3Kill ฆ่า ฆ่า ฆ่า
9.8
เขียนโดย ชิโร่
วันที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2558 เวลา 20.04 น.
26 ตอน
32 วิจารณ์
31.39K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2558 22.57 น. โดย เจ้าของนิยาย
15) ตอนที่ 15 มิคาเอล
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความCR.SHL
หลังจากที่บุกไปยังบ้านของเมย์เพื่อทำเรื่องชัวร้ายแล้ว จึงได้บุกไปยังบ้านต่อๆไปเพื่อฆ่าพวกมันทั้งหมด สำหรับผมแล้วคนแค้นสุดๆ ก็มีเพียง จอร์จ เมย์ และลินดาเท่านั้น ส่วนที่เหลือผมคิดว่าไม่จำเป็นต้องใช้การทรมาน ฆ่าไปซะให้จบๆเลยดีกว่า เป็นเวลากว่า 3 ชั่วโมงที่ผมไปไล่ฆ่าตามบ้านเพื่อนต่างๆให้ครบทุกคน แต่บางคนที่บ้านไกลผมก็ไว้ชีวิตมันไปแล้วกัน...
แต่การฆ่าไม่ใช่เพียงฆ่าคนเดียว แต่มันคือการฆ่าล้างครอบครัว จะเด็กน้อย หรือผู้หญิง คนแก่ พี่สาว พี่ชาย น้องสาว น้องชาย ผมก็ฆ่ายกครัวทั้งหมด
สุดท้ายแล้ว เพื่อนร่วมห้องทั้งหมด ก็รอดกันไปได้เพียงไม่กี่คนเพราะบ้านไกล...
__________________________________________________________________
ณ ร้านสะดวกซื้อที่สวนสารธารณะ มันคือร้านเดิมก่อนหน้านี้ที่ผมบุกมาฆ่าคนแบบไร้ปราณี ไม่น่าเชื่อว่ายังกล้าที่จะเปิดร้านด้วยแฮะ แต่ก็ดีที่ผมไม่ต้องเดินไปซื้อไกลๆ แน่นอนว่าพนักงานในร้านทุกคนต้องรู้จักผมอยู่แล้ว คงไม่มีไอ้บ้าที่ไหนมาทำงานโดยไม่สืบประวัติของร้านมาก่อนหรอกนะ
ขอนับถือในความกล้า ที่กล้ามาทำงานในร้านที่เคยถูกฆาตกร ฆาตกรรมโหด
เพราะงั้นสิ่งที่ต้องทำก่อนซื้อน้ำส้มก็คือการฆ่าคนในร้านทั้งหมดนั่นเอง คงจะเรียกว่าซื้อไม่ได้แล้วสินะ วินาทีที่ผมเดินเข้าร้านไป ประตูมันก็เปิดให้เอง ที่น่าสนใจคือสีหน้าพนักงานในมุมเช็คเงินต่างตาค้างไปเลยเมื่อเจอหน้าของผม น่าสนุกจริงๆที่ร้านสะดวกซื้อจะได้เก็บภาพจากกล้องวงจรปิดดีๆ
''กรี๊ดดดด !!!!!!!!!! ~ ''
พนักงานสาวคนหนึ่งร้องกรี๊ดออกมาด้วยความกระวนกระวายเมื่อผมย่างฝีก้าวเข้าร้าน จากนั้นคนในร้านสะดวกซื้อทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ นักศึกษา ผนักงาน ลูกค้า ต่างพากันหันหน้ามาหาผมกันทั้งนั้น
ครั้งที่แล้วผมปล่อยให้รอดเยอะกันไปหน่อย แต่คราวนี้คงไม่ใช่
เพราะผมกำลังชักดาบที่ฝ่ามือซ้าย ถือมันด้วยมือขวาออกมา..
จากนั้น ก็พุ่งจู่โจมอย่างรวดเร็วเพื่อไปฆ่าคนทั้งหมดในร้าน โดยเริ่มจากการฆ่าพนักงานสาวคนแรกที่ร้องออกมา การฆ่าครั้งนี้คือการแทงทะลุหัวใจแล้วกระชากดาบออกมาพร้อมเลือดกระจายสดๆ ตามมาด้วยพนักงานชายคนที่เหลือทั้งหมด ฟาดดาบใส่ไหล่ขวาของเขาจนกล้ามเนื้อฉีกยาวลงมาพร้อมเลือดกระเซ็นเหมือนน้ำพุ่ง จนกระจกใสๆภายในร้านเริ่มเปื้อนเลือดขึ้นมา
ศิลปะ...
วินาทีนั้นเสียงเอะอะก็เริ่มขึ้น คนในร้านทั้งหมดต่างตกตะลึงและกระวนกระวาย วิ่งหนีหัวซุกหัวซุนเพื่อออกจากร้านสะดวกซื้อ แต่ทันทีที่พวกเขาเหล่านั้นกำลังวิ่งออกจากร้าน ผมก็วิ่งเข้าไปฟันแผ่นหลังของแต่ละคนจนตายในที่สุด
ใครที่คิดว่าจะหนี หรือจะหนีพ้นจากผม ผมก็ควักลูกตาของตนเองออกมา ขว้างใส่หัวจนทะลุกระโหลกเลยเชียวละ ลูกตาของผมและแรงปามันยิ่งกว่าปืนอีกนะจะบอกให้... ทำให้ในร้านต่างพากันวิ่งหนีอย่างมั่วซั่ว ร้องออกมา บางคนที่คิดสู้ก็ถูกผมสับหัวจนขาดเป็นสองท่อนเชียวละ
แย่เลยนะ ที่ฟันตัวคนขาดสองท่อนแล้วเลือดดันกระเด็นมาเปื้อนเสื้อผ้าไปหมดเลย
เสียงในร้านมีเพียงเสียงกรีดร้องกับน้ำตาเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีเสียงของคมดาบที่ฟันเนื้อสดๆของคนอีกด้วย ไม่ว่าจะหัว แขน หรือ ขา หน้าหลัง แทงทอง ฟันตัว แทงหัวใจ แทงไปที่เบ้าตาจนทะลุไปด้านหลัง... หรืออวัยวะอย่างหู หรือจมูก ก็หล่นในร้านเหมือนของเล่นเสมือนจริง ตามมาด้วยเลือดอันเหนียวเหนอะ แม้แต่พื้นที่เหยียบอยู่ตอนนี้ หากเดินจะได้ยินเสียง แปะๆ ของน้ำสด
ฆ่า !!! ฆ่า !!! ฆ่า !!
ฟัน !!! กระโดดฟัน !!
วิ่งฟัน !! จะหนี ก็ถูกแทงหัวใจจากทางด้านหลัง..
รอเพียงความตาย
กรีดร้องมันเข้าไป...
แม้แต่กระดูกผมยังฟันให้ขาดเป็นสองท่อนได้
ตัวของคนหนึ่งคนขาดเป็นสองในแนวนอนท่อนก็มี
พนักงานคนหนึ่งกำลังวิ่งไปหยิบโทรศัพท์ แต่ผมก็พุ่งเข้าไปสับแขนของเขาจนขาด แล้วจับหัวบิดเป็นวงกลม 360 องศาจนตายคาที่โดยตาไม่หลับ
เหมือนผมเป็นปีศาจที่บ้าระฮั่มฆ่าคนไม่เลือกหน้า มันไกลเกินกว่าคำว่ามนุษย์สำหรับผมไปเสียแล้ว
เผลอแปบเดียวในระยะเวลา 2 นาที คนในร้านกว่า 22 คน ถูกผมฆ่าจนตายเกลี้ยง ถึงจะมีบางคนไม่ตายและพยายามคลานหนีเพื่อเอาชีวิตรอด แต่สุดท้ายก็ทนความเจ็บของบาดแผลไม่ไหวและตายอย่างทรมานในที่สุด
การฆ่า จบลง...
ผมดูรอบๆแล้วก็เจอแต่ศพ คงคิดได้ว่าตายหมดแล้วจริงๆ
แต่ว่า
''แง้งงง !!! ~''
เสียงเด็กน้อยวัย 2 ขวบกำลังร้องออกมา ผมหันไปมองหลังตู้ไอติมทันที คงคิดได้อย่างเดียวว่ามีแม่ลูกอ่อนกำลังอุ้มเด็กน้อยของตนเองอยู่หลังตู้ไอติม ผมจึงเดินไปอย่างช้าๆ
แต่... ไม่ดีกว่า
คิดแล้วหงุดหงิด
ผมจึงได้เปลี่ยนเส้นทางการเดินไปหยิบน้ำส้มมา 2 ขวด จากนั้นก็เอาถุงของร้านสะดวกซื้อมาใส่และเดินออกจากร้านในที่สุด ในร้านกลายเป็นความเงียบงันของศพ มองดูดวงจันทร์ทีไรเหมือนมีคนกำลังเล่นดนตรีในร้านสะดวกซื้อแห่งนั้น และร้านแห่งนี้ คงจะไม่เปิดเป็นหนที่ 3 อีกแล้วแน่ๆ
ถ้าเปิดอีก ไว้จะแวะมาซื้อน้ำส้มแล้วกันนะ...
___________________________________________
ณ สวนสารธารณะ
ผมเดินกลับบ้าน...
ที่นี่ยังคงเหมือนเดิม ถนนที่เรียบง่ายพร้อมทางวิ่งรอบสนามออกกำลังกาย ข้างๆทางเดินมีไฟที่เสียอยู่หลายดวง มันกระพริบแบบแปลกๆอยู่หลายครั้ง ถ้าเป็นในหนังสยองขวัญผมอาจจะวิ่งหนีไปแล้วก็ได้ บรรยากาศอะไรจะน่ากลัวขนาดนี้
ขณะที่เดินไปเรื่อยๆ ผมก็ได้เจอกับชายปริศนาคนหนึ่ง... เขามีผมสีฟ้าเหมือนกับย้อมสีผมมา เขาสูงราวๆ 185 ซึ่งมีความสูงเทียบเท่ากับรากูเอล หน้าตาดูหล่อเหมือนชาวต่างชาติ.. หรือเปล่านะ ไม่สิ ต้องเรียกว่าดูดี แต่ไม่เหมือนพวกฝรั่ง แต่เขาเป็นใครกันล่ะ
ด้วยข้อสงสัยนั่น ทำให้ผมหยุดเดินและจ้องตากับเขา ผมจ้องตาด้วยหน้าตาเย็นชา ส่วนเขาทำหน้าตายด้าน ใช่... เขาไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน อย่างน้อยคือสิ่งที่ผมคิดไว้ตอนนี้
''เจ้าหนุ่ม... ทำไมถึงได้มีกลิ่นแปลกเช่นนี้.. เจ้าเป็นมนุษย์หรือเปล่า ?''
เฮลไซท์ตอนที่เจอผมครั้งแรกได้บอกไว้ว่า ผมเป็นผู้ชายคนแรกที่เธอสนใจ สรุปคือ ชายคนนี้ไม่น่าจะมีความเกี่ยวข้องกับนรก สำหรับคำพูดที่เหมือนรากูเอล จึงสรุปได้ว่ามีโอกาสมากทีเดียวที่เขาจะเป็น 1 ใน 7 เทพสวรรค์ ได้ตัวหมากเพื่มนี่มันก็ไม่เลวหรอกนะ
''คุณเป็นเทพสินะ รู้รึเปล่าถ้าคุณเป็นคนมีมารยาทก็ควรขานชื่อตัวเองก่อนจะถามชื่อคนอื่นน่ะ''
ผมตอกหน้าเทพคนนั้นไปด้วยน้ำเสียงเหยียดหยาม บอกตรงๆว่าไม่มีความกลัวเลยซักนิด
''งั้นเหรอ... ข้าชื่อว่า 'มิคาเอล' เจ้าล่ะ ?''
''ผมชื่อว่าแอล เป็นครึ่งแวมไพร์ครับ''
ทุกอย่างยังคงอึดอัด เมื่อเทพคนนั้นไม่ได้พูดอะไรที่เป็นเฉพาะเจาะจงเลยแม้แต่น้อย ต้องให้ผมเป็นคนเปิดประเด็นก่อนงั้นสินะ พวกเทพทั้ง 7 ตน กับ บาปทั้ง 7 มันก็สวะไม่แพ้กันหรอก
''งั้น มีธุระอะไรกับผมงั้นเหรอครับ เอาน้ำส้มหน่อยไหมล่ะครับ ซื้อมา 2 ขวดแหน่ะ''
พูดเสร็จผมก็หยิบขวดน้ำส้มออกมาจากถุง จากนั้นก็โยนไปให้ชายคนนั้นเพื่อดูเชิงความเป็นมิตร
น่าเสียดายนะ ตอนที่ผมส่งโยนขวดน้ำส้มไปให้ แต่มิคาเอลไม่ยอมรับมัน กลับใช้มือปัดน้ำส้มทิ้งราวกับว่าไม่ยอมที่จะมาเป็นมิตร น้ำส้มของไอร่าที่อุตส่าห์ให้ กล้าปัดมันทิ้งเชียวหรือ ? ชักหงุดหงิดหน่อยๆแล้วสิ เกลียดจริงๆพวกไร้มารยาท
''งั้นข้าจะฆ่าเจ้าตอนนี้เลยแล้วกัน เจ้าแวมไพร์ !!!!''
พริบตาที่มิคาเอลพูดประโยคนั้นจบ ก็พรวดเข้ามาอย่างรวดเร็ว ใช้มือขวาบีบคอของผมแน่นมาก จากนั้นก็ทุ่มทั้งตัวของผมไปกระแทกกับพื้นถนนอย่างรุนแรง พื้นถนนถึงกับแตกร้าวออกมา พร้อมเสียงสั่นสะเทือนหน่อยๆ
แต่ผมก็ไม่ยอมอยู่ฝ่ายเดียวหรอก ตอนที่ผมถูกกระแทกกับถนน ก็ได้คิดที่จะสวนกลับในจังหวะนั้น ผมควักดาบออกมาเพื่อใช้ฟันแขนมิคาเอลที่กำลังบีบคอของผมอยู่ ท่าทางมิคาเอลก็รู้ความสามารถพิเศษของ D. ด้วย เพราะมันสามารถตัดทุกอย่างให้ขาดได้ ทำให้มิคาเอลที่กำลังใช้มือขวาบีบคอของผมอยู่ ถึงกับกระโดดถอยหลังออกไปตั้งหลักในวินาทีนั้น เขาคงจะรู้ดีว่าถ้าไม่ถอย ถูกผมตัดแขนขาดแน่ๆ
''ดาบนั่น... ของเซร่าฟิมรึ ?''
มิคาเอลถอยมาพร้อมกับคำถาม
ผมไม่เข้าใจว่ามิคาเอลหมายถึงอะไร แต่ตอนนี้ผมกำลังลุกขึ้นยืนเพื่อตั้งหลักเช่นกัน
''เล่นแรงจังนะครับ... ผมไม่ได้อยู่ฝ่ายนรกหรอกนะครับ และก็ไม่คิดจะเป็นศัตรูกับทวยเทพด้วย แต่ถ้ามาหาเรื่องแบบนี้ระวังศพไม่สวยนะครับ''
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร มิคาเอลถึงได้วิ่งหนีไปในทันทีที่ผมลุกขึ้น เขาไม่ได้พูดอะไรต่อจากนั้นเลย เหมือนหมาตัวหนึ่งที่วิ่งหนีหมาตัวที่ใหญ่กว่า... แต่.. เพราะอะไรกันล่ะถึงได้วิ่งหนี เพราะกลัวผมอย่างงั้นเหรอ ไม่ใช่ ต้องไม่ใช่แบบนั้นแน่ เพราะผมรู้สึกได้ว่ามิคาเอลแข็งแกร่งกว่ารากูเอลแน่นอน แต่ทำไมถึงได้หนีกันล่ะ กลัวดาบของผมงั้นเหรอ เมื่อกี้เจ้าตัวบอกว่า 'ของเซร่าฟิม'
''ชิส์''
เจ็บมาก แรงบีบคอนี่ทำให้เหล็กยุบได้เลยนะเนี่ย .. ผมค่อยๆลุกขึ้นยืนพร้อมเดินไปเก็บขวดน้ำส้ม
แปลว่าดาบที่เราใช้อยู่เป็นของเซร่าฟิมงั้นเหรอ.. ? ตอนไปนรกก็ไม่ได้เจอบาปครบทั้ง 7 คนเลยนิ ที่เจอก็มี เฮลไซท์ ไอร่า แมมม่อน แล้วก็ ยัยเมดแว่นเบลเฟเกอร์เท่านั้น ถ้ารวมเซร่าฟิมเข้าไปก็มีทั้งหมด 5 คนสินะ เซร่าฟิม.. ไอร่าได้บอกว่ายัยนี่คือบาปแห่งความตะกละ มีสัญลักษณ์กลางหลังคือแมลงวัน แต่ชื่อเซร่าฟิมเป็นเทพ ทำไมมันถึงได้...
เอาเถอะ
หากจะให้เดาเหตุผลตอนนี้ คือเซร่าฟิมแข็งแกร่ง ดีไม่ดีอาจจะแข็งแกร่งยิ่งกว่ามิคาเอลอีก ไม่งั้นมันคงไม่หนีหัวซุกหัวซุนขนาดนั้น แล้วดาบเล่มนี้ก็เป็นของก็อปปี้มาจากไอร่าด้วย แสดงว่าก่อนไอร่าจะมาเป็นบาปแห่งความโกรธ เซร่าฟิมใข้ดาบเล่มนี้อยู่ก่อนแล้วงั้นเหรอ ถึงจะแค่เดา แต่ก็มีโอกาสเป็นไปได้สูง แล้วถ้า ผมไปสู้กับเซร่าฟิม แน่นอนว่าต้องแพ้หมดรูปแน่
นี่เป็นข้อมูลสำคัญ คงต้องขอบใจมิคาเอลล่ะนะ
ถ้าอย่างงั้น ก็ไม่มีอะไรต้องกลัวไปหรอก เพราะการที่ปีศาจมาโลกมนุษย์ จะถูกลดพลังลงจนไม่เหลืออำนาจเพียงพอ ถึงจะมีลูกแก้วสีดำข้างกาย แต่ก็ไม่สามารถใช้พลังของปีศาจได้เต็มร้อย ตราบเท่าที่ผมมีรากูเอลอยู่ ไพ่ในมือก็ยังเหนือกว่า
____________________________________________________________________
ใช้เวลาไปทั้งหมดราวๆ เกือบ 5 ชั่วโมงในการบุกไปยังบ้านของเมย์ รวมถึงเพื่อนๆทั้งหมด และฆ่าคนที่ร้านสะดวกซื้อ ตอนนี้ผมกลับมายังบ้านเพื่อไปนอนพักผ่อน ถึงที่จริงจะไม่จำเป็นก็เถอะ พรุ้งนี้เฮลไซท์อาจจะปรากฏตัวที่ดาดฟ้าก็ได้ ซึ่งผมก็ได้ตัดสินใจแล้ว ว่าทุกวันต่อจากนี้ 3 ทุ่มจนถึงเที่ยงคืน จะไปรอเฮลไซท์ที่ดาดฟ้าทุกวัน หากถามว่าทำไมถึงเป็นที่ดาดฟ้าโรงเรียน แน่นอนว่าสถานที่ที่ผมเจอกับเฮลไซท์เป็นครั้งแรกคือดาดฟ้า การจะกลับมาที่โลกก็ควรจะเป็นที่นั่นอย่างแน่นอน
คงไม่ว่าอะไรนะ รากูเอล ไอร่า ที่จะตายเพื่อผมน่ะ...
____________________________________
จากตอนนี้ขอแยกเป็นตอนที่ 15 กับ 15.5 นะ
หลังจากที่บุกไปยังบ้านของเมย์เพื่อทำเรื่องชัวร้ายแล้ว จึงได้บุกไปยังบ้านต่อๆไปเพื่อฆ่าพวกมันทั้งหมด สำหรับผมแล้วคนแค้นสุดๆ ก็มีเพียง จอร์จ เมย์ และลินดาเท่านั้น ส่วนที่เหลือผมคิดว่าไม่จำเป็นต้องใช้การทรมาน ฆ่าไปซะให้จบๆเลยดีกว่า เป็นเวลากว่า 3 ชั่วโมงที่ผมไปไล่ฆ่าตามบ้านเพื่อนต่างๆให้ครบทุกคน แต่บางคนที่บ้านไกลผมก็ไว้ชีวิตมันไปแล้วกัน...
แต่การฆ่าไม่ใช่เพียงฆ่าคนเดียว แต่มันคือการฆ่าล้างครอบครัว จะเด็กน้อย หรือผู้หญิง คนแก่ พี่สาว พี่ชาย น้องสาว น้องชาย ผมก็ฆ่ายกครัวทั้งหมด
สุดท้ายแล้ว เพื่อนร่วมห้องทั้งหมด ก็รอดกันไปได้เพียงไม่กี่คนเพราะบ้านไกล...
__________________________________________________________________
ณ ร้านสะดวกซื้อที่สวนสารธารณะ มันคือร้านเดิมก่อนหน้านี้ที่ผมบุกมาฆ่าคนแบบไร้ปราณี ไม่น่าเชื่อว่ายังกล้าที่จะเปิดร้านด้วยแฮะ แต่ก็ดีที่ผมไม่ต้องเดินไปซื้อไกลๆ แน่นอนว่าพนักงานในร้านทุกคนต้องรู้จักผมอยู่แล้ว คงไม่มีไอ้บ้าที่ไหนมาทำงานโดยไม่สืบประวัติของร้านมาก่อนหรอกนะ
ขอนับถือในความกล้า ที่กล้ามาทำงานในร้านที่เคยถูกฆาตกร ฆาตกรรมโหด
เพราะงั้นสิ่งที่ต้องทำก่อนซื้อน้ำส้มก็คือการฆ่าคนในร้านทั้งหมดนั่นเอง คงจะเรียกว่าซื้อไม่ได้แล้วสินะ วินาทีที่ผมเดินเข้าร้านไป ประตูมันก็เปิดให้เอง ที่น่าสนใจคือสีหน้าพนักงานในมุมเช็คเงินต่างตาค้างไปเลยเมื่อเจอหน้าของผม น่าสนุกจริงๆที่ร้านสะดวกซื้อจะได้เก็บภาพจากกล้องวงจรปิดดีๆ
''กรี๊ดดดด !!!!!!!!!! ~ ''
พนักงานสาวคนหนึ่งร้องกรี๊ดออกมาด้วยความกระวนกระวายเมื่อผมย่างฝีก้าวเข้าร้าน จากนั้นคนในร้านสะดวกซื้อทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ นักศึกษา ผนักงาน ลูกค้า ต่างพากันหันหน้ามาหาผมกันทั้งนั้น
ครั้งที่แล้วผมปล่อยให้รอดเยอะกันไปหน่อย แต่คราวนี้คงไม่ใช่
เพราะผมกำลังชักดาบที่ฝ่ามือซ้าย ถือมันด้วยมือขวาออกมา..
จากนั้น ก็พุ่งจู่โจมอย่างรวดเร็วเพื่อไปฆ่าคนทั้งหมดในร้าน โดยเริ่มจากการฆ่าพนักงานสาวคนแรกที่ร้องออกมา การฆ่าครั้งนี้คือการแทงทะลุหัวใจแล้วกระชากดาบออกมาพร้อมเลือดกระจายสดๆ ตามมาด้วยพนักงานชายคนที่เหลือทั้งหมด ฟาดดาบใส่ไหล่ขวาของเขาจนกล้ามเนื้อฉีกยาวลงมาพร้อมเลือดกระเซ็นเหมือนน้ำพุ่ง จนกระจกใสๆภายในร้านเริ่มเปื้อนเลือดขึ้นมา
ศิลปะ...
วินาทีนั้นเสียงเอะอะก็เริ่มขึ้น คนในร้านทั้งหมดต่างตกตะลึงและกระวนกระวาย วิ่งหนีหัวซุกหัวซุนเพื่อออกจากร้านสะดวกซื้อ แต่ทันทีที่พวกเขาเหล่านั้นกำลังวิ่งออกจากร้าน ผมก็วิ่งเข้าไปฟันแผ่นหลังของแต่ละคนจนตายในที่สุด
ใครที่คิดว่าจะหนี หรือจะหนีพ้นจากผม ผมก็ควักลูกตาของตนเองออกมา ขว้างใส่หัวจนทะลุกระโหลกเลยเชียวละ ลูกตาของผมและแรงปามันยิ่งกว่าปืนอีกนะจะบอกให้... ทำให้ในร้านต่างพากันวิ่งหนีอย่างมั่วซั่ว ร้องออกมา บางคนที่คิดสู้ก็ถูกผมสับหัวจนขาดเป็นสองท่อนเชียวละ
แย่เลยนะ ที่ฟันตัวคนขาดสองท่อนแล้วเลือดดันกระเด็นมาเปื้อนเสื้อผ้าไปหมดเลย
เสียงในร้านมีเพียงเสียงกรีดร้องกับน้ำตาเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีเสียงของคมดาบที่ฟันเนื้อสดๆของคนอีกด้วย ไม่ว่าจะหัว แขน หรือ ขา หน้าหลัง แทงทอง ฟันตัว แทงหัวใจ แทงไปที่เบ้าตาจนทะลุไปด้านหลัง... หรืออวัยวะอย่างหู หรือจมูก ก็หล่นในร้านเหมือนของเล่นเสมือนจริง ตามมาด้วยเลือดอันเหนียวเหนอะ แม้แต่พื้นที่เหยียบอยู่ตอนนี้ หากเดินจะได้ยินเสียง แปะๆ ของน้ำสด
ฆ่า !!! ฆ่า !!! ฆ่า !!
ฟัน !!! กระโดดฟัน !!
วิ่งฟัน !! จะหนี ก็ถูกแทงหัวใจจากทางด้านหลัง..
รอเพียงความตาย
กรีดร้องมันเข้าไป...
แม้แต่กระดูกผมยังฟันให้ขาดเป็นสองท่อนได้
ตัวของคนหนึ่งคนขาดเป็นสองในแนวนอนท่อนก็มี
พนักงานคนหนึ่งกำลังวิ่งไปหยิบโทรศัพท์ แต่ผมก็พุ่งเข้าไปสับแขนของเขาจนขาด แล้วจับหัวบิดเป็นวงกลม 360 องศาจนตายคาที่โดยตาไม่หลับ
เหมือนผมเป็นปีศาจที่บ้าระฮั่มฆ่าคนไม่เลือกหน้า มันไกลเกินกว่าคำว่ามนุษย์สำหรับผมไปเสียแล้ว
เผลอแปบเดียวในระยะเวลา 2 นาที คนในร้านกว่า 22 คน ถูกผมฆ่าจนตายเกลี้ยง ถึงจะมีบางคนไม่ตายและพยายามคลานหนีเพื่อเอาชีวิตรอด แต่สุดท้ายก็ทนความเจ็บของบาดแผลไม่ไหวและตายอย่างทรมานในที่สุด
การฆ่า จบลง...
ผมดูรอบๆแล้วก็เจอแต่ศพ คงคิดได้ว่าตายหมดแล้วจริงๆ
แต่ว่า
''แง้งงง !!! ~''
เสียงเด็กน้อยวัย 2 ขวบกำลังร้องออกมา ผมหันไปมองหลังตู้ไอติมทันที คงคิดได้อย่างเดียวว่ามีแม่ลูกอ่อนกำลังอุ้มเด็กน้อยของตนเองอยู่หลังตู้ไอติม ผมจึงเดินไปอย่างช้าๆ
แต่... ไม่ดีกว่า
คิดแล้วหงุดหงิด
ผมจึงได้เปลี่ยนเส้นทางการเดินไปหยิบน้ำส้มมา 2 ขวด จากนั้นก็เอาถุงของร้านสะดวกซื้อมาใส่และเดินออกจากร้านในที่สุด ในร้านกลายเป็นความเงียบงันของศพ มองดูดวงจันทร์ทีไรเหมือนมีคนกำลังเล่นดนตรีในร้านสะดวกซื้อแห่งนั้น และร้านแห่งนี้ คงจะไม่เปิดเป็นหนที่ 3 อีกแล้วแน่ๆ
ถ้าเปิดอีก ไว้จะแวะมาซื้อน้ำส้มแล้วกันนะ...
___________________________________________
ณ สวนสารธารณะ
ผมเดินกลับบ้าน...
ที่นี่ยังคงเหมือนเดิม ถนนที่เรียบง่ายพร้อมทางวิ่งรอบสนามออกกำลังกาย ข้างๆทางเดินมีไฟที่เสียอยู่หลายดวง มันกระพริบแบบแปลกๆอยู่หลายครั้ง ถ้าเป็นในหนังสยองขวัญผมอาจจะวิ่งหนีไปแล้วก็ได้ บรรยากาศอะไรจะน่ากลัวขนาดนี้
ขณะที่เดินไปเรื่อยๆ ผมก็ได้เจอกับชายปริศนาคนหนึ่ง... เขามีผมสีฟ้าเหมือนกับย้อมสีผมมา เขาสูงราวๆ 185 ซึ่งมีความสูงเทียบเท่ากับรากูเอล หน้าตาดูหล่อเหมือนชาวต่างชาติ.. หรือเปล่านะ ไม่สิ ต้องเรียกว่าดูดี แต่ไม่เหมือนพวกฝรั่ง แต่เขาเป็นใครกันล่ะ
ด้วยข้อสงสัยนั่น ทำให้ผมหยุดเดินและจ้องตากับเขา ผมจ้องตาด้วยหน้าตาเย็นชา ส่วนเขาทำหน้าตายด้าน ใช่... เขาไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน อย่างน้อยคือสิ่งที่ผมคิดไว้ตอนนี้
''เจ้าหนุ่ม... ทำไมถึงได้มีกลิ่นแปลกเช่นนี้.. เจ้าเป็นมนุษย์หรือเปล่า ?''
เฮลไซท์ตอนที่เจอผมครั้งแรกได้บอกไว้ว่า ผมเป็นผู้ชายคนแรกที่เธอสนใจ สรุปคือ ชายคนนี้ไม่น่าจะมีความเกี่ยวข้องกับนรก สำหรับคำพูดที่เหมือนรากูเอล จึงสรุปได้ว่ามีโอกาสมากทีเดียวที่เขาจะเป็น 1 ใน 7 เทพสวรรค์ ได้ตัวหมากเพื่มนี่มันก็ไม่เลวหรอกนะ
''คุณเป็นเทพสินะ รู้รึเปล่าถ้าคุณเป็นคนมีมารยาทก็ควรขานชื่อตัวเองก่อนจะถามชื่อคนอื่นน่ะ''
ผมตอกหน้าเทพคนนั้นไปด้วยน้ำเสียงเหยียดหยาม บอกตรงๆว่าไม่มีความกลัวเลยซักนิด
''งั้นเหรอ... ข้าชื่อว่า 'มิคาเอล' เจ้าล่ะ ?''
''ผมชื่อว่าแอล เป็นครึ่งแวมไพร์ครับ''
ทุกอย่างยังคงอึดอัด เมื่อเทพคนนั้นไม่ได้พูดอะไรที่เป็นเฉพาะเจาะจงเลยแม้แต่น้อย ต้องให้ผมเป็นคนเปิดประเด็นก่อนงั้นสินะ พวกเทพทั้ง 7 ตน กับ บาปทั้ง 7 มันก็สวะไม่แพ้กันหรอก
''งั้น มีธุระอะไรกับผมงั้นเหรอครับ เอาน้ำส้มหน่อยไหมล่ะครับ ซื้อมา 2 ขวดแหน่ะ''
พูดเสร็จผมก็หยิบขวดน้ำส้มออกมาจากถุง จากนั้นก็โยนไปให้ชายคนนั้นเพื่อดูเชิงความเป็นมิตร
น่าเสียดายนะ ตอนที่ผมส่งโยนขวดน้ำส้มไปให้ แต่มิคาเอลไม่ยอมรับมัน กลับใช้มือปัดน้ำส้มทิ้งราวกับว่าไม่ยอมที่จะมาเป็นมิตร น้ำส้มของไอร่าที่อุตส่าห์ให้ กล้าปัดมันทิ้งเชียวหรือ ? ชักหงุดหงิดหน่อยๆแล้วสิ เกลียดจริงๆพวกไร้มารยาท
''งั้นข้าจะฆ่าเจ้าตอนนี้เลยแล้วกัน เจ้าแวมไพร์ !!!!''
พริบตาที่มิคาเอลพูดประโยคนั้นจบ ก็พรวดเข้ามาอย่างรวดเร็ว ใช้มือขวาบีบคอของผมแน่นมาก จากนั้นก็ทุ่มทั้งตัวของผมไปกระแทกกับพื้นถนนอย่างรุนแรง พื้นถนนถึงกับแตกร้าวออกมา พร้อมเสียงสั่นสะเทือนหน่อยๆ
แต่ผมก็ไม่ยอมอยู่ฝ่ายเดียวหรอก ตอนที่ผมถูกกระแทกกับถนน ก็ได้คิดที่จะสวนกลับในจังหวะนั้น ผมควักดาบออกมาเพื่อใช้ฟันแขนมิคาเอลที่กำลังบีบคอของผมอยู่ ท่าทางมิคาเอลก็รู้ความสามารถพิเศษของ D. ด้วย เพราะมันสามารถตัดทุกอย่างให้ขาดได้ ทำให้มิคาเอลที่กำลังใช้มือขวาบีบคอของผมอยู่ ถึงกับกระโดดถอยหลังออกไปตั้งหลักในวินาทีนั้น เขาคงจะรู้ดีว่าถ้าไม่ถอย ถูกผมตัดแขนขาดแน่ๆ
''ดาบนั่น... ของเซร่าฟิมรึ ?''
มิคาเอลถอยมาพร้อมกับคำถาม
ผมไม่เข้าใจว่ามิคาเอลหมายถึงอะไร แต่ตอนนี้ผมกำลังลุกขึ้นยืนเพื่อตั้งหลักเช่นกัน
''เล่นแรงจังนะครับ... ผมไม่ได้อยู่ฝ่ายนรกหรอกนะครับ และก็ไม่คิดจะเป็นศัตรูกับทวยเทพด้วย แต่ถ้ามาหาเรื่องแบบนี้ระวังศพไม่สวยนะครับ''
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร มิคาเอลถึงได้วิ่งหนีไปในทันทีที่ผมลุกขึ้น เขาไม่ได้พูดอะไรต่อจากนั้นเลย เหมือนหมาตัวหนึ่งที่วิ่งหนีหมาตัวที่ใหญ่กว่า... แต่.. เพราะอะไรกันล่ะถึงได้วิ่งหนี เพราะกลัวผมอย่างงั้นเหรอ ไม่ใช่ ต้องไม่ใช่แบบนั้นแน่ เพราะผมรู้สึกได้ว่ามิคาเอลแข็งแกร่งกว่ารากูเอลแน่นอน แต่ทำไมถึงได้หนีกันล่ะ กลัวดาบของผมงั้นเหรอ เมื่อกี้เจ้าตัวบอกว่า 'ของเซร่าฟิม'
''ชิส์''
เจ็บมาก แรงบีบคอนี่ทำให้เหล็กยุบได้เลยนะเนี่ย .. ผมค่อยๆลุกขึ้นยืนพร้อมเดินไปเก็บขวดน้ำส้ม
แปลว่าดาบที่เราใช้อยู่เป็นของเซร่าฟิมงั้นเหรอ.. ? ตอนไปนรกก็ไม่ได้เจอบาปครบทั้ง 7 คนเลยนิ ที่เจอก็มี เฮลไซท์ ไอร่า แมมม่อน แล้วก็ ยัยเมดแว่นเบลเฟเกอร์เท่านั้น ถ้ารวมเซร่าฟิมเข้าไปก็มีทั้งหมด 5 คนสินะ เซร่าฟิม.. ไอร่าได้บอกว่ายัยนี่คือบาปแห่งความตะกละ มีสัญลักษณ์กลางหลังคือแมลงวัน แต่ชื่อเซร่าฟิมเป็นเทพ ทำไมมันถึงได้...
เอาเถอะ
หากจะให้เดาเหตุผลตอนนี้ คือเซร่าฟิมแข็งแกร่ง ดีไม่ดีอาจจะแข็งแกร่งยิ่งกว่ามิคาเอลอีก ไม่งั้นมันคงไม่หนีหัวซุกหัวซุนขนาดนั้น แล้วดาบเล่มนี้ก็เป็นของก็อปปี้มาจากไอร่าด้วย แสดงว่าก่อนไอร่าจะมาเป็นบาปแห่งความโกรธ เซร่าฟิมใข้ดาบเล่มนี้อยู่ก่อนแล้วงั้นเหรอ ถึงจะแค่เดา แต่ก็มีโอกาสเป็นไปได้สูง แล้วถ้า ผมไปสู้กับเซร่าฟิม แน่นอนว่าต้องแพ้หมดรูปแน่
นี่เป็นข้อมูลสำคัญ คงต้องขอบใจมิคาเอลล่ะนะ
ถ้าอย่างงั้น ก็ไม่มีอะไรต้องกลัวไปหรอก เพราะการที่ปีศาจมาโลกมนุษย์ จะถูกลดพลังลงจนไม่เหลืออำนาจเพียงพอ ถึงจะมีลูกแก้วสีดำข้างกาย แต่ก็ไม่สามารถใช้พลังของปีศาจได้เต็มร้อย ตราบเท่าที่ผมมีรากูเอลอยู่ ไพ่ในมือก็ยังเหนือกว่า
____________________________________________________________________
ใช้เวลาไปทั้งหมดราวๆ เกือบ 5 ชั่วโมงในการบุกไปยังบ้านของเมย์ รวมถึงเพื่อนๆทั้งหมด และฆ่าคนที่ร้านสะดวกซื้อ ตอนนี้ผมกลับมายังบ้านเพื่อไปนอนพักผ่อน ถึงที่จริงจะไม่จำเป็นก็เถอะ พรุ้งนี้เฮลไซท์อาจจะปรากฏตัวที่ดาดฟ้าก็ได้ ซึ่งผมก็ได้ตัดสินใจแล้ว ว่าทุกวันต่อจากนี้ 3 ทุ่มจนถึงเที่ยงคืน จะไปรอเฮลไซท์ที่ดาดฟ้าทุกวัน หากถามว่าทำไมถึงเป็นที่ดาดฟ้าโรงเรียน แน่นอนว่าสถานที่ที่ผมเจอกับเฮลไซท์เป็นครั้งแรกคือดาดฟ้า การจะกลับมาที่โลกก็ควรจะเป็นที่นั่นอย่างแน่นอน
คงไม่ว่าอะไรนะ รากูเอล ไอร่า ที่จะตายเพื่อผมน่ะ...
____________________________________
จากตอนนี้ขอแยกเป็นตอนที่ 15 กับ 15.5 นะ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.7 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ