ายังคงเดินอยู่บนพื้นหินที่มีน้ำขึ้นมาถึงแค่ข้อเท้าเดินชมบรรยากาศเพลินๆพร้อมทั้งถ่ายรูปวิวสวยๆไม่ได้ดูทางก็ชนเข้ากับใครบางคน
“ขอโทษค่ะ!/ขอโทษครับ!” คนที่เธอเดินชนคือนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ
“คุณไม่เป็นไรนะคะ”
“ไม่ครับ” หนุ่มต่างชาติส่งยิ้มให้และเดินออกไปอีกทาง
ไอรินทร์มองตามหลังชายหนุ่มคนนั้นไปจบลับสายตาและเดินชมทัศนียภาพต่อไปเรื่อยๆเห็นภาพคนเล่นน้ำแล้วอยากจะลงไปเล่นน้ำบ้าง
“ขอโทษคะ! ขอทางหน่อยคะ!” เสียงวัยรุ่นสาวคนหนึ่งกำลังวิ่งเล่นอยู่บริเวณที่ไอรินทร์กำลังยืนอยู่แต่มีอยู่คนหนึ่งที่กำลังวิ่งมาทางเธอและหญิงสาวคนนั้นก็เซลื้นไถลมาทางเธอ
ตู้มมม!
“ช่วยด้วยคะมีคนจมน้ำ ช่วยด้วยคะมีคนจมน้ำ” เสียงใครคนหนึ่งตะโกนอย่างตื่นตระหนกกับภาพหญิงสาวที่ตกลงในสระ
คนว่ายน้ำไม่เป็นอย่างไอรินทร์พยายามตีขาพาตัวเองเข้าหาฝั่งแต่ทำเท่าไหร่ก็เหมือนพาตัวเองลอยออกห่างจากฝั่งเรื่อยๆร่างที่กำลังตะเกียกตะกายผุดศีรษะขึ้นลงเพื่อรับอากาศหายใจ น้ำอุ่นๆไหลเข้าปากออกซิเจนที่ใช้หายใจกำลังจะหมดลงเรี่ยวแรงที่ใช้ตะเกียกตะกายค่อยๆหมดลงจนร่างของเธอจมลงก้นสระดวงตาสองคู่ปิดลงพร้อมกับภาพเลือนลางของใครบางคนตรงหน้า...
ร่างของไอรินทร์จมลงสู่ก้นสระทันใดนั้นก็มีใครบางคนดำน้ำเข้ามาประคองร่างของเธอพาขึ้นสู่ผิวน้ำ
‘ใครเรียกฉัน...นี้ฉัน...ตายแล้วเหรอ’
“รินทร์ รินทร์ได้ยินพี่มั้ยฟื้นสิ” ชายหนุ่มพยายามเรียกสติเธอให้กลับมาพร้อมทั้งช่วยผายปอดหลายครั้งแต่เธอก็ยังไม่ได้สติ
“แค่กๆๆ” เสียงไอทำให้คนช่วยชีวิตรู้สึกใจชื้นขึ้นมา ดวงตาปิดสนิทค่อยๆเปิดขึ้นเมื่อตนเองรู้สึกตัว
“ไง...เล่นน้ำสนุกมั้ย” คำพูดเล่นทำให้คนเพิ่งฟื้นเผยยิ้มออกมาบางๆ อยากจะจับเธอมาตีก้นเสียให้เข็ดจริงๆรู้ทั้งรู้ว่าตัวเองว่ายน้ำไม่เป็นยังไปเดินขอบสระอีก
“พี่ก้อง” น้ำเสียงแหบพร่าเรียกชื่อผู้ช่วยชีวิตก่อนจะค่อยๆยันตัวให้ลุกขึ้นนั่ง เธอตาฝาดไปหรือเปล่าที่เห็นก้องภพยิ้มกว้างและหุบยิ้มลงทันทีเมื่อเธอพูด
“ลุกขึ้นไหวมั้ย” ไอรินทร์พยักหน้าแล้วพาตัวเองลุกขึ้นยืนพอยืนได้
“โอ๊ย!!” ไอรินทร์หน้านิ่วเพราะอาการบาดเจ็บที่เท้า
“เป็นอะไรรึเปล่า”
“เท้าเป็นตะคริว” หญฺงสาวหน้านิ่วพร้อมกับจับเท้าที่ปวดตุบๆ
มือใหญ่ค่อยๆ นวดคลึงบริเวณเท้าที่กล้าเนื้อเกาะตัวกันเป็นก้อนให้คลายตัวออก ความนุ่มนวลที่ชายหนุ่มมอบให้ทำให้หัวใจดวงน้อยเต้นแรงขึ้นผิดปกติที่ไม่เคยได้รู้สึกมาก่อน เคยอยู่ใกล้ปีเตอร์เป็นชายหนุ่มรูปร่างหน้าตาและฐานะที่จัดว่าเพอร์เฟคแต่ก็ไม่เคยมีความรู้สึกแบบนี้มาก่อนเลยมันคืออะไรกัน
“ดีขึ้นมั้ย” ไอรินทร์พยักหน้าแต่พอจะลุกขึ้นเดินกลับหน้ามืดเสียดื้อๆ โชคดีที่ก้องภพรับร่างของเธอทันไม่อย่างนั้นคงก้นจ้ำเบ้าแน่
“ปล่อยเถอะค่ะรินทร์เดินไหว” ชายหนุ่มปล่อยให้เธอเดินเองแต่หญิงสาวก็เซจะล้ม
“นั้นไงไหนว่าไหว” ไอรินทร์ทำท่าจะอ้าปากพูดแต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะรู้ทัน “ถ้าพูดอีกเดี๋ยวโยนลงสระอีกรอบแล้วจะไม่ลงไปช่วยด้วย” ก้องภพกำชับเสียงแข็งทำให้คนที่อยู่ในอ้อมแขนยอมสงบปากสงบคำโดยดี
รถกระบะสีขาวกลางเก่ากลางใหม่แล่นบนทางดินสีแดง ไอรินทร์หันไปมองคนช่วยชีวิตตนที่นั่งข้างๆสายตาของเขามองตรงไปตาทางข้างหน้าเพียงอย่างเดียวใบหน้านิ่งเฉยไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ก้องภพชายตาไปมองหญิงสาวที่นั่งข้างๆเห็นเธอนั่งตัวสั่นเทาเพราะความหนาวและตัวยังเปียกปากสีชมพูซีดสั่นระริกทำให้เขาสงสารเธอจับใจ
“หนาวมากมั้ย”
“ไม่ค่ะ” ชายหนุ่มรู้ว่าเธอโกหกเพราะเธอตัวสั่นมากขึ้นกว่าเก่าอยากจะกอดเธอเพื่อคลายหนาวแต่ตัวเขาก็เปียกพอๆกันแต่ต่อจะให้ตัวไม่เปียกมันก็ไม่ควรอยู่ดีและความเงียบก็เข้าปกคลุมในรถ
“โกรธอะไรหรือเปล่าทำไมไม่พูดเลย” คนตัวหนาวสั่นพยายามบังคับเสียงให้เป็นปกติมากที่สุด
“เปล่า” ร่างสูงเอ่ยเสียงเรียบและหันหน้าออกนอกหน้าต่างแทนการมองหน้าคู่สนทนา
“ถ้าเปล่าทำไมไม่คุยกับรินทร์เหมือนเมื่อก่อนละ” ชายหนุ่มทำท่าจะอ้าปากพูด
“ถึงแล้วครับ” คนขับรถพูดตัดเสียก่อน
ก้องภพและไอรินทร์ลงมาจาดรถพร้อมกันโดยที่ชายหนุ่มก็คอยประคองหญิงสาวด้วยเพราะเท้าของเธอมีปัญหา
“ไปทำอะไรมาทำไมถึงตัวเปียกทั้งคู่” คุณสุภาพรร้องถามเมื่อเห็นหนุ่มสาวสองคนอยู่ในสภาพเนื้อตัวเปียกปอนพอๆกัน
“หนีไปเล่นน้ำด้วยกันอีกแล้ว” พีรพัฒน์จ้องมองคนตัวเปียกสองคนอย่างขบขัน
“เปล่านะรินทร์ตกน้ำพี่ก้องก็เลยมาช่วย”
“ปะ ปะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะเดี๋ยวจะไม่สบายทั้งคู่” คุณวรรณวิภาพูด
“ดีใจจังเลยที่มาเจอกันที่นี้” คุณสุภาพรพูดแล้เหลือบมองไปทางชายหนุ่มหญิงสาวที่เพิ่งมาหลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่แล้ว
“ภาก็ดีใจเหมือนกันแล้วจะเที่ยวที่ไหนต่อค่ะ” คุณวรรณวิภาถาม
“ไปเที่ยวไร่เลย์ต่อครับ” คุณเกรียงภพตอบพร้อมกับหันไปมองลูกชาย
“พวกเราก็จะไปไร่เลย์เหมือนกันครับ” พีรพัฒน์พูดแล้วไม่ลืมที่จะหันไปมองหนุ่มสาวที่ยืนอยู่กันคนละที่ ทุกๆ คนในที่นั้นส่งยิ้มให้กันยกเว้นเพียงก้องภพและไอรินทร์เท่านั้นที่ต่างคนก็ไม่มองหน้ากันเลย
“ดีจังถ้าอย่างนั้นพวกเรานั่งรถคันเดียวกันดีมั้ยครับไปกันหลายๆ คนสนุกดี” คุณวิชัยเชื้อเชิญสมาชิกบ้านเปรมสุดา
“น่าสนุกเนอะแกเนอะ” ญาณิศากระแทกไหล่เพื่อนสาวเบาๆที่ กำลังยืนทำหน้าทึ่ง ‘การเที่ยวที่แสนสนุกกำลังเริ่มขึ้นแล้วสินะ’ ญาณิศาคิดในใจอย่างสนุกสนานและเดินไปขึ้นรถตู้พร้อมกัน
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ