แค้นรักแค้นเสน่หา

-

เขียนโดย ศิริพารา

วันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2558 เวลา 22.19 น.

  15 ตอน
  0 วิจารณ์
  17.71K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 11.27 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) แค้นรักแค้นเสน่หา ตอนที่ 2 100%

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
 
        ชั่วโมงต่อมาอภินราจึงเดินออกมาส่งตฤณด้านหน้า พลางคิดในใจว่าจะพูดกับเขาอย่างไรถึงจะเป็นการถนอมน้ำใจกัน หากเสียงห้าวของตฤณก็ดังขึ้นทำลายความเงียบงัน
        “เราไปคุยกันในสวนก่อนได้ไหม ตั้งแต่มาถึงผมยังไม่มีโอกาสได้คุยกับคุณตามลำพังเลย” ตฤณบอกพร้อมยิ้มเมื่อหญิงสาวพยักหน้ารับและเป็นฝ่ายเดินนำไปยังสวนที่มีม้านั่งวางอยู่หน้าน้ำพุขนาดย่อม
        เมื่อทรุดตัวลงนั่งบนม้านั่งเหล็กสีขาวสะอาดตา อภินราก็ชั่งใจสักพัก เรียบเรียงคำพูดให้ดีเพราะอยากรู้เหลือเกินว่า ระยะเวลาเพียงแค่หกเดือนที่รู้จักกันจะทำให้เขาตัดสินใจสละโสด ถ้านับกันจริงๆเธอและเขาก็เพิ่งจะรู้จักและสนิทสนมกันในเวลาไม่ถึงสี่เดือนด้วยซ้ำ แต่ยังไม่ทันเอ่ยปาก ชายหนุ่มก็ถามขึ้นเสียก่อน
        “ซีโลนอนกับคุณทุกวันเหรอเอลก้า ดูแกติดคุณเอามากๆนะ” ตฤณถาม เพราะก่อนที่หญิงสาวจะเดินออกมาส่งนี้ก็ต้องตะล่อมให้ซีโลรออยู่ข้างในพักใหญ่ แถมสายตาที่หนุ่มน้อยมองผู้เป็นอาอย่างหวงแหนก็ทำให้เขาเริ่มคิดถึงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นหลังแต่งงาน
        “ค่ะ ตั้งแต่พ่อกับแม่ของแกจากไป ซีโลก็นอนกับฉันทุกคืน ทำไมเหรอคะ?”
        ตฤณส่ายหน้าพร้อมกับรอยยิ้มที่ซ่อนความกังวลเอาไว้ “เปล่า... ผมแค่คิดว่าแกอาจจะต่อต้านถ้ารู้เราแต่งงานกัน”
        อภินราคร่ำครวญในใจเพราะไม่รู้ว่าตัวเองไปตกปากรับคำแต่งงานกับเขาตอนไหนกัน แต่ยังไงก็ต้องคุยกันให้เข้าใจเพราะเธอคงไม่ยอมตกลงแต่งงานกับผู้ชายที่เห็นว่าซีโลเป็นตัวปัญหาแน่ เมื่อเขาเป็นฝ่ายเอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมาก่อนก็เป็นโอกาสอันดี “ถ้าแกต่อต้าน คุณจะทำยังไงคะ?”
        “อย่าล้อผมเล่นน่าเอลก้า คุณคงไม่ให้ซีโลอยู่ในห้องนอนของเราทุกคืน” ตฤณถามพลางมองอย่างไม่ไว้ใจ
        “ฉันยังไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้จริงๆ แล้วก็ไม่รู้ว่าจะตอบคุณยังไงด้วย”
        ตฤณขยับตัวเล็กน้อยแล้วเอื้อมมือทั้งสองข้างไปตรึงหัวไหล่บอบบางให้เธอหันมาเผชิญหน้ามากขึ้น แล้วพูดกับเธอตามความคิดของตน
“ผมเข้าใจนะเอลก้าว่าคุณรักแกมาก ผมไม่เคยมีปัญหากับสิ่งที่คุณรักหรือชอบ ผมเข้าใจว่าซีโลยังเด็กแถมยังต้องการความรักความอบอุ่นจากคุณ แต่อย่าลืมว่าคุณก็ต้องมีชีวิตส่วนตัว ต้องสร้างครอบครัวเหมือนกัน ทำไมเราไม่มาช่วยกันผลักดันให้ซีโลเข้มแข็งขึ้น สามารถอยู่ได้ด้วยตัวเอง อย่างน้อยก็ไม่โวยวายเช่นที่เป็นตอนนี้”
        “แกชอบละเมอถึงแม่ บางวันหนักหน่อยก็ตื่นขึ้นมาร้องไห้กลางดึก” อภินราจงใจเพิ่มปัญหาให้เขาได้รับรู้ และมันเกิดขึ้นจริง ไม่ใช่เป็นเพียงสถานการณ์สมมติที่เธอใช้ลองใจเขา
        ตฤณถอนหายใจ มองใบหน้างดงามอย่างจริงจัง บอกกับตัวเองว่าจะไม่ยอมให้เรื่องเล็กน้อยเช่นนี้มาทำให้ชีวิตหลังแต่งงานของตนต้องน่าเบื่ออย่างแน่นอน “ผมก็ต้องการคุณไปไม่น้อยกว่าซีโลหรอกนะเอลก้า”
        อภินราหัวใจห่อเหี่ยวกับคำตอบ แม้ว่าเขาไม่ได้พูดออกมาตรงๆแต่เธอก็รู้ดีว่าคำพูดนั้นหมายถึงอะไร จริงอยู่ว่ามันเป็นเรื่องธรรมชาติของคู่แต่งงานที่ต้องมีช่วงเวลาแห่งเสน่หาร่วมกัน แต่ถ้าคำตอบของเขาควรต้องคำนึงถึงความรู้สึกของซีโลให้มากกว่านี้ เช่นรับปากว่าจะค่อยๆแก้ไขปัญหานี้ไปด้วยกัน ไม่ใช่บอกแค่ความต้องการของตัวเองแล้วผลักปัญหาทั้งหมดนี้มาให้เธอเพียงผู้เดียว
        “รักฉันตรงไหนคะตฤณ” เสียงหวานถามอย่างแผ่วเบา
        “ต้องถามว่า ใครบ้างที่เห็นคุณแล้วไม่ตกหลุมรักผู้หญิงสวย เพียบพร้อมไปด้วยความสามารถ ผู้ชายคนนั้นคงบ้าหรือไม่ก็ตาบอด” ตฤณเยินยอว่าที่เจ้าสาวด้วยคำพูดสวยหรู หากแต่ไม่ทำให้คนฟังปลาบปลื้มใจสักเพียงนิด
        “ฉันอายุยี่สิบหกแล้วนะคะ เจอคนมาก็มาก จะให้เข้าใจว่าคนเหล่านั้นตาบอดกันหมด ก็คงจะเป็นการคิดเข้าข้างตัวเองมากเกินไป”
        “ไม่ใช่อย่างนั้น ผมหมายถึงคุณไม่ได้เปิดใจให้ใครต่างหาก ด้วยภาระหน้าที่หลายอย่างอาจจะทำให้เสียเวลาส่วนตัวที่สาวๆบางคนออกไปสนุก พบเจอเพื่อนต่างเพศ แต่คุณกลับต้องใช้เวลาดูแลคุณพ่อและหลานชาย ซึ่งผมยกย่องชื่นชมในเรื่องนี้นะ”
        ผิดแล้ว! เธอไม่ได้ต้องการคนมายกย่องสรรเสริญ แต่ต้องการใครสักคนเข้ามาแชร์ความรู้สึกสุข ทุกข์ เศร้า เป็นเพื่อนคู่คิดที่คอยอยู่เคียงข้างเธอเท่านั้นเอง
“ขอบคุณนะคะ ฉันแค่ทำหน้าที่ของตัวเองเท่านั้น คุณไม่จำเป็นต้องมายกย่องอะไรหรอกค่ะ กลับเถอะค่ะ นี่ก็ดึกมากแล้ว ไหนพรุ่งนี้ต้องเดินทางไปต่างประเทศอีก”
        ตฤณยิ้มพร้อมมองตามร่างที่เบี่ยงตัวออกจากฝ่ามือของตนอย่างนุ่มนวล เธอลุกขึ้นแล้วเดินนำหน้าไปไม่กี่ก้าวก็ต้องชะงักฝ่าเท้าเมื่อชายหนุ่มเดินมาดักหน้าเอาไว้
        “ไม่เห็นหน้าคุณสามวัน ผมคงคิดถึงมาก” พูดด้วยน้ำเสียงทุ้มและวาดวงแขนเข้าสวมกอดร่างอรชรอย่าถือสิทธิ์
        อภินราเกร็งตัวต่อต้านเมื่อถูกจู่โจมอย่างไม่ทันตั้งตัว แต่อาการต่อต้านนั้นหายไปเมื่อข้อกังขาหนึ่งแวบเข้ามาในสมอง ทำไมเธอถึงไม่รู้สึกวาบหวามหรืออบอุ่นใจเมื่อได้สัมผัสกันอย่างแนบชิด แม้ลองเอื้อมมือไปวางไว้บนแผ่นหลังกว้าง กอดตอบเขาในนาทีต่อมาก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกใจเต้นแรงแต่อย่างใด มันเฉยชาไร้ซึ่งแรงดึงดูด เทียบไม่ได้กับความรักสมัยเรียนเสียด้วยซ้ำ!
        หากคนที่ถูกกอดตอบกลับใจชื้น หัวใจเต้นระรัว ดีใจไปกับปฏิกิริยาตอบสนองที่ได้จากเธอ ยอมให้เธอดึงตัวออกจากอ้อมกอดทั้งที่ความจริงแล้วอยากจูบลาเสียด้วยซ้ำ
        “ขับรถกลับบ้านดีๆนะคะ พรุ่งนี้ขอให้เดินทางปลอดภัย” อภินรายิ้มพร้อมโบกมืออำลาให้ชายหนุ่มที่เดินห่างออกไป รถสปอร์ตคันหรูค่อยๆเคลื่อนตัวออกจากคฤหาสน์วรโชติพร้อมๆกับความจริงอันแน่ชัดที่ประจักษ์แก่ใจอภินรา
        นั่นคือ... เธอไม่ได้รักตฤณเลยสักนิด!
        อภินราถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน เมื่อปัญหาใหม่เกิดขึ้นมาอีกหนึ่งข้อและคนที่ดูจะไม่ยอมฟังเหตุผลของเธอเลยนั่นก็คือผู้เป็นพ่อนั่นเอง หญิงสาวเดินกลับเข้าไปในตัวบ้านโดยไม่รู้เลยว่ามีสายตาคู่หนึ่งกำลังจ้องมองเธออย่างไม่กะพริบตา!
 
        “ออกรถ” ฮาร์คิฟสั่งด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เมื่อเห็นว่าร่างอรชรเดินหายไปจากระยะสายตาที่มองได้ชัดเจนจากรถยนต์ซึ่งจอดอยู่ริมรั้วของคฤหาสน์หลังใหญ่
        เขาเดินทางมาถึงประเทศไทยเมื่อสองวันที่ผ่านมา ติดตามความเคลื่อนไหวของคนตระกูลวรโชติทุกฝีก้าว รายละเอียดที่ได้จากการจ้างนักสืบเอกชนเพิ่งถึงมือในตอนเช้า และดูเหมือนว่า... พ่อบุญธรรมมากเล่ห์จะใช้ลูกสาวที่เหลือเพียงคนเดียวให้เป็นประโยชน์ในทางธุรกิจ แถมเจ้าตัวก็ยังดูเต็มอกเต็มใจถึงขั้นมายืนพลอดรักกับนักธุรกิจหนุ่มซึ่งตามรายงานระบุว่า เป็นทายาทปูนซีเมนต์และซูเปอร์มาร์เก็ตขายอุปกรณ์ก่อสร้างรายใหญ่ของประเทศ
        ฮาร์คิฟโยนเอกสารในมือเมื่อเห็นรูปถ่ายและประวัติโดยละเอียดของตฤณ เรืองโกเมศ รูปร่างสูงใหญ่ใช้ได้ แต่หน้าตานี่จืดชืดหาแรงดึงดูดไม่เจอแบบนี้ หล่อนคงใช้มารยาล่อลวงได้ไม่ยาก! ไม่อยากจะคิดว่าหลานชายของเขาจะมีนิสัยอย่างไรถ้าต้องอยู่ในความดูแลของพ่อลูกตระกูลวรโชติต่อไป
        “เอ่อ... ท่านครับ จะกลับโรงแรมเลยหรือจะแวะรับประทานอาหารเย็นก่อนครับ” รามานถามเมื่อออกรถมาได้สักพักหนึ่งแล้ว เจ้านายยังไม่บอกความต้องการให้ชัดเจนขึ้น
        “ไปกินที่โรงแรม ถามยังกับรู้ดีว่าที่นี่ร้านไหนอร่อย” ตอบด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดใจ
        เมื่อได้อ่านรายงานของนักสืบเขาก็รีบออกจากโรงแรม เดินทางไปร่วมงานเปิดตัวคอนโดมิเนียมเฟสใหม่ของบริษัท วรโชติ คอนสตรักชั่น ภายในงานเต็มไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตา ล้วนแล้วแต่เอ่ยชื่นชมในความสามารถของอภินรา วรโชติ ทั้งนั้น
        ใบหน้างดงามปรากฏตัวให้เห็นบนเวที พร้อมกับเสียงหวานที่เอ่ยถึงโครงการใหม่ให้ผู้คนได้รับรู้ สามารถตรึงสายตาของเขาให้นิ่งงัน จดจ้องอยู่ที่เธอได้อย่างเหลือเชื่อ แม้ไม่ได้เห็นเธอในระยะประชิดแต่การที่เธอยืนเด่นเป็นสง่าบนเวทีก็ทำให้เขายอมรับกับตัวเองว่า... เธอเป็นผู้หญิงที่สวยเอามากๆ อาจจะเป็นเพราะเลือดผสมของพ่อที่เป็นชาวไทยและแม่ที่เป็นยูเครน ส่วนผสมอันลงตัวที่ประกอบขึ้นเป็นเธอช่างดึงดูดสายตาต่อเพศตรงข้ามยิ่งนัก
        แต่ก็นั่นแหละ ผู้หญิงยิ่งสวยก็ยิ่งไม่น่าไว้ใจ!
        งานเลี้ยงจบลงในเวลาไม่ถึงสองชั่วโมง เขาสะกดรอยตามเธอจนมาถึงหน้าคฤหาสน์หลังใหญ่ ช่วงเวลาสองสามชั่วโมงที่ไม่มีความเคลื่อนไหวใด เขาก็ได้รับรู้ความจริงบางอย่างที่ไม่เคยได้ล่วงรู้มาก่อน มันทำให้เขาโกรธจนแทบเข้าไปเค้นเอาความจริงจากปากของอานันท์ วรโชติ ถ้าไม่ติดตรงที่ว่าอยากได้สิทธิ์ดูแลหลานชายอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
        เขาเพิ่งรู้ว่าสามปีที่แล้ว อังเดรมีแผนจะแต่งงานกับลูกสาวนักการเมืองคนหนึ่ง มีทั้งสำเนาการ์ดเชิญและคอลัมน์ข่าวกรอบเล็กๆที่ตัดมายืนยันให้ได้เห็นกับตา มันทำให้เขารู้ได้ว่าเพราะเหตุใด วาเรียถึงได้ตัดสินใจจบชีวิตลงเช่นนั้น
        หากไม่อยากคิดเลยว่าถ้าแม่ของเขารับรู้เรื่องนี้แล้วท่านจะเสียใจมากแค่ไหน แม้ว่ามาร่าไม่ใช่แม่บังเกิดเกล้า แต่ท่านก็เลี้ยงดูเขามาตั้งแต่อายุหกขวบ วาเรียคือน้องสาวต่างแม่ที่ไม่ค่อยสนิทสนมกันนัก ยิ่งผู้เป็นพ่อและมาร่าหย่าร้างกัน เขากับวาเรียก็ยิ่งห่างเหินกันมากขึ้น ฮาร์คิฟนึกตำหนิตัวเองที่ไม่ได้สนใจที่จะซักไซ้ไล่เลียงในการจากไปของวาเรียนัก มาร่าพูดอย่างไรก็เชื่อตามนั้น ด้วยไม่คิดว่าจะมีเรื่องทำร้ายจิตใจวาเรียอย่างร้ายกาจเช่นนี้เกิดขึ้น
        ระยะทางจากคฤหาสน์วรโชติกับโรงแรมที่เขาพักอยู่ไม่ไกลกันเท่าไหร่นัก แต่ด้วยการจราจรอันติดขัดของเมืองหลวงที่ความเจริญยังกระจุกตัวอยู่ที่เดียวก็ทำให้เขานั่งหน่ายใจอยู่บนรถเป็นชั่วโมง เมื่อถึงโรงแรมสุดหรูซึ่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ชายหนุ่มจึงเดินขึ้นห้องเดอะ เพนนินซูลา สูท ที่อยู่บนชั้น 34 และโทรฯลงมาสั่งอาหารเย็นก่อนที่จะอาบน้ำเรียกความสดชื่นให้ตัวเอง
        ไม่กี่นาทีต่อมาร่างสูงใหญ่ที่สวมเสื้อคลุมสีน้ำเงินเข้มเพียงตัวเดียวก็เดินออกทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้ที่ด้านหน้ามีอาหารหน้าตาน่ารับประทานเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว เขาจัดการกวาดอาหารตรงหน้าจนเกลี้ยงในเวลาอันรวดเร็ว เพียงแค่ปลายลิ้นรับรสชาติของอาหารไทย ซึ่งปรับให้มีความเผ็ดร้อนน้อยลงกว่าปกติ เขาก็ยอมรับว่าอร่อยไม่แพ้อาหารชาติอื่นๆทั้งยังนึกขึ้นได้ว่ามันเป็นเพียงอาหารมื้อที่สองของวัน
        โอ... ให้ตายสิ! เขาใช้เวลาทั้งวันให้หมดไปกับการเฝ้ามองผู้หญิงคนหนึ่ง จนลืมกระทั่งรับประทานอาหารกลางวัน ทั้งตอนนี้ภาพของร่างอรชรซึ่งอยู่ในกระโปรงตัวยาว เมื่อปะทะกับแสงไฟทำให้เห็นเงาเรือนร่างของเธออย่างชัดเจน เรียวขาสวยที่ขยับเดินไปมายังคงติดอยู่ในห้วงความคิด คลื่นความปรารถนาที่ประทุขึ้นในร่างกายทำให้เขารวดร้าวและอดที่จะแปลกใจกับปฏิกิริยาในร่างกายของตัวเองไม่ได้
        “โธ่โว้ย...” ฮาร์คิฟสบถออกมาเมื่อไม่สามารถสลัดภาพเรือนร่างน่าปรารถนาออกไปจากความคิด หากอีกใจกลับแย้งว่า อาจจะเป็นเพราะสัปดาห์ที่ผ่านมา เขาโหมงานหนักทั้งยังต้องเดินทางมาประเทศไทย กิจกรรมสุดเหวี่ยงในการปลดปล่อยน้ำเชื้อจึงต้องงดไปโดยปริยาย เมื่อเห็นผู้หญิงสวยบาดจิตบาดใจอย่างอภินรา ก็เป็นธรรมดาที่ร่างกายจะมีปฏิกิริยาอย่างรุนแรง หากได้ผู้หญิงสักคนกระโดดขึ้นมาบนเตียงแล้วพร้อมที่จะโยกไปด้วยกัน ขี้คร้านเขาจะเฉยเมยต่อเธอ
        ไหนพ่อกับมาร่ามักพูดอยู่บ่อยๆว่า ผู้หญิงไทยรักนวลสงวนตัว ไม่นิยมมีความสัมพันธ์ฉาบฉวยก่อนแต่งงาน แล้วทำไมอภินราถึงได้กอดกับผู้ชายโดยไม่สนใจสายตาของคนอื่น อาจจะเป็นเพราะยุคสมัยเปลี่ยนไป การรับเอาวัฒนธรรมตะวันตกเข้ามาอาจทำให้ค่านิยมของการดำรงชีวิตเปลี่ยนไป หรืออีกทีเธอก็คงอ่อยไอ้หน้าจืดนั่นให้หลงหัวปักหัวปำ
        ผู้หญิงบ้า! เธอก็คงไร้หัวใจไม่ต่างจากผู้เป็นพ่อ
        อีกครั้งที่ฮาร์คิฟไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมถึงต้องไปสนอกสนใจเธอขนาดนั้น เพราะสิ่งสำคัญอันดับแรกที่ต้องสะสางให้เรียบร้อยนั่นก็คือต้องรู้ให้ได้ว่า...
มาร่าใช้อะไรเป็นข้อต่อรองเพื่อให้ได้สิทธิ์ในการเลี้ยงดูซีโล?
อานันท์มีความสำคัญหรือมีบุญคุณต่อมาร่าอย่างไร มาร่าถึงได้เทิดทูนเขาเช่นนี้?
หากสามปีที่แล้วอังเดรคิดจะแต่งงานกับผู้หญิงอื่นจริง จนเป็นเหตุให้วาเรียตัดสินใจฆ่าตัวตาย เขาจะหาคนมารับผิดชอบเรื่องนี้ให้ได้ แม้ว่าจะยากเย็นสักแค่ไหน มันผู้เป็นต้นคิดเรื่องชั่วๆนี้ต้องรับผิดชอบในการตายของวาเรีย ทั้งยังต้องรับผิดชอบที่ทำให้หลานชายของเขาต้องมากำพร้าตั้งแต่เยาว์วัย!
ชายหนุ่มลุกขึ้นเต็มความสูงพร้อมกับหยิบขวดน้ำแร่สีเขียวเอาไว้ในมือ ทัศนียภาพมุมสูงริมแม่น้ำเจ้าพระยาช่างงดงามและเขาคงจะดื่มด่ำกับความงามที่เห็นได้รื่นรมย์กว่านี้ หากไม่มีเรื่องกวนใจอื่นใด ฮาร์คิฟยืนอยู่ริมกระจกใสที่มองออกไปได้กว้างแบบพาโนรามาอีกไม่นาน เขาก็เดินกลับเข้าห้องนอนโดยไม่ลืมที่จะหยิบเอกสารที่นักสืบส่งมาให้ติดมือไปด้วย ราวชั่วโมงต่อมาเอกสารราวสิบแผ่นก็ถูกขว้างลงบนพื้นอย่างแรงตามอารมณ์โทสะที่เกิดขึ้น รายงานหน้าสุดท้ายเป็นต้นเหตุที่ทำให้เขาโกรธจนหน้ามืดตาลาย เพราะสมบัติส่วนตัวของวาเรีย ซึ่งส่วนมากเป็นอสังหาริมทรัพย์ที่มาร่าซื้อเก็บสะสมและโอนกรรมสิทธิ์ให้เป็นของลูกสาว มันตกไปอยู่ในความดูแลของสองพ่อลูกตระกูลวรโชติ ซ้ำร้ายที่ดินหลายแปลงยังถูกสร้างเป็นคอนโดมิเนียม ขายสิทธิ์ขาดไปเสียแล้ว!
หากเขาไม่ได้ลุกขึ้นมาระบายความโกรธเช่นที่ควรจะเป็น แต่กลับนอนหลับตานิ่งอย่างระงับสติอารมณ์ และคนที่รู้จักเขาดีก็จะรู้ว่าตอนนี้เขากำลังมีแผนการอันน่าสะพรึงกลัว แน่นนอนว่า... คนที่ทำให้เขาต้องโกรธเช่นนี้ต้องได้รับผลจากการกระทำนั้นอย่างสาสม!

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา