Sugar Lemon ♥ คุณชายกะล่อน มัดใจ ยัยจอมเพ้อ

10.0

เขียนโดย เมอิ

วันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2558 เวลา 23.12 น.

  5 ตอน
  0 วิจารณ์
  8,691 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2558 00.06 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) [Sugar Lemon ♥ 3 : ไอติม]

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

...วันถอดเฝือก

 

โรงพยาบาล...สถานที่เดิม  ที่ฮิโตกิต้องมาอยู่บ่อยๆเป็นเวลาเกือบ 3 เดือน เพราะต้องมาดูอาการขาที่หัก      จากการตกบันไดจนต้องใส่เฝือก  และต้องกลับมาพักที่บ้านของผู้เป็นแม่  จึงเป็นอะไรที่น่าเบื่อสำหรับเขามาก

 

แต่วันนี้!  เป็นวันที่คุณหมอคอนดะนัดให้ฮิโตกิมาถอดเฝือกได้  จึงสามารถที่จะกลับไปเรียนตามปกติ  ถึงจะต้องใส่ผ้าพันแผลและยังต้องใช้ไม้ค้ำก็เถอะ  ยังไงก็ดีกว่าอยู่แต่บ้าน  ไปไหนก็ไม่ได้  สาวๆก็ไม่มีให้เห็น  แถมยังต้องมาเจอแต่ ‘ซาระ’ สาวข้างบ้านที่เพิ่งย้ายมาได้ไม่กี่อาทิตย์  ที่วันๆเอาแต่อ่านการ์ตูน  มิหนำซ้ำยังเคยทะเลาะกันถึงขั้นต้องใส่เฝือกใหม่อีก ถึงในบางครั้งเธอจะดูน่ารักบ้าง  แต่ความแสบและดื้อรั้นที่ไม่ยอมฮิโตกิง่ายๆนี่สิ  เป็นอะไรที่น่าโมโหที่สุด  รวมไปถึงในช่วงนี้เธอยังเมินเขาอีก  ยิ่งทำให้น่าโมโหไปใหญ่  ฮิโตกิที่เป็นคน ไม่ยอมแพ้ใครง่ายๆจึงมีความคิดที่จะทำให้ซาระหันมาชอบเขาให้ได้!!  และในวันนี้  เหมือนกับว่าอิสรภาพที่เคยโดนกักกันไว้จะได้ปลดปล่อยซักที! (ไม่ได้หมายถึงอย่างนั้นนะ)

 

...และแล้วเมื่อถอดเฝือกเสร็จ คุณหมอคอนดะก็พูดเกี่ยวกับคำแนะนำและข้อปฏิบัติหลังถอดเฝือกอยู่นานพอควร  ฮิโตกิที่นั่งอยู่ตรงหน้าคุณหมอก็ได้แต่ทำหน้าเหม่อลอย เหมือนกับว่า  คุณหมอพูดอะไรไปก็ไม่ได้เข้าหูของเจ้าตัวเลยแม้แต่น้อย

“ฮิโตกิ...ฮิโตกิ...เอ่อ...ถ้าอย่างนั้น  ให้คุณนายไอบาริรับหน้าที่เป็นคนบอกกับฮิโตกิเองแล้วกันนะครับ แกคงไม่ได้ฟัง”

 

คุณหมอคอนดะที่เรียกฮิโตกิอยู่หลายครั้งแต่เจ้าตัวไม่มีการตอบรับอะไรมา  จึงหันไปพูดกับคุณนายไอบาริที่ยืนอยู่ข้างๆแทน เพราะพูดอะไรไปตอนนี้ฮิโตกิคงไม่อยากรับรู้อะไรต่อ นอกจากการที่จะได้ออกไปข้างนอกเสียที

“ฮิโตกิคงดีใจไปหน่อยน่ะค่ะ  เลยดูเหม่อลอยไป  ต้องขอโทษแทนคุณหมอคอนดะด้วยนะคะ”

คุณหมอคอนดะไม่ตอบอะไร เพียงแต่ยิ้มแกมหัวเราะเบาๆเพื่อตอบรับคุณนายไอบาริ  สมกับเป็นคุณหมอที่ใจดีเอามากๆ

 

เมื่อกลับมาถึงบ้าน  ฮิโตกิรีบเดินขึ้นห้องอย่างทุลักทุเลเพราะพยายามที่จะเดินตามปกติให้ได้  เขาเดินเข้าห้องและเปลี่ยนชุดใหม่  เป็นเสื้อยืดและกางเกงกีฬาขายาวที่แปลกตาไปจากทุกวัน  เพราะก่อนหน้านั้นคุณหมอสั่งห้ามใส่กางเกงขายาว  เมื่อเปลี่ยนชุดเสร็จฮิโตกิจึงรีบเดินตรงไปยังประตูทันทีเพื่อที่จะออกไปข้างนอก  และตะโกนไปยังหลังบ้าน  ขณะที่ผู้เป็นแม่กำลังทำอาหารอยู่ในครัว

“ผมจะไปทำความรู้จักกับน้าข้างบ้านซักหน่อยนะครับ”

พูดเสร็จฮิโตกิจึงเดินออกจากประตูและตรงไปยังบ้านข้างๆทันที  ปล่อยให้ผู้เป็นแม่ที่ยังไม่ทันจะได้ถามอะไรยืนพูดพึมพำขึ้นมา

“ไปบ้านข้างๆเหรอ?...เค้าย้ายมาเกือบเดือนไม่เคยจะอยากไป  อะไรของลูกคนนี้  เข้าใจยากจริงๆ”

ฮิโตกิเดินมาถึงหน้าบ้านของคนที่เขากำลังจะไปทักทาย  เขาหยุดอยู่ตรงหน้าประตูไม้ที่ทาสีน้ำตาลเข้ม  ฮิโตกิยืนนิ่งไปซักพักก่อนจะเคาะประตูเบาๆสองครั้ง

 

ก๊อก  ก๊อก

 

ร่างสูงยืนรออยู่ครู่หนึ่งก็มีเสียงใสๆตอบรับกลับมาอย่างเป็นมิตร

“ค่า รอแปปนึงนะคะ  กำลังไปค่ะ” 

 

 

แอ๊ด...

 

เสียงเปิดประตูช้าๆพร้อมหน้าตาที่เป็นมิตรของคนข้างบ้านถามขึ้นด้วยความแปลกใจ

“มาหาใครเหรอคะ?”

หญิงสาวข้างบ้านที่ดูรุ่นราวคราวเดียวกับผู้เป็นแม่ของเขา  ถามด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม  ประหนึ่ง  คนเป็นมิตรที่สามารถจะเข้ากับทุกคนได้

“เอ่อ...คุณน้าเป็นคุณแม่ของซาระรึป่าวครับ”

หญิงสาวตอบกลับอย่างรวดเร็วพลางคิดในใจ ‘ซาระไปรู้จักเด็กหนุ่มหน้าตาดีคนนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ไม่เห็นเคยจะบอกแม่เลย!’

“อ๋อ...มาหาซาระหรอจ๊ะ  เข้ามาข้างในก่อนสิจ๊ะ”

 

หญิงสาวเดินนำทางเข้ามายังห้องรับแขกทันที   ฮิโตกิที่เดินตามมาพร้อมไม้ค้ำยันค่อยๆนั่งลงบนโซฟาสีเขียวอ่อนที่อยู่ตรงหน้าทีวีและค่อยๆหันไปมองรอบๆบ้าน  เมื่อมองไปรอบบ้านแล้ว ภายในบ้านแทบจะไม่มีของตกแต่งอะไรมากมาย  คงเป็นเพราะเพิ่งย้ายมาได้ไม่นาน  เขานั่งอยู่ได้ครู่หนึ่ง  คุณน้าข้างบ้านก็เดินมาพร้อมกับชาร้อนถ้วยหนึ่งกับคุ๊กกี้สองชิ้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้มอีกเช่นเคย

“เดี๋ยวน้าไปเรียกซาระให้นะจ๊ะ”  พูดจบคุณน้าที่กำลังจะเดินขึ้นบันไดไป  ก็ต้องหยุดลงเพราะฮิโตกิที่นั่งอยู่  พูดกลับมาอย่างรวดเร็ว

“ไม่เป็นไรครับ  ผมแค่จะมาทักทาย  ผมอยู่บ้านข้างๆนี้เอง ต้องขอโทษด้วยที่ก่อนหน้านั้นไม่สะดวกมาครับ”

หญิงสาวที่จ้องหน้าฮิโตกิด้วยความสงสัยเล็กน้อย  ครู่หนึ่งจึงนึกขึ้นได้และถามกลับ

“งั้นเธอคงเป็น  ฮิโตกิ  ลูกชายคุณไอบาริสินะจ๊ะ...น้าชื่อ อาซายะ มิโดริ  เรียกน้าว่า น้าอาซายะก็ได้จ่ะ”

 

หญิงสาวพูดคุยกับฮิโตกิอยู่พักหนึ่งจนฮิโตกิกลับไป  เธอได้รู้เกี่ยวกับเรื่องราวต่างๆของทางบ้านนั้นมาพอสมควร  พลางคิดในใจ ‘เป็นเด็กที่มารยาทดี  พูดเพราะ  และดูจะรู้เรื่องเกี่ยวกับซาระพอสมควรเลย  แถมยังหน้าตาดีอีก เราต้องให้ซาระสนิทกับข้างบ้านไว้คงจะดีไม่ใช่น้อย’  

 

คุณอาซายะนั่งคิดอะไรคนเดียวอยู่ซักพัก  จึงเดินเข้าไปในครัวเพื่อทำอาหารเย็น ทันใดนั้นก็มีเสียงของเด็กสาวพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงงัวเงีย

 

“แม่คะ  เย็นนี้มีอะไรกินบ้าง  หิวจังง”

 

ผู้เป็นแม่ที่กำลังจะทำกับข้าวอยู่ในครัวอย่างอารมณ์ดี  หันมาตอบกลับลูกสาวของเธอแกมเหน็บแนมลูกสาวเล็กน้อย

“วันๆเอาแต่อ่านการ์ตูน  หันมาใส่ใจคนข้างๆแบบฮิโตกิคุงบ้างสิลูก”

คนที่กำลังยืนงัวเงียอยู่ถึงกับเบิกตากว้างหลังจากได้ยินชื่อนี้  ทำให้หายง่วงไปในทันทีพร้อมทั้งรีบถามกลับผู้เป็นแม่ด้วยท่าทางสงสัยเป็นอย่างมาก

“แม่รู้จักหมอนั่น! เอ๊ย...ฮิโตกิด้วยหรอคะ”

ซาระถามด้วยท่าทีสงสัยผู้เป็นแม่  ว่าเคยรู้จักฮิโตกิตอนไหน  เพราะฮิโตกิยังไม่เคยมาที่บ้านแม้แต่ครั้งเดียว  และแม่  ก็ไม่เคยเห็นหน้าฮิโตกิด้วยซ้ำ

 

“วันนี้ฮิโตกิแวะมาทักทายที่บ้านเราน่ะ  เพราะก่อนหน้านั้นขาเค้าเจ็บอยู่  เลยไม่สะดวกมา    ฮิโตกิดูเป็นเด็กที่มารยาทดี  พูดจาดีคนนึง  แถมยังหน้าตาดีอีก...แม่สิต้องถามลูกต่างหาก  รู้จักกับฮิโตกิตอนไหน ไม่เห็นเคยบอกแม่เลย”

 

ซาระที่ถูกถามกลับ ถึงกับเก้ๆกังๆ ไม่รู้จะตอบผู้เป็นแม่ยังไง  เพราะไอ้หน้าตาก็ดีอยู่หรอก     แต่มารยาทกับการพูดจาไม่ได้ดีแบบที่ผู้เป็นแม่เจอมาเลย   ตอนเจอกันครั้งแรกก็มารยาทเสียซะด้วยซ้ำ  ซาระไม่รู้จะตอบยังไงจึงตอบปัดๆไป

 

“ก็ตอนไปบ้านคุณน้าไอบาริ  แล้วก็ตอนไปซื้อของ...แค่นั้นแหละค่ะแม่”

 

ผู้เป็นแม่ทำหน้าประหนึ่งว่าเข้าใจแล้ว  แต่ในใจกลับคิดว่าลูกสาวของเธอคงบอกความจริงไม่หมด  เพราะตอนที่ฮิโตกิพูดคุยเกี่ยวกับซาระ  ฮิโตกิดูเหมือนรู้เกี่ยวกับตัวซาระเป็นอย่างดี  ไม่ใช่รู้จักกันแค่เพียงผิวเผินเท่านั้น  และคิดว่าซาระคงอายเลยไม่กล้าที่จะบอกอะไรไปมากกว่านี้

 

หลังจากนั้นทั้งสองคนแม่ลูกที่ทานอาหารเสร็จแล้ว  จึงเดินมานั่งตรงโซฟาในห้องรับแขกตัวเดิม  และดูโทรทัศน์ ด้วยกัน  ผู้เป็นแม่ที่นั่งดูโทรทัศน์ไปพักหนึ่ง  ได้นึกอะไรบางอย่างออกจึงพูดขึ้นมา

“นี่ซาระ...แม่หาโรงเรียนให้ลูกได้แล้วนะ  แม่จัดการทุกอย่างให้แล้ว  พรุ่งนี้ลูกก็ไปเรียนได้แล้วนะจ๊ะ”

 

ผู้เป็นแม่ที่ก่อนหน้านั้นหายไปข้างนอกบ่อยๆ  เธอแอบไปจัดการเรื่องเรียนให้กับลูกสาว เพราะถ้าบอกกับซาระตรงๆ  ซาระคงไม่อยากไปเรียนแน่ๆ  คงจะคิดว่า  ถึงไปเรียนยังไงในที่สุดก็ต้องย้ายโรงเรียนอยู่ดี  เพราะการที่ต้องย้ายบ้านบ่อยๆ  ทำให้ซาระไม่อยากที่จะรู้จักกับใครอีก  เธอกลัวการที่จะต้องจากกัน  มันทำให้เธอไม่ชอบเอาเสียเลย  ผู้เป็นแม่จึงใช้วิธีกึ่งบังคับไปในตัว เพื่อที่จะให้ลูกสาวจอมดื้อรั้นของเธอยอมแต่โดยดี  ส่วนซาระที่นั่งอึ้งไปยังไม่ทันที่จะได้ตอบอะไร  ผู้เป็นแม่ก็เดินขึ้นบันไดไปด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มทำให้รู้สึกว่าต้องมีอะไรแปลกๆแน่ๆ

ซาระที่ยังคงนั่งอยู่ที่โซฟาก็พึมพำขึ้นมา

 

“แม่นะแม่  เล่นแบบนี้เลยหรอ...โธ่...ถ้าครั้งนี้ไม่ต้องย้ายไปไหนอีกก็คงดีสิ”

 

 

 

 ...เช้าอันสดใส  แสงแดดอ่อนๆทำให้นึกถึงวันที่ต้องตื่นไปเรียนในตอนเช้า  พร้อมความเร่งรีบ   ซาระก็เช่นกัน  เธอถูกปลุกด้วยเสียงใสๆของผู้เป็นแม่แต่เช้า  ทำให้ต้องเธอต้อง  จำใจตื่นมาอาบน้ำแต่งตัวแต่โดยดี  พร้อมเครื่องแบบนักเรียนตัวใหม่ที่แม่แอบเก็บไว้และนำมาวางไว้บนเตียงทำให้ซาระคิดในใจ ‘จะเตรียมพร้อมเกินไปแล้วนะแม่’

 

 

ตึก ตึก ตึก

 

เสียงฝีเท้าหยุดลงที่หน้าโรงเรียนแห่งหนึ่งที่ไกลจากบ้านพอสมควร  เมื่อมาถึงหน้าโรงเรียนตรงเวลาพอดี  ซาระถึงกับประหม่า  เพราะโรงเรียนดูกว้างขวางเอามากๆ  ทำให้เธอรู้สึกประหม่าเล็กน้อยแต่ก็พยายามเดินเข้าไปอย่างกล้ากลัวๆ  เธอเดินมาหยุดอยู่ตรงห้องของชั้น ม.5 ที่แม่บอกเอาไว้ก่อนออกจากบ้าน  เมื่อมาถึงก็มีอาจารย์  ประจำชั้นเดินเข้ามาเรียกและพาไปยังหน้าชั้นเรียน  พอเข้ามาในห้องเรียนพร้อมกับอาจารย์  เสียงที่พูดคุยกันเสียงดังก็ค่อยๆหยุดลง

“นักเรียน...วันนี้ห้องเรามีนักเรียนย้ายมาใหม่นะ  เธอมีเหตุผลที่ต้องย้ายมากะทันหัน สนิทกันไว้นะ...เอ้า...แนะนำตัวได้เลยอาซายะ”

อาจารย์หันไปยังซาระที่ยืนรออยู่หน้าประตู  ซาระจึงเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าชั้นเรียนและพูดแนะนำตัวอย่างเก้ๆกังๆ  เพราะสายตาคนในห้องที่จ้องมองมาเป็นสายตาเดียวกันทำให้เธอเกิดอายขึ้นมา  ถึงแม้เจอจะเคยแนะนำตัวแบบนี้มาอยู่สองสามครั้งแล้ว  แต่ก็ยังเขินอยู่ดี

“เอ่อ...ชั้น ชะ ชื่อ อาซายะ ซาระ ค่ะ...ขอฝากเนื้อฝากตะ..”

 

ครืนน!!

ซาระที่พูดแนะนำตัวยังไม่ทันจบ  ก็ต้องตกใจและหันไปยังเสียงเปิดประตูเลื่อนที่ดังขึ้นมาพร้อมใบหน้าของคนที่เธอไม่ค่อยชอบหน้ามากนัก  สาวๆในห้องก็พลันหันไปให้ความสนใจกับคนที่กำลังเดินเข้ามาในห้องแทน

“ฮิโตกิ!!  มาสายอีกแล้วนะ!!  เมื่อไหร่จะเลิกมาสายซักที!?”

“ขาเจ็บอยู่  ไม่เห็นรึไง...ครับ  อาจารย์”

อาจารย์ประจำชั้นที่ตะคอกถามออกไปถึงกับทำหน้าเสียอารมณ์กับนิสัยขวางโลกของฮิโตกิ    จนเอือม  จึงเลือกที่จะไม่พูดอะไรต่อ  ส่วนฮิโตกิซึ่งเดินเข้ามาในห้องกำลังจะเดินไปนั่งที่  พร้อมไม้ค้ำและใบหน้าที่นิ่งเฉยเหมือนคนไม่ รู้สึกอะไรเป็นภาพที่คุ้นตาสำหรับซาระเป็นอย่างมาก   จะแปลกก็ตรงที่ว่า เขาดันมาเรียนห้องเดียวกันกับเธอ   พลางคิดในใจ  ‘ที่แม่ไม่บอกอะไร      คงเป็นเพราะแบบนี้สินะ...แม่นะแม่!’

ซาระยังคงยืนอยู่ตรงหน้าชั้นเรียนเพราะอาจารย์ยังไม่ได้บอกให้ไปนั่งที่ได้  เธอจึงยืนอยู่นิ่งๆและพยายามที่จะไม่สบตากับฮิโตกิ   ในความเงียบของห้อง  ทันใดนั้นคนที่จ้องมองเธออย่างมีเลศนัยอยู่ก็พูดขึ้นมา

 

“นี่ซาระ!  เธอชอบชั้นถึงขั้นต้องตามมาเรียนที่เดียวกันเลยหรอ!?”

 

อย่าว่าแต่ซาระที่ยืนอึ้งกับการที่ฮิโตกิกำลังยั่วโมโหเธออยู่หน้าห้องเลย  ทุกคนในห้องโดยเฉพาะสาวๆพากันอึ้งไป  ตามกันๆและพร้อมใจกันหันมาถามฮิโตกิ

 

“ฮิโตกิคุงรู้จักเด็กใหม่ด้วยหรอ?, ยัยนั่นเป็นใคร?, ยัยนั่นตามตื๊อฮิโตกิคุงอยู่หรอ?,นายคิดจะงาบเด็กใหม่หรอ?”

 

ผู้หญิงและผู้ชายในห้องต่างพากันรุมถามฮิโตกิ  แต่เจ้าตัวกลับนั่งเงียบและมองไปยังซาระที่ดูท่าทางแล้วคงจะโมโหและอายน่าดู  ด้วยความพอใจ

 

“เงียบๆกันได้แล้ว!!...อาซายะ  เธอไปนั่งติดหน้าต่างนะ  ข้างหลังหัวหน้าห้อง”

ซาระพยักหน้าและเดินไปนั่งที่ตามที่อาจารย์บอกพร้อมกับสายตาคนในห้องที่มองเธอด้วยความหมายต่างๆนาๆ  โดยเฉพาะพวกผู้หญิงคงไม่ได้มองเธอไปในแง่บวกมากนัก  เธอนั่งลงที่เก้าอี้ซึ่งนั่งอยู่ข้างหลังถัดจากเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่อาจารย์เรียกว่าหัวหน้าห้อง  เขาหันมาเธอและยิ้มให้เธอพร้อมพูดคุยกับซาระอย่างเป็นมิตร

 

“หวัดดี...ชั้นชื่อ ‘เคียวสึเกะ ยูตะ’ เรียกยูตะก็ได้นะ ง่ายดี...มีอะไรให้ช่วยก็บอกได้นะ”

ยูตะยิ้มให้ซาระอย่างเป็นมิตร  ทำให้ซาระรู้สึกดีขึ้นมานิดหน่อย  คนที่มองเธอในแบบที่ดูจะเป็นมิตรก็คงมีแต่     ‘เคียวสึเกะ ยูตะ’  นี่แหละนะเพราะหลังจากนั้นตั้งแต่เธอเข้ามานั่งจนถึงพักเที่ยง ก็ไม่มีใครกล้าเข้ามาทักซาระแม้แต่คนเดียว

 

......

 

เมื่อถึงพักเที่ยงซาระรีบเดินตรงไปหาฮิโตกิเพื่อจะต่อว่าที่ฮิโตกิทำไปเมื่อตอนเช้าแต่รอบตัวฮิโตกิดันล้อมรอบไปด้วยสาวๆทั้งต่างห้องและสาวห้องเดียวกันที่ดูจะเป็นห่วงเขาเกินเหตุ  เพราะการที่ฮิโตกิไม่ได้มาโรงเรียนหลายอาทิตย์ทำให้สาวๆยิ่งพากันเข้าหา  ซาระไม่กล้าที่จะเข้าไปถามจึงหันกลับเพื่อที่จะเดินกลับห้องทันที

 

ฮิโตกิเห็นดังนั้นจึงเดินตามซาระเข้ามาในห้องและถามด้วยความหงุดหงิด

“เธอไม่คิดจะทักทายกันหน่อยรึไง!?”

ซาระได้ยินดังนั้นยิ่งทำให้เธอโมโหกับเรื่องที่ฮิโตกิทำเมื่อตอนเช้าเข้าไปใหญ่   จึงตะโกนถามออกไป

“นานจะแกล้งชั้นทำไมนักหนา!!?...นายคงจะทำแบบนั้นเพื่อไม่ให้มีใครคบชั้นสินะ!!”

ซาระพูดทั้งน้ำตาที่รื้นขอบตาทำให้คนที่อยู่ตรงหน้าถึงกับหน้าเสียและเกิดรู้สึกผิดขึ้นมา   ฮิโตกิไม่ทันที่จะได้พูดอะไรต่อ  เพราะซาระวิ่งออกจากห้องไปเสียแล้ว  ปล่อยให้ฮิโตกิยืนนิ่ง อยู่อย่างนั้น  แทนที่ฮิโตกิจะรู้สึกสะใจ         แต่กลับไม่  เพราะใบหน้าที่มีน้ำตาที่คลอเบ้าของซาระแบบนั้น   ทำให้ฮิโตกิอดที่จะรู้สึกผิดไม่ได้      

‘นี่ชั้นแกล้งแรงไปสินะ’

 

ฝั่งซาระที่แอบขึ้นมาบนดาดฟ้า  เธอนั่งพิงกำแพงพร้อมกับใบหน้าที่เสียใจปนกับความโมโห

 

.....

 

ตุบ ตุบ ตุบ

 

เสียงฝีเท้าของใครบางคนกำลังเดินขึ้นบันไดมา ซาระคิดว่าคงจะเป็นฮิโตกิเดินตามขึ้นมาจึงลุกขึ้นพร้อมที่จะทำสงครามต่อ  แต่คนที่เดินขึ้นมากลับเป็น  ยูตะ หัวหน้าห้องแทน  เธอรู้สึก  แปลกใจกับตัวเอง  เพราะแทนที่จะรู้สึกดีใจที่เจ้าของเสียงฝีเท้านั้นไม่ใช่ฮิกิโตกิ  แต่กลับต่างกัน

“เธอ...เป็นอะไรรึป่าว?...ชั้นเห็นเธอทะเลาะกับฮิโตกิ  เลยเป็นห่วง...แต่เอ่อ...ไม่ได้จะทำให้กลัวนะ  สบายใจได้”

ซาระเห็นใบหน้าและท่าทางที่จริงใจของยูตะจึงรู้สึกสบายใจและกลับไปนั่งพิงกำแพงพร้อมกับยูตะที่นั่งเงียบข้างๆอยู่ซักพัก  

...ซาระยื่นกล่องข้าวที่เปิดอยู่ของตัวเองให้กับยูตะ  ซึ่งเป็นข้าวกล่องที่แม่ของซาระตื่นมาทำให้แต่เช้า

“ชั้นแบ่งให้...ยูตะคุงคงจะยังไม่ได้กินอะไรสินะ”

ยูตะยิ้มให้ซาระแต่ก็ไม่ได้รับข้าวกล่องนั้นมา

“ได้นั่งเงียบๆอยู่ข้างๆเธอแบบนี้  มันรู้สึกสบายใจจนลืมหิวไปแล้วล่ะ”

ซาระหันไปมองยูตะที่พูดจบแล้วโดยที่ไม่ได้คิดอะไร  แต่ยูตะกลับกังวลกับคำพูดของตัวเองขึ้นมา  จึงถามซาระ   ออกไป

“เอ่อ...ชั้นคงไม่ได้พูดอะไรแปลกๆออกไปใช่มั้ย”

ซาระส่ายหน้าปฏิเสธและยิ้มให้กับท่าทางที่ดูเป็นกังวลของยูตะ  ทำให้ยูตะที่นั่งข้างๆยิ้มตามโดยไม่รู้ตัว  ทั้งสองพูดคุยกันเรื่องเรื่อยเปื่อยอยู่บนดาดฟ้า  และอยู่ๆยูตะก็ถามอะไรบางอย่างขึ้นมา

“ซาระจังกับฮิโตกิคบกันอยู่รึป่าว?...คือ...ที่ฮิโตกิพูดเมื่อเช้า ดูเหมือนคบกันอยู่  เลยถามน่ะ”

ฮิโตกิที่เดินขึ้นมาพร้อมกับถือไอติมแท่งหนึ่ง  เขาหยุดอยู่ตรงหน้าซาระที่กำลังนั่งอยู่กับยูตะ และหันไปมองหน้ายูตะด้วยใบหน้านิ่งเฉยแต่แฝงด้วยความหงุดหงิด  ยูตะจึงค่อยๆลุกขึ้นและยิ้มให้ ฮิโตกิด้วยท่าทางที่เป็นมิตรก่อนจะพูดและเดินออกไป  จึงทำให้ซาระยังไม่ทันที่จะตอบกลับคำถามของยูตะไป

“ทั้งสองคนคงมีเรื่องที่จะคุยกัน...งั้นชั้นไม่รบกวนจะดีกว่า  ไว้เจอกันนะซาระจัง”

เพราะคิดว่าคงรบกวนทั้งสองคน  ยูตะจึงเดินออกจากตรงนั้นไป  เพื่อที่จะปล่อยให้ทั้งสองคนเคลียกันให้เรียบร้อย  ‘ถ้าซาระจังไม่ได้คบกับฮิโตกิก็คงดีสินะ’  ยูตะคิดในใจพลางมีรอยยิ้มจางๆบนใบหน้า

 

 

...ฮิโตกิที่ยืนนิ่งทำให้ซาระรู้สึกหงุดหงิด  เธอยืนขึ้นและกำลังจะเดินออกไปจากตรงนั้น ทันใดนั้นก็มีมือเรียวคว้าแขนของเธอไว้เหมือนกับตอนแรกที่เจอกันแต่ครั้งนี้กลับดูอ่อนโยน  พร้อมกับยื่นไอติมสีหวานที่กำลังจะละลายให้กับเธอ

 

“เอ้านี่...ไอติม...แทนคำขอโทษ...ที่แกล้งเธอไปหน่อย”

ซาระมองด้วยใบหน้าที่หงุดหงิดเล็กน้อยและตอบกลับฮิโตกิไป

“แค่ไอติมแท่งเดียว...มันเทียบกับที่นายแกล้งชั้นต่างๆนาๆไม่ได้หรอก!!!”

ซาระโมโหเพราะคิดว่าฮิโตกิคงจะแกล้งเธออีกครั้งจึงก้าวเท้าวิ่งลงบันไดไปและกลับไปที่ห้องทันที  ทิ้งให้ฮิโตกิ    ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น  แต่เมื่อมาถึงในห้องก็มีเสียงพูดคุยกันเรื่องฮิโตกิของผู้หญิงในห้องที่จับกลุ่มคุยกันอยู่  เธอจึงแอบฟังด้วยความสงสัย

 

ญ 1 “นี่พวกเธอรู้มั้ย  เมื่อกี้ฮิโตกิคุงต่อคิวซื้อไอติมสวีทด้วยแหละ...น่าแปลกมั้ยล่ะ เพราะปกติฮิโตกิเคยเข้าไปใน   โรงอาหารซะที่ไหนกัน...แล้วคนอย่างฮิโตกิคงไม่ไปยืนต่อคิวแน่ๆ”

ญ 2 “ไอติมที่มีขายเดือนละครั้งนั่นอ่ะหรอ?!”

ญ 3 “เอ๋!!...ฮิโตกิคุงเนี่ยนะ!?  เค้าเอาไปกินเองหรอ  หรือเอาไปให้ใครกันนะ”

ญ 4 “คงไม่กินเองหรอก  เพราะฮิโตกิไม่ชอบของหวาน...ยัยผู้หญิงคนนั้นจะเป็นใครกันนะ!!?”

 

ซาระที่แอบฟังอยู่จึงเกิดความรู้สึกหลายๆอย่างขึ้นมา  ทั้งดีใจ  แอบปลื้ม  แปลกใจ  ความรู้สึกผิดและอีกหลายความรู้สึก  

เธอจึงรีบวิ่งกลับขึ้นไปบนดาดฟ้าและโชคดีที่ฮิโตกิยังอยู่บนดาดฟ้าพร้อมกับกำลังจ้องมองไอติมในมือที่กำลังละลาย  ซาระเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าฮิโตกิที่กำลังนั่งอยู่เธอค่อยๆ ย่อเข่าลงตรงหน้าฮิโตกิ พร้อมยืนมือบางๆออกไป

 

 

“ชั้นรับไว้ก็แล้วกัน...คำขอโทษของนายน่ะ”

 

 

 

 

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา