พี่ครับๆ ผมยังเด็กอยู่ เป็นเมียพี่ไม่ได้หรอกครับ
เขียนโดย 13Neko
วันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2558 เวลา 15.52 น.
แก้ไขเมื่อ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2558 16.20 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) ไว้ใจ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ‘ผมอายุ15ครับ’ คำพูดนี้ยังคงติดอยู่ในหัวร่างสูงตลอดเวลาจนกระทั่งเอวิสออกไปซื้อของ แล้วเขามีหน้าที่เฝ้าบ้าน “เฮ้อ~” เขาเริ่มชักจะรู้สึกเบื่อๆแล้วสิ “เฟเซ่จะเป็นยังไงบ้างนะ” เขาพูดขึ้นแล้วภาพของน้องชายก็ผุดขึ้นมา เขามองไปรอบๆห้องนั่งเล่นแล้วก็สะดุดกับบ้างสิ่ง
“อ่ะ” เขาเห็นโทรศัพท์บ้านสีขาวที่วางอยู่บนโต๊ะ เขามองมันอยู่สักพักแล้วสมองก็คิดอะไรได้ขึ้นมาเขาตรงไปที่โทรศัพท์บ้านทันที “เอ๋ รู้สึกว่าจะเบอร์ 096-xxx-xxxx”
ติ๊ดติ๊ดติ๊ด ติ๊ดติ๊ดติ๊ด
“เอ๋~” เสียงหวานร้องขึ้นนิดนึงก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมา “เบอร์ใครน่ะ เบอร์บ้านด้วย” ติ๊ด “ฮัลโหล สวัสดีครับ” เฟเซ่พูดตอบด้วยคำสุภาพ ‘ฮัลโหล เฟเซ่’ เสียงทุ้มดังขึ้นทำเอาร่างเล็กที่นั่งอยู่ถึงกับสะดุดขึ้น
“ห๊ะ พี่ครับ! พี่ปลอดภัยดีใช่มั๊ยครับ พี่อยู่ไหนกันครับ เป็นอะไรมากรึเปล่าครับพี่!?” เฟเซ่ใส่คำถามมาไม่ยั้ง ทั้งดีใจตกใจและอื่นๆ
‘ใจเย็นๆนะ พี่ปลอดภัยดี’ เฟซ่าตอบเขากลับไปแค่นั้น เขายิ้มขึ้นมาขณะกำลังพูด ถ้าน้องชายเขาถามได้ขนาดนี้ก็คงสบายดีแหละ
“ครับพี่ แล้วพี่อยู่ที่ไหน ผมจะได้ไปรับ” น้องชายดีใจมากๆ เขาพยายามบอกให้พี่ชายบอกที่อยู่ของเขา
‘อ่ะ พี่คงกลับไปตอนนี้ไม่ได้’ เฟซ่าตอบกลับไปอย่างรวดเร็ว
“ทะทำไมหละครับพี่!?” เฟเซ่ถามกลับด้วยน้ำเสียงแปลกใจ
‘เอาน่า นะ แล้วก็อย่าบอกใครเด็ดขาดทั้งคุณพ่อและคุณแม่ ทุกๆคนเลย รู้กันแค่สองคนนะ’ พี่ชายที่แสนดี สั่งห้ามบอกเรื่องนี้ก็ใครเด็ดขาด
“ทะทำไม....” เฟเซ่ไม่เข้าใจในสิ่งที่พี่ชายบอกตน
‘ถือว่าพี่ขอ นะ รู้กันแค่สองคนนะ อย่าบอกใครเด็ดขาด สัญญากับพี่ได้มั๊ย?’ เฟซ่ายังคงพูดย้ำเช่นเคยและถามน้องชายกลับว่าเก็บเรื่องนี้ไว้ได้มั๊ย
“คะครับพี่ ผมสัญญาว่าจะไม่บอกใครครับ” เฟเซ่ให้คำสัญญากับพี่อย่างใจจริง
‘ขอบคุณนะ เฟเซ่’ เฟซ่ายิ้ม เขาสามารถไว้ใจน้องชายสุดที่รักคนนี้ได้
“ละแล้วเมื่อไหร่พี่จะกลับมาหละครับ?” เฟเซ่ยังคงถามอีก
‘สักพักน่ะ อ่ะ พี่คุยนานเกินไป งั้นแค่นี้ก่อนนะ’ คุยได้สักพักเฟซ่ารู้สึกได้ยินเสียงจากหน้าประตู สงสัยเอวิสคงกลับมาแล้ว
“ดะเดี๋ยวก่อนสิครับพี่” เฟเซ่พยายามรั่งไว้ แต่เหมือนจะไม่ได้ผล
‘ขอโทษนะเฟเซ่ แต่พี่ต้องไปแล้ว ไม่ต้องห่วงนะแล้วพี่จะติดต่อไปอีกที’ เฟซ่าพูดตัดบทแล้ววางสายไปในทันที
“พะพี่ครับ...อ่า วางไปซะแล้ว” เฟเซ่พูดอย่างเสียดายแล้วมองเบอร์โทรในมือถือ “แต่...ปลอดภัยสินะ อึก พี่ยังไม่ตายสินะ ดีใจ อึก จัง” เขาพูดด้วยน้ำเสียงดีใจแล้วร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจเหมือนกัน ในที่สุดก็เจอพี่แล้ว
.
.
.
หลังจากที่วางสายน้องชายไปได้สักครู่ ร่างเล็กๆของใครอีกคนที่พึ่งจะกลับเข้ามาหลังจากออกไปวื้อของ
“อ้าว คุณสการ์เล็ตทำอะไรอยู่ครับ?” เสียงหวานๆของเด็กตรงหน้าถามขึ้นในมือมีถุงขนมกับเนื้อบางส่วน เขาลืมบอกพี่ชายว่าซื้อเนื้อมาด้วย พอคิดได้เลยออกไปซื้อเอง
“อ่า เปล่าหรอก แล้วนั่น...?” ร่างสูงตอบแล้วหันไปมองถุงเป็นเชิงว่า ซื้อมาทำไม
“อ่า นี่หรอครับ ถึงจะกะทันหันไปหน่อย แต่ผมคิดว่า พรุ่งนี้จะทำเนื้อย่างน่ะครับ” เขาพูดพร้อมยิ้มหวานให้กับร่างสูงตรงหน้า ‘อ่า รอยยิ้มนั่น’ เฟซ่าแอบคิดว่า รอยยิ้มของเด็กๆเนี่ยช่างสดใสจังเลยนะ
“อ่าอืม ก็ดีนะ” เฟซ่ายิ้มกลับแล้วค่อยเดินตามหลังร่างเล็กเข้าไปในห้องครัว “มีอะไรให้ฉันช่วยมั๊ย?” เขาถามร่างเล็ก ก็มาอาศัยบ้านเขาแล้วก็ต้องช่วยเขาด้วยสิ
“อ่อ ไม่เป็นไรครับ คุณสการ์เล็ตเป็นคนป่วย เพราะฉะนั้นอยู่เฉยๆนะ แผลจะได้หายไวๆ” ร่างเล็กพูดพร้อมดันตัวร่างสูงให้ออกจากห้องครัวไปยังห้องนั่งเล่น แต่ดูเหมือนจะเป็นร่างเล็กเองที่ไม่ทันระวังเผลอไปสะดุดกับอะไรเข้า “หวา!”
ร่างสูงไวต่อเสียงมาก เขารีบหันหลังแล้วรับตัวร่างเล็กไว้ แต่เหมือนเขาจะลืมเรื่องแผลที่แขนไปเป็นเหตุเขาล้มลงไปด้วย “อ่ะ!” ตุบ ... เอิ่มด้วยเหตุบังเอิญหรือไร ทันทีที่ทั้งคู่ล้มไปเป็นจังหวะเดียวกันกับรุนที่เปิดประตูเข้ามาแล้วพบว่า
“พวก...นาย...” ภาพที่เขาเห็นตรงหน้าคือ ร่างแกร่งที่เป็นผู้บาดเจ็บได้นอนคร่อมอกแนบชิดกับน้องชายของเขาอยู่ แล้วทั้งคู่....กำลัง จูบ(?) กัน “พวกนายทำอะไรกันนน?”
.
.
“มะมันเป็นอุบัติเหตุจริงๆนะครับ ผมสะดุดอะไรไม่รู้แล้วคุณสการ์เล็ตก็พยายามช่วยผม จนล้มลง-” “พอๆได้แล้ว” เอวิสพยายามอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ดูเหมือนพี่ชายของตนจะไม่อยากฟังท่อนต่อไปเลยบอกให้น้องชายของตัวเองหยุดพูด
“ขอโทษนะครับ ผมลืมไปว่าผมมีแผล ร่างกายขยับไปเองจริงๆครับ” ร่างสูงที่ดูเหมือนจะแอบเป็นต้นเหตุได้กล่าวขอโทษคนที่นั่งคุมขมับอยู่ตรงหน้า ‘ร่างกายขยับไปเอง!?’ รุนคิด
“เอาหละๆ ถ้าเป็นอุบัติเหตุก็ช่างมันเถอะ” ปากบอกช่างมันแต่ตานี่จ้องผู้บาดเจ็บเขม่งเชียว “ฉันเริ่มหิวแล้วสิ” รุนพยายามเปลี่ยนเรื่องจะได้ไม่เครียดหนัก
“อ่อ งะงั้นผมไปทำข้าวเย็นก่อนนะครับ” เอวิสพูดขึ้นแล้วรีบเดินเข้าครัวทันที
“งั้นผมไปช่ว-”“นายนั่งอยู่นี่แหละ” ก่อนที่ผู้บาดเจ็บจะได้พูดจบ รุนได้รีบพูดแทรกขึ้นทันทีสายตาของเขาอย่างกะเสือที่กำลังจ้องจับผิดงั้นแหละ (เอ๊ะ แปลกๆเนอะ) เมื่อเฟซ่าเห็นอย่างงั้นก็คงจะปฏิเสทไม่ได้ “คะครับ...”
ณ.18.00น.
“ทานแล้วนะครับ~” ทั้งสามคนเริ่มรับประทานอาหารเย็น โดยที่สองพี่น้องกินข้าวกันตามปกติ ส่วนอีกคนก็ต้องกินข้าวต้มไปเพราะยังบาดเจ็บอยู่เลยต้องกินอาหารอ่อนๆ
“เอิ่ม ไม่อยากขัดหรือคุยตอนทานข้าวหรอกนะ” รุนเกริ่นขึ้นมา “แต่...ฉันอยากรู้ว่านายเป็นใคน? แต่นั่นก็ไม่สำคัญเท่ากับ นาย จะไปจากที่นี่เมื่อไหร่?” รุนพูดออกมาตรงๆไม่มีอ้อม ทำเอาน้องชายที่นั่งทานข้าวอยู่ข้างๆถึงกับสะอึก
“พะพี่ครับ พูดอะไรน่ะ เขายังบาดเจ็บอยู่นะ” เอวิสพยายามพูดกับพี่เรื่องแผลของร่างสูง
“ก็ใช่ว่าเขาไม่มีครอบครัวนี่” รุนพูดตรงอีก ใช่ ถึงเขาจะบาดเจ็บแต่เขาก็มีครอบครัวความจำก็ไม่ได้เสื่อม
“....ผมรู้ว่าที่ผมอยู่นี่มันอาจจะสร้างความเดือดร้อนให้คุณ” ร่างสูงวางช้อนแล้วเริ่มพูดออกมา
“มะไม่ ไม่ใช่แบบ-”“อืม ไม่ใช่แบบนั้น มันก็ไม่ได้ลำบากซะเท่าไหร่หรอกที่จะมีคนมาเพิ่ม” รุนพูดแทรกน้องชาย “แต่ ฉันแค่สงสัยว่าทำไมนายไม่โทรไปหาที่บ้านให้มารับ นายไม่ได้ความจำเสื่อมใช่มั๊ยหละ” กัดเต็มที่
“.....” ร่างสูงถึงกับเงียบ เขาไม่สามารถนำคำพูดแก้ตัวอันมาใช้ได้เลยจนเอวิสเริ่มทนไม่ไหว “พอได้แล้วครับพี่ ถ้าเขาหายเราค่อยว่ากันอีกทีนะครับ” เอวิสพูดตัดบท สรุปเอาเอง
“แต่ว่านะ-”“ไม่ มี แต่!” ก่อนที่พี่ชายจะได้พูดอะไร น้องชายในบทปีศาจร้ายทำหน้าตาน่ากลัวจ้องพี่ชายของตนแล้วพูดเน้นๆชัดๆสามคำ จนทำให้รุนถึงกับกลืนคำพูดที่พูดไปลงคอทันที “อ่ะ...อ่า...”
หลังจากรับประทานข้าวสร็จ รุนก็ได้ขอตัวไปอาบน้ำทันทีแล้วน้องชายผู้แสนใจดีก็เข้าไปล้างจานในครัว ส่วนผู้ป่วยเมื่อเห็นรุนเข้าห้องของตัวเองไป ก็ค่อยๆเดินเข้าไปในครัว
“ขอบคุณนะ” ร่างสูงพูดขึ้นเมื่อเข้าไปถึงห้องครัว
“เอ๊ะ อ่าครับ 555” เอวิสหันหลังมามอง “ถึงพี่จะดูจิกกัดไปหน่อย แต่เขาก็เป็นคนดีนะครับ”
“อืม ฉันรู้ พี่นายเป็นห่วงนาย” ร่างสูงพูดขึ้นอีก “ก็ฉันมันคนนอกนี่นะ ยังไงก็ต้องระวังไว้หละนะ”
“เอ๋ แต่ผมไม่คิดงั้นนะครับ” เอวิสพูดขึ้นแล้วหันไปล้างจานต่อ ทำให้ไม่เห็นใบหน้างงๆของร่างสูง “ก็คุณน่ะ ถ้าเป็นคนไม่ดีจริงคงจะทำร้ายตั้งแต่พี่ออกไปข้างนอกแล้วหละครับ จะว่าไงดีหละ” ยิ่งพูดก็ยิ่งทำให้ร่างสูงไม่เข้าใจ “เอาเป็นว่าผมไว้ใจคุณนะ”
คำพูดที่ดูใสซื่อของร่างเล็กทำให้ร่างสูงอดยิ้มไม่ได้จน “อ่ะ” ร่างเล็กรู้สึกถึงอ้อมแขนที่กอดเขาจากด้านหลัง “เอ๋ คุณสการ์-”“เฟซ่า เรียกฉันว่าเฟซ่า” ร่างสูงพูดแทรกขึ้นมา บอกให้ร่างเล็กเรียกเขาด้วยชื่อต้น
“ขอบคุณนะที่ไว้ใจฉัน” ร่างสูงพูดขึ้นพร้อมรอยยิ้ม เขาไม่เคยเจอใครที่ใจดีแบบนี้มาก่อน
“ฮ่าฮ่า งั้นก็ต้องเรียกผมว่าเอวิสด้วยนะครับ” ร่างเล็กพูดขึ้นพร้อมยิ้มหวานๆ เขาดีใจที่ได้เป็นมิตรกับร่างสูง
......... “เฮ้อ เมื่อยจังนะ” แต่บรรยากาศต้องเปลี่ยนไปเมื่อเสียงทุ้มของคนที่พึ่งอาบน้ำเสร็จได้ดังมาแต่ไกล เป็นเหตุให้เฟซ่าต้องรีบปล่อยร่างเล็กทันทีแล้วเดินออกจากครัวอย่างเร่งด่วน ‘จะอาบน้ำไวไปมั๊ยย’ เฟซ่าคิด
หลังจากที่ร่างสูงเดินออกไป ร่างเล็กๆที่กำลังวางจานใบสุดท้ายเข้าที่ ได้เผยรอยยิ้มหวานขึ้นมา ไออุ่นจากการกอดเมื่อกี้ยังคงทำให้เอวิสรู้สึกอยู่ ไม่รู้ทำไมถึงได้ยิ้มไม่หยุดแบบนี้รู้แค่ว่ามีความสุขยังไงอย่างบอกไม่ถูก ‘แปลกจังแฮะ ^^ ’
.
.
.
ณ.คฤหาสถ์สการ์เล็ต
“อืม...อืมๆ ขอบคุณนะครับ” เสียงหวานๆได้กล่าวขอบคุณคนที่กำลังคุยด้วยทางมือถือก่อนจะวางสายไป “ในที่สุด ก็รู้สักที” เสียงของเฟเซ่พูดขึ้นพร้อมมือเล็กๆที่กำลังกดมือถืออยู่
“หือ....ที่นี่น่ะหรอ?” เฟเซ่พูดเมื่อเห็นรูปแผนที่ที่แสดงที่ที่หนึ่งขึ้นมา “ผมจะ....ไปหาพี่นะครับ พี่เฟซ่า” คนตัวเล็กพูดขึ้นมา เขารู้แล้วว่าพี่ชายของตนอยู่ไหน แล้วพรุ่งนี้เขาจะไปหาพี่ชาย ด้วยตัวของเขาเอง
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ