3Kill ฆ่า ฆ่า ฆ่า

9.8

เขียนโดย ชิโร่

วันที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2558 เวลา 20.04 น.

  26 ตอน
  32 วิจารณ์
  31.37K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2558 22.57 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) ตอนที่ 2 ทรยศตอนที่ 2 ทรยศ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
 
    วินาทีที่แสนเยือกเย็นท่ามกลางดาดฟ้า ลมที่แสนจะเย็นพัดผ่านลอยแผลบอบฉ้ำทำให้รู้สึกเจ็บจนต้องหลับตาขวาไปข้างนึง ''เจ็บ...'' ใช่... นั้นเป็นคำอุทานเบาๆของผม
 
          ผมในตอนนี้ ได้แต่เพียงใช้มือซ้ายพยุงแขนข้างขวาเอาไว้เพื่อให้เจ็บน้อยลง.. ท่ามกลางเมฆที่ลอยผ่านไป ทำให้เห็นแสงจันทร์ที่ส่องมายังชัดเจน... ผมที่กำลังจะฆ่าตัวตายได้หันหลังกลับมามองหญิงสาวปริศนา ที่เห็นถึงผมสีดำ แววตาสีแดงอมดำ มันมองยากจริงๆว่าเธอมีมีดวงตาสีอะไรกันแน่
 
     ผมนั้นยังไม่เห็นหน้าของหญิงสาวนั้น...แต่
 
    บรรยากาศรอบตัวเธอช่างเยือกเย็นเหลือเกิน
 
     วินาทีนั้นแสงจันทร์ผ่านสู่ตัวเธอ...ทำให้เห็นริมฝีปากอันสีแดงฉ่ำที่ชัดเจนยิ่งกว่า
 
     ผมได้แต่มองตาค้างไปเลย...
 
         ''เธอเป็นใคร?...ต้องถามแบบนี้สินะ?''
ผมถามเธอเบาๆ ด้วยความความสงสัย คิดได้อย่างเดียวว่าตอนนี้เธอไม่ใช่สิ่งที่เรียกว่า ธรรมดาเป็นแน่
 
     ''แหมๆ? แปลกใจจัง คนที่ต้องการความตายอย่างเธอรู้เรื่องของฉันไปจะได้อะไรขึ้นมา....เอาเลยสิ ถ้าอยากตายถึงขนาดนั้น...หรือว่าจะสนใจฉันคนนี้ ตอนนี้ มากกว่าความตายที่อยู่ตรงหน้า?''
 
ผมมองเธอ.. 1 วิ ...กระพริบตาหนึ่งครั้ง... แล้วมองไปอีก 2 วิ กลืนน้ำลายอยู่ครั้งหนึ่ง... จากนั้น
 
      ''อ่า....ผมสนใจเธอที่อยู่ตรงนี้''
 
     ''ถ้าเรายังไม่สิ้นหวัง ทุกคนก็จะยังอยู่เคียงข้างเราเสมอ  เวลาที่ทุกคนจะจากเราไปจริงๆ ก็คือเวลาที่เรายอมแพ้เท่านั้นแหละ'' 
หญิงสาวคนนั้นพูดออกมาอย่างเศร้าๆที่เต็มไปด้วยสิ่งแปลกปลอมของจิตใจ
 
      ''อะไรละนั่น จะบอกให้ผม สู้แทนที่จะยอมแพ้งั้นเหรอ?''
 
''รู้ไหมความสุขที่แท้จริงน่ะ คือความสุขที่ใช้ร่วมกัน ''
''ถ้าหากมีเค้กหนึ่งชิ้น ถึงแม้เค้กมันจะไม่อร่อย แต่ถ้ามีคนมากินด้วยกันมันก็อร่อยไม่ใช่หรอ?''
 
     ''ผมไม่มีความสุขส่วนนั้นเหมือนกับคนอื่นเขาหรอก...''
ผมกำลังจ้องมองเธอไปเรื่อยๆ
 
ส่วนเธอ ก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง
 
     ''นายน่ะ.. คิดว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามที่คิดเหรอ น่าสมเพช พ่อแม่ไม่รัก เพื่อนก็ไม่มี แถมมีคนคอยกลั่นแกล้งอีกต่างหาก พอมีคนรักก็ถูกเขาแย่งไปแบบน่าเศร้า ครูอาจารย์ก็คอยเกลียดไปด้วยอีก''
 
ผมเงียบ จากนั้นจึงเถียงเธอกลับไปด้วยน้ำเสียงของความสงสัย
 
     ''มันขัดแย้งกันนะ... คุณที่บอกว่าเค้กชิ้นเดียวไม่อร่อย แต่มาบอกว่าสมเพชผม.. คุณจะสื่ออะไรกันแน่ ต้องการอะไรจากผม...'' 
 
     ''นี่... รู้หรือเปล่าว่า''
 
 
''โลกนี้ไม่มีสิ่งสวยงามที่แท้จริงอยู่หรอก''
 
''...แต่ถึงจะมีก็ต้องระนองปนไปด้วยความโศก''
 
''ทำแต่สิ่งสวยงามมันเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ไม่ได้หรอก''
 
''ตัวนายที่เป็นฝ่ายยอมแทนที่จะลุกขึ้นสู้ เพราะอะไรกันนะ?''
 
     ผมเงียบซักพักที่ได้ยินคำพูดเหล่านั้น 
 
     ''.........ที่เธอพูดมามันก็ถูก ....ผมคิดผิดรึเปล่านะ ที่สนใจเธอครู่นึงก่อนจะฆ่าตัวตาย''
ผมพูดออกมาด้วยน้ำเสียงตายด้าน เหมือนคนไร้อารมณ์
 
 
    ''จะโดดลงดาดฟ้านั้นจริงๆเหรอ? ไม่กลัวเหรอ? หลังจากตายไปจะทำยังไง? ''
 
เธอนั้นถามได้ดี ถึงกับทำให้ผมยิ้มขึ้นมาหน่อยๆ 
 
     ''ถ้าเรียก สิ่งนั้น ว่าเป็นการแก้ทุกข์ละก็....ผมไม่กลัวหรอก   ขอบใจสำหรับคำพูด''
 
     ผมที่ได้พบกับเด็กสาวปริศนา...พวกเราคุยกัน มันเป็นคำพูดที่ลึกซึ้งและเปี่ยมไปด้วยความหมายของชีวิต แต่ถึงแบบนั้น ผมยังรู้สึกสนุกที่ได้คุยกับเธอ...แต่เธอห้ามผมไม่ได้หรอก ตัวผมมันยอมแพ้กับชีวิตไปตั้งนานแล้ว...
 
      ก้าวขวาที่ลอยสู่อากาศ  ตาของผมนั้นหลับลงพร้อมกับการเตรียมใจ ในขณะที่ลมมันพัดโชยมาทำให้เส้นผมนั้นมันขยับไปมา
 
     ผม...กำลังลอยอยู่บนอากาศ ร่างกายหล่นลงจากเพดานสู่พื้น... นี่สินะ การกระโดดตึกตาย..
 
เฟี๊ยวววว~
 
..............
 
     ตุ๊บ......แขนที่หัก....คอที่หัก....เลือดอันไหลโชน มัน  ไหลไปทั่วดินสีน้ำตาล แววตาที่ตายตาไม่หลับ
 
    เลือดที่ไหลออกจากปาก ลำตัวที่พลิกคว่ำจนไม่รู้ว่าอยู่ท่าไหน กระดูกหักไปทั้งร่างกาย
 
    หญิงสาวได้แต่ยืนดูอยู่บนดาดฟ้า...และ ก้มลงเพื่อดูผลลัพธ์ของการกำทำที่เรียกว่า ฆ่าตัวตาย..
 
    ทั้งสองคน ไม่รู้จักชื่อ.....ซึ่งกันและกัน
 
    หญิงสาวรู้สึกสนุกที่ได้คุยกับชายที่เขาไม่รู้จักชื่อ ทำให้หญิงสาวนั้นยิ้มออกมา
 
''คนที่แบกโลกทั้งโลกไว้คนเดียวน่ะ..ก็ได้เครียดตายไปคนเดียวนั่นแหละ''
 
 
แต่ว่า..
 
''เพราะมีหัวใจ ข้าจึงริษยา''
''เพราะมีหัวใจ เจ้าจึงตะกละตะกลาม ''
''เพราะมีหัวใจ ข้าจึงละโมบช่วงชิง ''
''เพราะมีหัวใจ เจ้าจึงหยิ่งผยอง ''
''เพราะมีหัวใจ ข้าจึงดูแคลน ''
''เพราะมีหัวใจ เจ้าจึงโกรธเกรี้ยว ''
''เพราะมีหัวใจ ข้าจึงปรารถนาทุกสิ่งที ''
มาเป็นข้ารับใช้ของฉันเถอะ... ชายผู้โง่เขราที่เปี่ยมไปด้วยปัญญา
 
     
_____________________________________________
 
ที่ที่มีแต่สีดำ มืด 8 ด้าน
มันคือที่ไหน ทุกอย่างมืดไปหมด
 
 
     ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เห็นแต่เพียงสีดำ ซ้าย.. ขวา.. หน้า ลง บน ล่าง มองไปสุดลูกตาก็ดำสนิท มันน่ากลัวจริงๆ แต่ก็ มีเพียงร่างกายตัวเองเท่านั้นที่มองเห็น มันเกิดอะไรขึ้นกัน โลกหลังความตายคือที่นี่รึเปล่า ความมืดแบบนี้น่ากลัวจริงๆ
 
 
......
 
     ขณะที่ผมกำลังมองฝ่ามือของตัวเองท่ามกลางความมืดมิด ก็ได้มีหญิงสาวเดินมาจับไหล่ เธอคนนั้นเป็นใครไม่ได้.. เขาก็คือผู้หญิงคนนั้น.. แต่ผมนั้น ก็ไม่ได้หันไปมองหน้าเธอที่อยู่ข้างหลัง ไม่นานเธอก็พูดขึ้นมา
 
 
      'นี่....ทำไมถึงฆ่าตัวตายเหรอ?'
เธอถามมา
 
      'ผมอธิบายเป็นคำพูดไม่ได้...นั่นสิ ทำไมกันนะ'
ผมตอบทันทีกลับไป...
 
 
          ภายในโลกที่มืดสนิท ได้ปรากฏภาพของครอบครัวของผม...นั่นก็คือ พ่อ แม่ และน้องสาว....
หญิงสาวคนนั้นที่เห็นถึงภาพความอบอุ่นเหล่านั้น ก็ถามกลับไป 
 
     ''หืม...? พ่อ แม่ น้องสาวงั้นเหรอ ก็เป็นครอบครัวที่อบอุ่นดีไม่ใช่รึไง?''
 
 
ภาพที่เห็นนั้น มันเป็นตอนเช้าในห้องนั่งเล่นที่มีโซฟาอยู่กลางห้องและโทรทัศน์ เป็นภาพของครอบครัวที่มีความสุขด้วยกัน พ่อ แม่ น้องสาว... และตัวผม
 
 
     ผมที่เห็นถึงภาพเหล่านั้น ก็ได้ก้มหน้าลงอย่างเศร้าๆ  พร้อมตอบคำถามของเธอเมื่อซักครู่
 
     ''นั่นครอบครัวเก่าผม.....''
 
 
     ''แล้วครอบครัวเก่าที่ว่านั้น หายไปไหนแล้วล่ะ?''
 
 
     ''...... พ่อผมตาย น้องสาวถูกรถชนตาย... แม่ผมก็ไปแต่งงานใหม่ ''
 
 
    หญิงสาวจับผมนั่งลงอย่างรุนแรงโดยการใช้มือขวากดไปที่ไหล่ ผมไม่สามารถขัดขืนอะไรเธอได้เลย จนร่างกายของผมทรุดตัวอย่างรวดเร็วและนั่งลงไป และเธอก็เอาปากที่แสนจะแดงไปด้วยความน่ากลัว มาแนบไว้ข้างหู พร้อมกระซิบเบาๆ
 
     ''นายเนี่ย น่าสนใจนะ ภาษามนุษย์เนี่ย ต้องเป็นแบบนี้รึเปล่านะ ?''
 
 
    ภาพที่เห็นครอบครัวแสนอบอุ่นในตอนแรกค่อยๆจางหาย เปลี่ยนกลายเป็นสีดำสนิท มันดำ 8 ด้านเหมือนเดิม นั่นทำให้ผมก้มหน้าลงสิ้นหวังอีกครั้ง
 
ผมยังคงเล่าเหตุการณ์ครอบครัวเก่าต่อ 
 
     ''หลังจากแม่ผมแต่งงานใหม่...ผมก็ได้พ่อเลี้ยงกับน้องชายคนใหม่มา...''
 
 
''มันเลวร้ายขนาดนั้นเลยเหรอ?''
 
 
     ''แรกๆก็ไม่ปัญหาอะไร...แต่ผมมารู้ทีหลังว่า...พ่อและน้องสาวตาย มันเป็นฝีมือของแม่....นั่นมันทำให้ผมช็อกเอามากๆ''
 
 
''นั้นคือเหตุผลของความไม่เป็นสุข?''
 
 
      ''ก็ส่วนนึง....แต่ยิ่งแย่ไปกว่านั้นคือ...ครอบครัวเริ่มแตกทีละนิด..จนมาเป็นถึงทุกวันนี้ไง....ถึงได้เจ็บปวด..ยิ่งไปกว่านั้น เพื่อนๆในห้อง ยังทำกับผมถึงขนาดนี้....''
 
 
''ฉันเข้าใจเธอนะ....''
 
     ''คนรัก.. เพื่อน ถูกแย่งชิงไปหมด ไม่เหลืออะไรอีกแล้ว.. ผมกลัวที่จะถูกทรยศอีก มันเจ็บยิ่งกว่าการฆ่าตัวตายอีกนะ สิ่งที่เรียกว่าทรยศน่ะ... ปวดที่ใจ และไม่มียาที่ไหนรักษาหายได้''
 
''แต่กาลเวลาก็สามารถรักษาใจเธอได้นะ''
 
     ''ไม่หรอก.. กาลเวลาจะคอยซ้ำเติมมันเรื่อยไป....''
 
''แล้วนายไม่ชอบเวลารึไง... เวลาคือสัญลักษณ์แห่งการก้าวเดินและการเปลี่ยนแปลงนะ''
 
''เปลี่ยนแปลง... ไม่หรอก ผมน่ะ ถ้าเป็นไปได้ก็อยากหลับไปตลอด ไม่อยากรับรู้เรื่องราวทั้งนั้น''
 
''จะหนีจากความจริงงั้นเหรอ ไม่ลองลุกขึ้นสู้ดูหน่อยล่ะ ?''
 
''สภาพแบบนี้ แล้วผมจะไปทำอะไรได้ อย่าพูดเหมือนคุณรู้ดีไปหน่อยเลย...''
 
''ฉันเข้าใจเธอนะ เข้าใจทุกอย่างเลย''
 
 
          ภาพสีดำกลายเป็นภาพสีขาวรอบด้าน... ผมกำลังถูกมิติจากต่างโลกดูดเข้าไปรึไงกันนะ น่าขำจริงๆ แต่ก็แค่อยากจะบอกว่า เธอไม่ได้เข้าใจผมหรอก คุณก็แค่แกล้งเป็นเข้าใจผมเท่านั้น คุณน่ะโกหกไม่เก่ง ดูจากน้ำเสียงก็รู้
 
 
''งั้นอยากได้ชีวิตใหม่รึเปล่า^^''
 
 
     ''ผมอยากตาย...ไม่เอาหรอก ชีวิตใหม่อะไรนั้น...''
 
 
ต่อให้นายไม่รับชีวิตใหม่จากฉัน แต่ฉันก็ยังให้..
 
 
รับมันไว้เถอะนะ...
 
 
''อ-อย่านะ..ผมไม่ต้องการ...''
 
######################################################
''ฮ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!!!!!!!''
 
          ผมกรีดร้องออกมา ไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน ทำอะไร ร้องออกมาเพราะอะไร มันเหมือนกับตัวเองถูกต้มยำทำแกงแบบไร้สาเหตุ... ไม่สิ ต้องเรียกว่าไร้เหตุผลมากกว่า 
 
   มืดจัง.... มันเกิดอะไรขึ้นกับเรานะ ทำไมถึงยังรู้สึกตัว..
 
 
     ผมนั้นนั้นยังคงค่อยๆลืมตาขึ้นมาเบาๆ พลางมองขึ้นไปข้างบน รู้สึกได้เลยว่า ตัวผมในตอนนี้นอนหงายอยู่ในพื้นที่โล่ง และมันก็คือที่โรงเรียนแถวๆหน้าตึก มันคือสถานที่ที่ผมตายนั้นเอง....
 
 
      ผมที่ลืมตาขึ้นมา สิ่งแรกที่เห็นคือท้องฟ้าสีครามปนดำ มันเป็นความมืดที่มองเห็นได้ชัดเจนกว่าตอนกลางวัน ฟังแล้วอาจจะดูแปลกใจ ยิ่งไปกว่านั้น นอกจากค่ำคืนสีครามที่เต็มไปด้วยดวงดาวแล้ว ยังเห็นผู้หญิงคนนั้นนั่งลงยองๆ และเธอก็จ้องมองหน้าของผมอย่างใจจดใจจ่อ
 
     ''อรุณสวัสดิ์ ^^''
 
 
          ผมค่อยๆลุกขึ้นมานั่ง เอามือทั้งสองจับไปที่หัว และหันหน้าไปมองเธอที่ซึ่งกำลังยิ้มอย่างมีความสุข เธอคนนั้นขยับปากช้าๆ....
 
 
''ครั้งแรกเลยนะ ที่ฉันหาบริวารมากกว่ากำหนด^^''
 
 
''ครั้งแรกเลยนะ ที่ฉันสนใจผู้ชาย..''
 
 
''ครั้งแรกเลยนะ.. ที่ฉันไม่รู้สึกพอใจกับนาย แต่ก็ยังสนใจในแนวทางนั้น''
 
''ครั้งแรกกับการเปลี่ยนแปลง นายมันคือของวิเศษ''
 
''ครั้งแรกเลยนะ ครั้งแรกจริงๆ''
 
 
      ผมนั้น ไม่เข้าใจที่เธอพูดเลยว่ามันหมายความว่ายังไง?
 
 
     และผมก็ค่อยๆ มองไปยังแววตาของเธอที่สะท้อนกับแสงจัทร์จนเป็นแววสีแดงออกมาเหมือนปีศาจ และถามเธอกลับไป... 
 
     ''เธอไม่ใช่มนุษย์สินะ ผมตายไปแล้ว...คุณต้องการอะไรจากผม?''
 
     ''ฮ่ะๆ ก็จริงที่เธอตายไปแล้ว ตอนนี้เธอเป็นผีดูดเลือด ที่มีฉันผู้เป็นนาย''
เธอคนนั้นหัวเราะขึ้นมาเบาๆ
 
 
     ก็จริงที่ผมสนใจเธอตั้งแต่ครั้งแรกที่พบ แต่ทันทีที่เธอพูดประโยคนั้น มันเอาทำผมโมโหซะจริง ผมเกลียดการถูกยัดเยียดที่สุด ทำไมต้องเป็นผม จะอะไรกันนักหนากับชีวิต ตายไปแล้วยังมีคนมาแกล้ง ตายไปแล้วยังมีคนมาปลุกความทรมาน มันจะจบก็ไม่ให้มันจบ... บทแห่งการตัดจบมันควรจะจบไปนานแล้ว จะไปรื้อฟื้นมันมาทำไม... !!!
 
     ''อ่อ เหรอ? งั้นช่วยฆ่าผมอีกทีจะได้ไหม? สิ่งที่เธอทำมันไร้ประโยชน์!'' 
 
          ผมพูดคำๆนั้นออกไปอย่างหน้าตาเฉยพร้อมน้ำเสียงเย็นชา เธอที่ซึ่งกำลังยิ้ม จู่ๆก็ทำหน้าโกรธขึ้นมาอย่างสุดขีด แววตาของเธอไม่พอใจผมสุดๆ และเขา กำลังง้างขาขึ้นมา ทำให้เห็นถึงใต้กระโปรงในส่วนนั้น
 
รู้ตัวอีกที... ผมก็
 
 
ตุ๊มมมมมมมมมมมมมมมม!!!!!!!!!!
 
 
      ''อั๊กก!'' หญิงสาวคนนั้น เตะผมกลางอกอย่างรุนแรง ผมที่ไม่ตั้งตัวอะไรเลยตอนเธอเตะ ทำให้ร่างกายอันอ่อนแอของผม ปริวกระเด็นอย่างสุดแรงไปชนกับตึกเรียนจนเป็นรอยร้าวขนาดใหญ่ ขาของผมนั้น หักไปเลยทันทีที่กระทบกับตึก รวมถึงแขนก็ด้วย
 
ร่างกายของผม..ติดกับผนังพร้อมเลือดอาบปาก....
 
      ไม่นานเลือดก็สำลักปากจนเกิดไอขึ้นมาเบาๆ ''แฮ่กๆ''  ฟังอาจจะดูแปลก เธอเตะรุนแรงมาก รู้สึกได้ถึงความเจ็บ แต่ว่า นั่นมันก็แสดงออกถึงความแข็งแกร่งของเธอ แต่มันก็ทำให้ผมดีใจนะ ที่เธอจะฆ่าผมอีกรอบ นับว่าคุ้มที่เห็นอะไรแปลกๆก่อนตาย
 
แต่ว่า...
 
 
      ''หือ?'' 
 
          มันเกิดอะไรขึ้นกัน ผมตกใจอย่างมาก ร่างกายผมค่อยๆฟื้นฟู เลือดที่บอบฉ้ำจากการโดนเตะมันเริ่มหาย แผลเริ่มฟื้นฟู ผมลืมตาขึ้นมาดูหน้าเธออีกครั้ง เธอนั้นก็ค่อยๆเดินมาหาผมอย่างช้าๆ
 
      แววตาที่มองไม่เต็ม 100% กำลังจ้องมองเธอที่กำลังเดินมา เธอนั้นงดงามจริงๆในตอนกลางคืน เหมือนราชินีอะไรซักอย่าง ทั้งน่ากลัว แข็งแกร่ง ดุดัน เด็ดขาด... หากกล่าวว่าใครสวยที่สุดตั้งแต่ที่พบมา คงไม่พ้นเธอผู้นี้
 
เธอคือใคร !?
 
 
      ผม ที่ติดกับตึกกำแพงที่เป็นรอยร้าว เธอค่อยๆเข้ามาหาผม จากนั้นก็ใช้มือขวาจับคางผมพร้อมบีบเบาๆ ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆจนแทบจะจูบกัน ผมจ้องไปที่แววตาสีดำแดงของเธอด้วยสีหน้าไม่พอใจสักเท่าไหร่ เธอเองก็ขยับปากช้าๆ 
 
     ''เป็นครั้งแรกเลยนะ ที่ฉันโมโหสุดๆ ชีวิตคนเราเอามาโยนทิ้งเล่นง่ายแบบนี้เลยรึไง? นายนะ''
 
 
     ''เมื่อกี้เธอบอกว่าผมเป็นผีดูดเลือดสินะ... แล้วเธอมีสิทธิ์อะไรที่ทำให้ผมกลายเป็นสภาพแบบนั้นกัน ยัยโง่ ยังไงผมก็จะตายให้ได้... ไม่อยากจะสู้อีกแล้ว ผมยอมแพ้กับโลกนี้ไปแล้ว !!!''
 
 
      ''ฮะๆ ฮ่าๆ ฮ่าๆๆๆ ผีดูดเลือดเป็นอมตะ...แล้วแบบนี้จะฆ่าตัวตายได้ยังไง? ขอโทษนะ ความปราถนานายไม่เป็นจริงหรอก.... ''
 
 
          ผมที่ถูกเธอจับคางอยู่นั้น...ร่างกายดูเหมือนว่าจะฟื้นฟูได้เต็มที่แล้ว ผมเองก็ไม่อยากปล่อยโอกาสที่ร่างกายฟื้นฟูเสียเปล่าไปหรอก เพราะเหตุนั้นแหละ ทำให้ผมง้างหมัดขวาต่อยหน้าของเธออย่างไม่ลังเล.... ถึงวินาทีนั้นผมจะสงสัย ว่าทำไมเธอไม่หลบก็ตาม หากจะให้เดา เธอคงจะถูกผู้ชายต่อยเป็นครั้งแรกในชีวิตแน่ๆ
 
 
ตุ๊บ!
 
     หมัดขวาของผมต่อยไปที่แก้มซ้ายของเธอจนเป็นรอยแดงหน่อยๆ เธอทำตาค้างไปเลย...
 
 
      ว่าก็ว่าเถอะ ร่างกายนี้แข็งแกร่งสุดๆไปเลย อ่า... ใครจะด่าว่าต่อยผู้หญิงก็ช่าง
 
 
     ผมเริ่มดันตัวออกมาจากผนังตึกที่เป็นรอยแล้ว และในตอนนี้เองก็ยืนอยู่ต่อหน้าเธอ แต่เธอก็ช็อกไม่หยุด ร่างกายของเธอถึงกับทรุดลงพร้อมจับไปที่แก้มซ้ายเบาๆ
 
 
      ''ขอบอกไว้ก่อน ผมไม่สนอะไรทั้งนั้น... ผมจะต้องตาย ไม่เหมือนกับเธอหรอก''
 
 
เธอนั้นลุกขึ้นมาและคุยกับผมอย่างปกติ ทำเอาลืมไปเลยว่า เหตุการณ์เมื่อกี้มันเกิดอะไรขึ้น
 
 
     ตอนนี้รู้เลยว่า เรากำลังจะคุยกันแบบดีๆ...
 
      ยามซึ่งแสงสว่างกำลังจะคล้อยขึ้นมา แสงจากดวงอาทิตย์กำลังส่องออกมาจนแสบตา มันทำให้ผมแปลกใจว่า ระหว่างที่ผมตายผมหลับไปกี่ชั่วโมงกันนะ โต้รุ่งเลยรึไง 
 
ยิ่งกว่านั้น...
 
 
      เวลาผ่านไปเป็นช่วงๆ วินาทีเหมือนมันยาวนานระหว่างผมกับเธอ.. เสียงหัวใจเต้นรัวๆ เธอและผมมองหน้ากัน  สายตาที่ครั้งแรกรู้สึกสนุกที่ได้คุยกัน กลายเป็นแววตาที่เฉียบคมพร้อมกับความแค้น... ตาทั้งสองจ้องกันแบบไม่กระพริบ
 
 
     หากจะเรียกว่าความแค้นคงไม่ใช่ เป็นแววตาที่บ่งบอกถึง ทำไมเป็นแบบนี้ ทำไมไม่เป็นแบบนั้น ทำไมนายไม่เป็นแบบที่ฉันคิดไว้ ทำไมนายจึงต่อต้าน...
 
จากนั้นเะอก็พูดขึ้นมา....
 
 
      ''จะไม่ไปกับฉันงั้นเหรอ? งั้นจะอยู่กับโลกนี้ที่ ทรยศ นายงั้นเหรอ?'' 
เธอคนนั้น กล่าวถึงสถานที่ ที่ผมไม่รู้จัก ผมเองก็ไม่เข้าใจประโยคที่ว่า ''ไปกับฉัน'' มันคือที่ไหน
 
 
      วินาทีนี้ ผมฉุดคิดขึ้นได้ ถ้าผมเป็นอมตะ ผมจะทำอะไรก็ได้นิ..ฆ่าพ่อ ฆ่าแม่ ฆ่าทุกคน... ไม่เห็นเป็นไรเลยฆ่ามันให้หมดซะก็สิ้นเรื่องนี่...ใช่ นี่แหละ ชีวิตใหม่ของเรา
 
ถ้าแบบนั้น ก็ต้องปฏิเสธเธอไป...
 
 
     ''ผมจะไม่ไปกับเธอ... ผมจะทรยศโลกนี้แทนที่โลกจะทรยศผม....''
 
 
      พวกเรา.... ไม่ได้พูดอะไรต่อจากนั้น เธอเองก็ดูเหมือนว่าจะอึ้งกับคำที่ผมพูดกับเธอ จะเรียกว่าแปลกใจก็ได้นะ เพราะดูจากสีหน้าเธอแล้ว ผมคงเป็นคนแรกที่ทำให้เธอแปลกใจได้ถึงขนาดนี้
 
 
          สุดท้ายแล้วในขณะที่บรรยากาศมันช่างเงียบงัน แสงแดดเริ่มแผร่เข้ามา มันทำให้ผมรู้สึกร้อนนิดๆ และผมก็กำลังจะเดินกลับบ้านเพื่อทำบางสิ่งบางอย่าง ผมเดินผ่านตัวเธอคนนั้นไปอย่างเงียบๆ และออกจากโรงเรียนไป และในขณะนั้นเอง
 
 
''เห้ย แกชื่ออะไร?''
 
 
      ผมหันหลังมาพูดกับเธอครั้งสุดท้ายด้วยแววตาที่เย็นชา
 
 
''   แอล  ''
 
 
      ยามที่อรุณแผร่ลงมา พวกเราได้จากลากันตรงนั้น....
 
 
          เมื่อผม  กำลังเดินไปอีกครั้ง ก็เกิดคาใจ จึงหันกลับไปหาเธออีกรอบ  แต่แล้วก็ไม่เจอเธออยู่ตรงนั้นเสียแล้ว มันเอาทำผมสงสัยเธอหายไปไหนแล้วนะ?
 
 
____________________________________________
 
          ยามนรกสีท้องฟ้าแดงฉาน เมฆที่แสนจะอันตรายที่มีสีเลือดหมู ปราสาทนรกอันใหญ่โตสีน้ำตาลที่เต็มไปด้วยความน่าสยดสยอง รอบๆมีเพียงดินสีแดงที่แห้งร้าวไปด้วยความแห้งแล้ง เศษกระโหลกของสัตว์นรก รวมถึงเศษกระดูกของมนุษย์ต่างๆอยู่เต็มไปหมด
 
      ปราสาทนรกสีน้ำตาล ที่มีหลังคาแหลมคม ในบัลลงค์ของหญิงสาวที่เรียกตัวเองว่า ''เฮลไซท์'' กำลังอาละวาดให้ห้องโถงขนาดกว้าง ที่มีลักษณะเป็นผนังสีแดงเดือด หล่อนเริ่มระบายความใจกับสิ่งของ นั้นคือ
 
นรก..
 
ตู้มมมมมมมมมมมม!!!!!!!!!!!
ตู้มมมมมมมมมมมม!!!!!!!!!!!
ตู้มมมมมมมมมมมม!!!!!!!!!!!
ตู้มมมมมมมมมมมม!!!!!!!!!!!
 
          เธออาละวาดออกมาอย่างสุดเกรี้ยว นั่งลงแล้วทุบพื้นด้วยมือขวาเบาๆ แต่ความเบานั้นมันไม่ธรรมดา เพียงกระทบกับพื้นเบาๆก็ทำให้เกิดเสียงดังพร้อมรอยร้าวขนาดใหญ่ จนทั้งปราสาทแห่งนรกต่างสั่นคลอน
 
     ''ทำไม... ทำไม! ทำไมถึงต่อต้านเรา ! เพราะอะไร !! เพราะอะไร!!!''
 
          ปราสาทสั่นคลอนไปด้วยหายนะของความโกรธเกรี้ยว ไม่นานก็ชะงักลง.. เมื่อมีหญิงสาวรับใช้คนหนึ่งวิ่งเข้ามาหาเธอ 
 
     ''ท่านเฮลไซท์ เกิดอะไรขึ้นค่ะ???'' 
เธอคนนั้นคือข้ารับใช้ที่มีชื่อว่า ไอร่า หรืออีกความหมายของชื่อคือ ปาบแห่งความโกรธเกรี้ยว โดยเธอวิ่งเข้ามาดู เฮลไซท์ด้วยความเป็นห่วง 
 
     ลักษณะของเธอมีผมสีดำยาวไว้หน้าม้า แต่งตัวด้วยชุดเมดสีดำอมขาวกระโปรงยาว ท่าทางหน้าตาดูเย็นชา แต่ไม่มากถึงกับตายด้าน และหน้าตาของเธอคล้ายกับเฮลไซท์ เป็นอย่างมาก
 
 
      เหตุการณ์ครั้งนี้คือ 'เฮลไซท์' ที่กลับมายังปราสาทนรก และเริ่มระบายความโมโหที่ปราสาท ทุบนู้นทุบนี่ ที่เป็นสิ่งของจนแตกกระจาย พังมันทุกอย่างที่อยากจะพัง แต่ถึงแบบนั้นก็ไม่เคยระบายใส่ลูกน้อง ปาบทั้ง 7 ของตัวเองเลย
 
 
      ''เอ่อ คือ ท่านเฮลไซท์ เกิดอะไรขึ้นหรอค่ะ? ทำไมจู่ๆถึง...''
 
 
      ''ไอ้ข้ารับใช้น่าโง่ที่ชื่อ แอล  ที่เราชุบชีวิตอันเป็นนิรันดิ์ให้มันไปแท้ๆ มันควรจะดีใจสิ ทำไมมันถึงได้ทำหน้าแบบนั้นกับเรา 'แอล' ข้าโมโหมันสุดๆ..''
 
 
      หลังจากที่ระบายความโมโหได้ในระดับหนึ่ง เฮลไซท์ค่อยๆเดินไปยังห้องปริศนาสีแดงปนดำอีกห้อง และในห้องนั้นเองมันก็เป็นห้องโล่งๆที่ใหญ่เอามากๆแถมยังไม่มีสิ่งของหรืออะไรไว้เลย เสียงเดินถึงกับสะท้อนกึกก้องไปทั่วในแต่ละฝีก้าว 
 
 
     ''ตึก....ตึก~''
 
 
     เฮลไซท์เดินเข้าไปกลางห้อง และกลางห้องนั้น มีลูกแก้วสีดำวางบนโต๊ะอยู่ และค่อยๆหยิบมันขึ้นมา
 
          ในขณะที่เธอกำลังทำอะไรบางอย่างเกี่ยวกับลูกแก้วใบนั้น ข้าบริวารของเธออีกคนก็วิ่งเข้ามาดู โดยเธอคนนั้นมีชื่อว่า ''แมมม่อน'' หรืออีกความหมายคือปาบแห่งความโลภ เธอเองก็มีหน้าตาคล้ายกับเฮลไซท์เช่นกัน เพียงแต่เธอมีผมที่สั้นและไม่ได้ไว้หน้าม้าเหมือนไอร่า และแต่งตัวชุดเมด
 
     ''ท่านลูซิเฟอร์ คิดจะทำอะไรกันคะ !!!?''
 
     ''แมมม่อน ! บอกให้เรียกเฮลไซท์ไง !''
 
     ''ข่ะ.. ขอประทานโทษค่ะ !! ต่ะ..แต่ว่า ไปโลกมนุษย์บ่อยครั้งแล้ว คราวนี้ดิฉันว่าอย่าเลยนะคะ เดี๋ยวร่างกายจะแย่เอา''
 
     ''เรารู้อยู่แล้ว แมมม่อน''
 
     ''แอล... เราสวยขนาดนี้.. อ่อนเยาว์ถึงขนาดไหน งดงามจนไร้ที่ติ ที่นรกแห่งนี้ ทุกคนต่างแสดงความรักต่อเราทั้งนั้น ไม่ว่าจะเพศไหน หรือเดรัจฉานขนาดไหนก็ตาม ทุกคนล้วนรักและจงรักภักดีต่อเรา... ถ้าอยากจะเล่นกับเราก็ได้ !! เราจะทำให้จิตใจของเจ้ามันพังทลายลงไปเลย !''
 
     และแล้วเฮลไซท์ ก็กำลังจะย่างฝีก้าวออกไปจากปราสาทเพื่อไปยังโลกมนุษย์ แต่แล้วก็ถูก แมมม่อนจับมือขวาเอาไว้
 
     ''แมมม่อน ! คิดจะทำอะไร !?''
 
     ''ทะ... ท่านเฮลไซท์ก็รู้นิคะ ว่าโลกมนุษย์มันไม่ดีต่อสุขภาพปีศาจอย่างพวกเรา อย่าไปเลยนะคะ!''
 
     ''แมนม่อน... เราชอบการตกปลาด้วยมือแทนที่จะเป็นเบ็ดน่ะ.. เข้าใจรึเปล่า ?''
 
________________________________________________________
 
ณ ทางกลับบ้านที่สวนสารธารณะ 
          เหล่าคนแก่เริ่มมาออกกำลังกายกันแล้วเพราะอยู่ในช่วงเกือบๆหกโมง ระหว่างที่พวกเขาวิ่งผ่านผม ก็มองด้วยความตกใจแปลกๆ ซึ่งก็เพราะเนื้อตัวของผมมันมีแต่เลือดยังไงล่ะ เลือดจากการถูกไอ้พวกเลวระยำมันซ้อมเอา ตอนนี้ก็คงคิดได้ว่า ร่างกายนี้คงใช้สำหรับการแก้แค้นเท่านั้น
 
ถ้าจะตายก็ตายไม่ได้ ก็ต้องทำเรื่องที่ทำได้ก่อน ที่เหลือก็ช่างมัน
 
เอาล่ะ.. จะให้สภาพศพของพ่อและแม่ เป็นแบบไหนดี ?
 
________________________
 
จากคนเขียน - เจอคำผิดเตือนกันหน่อยนะ วิจารณ์ด้วยก็ดี
แล้วก็คนคิดจะอ่านต่อก็เตรียมตับสำรองไว้บ้างนะ

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา