Sugar Lemon ♥ คุณชายกะล่อน มัดใจ ยัยจอมเพ้อ

10.0

เขียนโดย เมอิ

วันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2558 เวลา 23.12 น.

  5 ตอน
  0 วิจารณ์
  8,687 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2558 00.06 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) [Sugar Lemon ♥ 2 : กาแฟ]

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

ณ  สวนหลังบ้านในยามสาย

 

ท่ามกลางสวนที่ดูรกร้างเหมือนไม่มีคนดูแล  แต่ยังคงความสวยงามอยู่  เพราะมันประดับไปด้วยพุ่มดอกไม้หลากหลายสีที่ยังคงบานอยู่บ้าง    ถัดไปก็จะเห็นม้านั่งกับโต๊ะที่ทำจากไม้ทาสีขาวอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่

 

แสงแดดอ่อนๆกระทบเส้นผมสีน้ำตาลของฮิโตกิที่กำลังนั่งเหม่อมองต้นไม้ข้างหน้าเหมือนกำลังคิด อะไรบางอย่างอยู่ด้วยสีหน้าที่เรียบเฉยตามเคย    ถ้าคนอื่นที่ไม่เคยรู้จักเขามาก่อนได้มาเห็นสีหน้าแบบนี้ของเขาเข้า  ก็คงไม่เข้าใจว่ากำลังรู้สึกหรือคิดอะไรอยู่กันแน่  แต่ถ้าเป็นพวกสาวๆในโรงเรียน  ที่คุ้นเคย    กับใบหน้าแบบนั้นของ  ฮิโตกิ   ทุกคนเป็นต้องตกหลุมรักและยอมให้กับใบหน้านั้นกันทุกราย   จะมีก็แต่... ‘ซาระ!’   ที่ไม่เป็นแบบนั้น  ทำให้ฮิโตกิหงุดหงิดเป็นที่สุดเพราะตั้งแต่เกิดมา   ฮิโตกิไม่เคยต้องมาทะเลาะกับผู้หญิงเลยซักครั้ง   ซึ่งสาเหตุมาจากอะไรอย่างนั้นหน่ะเหรอ   ก็คงไม่พ้นความเจ้าชู้ร้ายเงียบของเจ้าตัวนั่นแหละ สาวข้างบ้านอย่างซาระที่วันๆเอาแต่อ่านการ์ตูนทำให้ฮิโตกิหงุดหงิดจนถึงขั้นต้องมานั่งคิดแผนอะไรบางอย่างขึ้น

“ฮิโตกิ…”  เสียงคุณนายไอบาริตะโกนเรียกลูกชายของเธอ   แต่ดูเหมือนว่าลูกชายตัวแสบของเธอก็ยังคงนิ่งเฉยอยู่

“ฮิโตกิ...”  ฮิโตกิสะดุ้งเล็กน้อยเพราะมีมือบางๆของผู้เป็นแม่   เอื้อมมาแตะที่ไหล่เพื่อให้เขารู้ตัว

“ครับ...มีอะไรเหรอครับ”   ฮิโตกิถามไปด้วยท่าทางและสีหน้าที่ดูแล้วไม่ค่อยสงสัยซักเท่าไหร่

“วันนี้คุณหมอคอนดะนัดไปตรวจที่โรงบาลลูกลืมแล้วเหรอ...แล้วลูกมานั่งเหม่ออะไรตรงนี้”   

 

ผู้เป็นแม่รู้สึกสงสัยลูกชายของเธอที่มานั่งทำหน้าเหม่อลอยอยู่ในสวนแบบนี้   เธอรู้สึกว่าลูกชายของเธอแปลกๆไปจากปกติ   เพราะคนอย่างฮิโตกิ  นอกจากเรื่องขาที่เจ็บแล้ว   ก็แทบจะไม่มีเหตุผลอะไรที่จะมานั่งเหม่อแบบนี้

“อ้อ!!  ผมลืมหน่ะ   ไปเดี๋ยวนี้แหละครับ”   ฮิโตกิที่ท่าท่าลุกลี้ลุกลน   รีบคว้าไม้ค้ำและพยุงตัวเองเดินไปหน้าบ้านเพื่อที่จะไปที่รถทันที   เพราะกลัวผู้เป็นแม่จะถามอะไรขึ้นมาอีก

“ชอบทำตัวให้เข้าใจยากอยู่เรื่อยเลย  ลูกคนนี้”   คุณนายไอบาริบ่นพึมพำตามหลังลูกชายของเธอ  ที่ชอบทำตัวแบบนี้อยู่เสมอและเขาก็เริ่มเป็นแบบนี้ตั้งแต่ขึ้น ม.ต้น

 

เอี๊ยดด!

 

เสียงล้อรถหยุดลงที่หน้าโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง   ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมืองที่ไม่ใหญ่โตมากนัก   เพราะไม่ค่อยมีผู้คนเข้าออกพลุกพล่าน   รวมไปถึงหมอที่นี่ก็ยังมีฝีมือที่ไม่แพ้หมอในโรงพยาบาลใหญ่ๆ อย่าง  คุณหมอ  ‘คอนดะ’  หมอเจ้าของไข้ของฮิโตกิและเป็นเพื่อนของคุณพ่อฮิโตกิ   จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ฮิโตกิเลือกที่จะรักษาขาของเขาที่โรงบาลแห่งนี้

 

...เมื่อเดินมาถึงประตูทางเข้าพร้อมกับผู้เป็นแม่  ก็มีรถเข็นมารับทันที  การที่มีเจ้าหน้าที่เข็นรถเข็นมารับคนป่วย   ซึ่งถือเป็นหน้าที่ปกติที่ทุกโรงบาลทำกัน  แต่สำหรับฮิโตกิแล้ว   กลับหงุดหงิดเพราะมันทำให้เขาดูเหมือนคนอ่อนแอ  ทำอะไรไม่ได้ ถึงขั้นต้องมีคนเข็นรถมารับ   มันน่าอายจะตายไปสำหรับเขา  ดูไม่สมเป็นฮิโตกิ  ผู้ที่สาวๆคลั่งไคล้เอาซะเลย!  รวมไปถึงพยาบาลที่จ้องมองเขาแต่ละคน   มันยิ่งทำให้ฮิโตกิรู้สึกอายที่เป็นแบบนี้ทุกที   (ถึงจริงๆจะมองเพราะชอบก็เถอะ)

 

“ให้ตายสิ!!  จะต้องเป็นแบบนี้อีกนานมั้ย!!”   

ฮิโตกิบ่นออกมาลอยๆด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด  ทำให้เจ้าหน้าที่เข็นรถถึงกับตกใจและรีบเข็นรถไปที่ห้องตรวจให้เร็วที่สุดโดยไม่สนใจผู้เป็นแม่ที่เดินตามมาติดๆ   ทำอย่างกับว่าคนที่ขากำลังเจ็บอยู่จะลุกมาทำอะไรให้เขาได้อย่างงั้น

 

 

ณ ห้องตรวจที่แอร์ดูเย็นกว่าปกติ  ก็เหมือนโรงพยาบาลทั่วไปที่หมอนั่งรอคนไข้เพื่อจะมาตรวจร่างกาย 

 

    

 ...พอเข้ามาที่ห้องซักพัก  คุณหมอคอนดะก็ตรวจขาของฮิโตกิตามปกติและเมื่อตรวจขาที่ใส่เฝือกเรียบร้อยแล้ว  คุณหมอจึงให้         ฮิโตกิกลับบ้านได้แต่ก็ยังไม่ถึงเวลาที่จะเอาเฝือกออก  เพราะมันยังเร็วเกินไป  ทำให้ฮิโตกิรู้สึกเบื่อและหงุดหงิดอีกครั้ง

“ในส่วนของกระดูก  จากที่เอกซเรย์ดูแล้ว   ก็ดีขึ้นแล้วหล่ะนะ...แต่เฝือกที่มีรอยแตกนี่ ทางที่ดีคงต้องเปลี่ยนใหม่”

 

คุณหมอคอนดะพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้มและท่าทางที่ใจเย็น  ดูเป็นคุณหมอใจดีคนหนึ่งเลยก็ว่าได้  แต่ทางฝั่งฮิโตกิกลับมีท่าทีเบื่อหน่ายที่จะต้องใส่เฝือกอีกครั้ง

“ว่าแต่...ไปทำอะไรมาเฝือกถึงแตกได้ล่ะฮิโตกิคุง?...ถ้าไม่ดูแลตัวเองดีๆ   น้าคงโดนพ่อของฮิโตกิคุงว่าเอาได้นะ”   

 

ฮิโตกิหันหน้าหนีทันทีที่หมอคอนดะพูดถึงคุณพ่อ  และเป็นการเลี่ยงการตอบคำถามในแบบของฮิโตกิ  พลางคิดในใจ 

‘ใครจะไปอยากตอบว่าโดนผู้หญิงผลักหงายหลังจนเท้าไปกระแทกกับพื้นกัน   ถึงจะเอามือดันไว้ทันก็เถอะ  เฝือกมันก็แตกไปนิดนึงอยู่ดี     แต่ถึงขั้นต้องเปลี่ยนใหม่เลยหรอ.....ยัยซาระ!!!!’

การที่ต้องมาเปลี่ยนเฝือกอีกครั้ง  เหมือนกับต้องเริ่มใส่ใหม่อีกครั้ง   ทำให้ฮิโตกิแทบอยากจะดึงเฝือกทิ้ง   ซะตรงนั้น  ถึงจะทำจริงๆไม่ได้ก็เถอะ

 

 

...เมื่อใส่เฝือกใหม่เสร็จคุณหมอคอนดะก็พูดคุยก่อนจะออกจากห้องตรวจเพื่อนัดให้อีก 2 อาทิตย์  มาถอดเฝือกได้   เร็วกว่าปกตินิดหน่อยเพราะขาที่หักดีขึ้นมากแล้ว   ทำให้ฮิโตกิเริ่มรู้สึกดีขึ้น   ฮิโตกิใช้ไม้ค้ำค่อยๆพยุงตัวเดินออกจากห้องตรวจและตรงไปยังสวนสาธารณะใกล้ๆโรงพยาบาล   ก่อนหน้านั้นฮิโตกิบอกให้แม่กลับไปก่อนเพราะอยากเดินเล่นแถวนี้ซักหน่อย   การที่อยู่แต่บ้านมาเกือบเดือนเป็นใครก็คงเบื่อ  โดยเฉพาะฮิโตกิที่แทบจะเป็นบ้าตายในช่วงแรกๆที่ใส่เฝือก   การที่ไม่ได้ไปโรงเรียน  ไม่เจอหน้าสาวๆที่ไหนเลย  เป็นอะไรที่น่าเบื่อสำหรับ    ฮิโตกิ  แต่พอมาเจอซาระ  ก็กลับไม่เล่นด้วยซะอย่างงั้น

“อย่าให้เจออีกนะ!   จะฟาดด้วยไม้...”   พูดยังไม่ทันจบก็มีเสียงใสๆตวาดขึ้นมาทันที

 

!!

“ฟาดด้วยไม้อะไรไม่ทราบ!?”   

 

ฮิโตกิหันหน้าตามเสียงใสๆนั้นไป   แต่ก็ต้องหันกลับมาเพราะไม่คิดว่าสิ่งที่พูดออกไปเมื่อกี้   คนที่ได้ยินจะคือยัยตัวแสบที่ทำให้เขาต้องเปลี่ยนเฝือกใหม่

“บังเอิญเห็นใครบางคนกำลังเดินลำบากอยู่   อุตส่าห์จะมาขอโทษที่ผลัก…คงไม่ต้องแล้วสินะ!”    ซาระกอดอกพร้อมพูดด้วยท่าทางที่ไม่พอใจเท่าไหร่นัก

“นี่เธอตามชั้นมาถึงนี่เลยหรอ!!?”   ฮิโตกิขมวดคิ้วและหันกลับไปพร้อมพูดด้วยใบหน้าเรียบเฉยอีกเหมือนเคย

“หลงตัวเองอีกแล้วนะ...ชั้นแค่บังเอิญผ่านมาเพราะแม่ใช้มาซื้อของ   ชั้นคงไม่สนคนอย่างนายหรอก…ฮึ!!!”

 

พูดจบซาระที่กำลังจะเดินหนีออกจากตรงนั้นด้วยความโมโหอีกครั้ง   ก็มีเสียงของฮิโตกิตะโกนกลับมา

 

“เดี๋ยว!....ไหนๆเธอก็มาแล้ว...วะ วันนี้...ชั้นเลี้ยงน้ำก็แล้วกัน” 

ฮิโตกิที่นิ่งไปซักพักหลังจากสั่งให้ซาระหยุดก็พูดด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักแบบที่ไม่เคยเป็น  เพราะเขาไม่เคยชวนผู้หญิงมาก่อน       มีแต่พวกผู้หญิงที่ชอบมาชวนไปไหนมาไหนก่อน

“เลี้ยงเนื่องในโอกาสอะไร?...หรือคิดจะทำอะไรแปลกๆอีกแล้วใช่มั้ย!!??”   ซาระถามกลับด้วยความแปลกใจเพราะตอนเจอกันครั้งเขามีแต่จะแต๊ะอั๋งเธอเท่านั้น

“ก็จะขอโทษเรื่องวันก่อนไง…อีกอย่าง...ถ้าเธอช่วยพยุงชั้นเดิน  ก็ถือว่าเจ๊ากันไง”   ยังไงฮิโตกิก็ยังเป็นฮิโตกิอยู่วันยังค่ำถึงแม้จะอยากขอโทษ  ก็ยังไม่ทิ้งความเจ้าชู้หน้าตายของเขาอยู่ดี

 

ซาระยืนคิดอยู่ครู่หนึ่งว่าจะเอายังไงดี   เพราะการไปผลักเขาที่ขาเจ็บแบบนี้  ก็ควรจะขอโทษและทำตามที่เขาบอกจะดีกว่าจะได้จบๆกันไป  ‘แค่ช่วยพยุงคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง’   ว่าแล้วซาระจึงตอบกลับไป

“ก็ได้...ร้านไหนล่ะ?”

ฮิโตกิได้ยินแบบนั้นถึงกับแปลกใจ  ไม่คิดว่าซาระจะตอบตกลงกับเขาง่ายๆ  ตอนแรกที่พูดไปคิดว่าจะได้คำตอบมาว่า ไม่!! ซะอีก   ฮิโตกิที่ยังเคยฝังใจที่โดนด่าว่ามีดีแค่หน้าตาจึงมีความคิดที่จะทำให้ซาระเปลี่ยนความคิดนี้ให้ได้ขึ้นมา

“แถวนี้มีร้านกาแฟอยู่ร้านนึง   คิดว่าเธอน่าจะชอบ...แต่ก่อนอื่นอย่าลืมช่วยพยุงชั้นด้วย” (อ่อนแอขึ้นมาทันที)

ซาระมีท่าทีไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่แต่ก็ยอมพยุงแขนแต่โดยดี   ซาระก้มหน้าและยื่นมือไปจับแขนของฮิโตกิด้วยความเขินอายเธอค่อยๆจับแขนยกขึ้น   ยังไม่ทันที่แขนของฮิโตกิจะพาดไหล่   ก็มีแขนยาวเรียวของ  อีกฝ่ายโอบมาที่ไหล่ของเธอแทน  ซาระสะดุ้งเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ตอบโต้อะไร  เพราะแขนของฮิโตกิที่โอบอยู่ดูอบอุ่นและนุ่มนวลอย่างบอกไม่ถูก

 

...และเมื่อเดินไปได้ซักพักซาระที่ได้กลิ่นหอมบางอย่างจากตัวของฮิโตกิมาตลอดทาง  พลางคิดในใจ ‘กลิ่นหอมๆแบบนี้มัน          คืออะไรกัน...น้ำหอมเหรอ?’   แต่กว่าจะรู้ตัวอีกที   ก็เผลอหันใบหน้าไปซุกตรงอกของฮิโตกิเข้าโดยไม่ได้รู้ตัว

 

ซาระที่อยู่ๆเผลอเอาหน้ามาซุกที่หน้าอกของฮิโตกิ  ทำให้เขาต้องถามด้วยความแปลกใจ  

“นี่เธอ!...เป็นอะไรรึป่าว?”

ซาระสะดุ้งกับเสียงทุ้มนั้นจึงรีบดึงแขนของฮิโตกิออกทันทีด้วยใบหน้าที่ร้อนผ่าว   

“ขะ ขอโทษค่ะ...เอ่อ...พอดีเผลอง่วงนิดหน่อย”        

ซาระที่เผลอทำเรื่องแบบนั้นไปจึงคิดอะไรไม่ออก จึงทำให้เธอตอบแบบนั้นไป   พลางคิดในใจ

‘เราตอบอะไรไป  น่าอายจชะมัด...ง่วงบ้าอะไรกัน....โธ่!’  

ซาระที่มารู้ตัวว่าทำได้ทำอะไรแปลกๆลงไปจึงได้แต่ยืนก้มหน้าด้วยความเขินอายอย่างที่สุด 

‘กลับบ้านไปต้องไปขอโทษคุณโทรุ    ที่เผลอคิดไรแปลกๆกับนายคนนี้อีกแล้ว’

“ใกล้ถึงแล้วล่ะ...เดี๋ยวหาไรกินก็หายง่วงเองแหละ”   

ฮิโตกิตอบทั้งๆที่ยังคงแปลกใจกับท่าทีแปลกๆของซาระแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก

 

...ทั้งสองเดินมาจนถึงร้านกาแฟเล็กๆในเมืองที่หน้าร้านตกแต่งไปด้วยรูปตัวการ์ตูนต่างๆที่ดังมาจากในหนังสือและจากทางโทรทัศน์   ส่วนซาระซึ่งชอบอ่านการ์ตูนเป็นชีวิตจิตใจอยู่แล้ว   พอได้มาเห็นหน้าร้านที่ตกแต่งด้วยการ์ตูนมากมายแบบนี้ถึงกับยิ้มกว้างออกมาอย่างลืมตัวและอดใจไม่ไหวที่จะวิ่งเข้าไปในร้านกาแฟทันที   ทิ้งให้คนที่ขาเจ็บยืนทำหน้านิ่งอยู่หน้าร้านกาแฟ      ฮิโตกิได้แต่ถอนหายใจและค่อยๆพยุงตัวเดินตามซาระเข้าไปในร้าน 

ภายในร้านที่ตกแต่งด้วยการ์ตูนต่างๆ สีภายในร้านออกสีหวานๆแบบสีพาสเทลทำให้ดูเป็นร้านสำหรับผู้หญิงเอามากๆ โต๊ะและเก้าอี้ที่ถูกจัดให้อยู่ตรงมุมร้านออกแนวสูงๆเพื่อความเป็นส่วนตัว  ชวนให้นึกถึงร้านพิซซ่า  ตรงกลางร้านมีรูปปั้นตัวการ์ตูนตัวใหญ่ตั้งอยู่    ฮิโตกิที่ยืนหน้านิ่งอยู่ในร้าน  พลางคิดในใจ  ‘นี่มันร้านบ้าอะไรกัน!!!!’  ทั้งๆที่ฮิโตกิเป็นคนแนะนำให้มาร้านนี้แต่เขาก็ไม่เคยเข้ามาข้างในเลยซักครั้งก็แค่เคยเห็นเท่านั้น   ถ้ารู้ว่าร้านจะหวานแหววขนาดนี้ฮิโตกิคงไม่มีทางเข้ามาเป็นแน่

ฮิโตกิที่ยืนนิ่งอยู่ในร้าน  ก็มีเสียงใสๆของพนักงานสาว   ที่คอยต้อนรับเป็นอย่างดี(กว่าปกติ)เดินเข้ามาหา

“มาคนเดียวเหรอคะ?   ให้ช่วยมั้ยคะ”

พนักงานสาวคนแรกเดินมาถามด้วยใบหน้ายิ้มแย้มพร้อมยื่นมือมาจับที่แขนฮิโตกิทั้งๆที่ฮิโตกิยังไม่ทันได้ตอบอะไร

“เดี๋ยวชั้นช่วยพยุงเองค่ะ”

พนักงานสาวคนที่สองเดินมาจับแขนอีกข้างของฮิโตกิพร้อมทั้งถือไม้ค้ำให้   ฮิโตกิหันไปมองด้วยใบหน้านิ่ง            แต่ใบหน้านั้นกลับทำให้พนักงานสาวยิ่งหลงเสน่ห์ไปใหญ่

“โต๊ะไหนดีคะ?”   พนักงานคนที่สองถามด้วยใบหน้ายิ้มแย้มที่เกินกว่าปกติเหมือนกับพนักงานคนแรก

“โต๊ะของผู้หญิงที่วิ่งเข้ามาเมื่อกี้  อยู่ตรงไหนครับ?”

 

ฮิโตกิถามด้วยน้ำเสียงเรียบๆขณะที่สายตามองหาซาระที่วิ่งเข้ามาก่อน   พนักงานสาวทั้งสองจึงพาฮิโตกิมาที่โต๊ะของซาระที่นั่งอยู่ก่อนแล้ว   ซาระที่นั่งมองไปรอบๆด้วยความตื่นเต้นหันกลับมามองฮิโตกิที่มีพนักงานสาวสองคนช่วยพยุงแขนทั้งสองข้างของเขาอยู่พลางพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงประชดประชันหลังจากพนักงานสาวทั้งสองเดินออกไปแล้ว

“ทีกับชั้นแค่ชี้โต๊ะให้เดินมาเอง...นายไปหว่านเสน่ห์อะไรไว้ล่ะสิท่า”   ซาระพูดด้วยน้ำเสียงแกมประชดเล็กน้อย

“ก็แค่ยืนเฉยๆ   ไม่ได้ทำอะไรหนิ”   ฮิโตกิพูดขณะที่สายตาก้มมองดูเมนู   ทิ้งให้ซาระทำหน้าหมั่นไส้อยู่ตรงหน้าแต่ซาระก็ไม่พูดอะไรต่อและก้มมองดูเมนูตาม  

 

 

...ทั้งสองสั่งน้ำเสร็จก็ได้แต่เงียบกันทั้งคู่   ซาระก็ได้แต่มองออกไปข้างนอกกระจกที่ไม่ได้มีวิวอะไรมากนัก  ส่วนฮิโตกิก็เอาแต่นั่งจ้องซาระอยู่เงียบๆจนกระทั่งซาระหันกลับมาก็ยังจ้องอยู่จนต้องพูดขึ้นมา

“นี่นาย!!...จะจ้องอีกนานมั้ย!!??”   

 

ซาระที่เริ่มรู้สึกเขินและหงุดหงิดขึ้นมากับการที่โดนฮิโตกิจ้องมองหน้าของเธอโดยไม่พูดอะไร   เธอจึงพูดเสียงดังขึ้นมาอย่างลืมตัว   ทำให้คนในร้านหันมามองกันยกใหญ่   แต่ฮิโตกิกลับตอบด้วยใบหน้าเรียบเฉยที่ไม่สะทกสะท้านกับเสียงนั้นเลยแม้แต่น้อย     แต่กลับจ้องมองซาระและตอบกลับไป

 

“เวลาเธอสนใจอะไรบางอย่าง.....เธอชอบที่จะจ้องมองสิ่งนั้นนานๆมั้ย”  

 

ฮิโตกิตอบไม่ตรงคำถามซักเท่าไหร่   ตรงกันข้ามกลับออกไปในแนวถามกลับซะด้วยซ้ำ 

 

“เอ๋!!??”   

คำพูดนั้นของฮิโตกิกลับทำให้คนฟังใจเต้นขึ้นมาทันที   เพราะความหมายที่ดูกำกวมนั้นมันตรงกับสิ่งที่ฮิโตกิกำลังทำอยู่   ซาระจึงเผลออุทานออกมา และยังไม่ทันที่จะพูดอะไรต่อ  พนักงานสาวก็วางแก้วที่ทั้งสองสั่งจัดวางลงบนโต๊ะพร้อมหันมายิ้มให้ฮิโตกิ ก่อนจะเดินออกไป  

ซาระรีบหยิบแก้วของเธอขึ้นมาดื่มโดยไม่พูดอะไรต่อเพื่อที่จะทำเป็นลืมเรื่องที่ฮิโตกิพูดเมื่อกี้  

 

...ขณะที่ฮิโตกิวางแก้วกาแฟลงหลังจากยกแก้วดื่มไปเมื่อสักครู่   ซาระก็สังเกตเห็นฟองนมติดอยู่ที่ริมฝีปากของฮิโตกิเข้า   จึงอดที่จะบอกไม่ได้

 

“เอ่อ...ฟองนมหน่ะ”   ซาระพูดพร้อมใช้นิ้วแตะที่ริมฝีปากตัวเองอยู่หลายครั้งเพื่อให้ฮิโตกิรู้ตัว

 

“หืมม?   เช็ดให้ทีสี.....ด้วยมือนะ  กระดาษมันสกปรก”  (แลดูเอาแต่ใจ) 

 

ฮิโตกิที่ทุกครั้งเคยเห็นแต่หน้านิ่งๆของเขามาตลอด   ตอนนี้กลับมีรอยยิ้มที่มุมปากขึ้นมาอย่างน่าแปลกใจ

 

“ทะ  ทำไมชั้นต้องทำด้วย!!”

 

ซาระเริ่มรู้สึกว่าตัวเองกำลังโดนแกล้งอยู่   จึงตะโกนขึ้นด้วยความโมโหขึ้นมาทันที  ทำให้คนในร้านพากันหันมามองกันอีกครั้ง   ขณะที่อีกฝ่ายกลับเงียบและหยิบกระดาษบนโต๊ะมาเขียนอะไรบางอย่างอยู่ครู่หนึ่ง  จากนั้นจึงยื่นให้ซาระ   ซาระที่ก้มอ่านข้อความนั้นถึงกับเบิกตาขึ้นมาทันที  ในกระดาษมีข้อความที่เขียนว่า  

 

‘เงียบๆ และทำตามที่ชั้นบอก!   เพราะถ้าไม่ทำ   ชั้นคงไม่ยกโทษให้เธอแน่...รู้อะไรมั้ย?   ชั้นต้องเปลี่ยนเฝือกใหม่ก็เพราะเธอ!!’  

 

ฮิโตกิเขียนขู่ซาระและแกล้งทำเป็นโมโหก่อนยื่นหน้าเข้ามาเพื่อบังคับให้ซาระเช็ดฟองนมที่ติดบนริมฝีปากของเขา  การที่ฮิโตกิเขียนขู่แบบนี้เพราะคิดว่าการทำเช่นนี้ซาระคงปฏิเสธไม่ได้   ฮิโตกิคิดว่าตอนนี้ซาระ  คงอยากให้เรื่องที่เกิดขึ้นวันก่อนมันจบๆไปซะ จะได้ไม่ต้องติดค้างอะไรกันอีก  อีกอย่างคนในร้านก็เริ่มไม่พอใจที่ซาระทำเสียงดังรบกวน.....และก็เป็นไปตามที่ฮิโตกิคิดไว้   เพราะซาระไม่พูดอะไรกลับมา       แต่กลับยื่นมือเข้ามาใกล้ฮิโตกิแทน

 

...ซาระค่อยๆยื่นมือเข้าไปใกล้ด้วยความเขินอายปนโมโหอีกครั้ง  ใบหน้าของเธอเริ่มร้อนขึ้นพลางบอก กับตัวเอง   

‘ครั้งนี้เท่านั้นที่จะยอม!  อดทนไว้ซาระ   เรื่องจะได้จบๆไป’

 

 

...ซาระใช้นิ้วเรียวแตะที่ริมฝีปากอุ่นๆของฮิโตกิ   ริมฝีปากนี้ที่เคยเกือบจะสัมผัสริมฝีปากของเธอ   ทำให้ซาระใจเต้นกว่าเดิม   เธอรีบดึงมือของเธอออกจากริมฝึปากนั้นทันที   แต่มือของฮิโตกิกลับคว้าข้อมือบางๆของเธอไว้   และดึงเข้าไปใกล้ๆริมฝีปากของเขา   

ฮิโตกิใช้ริมฝีปากอุ่นนั้นแตะลงบนนิ้วโป้งของซาระ และค่อยๆใช้ลิ้นเลียฟองนมที่ติดอยู่บนนิ้วเรียวของเธอ   ก่อนจะค่อยๆเงยหน้าขึ้นมามองซาระที่กำลังทำตัวไม่ถูก

....

 

“เสียดายน่ะ”  

ฮิโตกิที่กลับมาพูดด้วยใบหน้าเรียบเฉยอีกครั้ง  ทำให้ซาระที่กำลังเขินแบบสุดขีดรีบดึงมือออกจากเขาทันทีบวกกับการที่รู้สึกเหมือนโดนแกล้ง  จึงเผลอพูดเสียงดังขึ้นมาอีกครั้ง

“นายแกล้งกันอีกแล้วใช่มั้ย!!!...ชะ  ชั้นกลับล่ะ!!”

 

ซาระไม่รอให้ฮิโตกิได้พูดอะไรต่อ   เธอเดินออกจากร้านกาแฟไปโดยไม่หันกลับมามองคนที่นั่งอยู่    แต่แทนที่ฮิโตกิจะรู้สึกโมโหที่โดนทิ้งไว้แบบนี้  กลับกัน!  ปฏิกิริยาแบบนั้นกลับทำให้ฮิโตกิรู้สึกพอใจและสนุกขึ้นมาแทน

 

 

"นี่มันแค่เริ่มต้นเท่านั้นนะ...หึ!!"

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา