Love My Prince รักนะ ♥ เจ้าชายน้อยองค์น้อย
9.1
เขียนโดย Mitsuneko
วันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2558 เวลา 21.38 น.
19 บท
6 วิจารณ์
19.79K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 20.52 น. โดย เจ้าของนิยาย
12) พวกสองบุคลิก?
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“สวัสดีฮ่ะ เรื่องเมื้อกี้ขอบคุณมากนะฮะ ^^” เอ๊ะ! นั้นมันเด็กที่ฉันช่วยไว้บนดาดฟ้าโรงเรียนนี่...แล้วมาบ้านฉันได้ไง -*-
รู้สึกได้เลยว่าช่วงนี้จะเจอกับคนที่อายุน้อยกว่า บ่อยมากจนผิดปกติ แล้วส่วนใหญ่จะเป็นเด็กผู้ชาย!
“นายมาทำไมที่นี้ แล้วตอนแรก ยังไม่คิดจะขอบคุณเลยไม่ใช่รึไง? เอาแต่กลัวฉันอยู่นั้นแหละ” ฉันถามด้วยความรู้สึกแปลกๆ ที่จูจู่เด็กที่คิดว่าฉันเป็นพวกพลังกลัวจนตัวสั่น มาหาถึงบ้าน
“เอ่อ...คือตอนนั้นผมลืมตัว เลยลืมขอบคุณพี่สาว ก็เลยตามหาพี่จนมาถึงที่นี้”
ช่วงนี่มีแต่เด็กๆ จนในที่สุด มันทำให้ฉันรู้สึกได้ว่าตัวเองนั้น แก่! (ด่าตัวเองอยู่นะเนี่ย) เพราะพวกเกรซและฟิวส์ก็เกิดกันคนละปี หลายคนก็เกิดปลายเดือน พอดีว่าฉันเกิดต้นเดือน เลยปลงซะทีว่าตัวเองนั้น แก่! เฮ้อ!~นึกถึงทำนี้แล้วมันก็ลำบากใจ...มันก็ช่วยไม่ได้นี่นะ
“แล้วที่บอกว่าไม่รู้ตัวนี่ยังไง ตอนนั้นยังกวนใส่อยู่เลยนี่ -*-” กลับเข้าเรื่องเดิมซะที เหมือนจะบรรณยายไปไกลเกิน
“ก็คือว่า...” ทุกคนต่างพร้อมใจกันเงียบ และฟังสิ่งที่เด็กคนนี้จะพูด
“คืออะไรละ?” ฉันเร่งให้เขารีบๆ พูด
“พวกพี่อาจจะไม่เชื่อก็ได้นะ”
“ไม่เชื่อ!” ตัวจอมกวนประสาทมาอีกและ เขายังไม่ได้พูดอะไรเลยแท้ๆ ฉันเริ่มอารมณ์เสียแล้ว ซึ่งเริ่มเตือนตัวกวนประสาทซึ่งก็คือฟิวส์ ด้วยการจิกสายตามองข่มไว้ก่อน เพื่อนเตือนว่า ‘ถ้ายังไม่เงียบนะ อย่าหาว่าไม่เตือน’
“โอเคๆ ไม่ต้องพูด ฉันก็เข้าใจแล้ว” เป็นไง เพื่อนกันก็รู้ใจกันแบบนี้แหละ
“เอาละๆ เล่าต่อๆ ” เกรซนี่ก็กลัวจะไม่มีบทจังนะ แต่เทียบกับชินแล้ว นั่งฟังนิ่งไม่สนใจอะไรเลย
เพื่อให้แน่ใจฉันเลยหันไปดูชิน (- -) ( - -) ที่จริงไม่ใช่ว่าตั้งใจฟังหรอก ไม่ฟังเลยตางหาก!
“เฮ้อ!~” ฉันถอนหายใจเสียงดังเพื่อเป็นสัญญาณเตือนว่า...อีกไม่กี่นาที ถ้ายังไม่หยุดพูดพล่ามอะไรไร้สาระอีก...จะมีระเบิดนิวเคียร์ตกลงมา
“เอ่อ...งั้นผมจะอธิบายต่อแล้วกันนะครับ” เหมือนว่าเด็กนั้นจะรู้ได้ถึงสัญญาณที่ฉันส่งไป (มีตัวรับสัญญาณด้วยรึไง -*-)
“อ่าๆ เชิญๆ” ทุกคนตางเงียบฉันจึงพูดขึ้นเพื่อให้บรรยากาศกลับมาดีเหมือนเดิม “’งั้นผมก็ขอบอกอะไรไว้ก่อนแล้วกันนะครับ ว่าพวกพี่จะเชื่อหรือไม่ก็ได้ คือ...” เขาหยุดจังหวะในการพูดทำให้มันรู้สึกตื่นเต้นเข้าไปอีก “…ตั้งแต่เด็กแล้วผมก็ไม่ค่อยมีเพื่อน เพราะความรู้สึกของผมมันเหมือนมีสองคน ซึ่งอีกคนที่อยู่ในตัวผม ผมก็ไม่ค่อยรู้จักเขาเท่าไร”
“Stop! Stop! หยุดก่อนเลย” ฉันพูดให้เขาหยุดพูดชั่วขณะ จนสำเนียงฝรั่งจ๋าก็มาเลย “นั้นก็หมายความว่า...นายเป็นพวกสองบุคลิกงั้นหรอ? ”
ถึงแม้ว่าฉันจะเคยศึกษามาบ้างเพราะมันเกี่ยวกับอาชีพที่ฉันอยากเป็น เป็นข้อมูลเอาไว้จับผิดคนอื่น ไม่นึกเลยว่าจะได้ใช้จริงๆ มันเป็นการที่ฉันรวบรวมข้อมูลของบุคลต่างๆ แต่ละประเภท ซึ่งฉันก็พอรู้ว่า มีคนประเภทหนึ่งที่มีความรู้สึกหรือตัวตนอีกหนึ่งอยู่ในร่างเดียวกัน ซึ่งเกิดจากสาเหตุบางประการที่ส่งผลกระทบกระเทือนต่อจิตใจอย่างมาก จึงเกิดอีกตัวตนหนึ่งซึ่งจะออกมาและคุ้มกันเพื่อไม่ให้เจ้าตัวต้องเจ็บปวดอีก ซึ่งอีกคนหนึ่งก็จะไม่สามารถรับรู้การกระทำของอีกตัวตนนั้นได้เลย...นี่แค่อธิบายคร่าวๆ เกี่ยวกับอาการของคนสองบุคลิกอ่ะนะ (เอาไปเขียนรายงานได้เลยมั้งเนี่ย ยาวเหยียด~)
“พี่คงรู้จักสินะ?” เขาคงถามเพื่อความแน่ใจ เขาเริ่มทำสีหน้าที่บ่งบอกว่า ‘งานนี้คงต้องอธิบายยาวแน่ๆ’ อะไรประมาณนั้น
“ฉันรู้! ” ฉันจึงรีบตอบอย่างทันควัน (ไม่ได้อวดรู้หรอกนะจ๊ะ)
“แต่พวกเราไม่รู้” ฟิวส์และเกรซจากที่เงียบมานานก็พูดขึ้นเหมือนกับบอกว่า ‘ครั้งนี่ไม่ได้เล่นๆ พวกเราไม่รู้จริงๆ’ อะไรทำนองนี่และ
“ฟังๆ ไปก่อนเหอะ ไว้ฉันค่อยอธิบายกรอกหูจนพวกนายไม่อยากถามอีกเลยแน่”
“อืมๆ ก็ได้ๆ เราคงต้องฟังแบบงงๆ ไปก่อนละนะ” เกรซพูดจบทำให้ความเงียบขึ้นอีกครั้ง
“งั้นก็คงต้องต่อแล้วนะ...ประเด็นหลักมันอยู่ที่ตอนที่ผมเจอพี่ จิตสำนึกของผมก็สลบไปก่อนแล้ว แล้วจากนั้นผมก็ไม่รู้สึกตัวอีกเลย และผมก็ได้สติอีกครั้งตอนที่พี่วิ่งลงไปและผมก็เห็นกลุ่มนักเรียนชายนอนสลบอยู่ ผมจึงคิดว่าพี่ช่วยผมไว้และอยากมาขอบคุณ แต่ตอนที่พี่บอกว่า ‘ นายมาทำไมที่นี้ แล้วตอนแรก ยังไม่คิดจะขอบคุณเลยไม่ใช่รึไง? เอาแต่กลัวฉันอยู่นั้นแหละ’ ผมก็คิดว่าเจ้านั้นมันต้องกวนประสาทพี่แน่ๆ เลยอยากจะขอโทษแทนด้วยเลย”
ตามจริงฉันก็ไม่ควรโกรธเขา เพราะตอนที่ฉันได้คุยกับเขา นั้นไม่ใช่ตัวเขาจริงๆ แต่เขามาถึงที่บ้านในเวลาแบบนี้ มันทำให้รู้สึกเหมือนเป็นเรื่องใหญ่โตเลยนะ
“เอาเป็นว่าฉันไม่ถือโทษโกรธเรื่องนั้นก็แล้วกัน แต่นายนี่ ชอบทำอะไรที่มันเว่อร์ๆ ซะจริงนะแล้วก็นะ นี่มันก็เย็นมากจนเรียกว่าเริ่มดึกได้แล้ว นายก็ควรกลับบ้านได้แล้วนะ” ประโยคนี่เหมือนคำพูดที่พวกผู้ใหญ่เขาพูดกันเลย พอฉันอยู่กับคนที่เด็กกว่า แล้วฉันโตขึ้นขนาดนี่เลยหรอเนี่ย อยากเจอเด็กบ่อยๆ จัง
“ครับ แต่ผลก็โทรเรียกให้คนที่บ้านมารับแล้ว เดี๋ยวก็คงมาถึง” มารับ? เป็นคุณหนูหรอเนี่ย แต่เด็กนี่ก็เด็กจริงๆ กว่าจะดูแลตัวเองได้
แอด~
เสียงประตูบ้านฉัน อ๊ะ! ฉันลืมล็อคไว้สินะเนี่ย
“คุณหนูผมมารับแล้วครับ” เสียงนี่ดูหนุ่มจัง ต่อจากเจอเด็กต่อไปก็เจอคนหนุ่มรุ่นใหญ่สไตล์คุณพี่สินะ เสียงออกจะหล่อ แต่...เข้าบ้านคนอื่นโดยไม่ขอนี่มันเสียมารยาทมากจริงๆ
รู้สึกได้เลยว่าช่วงนี้จะเจอกับคนที่อายุน้อยกว่า บ่อยมากจนผิดปกติ แล้วส่วนใหญ่จะเป็นเด็กผู้ชาย!
“นายมาทำไมที่นี้ แล้วตอนแรก ยังไม่คิดจะขอบคุณเลยไม่ใช่รึไง? เอาแต่กลัวฉันอยู่นั้นแหละ” ฉันถามด้วยความรู้สึกแปลกๆ ที่จูจู่เด็กที่คิดว่าฉันเป็นพวกพลังกลัวจนตัวสั่น มาหาถึงบ้าน
“เอ่อ...คือตอนนั้นผมลืมตัว เลยลืมขอบคุณพี่สาว ก็เลยตามหาพี่จนมาถึงที่นี้”
ช่วงนี่มีแต่เด็กๆ จนในที่สุด มันทำให้ฉันรู้สึกได้ว่าตัวเองนั้น แก่! (ด่าตัวเองอยู่นะเนี่ย) เพราะพวกเกรซและฟิวส์ก็เกิดกันคนละปี หลายคนก็เกิดปลายเดือน พอดีว่าฉันเกิดต้นเดือน เลยปลงซะทีว่าตัวเองนั้น แก่! เฮ้อ!~นึกถึงทำนี้แล้วมันก็ลำบากใจ...มันก็ช่วยไม่ได้นี่นะ
“แล้วที่บอกว่าไม่รู้ตัวนี่ยังไง ตอนนั้นยังกวนใส่อยู่เลยนี่ -*-” กลับเข้าเรื่องเดิมซะที เหมือนจะบรรณยายไปไกลเกิน
“ก็คือว่า...” ทุกคนต่างพร้อมใจกันเงียบ และฟังสิ่งที่เด็กคนนี้จะพูด
“คืออะไรละ?” ฉันเร่งให้เขารีบๆ พูด
“พวกพี่อาจจะไม่เชื่อก็ได้นะ”
“ไม่เชื่อ!” ตัวจอมกวนประสาทมาอีกและ เขายังไม่ได้พูดอะไรเลยแท้ๆ ฉันเริ่มอารมณ์เสียแล้ว ซึ่งเริ่มเตือนตัวกวนประสาทซึ่งก็คือฟิวส์ ด้วยการจิกสายตามองข่มไว้ก่อน เพื่อนเตือนว่า ‘ถ้ายังไม่เงียบนะ อย่าหาว่าไม่เตือน’
“โอเคๆ ไม่ต้องพูด ฉันก็เข้าใจแล้ว” เป็นไง เพื่อนกันก็รู้ใจกันแบบนี้แหละ
“เอาละๆ เล่าต่อๆ ” เกรซนี่ก็กลัวจะไม่มีบทจังนะ แต่เทียบกับชินแล้ว นั่งฟังนิ่งไม่สนใจอะไรเลย
เพื่อให้แน่ใจฉันเลยหันไปดูชิน (- -) ( - -) ที่จริงไม่ใช่ว่าตั้งใจฟังหรอก ไม่ฟังเลยตางหาก!
“เฮ้อ!~” ฉันถอนหายใจเสียงดังเพื่อเป็นสัญญาณเตือนว่า...อีกไม่กี่นาที ถ้ายังไม่หยุดพูดพล่ามอะไรไร้สาระอีก...จะมีระเบิดนิวเคียร์ตกลงมา
“เอ่อ...งั้นผมจะอธิบายต่อแล้วกันนะครับ” เหมือนว่าเด็กนั้นจะรู้ได้ถึงสัญญาณที่ฉันส่งไป (มีตัวรับสัญญาณด้วยรึไง -*-)
“อ่าๆ เชิญๆ” ทุกคนตางเงียบฉันจึงพูดขึ้นเพื่อให้บรรยากาศกลับมาดีเหมือนเดิม “’งั้นผมก็ขอบอกอะไรไว้ก่อนแล้วกันนะครับ ว่าพวกพี่จะเชื่อหรือไม่ก็ได้ คือ...” เขาหยุดจังหวะในการพูดทำให้มันรู้สึกตื่นเต้นเข้าไปอีก “…ตั้งแต่เด็กแล้วผมก็ไม่ค่อยมีเพื่อน เพราะความรู้สึกของผมมันเหมือนมีสองคน ซึ่งอีกคนที่อยู่ในตัวผม ผมก็ไม่ค่อยรู้จักเขาเท่าไร”
“Stop! Stop! หยุดก่อนเลย” ฉันพูดให้เขาหยุดพูดชั่วขณะ จนสำเนียงฝรั่งจ๋าก็มาเลย “นั้นก็หมายความว่า...นายเป็นพวกสองบุคลิกงั้นหรอ? ”
ถึงแม้ว่าฉันจะเคยศึกษามาบ้างเพราะมันเกี่ยวกับอาชีพที่ฉันอยากเป็น เป็นข้อมูลเอาไว้จับผิดคนอื่น ไม่นึกเลยว่าจะได้ใช้จริงๆ มันเป็นการที่ฉันรวบรวมข้อมูลของบุคลต่างๆ แต่ละประเภท ซึ่งฉันก็พอรู้ว่า มีคนประเภทหนึ่งที่มีความรู้สึกหรือตัวตนอีกหนึ่งอยู่ในร่างเดียวกัน ซึ่งเกิดจากสาเหตุบางประการที่ส่งผลกระทบกระเทือนต่อจิตใจอย่างมาก จึงเกิดอีกตัวตนหนึ่งซึ่งจะออกมาและคุ้มกันเพื่อไม่ให้เจ้าตัวต้องเจ็บปวดอีก ซึ่งอีกคนหนึ่งก็จะไม่สามารถรับรู้การกระทำของอีกตัวตนนั้นได้เลย...นี่แค่อธิบายคร่าวๆ เกี่ยวกับอาการของคนสองบุคลิกอ่ะนะ (เอาไปเขียนรายงานได้เลยมั้งเนี่ย ยาวเหยียด~)
“พี่คงรู้จักสินะ?” เขาคงถามเพื่อความแน่ใจ เขาเริ่มทำสีหน้าที่บ่งบอกว่า ‘งานนี้คงต้องอธิบายยาวแน่ๆ’ อะไรประมาณนั้น
“ฉันรู้! ” ฉันจึงรีบตอบอย่างทันควัน (ไม่ได้อวดรู้หรอกนะจ๊ะ)
“แต่พวกเราไม่รู้” ฟิวส์และเกรซจากที่เงียบมานานก็พูดขึ้นเหมือนกับบอกว่า ‘ครั้งนี่ไม่ได้เล่นๆ พวกเราไม่รู้จริงๆ’ อะไรทำนองนี่และ
“ฟังๆ ไปก่อนเหอะ ไว้ฉันค่อยอธิบายกรอกหูจนพวกนายไม่อยากถามอีกเลยแน่”
“อืมๆ ก็ได้ๆ เราคงต้องฟังแบบงงๆ ไปก่อนละนะ” เกรซพูดจบทำให้ความเงียบขึ้นอีกครั้ง
“งั้นก็คงต้องต่อแล้วนะ...ประเด็นหลักมันอยู่ที่ตอนที่ผมเจอพี่ จิตสำนึกของผมก็สลบไปก่อนแล้ว แล้วจากนั้นผมก็ไม่รู้สึกตัวอีกเลย และผมก็ได้สติอีกครั้งตอนที่พี่วิ่งลงไปและผมก็เห็นกลุ่มนักเรียนชายนอนสลบอยู่ ผมจึงคิดว่าพี่ช่วยผมไว้และอยากมาขอบคุณ แต่ตอนที่พี่บอกว่า ‘ นายมาทำไมที่นี้ แล้วตอนแรก ยังไม่คิดจะขอบคุณเลยไม่ใช่รึไง? เอาแต่กลัวฉันอยู่นั้นแหละ’ ผมก็คิดว่าเจ้านั้นมันต้องกวนประสาทพี่แน่ๆ เลยอยากจะขอโทษแทนด้วยเลย”
ตามจริงฉันก็ไม่ควรโกรธเขา เพราะตอนที่ฉันได้คุยกับเขา นั้นไม่ใช่ตัวเขาจริงๆ แต่เขามาถึงที่บ้านในเวลาแบบนี้ มันทำให้รู้สึกเหมือนเป็นเรื่องใหญ่โตเลยนะ
“เอาเป็นว่าฉันไม่ถือโทษโกรธเรื่องนั้นก็แล้วกัน แต่นายนี่ ชอบทำอะไรที่มันเว่อร์ๆ ซะจริงนะแล้วก็นะ นี่มันก็เย็นมากจนเรียกว่าเริ่มดึกได้แล้ว นายก็ควรกลับบ้านได้แล้วนะ” ประโยคนี่เหมือนคำพูดที่พวกผู้ใหญ่เขาพูดกันเลย พอฉันอยู่กับคนที่เด็กกว่า แล้วฉันโตขึ้นขนาดนี่เลยหรอเนี่ย อยากเจอเด็กบ่อยๆ จัง
“ครับ แต่ผลก็โทรเรียกให้คนที่บ้านมารับแล้ว เดี๋ยวก็คงมาถึง” มารับ? เป็นคุณหนูหรอเนี่ย แต่เด็กนี่ก็เด็กจริงๆ กว่าจะดูแลตัวเองได้
แอด~
เสียงประตูบ้านฉัน อ๊ะ! ฉันลืมล็อคไว้สินะเนี่ย
“คุณหนูผมมารับแล้วครับ” เสียงนี่ดูหนุ่มจัง ต่อจากเจอเด็กต่อไปก็เจอคนหนุ่มรุ่นใหญ่สไตล์คุณพี่สินะ เสียงออกจะหล่อ แต่...เข้าบ้านคนอื่นโดยไม่ขอนี่มันเสียมารยาทมากจริงๆ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.3 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.3 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ