คำหอม

-

เขียนโดย Bush

วันที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2558 เวลา 10.54 น.

  6 ตอน
  0 วิจารณ์
  8,769 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 17 กันยายน พ.ศ. 2558 11.28 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

4) เสี่ยงเทียน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
แจคนั่งนิ่งสงบใจแบบคริสต์เมื่อนึกถึงผู้หญิงแก่คราวยายกว่าเจ็ดสิบปีที่ชื่อมณีแม่แท้ ๆ ของปารมีที่พยายามโทรติดต่อเพื่อสานสัมพันธ์ครั้งใหม่กับแจค
 
"หมูอยากคบหากับคุณเพราะหมูอยากมีเพื่อนคอยช่วยกันคิดเวลามีปัญหามีความไม่สบายใจแต่แม่มณีของหมูเค้าก็ยังงั้นอย่าไปใส่ใจว่าแต่ว่าคือหมูอยากไปช่วยงานที่บริษัทของคุณเพราะมันก็ของหมูด้วย..."
 
ปารมีพยายามพูดหว่านล้อมให้เห็นความสำคัญของเธอแต่แล้ววันนั้นเองแจคได้พบยายมณีแม่ของปารมีทำเอาแจคนิ่งอึ้งคิดไม่ถึงว่านี่คือภาพชีวิตของผู้หญิงไทยที่ต้องการหาผู้ชายเป็นหลักเกาะและต้องเป็นถึงระดับนี้คือพระเจ้าแผ่นดินหรือคิงส์องค์ที่สิ้นชีวิตไป
 
"คือแม่เป็นพระคู่หมายของท่านแม่แค่ราดหน้าอีเนโกะด้วยน้ำยาล้างห้องน้ำแค่นั้นเพียงสั่งสอนว่าอย่ามาแย่งความรักจากหมูลูกสาวของแม่เหมือนที่แม่เคยโดนทำร้ายน้ำใจมาแล้วจนซมซานไม่มีแม้แต่หลักฐานใด ๆ บัตรประชาชนยังไม่มีเลยลูกเอ๋ย"
 
ย้อนกลับมาพิจารณาเพราะแกไปทำร้ายเอายาขับเลือดใส่ให้ลูกของฝรั่งลูกครึ่งที่มีหน้าต้าละม้ายท่านทำเอาทารกออกมาพิการแต่ชายฝรั่งลูกครึ่งคนนั้นได้สารภาพกับสาธารณชนนานมาก ๆ แล้วว่าใส่เองก่อนเพราะไม่อยากได้ลูกพอเห็นยายเด็กมณีนี่ไม่ค่อยเต็มเต็งเลยแกล้งยุให้ใส่ซ้ำให้ออกมาให้ได้   ผลเลยอย่างที่เห็นแต่ยายมณีแกไม่โทษความเพ้อเจ้อไร้สาระของตัวแกเอง และพอลูกสาวคนแรกออกมาหน้าคล้ายคุณผู้หญิงที่ชื่อเนโกะ เหตุผลก็เพราะคุณสมอหรือเนโกะเป็นลูกผู้พี่ของคุณเสงี่ยมคือ  แม่แท้ ๆ ของผัวยายมณีหรือพ่อแท้ ๆ ของเขามันย่อมต้องคล้ายกันเป็นเรื่องปกติ แต่ยายมณีและปารมีต่างหากที่สามานย์และไม่ปกติเดรัจฉานม้ากแจคด่าหลายทีแล้วทั้งแม่ทั้งลูกแต่ไม่เข็ดยังพยายามตอแยต่อ
 
"เวลาผมไปโบสถ์ผมจะสารภาพบาปต่อหน้าพระเจ้าแต่นี่เป็นวัดไทยผมก็ขอสารภาพบาปต่อหน้าพระพุทธแล้วกันคร้าบ" แจคพลางเอ่ยคำสารภาพบาปนานาในใจน้ำตาไหลพรากด้วยความเสียใจอย่างแท้จริง "ชาติหน้ามีจริงขอผลบุญช่วยผมอย่าให้เจอสภาพชีวิตแบบนี้อีกสาธุคร้าบ"
 
เพลงเกริ่น
ปู่กระสันถึงไก่   ในไพรพฤกษ์ปู่รำลึกถึงไก่ไก่ก็มา   บ่ฮู้กี่คณากี่หมู่ปู่เลือกไก่ตัวงาม   ทรงทรามวัยทรามแรง
เพลงลาวจ้อย
สร้อยแสงแดงพระพราย   ขนเขียวลายระยับปีกสลับเบญจรงค์   เลื่อมลายยงหงสะบาทขอบตาชาดพะพริ้ง   สิงคลิ้งหงอนพรายพรรณขานขันเสียงเอาแต่ใจ   เดือยหงอนใสสีระรองสองเท้าเทียมนพมาศ   ปานฉลุชาดทารงค์ปู่ก็ใช้ให้พี่ลง   ผีก็ลงแก่ไก่ไก่แก้วไซร้บ่มิกลัว   ขุกผกหัวองอาจผาดผันตีปีกป้อง   ร้องเรื่อยเฉื่อยฉาดฉานเสียงขันขานแจ้วแจ้ว   ปู่สั่งแล้วทุกประการบ่มินานผาดโผนผยอง   ลงโดยคลองคะนองบ่หึงครั้นถับถึงพระเลืองลอ   ยกคอขันขานร้องตีปีกป้องผายผัน   ขันเรื่อยเจื้อยไจ้ไจ้แล้วใช้ปีกไซ้หาง   โฉมสำอางสำอาดท้าวธผาดเห็นไก่ตระการ   ภูบาลบานหฤทัยคำร้องคัดมาจากวรรณคดีเรื่อง ลิลิตพระลอ สันนิษฐานว่า อาจแต่งในสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถหรือสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เป็นตอนที่ปู่เจ้าเขาเขียวสั่งให้ไก่แก้วไปล่อพระลอมาเพื่อให้พบกับพระเพื่อนพระแพง
 
"พระลอต้องมนต์ดำเสน่ห์ยาแฝดฉันใด คุณต้องระวังฉันนั้นเพราะเค้าเรียกว่ายาสั่งในสมัยนี้" เสียงคนขายข้าวแกงที่แจคเพิ่งนั่งรับประทานจนหมดจานแล้วจ่ายสตังค์ให้แกไปสามสิบบาทแต่แกบอกว่าแค่ยี่สิบห้าบาทให้รอตังค์ทอน "ทิปให้พี่นะคร้าบห้าบาท" แจคพูดเพราะชอบใจในอัธยาศัยน้ำใจไมตรีที่พี่ผู้ชายคนขายข้าวแกงที่ตลาดแบกะดินแบบชนบทผู้นั้นแกมี แจคเดินทางกลับไปโรงแรมที่พักพลันทำท่าเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้บางอย่างและหลาย ๆ อย่าง
 
"เออนี่น้องคือพี่ให้ร้อยหนึ่งช่วยไปซื้อไก่ต้มเอาสักครึ่งตัวไม่ต้องสับแล้วขอเหล้าขาวเอาถูกๆหน่อยก็ดีน่าจะพอนะคร้าบ"
 
แจคพูดพลางส่งเงินให้กับเด็กตัวเล็ก ๆ ที่เดินป่วนเปี้ยนอยู่ที่นั่นเพราะจำได้ว่าไอ้หนูน้อยนี่เป็นหลานคนขายข้าวมันไก่ที่ตลาดบ้าน ๆ เมื่อสักครู่ที่ตนเองเดินออกไปแน่นอนหนูน้อยรีบรับเงินแล้ววิ่งเร็วรี่ตรงปรี่ไปหาย่า สักพักเด็กน้อยหิ้วไก่ต้มครึ่งตัวและสุรายี่สิบแปดดีกรียี่ห้อบางยี่ขันพลางยื่นส่งให้
 
"นี่ครับลุงไก่และเหล้าขาวและก็นี่เงินทองสิบบาทครับ" แต่แจคยิ้มพลางบุ้ยใบ้ให้ "ทิปให้เอ็งค่าเดินแกว่ง"
 
เด็กน้อยยิ้มหัวเราะชอบใจยกมือไหว้ตามแบบธรรมเนียมไทยแท้พลางเอาเหรียญสิบบาทใส่ในกระเป๋ากางเกงนักเรียนเก่า ๆ สีดำมอ ๆ ด้วยนิ้วมือป้อมอ้วนกลมของเจ้าตัวยิ้มหน้าแป้นแล้นเลยทีเดียว
 
แจคหันรีหันขวางสักพักเอากล่องโฟมสีขาวฉีกแบ่งครึ่งวางไก่ซีกหนึ่งอีกซีกหนึ่งแจคเหวี่ยงใส่ถังขยะใกล้ ๆ วางขวดเหล้าที่เปิดฝาออกแล้ว เดินตรงไปที่ศาลพระภูมิของโรงแรมยกมือไหว้หยิบธูปมาหนึ่งดอกจุดด้วยไลเตอร์ของตนเอง แล้วยกมือกระพุ่มไหว้
 
"ทำไงได้ไม่ได้ด้วยกฎหมายถูกต้องก็ต้องนี่เลยคาถาอาคมโอมแม่จ้อยคร้าบช่วยให้แจคสามารถทำงานรวบรวมหลักฐานต่างๆนานาทุกสิ่งที่แจคเพียรทำให้จับคนร้ายได้เพื่อให้คนไทยและคนทั่ว ๆ โลกรอดพ้นสาธุ ส่วนไอ้แจคจะเป็นจะตายยังไงช่างหัวไอ้แจคคร้าบเสือกเกิดมามีกรรมติดตัวมา สาธุ"
 
ฟองดูยืนหน้านิ่วคิดไม่ถึงว่าวันนี้ตัวเขาและกำไรจะต้องมานั่งให้ปากคำเกี่ยวกับเรื่องราวในบริษัทเพลงดังโซนี่มิวสิค “คิดว่าคงมิสเตอร์ฝรั่งเจ้าของบริษัทฯนะคะพี่ตำรวจแอบส่งหลักฐานมาความจริงเรื่องที่แกทำร้ายพี่สาวคนนั้นก็เป็นเพราะอารมณ์โกรธชั่ววูบ”
 
“แกเครียดเรื่องที่แม่แกยังจำต้องหลบซ่อนครับพี่แล้วผู้หญิงก็แบบนี้กันหมดไม่เฉพาะที่ไทยฝรั่งเองก็ด้วย...” เจ้าหน้าที่ตำรวจนั่งฟังด้วยท่าทีสงบในใจพาคิดคล้อยตามแต่ไม่กล้าพูดอะไรออกมาด้วยกำลังปฏิบัติหน้าที่สอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องแวดล้อมทั้งหมด
 
พลตรีอาทิตย์ วงศ์สวรรค์นั่งคอตกแม้วัยชรากว่าเก้าสิบแต่ท่าทียังดูสง่างามทะมัดทะแมงท่านสารภาพทุกข้อกล่าวหาด้วยน้ำตานองหน้า
 
“ผมยอมรับว่าในวัยหนุ่มแน่นไม่คิดหน้าคิดหลังให้ดีกว่านี้ แต่ทุกสิ่งที่น้องพูดมานั่นแหล่ะพี่ทำเองกับมือทั้งหมดพี่ไม่โทษใครส่วนไอ้ท่านชายเล็กมันรู้มาแต่เด็กแล้วว่ามันเป็นลูกพี่แต่มันตายไปแล้วพี่พยายามฆ่ามันแต่มันดันหนีออกไปสามสี่วันเห็นจะได้แล้วกลับมาในสภาพเป็นศพถูกยิงขมับซ้ายตายด้วยฝีมือฝรั่งมันยิงทิ้งแล้วนำซากมาทิ้งหน้าโรงแรมที่ไอ้แจคมันมาเช่าพักตัวพี่เองก็อาศัยอยู่ที่นั่นแต่พี่แก่มากแล้วอะไรเป็นรายได้บ้างก็เอาไว้ก่อน ศพไอ้เล็กลูกชายพี่ พี่แอบเก็บไว้ในซองใส่ศพของวัดริมโขงเดินออกไปด้านข้างโรงแรมนั้นแหล่ะไปหาดูมีเหลืออยู่ศพเดียวศพอื่นเค้าเผากันหมดแล้วคิด ๆ แล้วก็น่าสงสารไม่รู้จะช่วยมันยังไงเป็นพ่อมันแต่ดันพามันมาทางผิดเข้าป่าเข้ารกจนตายอนาคตไม่มีกับใครเค้าเลย”
 
ท่านเล็กเคยนั่งรำพันเป็นกลอนภาษาลาว (ซำมะแจหมายถึงรำพันหรือซำมะหาในภาษาไทย) หรือโคลงวิสสุมาลี(กาพย์เจ็ด)ในภาษาไทยความว่า
 
ลาวอีสานแม่นคนไทย เพียงแต่ว่าบรรพบุรุษเป็นคนลาว
ปัจจุบันก็ยังปากลาว(เว้าลาว ใผสิว่าเว้าอีสานกะชาง)
และมีภาษาเขียนเป็นของตัวเอง เฮาผู้เป็นหลานเหลน ก็ควรรักษามันไว้
บ่แม่นว่า รักษาสมบัติเก่าเจ้าของแล้วจะบ่ฮักเมืองไทย
บ่แม่นเด้อค่ะ คนละส่วนกัน
ส่วนลาวอีสานท่านใด กระแดะ เว้าลาวอยู่แม๊บๆ กะยังมาดูถูกลาวนำกันนั้น
ก็ให้เซาสา พี่น้องเอย 
 
“ช่วยฆ่าให้หน่อยได้มั้ย ช่วยหน่อยเพราะไม่ไหวแล้วไม่งั้นมันตายในคุกแน่นอน”  เสียงแม่ใหญ่ที่นั่งขายข้าวมันไก่ตะโกนร้องเรียกฝรั่งแจค “มิสเตอร์ซอยแน่ ๆ” แรกเดินผ่านมาแจคให้งงงวยอะไรกันความซวยอะไรกันอีกฟ่ะ “อ้อได้เล้ยซอยแน่นอน” แจครับฆ้อนปอนของพ่อใหญ่ที่เคยรับจ้างทำงานก่อสร้างและซื้อหามาไว้ใช้เองบ้างด้วยสนนราคาฆ้อนปอนไม่ได้แพงอะไรมากถึงขนาดจับต้องไม่ได้แค่หลักร้อยไม่ถึงห้าร้อยบาทในสมัยก่อนเก่าหลายสิบปีพลางทำท่าพญาเพชฌฆาตอุสเรนผู้ทรงฤทธิ์ง้างมือหมายฟาดฆ้อนลงบนหัวกบาลพ่อของเจ้าหนูน้อยผู้เคยวิ่งไปซื้อไก่และสุราแบบไทย ๆ มาให้แจคได้บนบานบอกแก่แม่จ้อยให้ช่วยเหลือแจค
 
เท่านั้นแหล่ะเสียงแผงข้าง ๆ ก็ชิงกันบอกเล่าความเลวของหนุ่มใหญ่ผู้หลงผิดติดยาเมายาทีทุบตีพ่อแม่ลูกเมียจนแม่ของหนูน้อยจำต้องหนีซมซานไปหาที่หมายใหม่เอาดาบหน้าและทิ้งลูกน้อยไว้ให้ปู่ย่าด้วยความไว้วางใจว่าจะสามารถเลี้ยงดูลูกรักได้ดีกว่าตนเอง
 
 “ฆ่ามัน ๆ ๆ”
 
ไอ้หนุ่มใหญ่ตกอกตกใจเพราะจำหน้าได้ถนัดถนี่ว่านี่มันลูกนายฝรั่งทำเอามันต้องรีบจรลีแต่มิวายมองเหลียวหลังกลับมาอย่างอาฆาตแค้น “ฝากไว้ก่อนไอ้บักสีดากูจำเป็นต้องพึ่งไอ้ฝรั่งพ่อมึ้งไม่งั้นล่ะมึ้งเอ๋ย...”
 
 
.
 
 
 
 
 
 
 
 
.
 
 
 
 
 
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา