Sugar Lemon ♥ คุณชายกะล่อน มัดใจ ยัยจอมเพ้อ
10.0
เขียนโดย เมอิ
วันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2558 เวลา 23.12 น.
5 ตอน
0 วิจารณ์
8,701 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2558 00.06 น. โดย เจ้าของนิยาย
5) [Sugar Lemon ♥ 5 : คลื่น]
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความวันเข้าค่าย...
“ซาระ!!...ตื่นได้แล้วลูก วันนี้ลูกต้องไปเข้าค่ายไม่ใช่รึไง!?”
ซาระที่กำลังหลับเพลิน หลังจากได้ยินผู้เป็นแม่ตะโกนเรียก และพูดถึงวันเข้าค่าย ทำให้คน ที่กำลังงัวเงียอยู่บนเตียง ตาสว่างขึ้นมาทันที
“เอ๊ะ!!!...เข้าค่าย!!”
เธอพูดพลางรีบหันไปมองนาฬิกาที่อยู่ข้างเตียง ตอนนี้ก็เป็นเวลา 6.20 นาที ทำให้ซาระยิ่งเบิกตาโต เธอดันตัวขึ้นจากเตียงและวิ่งเข้าห้องน้ำในทันที เวลาผ่านไปไม่ถึงยี่สิบนาทีเธอก็แต่งตัวเสร็จเรียบร้อย เพราะใบหน้าใสและที่แก้มแรงระเรื่อ จึงไม่จำเป็นต้องแต่งหน้ากับทรงผมกระเซิงที่ไปทำบนรถก็ได้ เธอจึงข้ามการแต่งหน้าและทำผมไป ทำให้ช่วยย่นเวลาได้มากเลยทีเดียว เธอวิ่งลงบันไดมาเก็บกระเป๋าพร้อมที่ออกจากบ้านก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น…. ซาระรีบกดรับเพราะความรีบ
“ซาระจัง นี่ชั้นเองนะ...จะโทรมาถามว่าใกล้ถึงรึยังจ๊ะ”
“อิสึโกะเองเหรอ...กำลังรีบไปแล้วจ่ะ...ไม่ต้องห่วงนะ”
ซาระวางสายจากอิสึโกะเสร็จเธอรีบวิ่งออกจากบ้าน และวิ่งผ่านหน้าบ้านของฮิโตกิก่อนจะหันไปมอง ก็พบว่าบ้านของฮิโตกิเงียบสนิท ‘ตานั่นคงออกไปก่อนแล้วแน่ๆ’ ซาระคิดในใจพลางรีบวิ่งไปขึ้นรถไฟฟ้าพร้อมถือกระเป๋าเสื้อผ้าและสะพายเป้ที่ใส่ขนมไปด้วย...การเดินทางใช้เวลาประมาณสิบห้านาที ซาระที่รีบวิ่งมาจนเหนื่อยหอบ เธอมาถึงสนามหน้าโรงเรียนทันเวลาพอดี ห้องหนึ่งและห้องสองเข้าแถวกันพร้อมหน้าในเวลานัดเจ็ดโมง และกำลังรอรถทัวร์ออกในเวลาเจ็ดโมงครึ่ง
ซาระเดินมองหาอิสึโกะไปเรื่อยๆ...จนเจอกับอิสึโกะและยูตะที่กำลังยืนอยู่ด้วยกันพอดี
“อิสึโกะ!! ยูตะ!!...ชั้นมาสายไปหน่อย ขอโทษที่ทำให้ต้องรอนะ”
อิสึโกะที่ยืนอยู่กับยูตะ เธอหันมามองซาระพร้อมกับรอยยิ้มเล็กๆที่ดูน่ารักบนใบหน้าของเธอ รวมไปถึงยูตะที่หันมามองพร้อมรอยยิ้มเช่นกันก่อนจะพูดขึ้น
“ซาระไม่ได้เป็นคนเดียวที่มาสายหรอก...ฮิโตกิก็ยังมาไม่ถึงเลย”
“เอ๊ะ!?...จริงเหรอ ลองโทรหาดูมั้ย?....ใครมีเบอร์หมอนั่นบ้าง...ชั้นก็นึกว่ามาถึงแล้วซะอีก”
ซาระเริ่มแสดงอาการเป็นห่วงฮิโตกิขึ้นมาทันทีโดยที่เธอไม่รู้ตัว ทำให้อิสึโกะและยูตะหันหน้ามองกันเหมือนกับว่าทั้งสองกำลังคิดอะไรเหมือนๆกันอยู่
ปรี๊ดดดด!!!
เสียงอาจารย์ประจำชั้นเป่านกหวีดเป็นสัญญาณเพื่อให้นักเรียนต่อแถวขึ้นรถทัวร์ โดยขึ้นไปทีละคู่กับบัดดี้ของ แต่ละคน จนกระทั่งถึงคิวของซาระและอิสึโกะ ก่อนที่ซาระกำลังจะเดินขึ้นรถทัวร์ เธอมองออกไปข้างนอกถนน สายตาของซาระกำลังมองหาใครบางคน จนหันไปสังเกตเห็นยูตะกำลังยืนมองออกไปข้างนอกถนนเช่นกัน ทำให้เธอต้องถามขึ้น
“ยูตะไม่ขึ้นมาเหรอ...หรือว่ากำลังรอใครอยู่รึป่าว?”
“อื้ม...อาจารย์บอกให้รอบัดดี้น่ะ ไม่งั้นก็ขึ้นรถไม่ได้”
ปรี๊ดดดดด!!!
เสียงเป่านกหวีดของอาจารย์ประจำชั้นดังขึ้นอีกครั้งก่อนจะตะโกนเรียกเด็กหนุ่มร่างสูงที่กำลังเดินมาอย่างช้าๆ เหมือนกับว่าไม่ได้รีบร้อนอะไร ซึ่งต่างจากซาระที่รีบวิ่งมาจนเหนื่อยหอบ ซาระและยูตะหันไปมองตามเสียงตะโกนเรียกของอาจารย์ประจำชั้น
“นี่อย่าบอกนะว่าบัดดี้ของยูตะคุงคือ...ฮิโตกิ!!”
“อื้ม...ขอโทษนะที่ไม่ได้บอกก่อน”
อาจารย์ประจำชั้นยังคงเป่านกหวีดเรียกให้ฮิโตกิเร่งฝีเท้า แต่ก็ไม่ได้มีผลอะไรกับเขาแม้แต่น้อย ฮิโตกิยังคงเดินด้วยท่าทีปกติ ทำให้เด็กผู้ชายในรถเริ่มโวยวายกันใหญ่ แต่พวกเด็กผู้หญิงกลับนั่งมองฮิโตกิที่กำลังเดินมาด้วยใบหน้าที่ดูอมยิ้มบ้าง โบกมือบ้าง
“นี่ฮิโตกิ ทำไมถึงมาสาย!!!?? เธอมาสายเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้ว...ห๊ะ!!?...เพื่อนๆกำลังรอเธอคนเดียว แถมยังไม่รีบเดินมาอีก”
ฮิโตกิที่โดนอาจารย์บ่นอยู่แบบนั้นจึงสวนกลับไปด้วยความหงุดหงิดตามนิสัยของเขา
“อย่างแรก!! ขาผมเจ็บอยู่...อย่างที่สอง!! รถออกเจ็ดโมงครึ่ง แล้วนี่ก็เจ็ดโมงครึ่ง...ผมจะขึ้นรถได้รึยังครับ?”
อาจารย์ประจำชั้นยืนอึ้งกับคำตอบของฮิโตกิและเถียงไม่ออก เพราะถ้าเถียงกับฮิโตกิ รับรองว่าคนขวางโลกอย่างฮิโตกิคงต้องเถียงกลับทุกคำหรือไม่ก็ยืนเงียบๆทำเป็นหูทวนลมตอนที่อาจารย์กำลังพูดอยู่เป็นแน่ เพราะฮิโตกิเป็นแบบนี้มานานแล้ว อาจารย์ประจำชั้นจึงไม่ใส่ใจอะไร
ฮิโตกิที่ยืนมองอาจารย์อยู่และไม่ได้รับคำตอบจากอาจารย์ จึงค่อยๆเดินผ่านไป เขาก้าวขึ้นรถทัวร์อย่างช้าๆ ส่วนซาระและยูตะที่ยืนอยู่ข้างๆอย่างเงียบเชียบก็เดินตามขึ้นมา
….
“เกิดอะไรขึ้นเหรอจ๊ะ”
อิสึโกะถามซาระที่กำลังนั่งลงตรงเบาะข้างๆด้วยความสงสัยและดูเป็นห่วง
“ไม่มีอะไรหรอกจ่ะ...ก็แค่หมอนั่นกวนโอ๊ยอาจารย์น่ะ”
อิสึโกะที่ได้ยินซาระพูดแบบนั้นจึงหลุดขำออกมาเล็กน้อย ทำให้ซาระที่หันไปมองอมยิ้มตามไปด้วย ทั้งสองคุยเรื่อยเปื่อยตามประสาเด็กสาว ส่วนฝั่งเก้าอี้ตรงข้ามที่มียูตะและฮิโตกินั่งอยู่กลับเงียบเชียบ ยูตะได้แต่นั่งก้มอ่านหนังสือที่พกติดตัวมา ส่วนฮิโตกิก็เอาหัวพิงกระจกหลับไปตั้งแต่ล้อเริ่มเคลื่อน
.....
..........
หลังจากที่นั่งรถมาสามชั่วโมงก็มีเสียงอาจารย์ประจำชั้นดังขึ้น
“อ่าวนักเรียนทุกคนอีกสิบนาที เตรียมตัวลงจากรถไปขนสัมภาระของตัวเอง แล้วมาเจอกันที่ลานกว้างในป่าติดทะเล ตามที่อาจารย์บอกนะ”
เด็กนักเรียนที่กำลังคุยกัน และที่กำลังหลับอยู่ต่างพากันตื่นตัว เพื่อที่จะเตรียมตัวลงจากรถ ผ่านไปครู่หนึ่งรถทัวร์ก็หยุดลงตรงถนนก่อนถึงทางเข้าที่เต็มไปด้วยป่า และต้องเดินเข้าผ่านป่าเข้าไปข้างในก็จะพบกับทะเล บรรยากาศรอบๆดูสดชื่นและเย็นสบาย แถมยังเป็นธรรมชาติที่ดูงดงาม ไม่ได้ดูน่ากลัวแม้แต่น้อย ถึงแม้ว่าจะมีแต่ป่ารอบด้านก็ตาม
ซาระที่เดินลงจากรถ เธอมองไปรอบๆด้านและต้องยิ้มออกมา เพราะส่วนมากวันๆเธอเอาแต่หมกตัวอยู่แต่ในห้อง ไม่เคยต้องมาเห็นบรรยากาศแบบนี้ ทำให้ซาระตกอยู่ในห้วงของความผ่อนคลายไปขณะหนึ่ง จนกระทั่งกระเป๋าสัมภาระที่ถืออยู่ถูกจับโดยมือของใครบางคน ทำให้เธอต้องรีบหันไปมอง
“ชั้นถือให้...แขนซาระจังเล็กนิดเดียว...แค่เป้ก็พอแล้วล่ะ”
ยูตะพูดพร้อมยิ้มให้กับซาระ และเดินนำหน้าพร้อมถือกระเป๋าใบนั้นของซาระไป ซาระไม่ทันที่จะปฏิเสธยูตะ เธอจึงรีบสะพายเป้ดินตามยูตะไปติดๆพร้อมกับอิสึโกะที่ยืนเงียบอยู่ข้างๆ โดยที่ซาระไม่ทันสังเกตสายตาของฮิโตกิที่กำลังมองจากด้านหลัง ด้วยใบหน้าที่นิ่งเฉยอีกเช่นเคย
….
เมื่อนักเรียนทุกคนมารวมตัวกันตรงลานกว้างตามที่อาจารย์บอกไว้ อาจารย์ประจำชั้นจึงทวนกำหนดการอีกครั้ง และจัดห้องพักให้ห้องละสองคนตามคู่บัดดี้ของตัวเอง ก่อนจะปล่อยให้นักเรียนทุกคนพักกลางวันรวมไปถึงอิสระได้หนึ่งวัน เพราะวันอื่นๆจะเป็นกิจกรรมที่ทางโรงเรียนจัดให้
...ช่วงเย็น
ลานกว้างกลางป่าที่เป็นจุดพักของนักเรียนทุกคน หลังจากกินข้าวเย็นเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ต่างพากันไปเดินเล่น หรือพูดคุยกัน ซาระและอิสึโกะยืนคุยกันเรื่องความชอบส่วนตัว จนกระทั่งมีเสียงทุ้มของใครบางคนพูดขึ้นมา
“ทั้งสองคน คุยอะไรกันอยู่เหรอ?”
ซาระและอิสึโกะหันไปตามเสียงทุ้มนั้นพร้อมกัน ยูตะที่ยืนยิ้มอยู่ภายใต้แว่นกรอบดำนั้น ทำให้ซาระพูดและยิ้มตอบ
“เรากำลังคุยเรื่องความชอบอยู่น่ะ...ยูตะมีอะไรที่ชอบบ้างรึเปล่า”
“อ่ะ อื้ม...มีสิ”
ยูตะที่ยืนเงียบอยู่ครู่หนึ่งก็ตอบมาแบบตะกุกตะกัก อิสึโกะที่ยืนอยู่ข้างๆซาระ เธอก้มหน้าลงอย่างช้าๆด้วยสีหน้าที่ดูแปลกไป ซาระที่ไม่ทันสังเกตท่าทางของอิสึโกะเธอจึงจะถามยูตะต่อ แต่ในตอนนั้น! ก็ถูกมือเรียวของใครบางคนดึงแขนและลากเธอออกมาจากตรงนั้นไป
จนมาถึงชายทะเลที่มองเห็นดวงจันทร์ที่เกือบจะเต็มดวงได้ชัดเจน ชายหาดที่มีสายลมบางเบาและคลื่นเล็กๆที่ซัดขึ้นมา
“นี่ปล่อยนะ!! นายจะลากชั้นออกมาทำไม ไม่เห็นรึไงว่าชั้นกำลังคุยกับเพื่อนอยู่น่ะ”
ฮิโตกิ คนที่ลากเธอออกมาจากยูตะและอิสึโกะ ทำให้ซาระเริ่มหงุดหงิดกับพฤติกรรมของฮิโตกิ จึงตะโกนถามไป ฮิโตกิเริ่มโมโหที่โดนซาระตะคอกใส่เช่นกัน จึงดึงข้อแขนบางของซาระเข้าไปใกล้เขาและพูดขึ้น
“เธอที่มันบื้อพอๆกับหมอนั่นจริงๆ!!”
“เอ๋!!...นาย!!!”
ซาระอ้าปากเตรียมที่จะโต้ตอบฮิโตกิ แต่ก็โดนเขาสวนกลับมาอย่างรวดเร็ว
“เพื่อนเธอน่ะชอบเจ้ายูตะนั่น!! แต่หมอนั่นไม่รู้...และ...ดันชอบเธอ”
ซาระที่ตอนแรกเตรียมจะโต้ตอบก็ต้องสงบลงกับคำพูดของฮิโตกิและยืนจ้องฮิโตกิแทน ก่อนจะพูดขึ้นมา
“เพราะงั้นนายเลยลากชั้นออกมา?...”
...
ซาระเริ่มรู้สึกผิดที่ตัวเองไม่ทันได้รู้สึกตัวเลยแม้แต่น้อยจึงยืนเงียบไป
ฮิโตกิที่ยืนมองซาระด้วยใบหน้านิ่งเฉยที่เป็นปกติของเขาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหันหน้าไปทางทะเลและนั่งลงตรงชายหาดพร้อมกับกระตุกข้อแขนบางของซาระให้ลงมานั่งตรงชายหาดกับเขา
ท้องฟ้าที่มืดสนิททำให้เห็นพระจันทร์ที่เกือบจะเต็มดวงได้ชัดเจน ทั้งสองคนนั่งมองคลื่นทะเลที่มีแสงของดวงจันทร์กระทบบนผืนน้ำอย่างเงียบๆโดยไม่ได้คุยอะไรกัน ซาระที่นั่งจ้องมองพระจันทร์จึงพูดขึ้นเพื่อทำลายความเงียบ
“รู้มั้ย?...นายน่ะเหมือนคลื่นของทะเลมากเลย......บางครั้งก็ซัดสาด บางครั้งก็สงบ แต่พอได้เข้าไปแตะต้องคลื่นนั้น.....กลับรู้สึกดี”
ซาระที่พูดออกมาแบบนั้น ถึงจะมีหลายความหมายก็ตาม แต่คำพูดนั้นทำให้ฮิโตกิที่ฟังอยู่ ใบหน้านิ่งของเขาเริ่มรู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมาที่ได้ยินคำพูดนั้นทันที แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ
....
ฮิโตกิยังคงนั่งจ้องมองพระจันทร์ด้วยใบหน้าที่นิ่งเฉยอีกตามเคยอยู่อย่างนั้นซักพัก ก่อนจะล้มตัวลงนอนตักของซาระที่นั่งอยู่ข้างๆโดยที่เธอไม่ทันตั้งตัว
“ขออยู่อย่างนี้ซักพัก”
ฮิโตกิพูดพร้อมกับหลับตาลง ใบหน้าของเขาตอนหลับอยู่ดูเหมือนเด็กไร้พิษสง ทำให้ซาระที่ตอนแรกเกือบจะผลักเขาออกไปด้วยความตกใจเพราะจู่ๆเขาก็ล้มตัวลงนอนที่ตักของเธอ แต่ตอนนี้เธอกลับจ้องมองใบหน้านั้นของฮิโตกิด้วยใบหน้าที่แดงก่ำไปถึงใบหู และก็ไม่สามารถปฏิเสธฮิโตกิได้จึงปล่อยให้เขานอนหลับไป
ซาระที่นั่งเขินอายอยู่นานจึงพยายามใช้นิ้วชี้แตะๆที่แก้มของฮิโตกิ เพื่อให้เขาตื่น
“นี่...ตื่นเถอะ เราต้องกลับที่พักแล้วนะ”
ฮิโตกิยังคงหลับตาต่อ เหมือนกับว่ากำลังแกล้งให้ซาระอายมากกว่าเดิม ซาระจึงขยับขาข้างที่ฮิโตกิกำลังนอนออก
ตุบ !
“โอ๊ย!”
หน้าผากของฮิโตกิกระแทกลงกับพื้นทรายเล็กน้อย ทำให้เขาต้องร้องออกมาและลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะใช้มือจับที่หน้าผากตัวเอง ส่วนซาระที่ยืนมองอยู่ถึงกับหลุดหัวเราะกับท่าทีของฮิโตกิออกมาทันที
ทั้งสองคนที่ออกมาข้างนอกนานผิดปกติ จึงทำให้ยูตะและอิสึโกะต้องออกมาตาม ยูตะและอิสึโกะได้ยินเสียงหัวเราะของใครบางคนจึงคิดว่าเป็นซาระแน่ๆ ทั้งสองเดินมาหยุดดูอยู่ใต้ต้นไม้ใกล้ๆ ยูตะมองซาระที่กำลังหัวเราะอยู่กับฮิโตกิ เขารีบหันหลังกลับและยืนนิ่งเหมือนกับคิดอะไรบางอย่างอยู่ ส่วนอิสึโกะก็ได้แต่จ้องมองใบหน้านั้นของยูตะด้วยความ เป็นห่วงโดยที่ไม่กล้าถามอะไร จนกระทั่งทั้งสองเดินกลับถึงที่พัก
‘จากนิสัยของฮิโตกิ...คงไม่ได้จริงจังกับซาระจริงๆ เพราะงั้น...ชั้นจะยังไม่ยอมแพ้นายหรอกนะ’
“ซาระ!!...ตื่นได้แล้วลูก วันนี้ลูกต้องไปเข้าค่ายไม่ใช่รึไง!?”
ซาระที่กำลังหลับเพลิน หลังจากได้ยินผู้เป็นแม่ตะโกนเรียก และพูดถึงวันเข้าค่าย ทำให้คน ที่กำลังงัวเงียอยู่บนเตียง ตาสว่างขึ้นมาทันที
“เอ๊ะ!!!...เข้าค่าย!!”
เธอพูดพลางรีบหันไปมองนาฬิกาที่อยู่ข้างเตียง ตอนนี้ก็เป็นเวลา 6.20 นาที ทำให้ซาระยิ่งเบิกตาโต เธอดันตัวขึ้นจากเตียงและวิ่งเข้าห้องน้ำในทันที เวลาผ่านไปไม่ถึงยี่สิบนาทีเธอก็แต่งตัวเสร็จเรียบร้อย เพราะใบหน้าใสและที่แก้มแรงระเรื่อ จึงไม่จำเป็นต้องแต่งหน้ากับทรงผมกระเซิงที่ไปทำบนรถก็ได้ เธอจึงข้ามการแต่งหน้าและทำผมไป ทำให้ช่วยย่นเวลาได้มากเลยทีเดียว เธอวิ่งลงบันไดมาเก็บกระเป๋าพร้อมที่ออกจากบ้านก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น…. ซาระรีบกดรับเพราะความรีบ
“ซาระจัง นี่ชั้นเองนะ...จะโทรมาถามว่าใกล้ถึงรึยังจ๊ะ”
“อิสึโกะเองเหรอ...กำลังรีบไปแล้วจ่ะ...ไม่ต้องห่วงนะ”
ซาระวางสายจากอิสึโกะเสร็จเธอรีบวิ่งออกจากบ้าน และวิ่งผ่านหน้าบ้านของฮิโตกิก่อนจะหันไปมอง ก็พบว่าบ้านของฮิโตกิเงียบสนิท ‘ตานั่นคงออกไปก่อนแล้วแน่ๆ’ ซาระคิดในใจพลางรีบวิ่งไปขึ้นรถไฟฟ้าพร้อมถือกระเป๋าเสื้อผ้าและสะพายเป้ที่ใส่ขนมไปด้วย...การเดินทางใช้เวลาประมาณสิบห้านาที ซาระที่รีบวิ่งมาจนเหนื่อยหอบ เธอมาถึงสนามหน้าโรงเรียนทันเวลาพอดี ห้องหนึ่งและห้องสองเข้าแถวกันพร้อมหน้าในเวลานัดเจ็ดโมง และกำลังรอรถทัวร์ออกในเวลาเจ็ดโมงครึ่ง
ซาระเดินมองหาอิสึโกะไปเรื่อยๆ...จนเจอกับอิสึโกะและยูตะที่กำลังยืนอยู่ด้วยกันพอดี
“อิสึโกะ!! ยูตะ!!...ชั้นมาสายไปหน่อย ขอโทษที่ทำให้ต้องรอนะ”
อิสึโกะที่ยืนอยู่กับยูตะ เธอหันมามองซาระพร้อมกับรอยยิ้มเล็กๆที่ดูน่ารักบนใบหน้าของเธอ รวมไปถึงยูตะที่หันมามองพร้อมรอยยิ้มเช่นกันก่อนจะพูดขึ้น
“ซาระไม่ได้เป็นคนเดียวที่มาสายหรอก...ฮิโตกิก็ยังมาไม่ถึงเลย”
“เอ๊ะ!?...จริงเหรอ ลองโทรหาดูมั้ย?....ใครมีเบอร์หมอนั่นบ้าง...ชั้นก็นึกว่ามาถึงแล้วซะอีก”
ซาระเริ่มแสดงอาการเป็นห่วงฮิโตกิขึ้นมาทันทีโดยที่เธอไม่รู้ตัว ทำให้อิสึโกะและยูตะหันหน้ามองกันเหมือนกับว่าทั้งสองกำลังคิดอะไรเหมือนๆกันอยู่
ปรี๊ดดดด!!!
เสียงอาจารย์ประจำชั้นเป่านกหวีดเป็นสัญญาณเพื่อให้นักเรียนต่อแถวขึ้นรถทัวร์ โดยขึ้นไปทีละคู่กับบัดดี้ของ แต่ละคน จนกระทั่งถึงคิวของซาระและอิสึโกะ ก่อนที่ซาระกำลังจะเดินขึ้นรถทัวร์ เธอมองออกไปข้างนอกถนน สายตาของซาระกำลังมองหาใครบางคน จนหันไปสังเกตเห็นยูตะกำลังยืนมองออกไปข้างนอกถนนเช่นกัน ทำให้เธอต้องถามขึ้น
“ยูตะไม่ขึ้นมาเหรอ...หรือว่ากำลังรอใครอยู่รึป่าว?”
“อื้ม...อาจารย์บอกให้รอบัดดี้น่ะ ไม่งั้นก็ขึ้นรถไม่ได้”
ปรี๊ดดดดด!!!
เสียงเป่านกหวีดของอาจารย์ประจำชั้นดังขึ้นอีกครั้งก่อนจะตะโกนเรียกเด็กหนุ่มร่างสูงที่กำลังเดินมาอย่างช้าๆ เหมือนกับว่าไม่ได้รีบร้อนอะไร ซึ่งต่างจากซาระที่รีบวิ่งมาจนเหนื่อยหอบ ซาระและยูตะหันไปมองตามเสียงตะโกนเรียกของอาจารย์ประจำชั้น
“นี่อย่าบอกนะว่าบัดดี้ของยูตะคุงคือ...ฮิโตกิ!!”
“อื้ม...ขอโทษนะที่ไม่ได้บอกก่อน”
อาจารย์ประจำชั้นยังคงเป่านกหวีดเรียกให้ฮิโตกิเร่งฝีเท้า แต่ก็ไม่ได้มีผลอะไรกับเขาแม้แต่น้อย ฮิโตกิยังคงเดินด้วยท่าทีปกติ ทำให้เด็กผู้ชายในรถเริ่มโวยวายกันใหญ่ แต่พวกเด็กผู้หญิงกลับนั่งมองฮิโตกิที่กำลังเดินมาด้วยใบหน้าที่ดูอมยิ้มบ้าง โบกมือบ้าง
“นี่ฮิโตกิ ทำไมถึงมาสาย!!!?? เธอมาสายเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้ว...ห๊ะ!!?...เพื่อนๆกำลังรอเธอคนเดียว แถมยังไม่รีบเดินมาอีก”
ฮิโตกิที่โดนอาจารย์บ่นอยู่แบบนั้นจึงสวนกลับไปด้วยความหงุดหงิดตามนิสัยของเขา
“อย่างแรก!! ขาผมเจ็บอยู่...อย่างที่สอง!! รถออกเจ็ดโมงครึ่ง แล้วนี่ก็เจ็ดโมงครึ่ง...ผมจะขึ้นรถได้รึยังครับ?”
อาจารย์ประจำชั้นยืนอึ้งกับคำตอบของฮิโตกิและเถียงไม่ออก เพราะถ้าเถียงกับฮิโตกิ รับรองว่าคนขวางโลกอย่างฮิโตกิคงต้องเถียงกลับทุกคำหรือไม่ก็ยืนเงียบๆทำเป็นหูทวนลมตอนที่อาจารย์กำลังพูดอยู่เป็นแน่ เพราะฮิโตกิเป็นแบบนี้มานานแล้ว อาจารย์ประจำชั้นจึงไม่ใส่ใจอะไร
ฮิโตกิที่ยืนมองอาจารย์อยู่และไม่ได้รับคำตอบจากอาจารย์ จึงค่อยๆเดินผ่านไป เขาก้าวขึ้นรถทัวร์อย่างช้าๆ ส่วนซาระและยูตะที่ยืนอยู่ข้างๆอย่างเงียบเชียบก็เดินตามขึ้นมา
….
“เกิดอะไรขึ้นเหรอจ๊ะ”
อิสึโกะถามซาระที่กำลังนั่งลงตรงเบาะข้างๆด้วยความสงสัยและดูเป็นห่วง
“ไม่มีอะไรหรอกจ่ะ...ก็แค่หมอนั่นกวนโอ๊ยอาจารย์น่ะ”
อิสึโกะที่ได้ยินซาระพูดแบบนั้นจึงหลุดขำออกมาเล็กน้อย ทำให้ซาระที่หันไปมองอมยิ้มตามไปด้วย ทั้งสองคุยเรื่อยเปื่อยตามประสาเด็กสาว ส่วนฝั่งเก้าอี้ตรงข้ามที่มียูตะและฮิโตกินั่งอยู่กลับเงียบเชียบ ยูตะได้แต่นั่งก้มอ่านหนังสือที่พกติดตัวมา ส่วนฮิโตกิก็เอาหัวพิงกระจกหลับไปตั้งแต่ล้อเริ่มเคลื่อน
.....
..........
หลังจากที่นั่งรถมาสามชั่วโมงก็มีเสียงอาจารย์ประจำชั้นดังขึ้น
“อ่าวนักเรียนทุกคนอีกสิบนาที เตรียมตัวลงจากรถไปขนสัมภาระของตัวเอง แล้วมาเจอกันที่ลานกว้างในป่าติดทะเล ตามที่อาจารย์บอกนะ”
เด็กนักเรียนที่กำลังคุยกัน และที่กำลังหลับอยู่ต่างพากันตื่นตัว เพื่อที่จะเตรียมตัวลงจากรถ ผ่านไปครู่หนึ่งรถทัวร์ก็หยุดลงตรงถนนก่อนถึงทางเข้าที่เต็มไปด้วยป่า และต้องเดินเข้าผ่านป่าเข้าไปข้างในก็จะพบกับทะเล บรรยากาศรอบๆดูสดชื่นและเย็นสบาย แถมยังเป็นธรรมชาติที่ดูงดงาม ไม่ได้ดูน่ากลัวแม้แต่น้อย ถึงแม้ว่าจะมีแต่ป่ารอบด้านก็ตาม
ซาระที่เดินลงจากรถ เธอมองไปรอบๆด้านและต้องยิ้มออกมา เพราะส่วนมากวันๆเธอเอาแต่หมกตัวอยู่แต่ในห้อง ไม่เคยต้องมาเห็นบรรยากาศแบบนี้ ทำให้ซาระตกอยู่ในห้วงของความผ่อนคลายไปขณะหนึ่ง จนกระทั่งกระเป๋าสัมภาระที่ถืออยู่ถูกจับโดยมือของใครบางคน ทำให้เธอต้องรีบหันไปมอง
“ชั้นถือให้...แขนซาระจังเล็กนิดเดียว...แค่เป้ก็พอแล้วล่ะ”
ยูตะพูดพร้อมยิ้มให้กับซาระ และเดินนำหน้าพร้อมถือกระเป๋าใบนั้นของซาระไป ซาระไม่ทันที่จะปฏิเสธยูตะ เธอจึงรีบสะพายเป้ดินตามยูตะไปติดๆพร้อมกับอิสึโกะที่ยืนเงียบอยู่ข้างๆ โดยที่ซาระไม่ทันสังเกตสายตาของฮิโตกิที่กำลังมองจากด้านหลัง ด้วยใบหน้าที่นิ่งเฉยอีกเช่นเคย
….
เมื่อนักเรียนทุกคนมารวมตัวกันตรงลานกว้างตามที่อาจารย์บอกไว้ อาจารย์ประจำชั้นจึงทวนกำหนดการอีกครั้ง และจัดห้องพักให้ห้องละสองคนตามคู่บัดดี้ของตัวเอง ก่อนจะปล่อยให้นักเรียนทุกคนพักกลางวันรวมไปถึงอิสระได้หนึ่งวัน เพราะวันอื่นๆจะเป็นกิจกรรมที่ทางโรงเรียนจัดให้
...ช่วงเย็น
ลานกว้างกลางป่าที่เป็นจุดพักของนักเรียนทุกคน หลังจากกินข้าวเย็นเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ต่างพากันไปเดินเล่น หรือพูดคุยกัน ซาระและอิสึโกะยืนคุยกันเรื่องความชอบส่วนตัว จนกระทั่งมีเสียงทุ้มของใครบางคนพูดขึ้นมา
“ทั้งสองคน คุยอะไรกันอยู่เหรอ?”
ซาระและอิสึโกะหันไปตามเสียงทุ้มนั้นพร้อมกัน ยูตะที่ยืนยิ้มอยู่ภายใต้แว่นกรอบดำนั้น ทำให้ซาระพูดและยิ้มตอบ
“เรากำลังคุยเรื่องความชอบอยู่น่ะ...ยูตะมีอะไรที่ชอบบ้างรึเปล่า”
“อ่ะ อื้ม...มีสิ”
ยูตะที่ยืนเงียบอยู่ครู่หนึ่งก็ตอบมาแบบตะกุกตะกัก อิสึโกะที่ยืนอยู่ข้างๆซาระ เธอก้มหน้าลงอย่างช้าๆด้วยสีหน้าที่ดูแปลกไป ซาระที่ไม่ทันสังเกตท่าทางของอิสึโกะเธอจึงจะถามยูตะต่อ แต่ในตอนนั้น! ก็ถูกมือเรียวของใครบางคนดึงแขนและลากเธอออกมาจากตรงนั้นไป
จนมาถึงชายทะเลที่มองเห็นดวงจันทร์ที่เกือบจะเต็มดวงได้ชัดเจน ชายหาดที่มีสายลมบางเบาและคลื่นเล็กๆที่ซัดขึ้นมา
“นี่ปล่อยนะ!! นายจะลากชั้นออกมาทำไม ไม่เห็นรึไงว่าชั้นกำลังคุยกับเพื่อนอยู่น่ะ”
ฮิโตกิ คนที่ลากเธอออกมาจากยูตะและอิสึโกะ ทำให้ซาระเริ่มหงุดหงิดกับพฤติกรรมของฮิโตกิ จึงตะโกนถามไป ฮิโตกิเริ่มโมโหที่โดนซาระตะคอกใส่เช่นกัน จึงดึงข้อแขนบางของซาระเข้าไปใกล้เขาและพูดขึ้น
“เธอที่มันบื้อพอๆกับหมอนั่นจริงๆ!!”
“เอ๋!!...นาย!!!”
ซาระอ้าปากเตรียมที่จะโต้ตอบฮิโตกิ แต่ก็โดนเขาสวนกลับมาอย่างรวดเร็ว
“เพื่อนเธอน่ะชอบเจ้ายูตะนั่น!! แต่หมอนั่นไม่รู้...และ...ดันชอบเธอ”
ซาระที่ตอนแรกเตรียมจะโต้ตอบก็ต้องสงบลงกับคำพูดของฮิโตกิและยืนจ้องฮิโตกิแทน ก่อนจะพูดขึ้นมา
“เพราะงั้นนายเลยลากชั้นออกมา?...”
...
ซาระเริ่มรู้สึกผิดที่ตัวเองไม่ทันได้รู้สึกตัวเลยแม้แต่น้อยจึงยืนเงียบไป
ฮิโตกิที่ยืนมองซาระด้วยใบหน้านิ่งเฉยที่เป็นปกติของเขาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหันหน้าไปทางทะเลและนั่งลงตรงชายหาดพร้อมกับกระตุกข้อแขนบางของซาระให้ลงมานั่งตรงชายหาดกับเขา
ท้องฟ้าที่มืดสนิททำให้เห็นพระจันทร์ที่เกือบจะเต็มดวงได้ชัดเจน ทั้งสองคนนั่งมองคลื่นทะเลที่มีแสงของดวงจันทร์กระทบบนผืนน้ำอย่างเงียบๆโดยไม่ได้คุยอะไรกัน ซาระที่นั่งจ้องมองพระจันทร์จึงพูดขึ้นเพื่อทำลายความเงียบ
“รู้มั้ย?...นายน่ะเหมือนคลื่นของทะเลมากเลย......บางครั้งก็ซัดสาด บางครั้งก็สงบ แต่พอได้เข้าไปแตะต้องคลื่นนั้น.....กลับรู้สึกดี”
ซาระที่พูดออกมาแบบนั้น ถึงจะมีหลายความหมายก็ตาม แต่คำพูดนั้นทำให้ฮิโตกิที่ฟังอยู่ ใบหน้านิ่งของเขาเริ่มรู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมาที่ได้ยินคำพูดนั้นทันที แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ
....
ฮิโตกิยังคงนั่งจ้องมองพระจันทร์ด้วยใบหน้าที่นิ่งเฉยอีกตามเคยอยู่อย่างนั้นซักพัก ก่อนจะล้มตัวลงนอนตักของซาระที่นั่งอยู่ข้างๆโดยที่เธอไม่ทันตั้งตัว
“ขออยู่อย่างนี้ซักพัก”
ฮิโตกิพูดพร้อมกับหลับตาลง ใบหน้าของเขาตอนหลับอยู่ดูเหมือนเด็กไร้พิษสง ทำให้ซาระที่ตอนแรกเกือบจะผลักเขาออกไปด้วยความตกใจเพราะจู่ๆเขาก็ล้มตัวลงนอนที่ตักของเธอ แต่ตอนนี้เธอกลับจ้องมองใบหน้านั้นของฮิโตกิด้วยใบหน้าที่แดงก่ำไปถึงใบหู และก็ไม่สามารถปฏิเสธฮิโตกิได้จึงปล่อยให้เขานอนหลับไป
ซาระที่นั่งเขินอายอยู่นานจึงพยายามใช้นิ้วชี้แตะๆที่แก้มของฮิโตกิ เพื่อให้เขาตื่น
“นี่...ตื่นเถอะ เราต้องกลับที่พักแล้วนะ”
ฮิโตกิยังคงหลับตาต่อ เหมือนกับว่ากำลังแกล้งให้ซาระอายมากกว่าเดิม ซาระจึงขยับขาข้างที่ฮิโตกิกำลังนอนออก
ตุบ !
“โอ๊ย!”
หน้าผากของฮิโตกิกระแทกลงกับพื้นทรายเล็กน้อย ทำให้เขาต้องร้องออกมาและลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะใช้มือจับที่หน้าผากตัวเอง ส่วนซาระที่ยืนมองอยู่ถึงกับหลุดหัวเราะกับท่าทีของฮิโตกิออกมาทันที
ทั้งสองคนที่ออกมาข้างนอกนานผิดปกติ จึงทำให้ยูตะและอิสึโกะต้องออกมาตาม ยูตะและอิสึโกะได้ยินเสียงหัวเราะของใครบางคนจึงคิดว่าเป็นซาระแน่ๆ ทั้งสองเดินมาหยุดดูอยู่ใต้ต้นไม้ใกล้ๆ ยูตะมองซาระที่กำลังหัวเราะอยู่กับฮิโตกิ เขารีบหันหลังกลับและยืนนิ่งเหมือนกับคิดอะไรบางอย่างอยู่ ส่วนอิสึโกะก็ได้แต่จ้องมองใบหน้านั้นของยูตะด้วยความ เป็นห่วงโดยที่ไม่กล้าถามอะไร จนกระทั่งทั้งสองเดินกลับถึงที่พัก
‘จากนิสัยของฮิโตกิ...คงไม่ได้จริงจังกับซาระจริงๆ เพราะงั้น...ชั้นจะยังไม่ยอมแพ้นายหรอกนะ’
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ