3Kill ฆ่า ฆ่า ฆ่า

9.8

เขียนโดย ชิโร่

วันที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2558 เวลา 20.04 น.

  26 ตอน
  32 วิจารณ์
  31.78K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2558 22.57 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) ตอนที่ 2 ทรยศ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

          เช้าวันถัดมาหลังจากเรื่องเลวร้ายเมื่อวาน เนื้อตัวผมมีแต่บาดแผลเต็มไปหมด แต่ผมเองก็ไม่คิดจะหยุดเรียนหรอกนะ เพราะถ้าหยุด คงได้เรียนไม่ได้ทันแน่ๆ

 

ตอนนี้ก็กำลังแต่งชุดนักเรียนมาเรียนตามปกติ

 

     ''อ้าวๆ แอล ^^ ทำหน้าเศร้าแต่เช้าเชียวนะ''

 

          ผมกำลังเดินเข้าไปในโรงเรียน ก็บังเอิญพบกับแฟนเก่า เธอมีชื่อว่า ''เจน'' เป็นคนทั้งสวยและร่าเริง ผมของเธอสีดำยาวลองมา แถมยังน่ารักในสายตาของใครอีกหลายๆคนอีกด้วย

 

     ''เอ่อ.. อืม''

ผมตอบกลับไป บอกตรงๆว่าไม่อยากมองหน้าของเธอเลย มันทำให้ผมรู้สึกเจ็บ

 

          หลังจากที่ผมทักทายกับเธอไม่นาน พวกจอร์จมันก็เดินเข้ามาขัดจังหวะ โดยการจับไปที่ไหล่ของเจนเบาๆ จากนั้นพวกมันทั้ง 4 คนยกเว้นไอ้เก้าก็ยิ้มเยาะเย้ยให้กับผม

 

จากนั้นก็พาตัวแฟนเก่าของผมเดินเข้าไปในโรงเรียนกัน

 

          ผมไม่อยากนึกถึงเหตุการณ์เมื่อเดือนที่แล้ว.. พวกมันทั้ง 4 คนยกเว้นไอ้เก้า รุมข่มขืนแฟนผมต่อหน้าต่อตา จนตอนนี้ก็เป็นอย่างที่เห็น นอกจากเจนจะยินยอมด้วยความเต็มใจแล้ว ยังมีหน้ามาเยาะเย้ยผมอีก ผู้หญิงมันเป็นแบบนี้เองเหรอ..

 

          ถ้าจะสรุปง่ายๆ ผมน่ะ ถูกพวกมันแย่งแฟนไปแบบดื้อๆ แถมแฟนยังไม่เล่นสนุกกับพวกมันจนผู้หญิงดีๆที่แสนอ่อนโยนกลายเป็นผู้หญิงร่านๆคนหนึ่งเท่านั้น

 

     ''เฮ้อ....''

นี่เรา ถอนหายใจอีกแล้วเหรอ ?

 

ห้องเรียน

 

          ภายในห้องเรียน 8 โมงเช้ากว่าๆ เพื่อนร่วมชั้นทุกคนต่างมานั่งประจำโต๊ะกันอย่างเป็นระเบียบ รวมถึงผมก็ด้วย ไม่นานหลังจากนั้น อาจารย์ประจำชั้นที่เป็นผู้หญิงก็ได้เดินเข้าห้องมา โดยลักษณะของอาจารย์ประจำชั้นของผมก็เป็นผู้หญิงผมยาวใส่แว่นตา ....สวยในหลายระดับ

 

     ''เอ้า เงียบๆกันหน่อย'' 

อาจารย์ประจำชั้นของผม ทุบโต๊ะเบาๆ พร้อมให้เหล่านักเรียนเงียบลง หลังจากนั้น เธอก็สางสายตาไปมองทุกๆคน ดูก็รู้ว่าเธอนั้นกำลังโกรธเรื่องสวนดอกไม้

 

    '' เมื่อวานนี้เวณใคร ???? '' 

เธอพูดต่อทันทีที่ทำหน้าไม่พอใจแบบสุดๆ

 

     ความเงียบมันเกิดขึ้นมาชั่วขณะ และในตอนนี้เองเพื่อนๆก็หันมามองผมด้วยสายตารังเกียจ ผมนั้นก็หันไปมองทางซ้ายและขวา และมันก็ต้องถึงกับเหงื่อตก.. ไม่มีใครเลยที่จะเชื่อผมสินะ เดาถูกจริงๆ โดยเฉพาะสายตานั้น... มันทำให้ผม ไร้คำแก้ตัว

 

     ''เอ่อ งั้นเหรอ...แอลสินะ...'' 

อาจารย์หาตัวคนร้ายที่เป็นแพะรับปาบกับผมจนได้ ด้วยประโยคที่แสนจะแทงใจดำ

 

สายตาที่จ้องผมนั้นมันอะไรกัน คราวนี้จะเกิดอะไรขึ้นอีก

 

 

    ''เอ่อ...ครับ เมื่อวานนี้ผม..'' 

ผมคงได้แต่ยอมรับ ด้วยแววตาที่สั่นคลอนของความกลัว

 

 

     ''งั้น แอล ไหนบอกครูสิ เมื่อวานเกิดอะไรขึ้นกับสวนดอกไม้?'' 

รู้ทั้งรู้ ว่าแก้ตัวไปแล้วมันก็ไม่มีใครฟังอยู่ดี ทั้งๆที่เป็นฝีมือของไอ้จอร์จแท้ๆ

 

 

     ไอ้ 5 คนนั้นที่นั่งอยู่แถวหน้าชั้นเรียน หันมามองผมด้วยแววตาที่สะใจแบบสุดๆ ไม่นาน ไอ้จอร์จมันยกมือขึ้นกลางห้อง ทำให้สายทุกสายตาจ้องไปที่มัน และมันก็พูดออกมาหน้าตาเฉยว่า

 

     ''อาจารย์ครับ เมื่อวานผมเห็น ไอ้แอล มันทำลายสวนดอกไม้ครับ!!!''

 

    และมันก็เริ่มขึ้น การใส่ร้ายที่ไร้ทางแก้ตัว..

 

 

     อาจารย์ หันมามองผมด้วยสายตาโกรธอย่างมาก  เพื่อนๆในห้องต่างเปลี่ยนสายตามาหาผมเช่นกัน ตอนนี้ผมถูกใส่ร้ายว่าเป็นคนทำลายสวนดอกไม้นั่นไปซะแล้ว ไม่สิ... ไม่ใช่ใส่ร้าย ยังไงก็คือผมที่ทำลายสวนนั้น

 

 

     สวนดอกไม้เหล่านั้น  นักเรียน ชั้นปี 2 ทั้ง 3 ห้องช่วยกันปลูกเพื่อเอาคะแนนวิชาวิทยาศาสตร์ แบบนี้แหละ หลังจากนี้ ผมคงเป็นคนที่ถูกรังเกียจที่สุด ถ้าเลวร้ายก็คงโดนพวกปี 3 และ ปี 2 รุมกระทืบ..

 

 

ในขณะที่ผมกำลังจะแก้ตัวออกไป....

 

 

     ''เลวที่สุด''

     ''แม่งทำไปได้ไงวะ?''

     ''ไอ__นิ เดี๋ยวเจอกรู''

 

 

     เพื่อนๆในห้องต่างซุบซิบกันด่าผม  มันทำให้ผม แก้ตัวอะไรไม่ได้เลยซักอย่าง แม้แต่คุณครูที่ไม่มีหลักฐาน แต่ก็ยัง... ก็ยัง... ทำหน้าแบบนั้นกับผม มุมมองในห้องไม่ต่างอะไรกับนรกทั้งเป็น เหมือนโลกทั้งใบส่งเสียงด่าผม กึกก้องไปทั้งหัว แววตาของผมกระสับกระส่ายไปด้วยความกลัว เหงื่อตกเป็นหยดๆ

 

 

     ''แอล.... เดี๋ยวเย็นนี้ จะเรียกผู้ปกครองของเธอมา...'' 

และแล้วอาจารย์ก็พูดคำที่โหดร้ายขึ้นมา อย่างการจะเรียกพ่อหรือแท้กระทั้งแม่แสนโหด

 

 

     ''ด..  เดี๋ยวสิครับ อาจารย์ ผมน่ะ ไม่....'' 

ผมก็ต้องชะงักลง เพื่อนๆในห้อง ทำหน้าเหมือนอยากจะฆ่าผม ยังไงยังงั้น

 

 

นี่มันอะไรกัน ถ้าเรียกพ่อมาล่ะก็ มีหวัง.... !!!

 

 

     ความซวยจึงบังเกิด เมื่ออาจารย์อยากจะคุยกับพ่อของผม.... เลวร้ายจริงๆ

 

 

     และแล้ว...ผมนั้นก็ต้องทนเรียนไปให้ถึงตอนเย็นโดยไม่ออกจากห้อง...เพราะถ้าผมออกจากห้องไปมีหวังโดนรุมกระทืบแน่นอน... แววตาของผมจ้องมองไปที่ประตูห้องเรียน...พวกห้อง 1 และ 2 มายืนกันหน้าประตูห้องเรียนเต็มไปหมดไปหมด..คงจะแค้น 'แพะรับบาป' แบบผมสินะ...

 

 

ในโลกนี้น่ะ ไม่มีอาวุธใด ร้ายแรงเท่ากับคำว่า 'ทรยศ' หรอก

 

ทั้งๆที่ทำแต่เรื่องดี แต่ก็จะถูกเรื่องที่ดี 'ทรยศ' เอา

 

 

     ทั้งๆที่ตัวผมไม่ได้ทำอะไรซักอย่าง แต่ปัญหากับเล่นงานแต่ผม... สำหรับผม น่ะนะ

 

 

    ปัญหามีเพียงแค่ไว้รับ....ไม่ใช่เอาไว้แก้

 

 

          เวลาผ่านไปจนถึง ช่วงเย็นของวันนี้ ผมโทรเรียกพ่อมาแล้ว....นักเรียนต่างพากันกลับบ้าน...และในที่สุด...ผมเองก็อยู่ในห้องพักครูในตอนเย็นกับคุณพ่อ หากนึกถึงในตอนที่ผมโทรไปหาพ่อ คงไม่ต้องพูดถึงเสียงของพ่อในตอนนั้นว่ามัน... โหดร้ายแค่ไหน

 

 

     ผมและคุณพ่อ มานั่งเก้าอี้ต่อหน้าอาจารย์ในห้องพักครูในยามเย็นที่แสนอาทิตย์เป็นสีส้ม พ่อเองก็ส่งสายตาโกรธผมแบบสุดๆ ต่อจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นกันนะ?

 

 

     ''ขอโทษนะครับ ลูกผมอาจเป็นเด็กมีปัญหา'' 

พ่อผม เริ่มจากการขอโทษก่อนเป็นอันดับแรก ผมทำได้เพียงก้มหน้ายอมรับความจริงเท่านั้น...

 

 

     ''ค่ะ ไม่รู้เป็นมายังไง แอล ไหนบอกครูซิว่าทำไมถึงทำลายสวนดอกไม้? เพื่อนๆเขาอุตส่าห์ตั้งใจปลูกเลยนะ? ไม่อยากได้คะแนนงั้นเหรอ หรือว่าไปโกรธใครมาล่ะ ?'' 

 

ผมเริ่มทนไม่ไหว ร่างกายมันสั่นไปหมด และในตอนนั้นเอง 

 

 

     ''ผมไม่ได้ทำ!!!'' 

ใช่ ในตอนนั้นเอง ผมตะโกนแบบนั้นออกไป ทันทีที่พ่อได้ยินผมขึ้นเสียง ก็ลุกพรวดออกจากเก้าอี้ทันที พร้อมกับ... ง้างมือขวาช้าๆ จากนั้นก็ลงมืออย่างรวดเร็ว!!

 

 

ตุ๊บบบบบ!!!!!!!

 

ร่างกายของผมหล่นจากเก้าอี้อย่างไม่ต้องสงสัย พ่อผมตบหน้าผมรุนแรงกว่าครั้งก่อนมากๆ

 

 

     ''เอ่อ ใจเย็นสิค่ะ ไม่ลองฟังแอลดูก่อนละค่ะ แฮะๆ''

 

 

          อาจารย์ดูเหมือนจะตกใจ ที่เห็นพ่อของผม โหดเอามากๆ เวลาล่วงเลยผ่านไป พ่อ บอกกับอาจารย์ว่าผมเป็นเด็กมีปัญหา อยู่บ้านนิสัยเสีย สรุปคือ....ตอนนี้ พ่อเล่าเรื่องของผมแบบผิดๆไปให้อาจารย์ไปซะแล้ว..

 

ในที่สุด ผมก็หมดความอดทน..

 

 

    ''ปัดโถ่เว้ยยย!!!!! ไม่ไหวแล้ว! ตลอด 3 ปีมานี่ ผมทนต่อไปไม่ไหวแล้ว!!!''

 

ใช่ มันไม่ใช่แค่ 3 ปี หรอก ผมทนมาตลอดช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันนั่นแหละ แต่ว่า 3 ปีมานี้ มันหนักสุดๆ

 

    ผมจับไปที่แก้มด้วยความเจ็บปวด น้ำตาคลอออกมา ตัวผมนั้นไม่มีใครรัก  ไม่มีใครหวง... มีใครบ้างที่ไม่เกลียดผม... มีเพียงความโชคร้ายเท่านั้นที่รักผม... และตอนนั้นเอง ก็ลุกขึ้นมาพร้อมวิ่งออกห้องพักครูไปทันทีด้วยน้ำตา

 

 

    ผมที่ พลักประตูออกจากห้องพักครู..เสียงดังสนั่น ถึงแม้อาจารย์จะตะโกนเรียกผมอยู่หลายครั้งว่า เดี๋ยวก่อน อย่าพึ่งไปก็ตาม

 

   แต่กลับต้องชะงักลงเมื่อเห็นเพื่อนๆทั้งห้องมายืนด่าผม.. รวมถึงห้องอื่นๆก็ด้วย

 

แถบไม่ต้องนึกเลยว่า เพื่อนทั้ง 30 กว่าคนในห้องมายืนด่า จะรู้สึกเจ็บปวดขนาดไหน...

 

ใช่... เพื่อนๆที่มารอดูหน้าห้องพักครู ต่างทำหน้ารังเกียจผม...

 

 

ผมนั้น ได้ยินเสียงนินทามากมายจากกลุ่มเพื่อนเหล่านั้น

 

 

     ''อะไรของแม่งวะ?''

 

     ''เลววะ!''

 

    ''ไปตายซะ!''

 

          ก็พยายามทำเป็นไม่ได้ยินแล้ว มันไม่ใช่แค่ 3 ประโยคนี้หรอก ขนาดผมอุดหูแล้วนะ มันก็ยังได้ยิน เสียงมันยังคงไหลผ่านแก้วหูจนสั่นสะเทือนไปทั้งร่างกาย แทบจะเป็นบ้าไปเลย..

 

 

     อะไร? อะไรอีกล่ะ ผมไม่เคยทำอะไรให้ใครเลยนะ ทำไมถึงเป็นแบบนี้... ไม่มีใครฟังผมเลยเหรอ?? เสียงด่านั่นมันอะไร.. พอสักทีได้ไหม ทำไมต้องมาจุกหัวด่าผมด้วยล่ะ ผมทำอะไรผิด... ! ทำไม !! ทำไม

 

และแล้วในกลุ่ม 30 คนเหล่านั้น ก็เหลือบไปเห็นไอ้จอร์จมันยิ้มอย่างสะใจมาที่ผม...

 

 

     ''อะไรเล่า...พวกแกน่ะนะ!! ...หุปปากไปเลยพวกงี่เง่า!'' 

และผมนั้น ก็สุดจะทน จนด่าเพื่อนๆทั้งห้องไป

 

 

    จากนั้นผม ก็วิ่งหนีฝ่ากลุ่มเพื่อนเหล่านั้นอย่างรวดเร็ว และลงบันได วิ่งหนีออกจากโรงเรียนไป ในขณะที่หลายๆคนยังคงมองผม และตะโกนด่าผมมาอย่างไม่ขาดสาย คำหยาบเหล่านั้นผมได้ยินทุกคำ แต่ก็วิ่งหนีอย่างกระวนกระวายเหมือนคนบ้า แต่ผมนั้นยังคงทำเป็นไม่ได้ยินและวิ่งหนีต่อไป

 

_____________________________________________________

 

 

 

ค่ำคืนอันแสนโดดเดี่ยว

แถวๆสนามเด็กเล่นใกล้สวนสารธารณะที่ไม่ใหญ่มาก

 

     สนามเด็กเล่นที่พื้นดินเป็นทรายสีน้ำตาล เวลานี้ผมได้แต่มองพระจันทร์สวยๆ พร้อมกับน้ำตาเป็นหยดๆ ที่มันกระทบลงสู่พื้นทราย บรรยากาศที่ไร้เมฆในตอนกลางคืน มันก็เยอะเหมือนกัน แต่ถึงแบบนั้นก็ยังเห็นดาวไม่ขาดสาย

 

     ผมที่นั่งชิ่งช้าอยู่ในสวนเด็กเล่น....

 

 

     เสียงของชิ่งช้าแกว่งไปมาอยู่หลายครั้ง และในที่สุดก็หยุดและชะงักลงไปด้วยความเงียบ

 

 

    น้ำตาที่ไร้สีของผมกำลังหล่นลงสู่ผืนทรายสีน้ำตาลอีกครั้ง

 

 

    ความมืดมิดในตอนกลางคืนนี้มันเต็มไปด้วยความเศร้า

 

 

     ในใจของผมยังคิดว่า ตอนนี้ อยู่ไปเพื่ออะไรกันนะ? ความฝันก็ไม่มี เป้าหมายในชีวิตก็ไม่มี... แม้แต่ตอนนี้ยังอยู่ในฐานะ ''คนล้มเหลว'' ความล้มเหลวนี้จะพาไปสู่กับโหดร้ายในวันข้างนี้อีกรึเปล่ากันนะ?

 

 

    ในขณะที่ผมเงยหน้าขึ้นมาสู้ฟ้า...และกำลังจะเดินออกไปฆ่าตัวตาย เพราะมันไร้ทางออกจริงๆ ทำอะไรไม่ได้ทั้งนั้น หลายๆคนอาจจะคิดว่ามันโง่ แต่ถ้าไม่เจอกับตัวแล้วมาวิจารญ์คนอื่นน่ะ โง่ยิ่งกว่า จริงอยู่ที่มนุษญ์เป็นสัตว์ชนิดเดียวที่ฆ่าตัวตาย

 

ช่างเถอะ... ตอนที่ผมกำลังย่างฝีก้าวออกไปฆ่าตัวตาย ก็ได้พบกับ...

 

 

    ''เมย์?''

 

 

     เพื่อนร่วมห้องของผม..เธอเป็นหญิงสาวแสนสวยผมสีดำยาว... มายืนต่อหน้าผม พร้อมเอาผ้าเช็ดหน้านุ่มๆสีขาวมาให้ และยิ้มมันอย่างอ่อนโยน... เหมือนเวลาผมหยุดลงและได้รับการเยียวยา...

 

 

     ''นี่...แอลไม่ได้ทำใช่หรือเปล่า? สวนดอกไม้นั่นน่ะนะ''

 

 

          ผมใช้แววตาที่คลอด้วยน้ำตา จ้องมองไปยังใบหน้าอ่อนโยนของเธอ ถึงแม้น้ำตามันเริ่มหยุดไหลลงไปแล้ว แต่ร่องรอยน้ำตายังไม่จางหายไป....

 

 

     ''เปล่า...ผมไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น ผมถูกใส่ร้าย''

ผมพูดอย่างช้าๆ และก้มหน้าลง พยายามไม่สบตากับเธอ

               

 

      ''อืม..ฉันเชื่อเธอนะ''

เธอพูดมันอย่างอ่อนโยนไปด้วยรอยยิ้ม

 

แต่ว่า...



     เธอเชื่อผม.....จริงๆงั้นเหรอ..

 

 

     หรือเป็นผม...ที่หลงเชื่อเธอกันแน่?

 

 

     จะถูก ทรยศ อีกครั้งรึเปล่า?...

 

 

     ''เอ่อ คือ...เมย์พูดจริงงั้นเหรอ?'' 

ผมถามกลับไปด้วยสีหน้าที่กลัว เสียงที่สั่นคลอนของผม มันช่างน่าสมเพช

 

 

     ''อืม...มาสิ ไปกันเถอะ'' 

เธอเดินเข้ามาใกล้ๆผม ยิ้มให้และใช้มือนุ่มๆทั้งสองของเธอจับไปที่มือข้างขวาของผมโดยไม่รู้ตัว พร้อมดึงตัวผมเดินไปอย่างช้าๆ มันทำให้ผมแปลกใจ

 

 

     ''จะไปไหนละ?''

ผมเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงกลัวๆ ในขณะที่ผมยังถูกเธอจูงมือไปเรื่อยๆ

 

 

     ''พูดอะไรอะ ไปหาหลักฐานสิ^^ ว่านายไม่ได้เป็นคำทำลายสวนดอกไม้''

 

 

     เมย์...เธอพูดจริงงั้นเหรอ..เชื่อคนอย่างผมเนี่ยนะ..  จะถูกหลอกรึเปล่านะ ....ทำไมถึงกลัวว่าจะถูกเธอหลอก ..... เพราะผมถูกหลอกมาตลอดอย่างงั้นเหรอ? แต่ไม่หรอก.. มือของเธอมันอาจจะบ่งบอกว่าเชื่อผมจริงๆก็ได้

 

อืม.. ผมเชื่อเธอนะ เมย์....

 

 

     สุดท้ายแล้ว เธอก็จับมือผมพร้อมเดินไปด้วยกัน ในขณะที่เดินไปเรื่อยๆ ท่ามกลางตอนกลางคืนที่แสนจะเหน็บหนาว ผมก็ได้เข้ามาในโรงเรียนอีกครั้ง

 

 

วินาทีนั้น เมย์จับมือผมอย่างรุนแรง! พร้อมกระชาก เหมือนกับว่า ''จับไว้ไม่ให้หนีไปไหน''

 

 

    ''เมย์?''

ผมที่สีหน้าตกใจ... พลางดูไปรอบๆ และก็ต้องพบกับ...

 

 

    เพื่อนๆในห้องที่ซ่อนตัวอยู่ รีบทะยอยวิ่งโกยกันเข้ามาหาผม แต่ละคนมีด้ามไม้ ไม้กวาด... ไม้ถูพื้น ดูก็รู้เลยว่า เมย์นั้นหลอกผมมาเพื่อโดนเพื่อร่วมห้องกว่า 30 คน มารุมกระทืบ!

 

 

     ''นี่เธอ.....''

 

 

     ''ไอ้โง่ เหี้ยๆแบบมึงไม่มีใครเชื่อหรอก ไปตายไป ไอ้สวะ!!''

ผมตกใจและผิดหวังมาก ที่มาทรยศผมได้ขนาดนี้ แผลเก่าก็ยังไม่หาย ต้องมาเตรียมใจรับการถูกทำร้ายอีกแล้วงั้นเหรอ แย่จริงๆเลยนะ

 

    เหมือนเสียงมันกึกก้องในหัว ความหวังเล็กๆที่เธอมอบให้ กลายเป็นหนามทิ่มแทงผมไปซะแล้ว...

 

และ...

 

ตุ๊บ!!!! ตุ๊บ !!!  ตุ๊บ. !! .... @#^%&(*_)

 

     ผม นอนจมอยู่กับพื้น ทันทีที่ถูกไม้ท่อนยาวฟัดใส่หลังจนจุกและพูดไม่ออก...

 

    แขนที่ถูกไม้ถูพื้นกระแทกอย่างรุนแรงบริเวณหลังจนน้ำลายกระเซ็นออกมาด้วยความเจ็บปวด

 

    ไม้กวาดนั้นยังคงฟาดหน้าผมและนองไปด้วยเลือดบริเวณตา...

 

    ตาที่แสนจะบวมด้วยเลือด

 

     ตามมาด้วยกลิ่นรองเท้าของเมย์ที่เหยียบหน้าผม... ไม่นานก็ถอดรองเท้ามาฟาดที่หน้าของผมรัวๆ

 

    เสียงกระทืบของเพื่อนทั้ง 30 คนดังขึ้นเรื่อยๆ ฝุ่นนั้นระดมไปทั้งร่างกาย โครตจะสกปรกเลย...

 

    กว่าห้านาทีถึงจะสงบ... แขนผมนั้น หักไปแล้ว... และเต็มไปด้วยความฉ้ำในของเลือด

 

    รู้สึกได้ถึงความเจ็บแบบสุดๆจนไม่รู้จะทำสีหน้ายังไง

 

    น้ำตาที่ไหลคลอไปทั่วใบหน้า...ว่าก็ว่าเถอะ ใบหน้าตอนนี้มันเละตุ้มเปะไปเลย โครตจะอัปลักษณ์ ใครเห็นก็อยากจะเอาไปทิ้งถังขยะเป็นแน่

 

    ลองนึกภาพของคนกว่า 30 คนมารุมกระทืบคนๆเดียวไม่ออกเลยแฮะ มุมมองของผมก็มีเพยงสีดำจากการหลับตาและความเจ็บเท่านั้น....

 

     ''ไปกันเหอะพวกเรา ให้แม่งนอนอยู่ตรงเนี่ยแหละ ไอเลวระยำเอ้ย''

 

     ''มาทำลายสวนดอกไม้ได้นะ ไอ้แอล !!''

 

     ''พรุ้งนี้ไม่ต้องมาเรียนเลยนะ อยู่บ้านแหละดีแล้ว ไอห่า''

 

     ''โดนแค่นี้มันยังน้อยไป ไอโง่!''

 

จากนั้นจอร์จมันก็พูดขึ้นมา

 

     ''เห็นไหมล่ะ ไอ้แอลมันเลวขนาดไหน เชื่อตูยัง ?''

 

          ทุกคนในห้อง ต่างเชื่อจอร์จจนสนิทใจ.. ก็ไม่แปลกล่ะนะ แย่งชิงทุกอย่างของผมไป พอใจแล้วหรือยัง.. พ่อ.. แม่... แฟน.. เพื่อน.. ครูอาจารย์.. หรือแม้กระทั้งจิตใจ

          เมื่อทุกคนกลับไปหมดแล้ว เหลือเพียงร่างกายของชายกนุ่มอย่างผมนอนกลางโรงเรียนในค่ำคืนที่ไม่มีใครสามารถมาช่วยผมได้เลย พื้นดินหน้าตึกมันเย็นเฉียบจริงๆ

 

    กว่าผมจะมีแรงลุกขึ้นมาก็กินเวลาไปไม่รู้เท่าไหร่ ร่างกายนั้น บอบฉ้ำจนหาส่วนที่ไร้บาดแผลไม่ได้เลย ...ลมที่พัดผ่านร่างกายยังเจ็บแสบไปที่แผล ไม่กี่นาทีหลังจากนั้น ผมก็ได้ตัดสินใจ...ลุกขึ้นมา

 

    แขนข้างขวาที่ห้อยไปมาเนื้องจากกระดูกหัก...

 

    น่าแปลกที่ผมกำลังจะไปฆ่าตัวตาย  แต่กลับกลัวที่จะถูกกระทืบ

 

     มันช่างขัดแข้งกันจริงๆ

 

      การกลัวความเจ็บปวดไม่ใช่เรื่องน่าอาย....การกลัวตายไม่ใช่เรื่องน่าอาย...การจะตายเป็นเรื่องที่น่าอายยิ่งกว่า บางคนเคยบอกว่า ''การโดนพ่อแม่ด่านะดีจะตาย ดีกว่าตอนท่านไม่อยู่...''

 

ผมที่ได้นึกถึงประโยคบ้าๆนั่นก็หัวเราะขึ้นมา

     '' ฮะๆ ฮะๆ ฮ่าๆ ฮ่าๆ ไม่มีมันซะยังดีกว่า พ่อแม่แบบนั้นนะ...''

 

          แขนอันสีแดงที่บวมฉุ่ย ผมนั้นเริ่มเข้าไปในโรงเรียนอีกครั้ง เดินขึ้นบันไดไปเรื่อยๆ เสียงเดินกระทบหนึ่งครั้งทำให้กึกก้องไปทั่วตึกโรงเรียน เสียงสะท้อนชั่งน่ากลัว ในขณะที่ว่ายังกลัวเสียงเดินของตัวเองที่กำลังจะไปฆ่าตัวตายเลย

 

การกลัวตัวเองเป็นเรื่องที่ผิดรึเปล่ากันนะ?

 

     ผม...ณ ตอนนี้ อยู่กลางดาดฟ้าโรงเรียนแล้ว..

 

     สายลมอ่อนตอนกลางคืนพัดมากระทบต่อแผลและร่างกายของผมทุกสัดส่วน มันช่างหนาวเหลือเกิน มันทำให้เจ็บปวดแผลแบบสุดๆ

 

     แสงจันทร์ที่มองจากตรงดาดฟ้ามันช่างสว่างเหลือเกิน.. แตกต่างจากเมื่อคืนจริงๆ

 

    ชายเสื้อและเส้นผมยังคงปริวไปมาพร้อมกับกระแสนลมอ่อนๆ ทำให้รู้ว่า ลมบนดาดฟ้ามันแรงและเย็นเอามากๆ ตาของผมมันหมวงมัว.. อ๊ะ... เลือดเข้าตาแฮะ แสบจังเลย

 

    แต่สิ่งที่เจ็บปวดมากกว่าแผลนั้นก็คือจิตใจ...

ใช่.. จิตใจในตอนนี้ มันตายไปแล้ว ตายไปแล้วจริงๆ...

 

          จิตใจมนุษย์นั้นมันไม่เท่ากัน เรื่องนี้ผมรู้ดี... เพราะแบบนั้น อย่าเอามาตรฐานห่วยๆมาวัดคุณค่าของการฆ่าตัวตาย.. จริงอยู่ที่มนุษย์เป็นสัตว์ชนิดเดียวที่ฆ่าตัวตาย เพราะมีจิตใจอันเลวทราม เรื่องนั้น ผมไม่ปฏิเสธ

 

     ในที่สุด ผมก็เริ่มก้าวลงสู่อากาศที่ว่างเปล่าแถวๆขอบดาดฟ้า...

 

   ''ลาก่อน''

 

วินาทีที่ผมกำลังก้าวเข้าสู่อากาศในชั้นดาดฟ้า ก็มีเสียงของหญิงสาวปริศนาพูดกับผม

 

     ''ลุกขึ้น ยืน ... แล้ว ก้าว ต่อไปข้างหน้า...''

 

     ''เธอน่ะ ยังมีขาดีๆ อยู่กับตัว ไม่ใช่เหรอ... ''

 

     ''ยอมแพ้กับชีวิต มันน่าสมเพชเกินไปแล้ว คุณค่าของชีวิตน่ะ นายรู้จักมันดีแล้วหรือ ?''

 

เสียงหญิงสาวปริศนาที่แสนจะเยือกเย็น เธอคนนั้น เป็นใคร ???

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา