Zodiac Fate I (ภาคเปิดตำนานสิบสองราศี)

9.8

เขียนโดย esther

วันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2558 เวลา 13.20 น.

  10 ตอน
  5 วิจารณ์
  13.50K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 00.22 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

9) Leroy:จุดศูนย์กลางของทุกสรรพสิ่ง

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ



....ในคืนวันแรม 14 ค่ำ เดือน 11

...เวลาประมาณยาม 1 ณ ห้องนอนของข้า

ภายในห้องที่มืดสนิทนั้น...ข้าไม่ได้ยินเสียงอะไร

นอกจากเสียงลมหายใจของตัวเอง...กับเสียงสายฝนนอกหน้าต่าง...

ข้าไม่เห็นอะไร...

นอกจากแสงของดวงไฟที่ส่องผ่านหน้าต่างมายังห้องนอนของข้า

สะท้อนสายฝนที่ไหลลงตรงหน้าต่าง...เป็นลายม่านน้ำอยู่กลางห้อง...

ข้าไม่รู้สึกอะไร....

นอกจากความเจ็บปวดจากความโดดเดี่ยวและความทรมาณจากความเหงา

ทุกครั้งที่ได้ยิน เสียงที่น่าชิงชังนั้น ยามที่ข้าหลับไหล
...ข้าไม่อยากได้ยินเสียงนั้น

เสียงที่ก่อเปลวเพลิงแห่งความพิโรธที่สุมอยู่ภายในให้พลันลุกโชนขึ้น
มันรุนแรงเสียจนอยากเชือนใบหูตัวเองทิ้งซะให้สิ้นเรื่อง

จำต้องตื่นขึ้นมาพร้อมใบหน้าที่แค้นเคืองนี้...


.
 
..

...
 
 

 

"Leo...เจ้าเป็นคนใจกว้าง อีกทั้งมีความมั่นอกมั่นใจและเป็นตัวของตัวเองสูง
 
ไม่ยอมล้มเหลวหรือพ่ายแพ้...รึหวาดกลัวต่อการเปลี่ยนแปลง มันคงจะดีไม่น้อยถ้าดวงวิญญาณของมนุษย์ ที่ผ่านหมู่ดาวราชสีห์...เป็นเช่นเจ้านะ Leo"


เสียงหวานๆที่น่าหลงไหล แต่กลับเร้นไว้ด้วยความเย็นชา


 
"หึ...Leoเอ่ย..บางครั้งเจ้าทรนงจนไม่ยอมขอโทษ ทั้งที่ตัวเองเป็นฝ่ายผิด
ต้องการการยอมรับมากไป

และ การเลือกคบคนมากเกินไปจนดูเหมือนดูถูกคนที่ต้อยต่ำกว่า
เจ้ามันช่าง...วู่วามใจร้อนไร้เหตุผล"


อีกแล้ว...คำพูดที่เอ่ยมาอย่างเบื่อหน่าย เอื้อมระอาข้า


 
"Leoเอย Leo...ตัวข้านี้แปดเปื้อนไปด้วยบาปของมนุษย์ทั้งหลาย
อธิษฐานในกาลนิรันดร์ ขอหยุดศรัทธาไว้เพียงแค่นี้


อีกครึ้งหนึ่งของดวงวิญญาณ ข้าไม่ต้องการ ขอให้เจ้ากับข้าสิ้นสุดกันแต่เพียงภพนี้
หากจำต้องมีวันนั้นที่เราต้องสวนทางกัน
ยามที่สายตาเราได้จ้องกัน ...ขอให้ข้าเป็นดั่งสายลมที่พัดผ่านเจ้าไป..."


เสียงนั้น...ทำให้ หัวใจเจ็บแปลบขึ้นมาดุจแก้วที่แตกร้าวอย่างที่ข้าไม่เคยรู้สึกมาก่อน


 
"Leo...มิใช่ข้าไม่รักเจ้านะ แต่ทว่าข้ารักผู้นั้นมากกว่า...ก็เท่านั้นเอง"

 

 
!!

 

อีกครั้งที่ข้าลืมตาขึ้นมา...ด้วยอารมณ์ที่บิดเบี้ยว


ดึกแล้ว

...ฝนยังคงตกหนัก เวลาผ่านไปนานเท่าใด ข้าไม่ได้สังเกตุ

อาจเป็นเพราะสายฝนทำให้อุณหภูมิภายในห้องเย็นขึ้นเรื่อยๆ
ความหนาวทำให้ ข้าขยับตัวชิดติดผนังห้อง

 
......มันเย็นจนสุดขั้วหัวใจเชียวละ


ในห้องที่หนาวเย็นแห่งนี้
ข้ายกมือขึ้นมาปิดหูตัวเองแน่นใต้ผ้าห่ม  พยายามข่มตาหลับนอน
ไม่อยากจะได้ยินเสียงนั้นกับถ่อยคำที่เย็นชาซ้ำไปมา


ค่ำคืนที่ยาวนานเหลือเกิน เสียงของเข็มนาฬิกาที่หมุนไปมันช้าจนข้าทนแทบไม่ไหว

คืนที่อ้างว้างและเหน็บหนาว  ... จะหันมองทางไหนไม่มีผู้ใดเลยซักคน

ไม่ว่าคืนนี้รึว่าคืนไหน มันก็ดูจะคล้ายๆกันทุกคืน ต้องทนฝืนผ่านไปวันต่อวัน


เงียบไปหมด ช่างเงียบเหลือเกิน

เมื่อไหร่จะเช้าซะที

.....

 

..

.


ยาม เย็นวันหนึ่ง ที่แสงอาทิตย์ใกล้ลาลับขอบฟ้า ท้องนภาเป็นสีแดงส้ม มองเห็นหมู่ดาวลางๆเพียงเล็กน้อยเมฆบางลอยมาพร้อมกับกลุ่มควัญสีเทา กระจายไปทั่วรอบบริเวณ
เหนือซากเมืองที่ไฟไหม้ ทาคารอท เมืองหนึ่งที่มีชื่อเสียงด้านเกษตรกรรม
และอยู่ในเขตปกครองของ สหราชอาณาจักร ไทเทเนีย นั้นเอง


บ้านเรือนเหลือแต่ซากอิฐแดงกับเสาไม้ที่ยังมีเพลิงไหม้อยู่ตามจุดต่างๆของเมือง
ร่างอันไร้วิญญาณ และชิ้นส่วนต่างๆของชาวเมืองที่กระจัดกระจายอยู่เกลื่อนพื้น
บ้างก็ติดอยู่ตามซากอาคารที่ถล่มทั่วทั้ง ทาคารอท เต็ม ไปด้วยกลุ่มฝุ่นควัญ คราบเลือด และเศษเนื้อผลผลิตล้วนถูกทำลายไปจนเกือบหมด รึแม้แต่บ่อน้ำก็ถูกเสาเมืองล้มทับปิดตายไปด้วยบริเวณเมืองนอกจากเสียงไหม้ ไฟของบ้านเรือนที่พุพังแล้ว ก็เห็นจะมีเพียงเสียงร่ำไห้ของผู้สูญเสีย


สาเหตุของมหันตภัยอันเลวร้ายนี้  คือฝีมือของ มังกรเพลิงสีเลือดนก เฮลเดล
ที่เพิ่งมาสร้างรังไว้ใกล้ๆกับเมือง ทาคารอท ในแถบภูผาสูง
มุ่ง ตรงสู่ทางทิศเหนือของเมือง เรียบไปตามหมู่เทือกเขาที่มีน้ำตก สูงขึ้นเหนือเมฆ ระหว่างชั้นหินก่อนจะถึงยอดเขา ลึกเข้าไปในซอกของภูผา ก็จะพบถ้ำ สถานที่นั้นเองคือที่อยู่ของ เฮลเดล มังกรเพลิง


ภายในรังของมันนั้น
เต็ม ไปด้วยเศษไม้และซากศพจำนวนมากที่ กระดูกและน้ำหนองจากซากศพปะปนทับทมกันจนก่อเป็นรูปรังขึ้นมานอกจากจะเอาไว้ พักผ่อนแล้วยังใช้เป็นอาหารของลูกน้อย
ที่กำลังจะเทาะเปลือกไข่ออกมาดูโลกภายนอกได้อีกด้วย


แม่มังกร นอนกกไข่ไว้ด้วยกันทั้งหมดสามใบขดตัวอยู่ภายในรังอย่างสงบ
ด้วย ร่างที่เต็มไปด้วยเกล็ดมันแววสีแดงเลือดนก มีเพียงส่วนของ ปีกผังผืดยักษ์ มือเท้า และปลายหางเท่านั้นที่ดำเงาสนิทแผ่ซ่านไออุ่นของตนไปยังลูกน้อย ใช้ใบหน้าลูบไล้ไข่ทั้งสามฟองอย่างทะนุถนอมยิ่ง


หลังจากนอนอยู่ซักพัก เฮลเดล ก็ต้องเปิดเปลือกตาขึ้นมาทันที
เมื่อได้กลิ่นสิ่งแปลกปลอมเข้ามา บริเวณปากถ้ำ ตนก็รู้สึกได้ถึงภัยอันตรายที่กำลังจะเกิดขึ้น



 
ศรีษะของมังกรเพลิงสีเลือด
โผล่ออกมาจากปากถ้ำเพื่อหาทีมาของกลิ่นพิลึกดังกล่าว

แววตาประกายสีทองกวาดมองไปรอบๆ  และหยุดลงอยู่ที่

ร่างสูงใหญ่ ของชายหนุ่ม ผมแดงสั้น

นัยย์ตาสีเทาอ่อน ในม่านตาเรียวเล็กดุจตาแมว
รูปหน้าได้สัดส่วน สวมชุดเกราะสีดำทั้งตัว
มือขวาถือโล่ สะพายดาบยักษ์ไว้ด้านหลัง

ทั้งสองสบตากันท่ามกลางเสียงสายลมผ่านร่องภูผา 
 




"นักรบมังกร......ลีรอยรึ"
เสียงแหบแห้งของ เฮลเดล เอ่ยขึ้นทำลายความเงียบที่น่าอึดอัดนั้น

"เฮลเดล...เจ้าบุกเข้าไปทำลายเมือง ทาคาลอท เข่นฆ่าผู้คน ทำลายพืชผลเสียหาย
ราชาแห่งสหราชอาณาจักรไทเทเนีย จึงได้จ้างวานข้าให้มาสังหารเจ้าเสียที่นี่"
ชายหนุ่มพูดพร้อมตีหน้าปกติ ยืนนิ่งจ้องมอง ไปที่ดวงตาสีทองคู่ยักษ์

"ท่านลีรอย กับสิ่งที่ข้าทำไปนั้น ข้ามีเหตุผลเป็นแน่"
แม่มังกรบอกขณะทอดสายตามองไปภายในถ้ำ

"เจ้ากำลังฟักไข่อยู่ละสิท่า"
คำพูดนั้นทำให้ เฮลเดลนิ่งไปชั่วขณะ สถานะการแบบนี้
เพื่ออีกสามชีวิตแล้ว ไม่ว่าอย่างไร นางก็ต้องมีชีวิตรอดต่อไปให้จงได้

"จงไปซะ เฮลเดล ย้ายรังของเจ้าไปด้วย แล้วอย่าเข่นฆ่ามนุษย์อีก มิฉะนั้นแล้วข้าจำต้องฆ่าเจ้าเสีย"
ลีรอยพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง มองแม่มังกรอย่างเห็นใจ

"ตกลง ข้าไป"
เฮลเดลรีบตอบรับข้อเสนอชายหนุ่ม

"ยามใด?"
ดวงตาสีเทาอ่อนส่องประกายฉายแว่ว

"...เมื่อฟ้าสาง ข้าจะย้ายรังไปในทันใด"
เฮลเดลเงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะตอบด้วยท่าทางเสียมิได้
ลีรอย ได้ยินดังนั้นแล้ว เขาจ้องมองภายในถ้ำ ก่อนจะพยักหน้าแทนคำลา
หันหลังเดินกลับไปแต่โดยดี




แต่ทว่า ร่างของเขานั้นกลับต้องลุกไหม้ไปด้วยเปลวเพลิง
เมื่อถูกลูกไฟยักษ์ปะทะเข้าโจมตีจากด้านหลัง


เฮลเดล จ่อปากเกร็งลำคอ อัดทะลวงพ่นลูกไฟใส่ลีรอย

มองเห็นเป็นแสงสว่างดวงใหญ่อยู่กลางเทือกเขา

มันขยี้อัดเปลวไฟใส่ชายหนุ่มอย่างบ้าคลั่ง เสียงเปลวเพลิงที่พวยพุ่งดังก้อง
พ่นเพลิงกาญ อันร้อนแรงนั้นจนสุดลำคอ


แต่ทว่า


ลีรอยยกโล่ขึ้นมากันได้ทัน กัดฟันกระแทกลูกไฟกลับใส่หน้าของ เฮลเดล
 
ด้วยความโกรธเกรียว

"ข้าเพิ่งรู้นะ ว่ามีมังกรที่ทำตัวเยี่ยงสุนัข ลอบกัดคนจากด้านหลังเช่นเจ้าก็มีอยู่ด้วย"
ชายหนุ่มพูดเสียงเหี้ยม คว้าดาบยักษ์ขึ้นมาจากด้านหลัง


"ข้าสังหารมนุษย์เพื่อประทังชีวิต!! มิใช่เพื่อการละเล่นดังเช่นที่พวกมันทำ!!"
เฮลเดลคำรามด้วยน้ำเสียงที่หวนสั้นและหยาบกระด้าง


"งั้นข้าก็จำต้องทำตามข้อตกลง สังหารเจ้าเสีย เฮลเดล มังกรเพลิงสีเลือดนก"
สิ้นเสียงของลีรอย หางของมังกรก็ฟาดลงไปที่ร่างนั้นจนพื้นดินแตกกระจายออก

"ชิ...ไม่โดนหรอกรึ"
เฮลเดลเปรยกับตัวเอง

เงาดำลอยขึ้นเหนือลำตัวของแม่มังกรท่ามกลางกลุ่มควัญที่ฟุ้งกระจายจากการโจมตีเมื่อครู่ ลีรอยพุ่งตัวเข้าใส่ร่างยักษ์นั้น จ่อปลายดาบ
ทะลวงเข้าไปกลางลำตัวภายในร่างเฮลเดล

กร๊อกซซซซซ!!

เสียงคำรามของสัตว์ร้ายดังก้องไปทั่วเทือกเขา จนพื้นดินสั่นไหว
ด้วยแรงกระแทกของคมดาบ ทำให้เกร็ดสีโลหิตนั้นฉีกขาดปริแตกออกมา

ร่างของมังกรเพลิงพยศอย่างเดือดพล่าน
หมายจะสะบัดลีรอยให้หลุดออกไปจากร่างตน
ชายหนุ่มยังคงอัดดาบยักษ์เข้าไปจนมิดด้าม


รวบรวมกำลังที่มีฉุดรั้ง
บิดปลายดาบออก
เพื่อฉีกเนื้อเยื่อและเส้นเลือดขั้วหัวใจร่างยักษ์นั้น...ให้ขาดสะบั้นลง


เฮลเดล กรีดร้องอย่างโหยหวน สะบัดตัวร้องคราง
ล้มลงดิ้นอย่างทุรนทุราย
บนพื้นดินที่แตกออกเป็นวงกว้าง

ลีรอยกลั้นใจกระชากดาบยักษ์นั้นออก
เลือดมังกรเพลิงสาดกระจายออกมาจากปากแผล

พร้อมเศษเนื้อ ไหลนองทั่วพื้นดินโดยรอบ ร่างนั้นล้มลงนอนดีดดิ้น
หอบหายใจอย่างอ่อนระทวย
 


ดวงตาที่เกือบจะปิดสนิทนั้น เหลือบมองร่างเล็กๆ ของชายหนุ่ม
มือของเขากำดาบที่เปียกชุ่มไปด้วยเลือด เดินเข้ามาใกล้

"ข้า...เกลียดชังมนุษย์...มนุษย์แย่งชิงดินแดนของพวกเรา"
เสียงที่แหบแห้ง เหนื่อยอ่อนเอ่ยขึ้นอย่างแผ่วเบา

"สามีของเจ้าละ เฮลเดล"
ชายหนุ่มถามขึ้นมา เหลือบตามองตามองภายในถ้ำ

"หึ...เขาถูกมนุษย์สังหารที่ดินแดนทางใต้...ข้าเลยจำต้องมาอยู่ที่นี่"
แม่มังกรหัวเราะขึ้น สมเพชในโชคชะตาของตัวเอง



 
"บอกข้ามา เฮลเดล เจ้าต้องการให้ข้าทำลายไข่ทั้งหมด
ที่อยู่ภายในรังของเจ้าด้วยรึไม่"


ประโยคนั้น ทำให้เฮลเดลพยามยามดิ้นรนจนสุดแรงเกิดหมายจะโจมตี ลีรอยอีกรอบ
แต่ร่างที่บาตเจ็บสาหัสนั้น ไม่อาจต้านทานความเจ็บปวดไหว
ได้แต่จ้องมอง ชายหนุ่มผมแดงด้วยแววตาเคียดแค้นเลือดซึมออกมาจากดวงตาทั้งสอง

"รึจะให้ข้าส่งมอบมันให้กับ มังกรเพลิง รีเก็ต ที่อาศัยอยู่ทางทิศตะวันออกของป่าคามาย"

"...รีเก็ต?...ท่านรู้จักนางงั้นรึ"
เฮลเดลถามขึ้นอย่างฉับพลัน

 รีลอยพยักหน้าแทนคำตอบ พร้อมคุกเข่าลงเอื้อมมือไปแตะหน้าผากแม่มังกร
มืออันหยาบกรานของชายหนุ่มสัมผัสไปอย่างแผ่วเบา ดวงตาสีเทาอ่อนฉายแว่วเศร้าสร้อย

"มิต้องเสียใจ รึกล่าวคำขอโทษ ท่านจำต้องทำตามหน้าที่...ข้าเข้าใจ
ขอเพียงท่านดูแลลูกของข้าให้เติบโตขึ้นอย่างปลอดภัย เท่านั้นพอ"
เฮลเดลพูดตัดบทไปก่อนที่ลีรอยกำลังเอ่ยอะไรบ้างอย่างออกมา

"....นักรบมังกร ....ข้าเหนื่อยมามากแล้ว ....ถึงเวลาที่ข้าจะต้องพักผ่อนเสียที"
หลังจากกล่าวจบ นางค่อยๆหลับตาลง ด้วยสีหน้าที่สงบนิ่งทั้งที่เลือดยังคงไหลรินออกจากดวงตา
เสียงสายลมที่พัดส่งวิญญาณ ดังขึ้นตามซอกของภูผา แว่วเสียงเป็นระยะ



 
กว่าเหตุการ์ณนี้จะสิ้นสุด
พระจันทร์ก็ได้เข้ามาแทนที่ตะวัน เสียแล้ว

ณ บริเวณปากทางเข้าถ้ำนั้นเอง
ลีรอยเดินออกมาจากถ้ำ พร้อมถือถุงหนังใบใหญ่อยู่ในมือ
เงยหน้ามองท้องฟ้ายามรัตติกาล ผิวปากขึ้นสามครั้ง


ก็ปรากฏร่างยักษ์พุ่งตัวลงมาจาก จากท้องฟ้าอันมืดมิด แรงลมจากปีกพงผืดปะทะร่างชายหนุ่มเส้นผมสีแดง
ปลิวไสวตามแรงลมที่ตีเข้าใบหน้า ร่างยักษ์กางปีกโอรสเข้ม เกร็ดเงาสีทองคำ
ที่ เปล่งประกายเป็นมันแวว ผุดผ่องไปทั่วทั้งร่างทันทีที่เล็บสีดำเงา เหยียบลงสู่พื้นดินดีแล้วแล้ว ดวงตาสีขาวใสไร้แวว ส่องสว่าง จ้องมองไปที่ชายหนุ่ม



 
"มาเร็วเสียจริงนะ วอลท์เน่อ"




ลีรอยเอยขึ้นแทนคำทักทาย

"จะไม่เร็วได้อย่างไร ข้ารอท่านอยู่บนยอดเขานี้นี่เอง ว่าแต่เป็นอย่างไรบ้างละ"

ลีรอยต้องถอนหายใจออกยาวเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อครู่
มังกรทอง กวาดสายตาไปทั่วพบร่างอันไร้วิญญาณของ เฮลเดล ก็พอเดาออกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นออก

"ลีรอย การลบอคติในใจผู้อื่นนั้น มิใช่เรื่องง่าย ท่านควรทำใจกับเรื่องนี้เสีย"
วอลท์เน่อ กล่าวคำปลอบโยนชายหนุ่มที่ท่าทางมิสู้ดีนัก ลีรอยที่ยังคงยืนนิ่งเหมือนกำลัง
คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย

"เราจะกลับกันรึยัง ท่านลีรอย"
คำถามนี้ปลุกสติของลีรอยให้หวนกลับมาอีกครั้ง
เขาหันหน้ามามอง มังกรทองร่างยักษ์ที่ยื้นหน้าเข้ามาใกล้ตน รอคอยคำตอบ

"ยังกลับไม่ได้เรามีเรื่องที่ต้องทำกันก่อน"
ประโยคสั้นๆ นี้เองทำให้วอลท์เน่อ เอียงคอขึ้นเล็กน้อยด้วยความสงสัย
ชายหนุ่มปีนขึ้นไปบนแผ่นหลังสีทองอย่างรวดเร็ว ก่อนจะนั่งลงและเปิดถุงหนังใบใหญ่ออก
เพื่อให้ดวงตาที่ส่องสว่างนั้น หายจากความใคร่รู้

"ฮะฮะฮะ ท่านจะนั่งฟักไข่ทั้งสามใบนี้หรือ"
มังกรทองถามติดตลก ทำให้อีกฝ่ายทำหน้านิ่งอึ้งไป

"ทำไมเจ้าไม่บอกข้าละว่าเจ้าอยากจะนั่งฟักเอง"
ลีรอยพูดสวนกลับด้วยสีหน้ากรุ่มกริ่ม วอลท์เนอส่ายหน้าไปมา
ด้วยท่าทางร้อนร้นแทนการบอกปฎิเสธ

"เอาละ!เอาละ!เราจะไปกันที่ใด"
มังกรทองกล่าวตัดบทไป สยายปีกยักษ์ทั้งสองออก เตรียมพุ่งทะยานสู่ท้องฟ้า

"ไปกันเถอะวอลท์เนอท์ ไปหา รีเก็ต ที่คามายกัน"

ท่ามกลางฝุ่นควันที่ พัดโหมกระน่ำตามแรงลม ทั้งสองหายไปกลางท้องฟ้ายามค่ำคืน


 
......................


...


..
 



 
ณ ทางด้านตะวันออกของ ทุ่งกว้าง ธาธ่า เป็นพื้นที่ราบลุ่ม

ที่ยังอยู่ในเขตการปกครองของ สหราชอาณาจักร ไทเทเนีย

เทือกเขาสูง นภากระจ่าง ไร้เมฆหมอก

แสงแดดยามเช้า ขนานไปกับพื้นหญ้าเขียวขจีไปสุดลูกตา

บนเนินที่ราบต้นไม้ใหญ่ ที่มีลำธารน้ำเล็กๆไหลผ่าน

จะพบกลุ่มนักเดินทางที่หยุดพักม้ากันบริเวณนี้



นั้นคือ เหล่าเทพสิบสองราศี ที่ตอนนี้มีกันอยู่เพียงสามคน
ไม่รวมนางฟ้า กาบริเอลที่ กำลังตวงน้ำใส่กระบอกอยู่ริมลำธาร
ด้วยท่าทางที่ไม่ค่อยทะมัดทะแมงเอาเสียเลย

"ยังไม่ชินกับร่างมนุษย์ งั้นเหรอ เกบบี้?"
เสียงที่ลอยขึ้นมาข้างๆ นั้นมาจากร่างเล็กๆ ผมสีเงิน ดวงตาสีชมพูหวานใส
อดามิน่า นั้นเอง

"เออ เป็นเช่นนั้นที่ท่านว่า ปกติไม่ว่าจะเป็นน้ำรึสิ่งก็ตาม เนรมิตรเอาเลยจะสะดวกกว่า
แต่เมื่อลงมายังภพมนุษย์แล้ว ข้าคงเหลือเพียงพลังของแหวนวงนี้เท่านั้น"
ว่าความจบ กาบริเอลก็ปิดฝากระบอกน้ำนั้นแน่น พร้อมส่งยิ้มไปให้เพื่อนเดินร่วมทาง

หมดบทสนทนาแล้ว หญิงสาวทั้งสองก็พากัน เดินขึ้นเนินไปยังใต้ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ เพื่อนั่งพักเงียบๆ

ฟิลเดลโล่ นั่งเอนหลังพิงต้นไม้ใหญ่
ปะติดปะต่อ ร่างของ ออสวอท หุ่นสังหาร ของอดามิน่า
ที่ถูกทำลายลงด้วยน้ำมือผู้ที่เป็นเจ้าของ เขาค่อยๆซ่อมแซมที่ละจุดอย่างพิถีพิถัน
อดามิน่าจ้องมองดูรูปร่างอันสูงใหญ่อันล่ำสันของฟิลเดลโล่ด้วยท่าทีที่ครุ่นคิด
พลางขยับเข้าไปใกล้ กาบริเอล


"Sagittariusของข้าจะมีใบหน้าที่ เหล่าหล่อ ล่ำสัน แถมใจดีเช่น ฟิลเดลโล่รึไม่"
หญิงสาวกระซิบถามนางฟ้าด้วยความอยากรู้ในตัวคู่ครองของตน

"Sagittarius มีแนวคิดที่ชัดเจน มีหลักปรัชญาในการดูแลชีวิต
ปรับตัวได้ดีมองการณ์ไกล ไร้ซึ้งเล่ห์เหลี่ยมชั้นเชิง แต่ถ้าจะถามถึงลักษณะ
พระบิดาสร้างพวกท่านมาให้เป็นคู่กัน ลักษณะภายนอกย่อมตรงตามความต้องการของท่านอยู่แล้ว"


อดามิน่าได้ยินดังนั้นแล้วก็กลิ้งเกลือกไปมา บนพื้นหญ้าเขียวนุ่ม ด้วยหัวใจที่พองโต



 
"อ้ายยย!! อยากเจอ! อยากเจอ! อยากเจอ!"

เสียงแหล่มๆ ที่เอะอะโว้ยวายของหญิงสาว
ทำให้ชายหนุ่มผมแดง ดวงตาสีเหลืองอำพันที่นอนอยู่บนต้นไม้ต้องชะโงกหน้ามองลงด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับ


"ข้าเองก็อยากเจอ Libra ไม่น้อยไปกว่าเจ้าหรอก
ยัยหนูช่วยหุบปากของเจ้าเสียที ข้าต้องการหลับไหลเพื่อฟังเสียงนาง"

"โธ่เอ๊ย!! ตาแก่เช่นเจ้าไม่เห็นมีเสน่ห์เลยซักนิด Libra เจอปุ๊ปมีหวังหอบเสื้อผ้าหนีเจ้าไปไกลเป็นแน่"
หญิงสาวพูดสวนชายหนุ่มกลับ ส่งเสียงหัวเราะอย่างเป็นสุข

"เมื่อครู่เจ้าหูหนวกรึไร เกบบี้บอกว่าพระเจ้าสร้างมาให้เป็นคู่กัน
ไม่ว่าอย่างไรใจนางก็ย่อมมีเพียงข้า"
เอรอสโหนตัวลงมาจากกิ่งไม้ กระโดดลงพื้นดินอย่างนุ่มนวล
คว้ากระบอกน้ำที่ วางอยู่ข้างนางฟ้าสาวขึ้นมาดื่มอย่างหิวกระหาย


นางฟ้าสาว ถอนหายอย่างแผ่วเบา คิ้วชนกันที่หน้าผากดวงตาสีฟ้าใส
เหม่อมองออกไปไกลยังขอบทุ่งหญ้า


"อะ ขอโทษทีเมื่อกี้เจ้าเพิ่งไปเติมน้ำละสินะ เดี๋ยวข้าไปตวงคืนให้"
ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นท่าทีเช่นนั้น

"ไม่ใช่ๆสิ่งที่ข้าคิดอยู่ มิใช่เรื่องนี้เลยเอรอส"
กาบริเอลเอ่ยพลางยกมือส่ายไปมา เพื่อทำลายในความเข้าใจผิดนั้น

"ท่านกาบริเอล เป็นอะไรรึเปล่าครับ"
เสียงทุ่มต่ำของ ฟิลเดลโล่ พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วง

"ข้ากำลังนึกถึง คู่รักที่ไม่สมรักกันน่ะสิ"

"ใครกันเหรอเกบบี้ แล้วพวกเค้าทำไมกันเหรอ....ไม่สมรัก"
เอรอสพูดขึ้นพร้อมกรอกน้ำใส่ปากต่อ

"คู่ของราศีสิงห์และราศีกุมนั้น ข้าเกรงว่าคงเป็นการยากที่จะชักชวนให้เข้าร่วมทาง"

คำพูดประโยคนั้นทำให้เทพราศีทั้งสาม จดจ้องไปที่กาบริเอลในทันใด



 
"Leo เกลียดชิงชัง Aquariusเป็นที่สุด ขืนเอ่ยชื่อนางขึ้นมา
บุรุษผู้นั้นคงจะต้องคุ้มคลั่งด้วยอารมณ์ที่เคียดแค้นอย่างแสนสาหัส"



"อ้าวไหง เป็นเช่นนั้นละค่ะ"
อดามิน่าถามขึ้นด้วยความสงสัยที่ท่วมท้น



 
"...Aquarius นั้นปฎิเสธLeoคู่ครองที่พระบิดาสร้างให้แล้วหันไปปันใจให้กับชายอื่น"
 

 

 

น้ำพวยพุ่งออกมาจากรูจมูกของหนุ่มเ้มษ เอรอสสำลักน้ำที่ตนกรอกใส่ปาก
จนต้องทิ้งกระบอกน้ำลงพื้น พลันยกมือขึ้นตบหัวตัวเอง
 


"ทำไมละครับ ในเมื่อครู่ท่านเพิ่งบอกไปว่า เราทั้งสิบสองต่างถูกสร้างมาให้เป็นคู่กันและกัน"
ฟิลเดลโล่ วางร่างออสวอทลง หันมากล่าวกับนางฟ้าอย่างจริงจัง



 
"อาจเป็นเพราะ Aquarius นั้นเป็นคำสาปของพระเจ้า
ความคิดของนางจึงค่อนข้างซับซ้อนยากนักที่จะเข้าใจ

ตามที่ข้าเคยว่าความไปแล้ว.....

พระผู้เป็นเจ้าได้นำเอาชิ้นส่วนของพระองค์มาสร้างเป็น พวกท่านขึ้นมาทั้งสิบสอง
 Aquariusนั้นออกจะซับซ้อนเพราะสิ่งที่ รวมร่างสร้างเป็นนางขึ้นนั้นเป็นนามธรรม"
 



"นามธรรม??แม้แต่คนฉลาดอย่างข้า ยังไม่เข้าใจ"
เอรอสได้ยินดังนั้นก็ยกมือขึ้นเกาศรีษะ
ทอดสายตามองกาบริเอลที่ดูท่าไม่ค่อยอยากเปิดปากบอกเรื่องนี้ซักเท่าใด



 
"Aquarius......นางถูกสร้างมากจากบาปของพระบิดา"

 

 
"บาปของพระเจ้า อย่างนั้นน่ะเหรอ!!"

เสียงอดามิน่าแทรกขึ้นมาเสียงหลง ประโยคนั้นตอกย้ำไปที่หัวใจนางฟ้า


"ไม่ว่าอะไรก็ตามทุกสรรพสิ่งบนโลก ย่อมมีทั้งด้านมือและด้านสว่าง คงยากหากจะให้อธิบาย"
กาบริเอลกล่าวเสียงเรียบ เหลือบตาลงมองต่ำ


"แล้วเหตุใดLeo จึงไม่ขอให้พระเจ้าสร้างอีกคนมาเป็นคู่ครองละ"
ฟิลเดลโล่ เปลี่ยนหัวข้อการสนทนา หลังเห็นสีหน้าที่ไม่สู้ดีของนางฟ้าสาว


"Leo เป็นผู้ที่มีความหยิ่ง ยะโส ทรนงตนอย่างมาก มิต้องการหญิงใดนอกจากนาง
เขาปราถนาจะแย่งชิงนางคืนมามากกว่าจะมอบให้ผู้นั้นไป"


"อ๊ะ ไหนเจ้าบอกว่า Leo มันเกลียดชัง Aquarius หนักหนาไง"
เอรอสทักทวงขึ้น เมื่อเรื่องราวมันเริ่มฟังดูผิดเพี้ยน

 

 
"อืม...เรืองนี้ข้าก็พูดลำบาก แต่พระบิดาบอกข้าว่า

ความรักนั้นเป็นปฏิภาคของความชัง

รักมาก ก็ ชังมาก ได้เช่นกัน นานวันก็กลับกลายเป็นความแค้น"



ทั้งสามฟังประโยคนั้นแล้วก็กลืนน้ำลายลงเฮือก จ้องหน้ากันไปมา
ต่างเข้าใจในความรู้สึกนั้นนี้ดี ชีวิตอันเป็นนิรันดิ์นี้ย่อมผ่านอะไรมามาก
จึงไม่น่าแปลกเลย..........เมื่อต่างก็เคยเจอมากับตัวเองแล้วทั้งนั้น


"ข้าว่าข้าฟังมานานแระ มีเรื่องหนึ่งที่ข้าอยากรู้มากๆเลย"
อดามิน่า พูดเสียงแหล่ม จดจ้องไปในดวงตาสีตาใส

"เรื่องอะไรหรือ โปรดกล่าวมาเถิดหากข้ารู้ ย่อมบอกท่านตามความเป็นจริงทุกประการ"

"ข้าเชื่อว่าท่านรู้แน่ ....อะ"



 
"Aquarius นางปันใจไปให้ผู้ใด?!"

เอ รอส ชิงถามก่อนอดามิน่าที่กำลังจะอ้าปากคำถามขึ้นสร้างความขุ่นเคืองให้หญิง สาวอยู่ไม่ใช่หน่อยแต่ก็ไม่มากพอที่จะกลบความอยากรู้อยากเห็นนั้นได้ลง


กาบริเอล เอื้อมมือไปหยิบกระบอกน้ำที่เอรอสทำตกไปเมื่อครู่ก่อนจะเงยหน้า
ตอบคำถามนั้นด้วยคำไม่กี่พยางค์




 
"Lucifer"
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา