Zodiac Fate I (ภาคเปิดตำนานสิบสองราศี)
9.8
เขียนโดย esther
วันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2558 เวลา 13.20 น.
10 ตอน
5 วิจารณ์
13.51K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 00.22 น. โดย เจ้าของนิยาย
9) Leroy:จุดศูนย์กลางของทุกสรรพสิ่ง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ....ในคืนวันแรม 14 ค่ำ เดือน 11...เวลาประมาณยาม 1 ณ ห้องนอนของข้าภายในห้องที่มืดสนิทนั้น...ข้าไม่ได้ยินเสียงอะไรนอกจากเสียงลมหายใจของตัวเอง...กับเสียงสายฝนนอกหน้าต่าง...ข้าไม่เห็นอะไร...นอกจากแสงของดวงไฟที่ส่องผ่านหน้าต่างมายังห้องนอนของข้าสะท้อนสายฝนที่ไหลลงตรงหน้าต่าง...เป็นลายม่านน้ำอยู่กลางห้อง...ข้าไม่รู้สึกอะไร....นอกจากความเจ็บปวดจากความโดดเดี่ยวและความทรมาณจากความเหงาทุกครั้งที่ได้ยิน เสียงที่น่าชิงชังนั้น ยามที่ข้าหลับไหล...ข้าไม่อยากได้ยินเสียงนั้นเสียงที่ก่อเปลวเพลิงแห่งความพิโรธที่สุมอยู่ภายในให้พลันลุกโชนขึ้นมันรุนแรงเสียจนอยากเชือนใบหูตัวเองทิ้งซะให้สิ้นเรื่องจำต้องตื่นขึ้นมาพร้อมใบหน้าที่แค้นเคืองนี้...
.
.....
"Leo...เจ้าเป็นคนใจกว้าง อีกทั้งมีความมั่นอกมั่นใจและเป็นตัวของตัวเองสูง
ไม่ยอมล้มเหลวหรือพ่ายแพ้...รึหวาดกลัวต่อการเปลี่ยนแปลง มันคงจะดีไม่น้อยถ้าดวงวิญญาณของมนุษย์ ที่ผ่านหมู่ดาวราชสีห์...เป็นเช่นเจ้านะ Leo"
เสียงหวานๆที่น่าหลงไหล แต่กลับเร้นไว้ด้วยความเย็นชา
"หึ...Leoเอ่ย..บางครั้งเจ้าทรนงจนไม่ยอมขอโทษ ทั้งที่ตัวเองเป็นฝ่ายผิดต้องการการยอมรับมากไปและ การเลือกคบคนมากเกินไปจนดูเหมือนดูถูกคนที่ต้อยต่ำกว่าเจ้ามันช่าง...วู่วามใจร้อนไร้เหตุผล"
อีกแล้ว...คำพูดที่เอ่ยมาอย่างเบื่อหน่าย เอื้อมระอาข้า
"Leoเอย Leo...ตัวข้านี้แปดเปื้อนไปด้วยบาปของมนุษย์ทั้งหลายอธิษฐานในกาลนิรันดร์ ขอหยุดศรัทธาไว้เพียงแค่นี้อีกครึ้งหนึ่งของดวงวิญญาณ ข้าไม่ต้องการ ขอให้เจ้ากับข้าสิ้นสุดกันแต่เพียงภพนี้หากจำต้องมีวันนั้นที่เราต้องสวนทางกันยามที่สายตาเราได้จ้องกัน ...ขอให้ข้าเป็นดั่งสายลมที่พัดผ่านเจ้าไป..."
เสียงนั้น...ทำให้ หัวใจเจ็บแปลบขึ้นมาดุจแก้วที่แตกร้าวอย่างที่ข้าไม่เคยรู้สึกมาก่อน
"Leo...มิใช่ข้าไม่รักเจ้านะ แต่ทว่าข้ารักผู้นั้นมากกว่า...ก็เท่านั้นเอง"
!!
อีกครั้งที่ข้าลืมตาขึ้นมา...ด้วยอารมณ์ที่บิดเบี้ยวดึกแล้ว...ฝนยังคงตกหนัก เวลาผ่านไปนานเท่าใด ข้าไม่ได้สังเกตุอาจเป็นเพราะสายฝนทำให้อุณหภูมิภายในห้องเย็นขึ้นเรื่อยๆความหนาวทำให้ ข้าขยับตัวชิดติดผนังห้อง ......มันเย็นจนสุดขั้วหัวใจเชียวละในห้องที่หนาวเย็นแห่งนี้ ข้ายกมือขึ้นมาปิดหูตัวเองแน่นใต้ผ้าห่ม พยายามข่มตาหลับนอนไม่อยากจะได้ยินเสียงนั้นกับถ่อยคำที่เย็นชาซ้ำไปมาค่ำคืนที่ยาวนานเหลือเกิน เสียงของเข็มนาฬิกาที่หมุนไปมันช้าจนข้าทนแทบไม่ไหวคืนที่อ้างว้างและเหน็บหนาว ... จะหันมองทางไหนไม่มีผู้ใดเลยซักคนไม่ว่าคืนนี้รึว่าคืนไหน มันก็ดูจะคล้ายๆกันทุกคืน ต้องทนฝืนผ่านไปวันต่อวันเงียบไปหมด ช่างเงียบเหลือเกิน เมื่อไหร่จะเช้าซะที.....
...
ยาม เย็นวันหนึ่ง ที่แสงอาทิตย์ใกล้ลาลับขอบฟ้า ท้องนภาเป็นสีแดงส้ม มองเห็นหมู่ดาวลางๆเพียงเล็กน้อยเมฆบางลอยมาพร้อมกับกลุ่มควัญสีเทา กระจายไปทั่วรอบบริเวณเหนือซากเมืองที่ไฟไหม้ ทาคารอท เมืองหนึ่งที่มีชื่อเสียงด้านเกษตรกรรมและอยู่ในเขตปกครองของ สหราชอาณาจักร ไทเทเนีย นั้นเองบ้านเรือนเหลือแต่ซากอิฐแดงกับเสาไม้ที่ยังมีเพลิงไหม้อยู่ตามจุดต่างๆของเมืองร่างอันไร้วิญญาณ และชิ้นส่วนต่างๆของชาวเมืองที่กระจัดกระจายอยู่เกลื่อนพื้นบ้างก็ติดอยู่ตามซากอาคารที่ถล่มทั่วทั้ง ทาคารอท เต็ม ไปด้วยกลุ่มฝุ่นควัญ คราบเลือด และเศษเนื้อผลผลิตล้วนถูกทำลายไปจนเกือบหมด รึแม้แต่บ่อน้ำก็ถูกเสาเมืองล้มทับปิดตายไปด้วยบริเวณเมืองนอกจากเสียงไหม้ ไฟของบ้านเรือนที่พุพังแล้ว ก็เห็นจะมีเพียงเสียงร่ำไห้ของผู้สูญเสียสาเหตุของมหันตภัยอันเลวร้ายนี้ คือฝีมือของ มังกรเพลิงสีเลือดนก เฮลเดลที่เพิ่งมาสร้างรังไว้ใกล้ๆกับเมือง ทาคารอท ในแถบภูผาสูงมุ่ง ตรงสู่ทางทิศเหนือของเมือง เรียบไปตามหมู่เทือกเขาที่มีน้ำตก สูงขึ้นเหนือเมฆ ระหว่างชั้นหินก่อนจะถึงยอดเขา ลึกเข้าไปในซอกของภูผา ก็จะพบถ้ำ สถานที่นั้นเองคือที่อยู่ของ เฮลเดล มังกรเพลิงภายในรังของมันนั้นเต็ม ไปด้วยเศษไม้และซากศพจำนวนมากที่ กระดูกและน้ำหนองจากซากศพปะปนทับทมกันจนก่อเป็นรูปรังขึ้นมานอกจากจะเอาไว้ พักผ่อนแล้วยังใช้เป็นอาหารของลูกน้อยที่กำลังจะเทาะเปลือกไข่ออกมาดูโลกภายนอกได้อีกด้วยแม่มังกร นอนกกไข่ไว้ด้วยกันทั้งหมดสามใบขดตัวอยู่ภายในรังอย่างสงบด้วย ร่างที่เต็มไปด้วยเกล็ดมันแววสีแดงเลือดนก มีเพียงส่วนของ ปีกผังผืดยักษ์ มือเท้า และปลายหางเท่านั้นที่ดำเงาสนิทแผ่ซ่านไออุ่นของตนไปยังลูกน้อย ใช้ใบหน้าลูบไล้ไข่ทั้งสามฟองอย่างทะนุถนอมยิ่งหลังจากนอนอยู่ซักพัก เฮลเดล ก็ต้องเปิดเปลือกตาขึ้นมาทันทีเมื่อได้กลิ่นสิ่งแปลกปลอมเข้ามา บริเวณปากถ้ำ ตนก็รู้สึกได้ถึงภัยอันตรายที่กำลังจะเกิดขึ้น
ศรีษะของมังกรเพลิงสีเลือดโผล่ออกมาจากปากถ้ำเพื่อหาทีมาของกลิ่นพิลึกดังกล่าว แววตาประกายสีทองกวาดมองไปรอบๆ และหยุดลงอยู่ที่ร่างสูงใหญ่ ของชายหนุ่ม ผมแดงสั้น นัยย์ตาสีเทาอ่อน ในม่านตาเรียวเล็กดุจตาแมวรูปหน้าได้สัดส่วน สวมชุดเกราะสีดำทั้งตัวมือขวาถือโล่ สะพายดาบยักษ์ไว้ด้านหลังทั้งสองสบตากันท่ามกลางเสียงสายลมผ่านร่องภูผา
"นักรบมังกร......ลีรอยรึ"เสียงแหบแห้งของ เฮลเดล เอ่ยขึ้นทำลายความเงียบที่น่าอึดอัดนั้น"เฮลเดล...เจ้าบุกเข้าไปทำลายเมือง ทาคาลอท เข่นฆ่าผู้คน ทำลายพืชผลเสียหายราชาแห่งสหราชอาณาจักรไทเทเนีย จึงได้จ้างวานข้าให้มาสังหารเจ้าเสียที่นี่"ชายหนุ่มพูดพร้อมตีหน้าปกติ ยืนนิ่งจ้องมอง ไปที่ดวงตาสีทองคู่ยักษ์"ท่านลีรอย กับสิ่งที่ข้าทำไปนั้น ข้ามีเหตุผลเป็นแน่"แม่มังกรบอกขณะทอดสายตามองไปภายในถ้ำ"เจ้ากำลังฟักไข่อยู่ละสิท่า"คำพูดนั้นทำให้ เฮลเดลนิ่งไปชั่วขณะ สถานะการแบบนี้เพื่ออีกสามชีวิตแล้ว ไม่ว่าอย่างไร นางก็ต้องมีชีวิตรอดต่อไปให้จงได้"จงไปซะ เฮลเดล ย้ายรังของเจ้าไปด้วย แล้วอย่าเข่นฆ่ามนุษย์อีก มิฉะนั้นแล้วข้าจำต้องฆ่าเจ้าเสีย"ลีรอยพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง มองแม่มังกรอย่างเห็นใจ"ตกลง ข้าไป"เฮลเดลรีบตอบรับข้อเสนอชายหนุ่ม"ยามใด?"ดวงตาสีเทาอ่อนส่องประกายฉายแว่ว"...เมื่อฟ้าสาง ข้าจะย้ายรังไปในทันใด"เฮลเดลเงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะตอบด้วยท่าทางเสียมิได้ลีรอย ได้ยินดังนั้นแล้ว เขาจ้องมองภายในถ้ำ ก่อนจะพยักหน้าแทนคำลาหันหลังเดินกลับไปแต่โดยดี
แต่ทว่า ร่างของเขานั้นกลับต้องลุกไหม้ไปด้วยเปลวเพลิงเมื่อถูกลูกไฟยักษ์ปะทะเข้าโจมตีจากด้านหลังเฮลเดล จ่อปากเกร็งลำคอ อัดทะลวงพ่นลูกไฟใส่ลีรอย มองเห็นเป็นแสงสว่างดวงใหญ่อยู่กลางเทือกเขามันขยี้อัดเปลวไฟใส่ชายหนุ่มอย่างบ้าคลั่ง เสียงเปลวเพลิงที่พวยพุ่งดังก้องพ่นเพลิงกาญ อันร้อนแรงนั้นจนสุดลำคอแต่ทว่า
ลีรอยยกโล่ขึ้นมากันได้ทัน กัดฟันกระแทกลูกไฟกลับใส่หน้าของ เฮลเดล
ด้วยความโกรธเกรียว"ข้าเพิ่งรู้นะ ว่ามีมังกรที่ทำตัวเยี่ยงสุนัข ลอบกัดคนจากด้านหลังเช่นเจ้าก็มีอยู่ด้วย"ชายหนุ่มพูดเสียงเหี้ยม คว้าดาบยักษ์ขึ้นมาจากด้านหลัง"ข้าสังหารมนุษย์เพื่อประทังชีวิต!! มิใช่เพื่อการละเล่นดังเช่นที่พวกมันทำ!!"เฮลเดลคำรามด้วยน้ำเสียงที่หวนสั้นและหยาบกระด้าง"งั้นข้าก็จำต้องทำตามข้อตกลง สังหารเจ้าเสีย เฮลเดล มังกรเพลิงสีเลือดนก"สิ้นเสียงของลีรอย หางของมังกรก็ฟาดลงไปที่ร่างนั้นจนพื้นดินแตกกระจายออก"ชิ...ไม่โดนหรอกรึ"เฮลเดลเปรยกับตัวเองเงาดำลอยขึ้นเหนือลำตัวของแม่มังกรท่ามกลางกลุ่มควัญที่ฟุ้งกระจายจากการโจมตีเมื่อครู่ ลีรอยพุ่งตัวเข้าใส่ร่างยักษ์นั้น จ่อปลายดาบทะลวงเข้าไปกลางลำตัวภายในร่างเฮลเดล กร๊อกซซซซซ!!เสียงคำรามของสัตว์ร้ายดังก้องไปทั่วเทือกเขา จนพื้นดินสั่นไหวด้วยแรงกระแทกของคมดาบ ทำให้เกร็ดสีโลหิตนั้นฉีกขาดปริแตกออกมาร่างของมังกรเพลิงพยศอย่างเดือดพล่านหมายจะสะบัดลีรอยให้หลุดออกไปจากร่างตนชายหนุ่มยังคงอัดดาบยักษ์เข้าไปจนมิดด้ามรวบรวมกำลังที่มีฉุดรั้งบิดปลายดาบออกเพื่อฉีกเนื้อเยื่อและเส้นเลือดขั้วหัวใจร่างยักษ์นั้น...ให้ขาดสะบั้นลงเฮลเดล กรีดร้องอย่างโหยหวน สะบัดตัวร้องครางล้มลงดิ้นอย่างทุรนทุราย บนพื้นดินที่แตกออกเป็นวงกว้างลีรอยกลั้นใจกระชากดาบยักษ์นั้นออกเลือดมังกรเพลิงสาดกระจายออกมาจากปากแผลพร้อมเศษเนื้อ ไหลนองทั่วพื้นดินโดยรอบ ร่างนั้นล้มลงนอนดีดดิ้นหอบหายใจอย่างอ่อนระทวย
ดวงตาที่เกือบจะปิดสนิทนั้น เหลือบมองร่างเล็กๆ ของชายหนุ่มมือของเขากำดาบที่เปียกชุ่มไปด้วยเลือด เดินเข้ามาใกล้"ข้า...เกลียดชังมนุษย์...มนุษย์แย่งชิงดินแดนของพวกเรา"เสียงที่แหบแห้ง เหนื่อยอ่อนเอ่ยขึ้นอย่างแผ่วเบา"สามีของเจ้าละ เฮลเดล"ชายหนุ่มถามขึ้นมา เหลือบตามองตามองภายในถ้ำ"หึ...เขาถูกมนุษย์สังหารที่ดินแดนทางใต้...ข้าเลยจำต้องมาอยู่ที่นี่"แม่มังกรหัวเราะขึ้น สมเพชในโชคชะตาของตัวเอง
"บอกข้ามา เฮลเดล เจ้าต้องการให้ข้าทำลายไข่ทั้งหมดที่อยู่ภายในรังของเจ้าด้วยรึไม่"
ประโยคนั้น ทำให้เฮลเดลพยามยามดิ้นรนจนสุดแรงเกิดหมายจะโจมตี ลีรอยอีกรอบแต่ร่างที่บาตเจ็บสาหัสนั้น ไม่อาจต้านทานความเจ็บปวดไหวได้แต่จ้องมอง ชายหนุ่มผมแดงด้วยแววตาเคียดแค้นเลือดซึมออกมาจากดวงตาทั้งสอง"รึจะให้ข้าส่งมอบมันให้กับ มังกรเพลิง รีเก็ต ที่อาศัยอยู่ทางทิศตะวันออกของป่าคามาย""...รีเก็ต?...ท่านรู้จักนางงั้นรึ"เฮลเดลถามขึ้นอย่างฉับพลัน รีลอยพยักหน้าแทนคำตอบ พร้อมคุกเข่าลงเอื้อมมือไปแตะหน้าผากแม่มังกรมืออันหยาบกรานของชายหนุ่มสัมผัสไปอย่างแผ่วเบา ดวงตาสีเทาอ่อนฉายแว่วเศร้าสร้อย"มิต้องเสียใจ รึกล่าวคำขอโทษ ท่านจำต้องทำตามหน้าที่...ข้าเข้าใจ ขอเพียงท่านดูแลลูกของข้าให้เติบโตขึ้นอย่างปลอดภัย เท่านั้นพอ"เฮลเดลพูดตัดบทไปก่อนที่ลีรอยกำลังเอ่ยอะไรบ้างอย่างออกมา"....นักรบมังกร ....ข้าเหนื่อยมามากแล้ว ....ถึงเวลาที่ข้าจะต้องพักผ่อนเสียที"หลังจากกล่าวจบ นางค่อยๆหลับตาลง ด้วยสีหน้าที่สงบนิ่งทั้งที่เลือดยังคงไหลรินออกจากดวงตาเสียงสายลมที่พัดส่งวิญญาณ ดังขึ้นตามซอกของภูผา แว่วเสียงเป็นระยะ
กว่าเหตุการ์ณนี้จะสิ้นสุดพระจันทร์ก็ได้เข้ามาแทนที่ตะวัน เสียแล้วณ บริเวณปากทางเข้าถ้ำนั้นเองลีรอยเดินออกมาจากถ้ำ พร้อมถือถุงหนังใบใหญ่อยู่ในมือเงยหน้ามองท้องฟ้ายามรัตติกาล ผิวปากขึ้นสามครั้ง
ก็ปรากฏร่างยักษ์พุ่งตัวลงมาจาก จากท้องฟ้าอันมืดมิด แรงลมจากปีกพงผืดปะทะร่างชายหนุ่มเส้นผมสีแดงปลิวไสวตามแรงลมที่ตีเข้าใบหน้า ร่างยักษ์กางปีกโอรสเข้ม เกร็ดเงาสีทองคำที่ เปล่งประกายเป็นมันแวว ผุดผ่องไปทั่วทั้งร่างทันทีที่เล็บสีดำเงา เหยียบลงสู่พื้นดินดีแล้วแล้ว ดวงตาสีขาวใสไร้แวว ส่องสว่าง จ้องมองไปที่ชายหนุ่ม
"มาเร็วเสียจริงนะ วอลท์เน่อ"
ลีรอยเอยขึ้นแทนคำทักทาย"จะไม่เร็วได้อย่างไร ข้ารอท่านอยู่บนยอดเขานี้นี่เอง ว่าแต่เป็นอย่างไรบ้างละ"ลีรอยต้องถอนหายใจออกยาวเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อครู่มังกรทอง กวาดสายตาไปทั่วพบร่างอันไร้วิญญาณของ เฮลเดล ก็พอเดาออกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นออก"ลีรอย การลบอคติในใจผู้อื่นนั้น มิใช่เรื่องง่าย ท่านควรทำใจกับเรื่องนี้เสีย"วอลท์เน่อ กล่าวคำปลอบโยนชายหนุ่มที่ท่าทางมิสู้ดีนัก ลีรอยที่ยังคงยืนนิ่งเหมือนกำลังคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย"เราจะกลับกันรึยัง ท่านลีรอย"คำถามนี้ปลุกสติของลีรอยให้หวนกลับมาอีกครั้งเขาหันหน้ามามอง มังกรทองร่างยักษ์ที่ยื้นหน้าเข้ามาใกล้ตน รอคอยคำตอบ"ยังกลับไม่ได้เรามีเรื่องที่ต้องทำกันก่อน"ประโยคสั้นๆ นี้เองทำให้วอลท์เน่อ เอียงคอขึ้นเล็กน้อยด้วยความสงสัยชายหนุ่มปีนขึ้นไปบนแผ่นหลังสีทองอย่างรวดเร็ว ก่อนจะนั่งลงและเปิดถุงหนังใบใหญ่ออกเพื่อให้ดวงตาที่ส่องสว่างนั้น หายจากความใคร่รู้"ฮะฮะฮะ ท่านจะนั่งฟักไข่ทั้งสามใบนี้หรือ"มังกรทองถามติดตลก ทำให้อีกฝ่ายทำหน้านิ่งอึ้งไป"ทำไมเจ้าไม่บอกข้าละว่าเจ้าอยากจะนั่งฟักเอง"ลีรอยพูดสวนกลับด้วยสีหน้ากรุ่มกริ่ม วอลท์เนอส่ายหน้าไปมาด้วยท่าทางร้อนร้นแทนการบอกปฎิเสธ"เอาละ!เอาละ!เราจะไปกันที่ใด"มังกรทองกล่าวตัดบทไป สยายปีกยักษ์ทั้งสองออก เตรียมพุ่งทะยานสู่ท้องฟ้า"ไปกันเถอะวอลท์เนอท์ ไปหา รีเก็ต ที่คามายกัน"ท่ามกลางฝุ่นควันที่ พัดโหมกระน่ำตามแรงลม ทั้งสองหายไปกลางท้องฟ้ายามค่ำคืน
...........................
ณ ทางด้านตะวันออกของ ทุ่งกว้าง ธาธ่า เป็นพื้นที่ราบลุ่มที่ยังอยู่ในเขตการปกครองของ สหราชอาณาจักร ไทเทเนียเทือกเขาสูง นภากระจ่าง ไร้เมฆหมอกแสงแดดยามเช้า ขนานไปกับพื้นหญ้าเขียวขจีไปสุดลูกตาบนเนินที่ราบต้นไม้ใหญ่ ที่มีลำธารน้ำเล็กๆไหลผ่านจะพบกลุ่มนักเดินทางที่หยุดพักม้ากันบริเวณนี้
นั้นคือ เหล่าเทพสิบสองราศี ที่ตอนนี้มีกันอยู่เพียงสามคนไม่รวมนางฟ้า กาบริเอลที่ กำลังตวงน้ำใส่กระบอกอยู่ริมลำธารด้วยท่าทางที่ไม่ค่อยทะมัดทะแมงเอาเสียเลย"ยังไม่ชินกับร่างมนุษย์ งั้นเหรอ เกบบี้?"เสียงที่ลอยขึ้นมาข้างๆ นั้นมาจากร่างเล็กๆ ผมสีเงิน ดวงตาสีชมพูหวานใสอดามิน่า นั้นเอง"เออ เป็นเช่นนั้นที่ท่านว่า ปกติไม่ว่าจะเป็นน้ำรึสิ่งก็ตาม เนรมิตรเอาเลยจะสะดวกกว่าแต่เมื่อลงมายังภพมนุษย์แล้ว ข้าคงเหลือเพียงพลังของแหวนวงนี้เท่านั้น"ว่าความจบ กาบริเอลก็ปิดฝากระบอกน้ำนั้นแน่น พร้อมส่งยิ้มไปให้เพื่อนเดินร่วมทางหมดบทสนทนาแล้ว หญิงสาวทั้งสองก็พากัน เดินขึ้นเนินไปยังใต้ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ เพื่อนั่งพักเงียบๆฟิลเดลโล่ นั่งเอนหลังพิงต้นไม้ใหญ่ปะติดปะต่อ ร่างของ ออสวอท หุ่นสังหาร ของอดามิน่าที่ถูกทำลายลงด้วยน้ำมือผู้ที่เป็นเจ้าของ เขาค่อยๆซ่อมแซมที่ละจุดอย่างพิถีพิถันอดามิน่าจ้องมองดูรูปร่างอันสูงใหญ่อันล่ำสันของฟิลเดลโล่ด้วยท่าทีที่ครุ่นคิดพลางขยับเข้าไปใกล้ กาบริเอล"Sagittariusของข้าจะมีใบหน้าที่ เหล่าหล่อ ล่ำสัน แถมใจดีเช่น ฟิลเดลโล่รึไม่"หญิงสาวกระซิบถามนางฟ้าด้วยความอยากรู้ในตัวคู่ครองของตน"Sagittarius มีแนวคิดที่ชัดเจน มีหลักปรัชญาในการดูแลชีวิตปรับตัวได้ดีมองการณ์ไกล ไร้ซึ้งเล่ห์เหลี่ยมชั้นเชิง แต่ถ้าจะถามถึงลักษณะพระบิดาสร้างพวกท่านมาให้เป็นคู่กัน ลักษณะภายนอกย่อมตรงตามความต้องการของท่านอยู่แล้ว"อดามิน่าได้ยินดังนั้นแล้วก็กลิ้งเกลือกไปมา บนพื้นหญ้าเขียวนุ่ม ด้วยหัวใจที่พองโต
"อ้ายยย!! อยากเจอ! อยากเจอ! อยากเจอ!"
เสียงแหล่มๆ ที่เอะอะโว้ยวายของหญิงสาวทำให้ชายหนุ่มผมแดง ดวงตาสีเหลืองอำพันที่นอนอยู่บนต้นไม้ต้องชะโงกหน้ามองลงด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับ"ข้าเองก็อยากเจอ Libra ไม่น้อยไปกว่าเจ้าหรอกยัยหนูช่วยหุบปากของเจ้าเสียที ข้าต้องการหลับไหลเพื่อฟังเสียงนาง""โธ่เอ๊ย!! ตาแก่เช่นเจ้าไม่เห็นมีเสน่ห์เลยซักนิด Libra เจอปุ๊ปมีหวังหอบเสื้อผ้าหนีเจ้าไปไกลเป็นแน่"หญิงสาวพูดสวนชายหนุ่มกลับ ส่งเสียงหัวเราะอย่างเป็นสุข"เมื่อครู่เจ้าหูหนวกรึไร เกบบี้บอกว่าพระเจ้าสร้างมาให้เป็นคู่กันไม่ว่าอย่างไรใจนางก็ย่อมมีเพียงข้า"เอรอสโหนตัวลงมาจากกิ่งไม้ กระโดดลงพื้นดินอย่างนุ่มนวลคว้ากระบอกน้ำที่ วางอยู่ข้างนางฟ้าสาวขึ้นมาดื่มอย่างหิวกระหายนางฟ้าสาว ถอนหายอย่างแผ่วเบา คิ้วชนกันที่หน้าผากดวงตาสีฟ้าใสเหม่อมองออกไปไกลยังขอบทุ่งหญ้า"อะ ขอโทษทีเมื่อกี้เจ้าเพิ่งไปเติมน้ำละสินะ เดี๋ยวข้าไปตวงคืนให้"ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นท่าทีเช่นนั้น"ไม่ใช่ๆสิ่งที่ข้าคิดอยู่ มิใช่เรื่องนี้เลยเอรอส"กาบริเอลเอ่ยพลางยกมือส่ายไปมา เพื่อทำลายในความเข้าใจผิดนั้น"ท่านกาบริเอล เป็นอะไรรึเปล่าครับ"เสียงทุ่มต่ำของ ฟิลเดลโล่ พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วง"ข้ากำลังนึกถึง คู่รักที่ไม่สมรักกันน่ะสิ""ใครกันเหรอเกบบี้ แล้วพวกเค้าทำไมกันเหรอ....ไม่สมรัก"เอรอสพูดขึ้นพร้อมกรอกน้ำใส่ปากต่อ"คู่ของราศีสิงห์และราศีกุมนั้น ข้าเกรงว่าคงเป็นการยากที่จะชักชวนให้เข้าร่วมทาง"คำพูดประโยคนั้นทำให้เทพราศีทั้งสาม จดจ้องไปที่กาบริเอลในทันใด
"Leo เกลียดชิงชัง Aquariusเป็นที่สุด ขืนเอ่ยชื่อนางขึ้นมาบุรุษผู้นั้นคงจะต้องคุ้มคลั่งด้วยอารมณ์ที่เคียดแค้นอย่างแสนสาหัส"
"อ้าวไหง เป็นเช่นนั้นละค่ะ"อดามิน่าถามขึ้นด้วยความสงสัยที่ท่วมท้น
"...Aquarius นั้นปฎิเสธLeoคู่ครองที่พระบิดาสร้างให้แล้วหันไปปันใจให้กับชายอื่น"
น้ำพวยพุ่งออกมาจากรูจมูกของหนุ่มเ้มษ เอรอสสำลักน้ำที่ตนกรอกใส่ปากจนต้องทิ้งกระบอกน้ำลงพื้น พลันยกมือขึ้นตบหัวตัวเอง
"ทำไมละครับ ในเมื่อครู่ท่านเพิ่งบอกไปว่า เราทั้งสิบสองต่างถูกสร้างมาให้เป็นคู่กันและกัน"ฟิลเดลโล่ วางร่างออสวอทลง หันมากล่าวกับนางฟ้าอย่างจริงจัง
"อาจเป็นเพราะ Aquarius นั้นเป็นคำสาปของพระเจ้า ความคิดของนางจึงค่อนข้างซับซ้อนยากนักที่จะเข้าใจตามที่ข้าเคยว่าความไปแล้ว.....พระผู้เป็นเจ้าได้นำเอาชิ้นส่วนของพระองค์มาสร้างเป็น พวกท่านขึ้นมาทั้งสิบสอง Aquariusนั้นออกจะซับซ้อนเพราะสิ่งที่ รวมร่างสร้างเป็นนางขึ้นนั้นเป็นนามธรรม"
"นามธรรม??แม้แต่คนฉลาดอย่างข้า ยังไม่เข้าใจ"เอรอสได้ยินดังนั้นก็ยกมือขึ้นเกาศรีษะทอดสายตามองกาบริเอลที่ดูท่าไม่ค่อยอยากเปิดปากบอกเรื่องนี้ซักเท่าใด
"Aquarius......นางถูกสร้างมากจากบาปของพระบิดา"
"บาปของพระเจ้า อย่างนั้นน่ะเหรอ!!"
เสียงอดามิน่าแทรกขึ้นมาเสียงหลง ประโยคนั้นตอกย้ำไปที่หัวใจนางฟ้า"ไม่ว่าอะไรก็ตามทุกสรรพสิ่งบนโลก ย่อมมีทั้งด้านมือและด้านสว่าง คงยากหากจะให้อธิบาย"กาบริเอลกล่าวเสียงเรียบ เหลือบตาลงมองต่ำ"แล้วเหตุใดLeo จึงไม่ขอให้พระเจ้าสร้างอีกคนมาเป็นคู่ครองละ"ฟิลเดลโล่ เปลี่ยนหัวข้อการสนทนา หลังเห็นสีหน้าที่ไม่สู้ดีของนางฟ้าสาว"Leo เป็นผู้ที่มีความหยิ่ง ยะโส ทรนงตนอย่างมาก มิต้องการหญิงใดนอกจากนางเขาปราถนาจะแย่งชิงนางคืนมามากกว่าจะมอบให้ผู้นั้นไป""อ๊ะ ไหนเจ้าบอกว่า Leo มันเกลียดชัง Aquarius หนักหนาไง"เอรอสทักทวงขึ้น เมื่อเรื่องราวมันเริ่มฟังดูผิดเพี้ยน
"อืม...เรืองนี้ข้าก็พูดลำบาก แต่พระบิดาบอกข้าว่าความรักนั้นเป็นปฏิภาคของความชังรักมาก ก็ ชังมาก ได้เช่นกัน นานวันก็กลับกลายเป็นความแค้น"
ทั้งสามฟังประโยคนั้นแล้วก็กลืนน้ำลายลงเฮือก จ้องหน้ากันไปมาต่างเข้าใจในความรู้สึกนั้นนี้ดี ชีวิตอันเป็นนิรันดิ์นี้ย่อมผ่านอะไรมามากจึงไม่น่าแปลกเลย..........เมื่อต่างก็เคยเจอมากับตัวเองแล้วทั้งนั้น"ข้าว่าข้าฟังมานานแระ มีเรื่องหนึ่งที่ข้าอยากรู้มากๆเลย"อดามิน่า พูดเสียงแหล่ม จดจ้องไปในดวงตาสีตาใส"เรื่องอะไรหรือ โปรดกล่าวมาเถิดหากข้ารู้ ย่อมบอกท่านตามความเป็นจริงทุกประการ""ข้าเชื่อว่าท่านรู้แน่ ....อะ"
"Aquarius นางปันใจไปให้ผู้ใด?!"
เอ รอส ชิงถามก่อนอดามิน่าที่กำลังจะอ้าปากคำถามขึ้นสร้างความขุ่นเคืองให้หญิง สาวอยู่ไม่ใช่หน่อยแต่ก็ไม่มากพอที่จะกลบความอยากรู้อยากเห็นนั้นได้ลงกาบริเอล เอื้อมมือไปหยิบกระบอกน้ำที่เอรอสทำตกไปเมื่อครู่ก่อนจะเงยหน้าตอบคำถามนั้นด้วยคำไม่กี่พยางค์
"Lucifer"
.
.....
"Leo...เจ้าเป็นคนใจกว้าง อีกทั้งมีความมั่นอกมั่นใจและเป็นตัวของตัวเองสูง
ไม่ยอมล้มเหลวหรือพ่ายแพ้...รึหวาดกลัวต่อการเปลี่ยนแปลง มันคงจะดีไม่น้อยถ้าดวงวิญญาณของมนุษย์ ที่ผ่านหมู่ดาวราชสีห์...เป็นเช่นเจ้านะ Leo"
เสียงหวานๆที่น่าหลงไหล แต่กลับเร้นไว้ด้วยความเย็นชา
"หึ...Leoเอ่ย..บางครั้งเจ้าทรนงจนไม่ยอมขอโทษ ทั้งที่ตัวเองเป็นฝ่ายผิดต้องการการยอมรับมากไปและ การเลือกคบคนมากเกินไปจนดูเหมือนดูถูกคนที่ต้อยต่ำกว่าเจ้ามันช่าง...วู่วามใจร้อนไร้เหตุผล"
อีกแล้ว...คำพูดที่เอ่ยมาอย่างเบื่อหน่าย เอื้อมระอาข้า
"Leoเอย Leo...ตัวข้านี้แปดเปื้อนไปด้วยบาปของมนุษย์ทั้งหลายอธิษฐานในกาลนิรันดร์ ขอหยุดศรัทธาไว้เพียงแค่นี้อีกครึ้งหนึ่งของดวงวิญญาณ ข้าไม่ต้องการ ขอให้เจ้ากับข้าสิ้นสุดกันแต่เพียงภพนี้หากจำต้องมีวันนั้นที่เราต้องสวนทางกันยามที่สายตาเราได้จ้องกัน ...ขอให้ข้าเป็นดั่งสายลมที่พัดผ่านเจ้าไป..."
เสียงนั้น...ทำให้ หัวใจเจ็บแปลบขึ้นมาดุจแก้วที่แตกร้าวอย่างที่ข้าไม่เคยรู้สึกมาก่อน
"Leo...มิใช่ข้าไม่รักเจ้านะ แต่ทว่าข้ารักผู้นั้นมากกว่า...ก็เท่านั้นเอง"
!!
อีกครั้งที่ข้าลืมตาขึ้นมา...ด้วยอารมณ์ที่บิดเบี้ยวดึกแล้ว...ฝนยังคงตกหนัก เวลาผ่านไปนานเท่าใด ข้าไม่ได้สังเกตุอาจเป็นเพราะสายฝนทำให้อุณหภูมิภายในห้องเย็นขึ้นเรื่อยๆความหนาวทำให้ ข้าขยับตัวชิดติดผนังห้อง ......มันเย็นจนสุดขั้วหัวใจเชียวละในห้องที่หนาวเย็นแห่งนี้ ข้ายกมือขึ้นมาปิดหูตัวเองแน่นใต้ผ้าห่ม พยายามข่มตาหลับนอนไม่อยากจะได้ยินเสียงนั้นกับถ่อยคำที่เย็นชาซ้ำไปมาค่ำคืนที่ยาวนานเหลือเกิน เสียงของเข็มนาฬิกาที่หมุนไปมันช้าจนข้าทนแทบไม่ไหวคืนที่อ้างว้างและเหน็บหนาว ... จะหันมองทางไหนไม่มีผู้ใดเลยซักคนไม่ว่าคืนนี้รึว่าคืนไหน มันก็ดูจะคล้ายๆกันทุกคืน ต้องทนฝืนผ่านไปวันต่อวันเงียบไปหมด ช่างเงียบเหลือเกิน เมื่อไหร่จะเช้าซะที.....
...
ยาม เย็นวันหนึ่ง ที่แสงอาทิตย์ใกล้ลาลับขอบฟ้า ท้องนภาเป็นสีแดงส้ม มองเห็นหมู่ดาวลางๆเพียงเล็กน้อยเมฆบางลอยมาพร้อมกับกลุ่มควัญสีเทา กระจายไปทั่วรอบบริเวณเหนือซากเมืองที่ไฟไหม้ ทาคารอท เมืองหนึ่งที่มีชื่อเสียงด้านเกษตรกรรมและอยู่ในเขตปกครองของ สหราชอาณาจักร ไทเทเนีย นั้นเองบ้านเรือนเหลือแต่ซากอิฐแดงกับเสาไม้ที่ยังมีเพลิงไหม้อยู่ตามจุดต่างๆของเมืองร่างอันไร้วิญญาณ และชิ้นส่วนต่างๆของชาวเมืองที่กระจัดกระจายอยู่เกลื่อนพื้นบ้างก็ติดอยู่ตามซากอาคารที่ถล่มทั่วทั้ง ทาคารอท เต็ม ไปด้วยกลุ่มฝุ่นควัญ คราบเลือด และเศษเนื้อผลผลิตล้วนถูกทำลายไปจนเกือบหมด รึแม้แต่บ่อน้ำก็ถูกเสาเมืองล้มทับปิดตายไปด้วยบริเวณเมืองนอกจากเสียงไหม้ ไฟของบ้านเรือนที่พุพังแล้ว ก็เห็นจะมีเพียงเสียงร่ำไห้ของผู้สูญเสียสาเหตุของมหันตภัยอันเลวร้ายนี้ คือฝีมือของ มังกรเพลิงสีเลือดนก เฮลเดลที่เพิ่งมาสร้างรังไว้ใกล้ๆกับเมือง ทาคารอท ในแถบภูผาสูงมุ่ง ตรงสู่ทางทิศเหนือของเมือง เรียบไปตามหมู่เทือกเขาที่มีน้ำตก สูงขึ้นเหนือเมฆ ระหว่างชั้นหินก่อนจะถึงยอดเขา ลึกเข้าไปในซอกของภูผา ก็จะพบถ้ำ สถานที่นั้นเองคือที่อยู่ของ เฮลเดล มังกรเพลิงภายในรังของมันนั้นเต็ม ไปด้วยเศษไม้และซากศพจำนวนมากที่ กระดูกและน้ำหนองจากซากศพปะปนทับทมกันจนก่อเป็นรูปรังขึ้นมานอกจากจะเอาไว้ พักผ่อนแล้วยังใช้เป็นอาหารของลูกน้อยที่กำลังจะเทาะเปลือกไข่ออกมาดูโลกภายนอกได้อีกด้วยแม่มังกร นอนกกไข่ไว้ด้วยกันทั้งหมดสามใบขดตัวอยู่ภายในรังอย่างสงบด้วย ร่างที่เต็มไปด้วยเกล็ดมันแววสีแดงเลือดนก มีเพียงส่วนของ ปีกผังผืดยักษ์ มือเท้า และปลายหางเท่านั้นที่ดำเงาสนิทแผ่ซ่านไออุ่นของตนไปยังลูกน้อย ใช้ใบหน้าลูบไล้ไข่ทั้งสามฟองอย่างทะนุถนอมยิ่งหลังจากนอนอยู่ซักพัก เฮลเดล ก็ต้องเปิดเปลือกตาขึ้นมาทันทีเมื่อได้กลิ่นสิ่งแปลกปลอมเข้ามา บริเวณปากถ้ำ ตนก็รู้สึกได้ถึงภัยอันตรายที่กำลังจะเกิดขึ้น
ศรีษะของมังกรเพลิงสีเลือดโผล่ออกมาจากปากถ้ำเพื่อหาทีมาของกลิ่นพิลึกดังกล่าว แววตาประกายสีทองกวาดมองไปรอบๆ และหยุดลงอยู่ที่ร่างสูงใหญ่ ของชายหนุ่ม ผมแดงสั้น นัยย์ตาสีเทาอ่อน ในม่านตาเรียวเล็กดุจตาแมวรูปหน้าได้สัดส่วน สวมชุดเกราะสีดำทั้งตัวมือขวาถือโล่ สะพายดาบยักษ์ไว้ด้านหลังทั้งสองสบตากันท่ามกลางเสียงสายลมผ่านร่องภูผา
"นักรบมังกร......ลีรอยรึ"เสียงแหบแห้งของ เฮลเดล เอ่ยขึ้นทำลายความเงียบที่น่าอึดอัดนั้น"เฮลเดล...เจ้าบุกเข้าไปทำลายเมือง ทาคาลอท เข่นฆ่าผู้คน ทำลายพืชผลเสียหายราชาแห่งสหราชอาณาจักรไทเทเนีย จึงได้จ้างวานข้าให้มาสังหารเจ้าเสียที่นี่"ชายหนุ่มพูดพร้อมตีหน้าปกติ ยืนนิ่งจ้องมอง ไปที่ดวงตาสีทองคู่ยักษ์"ท่านลีรอย กับสิ่งที่ข้าทำไปนั้น ข้ามีเหตุผลเป็นแน่"แม่มังกรบอกขณะทอดสายตามองไปภายในถ้ำ"เจ้ากำลังฟักไข่อยู่ละสิท่า"คำพูดนั้นทำให้ เฮลเดลนิ่งไปชั่วขณะ สถานะการแบบนี้เพื่ออีกสามชีวิตแล้ว ไม่ว่าอย่างไร นางก็ต้องมีชีวิตรอดต่อไปให้จงได้"จงไปซะ เฮลเดล ย้ายรังของเจ้าไปด้วย แล้วอย่าเข่นฆ่ามนุษย์อีก มิฉะนั้นแล้วข้าจำต้องฆ่าเจ้าเสีย"ลีรอยพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง มองแม่มังกรอย่างเห็นใจ"ตกลง ข้าไป"เฮลเดลรีบตอบรับข้อเสนอชายหนุ่ม"ยามใด?"ดวงตาสีเทาอ่อนส่องประกายฉายแว่ว"...เมื่อฟ้าสาง ข้าจะย้ายรังไปในทันใด"เฮลเดลเงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะตอบด้วยท่าทางเสียมิได้ลีรอย ได้ยินดังนั้นแล้ว เขาจ้องมองภายในถ้ำ ก่อนจะพยักหน้าแทนคำลาหันหลังเดินกลับไปแต่โดยดี
แต่ทว่า ร่างของเขานั้นกลับต้องลุกไหม้ไปด้วยเปลวเพลิงเมื่อถูกลูกไฟยักษ์ปะทะเข้าโจมตีจากด้านหลังเฮลเดล จ่อปากเกร็งลำคอ อัดทะลวงพ่นลูกไฟใส่ลีรอย มองเห็นเป็นแสงสว่างดวงใหญ่อยู่กลางเทือกเขามันขยี้อัดเปลวไฟใส่ชายหนุ่มอย่างบ้าคลั่ง เสียงเปลวเพลิงที่พวยพุ่งดังก้องพ่นเพลิงกาญ อันร้อนแรงนั้นจนสุดลำคอแต่ทว่า
ลีรอยยกโล่ขึ้นมากันได้ทัน กัดฟันกระแทกลูกไฟกลับใส่หน้าของ เฮลเดล
ด้วยความโกรธเกรียว"ข้าเพิ่งรู้นะ ว่ามีมังกรที่ทำตัวเยี่ยงสุนัข ลอบกัดคนจากด้านหลังเช่นเจ้าก็มีอยู่ด้วย"ชายหนุ่มพูดเสียงเหี้ยม คว้าดาบยักษ์ขึ้นมาจากด้านหลัง"ข้าสังหารมนุษย์เพื่อประทังชีวิต!! มิใช่เพื่อการละเล่นดังเช่นที่พวกมันทำ!!"เฮลเดลคำรามด้วยน้ำเสียงที่หวนสั้นและหยาบกระด้าง"งั้นข้าก็จำต้องทำตามข้อตกลง สังหารเจ้าเสีย เฮลเดล มังกรเพลิงสีเลือดนก"สิ้นเสียงของลีรอย หางของมังกรก็ฟาดลงไปที่ร่างนั้นจนพื้นดินแตกกระจายออก"ชิ...ไม่โดนหรอกรึ"เฮลเดลเปรยกับตัวเองเงาดำลอยขึ้นเหนือลำตัวของแม่มังกรท่ามกลางกลุ่มควัญที่ฟุ้งกระจายจากการโจมตีเมื่อครู่ ลีรอยพุ่งตัวเข้าใส่ร่างยักษ์นั้น จ่อปลายดาบทะลวงเข้าไปกลางลำตัวภายในร่างเฮลเดล กร๊อกซซซซซ!!เสียงคำรามของสัตว์ร้ายดังก้องไปทั่วเทือกเขา จนพื้นดินสั่นไหวด้วยแรงกระแทกของคมดาบ ทำให้เกร็ดสีโลหิตนั้นฉีกขาดปริแตกออกมาร่างของมังกรเพลิงพยศอย่างเดือดพล่านหมายจะสะบัดลีรอยให้หลุดออกไปจากร่างตนชายหนุ่มยังคงอัดดาบยักษ์เข้าไปจนมิดด้ามรวบรวมกำลังที่มีฉุดรั้งบิดปลายดาบออกเพื่อฉีกเนื้อเยื่อและเส้นเลือดขั้วหัวใจร่างยักษ์นั้น...ให้ขาดสะบั้นลงเฮลเดล กรีดร้องอย่างโหยหวน สะบัดตัวร้องครางล้มลงดิ้นอย่างทุรนทุราย บนพื้นดินที่แตกออกเป็นวงกว้างลีรอยกลั้นใจกระชากดาบยักษ์นั้นออกเลือดมังกรเพลิงสาดกระจายออกมาจากปากแผลพร้อมเศษเนื้อ ไหลนองทั่วพื้นดินโดยรอบ ร่างนั้นล้มลงนอนดีดดิ้นหอบหายใจอย่างอ่อนระทวย
ดวงตาที่เกือบจะปิดสนิทนั้น เหลือบมองร่างเล็กๆ ของชายหนุ่มมือของเขากำดาบที่เปียกชุ่มไปด้วยเลือด เดินเข้ามาใกล้"ข้า...เกลียดชังมนุษย์...มนุษย์แย่งชิงดินแดนของพวกเรา"เสียงที่แหบแห้ง เหนื่อยอ่อนเอ่ยขึ้นอย่างแผ่วเบา"สามีของเจ้าละ เฮลเดล"ชายหนุ่มถามขึ้นมา เหลือบตามองตามองภายในถ้ำ"หึ...เขาถูกมนุษย์สังหารที่ดินแดนทางใต้...ข้าเลยจำต้องมาอยู่ที่นี่"แม่มังกรหัวเราะขึ้น สมเพชในโชคชะตาของตัวเอง
"บอกข้ามา เฮลเดล เจ้าต้องการให้ข้าทำลายไข่ทั้งหมดที่อยู่ภายในรังของเจ้าด้วยรึไม่"
ประโยคนั้น ทำให้เฮลเดลพยามยามดิ้นรนจนสุดแรงเกิดหมายจะโจมตี ลีรอยอีกรอบแต่ร่างที่บาตเจ็บสาหัสนั้น ไม่อาจต้านทานความเจ็บปวดไหวได้แต่จ้องมอง ชายหนุ่มผมแดงด้วยแววตาเคียดแค้นเลือดซึมออกมาจากดวงตาทั้งสอง"รึจะให้ข้าส่งมอบมันให้กับ มังกรเพลิง รีเก็ต ที่อาศัยอยู่ทางทิศตะวันออกของป่าคามาย""...รีเก็ต?...ท่านรู้จักนางงั้นรึ"เฮลเดลถามขึ้นอย่างฉับพลัน รีลอยพยักหน้าแทนคำตอบ พร้อมคุกเข่าลงเอื้อมมือไปแตะหน้าผากแม่มังกรมืออันหยาบกรานของชายหนุ่มสัมผัสไปอย่างแผ่วเบา ดวงตาสีเทาอ่อนฉายแว่วเศร้าสร้อย"มิต้องเสียใจ รึกล่าวคำขอโทษ ท่านจำต้องทำตามหน้าที่...ข้าเข้าใจ ขอเพียงท่านดูแลลูกของข้าให้เติบโตขึ้นอย่างปลอดภัย เท่านั้นพอ"เฮลเดลพูดตัดบทไปก่อนที่ลีรอยกำลังเอ่ยอะไรบ้างอย่างออกมา"....นักรบมังกร ....ข้าเหนื่อยมามากแล้ว ....ถึงเวลาที่ข้าจะต้องพักผ่อนเสียที"หลังจากกล่าวจบ นางค่อยๆหลับตาลง ด้วยสีหน้าที่สงบนิ่งทั้งที่เลือดยังคงไหลรินออกจากดวงตาเสียงสายลมที่พัดส่งวิญญาณ ดังขึ้นตามซอกของภูผา แว่วเสียงเป็นระยะ
กว่าเหตุการ์ณนี้จะสิ้นสุดพระจันทร์ก็ได้เข้ามาแทนที่ตะวัน เสียแล้วณ บริเวณปากทางเข้าถ้ำนั้นเองลีรอยเดินออกมาจากถ้ำ พร้อมถือถุงหนังใบใหญ่อยู่ในมือเงยหน้ามองท้องฟ้ายามรัตติกาล ผิวปากขึ้นสามครั้ง
ก็ปรากฏร่างยักษ์พุ่งตัวลงมาจาก จากท้องฟ้าอันมืดมิด แรงลมจากปีกพงผืดปะทะร่างชายหนุ่มเส้นผมสีแดงปลิวไสวตามแรงลมที่ตีเข้าใบหน้า ร่างยักษ์กางปีกโอรสเข้ม เกร็ดเงาสีทองคำที่ เปล่งประกายเป็นมันแวว ผุดผ่องไปทั่วทั้งร่างทันทีที่เล็บสีดำเงา เหยียบลงสู่พื้นดินดีแล้วแล้ว ดวงตาสีขาวใสไร้แวว ส่องสว่าง จ้องมองไปที่ชายหนุ่ม
"มาเร็วเสียจริงนะ วอลท์เน่อ"
ลีรอยเอยขึ้นแทนคำทักทาย"จะไม่เร็วได้อย่างไร ข้ารอท่านอยู่บนยอดเขานี้นี่เอง ว่าแต่เป็นอย่างไรบ้างละ"ลีรอยต้องถอนหายใจออกยาวเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อครู่มังกรทอง กวาดสายตาไปทั่วพบร่างอันไร้วิญญาณของ เฮลเดล ก็พอเดาออกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นออก"ลีรอย การลบอคติในใจผู้อื่นนั้น มิใช่เรื่องง่าย ท่านควรทำใจกับเรื่องนี้เสีย"วอลท์เน่อ กล่าวคำปลอบโยนชายหนุ่มที่ท่าทางมิสู้ดีนัก ลีรอยที่ยังคงยืนนิ่งเหมือนกำลังคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย"เราจะกลับกันรึยัง ท่านลีรอย"คำถามนี้ปลุกสติของลีรอยให้หวนกลับมาอีกครั้งเขาหันหน้ามามอง มังกรทองร่างยักษ์ที่ยื้นหน้าเข้ามาใกล้ตน รอคอยคำตอบ"ยังกลับไม่ได้เรามีเรื่องที่ต้องทำกันก่อน"ประโยคสั้นๆ นี้เองทำให้วอลท์เน่อ เอียงคอขึ้นเล็กน้อยด้วยความสงสัยชายหนุ่มปีนขึ้นไปบนแผ่นหลังสีทองอย่างรวดเร็ว ก่อนจะนั่งลงและเปิดถุงหนังใบใหญ่ออกเพื่อให้ดวงตาที่ส่องสว่างนั้น หายจากความใคร่รู้"ฮะฮะฮะ ท่านจะนั่งฟักไข่ทั้งสามใบนี้หรือ"มังกรทองถามติดตลก ทำให้อีกฝ่ายทำหน้านิ่งอึ้งไป"ทำไมเจ้าไม่บอกข้าละว่าเจ้าอยากจะนั่งฟักเอง"ลีรอยพูดสวนกลับด้วยสีหน้ากรุ่มกริ่ม วอลท์เนอส่ายหน้าไปมาด้วยท่าทางร้อนร้นแทนการบอกปฎิเสธ"เอาละ!เอาละ!เราจะไปกันที่ใด"มังกรทองกล่าวตัดบทไป สยายปีกยักษ์ทั้งสองออก เตรียมพุ่งทะยานสู่ท้องฟ้า"ไปกันเถอะวอลท์เนอท์ ไปหา รีเก็ต ที่คามายกัน"ท่ามกลางฝุ่นควันที่ พัดโหมกระน่ำตามแรงลม ทั้งสองหายไปกลางท้องฟ้ายามค่ำคืน
...........................
ณ ทางด้านตะวันออกของ ทุ่งกว้าง ธาธ่า เป็นพื้นที่ราบลุ่มที่ยังอยู่ในเขตการปกครองของ สหราชอาณาจักร ไทเทเนียเทือกเขาสูง นภากระจ่าง ไร้เมฆหมอกแสงแดดยามเช้า ขนานไปกับพื้นหญ้าเขียวขจีไปสุดลูกตาบนเนินที่ราบต้นไม้ใหญ่ ที่มีลำธารน้ำเล็กๆไหลผ่านจะพบกลุ่มนักเดินทางที่หยุดพักม้ากันบริเวณนี้
นั้นคือ เหล่าเทพสิบสองราศี ที่ตอนนี้มีกันอยู่เพียงสามคนไม่รวมนางฟ้า กาบริเอลที่ กำลังตวงน้ำใส่กระบอกอยู่ริมลำธารด้วยท่าทางที่ไม่ค่อยทะมัดทะแมงเอาเสียเลย"ยังไม่ชินกับร่างมนุษย์ งั้นเหรอ เกบบี้?"เสียงที่ลอยขึ้นมาข้างๆ นั้นมาจากร่างเล็กๆ ผมสีเงิน ดวงตาสีชมพูหวานใสอดามิน่า นั้นเอง"เออ เป็นเช่นนั้นที่ท่านว่า ปกติไม่ว่าจะเป็นน้ำรึสิ่งก็ตาม เนรมิตรเอาเลยจะสะดวกกว่าแต่เมื่อลงมายังภพมนุษย์แล้ว ข้าคงเหลือเพียงพลังของแหวนวงนี้เท่านั้น"ว่าความจบ กาบริเอลก็ปิดฝากระบอกน้ำนั้นแน่น พร้อมส่งยิ้มไปให้เพื่อนเดินร่วมทางหมดบทสนทนาแล้ว หญิงสาวทั้งสองก็พากัน เดินขึ้นเนินไปยังใต้ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ เพื่อนั่งพักเงียบๆฟิลเดลโล่ นั่งเอนหลังพิงต้นไม้ใหญ่ปะติดปะต่อ ร่างของ ออสวอท หุ่นสังหาร ของอดามิน่าที่ถูกทำลายลงด้วยน้ำมือผู้ที่เป็นเจ้าของ เขาค่อยๆซ่อมแซมที่ละจุดอย่างพิถีพิถันอดามิน่าจ้องมองดูรูปร่างอันสูงใหญ่อันล่ำสันของฟิลเดลโล่ด้วยท่าทีที่ครุ่นคิดพลางขยับเข้าไปใกล้ กาบริเอล"Sagittariusของข้าจะมีใบหน้าที่ เหล่าหล่อ ล่ำสัน แถมใจดีเช่น ฟิลเดลโล่รึไม่"หญิงสาวกระซิบถามนางฟ้าด้วยความอยากรู้ในตัวคู่ครองของตน"Sagittarius มีแนวคิดที่ชัดเจน มีหลักปรัชญาในการดูแลชีวิตปรับตัวได้ดีมองการณ์ไกล ไร้ซึ้งเล่ห์เหลี่ยมชั้นเชิง แต่ถ้าจะถามถึงลักษณะพระบิดาสร้างพวกท่านมาให้เป็นคู่กัน ลักษณะภายนอกย่อมตรงตามความต้องการของท่านอยู่แล้ว"อดามิน่าได้ยินดังนั้นแล้วก็กลิ้งเกลือกไปมา บนพื้นหญ้าเขียวนุ่ม ด้วยหัวใจที่พองโต
"อ้ายยย!! อยากเจอ! อยากเจอ! อยากเจอ!"
เสียงแหล่มๆ ที่เอะอะโว้ยวายของหญิงสาวทำให้ชายหนุ่มผมแดง ดวงตาสีเหลืองอำพันที่นอนอยู่บนต้นไม้ต้องชะโงกหน้ามองลงด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับ"ข้าเองก็อยากเจอ Libra ไม่น้อยไปกว่าเจ้าหรอกยัยหนูช่วยหุบปากของเจ้าเสียที ข้าต้องการหลับไหลเพื่อฟังเสียงนาง""โธ่เอ๊ย!! ตาแก่เช่นเจ้าไม่เห็นมีเสน่ห์เลยซักนิด Libra เจอปุ๊ปมีหวังหอบเสื้อผ้าหนีเจ้าไปไกลเป็นแน่"หญิงสาวพูดสวนชายหนุ่มกลับ ส่งเสียงหัวเราะอย่างเป็นสุข"เมื่อครู่เจ้าหูหนวกรึไร เกบบี้บอกว่าพระเจ้าสร้างมาให้เป็นคู่กันไม่ว่าอย่างไรใจนางก็ย่อมมีเพียงข้า"เอรอสโหนตัวลงมาจากกิ่งไม้ กระโดดลงพื้นดินอย่างนุ่มนวลคว้ากระบอกน้ำที่ วางอยู่ข้างนางฟ้าสาวขึ้นมาดื่มอย่างหิวกระหายนางฟ้าสาว ถอนหายอย่างแผ่วเบา คิ้วชนกันที่หน้าผากดวงตาสีฟ้าใสเหม่อมองออกไปไกลยังขอบทุ่งหญ้า"อะ ขอโทษทีเมื่อกี้เจ้าเพิ่งไปเติมน้ำละสินะ เดี๋ยวข้าไปตวงคืนให้"ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นท่าทีเช่นนั้น"ไม่ใช่ๆสิ่งที่ข้าคิดอยู่ มิใช่เรื่องนี้เลยเอรอส"กาบริเอลเอ่ยพลางยกมือส่ายไปมา เพื่อทำลายในความเข้าใจผิดนั้น"ท่านกาบริเอล เป็นอะไรรึเปล่าครับ"เสียงทุ่มต่ำของ ฟิลเดลโล่ พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วง"ข้ากำลังนึกถึง คู่รักที่ไม่สมรักกันน่ะสิ""ใครกันเหรอเกบบี้ แล้วพวกเค้าทำไมกันเหรอ....ไม่สมรัก"เอรอสพูดขึ้นพร้อมกรอกน้ำใส่ปากต่อ"คู่ของราศีสิงห์และราศีกุมนั้น ข้าเกรงว่าคงเป็นการยากที่จะชักชวนให้เข้าร่วมทาง"คำพูดประโยคนั้นทำให้เทพราศีทั้งสาม จดจ้องไปที่กาบริเอลในทันใด
"Leo เกลียดชิงชัง Aquariusเป็นที่สุด ขืนเอ่ยชื่อนางขึ้นมาบุรุษผู้นั้นคงจะต้องคุ้มคลั่งด้วยอารมณ์ที่เคียดแค้นอย่างแสนสาหัส"
"อ้าวไหง เป็นเช่นนั้นละค่ะ"อดามิน่าถามขึ้นด้วยความสงสัยที่ท่วมท้น
"...Aquarius นั้นปฎิเสธLeoคู่ครองที่พระบิดาสร้างให้แล้วหันไปปันใจให้กับชายอื่น"
น้ำพวยพุ่งออกมาจากรูจมูกของหนุ่มเ้มษ เอรอสสำลักน้ำที่ตนกรอกใส่ปากจนต้องทิ้งกระบอกน้ำลงพื้น พลันยกมือขึ้นตบหัวตัวเอง
"ทำไมละครับ ในเมื่อครู่ท่านเพิ่งบอกไปว่า เราทั้งสิบสองต่างถูกสร้างมาให้เป็นคู่กันและกัน"ฟิลเดลโล่ วางร่างออสวอทลง หันมากล่าวกับนางฟ้าอย่างจริงจัง
"อาจเป็นเพราะ Aquarius นั้นเป็นคำสาปของพระเจ้า ความคิดของนางจึงค่อนข้างซับซ้อนยากนักที่จะเข้าใจตามที่ข้าเคยว่าความไปแล้ว.....พระผู้เป็นเจ้าได้นำเอาชิ้นส่วนของพระองค์มาสร้างเป็น พวกท่านขึ้นมาทั้งสิบสอง Aquariusนั้นออกจะซับซ้อนเพราะสิ่งที่ รวมร่างสร้างเป็นนางขึ้นนั้นเป็นนามธรรม"
"นามธรรม??แม้แต่คนฉลาดอย่างข้า ยังไม่เข้าใจ"เอรอสได้ยินดังนั้นก็ยกมือขึ้นเกาศรีษะทอดสายตามองกาบริเอลที่ดูท่าไม่ค่อยอยากเปิดปากบอกเรื่องนี้ซักเท่าใด
"Aquarius......นางถูกสร้างมากจากบาปของพระบิดา"
"บาปของพระเจ้า อย่างนั้นน่ะเหรอ!!"
เสียงอดามิน่าแทรกขึ้นมาเสียงหลง ประโยคนั้นตอกย้ำไปที่หัวใจนางฟ้า"ไม่ว่าอะไรก็ตามทุกสรรพสิ่งบนโลก ย่อมมีทั้งด้านมือและด้านสว่าง คงยากหากจะให้อธิบาย"กาบริเอลกล่าวเสียงเรียบ เหลือบตาลงมองต่ำ"แล้วเหตุใดLeo จึงไม่ขอให้พระเจ้าสร้างอีกคนมาเป็นคู่ครองละ"ฟิลเดลโล่ เปลี่ยนหัวข้อการสนทนา หลังเห็นสีหน้าที่ไม่สู้ดีของนางฟ้าสาว"Leo เป็นผู้ที่มีความหยิ่ง ยะโส ทรนงตนอย่างมาก มิต้องการหญิงใดนอกจากนางเขาปราถนาจะแย่งชิงนางคืนมามากกว่าจะมอบให้ผู้นั้นไป""อ๊ะ ไหนเจ้าบอกว่า Leo มันเกลียดชัง Aquarius หนักหนาไง"เอรอสทักทวงขึ้น เมื่อเรื่องราวมันเริ่มฟังดูผิดเพี้ยน
"อืม...เรืองนี้ข้าก็พูดลำบาก แต่พระบิดาบอกข้าว่าความรักนั้นเป็นปฏิภาคของความชังรักมาก ก็ ชังมาก ได้เช่นกัน นานวันก็กลับกลายเป็นความแค้น"
ทั้งสามฟังประโยคนั้นแล้วก็กลืนน้ำลายลงเฮือก จ้องหน้ากันไปมาต่างเข้าใจในความรู้สึกนั้นนี้ดี ชีวิตอันเป็นนิรันดิ์นี้ย่อมผ่านอะไรมามากจึงไม่น่าแปลกเลย..........เมื่อต่างก็เคยเจอมากับตัวเองแล้วทั้งนั้น"ข้าว่าข้าฟังมานานแระ มีเรื่องหนึ่งที่ข้าอยากรู้มากๆเลย"อดามิน่า พูดเสียงแหล่ม จดจ้องไปในดวงตาสีตาใส"เรื่องอะไรหรือ โปรดกล่าวมาเถิดหากข้ารู้ ย่อมบอกท่านตามความเป็นจริงทุกประการ""ข้าเชื่อว่าท่านรู้แน่ ....อะ"
"Aquarius นางปันใจไปให้ผู้ใด?!"
เอ รอส ชิงถามก่อนอดามิน่าที่กำลังจะอ้าปากคำถามขึ้นสร้างความขุ่นเคืองให้หญิง สาวอยู่ไม่ใช่หน่อยแต่ก็ไม่มากพอที่จะกลบความอยากรู้อยากเห็นนั้นได้ลงกาบริเอล เอื้อมมือไปหยิบกระบอกน้ำที่เอรอสทำตกไปเมื่อครู่ก่อนจะเงยหน้าตอบคำถามนั้นด้วยคำไม่กี่พยางค์
"Lucifer"
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ