พี่ครับๆ ผมยังเด็กอยู่ เป็นเมียพี่ไม่ได้หรอกครับ
9.7
เขียนโดย 13Neko
วันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2558 เวลา 15.52 น.
4 ตอน
0 วิจารณ์
6,799 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2558 16.20 น. โดย เจ้าของนิยาย
4) ใครเนี่ย!!?
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ ณ.เวลา 11.50 น. บ้านยูกิโนะ
เป็นอีกวันที่แสนสดใสบรรยากาศดีๆน่านอนทำให้ร่างสูงเริ่มรู้สึกง่วงขึ้นมา ในตัวบ้านเงียบเชียบเนื่องจากเอวิสออกไปเที่ยวเล่นกับเพื่อนโดยมีเฟซ่าอาสาขอไปด้วยเขาเองก็ไม่ได้ออกจากที่นี่เลยตั้งแต่มาอยู่บ้านนี้ ถ้าชอบรุนว่ามีความสุขมั๊ย? ก็มีอ่านะแต่ความนั้นก็ต้องจางหายไปเพราะ....
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“หือ?” รุนได้ยินเสียงเคาะประตูทำให้เขารู้สึกสงสัยว่า “ใครมาแต่เช้าเนี่ย?” เสียงประตูเคาะอยู่นานทำให้รุนต้องรีบเดินออกไปดู “ครับๆ มาแล้วๆ” หลังจากที่รุนพูดจบเขาก็ค่อยๆเปิดประตูออกไปแล้วสิ่งที่เจอ....
“พี่ชายฉันอยู่ไหน?” ไม่ทันจะได้ทักทายอะไร เมื่อรุนเปิดประตูออกมาเขาได้เจอกับเด็กผู้ชายหน้าตาน่ารักและยังไม่ทันจะได้พูดอะไรเด็กคนนั้นก็ถามขึ้นมา
“ห๊ะ พี่ชาย...อะไร? อุ๊บ” ยังไม่ทันจะประติดประต่อเรื่องได้รุนก็โดนเด็กตรงหน้าต่อยท้องก่อนจะถูกจับแขนไขว้หลังเป้นเหตุให้รุนล้มอย่างแรง “โอ้ย เจ็บๆ” รุนร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
“บอกมา พี่ชายกูอยู่ไหน!?” เหมือนอีกฝ่ายจะเริ่มโกรธจนต้องใช้คำหยาบออกมาแล้วดูเหมือนคนร่างสูงจะมีน้ำโหแล้วเหมือนกัน
“แล้วกูจะรู้มึงว่าพี่ชายมึงเป็นใคร! อยู่ๆมึงก็มาทำแบบนี้ อ๊าก” รุนยังพูดไม่ทันจบประโยชน์ก็โดนคนร่างเล็กเล่นงานโดยการบีบข้อมืออย่างแรงจนทำให้รุนเจ็บสุดๆ
“กูไม่เชื่อหรอก มึงเอาพี่กูไปไว้ไหน!” ร่างเล็กตะคอกกลับมาอีกครั้ง เขาไม่เชื่อในสิ่งที่รุนพูด
“หนอย! / หว๊าา!!” รุนหมดความอดทนใช้จัดหวะที่พอมีพลิกตัวกลับแล้วจับคนตัวเล็กให้ลงไปนอนกับพื้นอย่างแรงแล้วกดร่างของคนตัวเล็กไว้ “มันเจ็บนะ มึงเป็นใครเนี่ย!?”
“ปะ ปล่อยกูน้าาา!!!” คนตัวเล็กตะโกนลั่นพยายามดิ้นให้หลุดออกจากร่างสูง “ไอ้บ้า ไอ้ทุเรศ เอามือสกปกออกไปจากตัวกูนะ!”
“เห~ ปากดีจังนะ” รุนพูดอย่างเจ้าเล่ห์ก่อนจะใช้มือข้างหนึ่งเลื่อนไปปิดประตู “แล้วมึงจะปากดีไม่ออก!” หลังจากพูดจบคนร่างสุงจับคนตัวเล็กอุ้มพาดบ่า
“นะนี่มึงจะพากูไปไหนอ่ะ ปล่อยกูนะ!!!” ตัวเล็กตะโกนโวยวายพยายามดิ้นให้รุนจะร่างสูง แต่ดิ้นเท่าไหร่ก็ดิ้นไม่หลุด “อ่ะ” ไม่นานร่างสูงก็โยนตัวเล็กลงบนโซฟาอย่างแรง “นายจะทำอะไรน่ะ ออกไปนะ ไอ้บ-” ตัวเล็กยังด่าไม่ทันจะขาดคำก็ต้องถูกหยุดไว้ด้วยริมฝีปากหยักของอีกฝ่าย
“อึก อือ อืมม” ตัวเล็กทั้งผลักทั้งดิ้นเพื่อให้หลุดออกจากคนด้านบนได้แต่พยายามทำเท่าไหร่ก็ไม่ได้สักที “อืออ ปล่อ- อึก ยะ-อืมม” ตัวเล็กไม่มีโอกาสที่จะได้พูดอะไรเลยแม้แต่ประโยคเดียว ร่างสูงใช้ริมฝีปากของตัวเอง “อึกอืออ อ๊า...” ห ม ด แ ร ง
“เป็นไงหละ หายซ่าแล้วสินะ” รุนยอมถอนริมฝีปากออกเมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กเริ่มนิ่งลงไปแล้ว เขามองคนด้านล่างที่กำลังหายใจหอบแฮ่กๆ “เอาหละ ไหนลองมาคุยกันดีๆสิ”
“พี่กะ- / ภ้าใช้คำหยาบหละก็...เจอดีแน่” ร่างสูงรู้ทันควันคนตัวเล็ก เขายิ้มเยาะคนด้านล่างด้วยชัยชนะทำให้คนตัวเล็กส่งเสียง หึ ในลำคอเป็นเชิงว่า กู ไม่ พอ ใจ “พี่ชายนฉันอยู่ไหน?”
“พี่ชายไหนอีกหละ? เฮ้อ~” รุนพูดก่อนจะถอนหายใจอย่างแรง เดือนนี้มันอะไรนักหนาว่ะเนี่ย
“เฟซ่า สการ์เล็ต” คนตัวเล็กพูดขึ้นมา ‘อืม เฟซ่า สกาเล็ต....เอ๊ะ!’ รุนคิดในใจก่อนจะสะดุ้ง “พี่ฉันชื่อ เฟ ซ่า ส กา เล็ต!” เน้นๆย้ำๆและชัดมาก
“ห๊ะ ห๊าาาา!!!” เขาอุทานออกมาอย่างดังจนทำให้คนตัวเล็กนั้นต้องปิดหูอย่างรวดเร็ว
.
.
.
“ฮัลชิ๊ว~” ระหว่างทางเดินได้มีใครบางคนจามออกมาอย่างไม่มีสาเหตุ ‘มีใครกำลังพูดถึงเราป่ะเนี่ย?’
“คุณเฟซ่า...ไม่สบายรึเปล่าครับ?” เสียงหวานเอ่ยถามคนร่างสูงด้วยความเป็นห่วง
“อ่ะ อ่อ ไม่เป็นไรหรอก” ร่างสูงตอบกลับด้วยน้ำเสียงสบายๆไม่อยากให้ร่างบางเป็นห่วง
“อ่า งั้นหรอครับ ดีจังเลย นึกว่าจะเป็นอะไรไปรึเปล่านะ” ร่างบางยิ้มโล่งอกทำให้คนร่างสูงถึงกับหน้าแดงออกมา
“เอ่อ ขอบใจนะที่เป็นห่วง” ร่างสูงพูดยิ้มๆไปให้ร่างบางเพราะเด็กคนนี้แท้ๆทำให้เขาได้มีชีวิตอยู่ต่อ
“อืม...เอาไงดีหละ” ร่างบางทำท่าคิดโดยแกล้งทำหน้ากลุ้มใจนิดๆ
“ทำไมหละ?” เฟซ่าถามด้วยความสงสัย
“ก็...เมื่อกี้เพื่อนโทรมานะครับ ว่ามาไม่ได้แล้วติดธุระทางบ้านขอโทษด้วย ผมก็เลย...ไม่รู้ว่าจะเอาไงต่อดีนะ” เสียงเอวิสเบาลงเรื่อยๆ จะอายก็อายอุส่าบอกไว้อย่างดีแท้ๆว่าจะพาร่างสูงไปเที่ยวนั่นนี่
“งั้นเราก็ไปกันสองคนสิ” เฟซ่าพูดไปอย่างที่ใจคิด แต่มันคงจะตรงไปสำหรับเด็กอายุ15
“เอ๊ะ เอ่อ...สองคน? จะ จะดีหรอครับ?” เอวิสก้มหน้าลงพูดมือกำเสื้อไว้หลวมๆเพราะความเขิน เมื่อร่างสูงเห็นแบบนั้นก็รู้สึกได้ว่าตัวเองเผลอพูดอะไรออกไปจนทำให้ตัวเองหน้าแดงขึ้นมาเองเหมือนกัน
“อ่ะเอ่อ...ก็นะ ก็ไหนๆเพื่อนนายก็ไม่มาแล้วนี่ งั้นเราก็ไปเที่ยวกันเถอะ” เฟซ่าไม่ถนัดการพูดอ้อมๆซะด้วยสิเพราะปกติก็มักจะสั่งพวกลูกนายแล้วด่าตรงๆเหมือนกัน “กะก็สักวันนึงไง แล้วก็หาอะไรซื้อไปเป็นของฝากคุณรุนด้วยไง”
“555” เสีบงหวานกำลังขำคิคิเพราะคำพูดของเฟซ่า ทำให้คนร่างสูงยิ่งหน้าแดงเข้าไปใหญ่ “ไม่ต้องฝืดพูดแบบนั้นก็ได้นะครับ คิคิ โอเคครับงั้นเราไปเที่ยวกันนะ” ร่างบางยิ้มก่อนจะดึงแขนร่างสูงวิ่งไปข้างหน้า ทั้งคู่ตัดสินใจไปเที่ยวด้วยกันเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ดีๆร่วมกัน ไม่มากก็น้อย
.
.
“สรุปแล้ว นายมาหาพี่ชาย?” เสียงทุ้มพูดขึ้นถามคนที่ดื่มน้ำเย็นๆอย่างสบายใจตรงหน้าทำอย่างกับว่าเมื่อกี้นี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นงั้นแหละ
“อ๊า ใช่” คนตัวเล้กตอบสั้นๆอย่างไม่ใส่ใจอีกฝ่าย “นี่ ฉันหิวแล้วอ่ะ มีไรให้ฉันกินมั่ง?”
“นี่นาย! บุกรุกบ้านคนอื่นแล้วยังทำร้ายร่างกายเจ้าของบ้านอีก” ร่างสูงเริ่มหัวเสียขึ้นมาทันทีแล้วก็บ่นๆ “ฉันไม่เรียกตำรวจมาจับก็บุญแล้ว!”
“ตำรวจ...หึ ตำรวจน่ะ ทำอะไรฉันไม่ได้หรอกนะ” คนตัวเล็กพูดพร้อมยิ้มเหยียดอย่างมั่นใจทำให้รุนชะงักนิดๆแล้วเริ่มรู้สึกไม่ดีจนต้องเปลี่ยนบทสทนา
“งั้นจะไปดูให้หละกันพอมีอะไรที่ทำให้นายกินได้บ้าง” รุนพูดก่อนจะเดินเข้าครัวไป แต่ก่อนที่เขาจะเดินออกจากห้องนั่งเล่น
“นี่” คนตัวเล็กส่งเสียงออกมาเป็นเหตุให้ร่างสูงส่งเสียงตอบกลับว่า ห๊ะ “ฉันชื่อ เฟเซ่ สกาเล็ต...แล้วนายหละ?” เขาถามอีกฝ่ายกลับถึงแม้ตาจะมองดูทีวีก็เถอะ
“...รุน ยูกิโนะ รุน” เขาพูดแค่นั้นแล้วเดินเข้าห้องครัวไป
“อืม รุน...” คนตัวเล็กอย่างแผ่วเบาก่อนจะใช้นิ้วแตะริมฝีปากของตัวเองเบาๆ “งือ...หิว~” แต่ดูเหมือนเรื่องกินจะสำคัญกว่าเพราะความหิวทำให้นิสัยเขาเปลี่ยนได้
และไม่นานมากนักเฟเซ่ก็เริ่มได้กลิ่นหอมๆโชยมาจากห้องครัว เป็นเหตุให้ร่างเล็กนั้นต้องเดินตามกลิ่นไปเขาได้ว่าพอตื่นเช้ามาเขาก็รีบออกจากบ้านโดยให้คนขับรถมาส่งแค่ครึ่งทางส่วนอีกครึ่งทางก็หาทางมาเอง ยังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เช้า
“กลิ่นหอมจัง~” คนตัวเองพูดขึ้นอย่างเผลอๆก้มันหอมจริงๆนี่ “นายทำอะไรอ่ะ น่ากินจัง~” เขาพูดอย่างกะเด็กๆที่กำลังรออาหารจากคุณแม่แหนะ
“หือ~ ก็สตูไก่ อุด้งและก็โคร้อกเกะไงหละ” รุนพูดก่อนจะตักสตูไก้ราดหน้าข้าวอย่างน่าอร่อย “ก่อนอื่นต้องกินสตูไก่และโคร้อกเกะก่อนนะ แล้วค่อยตามด้วยอุด้ง” รุนวางอาหารทุกจานไว้บนโต๊ะ “กินตามสบายนะ” เขาบอกกับคนตัวเล็ก
“น่าอร่อยจัง~” เฟเซ่พูดก่อนจะรีบเดินเข้ามานั่งที่โต๊ะอาหาร “ทานหละนะครับ” เขาพูดก่อนจะเริ่มตักสตูเข้าปาก “อะ อร่อยง่ะ~” เฟเซ่พูดออกมาอย่างมีความสุข สตูที่คนร่างสูงทำมันอร่อยจริงๆยิ่งมีข้าวมาเสริมด้วย “งั่ม ว้าว อันนี้ก็อร่อย” เขาลองกินโคร้อกเกะแล้วมันก็อร่อยมาก
คนร่างสูงที่นั่งมองท่าทีของอีกฝ่ายตั้งแต่ต้นก็ถึงกับยิ้มออกมา พอมองดีๆก็เด็กน้อยธรรมดานี่เอง ไม่น่าจะเก่งเรื่องต่อสู้เลยยย
“อ่ะ นายไม่กินหรอ?” คนตัวเล้กพึ่งรู้สึกตัวว่ามีคนมองอยู่เลยถามคนตรงหน้าแบบพอเป็นพิธี
“ไม่หละ ฉันไม่หิวนี่” ร่างสูงยิ้มก่อนจะ อ่อ แล้วขำออกมา “นี่นาย 555” เขาเอานิ้วเข้าไปใกล้ริมฝีปากเล็กก่อนจะปาดเอาซอสที่เปื้อนปากคนตัวเล็กออก “ปากเปื้อนนะ อย่างกะเด็กๆแหนะ” ร่างสูงยิ้มก่อนจะมองหน้าคนตัวเล็ก แต่พอสังเกตดีๆเอ๋ ทำไมหน้าอีกฝ่ายแดงๆหว่าา
“นะนี่นาย” คนตัวเล็กเริ่มพูดอะไรออกมา “มะ ไม่มีงานอะไรรึไง” เขาเริ่มพูดแควะออกมาทั้งๆที่หน้าแดง “ถะถ้าไม่กินข้าวก็ออกไปสิ ไปห้องนั่งเล่นนู้น” เขาพูดเสียงสั่นอาจเป็นเพราะเขาเริ่มหงุดหงิดหรือ...เขิน?
รุนก็ไม่ค่อยเข้าใจคนตัวเล็กนักหรอก เมื่อกี้เขาแอบหงุดหงิดนะที่โดนไล่แต่... “ไปก็ได้” แค่แปปเดียวเขาก้รู้แล้วว่าเพราะอะไรเขาเลยยิ้มแล้วยอมทำตามที่คนตัวเล็กบอก เขาเดินออกมาแล้วก็เข้าไปนั่งบนโซฟาที่ห้องนั่งเล่น วันนี้เขายังไม่ได้นอนกลางวันเลยแฮะ
เวลาผ่านไปสักพัก....แต่ไม่นานมากหรอก คนตัวเล็กก็ซัดอุด้งหมดแล้วเอาจานไปล้างให้เรียบร้อย รับรอง....ว่าไม่สะอาดมากนักหรอก แต่ทำไงได้มาอาศัยข้าวบ้านเขาไอ้เราก็ต้องเกรงใจบ้างหละ พอล้างไม้ล้างมือเสร็จคนตัวเล้กก็เดินกลับมาในห้องนั่งเล่น
“นี่ อ่ะ” เขากำลังจะเรียกคนร่างสูงแต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นคนร่างสูงนอนอยู่บนโซฟา เขาค่อยๆเดินเข้าไปอย่างเงียบ “อ้าว หลับแล้วหรอเนี่ย?” คนตัวเล็กมองคนที่นอนบนโซฟาอย่างสบายใจโดยปล่อยให้ใครไม่รู้เดินอยู่ในบ้าน ไม่ระวังตัวเอาซะเลย “หะ ห้าวว” พอมองแล้วไอ้เราก็ง่วงนอนด้วยเลยเชียวว....
.
.
เวลาผ่านไปนานมากจนตอนนี้พระอาทิตย์ตกดินแล้ว ใกล้ได้เวลาอาหารเย็นแล้ว “อึก...อืมม” ร่างสูงเริ่มรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเพราะความเคยชินที่ต้องทำอาหารเย็น ต่อให้หลับเป็นตายยังไงเขาก็ต้องตื่น แต่... “หือ?” เขาก็รู้สึกถึงอะไรหนักๆที่แขนข้างซ้าย
“หือ...อะไรหละนั่น?” เพราะพึ่งตื่นทำให้ภาพที่เห็นนั้นมันมัวๆเขากระพริบตาหลายครั้งพยายามจ้องไปที่อะไรสักอย่างที่อยู่ข้างๆเขา “หือ? อ่ะ” แล้วเขาก็ได้คำตอบ นั่นก็คือเด็กผู้ชายตัวเล็กที่กำลังนอนหลับปุ๊ยข้างๆเขานั่นเอง “เฮ้ย อ่ะ” เขาเกือบจะส่งเสียงให้เด็กข้างๆตื่น แต่มือไวกว่าเขารีบเอามือปิดปากทันทีเพราะกลัวคนตัวเล็ตื่น
“เอาไงหละเนี่ย?” เขาพูดพร้อมกับมองใบหน้าไร้เทียงสาของอีกฝ่ายก่อนจะค่อยๆขยับเอามือออกแล้วลุกขึ้นจากโซฟาช้าๆแล้วค่อยๆเดินออกจากห้องนั่งเล่น
“วันนี้สนุกมากเลยนะครับ” เสียงหวานคุ้นหูได้ยินเบาๆมาแต่ไกลทำรุนหันหลังไปมองประตูหน้าบ้าน ‘คงกลับกันมาแล้วสินะ’ “อืม สนุกมากจริงๆแหละ” เสียงทุ้มคุ้นหูอีกคนคนนี้ก็ทำเขาเหนื่อยใจเหมือนกัน ‘จะบอกยัไงหละเนี่ย เฮ้อ’
แอ๊ด ปัง
“อ้าว พี่? มารอหรอครับ?” เอวิสที่เดินเข้ามาทำหน้าสงสัยว่าทำไมพี่ชายของตนถึงได้มาอยู่หน้าบ้าน
“อ่ะ เอ่อ คง...ประมาณนั้นแหละ” รุนไม่รู้จะตอบไง เขาแถไม่ถูกก่อนจะหันไปมองเฟซ่าที่ยืนอยู่ข้างๆน้องเขา “เอ่อ เฟซ่า...คือ” จะบอกยังไงดี
“มีอะไรหรอครับ?” เฟซ่าถามด้วยคำสุภาพ เป็นครั้งแรกนะเนี่ยที่รุนจะทักเขาก่อน
“คือว่านะ...วันนี้น่ะนะ” รุนทำท่าจะบอกดีไม่บอกดี เขาไม่รู้ว่าควรเริ่มจากตรงไหนก่อนและไม่ทันทันจะได้พูดอะไรต่อก็...
“พี่ครับ?” เสียงหวานคุ้นหูของใครบางคนดังขึ้น สำหรับเฟซ่าแล้วเสียงนี้เป็นเสียงเดียวที่เขาไม่มีวันลืม
“เอ๊ะ!” เฟซ่าอุทานออกมาอย่างตกใจเมื่อได้ยินเสียงนี้ เขามองตรงไปที่รุนแล้วทำหน้าสงสัยก่อนที่รุนจะค่อยๆขยับตัวออกเพื่อให้เฟว่าได้เห็นใครอีกคนที่มารอเขาตั้งแต่เช้า ‘จัดการกันเองหละกันนะ’ รุนคิด
“พะ พี่ครับ” เฟเซ่พูดขึ้นเรียกคนตรงหน้าด้วยน้ำเสียงดีใจปนคิดถึง เขาแทบจะกลั้นน้ำตาไม่อยู่ “อึก” มะไม่อยู่จริงๆด้วย
“ฟะ เฟเซ่...” ร่างสูงที่ยืนอยู่หน้าประตูได้เรียกชื่อน้องชายของตัวเองด้วยความคิดถึงเช่นเดียวกัน ดวงตาที่แสนเป็นห่วงได้ถูกถ่ายทอดจากพี่ไปสู่น้อง
‘เอ๊ะ พี่ชาย...อย่าบอกนะว่า’ เอวิสตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขาได้แต่คิดในใจ ‘คนนั้นเป็น น้องชาย ของคุณเฟซ่า’
เป็นอีกวันที่แสนสดใสบรรยากาศดีๆน่านอนทำให้ร่างสูงเริ่มรู้สึกง่วงขึ้นมา ในตัวบ้านเงียบเชียบเนื่องจากเอวิสออกไปเที่ยวเล่นกับเพื่อนโดยมีเฟซ่าอาสาขอไปด้วยเขาเองก็ไม่ได้ออกจากที่นี่เลยตั้งแต่มาอยู่บ้านนี้ ถ้าชอบรุนว่ามีความสุขมั๊ย? ก็มีอ่านะแต่ความนั้นก็ต้องจางหายไปเพราะ....
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“หือ?” รุนได้ยินเสียงเคาะประตูทำให้เขารู้สึกสงสัยว่า “ใครมาแต่เช้าเนี่ย?” เสียงประตูเคาะอยู่นานทำให้รุนต้องรีบเดินออกไปดู “ครับๆ มาแล้วๆ” หลังจากที่รุนพูดจบเขาก็ค่อยๆเปิดประตูออกไปแล้วสิ่งที่เจอ....
“พี่ชายฉันอยู่ไหน?” ไม่ทันจะได้ทักทายอะไร เมื่อรุนเปิดประตูออกมาเขาได้เจอกับเด็กผู้ชายหน้าตาน่ารักและยังไม่ทันจะได้พูดอะไรเด็กคนนั้นก็ถามขึ้นมา
“ห๊ะ พี่ชาย...อะไร? อุ๊บ” ยังไม่ทันจะประติดประต่อเรื่องได้รุนก็โดนเด็กตรงหน้าต่อยท้องก่อนจะถูกจับแขนไขว้หลังเป้นเหตุให้รุนล้มอย่างแรง “โอ้ย เจ็บๆ” รุนร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
“บอกมา พี่ชายกูอยู่ไหน!?” เหมือนอีกฝ่ายจะเริ่มโกรธจนต้องใช้คำหยาบออกมาแล้วดูเหมือนคนร่างสูงจะมีน้ำโหแล้วเหมือนกัน
“แล้วกูจะรู้มึงว่าพี่ชายมึงเป็นใคร! อยู่ๆมึงก็มาทำแบบนี้ อ๊าก” รุนยังพูดไม่ทันจบประโยชน์ก็โดนคนร่างเล็กเล่นงานโดยการบีบข้อมืออย่างแรงจนทำให้รุนเจ็บสุดๆ
“กูไม่เชื่อหรอก มึงเอาพี่กูไปไว้ไหน!” ร่างเล็กตะคอกกลับมาอีกครั้ง เขาไม่เชื่อในสิ่งที่รุนพูด
“หนอย! / หว๊าา!!” รุนหมดความอดทนใช้จัดหวะที่พอมีพลิกตัวกลับแล้วจับคนตัวเล็กให้ลงไปนอนกับพื้นอย่างแรงแล้วกดร่างของคนตัวเล็กไว้ “มันเจ็บนะ มึงเป็นใครเนี่ย!?”
“ปะ ปล่อยกูน้าาา!!!” คนตัวเล็กตะโกนลั่นพยายามดิ้นให้หลุดออกจากร่างสูง “ไอ้บ้า ไอ้ทุเรศ เอามือสกปกออกไปจากตัวกูนะ!”
“เห~ ปากดีจังนะ” รุนพูดอย่างเจ้าเล่ห์ก่อนจะใช้มือข้างหนึ่งเลื่อนไปปิดประตู “แล้วมึงจะปากดีไม่ออก!” หลังจากพูดจบคนร่างสุงจับคนตัวเล็กอุ้มพาดบ่า
“นะนี่มึงจะพากูไปไหนอ่ะ ปล่อยกูนะ!!!” ตัวเล็กตะโกนโวยวายพยายามดิ้นให้รุนจะร่างสูง แต่ดิ้นเท่าไหร่ก็ดิ้นไม่หลุด “อ่ะ” ไม่นานร่างสูงก็โยนตัวเล็กลงบนโซฟาอย่างแรง “นายจะทำอะไรน่ะ ออกไปนะ ไอ้บ-” ตัวเล็กยังด่าไม่ทันจะขาดคำก็ต้องถูกหยุดไว้ด้วยริมฝีปากหยักของอีกฝ่าย
“อึก อือ อืมม” ตัวเล็กทั้งผลักทั้งดิ้นเพื่อให้หลุดออกจากคนด้านบนได้แต่พยายามทำเท่าไหร่ก็ไม่ได้สักที “อืออ ปล่อ- อึก ยะ-อืมม” ตัวเล็กไม่มีโอกาสที่จะได้พูดอะไรเลยแม้แต่ประโยคเดียว ร่างสูงใช้ริมฝีปากของตัวเอง “อึกอืออ อ๊า...” ห ม ด แ ร ง
“เป็นไงหละ หายซ่าแล้วสินะ” รุนยอมถอนริมฝีปากออกเมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กเริ่มนิ่งลงไปแล้ว เขามองคนด้านล่างที่กำลังหายใจหอบแฮ่กๆ “เอาหละ ไหนลองมาคุยกันดีๆสิ”
“พี่กะ- / ภ้าใช้คำหยาบหละก็...เจอดีแน่” ร่างสูงรู้ทันควันคนตัวเล็ก เขายิ้มเยาะคนด้านล่างด้วยชัยชนะทำให้คนตัวเล็กส่งเสียง หึ ในลำคอเป็นเชิงว่า กู ไม่ พอ ใจ “พี่ชายนฉันอยู่ไหน?”
“พี่ชายไหนอีกหละ? เฮ้อ~” รุนพูดก่อนจะถอนหายใจอย่างแรง เดือนนี้มันอะไรนักหนาว่ะเนี่ย
“เฟซ่า สการ์เล็ต” คนตัวเล็กพูดขึ้นมา ‘อืม เฟซ่า สกาเล็ต....เอ๊ะ!’ รุนคิดในใจก่อนจะสะดุ้ง “พี่ฉันชื่อ เฟ ซ่า ส กา เล็ต!” เน้นๆย้ำๆและชัดมาก
“ห๊ะ ห๊าาาา!!!” เขาอุทานออกมาอย่างดังจนทำให้คนตัวเล็กนั้นต้องปิดหูอย่างรวดเร็ว
.
.
.
“ฮัลชิ๊ว~” ระหว่างทางเดินได้มีใครบางคนจามออกมาอย่างไม่มีสาเหตุ ‘มีใครกำลังพูดถึงเราป่ะเนี่ย?’
“คุณเฟซ่า...ไม่สบายรึเปล่าครับ?” เสียงหวานเอ่ยถามคนร่างสูงด้วยความเป็นห่วง
“อ่ะ อ่อ ไม่เป็นไรหรอก” ร่างสูงตอบกลับด้วยน้ำเสียงสบายๆไม่อยากให้ร่างบางเป็นห่วง
“อ่า งั้นหรอครับ ดีจังเลย นึกว่าจะเป็นอะไรไปรึเปล่านะ” ร่างบางยิ้มโล่งอกทำให้คนร่างสูงถึงกับหน้าแดงออกมา
“เอ่อ ขอบใจนะที่เป็นห่วง” ร่างสูงพูดยิ้มๆไปให้ร่างบางเพราะเด็กคนนี้แท้ๆทำให้เขาได้มีชีวิตอยู่ต่อ
“อืม...เอาไงดีหละ” ร่างบางทำท่าคิดโดยแกล้งทำหน้ากลุ้มใจนิดๆ
“ทำไมหละ?” เฟซ่าถามด้วยความสงสัย
“ก็...เมื่อกี้เพื่อนโทรมานะครับ ว่ามาไม่ได้แล้วติดธุระทางบ้านขอโทษด้วย ผมก็เลย...ไม่รู้ว่าจะเอาไงต่อดีนะ” เสียงเอวิสเบาลงเรื่อยๆ จะอายก็อายอุส่าบอกไว้อย่างดีแท้ๆว่าจะพาร่างสูงไปเที่ยวนั่นนี่
“งั้นเราก็ไปกันสองคนสิ” เฟซ่าพูดไปอย่างที่ใจคิด แต่มันคงจะตรงไปสำหรับเด็กอายุ15
“เอ๊ะ เอ่อ...สองคน? จะ จะดีหรอครับ?” เอวิสก้มหน้าลงพูดมือกำเสื้อไว้หลวมๆเพราะความเขิน เมื่อร่างสูงเห็นแบบนั้นก็รู้สึกได้ว่าตัวเองเผลอพูดอะไรออกไปจนทำให้ตัวเองหน้าแดงขึ้นมาเองเหมือนกัน
“อ่ะเอ่อ...ก็นะ ก็ไหนๆเพื่อนนายก็ไม่มาแล้วนี่ งั้นเราก็ไปเที่ยวกันเถอะ” เฟซ่าไม่ถนัดการพูดอ้อมๆซะด้วยสิเพราะปกติก็มักจะสั่งพวกลูกนายแล้วด่าตรงๆเหมือนกัน “กะก็สักวันนึงไง แล้วก็หาอะไรซื้อไปเป็นของฝากคุณรุนด้วยไง”
“555” เสีบงหวานกำลังขำคิคิเพราะคำพูดของเฟซ่า ทำให้คนร่างสูงยิ่งหน้าแดงเข้าไปใหญ่ “ไม่ต้องฝืดพูดแบบนั้นก็ได้นะครับ คิคิ โอเคครับงั้นเราไปเที่ยวกันนะ” ร่างบางยิ้มก่อนจะดึงแขนร่างสูงวิ่งไปข้างหน้า ทั้งคู่ตัดสินใจไปเที่ยวด้วยกันเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ดีๆร่วมกัน ไม่มากก็น้อย
.
.
“สรุปแล้ว นายมาหาพี่ชาย?” เสียงทุ้มพูดขึ้นถามคนที่ดื่มน้ำเย็นๆอย่างสบายใจตรงหน้าทำอย่างกับว่าเมื่อกี้นี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นงั้นแหละ
“อ๊า ใช่” คนตัวเล้กตอบสั้นๆอย่างไม่ใส่ใจอีกฝ่าย “นี่ ฉันหิวแล้วอ่ะ มีไรให้ฉันกินมั่ง?”
“นี่นาย! บุกรุกบ้านคนอื่นแล้วยังทำร้ายร่างกายเจ้าของบ้านอีก” ร่างสูงเริ่มหัวเสียขึ้นมาทันทีแล้วก็บ่นๆ “ฉันไม่เรียกตำรวจมาจับก็บุญแล้ว!”
“ตำรวจ...หึ ตำรวจน่ะ ทำอะไรฉันไม่ได้หรอกนะ” คนตัวเล็กพูดพร้อมยิ้มเหยียดอย่างมั่นใจทำให้รุนชะงักนิดๆแล้วเริ่มรู้สึกไม่ดีจนต้องเปลี่ยนบทสทนา
“งั้นจะไปดูให้หละกันพอมีอะไรที่ทำให้นายกินได้บ้าง” รุนพูดก่อนจะเดินเข้าครัวไป แต่ก่อนที่เขาจะเดินออกจากห้องนั่งเล่น
“นี่” คนตัวเล็กส่งเสียงออกมาเป็นเหตุให้ร่างสูงส่งเสียงตอบกลับว่า ห๊ะ “ฉันชื่อ เฟเซ่ สกาเล็ต...แล้วนายหละ?” เขาถามอีกฝ่ายกลับถึงแม้ตาจะมองดูทีวีก็เถอะ
“...รุน ยูกิโนะ รุน” เขาพูดแค่นั้นแล้วเดินเข้าห้องครัวไป
“อืม รุน...” คนตัวเล็กอย่างแผ่วเบาก่อนจะใช้นิ้วแตะริมฝีปากของตัวเองเบาๆ “งือ...หิว~” แต่ดูเหมือนเรื่องกินจะสำคัญกว่าเพราะความหิวทำให้นิสัยเขาเปลี่ยนได้
และไม่นานมากนักเฟเซ่ก็เริ่มได้กลิ่นหอมๆโชยมาจากห้องครัว เป็นเหตุให้ร่างเล็กนั้นต้องเดินตามกลิ่นไปเขาได้ว่าพอตื่นเช้ามาเขาก็รีบออกจากบ้านโดยให้คนขับรถมาส่งแค่ครึ่งทางส่วนอีกครึ่งทางก็หาทางมาเอง ยังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เช้า
“กลิ่นหอมจัง~” คนตัวเองพูดขึ้นอย่างเผลอๆก้มันหอมจริงๆนี่ “นายทำอะไรอ่ะ น่ากินจัง~” เขาพูดอย่างกะเด็กๆที่กำลังรออาหารจากคุณแม่แหนะ
“หือ~ ก็สตูไก่ อุด้งและก็โคร้อกเกะไงหละ” รุนพูดก่อนจะตักสตูไก้ราดหน้าข้าวอย่างน่าอร่อย “ก่อนอื่นต้องกินสตูไก่และโคร้อกเกะก่อนนะ แล้วค่อยตามด้วยอุด้ง” รุนวางอาหารทุกจานไว้บนโต๊ะ “กินตามสบายนะ” เขาบอกกับคนตัวเล็ก
“น่าอร่อยจัง~” เฟเซ่พูดก่อนจะรีบเดินเข้ามานั่งที่โต๊ะอาหาร “ทานหละนะครับ” เขาพูดก่อนจะเริ่มตักสตูเข้าปาก “อะ อร่อยง่ะ~” เฟเซ่พูดออกมาอย่างมีความสุข สตูที่คนร่างสูงทำมันอร่อยจริงๆยิ่งมีข้าวมาเสริมด้วย “งั่ม ว้าว อันนี้ก็อร่อย” เขาลองกินโคร้อกเกะแล้วมันก็อร่อยมาก
คนร่างสูงที่นั่งมองท่าทีของอีกฝ่ายตั้งแต่ต้นก็ถึงกับยิ้มออกมา พอมองดีๆก็เด็กน้อยธรรมดานี่เอง ไม่น่าจะเก่งเรื่องต่อสู้เลยยย
“อ่ะ นายไม่กินหรอ?” คนตัวเล้กพึ่งรู้สึกตัวว่ามีคนมองอยู่เลยถามคนตรงหน้าแบบพอเป็นพิธี
“ไม่หละ ฉันไม่หิวนี่” ร่างสูงยิ้มก่อนจะ อ่อ แล้วขำออกมา “นี่นาย 555” เขาเอานิ้วเข้าไปใกล้ริมฝีปากเล็กก่อนจะปาดเอาซอสที่เปื้อนปากคนตัวเล็กออก “ปากเปื้อนนะ อย่างกะเด็กๆแหนะ” ร่างสูงยิ้มก่อนจะมองหน้าคนตัวเล็ก แต่พอสังเกตดีๆเอ๋ ทำไมหน้าอีกฝ่ายแดงๆหว่าา
“นะนี่นาย” คนตัวเล็กเริ่มพูดอะไรออกมา “มะ ไม่มีงานอะไรรึไง” เขาเริ่มพูดแควะออกมาทั้งๆที่หน้าแดง “ถะถ้าไม่กินข้าวก็ออกไปสิ ไปห้องนั่งเล่นนู้น” เขาพูดเสียงสั่นอาจเป็นเพราะเขาเริ่มหงุดหงิดหรือ...เขิน?
รุนก็ไม่ค่อยเข้าใจคนตัวเล็กนักหรอก เมื่อกี้เขาแอบหงุดหงิดนะที่โดนไล่แต่... “ไปก็ได้” แค่แปปเดียวเขาก้รู้แล้วว่าเพราะอะไรเขาเลยยิ้มแล้วยอมทำตามที่คนตัวเล็กบอก เขาเดินออกมาแล้วก็เข้าไปนั่งบนโซฟาที่ห้องนั่งเล่น วันนี้เขายังไม่ได้นอนกลางวันเลยแฮะ
เวลาผ่านไปสักพัก....แต่ไม่นานมากหรอก คนตัวเล็กก็ซัดอุด้งหมดแล้วเอาจานไปล้างให้เรียบร้อย รับรอง....ว่าไม่สะอาดมากนักหรอก แต่ทำไงได้มาอาศัยข้าวบ้านเขาไอ้เราก็ต้องเกรงใจบ้างหละ พอล้างไม้ล้างมือเสร็จคนตัวเล้กก็เดินกลับมาในห้องนั่งเล่น
“นี่ อ่ะ” เขากำลังจะเรียกคนร่างสูงแต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นคนร่างสูงนอนอยู่บนโซฟา เขาค่อยๆเดินเข้าไปอย่างเงียบ “อ้าว หลับแล้วหรอเนี่ย?” คนตัวเล็กมองคนที่นอนบนโซฟาอย่างสบายใจโดยปล่อยให้ใครไม่รู้เดินอยู่ในบ้าน ไม่ระวังตัวเอาซะเลย “หะ ห้าวว” พอมองแล้วไอ้เราก็ง่วงนอนด้วยเลยเชียวว....
.
.
เวลาผ่านไปนานมากจนตอนนี้พระอาทิตย์ตกดินแล้ว ใกล้ได้เวลาอาหารเย็นแล้ว “อึก...อืมม” ร่างสูงเริ่มรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเพราะความเคยชินที่ต้องทำอาหารเย็น ต่อให้หลับเป็นตายยังไงเขาก็ต้องตื่น แต่... “หือ?” เขาก็รู้สึกถึงอะไรหนักๆที่แขนข้างซ้าย
“หือ...อะไรหละนั่น?” เพราะพึ่งตื่นทำให้ภาพที่เห็นนั้นมันมัวๆเขากระพริบตาหลายครั้งพยายามจ้องไปที่อะไรสักอย่างที่อยู่ข้างๆเขา “หือ? อ่ะ” แล้วเขาก็ได้คำตอบ นั่นก็คือเด็กผู้ชายตัวเล็กที่กำลังนอนหลับปุ๊ยข้างๆเขานั่นเอง “เฮ้ย อ่ะ” เขาเกือบจะส่งเสียงให้เด็กข้างๆตื่น แต่มือไวกว่าเขารีบเอามือปิดปากทันทีเพราะกลัวคนตัวเล็ตื่น
“เอาไงหละเนี่ย?” เขาพูดพร้อมกับมองใบหน้าไร้เทียงสาของอีกฝ่ายก่อนจะค่อยๆขยับเอามือออกแล้วลุกขึ้นจากโซฟาช้าๆแล้วค่อยๆเดินออกจากห้องนั่งเล่น
“วันนี้สนุกมากเลยนะครับ” เสียงหวานคุ้นหูได้ยินเบาๆมาแต่ไกลทำรุนหันหลังไปมองประตูหน้าบ้าน ‘คงกลับกันมาแล้วสินะ’ “อืม สนุกมากจริงๆแหละ” เสียงทุ้มคุ้นหูอีกคนคนนี้ก็ทำเขาเหนื่อยใจเหมือนกัน ‘จะบอกยัไงหละเนี่ย เฮ้อ’
แอ๊ด ปัง
“อ้าว พี่? มารอหรอครับ?” เอวิสที่เดินเข้ามาทำหน้าสงสัยว่าทำไมพี่ชายของตนถึงได้มาอยู่หน้าบ้าน
“อ่ะ เอ่อ คง...ประมาณนั้นแหละ” รุนไม่รู้จะตอบไง เขาแถไม่ถูกก่อนจะหันไปมองเฟซ่าที่ยืนอยู่ข้างๆน้องเขา “เอ่อ เฟซ่า...คือ” จะบอกยังไงดี
“มีอะไรหรอครับ?” เฟซ่าถามด้วยคำสุภาพ เป็นครั้งแรกนะเนี่ยที่รุนจะทักเขาก่อน
“คือว่านะ...วันนี้น่ะนะ” รุนทำท่าจะบอกดีไม่บอกดี เขาไม่รู้ว่าควรเริ่มจากตรงไหนก่อนและไม่ทันทันจะได้พูดอะไรต่อก็...
“พี่ครับ?” เสียงหวานคุ้นหูของใครบางคนดังขึ้น สำหรับเฟซ่าแล้วเสียงนี้เป็นเสียงเดียวที่เขาไม่มีวันลืม
“เอ๊ะ!” เฟซ่าอุทานออกมาอย่างตกใจเมื่อได้ยินเสียงนี้ เขามองตรงไปที่รุนแล้วทำหน้าสงสัยก่อนที่รุนจะค่อยๆขยับตัวออกเพื่อให้เฟว่าได้เห็นใครอีกคนที่มารอเขาตั้งแต่เช้า ‘จัดการกันเองหละกันนะ’ รุนคิด
“พะ พี่ครับ” เฟเซ่พูดขึ้นเรียกคนตรงหน้าด้วยน้ำเสียงดีใจปนคิดถึง เขาแทบจะกลั้นน้ำตาไม่อยู่ “อึก” มะไม่อยู่จริงๆด้วย
“ฟะ เฟเซ่...” ร่างสูงที่ยืนอยู่หน้าประตูได้เรียกชื่อน้องชายของตัวเองด้วยความคิดถึงเช่นเดียวกัน ดวงตาที่แสนเป็นห่วงได้ถูกถ่ายทอดจากพี่ไปสู่น้อง
‘เอ๊ะ พี่ชาย...อย่าบอกนะว่า’ เอวิสตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขาได้แต่คิดในใจ ‘คนนั้นเป็น น้องชาย ของคุณเฟซ่า’
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ