Sugar Lemon ♥ คุณชายกะล่อน มัดใจ ยัยจอมเพ้อ
เขียนโดย เมอิ
วันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2558 เวลา 23.12 น.
แก้ไขเมื่อ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2558 00.06 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) [Sugar Lemon ♥ 2 : กาแฟ]
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ณ สวนหลังบ้านในยามสาย
ท่ามกลางสวนที่ดูรกร้างเหมือนไม่มีคนดูแล แต่ยังคงความสวยงามอยู่ เพราะมันประดับไปด้วยพุ่มดอกไม้หลากหลายสีที่ยังคงบานอยู่บ้าง ถัดไปก็จะเห็นม้านั่งกับโต๊ะที่ทำจากไม้ทาสีขาวอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่
แสงแดดอ่อนๆกระทบเส้นผมสีน้ำตาลของฮิโตกิที่กำลังนั่งเหม่อมองต้นไม้ข้างหน้าเหมือนกำลังคิด อะไรบางอย่างอยู่ด้วยสีหน้าที่เรียบเฉยตามเคย ถ้าคนอื่นที่ไม่เคยรู้จักเขามาก่อนได้มาเห็นสีหน้าแบบนี้ของเขาเข้า ก็คงไม่เข้าใจว่ากำลังรู้สึกหรือคิดอะไรอยู่กันแน่ แต่ถ้าเป็นพวกสาวๆในโรงเรียน ที่คุ้นเคย กับใบหน้าแบบนั้นของ ฮิโตกิ ทุกคนเป็นต้องตกหลุมรักและยอมให้กับใบหน้านั้นกันทุกราย จะมีก็แต่... ‘ซาระ!’ ที่ไม่เป็นแบบนั้น ทำให้ฮิโตกิหงุดหงิดเป็นที่สุดเพราะตั้งแต่เกิดมา ฮิโตกิไม่เคยต้องมาทะเลาะกับผู้หญิงเลยซักครั้ง ซึ่งสาเหตุมาจากอะไรอย่างนั้นหน่ะเหรอ ก็คงไม่พ้นความเจ้าชู้ร้ายเงียบของเจ้าตัวนั่นแหละ สาวข้างบ้านอย่างซาระที่วันๆเอาแต่อ่านการ์ตูนทำให้ฮิโตกิหงุดหงิดจนถึงขั้นต้องมานั่งคิดแผนอะไรบางอย่างขึ้น
“ฮิโตกิ…” เสียงคุณนายไอบาริตะโกนเรียกลูกชายของเธอ แต่ดูเหมือนว่าลูกชายตัวแสบของเธอก็ยังคงนิ่งเฉยอยู่
“ฮิโตกิ...” ฮิโตกิสะดุ้งเล็กน้อยเพราะมีมือบางๆของผู้เป็นแม่ เอื้อมมาแตะที่ไหล่เพื่อให้เขารู้ตัว
“ครับ...มีอะไรเหรอครับ” ฮิโตกิถามไปด้วยท่าทางและสีหน้าที่ดูแล้วไม่ค่อยสงสัยซักเท่าไหร่
“วันนี้คุณหมอคอนดะนัดไปตรวจที่โรงบาลลูกลืมแล้วเหรอ...แล้วลูกมานั่งเหม่ออะไรตรงนี้”
ผู้เป็นแม่รู้สึกสงสัยลูกชายของเธอที่มานั่งทำหน้าเหม่อลอยอยู่ในสวนแบบนี้ เธอรู้สึกว่าลูกชายของเธอแปลกๆไปจากปกติ เพราะคนอย่างฮิโตกิ นอกจากเรื่องขาที่เจ็บแล้ว ก็แทบจะไม่มีเหตุผลอะไรที่จะมานั่งเหม่อแบบนี้
“อ้อ!! ผมลืมหน่ะ ไปเดี๋ยวนี้แหละครับ” ฮิโตกิที่ท่าท่าลุกลี้ลุกลน รีบคว้าไม้ค้ำและพยุงตัวเองเดินไปหน้าบ้านเพื่อที่จะไปที่รถทันที เพราะกลัวผู้เป็นแม่จะถามอะไรขึ้นมาอีก
“ชอบทำตัวให้เข้าใจยากอยู่เรื่อยเลย ลูกคนนี้” คุณนายไอบาริบ่นพึมพำตามหลังลูกชายของเธอ ที่ชอบทำตัวแบบนี้อยู่เสมอและเขาก็เริ่มเป็นแบบนี้ตั้งแต่ขึ้น ม.ต้น
เอี๊ยดด!
เสียงล้อรถหยุดลงที่หน้าโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมืองที่ไม่ใหญ่โตมากนัก เพราะไม่ค่อยมีผู้คนเข้าออกพลุกพล่าน รวมไปถึงหมอที่นี่ก็ยังมีฝีมือที่ไม่แพ้หมอในโรงพยาบาลใหญ่ๆ อย่าง คุณหมอ ‘คอนดะ’ หมอเจ้าของไข้ของฮิโตกิและเป็นเพื่อนของคุณพ่อฮิโตกิ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ฮิโตกิเลือกที่จะรักษาขาของเขาที่โรงบาลแห่งนี้
...เมื่อเดินมาถึงประตูทางเข้าพร้อมกับผู้เป็นแม่ ก็มีรถเข็นมารับทันที การที่มีเจ้าหน้าที่เข็นรถเข็นมารับคนป่วย ซึ่งถือเป็นหน้าที่ปกติที่ทุกโรงบาลทำกัน แต่สำหรับฮิโตกิแล้ว กลับหงุดหงิดเพราะมันทำให้เขาดูเหมือนคนอ่อนแอ ทำอะไรไม่ได้ ถึงขั้นต้องมีคนเข็นรถมารับ มันน่าอายจะตายไปสำหรับเขา ดูไม่สมเป็นฮิโตกิ ผู้ที่สาวๆคลั่งไคล้เอาซะเลย! รวมไปถึงพยาบาลที่จ้องมองเขาแต่ละคน มันยิ่งทำให้ฮิโตกิรู้สึกอายที่เป็นแบบนี้ทุกที (ถึงจริงๆจะมองเพราะชอบก็เถอะ)
“ให้ตายสิ!! จะต้องเป็นแบบนี้อีกนานมั้ย!!”
ฮิโตกิบ่นออกมาลอยๆด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด ทำให้เจ้าหน้าที่เข็นรถถึงกับตกใจและรีบเข็นรถไปที่ห้องตรวจให้เร็วที่สุดโดยไม่สนใจผู้เป็นแม่ที่เดินตามมาติดๆ ทำอย่างกับว่าคนที่ขากำลังเจ็บอยู่จะลุกมาทำอะไรให้เขาได้อย่างงั้น
ณ ห้องตรวจที่แอร์ดูเย็นกว่าปกติ ก็เหมือนโรงพยาบาลทั่วไปที่หมอนั่งรอคนไข้เพื่อจะมาตรวจร่างกาย
...พอเข้ามาที่ห้องซักพัก คุณหมอคอนดะก็ตรวจขาของฮิโตกิตามปกติและเมื่อตรวจขาที่ใส่เฝือกเรียบร้อยแล้ว คุณหมอจึงให้ ฮิโตกิกลับบ้านได้แต่ก็ยังไม่ถึงเวลาที่จะเอาเฝือกออก เพราะมันยังเร็วเกินไป ทำให้ฮิโตกิรู้สึกเบื่อและหงุดหงิดอีกครั้ง
“ในส่วนของกระดูก จากที่เอกซเรย์ดูแล้ว ก็ดีขึ้นแล้วหล่ะนะ...แต่เฝือกที่มีรอยแตกนี่ ทางที่ดีคงต้องเปลี่ยนใหม่”
คุณหมอคอนดะพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้มและท่าทางที่ใจเย็น ดูเป็นคุณหมอใจดีคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ แต่ทางฝั่งฮิโตกิกลับมีท่าทีเบื่อหน่ายที่จะต้องใส่เฝือกอีกครั้ง
“ว่าแต่...ไปทำอะไรมาเฝือกถึงแตกได้ล่ะฮิโตกิคุง?...ถ้าไม่ดูแลตัวเองดีๆ น้าคงโดนพ่อของฮิโตกิคุงว่าเอาได้นะ”
ฮิโตกิหันหน้าหนีทันทีที่หมอคอนดะพูดถึงคุณพ่อ และเป็นการเลี่ยงการตอบคำถามในแบบของฮิโตกิ พลางคิดในใจ
‘ใครจะไปอยากตอบว่าโดนผู้หญิงผลักหงายหลังจนเท้าไปกระแทกกับพื้นกัน ถึงจะเอามือดันไว้ทันก็เถอะ เฝือกมันก็แตกไปนิดนึงอยู่ดี แต่ถึงขั้นต้องเปลี่ยนใหม่เลยหรอ.....ยัยซาระ!!!!’
การที่ต้องมาเปลี่ยนเฝือกอีกครั้ง เหมือนกับต้องเริ่มใส่ใหม่อีกครั้ง ทำให้ฮิโตกิแทบอยากจะดึงเฝือกทิ้ง ซะตรงนั้น ถึงจะทำจริงๆไม่ได้ก็เถอะ
...เมื่อใส่เฝือกใหม่เสร็จคุณหมอคอนดะก็พูดคุยก่อนจะออกจากห้องตรวจเพื่อนัดให้อีก 2 อาทิตย์ มาถอดเฝือกได้ เร็วกว่าปกตินิดหน่อยเพราะขาที่หักดีขึ้นมากแล้ว ทำให้ฮิโตกิเริ่มรู้สึกดีขึ้น ฮิโตกิใช้ไม้ค้ำค่อยๆพยุงตัวเดินออกจากห้องตรวจและตรงไปยังสวนสาธารณะใกล้ๆโรงพยาบาล ก่อนหน้านั้นฮิโตกิบอกให้แม่กลับไปก่อนเพราะอยากเดินเล่นแถวนี้ซักหน่อย การที่อยู่แต่บ้านมาเกือบเดือนเป็นใครก็คงเบื่อ โดยเฉพาะฮิโตกิที่แทบจะเป็นบ้าตายในช่วงแรกๆที่ใส่เฝือก การที่ไม่ได้ไปโรงเรียน ไม่เจอหน้าสาวๆที่ไหนเลย เป็นอะไรที่น่าเบื่อสำหรับ ฮิโตกิ แต่พอมาเจอซาระ ก็กลับไม่เล่นด้วยซะอย่างงั้น
“อย่าให้เจออีกนะ! จะฟาดด้วยไม้...” พูดยังไม่ทันจบก็มีเสียงใสๆตวาดขึ้นมาทันที
!!
“ฟาดด้วยไม้อะไรไม่ทราบ!?”
ฮิโตกิหันหน้าตามเสียงใสๆนั้นไป แต่ก็ต้องหันกลับมาเพราะไม่คิดว่าสิ่งที่พูดออกไปเมื่อกี้ คนที่ได้ยินจะคือยัยตัวแสบที่ทำให้เขาต้องเปลี่ยนเฝือกใหม่
“บังเอิญเห็นใครบางคนกำลังเดินลำบากอยู่ อุตส่าห์จะมาขอโทษที่ผลัก…คงไม่ต้องแล้วสินะ!” ซาระกอดอกพร้อมพูดด้วยท่าทางที่ไม่พอใจเท่าไหร่นัก
“นี่เธอตามชั้นมาถึงนี่เลยหรอ!!?” ฮิโตกิขมวดคิ้วและหันกลับไปพร้อมพูดด้วยใบหน้าเรียบเฉยอีกเหมือนเคย
“หลงตัวเองอีกแล้วนะ...ชั้นแค่บังเอิญผ่านมาเพราะแม่ใช้มาซื้อของ ชั้นคงไม่สนคนอย่างนายหรอก…ฮึ!!!”
พูดจบซาระที่กำลังจะเดินหนีออกจากตรงนั้นด้วยความโมโหอีกครั้ง ก็มีเสียงของฮิโตกิตะโกนกลับมา
“เดี๋ยว!....ไหนๆเธอก็มาแล้ว...วะ วันนี้...ชั้นเลี้ยงน้ำก็แล้วกัน”
ฮิโตกิที่นิ่งไปซักพักหลังจากสั่งให้ซาระหยุดก็พูดด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักแบบที่ไม่เคยเป็น เพราะเขาไม่เคยชวนผู้หญิงมาก่อน มีแต่พวกผู้หญิงที่ชอบมาชวนไปไหนมาไหนก่อน
“เลี้ยงเนื่องในโอกาสอะไร?...หรือคิดจะทำอะไรแปลกๆอีกแล้วใช่มั้ย!!??” ซาระถามกลับด้วยความแปลกใจเพราะตอนเจอกันครั้งเขามีแต่จะแต๊ะอั๋งเธอเท่านั้น
“ก็จะขอโทษเรื่องวันก่อนไง…อีกอย่าง...ถ้าเธอช่วยพยุงชั้นเดิน ก็ถือว่าเจ๊ากันไง” ยังไงฮิโตกิก็ยังเป็นฮิโตกิอยู่วันยังค่ำถึงแม้จะอยากขอโทษ ก็ยังไม่ทิ้งความเจ้าชู้หน้าตายของเขาอยู่ดี
ซาระยืนคิดอยู่ครู่หนึ่งว่าจะเอายังไงดี เพราะการไปผลักเขาที่ขาเจ็บแบบนี้ ก็ควรจะขอโทษและทำตามที่เขาบอกจะดีกว่าจะได้จบๆกันไป ‘แค่ช่วยพยุงคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง’ ว่าแล้วซาระจึงตอบกลับไป
“ก็ได้...ร้านไหนล่ะ?”
ฮิโตกิได้ยินแบบนั้นถึงกับแปลกใจ ไม่คิดว่าซาระจะตอบตกลงกับเขาง่ายๆ ตอนแรกที่พูดไปคิดว่าจะได้คำตอบมาว่า ไม่!! ซะอีก ฮิโตกิที่ยังเคยฝังใจที่โดนด่าว่ามีดีแค่หน้าตาจึงมีความคิดที่จะทำให้ซาระเปลี่ยนความคิดนี้ให้ได้ขึ้นมา
“แถวนี้มีร้านกาแฟอยู่ร้านนึง คิดว่าเธอน่าจะชอบ...แต่ก่อนอื่นอย่าลืมช่วยพยุงชั้นด้วย” (อ่อนแอขึ้นมาทันที)
ซาระมีท่าทีไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่แต่ก็ยอมพยุงแขนแต่โดยดี ซาระก้มหน้าและยื่นมือไปจับแขนของฮิโตกิด้วยความเขินอายเธอค่อยๆจับแขนยกขึ้น ยังไม่ทันที่แขนของฮิโตกิจะพาดไหล่ ก็มีแขนยาวเรียวของ อีกฝ่ายโอบมาที่ไหล่ของเธอแทน ซาระสะดุ้งเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ตอบโต้อะไร เพราะแขนของฮิโตกิที่โอบอยู่ดูอบอุ่นและนุ่มนวลอย่างบอกไม่ถูก
...และเมื่อเดินไปได้ซักพักซาระที่ได้กลิ่นหอมบางอย่างจากตัวของฮิโตกิมาตลอดทาง พลางคิดในใจ ‘กลิ่นหอมๆแบบนี้มัน คืออะไรกัน...น้ำหอมเหรอ?’ แต่กว่าจะรู้ตัวอีกที ก็เผลอหันใบหน้าไปซุกตรงอกของฮิโตกิเข้าโดยไม่ได้รู้ตัว
ซาระที่อยู่ๆเผลอเอาหน้ามาซุกที่หน้าอกของฮิโตกิ ทำให้เขาต้องถามด้วยความแปลกใจ
“นี่เธอ!...เป็นอะไรรึป่าว?”
ซาระสะดุ้งกับเสียงทุ้มนั้นจึงรีบดึงแขนของฮิโตกิออกทันทีด้วยใบหน้าที่ร้อนผ่าว
“ขะ ขอโทษค่ะ...เอ่อ...พอดีเผลอง่วงนิดหน่อย”
ซาระที่เผลอทำเรื่องแบบนั้นไปจึงคิดอะไรไม่ออก จึงทำให้เธอตอบแบบนั้นไป พลางคิดในใจ
‘เราตอบอะไรไป น่าอายจชะมัด...ง่วงบ้าอะไรกัน....โธ่!’
ซาระที่มารู้ตัวว่าทำได้ทำอะไรแปลกๆลงไปจึงได้แต่ยืนก้มหน้าด้วยความเขินอายอย่างที่สุด
‘กลับบ้านไปต้องไปขอโทษคุณโทรุ ที่เผลอคิดไรแปลกๆกับนายคนนี้อีกแล้ว’
“ใกล้ถึงแล้วล่ะ...เดี๋ยวหาไรกินก็หายง่วงเองแหละ”
ฮิโตกิตอบทั้งๆที่ยังคงแปลกใจกับท่าทีแปลกๆของซาระแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก
...ทั้งสองเดินมาจนถึงร้านกาแฟเล็กๆในเมืองที่หน้าร้านตกแต่งไปด้วยรูปตัวการ์ตูนต่างๆที่ดังมาจากในหนังสือและจากทางโทรทัศน์ ส่วนซาระซึ่งชอบอ่านการ์ตูนเป็นชีวิตจิตใจอยู่แล้ว พอได้มาเห็นหน้าร้านที่ตกแต่งด้วยการ์ตูนมากมายแบบนี้ถึงกับยิ้มกว้างออกมาอย่างลืมตัวและอดใจไม่ไหวที่จะวิ่งเข้าไปในร้านกาแฟทันที ทิ้งให้คนที่ขาเจ็บยืนทำหน้านิ่งอยู่หน้าร้านกาแฟ ฮิโตกิได้แต่ถอนหายใจและค่อยๆพยุงตัวเดินตามซาระเข้าไปในร้าน
ภายในร้านที่ตกแต่งด้วยการ์ตูนต่างๆ สีภายในร้านออกสีหวานๆแบบสีพาสเทลทำให้ดูเป็นร้านสำหรับผู้หญิงเอามากๆ โต๊ะและเก้าอี้ที่ถูกจัดให้อยู่ตรงมุมร้านออกแนวสูงๆเพื่อความเป็นส่วนตัว ชวนให้นึกถึงร้านพิซซ่า ตรงกลางร้านมีรูปปั้นตัวการ์ตูนตัวใหญ่ตั้งอยู่ ฮิโตกิที่ยืนหน้านิ่งอยู่ในร้าน พลางคิดในใจ ‘นี่มันร้านบ้าอะไรกัน!!!!’ ทั้งๆที่ฮิโตกิเป็นคนแนะนำให้มาร้านนี้แต่เขาก็ไม่เคยเข้ามาข้างในเลยซักครั้งก็แค่เคยเห็นเท่านั้น ถ้ารู้ว่าร้านจะหวานแหววขนาดนี้ฮิโตกิคงไม่มีทางเข้ามาเป็นแน่
ฮิโตกิที่ยืนนิ่งอยู่ในร้าน ก็มีเสียงใสๆของพนักงานสาว ที่คอยต้อนรับเป็นอย่างดี(กว่าปกติ)เดินเข้ามาหา
“มาคนเดียวเหรอคะ? ให้ช่วยมั้ยคะ”
พนักงานสาวคนแรกเดินมาถามด้วยใบหน้ายิ้มแย้มพร้อมยื่นมือมาจับที่แขนฮิโตกิทั้งๆที่ฮิโตกิยังไม่ทันได้ตอบอะไร
“เดี๋ยวชั้นช่วยพยุงเองค่ะ”
พนักงานสาวคนที่สองเดินมาจับแขนอีกข้างของฮิโตกิพร้อมทั้งถือไม้ค้ำให้ ฮิโตกิหันไปมองด้วยใบหน้านิ่ง แต่ใบหน้านั้นกลับทำให้พนักงานสาวยิ่งหลงเสน่ห์ไปใหญ่
“โต๊ะไหนดีคะ?” พนักงานคนที่สองถามด้วยใบหน้ายิ้มแย้มที่เกินกว่าปกติเหมือนกับพนักงานคนแรก
“โต๊ะของผู้หญิงที่วิ่งเข้ามาเมื่อกี้ อยู่ตรงไหนครับ?”
ฮิโตกิถามด้วยน้ำเสียงเรียบๆขณะที่สายตามองหาซาระที่วิ่งเข้ามาก่อน พนักงานสาวทั้งสองจึงพาฮิโตกิมาที่โต๊ะของซาระที่นั่งอยู่ก่อนแล้ว ซาระที่นั่งมองไปรอบๆด้วยความตื่นเต้นหันกลับมามองฮิโตกิที่มีพนักงานสาวสองคนช่วยพยุงแขนทั้งสองข้างของเขาอยู่พลางพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงประชดประชันหลังจากพนักงานสาวทั้งสองเดินออกไปแล้ว
“ทีกับชั้นแค่ชี้โต๊ะให้เดินมาเอง...นายไปหว่านเสน่ห์อะไรไว้ล่ะสิท่า” ซาระพูดด้วยน้ำเสียงแกมประชดเล็กน้อย
“ก็แค่ยืนเฉยๆ ไม่ได้ทำอะไรหนิ” ฮิโตกิพูดขณะที่สายตาก้มมองดูเมนู ทิ้งให้ซาระทำหน้าหมั่นไส้อยู่ตรงหน้าแต่ซาระก็ไม่พูดอะไรต่อและก้มมองดูเมนูตาม
...ทั้งสองสั่งน้ำเสร็จก็ได้แต่เงียบกันทั้งคู่ ซาระก็ได้แต่มองออกไปข้างนอกกระจกที่ไม่ได้มีวิวอะไรมากนัก ส่วนฮิโตกิก็เอาแต่นั่งจ้องซาระอยู่เงียบๆจนกระทั่งซาระหันกลับมาก็ยังจ้องอยู่จนต้องพูดขึ้นมา
“นี่นาย!!...จะจ้องอีกนานมั้ย!!??”
ซาระที่เริ่มรู้สึกเขินและหงุดหงิดขึ้นมากับการที่โดนฮิโตกิจ้องมองหน้าของเธอโดยไม่พูดอะไร เธอจึงพูดเสียงดังขึ้นมาอย่างลืมตัว ทำให้คนในร้านหันมามองกันยกใหญ่ แต่ฮิโตกิกลับตอบด้วยใบหน้าเรียบเฉยที่ไม่สะทกสะท้านกับเสียงนั้นเลยแม้แต่น้อย แต่กลับจ้องมองซาระและตอบกลับไป
“เวลาเธอสนใจอะไรบางอย่าง.....เธอชอบที่จะจ้องมองสิ่งนั้นนานๆมั้ย”
ฮิโตกิตอบไม่ตรงคำถามซักเท่าไหร่ ตรงกันข้ามกลับออกไปในแนวถามกลับซะด้วยซ้ำ
“เอ๋!!??”
คำพูดนั้นของฮิโตกิกลับทำให้คนฟังใจเต้นขึ้นมาทันที เพราะความหมายที่ดูกำกวมนั้นมันตรงกับสิ่งที่ฮิโตกิกำลังทำอยู่ ซาระจึงเผลออุทานออกมา และยังไม่ทันที่จะพูดอะไรต่อ พนักงานสาวก็วางแก้วที่ทั้งสองสั่งจัดวางลงบนโต๊ะพร้อมหันมายิ้มให้ฮิโตกิ ก่อนจะเดินออกไป
ซาระรีบหยิบแก้วของเธอขึ้นมาดื่มโดยไม่พูดอะไรต่อเพื่อที่จะทำเป็นลืมเรื่องที่ฮิโตกิพูดเมื่อกี้
...ขณะที่ฮิโตกิวางแก้วกาแฟลงหลังจากยกแก้วดื่มไปเมื่อสักครู่ ซาระก็สังเกตเห็นฟองนมติดอยู่ที่ริมฝีปากของฮิโตกิเข้า จึงอดที่จะบอกไม่ได้
“เอ่อ...ฟองนมหน่ะ” ซาระพูดพร้อมใช้นิ้วแตะที่ริมฝีปากตัวเองอยู่หลายครั้งเพื่อให้ฮิโตกิรู้ตัว
“หืมม? เช็ดให้ทีสี.....ด้วยมือนะ กระดาษมันสกปรก” (แลดูเอาแต่ใจ)
ฮิโตกิที่ทุกครั้งเคยเห็นแต่หน้านิ่งๆของเขามาตลอด ตอนนี้กลับมีรอยยิ้มที่มุมปากขึ้นมาอย่างน่าแปลกใจ
“ทะ ทำไมชั้นต้องทำด้วย!!”
ซาระเริ่มรู้สึกว่าตัวเองกำลังโดนแกล้งอยู่ จึงตะโกนขึ้นด้วยความโมโหขึ้นมาทันที ทำให้คนในร้านพากันหันมามองกันอีกครั้ง ขณะที่อีกฝ่ายกลับเงียบและหยิบกระดาษบนโต๊ะมาเขียนอะไรบางอย่างอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงยื่นให้ซาระ ซาระที่ก้มอ่านข้อความนั้นถึงกับเบิกตาขึ้นมาทันที ในกระดาษมีข้อความที่เขียนว่า
‘เงียบๆ และทำตามที่ชั้นบอก! เพราะถ้าไม่ทำ ชั้นคงไม่ยกโทษให้เธอแน่...รู้อะไรมั้ย? ชั้นต้องเปลี่ยนเฝือกใหม่ก็เพราะเธอ!!’
ฮิโตกิเขียนขู่ซาระและแกล้งทำเป็นโมโหก่อนยื่นหน้าเข้ามาเพื่อบังคับให้ซาระเช็ดฟองนมที่ติดบนริมฝีปากของเขา การที่ฮิโตกิเขียนขู่แบบนี้เพราะคิดว่าการทำเช่นนี้ซาระคงปฏิเสธไม่ได้ ฮิโตกิคิดว่าตอนนี้ซาระ คงอยากให้เรื่องที่เกิดขึ้นวันก่อนมันจบๆไปซะ จะได้ไม่ต้องติดค้างอะไรกันอีก อีกอย่างคนในร้านก็เริ่มไม่พอใจที่ซาระทำเสียงดังรบกวน.....และก็เป็นไปตามที่ฮิโตกิคิดไว้ เพราะซาระไม่พูดอะไรกลับมา แต่กลับยื่นมือเข้ามาใกล้ฮิโตกิแทน
...ซาระค่อยๆยื่นมือเข้าไปใกล้ด้วยความเขินอายปนโมโหอีกครั้ง ใบหน้าของเธอเริ่มร้อนขึ้นพลางบอก กับตัวเอง
‘ครั้งนี้เท่านั้นที่จะยอม! อดทนไว้ซาระ เรื่องจะได้จบๆไป’
...ซาระใช้นิ้วเรียวแตะที่ริมฝีปากอุ่นๆของฮิโตกิ ริมฝีปากนี้ที่เคยเกือบจะสัมผัสริมฝีปากของเธอ ทำให้ซาระใจเต้นกว่าเดิม เธอรีบดึงมือของเธอออกจากริมฝึปากนั้นทันที แต่มือของฮิโตกิกลับคว้าข้อมือบางๆของเธอไว้ และดึงเข้าไปใกล้ๆริมฝีปากของเขา
ฮิโตกิใช้ริมฝีปากอุ่นนั้นแตะลงบนนิ้วโป้งของซาระ และค่อยๆใช้ลิ้นเลียฟองนมที่ติดอยู่บนนิ้วเรียวของเธอ ก่อนจะค่อยๆเงยหน้าขึ้นมามองซาระที่กำลังทำตัวไม่ถูก
....
“เสียดายน่ะ”
ฮิโตกิที่กลับมาพูดด้วยใบหน้าเรียบเฉยอีกครั้ง ทำให้ซาระที่กำลังเขินแบบสุดขีดรีบดึงมือออกจากเขาทันทีบวกกับการที่รู้สึกเหมือนโดนแกล้ง จึงเผลอพูดเสียงดังขึ้นมาอีกครั้ง
“นายแกล้งกันอีกแล้วใช่มั้ย!!!...ชะ ชั้นกลับล่ะ!!”
ซาระไม่รอให้ฮิโตกิได้พูดอะไรต่อ เธอเดินออกจากร้านกาแฟไปโดยไม่หันกลับมามองคนที่นั่งอยู่ แต่แทนที่ฮิโตกิจะรู้สึกโมโหที่โดนทิ้งไว้แบบนี้ กลับกัน! ปฏิกิริยาแบบนั้นกลับทำให้ฮิโตกิรู้สึกพอใจและสนุกขึ้นมาแทน
"นี่มันแค่เริ่มต้นเท่านั้นนะ...หึ!!"
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ