Zodiac Fate I (ภาคเปิดตำนานสิบสองราศี)
9.8
เขียนโดย esther
วันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2558 เวลา 13.20 น.
10 ตอน
5 วิจารณ์
13.50K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 00.22 น. โดย เจ้าของนิยาย
7) Adamina:กระจกเงาแห่งจักรราศี
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความพ่อค่ะ...ทำไมหนู ถึงมีผมสีเงินละค่ะเพราะอดามิน่าเป็นคนที่พิเศษยังไงละลูกพ่อค่ะ...ทำไมดวงตาหนูถึงสีไม่เหมือนคนอื่นละค่ะเพราะอดามิน่าเป็นสิ่งที่ พระเจ้าประทานมาให้พ่อยังไงละท่านเห็นว่าพ่อชอบโรสควอสลูกจึงมีนัตย์ตา สีชมพูใสเช่นนี้พ่อค่ะ...ทำไมเพื่อนๆของลูกล้วนแต่เปลี่ยนแปลงไปหมดเลยเพราะอดามิน่าเป็นธิดาของพระเจ้ายังไงละลูกท่านอยากให้ลูกอยู่ด้วยร่างกายอันงดงามนี้ชั่วนิรันดิ์พ่อค่ะ...เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไปใช่ไหมค่ะ?.....
พ่อค่ะ?....อดามิน่าลูกรัก...ซักวันพ่อคงจะต้องลาลูกไปในที่ที่ไกลแสนไกลแต่พ่อจะยังคงอยู่กับลูกคอยเฝ้าดูหนูอยู่เสมอบนท้องฟ้าดวงดาวทุกดวงคือพ่อมองดูหนูจากที่ที่ไกลแสนไกลนั้นดูแลคณะละครสัตว์ของเราให้ ดีๆละ ทุกคนล้วนแต่เป็นครอบครัวเดียวกันและเหนือสิ่งอื่นใดดูแลตัวเองนะลูกรัก สิ่งนี้เป็นสิ่งสุดท้ายที่พ่อจะมอบให้หนู
ลูกสาวที่น่ารักของพ่อ
พ่อค่ะ....อดามิน่าไม่อยากอยู่เพียงลำพังแบบนี้เลย...มันเหงาเกินไป
ข้าเริ่มมีความทรงจำตั้งแต่ตอนอายุหนึ่งขวบ เสียงแอคโคเดี่ยนและกลองยาวคือเสียงแรกที่ข้าได้ยิน และผู้ที่ที่ข้าเห็นเมื่อลืมตาตื่นคือชายชราร่างท้วมในชุดทักซิโด้ในมือของ เขาถือไม้เท้ายาวสีดำเงารอยยิ้มและน้ำเสียงที่อ่อนโยน โกโซ่ หัวหน้าคณะละครสัตว์อดามิน่า...คือพ่อของข้าชื่อของข้าถูกตั้งตามชื่อของคณะของเรา ห่วงโซ่ และการเชิดหุ่น คือความถนัดของข้าสิงโต ยูนิคอน นกฟิกนิกซ์ คือเพื่อนของข้า มนุษย์ หมาป่า คนยักษ์ ตัวตลก มนุษย์ปืนใหญ่ คนคุมสัตว์ นักกายกรรมทุกคนคือครอบครัวของข้า
และเหนือสิ่งอื่นใดคนรักของข้า ออสวอทตุ๊กตาที่พ่อของข้ามอบไว้ให้ก่อนจะจากข้าไปอยู่บนท้องฟ้าเป็นสิ่งเดียวที่จะอยู่กับข้าไปชั่วนิรันดิ์ ด้วยร่างกายที่ยังคงงดงาม...เช่นเดียวกับข้า
ออสวอทอยู่กับข้า เป็นส่วนหนึ่งของข้าเป็นผู้เดียวที่เข้าใจข้าข้าได้ยินเสียงของเขาเสมอเมื่อยามหลับไหล
'ฮะฮะ Geminiเจ้ามีความสดใสร่าเริง และมีอารมณ์ขันเสมอข้าไม่เคยเบื่อเลยที่ ได้อยู่เคียงข้างเจ้าช่างสังเกต เกินผู้ใดจะมาเทียบ ความฉลาดของเจ้าคิดเร็วตัดสินใจเร็ว ไม่เคยหยุดนิ่ง ...ข้ารักเจ้าที่เป็นเช่นนั้นและปราถนา ให้ดวงวิญญาณของมนุษย์ที่เกิดในหมู่ดาวคนคู่นี้....เป็นเช่นเจ้านะ'
นั้นคือชื่อที่เจ้าเรียกข้าใช่ไหม...ออสวอท
'Geminiสิ่งที่เจ้าควร แก้ไขคือนิสัยที่ขาดความมุ่งมั่นและไม่อดทนไม่มีความหนักแน่นเอาเสีย เลย โลเลแม้แต่ตัวเจ้าเองก็ยัง ไม่ค่อยเข้าใจความรู้สึกที่แท้จริงของตนเจ้าไม่น่าจะเป็นคนเบื่อง่าย ขาดความจริงจังทั้งๆที่เป็นคนมีความทะยานอยู่แล้วแท้ๆ'
เรื่องนั้นข้ารู้ดีแต่มันก็ช่างยากที่จะแก้ไข
'แผ่นดินและผืนฟ้ากว้างไกลมันกลับไม่ เหลือทางให้ข้าเดินเสียแล้วทอดทิ้งความรักที่ เข้ามาข้างทาง มองดูความหวังที่พังยับเยินGeminiอยากบอกกับใจให้หยุดฝัน...ขออธิษฐานในกาลนิรันดร์...อีกครึ่งหนึ่งของดวงวิญญาณ ข้ารออยู่เจ้าไป อยู่ไหน เราคงพลัดพรากกันหากเจ้ากับข้าสวน ทางกันในวันนั้น ยามที่สายตาเราได้จ้องกัน โปรด เรียกชื่อของข้าอีกครั้ง ข้าต้องการได้ยินเสียงของเจ้าเรียกชื่อของข้า....Gemini'
ออสวอท...ของข้า...ชั่วชีวิตข้ามีเพียงเจ้า
......
แสงแดดยามกลางวัน กับวันท้องฟ้าโปร่ง มีเศษเมฆลอยอยู่เพียงเล็กน้อยสภาพอากาศนี้ลอยอยู่เหนือ สหราชอาณาจักร ไทเทเนีย เมืองใหญ่ที่รุ่งเรืองเต็มเปี่ยมไปด้วยผู้คนอีกทั้งมีกองกำลังทหารที่เข้มแข็ง เมืองขึ้นที่คอยส่งเครื่องราชบริพานมาให้ตลอดนี่ยังไม่รวมพันธมิตรหลายแห่ง ตามแคว้นต่างๆอีกมากมายประชาชน ชาวเมือง ไทเทเนีย จึงอยู่กันอย่างสุขสบายภายใต้การปกครองของ ราชาไทเทเนียที่แปดผู้เต็มเปี่ยมด้วยความรู้และความสามารถใช้เมตตาธรรม ปกครองประชาชนเป็นที่รักและเคารพของชาวเมืองยิ่งนักและในทางทิศตะวันออกของ เมืองนี้ก็คือท่าเรือ ไทเทเนีย ที่มีตั้งแต่เรือสำเภาลำใหญ่จากต่างเมืองที่แวะเวียนเข้ามาส่งสินค้าจนกระ ทั้งถึงเรือประมงเล็กๆของชาวบ้านที่ออกหาปลายามค่ำคืนด้านข้างๆท่า เรือนั้นเอง เป็นตลาดสดที่ใหญ่ที่สุดของเมืองนี้ ที่อึกกะทึกไปด้วยเสียงของพ่อค้าแม่ค้าเสียงรถขนเข็นผักปลาและเสียงชาวเรือ ถอนสมอคือ สิ่งที่อยู่คู่กับย่านการค้านี้มานาน
แต่วันนี้ ทั่วทั้งเมืองกลับกึกก้องไปด้วยเสียงแตร่และเครื่องดนตรีหลายชนิด จากขบวนพาเหรด ของคณะละครสัตว์ชื่อดัง อดามิน่าลูกโป่งสวรรค์หลากหลายสีสันลอยขึ้นเหนือเมือง ตัว ตลกขายาว และตัวตลกขาสั้นที่เดินบนลูกบอลต่าง โยนลูกอมและขนมหวานให้แก่เด็กๆในเมือง ที่ต่างพากันเข้ามาจดจ้องมุ่งดูพาเหรดนี้ อย่างคึกคักบรรดาสัตว์ป่าจาก คณะเดินมาพร้อมกับผู้คุม คนยักษ์ มนุษย์หมาป่า และนักแสดง ชูป้ายชื่อคณะละครขึ้นสาวสวยในชุดนักกายกรรม นอกจากจะกระโดด ตีลังกาแสดงลีลาอันสวยงามแล้วยังแจกจายใบปลิวเชิญชวนประชาชนให้เข้ามาดูการแสดง ที่กำลังจะจัดขึ้นที่ปราสาทไทเทเนีย ในวาระการขึ้นครองราชครบ 70 ปีของพระราชาได้เปิดโอกาศให้ประชาชนชาวไทเทเนียได้เข้ามาร่วมชมพร้อมกันกับพระองค์ด้วย ในคืนวันพรุ่งนี้เวลาสามทุ่มที่ลานกว้างท้องพระโรง
ใบปลิวที่ถูกลมพัดกระจัดกระจายไปทั่วนั้นได้ลอยมาถึงมือหญิงสาวผมทองดวงตาสีฟ้าใส ส่วมผ้าคลุมสีน้ำเงินเข้มที่ยืนอยู่บนกำแพงประตูเมืองสายตาจดจ้องไปที่ ขบวนพาเหรด ด้วยใบหน้าที่สงบนิ่ง นางฟ้ากาบริเอล'ได้พบ กันแน่ Gemini แห่งหมู่ดาวคนคู่''แล้าเราจะไปรับตัวนางมา เมื่อไหร่รึครับ'เสียงทุ่มต่ำ จากร่างอันสูงใหญ่ดังขึ้นด้านหลังกาบริเอล'ฟิลเดลโล่ คืนพรุ่งนี้หลังจากการแสดงสิ้นสุดเราจะไปรับตัวนางมาจากเวทีการแสดง'นางฟ้าพูดพร้อมหันหน้ามามองชายหนุ่มผมสีน้ำตาลยาวประบ่านัยต์ตาสีฟ้าน้ำทะเลฟิลเดลโล่พยักหน้ารับทราบแผนการหญิงสาวที่กวาดสายตามองไปรอบๆ'อะ...เอรอสละท่าน เขาหายไปไหน'กาบริเอลทักขึ้นมา ถามหาถึงหนุ่มเมษที่หายตัวไปโดยไม่บอกกล่าว'เอรอส บอกข้าว่าเขาอยากจะเข้าไปชมขบวนพาเหรดใกล้ๆ'ประโยคฟิลเดลโล่กล่าวทำให้ สีหน้ากาบริเอลเปลี่ยนไปทันตา'แล้วท่านก็อนุญาติให้เขาไปเพียงลำพังแบบนั้นน่ะหรือ ฟิลเดลโล่?'นางฟ้าถามต่อด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยพอใจนัก'เอรอสยังกล่าวอีกว่า ให้บอกเกบบี้ด้วยว่าจะเอาขนมมาฝาก ไม่ต้องห่วงและอย่าได้กังวลเกินเหตุ'
กาบริเอลได้ฟังอย่างนั้นแล้วก็ได้ แต่ยืนนิ่งอึ้งไม่มีคำพูดใดๆนอกจากเสียงถอนหายใจเบาเบาในอีกด้านหนึ่งของขบวนพาเรดนั้นเองเอรอสนั่งย่องๆอยู่บนป้ายร้านกาแฟชั้นสองมองดูและเก็บเกียวลูกกวาดที่ตัวตลกโยนแจกจ่ายให้กับเด็กๆตามท้องถนนชายหนุ่มไม่รอช้าแกะลูกอมโยนใส่ปากโดยพลัน
"อื~ม รสมะนาว"
เอรอสหลับตาแน่นกลืนน้ำลายรับรสเปรียวอมหวานของลูกกวาดก่อนจะมองออกไปที่จุดสิ้นสุดของขบวนแห่นี้อยู่ที่คณะละครสัตว์อดามิน่า ตั้งอยู่ฝั่งประตูไทเทเนียทางตะวันออก
"ขอดูหน้าคราตาหน่อยแล้วกันนะ สำหรับสาวเมถุนนางนี้"หลัง จากกล่าวจบชายหนุ่มก็หัวเราะในลำคอก่อนกระโดดมุ่งหน้าไปยังค่ายนักแสดงคณะ ละครสัตว์อดามิน่าป้ายชื่อคณะที่ติดไว้กับลูกโป่งสวรรค์ทาสีทองล้อมชูสูง อย่างโดดเด่นเป็นจุดเริ่มต้นของทางเข้าเต็มไปด้วยซุ้มต่างๆหลากสีสีนสดใส ไม่ว่าจะเป็นซุ้มม้ายูนิคอมรึนกฟินิก ต่างแยกไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยทั้งมีลานกลางแจ้งไว้สำหรับให้นักกายกรรมซ้อมการแสดงอีกด้วยไม่ว่าจะลูกไฟ การลอดห่วงไฟก็เรียกร้องความสนใจของเอรอสได้เกือบจะทั้งหมดชาย หนุ่มใช้ความเร็วชั่วพริบตานี้ไปกับการสาดส่อง ดูสิ่งแปลกตามากมายไม่ว่าจะเป็นตัวตลกขายาว คนอ้วน มนุษย์ปืนใหญ่ รึจะเป็นนางเงือกสาวที่อยู่ในซุ้มสระน้ำเวลาผ่านไปจนตะวันใกล้จะลาลับขอบฟ้า หนุ่มนักฆ่าจึงจะมาถึงซุ่มสุดท้ายของคณะ ซุ้มตุ๊กตาห้องพัก เจ้าของคณะละครสัตว์ที่ยิ่งใหญ่ อดามิน่า
"จะเรียกว่าซุ้มก็ไม่ถูกซะทีเดียว...อืม ละม้ายคล้ายบ้านเคลื่อนที่มากกว่า"
เอรอสกล่าวจบพร้อมเดินเข้าไปด้านในทันใดที่ม่านซุ้มประตูคลีออกและปิดลงด้วยความเร็วชั่วพริบตาชาย หนุ่มต้องหยุดยืนนิ่งอึ่งเพราะด้านในเป็นชั้นวางชิ้นส่วนตุ๊กตามากมายทั้งตัว เล็กตัวใหญ่เรืยงกันเป็นชั้นขึ้นไปจนถึงหลังคาด้านบน ระโยงระยางไปด้วยเส้นด้ายบางๆที่ขึงร่างไร้หัวไว้ ทุกอย่างถูกแยกไปเป็นส่วนๆส่วนหัวจะถูกแยกไว้ที่ลิ้นชักด้านล่างแขนขาอยู่ใน ลังข้างๆประตูทางเข้าลูกตาหลากสีสันที่ถูกเก็บไว้ในขวดแก้วใกล้กับเตียงลูกไม้ตั้งอยู่กลางห้อง
"โอเคนี่มันผวาสุดยอด...ยัยนี่เป็นยัยโรคจิตแน่ๆ"
เอรอสขนลุกซู่ เบ้ปากในอารมณ์ไม่ต่างจากเห็นชิ้นส่วนมนุษย์แขวนอยู่โดยรอบชายหนุ่มรู้สึกอยากออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุดจึงก้าวถอยหลังแต่ถูกรั้งได้ ด้วยกลิ่นอะไรบ้างอย่างที่หอมหวนตัว เอรอสเองก็รู้จักกลิ่นนี้ดีเสียด้วย โก้โก้ร้อนๆที่ตั้งอยู่บนโต๊ะไม้เขียนหนังสือพร้อมคุ้กกี้ช็อกโกแลตชิฟไม่ อะไรต้องอธิบายมาก สันดานคนเรามันชัดเจน ชายหนุ่มเดินฮัมเพลงเบาเบาไปจกคุ้กกี้แบบไม่รั้งรอระดมยัดเข้าปากตนเป็นเสีย งกรุ๊บกรั๊บดังต่อเนื่อง ก่อนจะซดโก้โก้ตามาติดๆชนิดเฮือกเดียวหมด
"เฮ้ออ นี่มันสุดยอดเลย"
เอรอสพูดพลางยกแขนปาดปากตนเป็นการเช็ดปากตามแบบฉบับหนุ่มเมษในระยะที่ใกล้กันนี้ทำให้ชายหนุ่มมองเห็นรายการสำหรับจัดการแสดงตามที่ต่างๆของคณะอดามิน่าที่ยาวเป็นหางว่าว แต่มีรายชื่อหนึ่งที่ทำให้ชายหนุ่มต้องหยุดสายตาไว้ด้วยความสนใจ
"ราชินีอมตะ เอ็กควาทรีส แห่งนครโซดอมกอมโมราห์ฮืม เป็นลูกค้ารายที่สิบสาม ราชินีผู้เป็นอมตะรึว่า..."
เพล้ง!?
เสียง แก้วแตกกระจายลงพื้นห้อง เอรอสทิ้งแก้วอย่างกะทันหันกระโดดถีบตัวขึ้นหิ้งชั้นวางตุ๊กตาด้านบนในทันใด เพื่อหลบมีดสั้นที่พุ่งเข้ามาจากด้านหลังตามสัญชาติญาณนักฆ่า
"เจ้าเป็นใคร!"
เอรอสเหลือบตาดูด้านล่างที่มาของเสียงเล็กๆแหลมๆของสาวร่างบางในชุดลูกไม้ขาวสั้นรัดรูปเส้นผมเป็นประกายสีเงินไม่ต่างจากแสงดาวถูกมัดไว้สองข้างด้วยกระดิ้งและโบวสีชมพูแต่ที่ดึงดูดยิ่งไปกว่านั้นเห็นจะเป็นดวงตาสีโรสควอสใสคู่นั้นที่มองมาตนอย่างเกรียวกราด
"เฮ้!คนสวย ข้าเป็นเพียงคนธรรมดาที่เดินผ่านมา"
คำ พูดนั้นไม่ได้ทำให้หญิงสาวใจเย็นลงแม้แต่น้อยกลับดีดมีดสั้นอีกเล่มขึ้นมา จากนิ้วหมายจะโจมตีอีกครั้งแต่ด้วยความเร็วอันเหลือเชื่อของนักฆ่าหนุ่ม เพียงแค่กระพริบตาก็ไปยืนด้านหลังหญิงสาวในทันใด
"เย็นไว้น้องเดี๋ยวได้เจอกันอีกแน่"
สิ้น เสียงของบุรุษเกษาสีแดง หญิงรีบกลับหลังหันโดยเร็วด้วยความตกใจปะปนกับความรู้สึกหลายๆอย่างแต่ก็ ต้องพบว่าหนุ่มนิรนามนั้นได้หายไปจากห้องเธอเรียบร้อยแล้ว ท่ามกลางความสงสัยภายในใจของหญิงสาว
"ใครกันนะไอ้บ้าหัวแดงคนนั้น"
......
และแล้วคืนวันพรุ่งนี้ก็มาถึงยามรัติกาลที่ท้องฟ้ากระจ่างในค่ำคืนที่จันทร์เต็มดวง ท้องฟ้าส่องสว่างไปด้วยแสงของหมู่ดาวและพลุที่เหล่าทหาร จุดขึ้นบริเวณรอบกำแพงปราสาทไทเทเนีย
เสียงแตร่สังข์ดังขึ้นเป็นระยะส่งสัญญาณการมาถึงของรถม้าที่พระราชาจากพันธมิตรแคว้นต่างๆที่เข้ามาอวยพรการครองราช ครบรอบ 70 ปีของ ราชา ไทเทเนียที่แปด ได้เดินทางมาถึงหน้าประตูแล้วเคลื่อนที่เข้าไปยังปราสาท หลายคันรถ มองสูงขึ้นไปยังโดมลานกว้าง บริเวณท้องพระโรงที่ที่เวทีการแสดงถูกปิดกั้นด้วยผ้าม่านกำมะหยี่สีแดง หลังม่านนั้นบรรดานักแสดงต่างฝึกซ้อมกัน อีกครั้งเพื่อเรียกความมั่นใจของตนเดินลึกเข้าไปในห้องด้านในสุด หลังประตูคือห้องพักของ อดามิน่า เจ้า ของโรงละครสัตว์แห่งนี้หญิงสาวผมสีเงิน ดวงตาสีชมพูอ่อนราวกับโรสควอส ขนตายาวเป็นแพร่สวย ในชุดกระโปรงลูกไม้สั้นสีน้ำเงินกระดับด้วยริบบิ้นฟ้าอ่อนและกระดิ่งสีทอง อันเล็ก รอบๆกระโปรงของเธอหญิง สาวยืนมอง ออสวอท ตุ๊กตาหนุ่มรูปงามที่มีดวงตาและเส้นผมสีเดียวกับเธอ ทุกประการ ตัวสูงกว่าเธอเพียงเล็กน้อยร่างนั้นถูกเชิดให้ยืนนิ่งอยู่ตรง หน้าหญิงสาวอดามิน่า ใช้มือของเธอลูบไล้ไปที่ใบหน้าตุ๊กตาอย่างแผ่วเบา'ออสวอท อีกเพียงแค่ครึ่งชั่วโมงการแสดงก็จะเริ่มขึ้นแล้ว ...ข้าตื่นเต้นเหลือเกิน'พร้อมเข้าสวมกอดตุ๊กตาตัวสวย'ข้าเข้าใจแล้ว แค่พยายามอย่างที่ผ่านๆก็พอสินะ'เพียงแค่หญิงสาวกระดิกนิ้วนางข้างขวา ขึ้น ร่างของ ออสวอท ก็กอดตอบนางในทันใด'อืม ข้ารู้...ข้าเองก็รักเจ้า'นางหลับตาลง จุมพิตไปที่ใบหน้าชายหนุ่มโอบรัดร่างชายหนุ่มแน่นยิ่งขึ้นหลับตาลงพลางยิ้มเล็กน้อย'ชั่วชีวิตาข้ามีเพียงเจ้า ดังนั้นเจ้าต้องเป็นของข้าเพียงผู้เดียวนะ ที่รัก'
สิ้นเสียงถ้อยคำที่เอื้อนเอยราวแผ่วกระซิบหญิงก็ลืมตาค่อยลืมตาขึ้น
'ไปกันเถอะ...ออสวอท'เสียงประตูห้องพักปิดลง....การแสดงกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว
ณ โดมลานกว้างของท้องพระโรง พระราชา ไทเทเนี่ยที่แปดเดินเข้ามานั่งลงบนบันลังค์ของตน ที่รายล้อมไปด้วย เจ้าเมืองจากแคว้นต่างๆที่เป็นพันธมิตรด้านล่างของเวทีคือประชาชนชาว ไทเทเนีย ที่เข้ามาชมการแสดงอย่างอุ่นหนาฝาคั่งรอบๆประตูล่างและทางเข้าบริเวณที่นั่ง คือที่ของเหล่าทหาร ราชองค์ครักษ์คอยควบคุมความเรียบร้อยตลอดระยะเวลาการรับชมการแสดงโชว์ต่างๆ
และแล้วเมื่อเสียงระฆังของปราสาทดังขึ้นแสงไฟจากคบเพลิงรอบๆลาน ก็มืดลงในทันใด มีเพียงเสียงกระดิ่งที่ดังขึ้นเป็นระรอกลอยอยู่เหนือหัวผู้ชม
...กริ๊ง.... กริ๊ง...กริ๊ง
ผ้าม่านเคลื่อนที่เปิดออก แสงไฟส่องลงมาเป็นทางกลางเวทีใหญ่ปรากฏหมู่ควัญหลากสีสันขึ้นมารอบๆเวทีหลังจากสีของควันนั้นเริ่มจางลง ร่างของหญิงสาวรูปร่างอรชอนในชุดลูกไม้รัดรูปสีน้ำเงิน ผมสีเงินเป็นประกายสะท้อนแสงไฟดวงตาสีชมพูสดใส และใบหน้าที่งดงามสาวสวยหมุนตัวไปรอบๆ ส่งรอยยิ้มหวานๆไปให้ผู้ชมอย่างทั่วถึง ก่อนจะก้มศรีษะลงเล็กน้อย
'สวัสดีท่านสุภาพสตรี และสุภาพบุรุษทุกท่าน คณะละครสัตว์ อดามิน่ารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มาแสดงในวาระการขึ้นครองราชครบ 70 ปี ต่อหน้าพระพักตร์กษัตริย์ ไทเทเนีย ที่แปดและตอนนี้ก็ได้เวลาแล้วขอเชิญทุกท่านเตรียมรับความบันเทิงจากพวกเราคณะละครสัตว์ อดามิน่า ณ บัดนี้'
สิ้นเสียงของหญิงสาว พลุไฟก็ลุกขึ้นมารอบๆเวทีม้าเพกาซัสและนกฟินิกส์ต่างกางปีกบินขึ้นมาจากด้านหลังของหญิงสาวคาบตะกร้า ดอกไม้ โปรยลงมาให้แก่ผู้ชมทั่วทั้งโดม ก่อนจะบินวนกลับมาโฉบรับเอาร่างของหญิงสาวหายไปใน ม่านด้านหลังเวทีเสียงเชียร์ จากประชาชนต่างดังขึ้นด้วยความตื่นตาตื่นใจ
ตึง!! ตึง!! ตึง!!
เสียงกล้องใหญ่ที่ถูกตี ดังสนั่นหวั่นไหวตามมาด้วยเสียงรั่วของกลองเล็กและแอคโคเดี่ยน กึกก้องไปทั่วทั้งโดมนักกายกรรมพุ่งตัวออกมาจากม่านเรียงกันออกมานับสิบ ต่อตัวปืนขึ้นเสาที่ตั้งอยู่หน้าลานเสาทั้งสองที่สูงเกือบสุดหอคอยปราสาท พวกเขากระโดดขึ้นไปโลดเต้นบนเชือก ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม บนเชือกที่ขึงอยู่กับเสาคู่นั้น ราวกับเดินอยู่บนพื้นดินปกติ บรรดาตัวตลกค่อยๆกลิ้งตัวออกมาจากม่าน เดิน บนลูกบอลสีสดใสในมือถือลูกโป่งแจกจ่ายให้กับผู้ชมที่นั้งอยู่ๆข้างเวที เสียงปรบมือและเสียงหัวเราะของผู้ชมยังคง ดังขึ้นมาเรื่อยๆอย่างคับคั่ง
เหนือลานท้องพระโรง ขึ้นไปบนหอระฆังของปราสาทนาง ฟ้ากาบิเอล ลอยอยู่บนหอระฆังด้วยปีกทั้งหกสายตาจับจ้องไปที่อดามิน่าที่กับคอยควบคุมการแสดงและจักลำดับคิวการสงตัวนักแสดงอยู่ด้านหลังม่าน
เอรอสและฟิลเดลโล่ที่ยืนพิงเสาระฆังอยู่ทั้งสองต่างก็มองไปที่เวที'จะเริ่มลงมือเมื่อไหร่...เกบบี้'เอรอส พูดขึ้นหลังจากดึงลูกกวาดสีส้มออกมาจากปากด้วยท่าทางเบื่อหนาย'หลังจากการแสดงสุดท้ายของนางนั้นเสร็จสิ้น'เสียงใสใสตอบรับคำถามของชาย หนุ่ม ที่อ้าปากงับลูกกวาดต่อเมื่อได้ยินดังนั้นแล้ว'พวกท่าน โปรดเตรียมตัวกันไว้ด้วย'นางฟ้าสาวพูดขึ้นมาลอยๆ แต่ประโยคนั้นทำเอาชายหนุ่มทั้งสองแหง่นหน้ามองขึ้นไปหานาง'มีอะไรผิดแปลกรึไม่ ท่านกาบริเอล'ฟิลเดลโล่ เอ่ยถามนางฟ้าสาวขึ้นมาด้วยความสงสัย'ข้าคิดว่า Gemini ดูจากลักษณะนิสัยของนางแล้วไม่น่าจะยอมมากับเราง่ายๆน่ะสิฟิลเดลโล่ข้าอยากให้ท่านเตรียมม้ารอข้าไว้ที่ประตูทิศเหนือ ...เอรอส ท่านไปหานางพร้อมกันกับข้า'
หลังจากรับฟังแผนการนั้นแล้วชายหนุ่มทั้งสองต่างมองหน้ากันเงียบๆก่อนจะพยักหน้า รับคำของนางฟ้าสาว
......
หลังจากการ แสดงชุดลูกไฟได้สิ้นสุดลงก็ ถึงโชว์ชุดสุดท้ายที่ใครๆต่างตั้งหน้าตั้งตารอ'การเชิดหุ่น' ที่สร้างชื่อเสียงให้กับคณะอดามิน่าแสงไฟภายในโดมค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีฟ้าอ่อน ควัญ ขาวลอยออกมากจากม่านด้านหลังเรื่อยจนมองไม่เห็นพื้นของเวทีเสียแล้วเสียงกระดิ่งดังขึ้นอีกครั้ง ระหว่างเสาทั้งสองแสงไฟทุกดวงในโดมล้วนหันเข้าหาที่มาของเสียงนั้น
อดามิน่ายืนอยู่บนเส้นดายบางๆพร้อมกับ ออสวอทตุ๊กตาคู่ใจของเธอ ที่สวมชุดทักซิโด้สีน้ำเงินมองดูจากที่นั่งคนดูแล้วก็ราวกับว่าทั้งคู่นิ่ง ลอยอยู่บนอากาศเลยทีเดียวนักกายกรรมที่ยืนรออยู่ด้านบนยอดเสาโปรยกลีบกุหลายสีชมพูลงมาตรงที่ที่ทั้งสองยืนอยู่อดามิน่าเหลือบสายตาไปมอง ออสวอท ที่หันหน้ามองเธออยู่อย่างนิ่งเงียบท่ามกลางกลีบกุหลาบทันทีที่เสียงดนตรีบรรเลงขึ้น
อดามิน่า หลับตาลง ทิ้งตัวร่วงหล่นไปยังพื้นเบื้องล่างสร้างความใจหายให้กับผู้ชมทั่วทั้งโดมร่างของหญิงสาวที่ดิ่งลงไปอย่างรวดเร็วนั้นถูกฉุดรั้งไว้โดยอ้อมแขนใหญ่ของชายหนุ่มที่พุ่งตัวลงไปรวบร่างบางของเธอได้อย่างฉับพลันอดามิน่า ค่อยๆลืมตาขึ้นมาในอ้อมแขนของ ออสวอท เธอค่อยๆพยุงตัวเองยืนขึ้นใช้มือข้างหนึ่งโอบกอดร่างของเขาไว้ หญิงสาวยืดแขนตัวเองอีกข้างไปประสานมือกับชายหนุ่มแล้วการร่ายรำบนเส้นดายนั้นก็ได้เริ่มขึ้นท่วงท่าที่พริ้วไหวท่าเต้นที่สอดคล้องกันของทั้งสองราวกับกำลังร่ายรำกันอยู่กลางอากาศ และเหนือสิ่งอื่นใดร่างกายของชายหนุ่มดูอย่างไรก็ราวกับมนุษย์จริงๆ ในทุกกริยาบท การเคลื่อนไหวรึจะเป็นการตอบสนองในท่าทีของหญิงสาวก็ตามการเต้นรำยังคงดำเนินต่อไปท่ามกลางแสงไฟสลัวสีฟ้าอ่อนและกลีบดอกไม้ที่โปรยปรายลง มาสายตาทุกคู่ในโดม ต่างจดจ้องการร่ายรำอันงดงามนี้ ในทุกจังหวะทุกย่างก้าว
......
อดามินากวาดชายกระโปรงลูกไม้ไปรอบๆหมุนตัวเข้าสู่อ้อมกอดของชายหนุ่ม และเสียงดนตรีก็ได้สิ้นสุดลง
เสียงปรบมือดังกระหึมไปทั่วทั้งโดม พร้อมแสงไฟที่ค่อยๆส่องสว่างขึ้น
พระราชาไทเทเนีย ลุกขึ้นยืนจากบันลังค์พร้อมกับเจ้าเมืองแคว้นต่างๆพา กันปรบมือชื่นชมการแสดงที่น่าทึ่งนั้นออสวอทก้มลงโค้งคำนับและอดามิน่าที่ ก้มลงถอนสายบัวเพื่อแสดงความเคารพแขกผู้มีเกียรติภายในงานทันใดนั้นเองเมื่อ หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมามองผู้ชมก็ต้องชะงัก
เมื่อทุกสิ่งรอบๆตัวเธอนั้น ต่างหยุดนิ่งกษัตริย์ ยืนแข็งทื่อ อาการไม่ต่างจากผู้ชมคนอื่นๆสีหน้ายังหยุดอยู่ที่ความชื่นชมในการแสดงกลีบดอกไม้ที่หยุดนิ่งลอยอยู่กลางอากาศความเงียบเข้าครอบง่ำทั่วลานท้องพระโรง จนหญิงสาวได้ยินแม้กระทั่งเสียงลมหายของตัวเอง'นี่..นี่มัน เกิดอะไรขึ้น' สิ้นเสียงของอดามิน่า ที่เอ่ยขึ้นทำลายความเงียบงันนั้นปรากฏแสงสว่างเจิดจ้าส่องขึ้นกลางเวทีเป็นวงกว้างจนเธอต้องยกมือขึ้นมาบดบังดวงตาของตนจากแสงอันเจิดจ้านั้นพร้อมหลับตาแน่น
Gemini...Gemini....Gemini
ชื่อนั้นที่เธอได้ยินในความฝันดังก้องกังวาล...ใครกันนะอดามิน่าค่อยๆลืมตาขึ้น จนดวงตาสีโรสควอสนั้น เปิดกว้าง เมื่อเห็นเรือนร่างของสาวในชุดคริสจักรโบราณสีขาวพร้อมผ้าคลุมสีน้ำเงินเข้มผมสีทองสาดส่องประกายคล้ายแสงของดวงตะวันยามเช้าดวงตาสีฟ้าใส ผิวพรรณผุดผ่องราวกับแอ๊ปเปิ้ลทองคำ สยายปีกทั้งหกออกยืนอย่างองอาจ...อยู่เบื้องหน้าของเธอ
'...อะ... อะ..' เสียงที่เปล่งออกมาราวกับโดนบีบคออยู่ไม่มีคำพูดใดใด ออกมากจากปากของหญิงสาว ที่อ้าปากค้าง ตะลึงไปกับภาพที่ตนพบ
'จงฟัง...ข้าคือ กาบริเอล หนึ่งในเจ็ดอัครเทวฑูตบนสวรรค์...ได้รับบัญชาจากพระเจ้าให้มาปลดผนึก อาญาสวรรค์เทพทั้ง12ราศีออกเพื่อยุติกลียุคนี้และแหวนจักรราศีได้บอกข้าว่า บัดนี้ Gemini กระจกเงาแห่งจักรราศีผู้ปกครองหมู่ดาวคนคู่...ได้มายืนอยู่เบื้องหน้าข้าแล้ว...'
ร่างของอดามิน่า สั่นเทาไปด้วยความสับสนและความกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน จนไม่อาจจะประคองสติตัวเองไว้ได้เธอก้าวถอยหลังเสียหลักล้มลงนั่งบนเส้นดาย
'นี่มัน...อะไรกันละเนี่ยยย!!'
......
<<< Adamina:ตุ๊กตา...ที่มีหัวใจ(ราศีเมถุน)
พ่อค่ะ?....อดามิน่าลูกรัก...ซักวันพ่อคงจะต้องลาลูกไปในที่ที่ไกลแสนไกลแต่พ่อจะยังคงอยู่กับลูกคอยเฝ้าดูหนูอยู่เสมอบนท้องฟ้าดวงดาวทุกดวงคือพ่อมองดูหนูจากที่ที่ไกลแสนไกลนั้นดูแลคณะละครสัตว์ของเราให้ ดีๆละ ทุกคนล้วนแต่เป็นครอบครัวเดียวกันและเหนือสิ่งอื่นใดดูแลตัวเองนะลูกรัก สิ่งนี้เป็นสิ่งสุดท้ายที่พ่อจะมอบให้หนู
ลูกสาวที่น่ารักของพ่อ
พ่อค่ะ....อดามิน่าไม่อยากอยู่เพียงลำพังแบบนี้เลย...มันเหงาเกินไป
ข้าเริ่มมีความทรงจำตั้งแต่ตอนอายุหนึ่งขวบ เสียงแอคโคเดี่ยนและกลองยาวคือเสียงแรกที่ข้าได้ยิน และผู้ที่ที่ข้าเห็นเมื่อลืมตาตื่นคือชายชราร่างท้วมในชุดทักซิโด้ในมือของ เขาถือไม้เท้ายาวสีดำเงารอยยิ้มและน้ำเสียงที่อ่อนโยน โกโซ่ หัวหน้าคณะละครสัตว์อดามิน่า...คือพ่อของข้าชื่อของข้าถูกตั้งตามชื่อของคณะของเรา ห่วงโซ่ และการเชิดหุ่น คือความถนัดของข้าสิงโต ยูนิคอน นกฟิกนิกซ์ คือเพื่อนของข้า มนุษย์ หมาป่า คนยักษ์ ตัวตลก มนุษย์ปืนใหญ่ คนคุมสัตว์ นักกายกรรมทุกคนคือครอบครัวของข้า
และเหนือสิ่งอื่นใดคนรักของข้า ออสวอทตุ๊กตาที่พ่อของข้ามอบไว้ให้ก่อนจะจากข้าไปอยู่บนท้องฟ้าเป็นสิ่งเดียวที่จะอยู่กับข้าไปชั่วนิรันดิ์ ด้วยร่างกายที่ยังคงงดงาม...เช่นเดียวกับข้า
ออสวอทอยู่กับข้า เป็นส่วนหนึ่งของข้าเป็นผู้เดียวที่เข้าใจข้าข้าได้ยินเสียงของเขาเสมอเมื่อยามหลับไหล
'ฮะฮะ Geminiเจ้ามีความสดใสร่าเริง และมีอารมณ์ขันเสมอข้าไม่เคยเบื่อเลยที่ ได้อยู่เคียงข้างเจ้าช่างสังเกต เกินผู้ใดจะมาเทียบ ความฉลาดของเจ้าคิดเร็วตัดสินใจเร็ว ไม่เคยหยุดนิ่ง ...ข้ารักเจ้าที่เป็นเช่นนั้นและปราถนา ให้ดวงวิญญาณของมนุษย์ที่เกิดในหมู่ดาวคนคู่นี้....เป็นเช่นเจ้านะ'
นั้นคือชื่อที่เจ้าเรียกข้าใช่ไหม...ออสวอท
'Geminiสิ่งที่เจ้าควร แก้ไขคือนิสัยที่ขาดความมุ่งมั่นและไม่อดทนไม่มีความหนักแน่นเอาเสีย เลย โลเลแม้แต่ตัวเจ้าเองก็ยัง ไม่ค่อยเข้าใจความรู้สึกที่แท้จริงของตนเจ้าไม่น่าจะเป็นคนเบื่อง่าย ขาดความจริงจังทั้งๆที่เป็นคนมีความทะยานอยู่แล้วแท้ๆ'
เรื่องนั้นข้ารู้ดีแต่มันก็ช่างยากที่จะแก้ไข
'แผ่นดินและผืนฟ้ากว้างไกลมันกลับไม่ เหลือทางให้ข้าเดินเสียแล้วทอดทิ้งความรักที่ เข้ามาข้างทาง มองดูความหวังที่พังยับเยินGeminiอยากบอกกับใจให้หยุดฝัน...ขออธิษฐานในกาลนิรันดร์...อีกครึ่งหนึ่งของดวงวิญญาณ ข้ารออยู่เจ้าไป อยู่ไหน เราคงพลัดพรากกันหากเจ้ากับข้าสวน ทางกันในวันนั้น ยามที่สายตาเราได้จ้องกัน โปรด เรียกชื่อของข้าอีกครั้ง ข้าต้องการได้ยินเสียงของเจ้าเรียกชื่อของข้า....Gemini'
ออสวอท...ของข้า...ชั่วชีวิตข้ามีเพียงเจ้า
......
แสงแดดยามกลางวัน กับวันท้องฟ้าโปร่ง มีเศษเมฆลอยอยู่เพียงเล็กน้อยสภาพอากาศนี้ลอยอยู่เหนือ สหราชอาณาจักร ไทเทเนีย เมืองใหญ่ที่รุ่งเรืองเต็มเปี่ยมไปด้วยผู้คนอีกทั้งมีกองกำลังทหารที่เข้มแข็ง เมืองขึ้นที่คอยส่งเครื่องราชบริพานมาให้ตลอดนี่ยังไม่รวมพันธมิตรหลายแห่ง ตามแคว้นต่างๆอีกมากมายประชาชน ชาวเมือง ไทเทเนีย จึงอยู่กันอย่างสุขสบายภายใต้การปกครองของ ราชาไทเทเนียที่แปดผู้เต็มเปี่ยมด้วยความรู้และความสามารถใช้เมตตาธรรม ปกครองประชาชนเป็นที่รักและเคารพของชาวเมืองยิ่งนักและในทางทิศตะวันออกของ เมืองนี้ก็คือท่าเรือ ไทเทเนีย ที่มีตั้งแต่เรือสำเภาลำใหญ่จากต่างเมืองที่แวะเวียนเข้ามาส่งสินค้าจนกระ ทั้งถึงเรือประมงเล็กๆของชาวบ้านที่ออกหาปลายามค่ำคืนด้านข้างๆท่า เรือนั้นเอง เป็นตลาดสดที่ใหญ่ที่สุดของเมืองนี้ ที่อึกกะทึกไปด้วยเสียงของพ่อค้าแม่ค้าเสียงรถขนเข็นผักปลาและเสียงชาวเรือ ถอนสมอคือ สิ่งที่อยู่คู่กับย่านการค้านี้มานาน
แต่วันนี้ ทั่วทั้งเมืองกลับกึกก้องไปด้วยเสียงแตร่และเครื่องดนตรีหลายชนิด จากขบวนพาเหรด ของคณะละครสัตว์ชื่อดัง อดามิน่าลูกโป่งสวรรค์หลากหลายสีสันลอยขึ้นเหนือเมือง ตัว ตลกขายาว และตัวตลกขาสั้นที่เดินบนลูกบอลต่าง โยนลูกอมและขนมหวานให้แก่เด็กๆในเมือง ที่ต่างพากันเข้ามาจดจ้องมุ่งดูพาเหรดนี้ อย่างคึกคักบรรดาสัตว์ป่าจาก คณะเดินมาพร้อมกับผู้คุม คนยักษ์ มนุษย์หมาป่า และนักแสดง ชูป้ายชื่อคณะละครขึ้นสาวสวยในชุดนักกายกรรม นอกจากจะกระโดด ตีลังกาแสดงลีลาอันสวยงามแล้วยังแจกจายใบปลิวเชิญชวนประชาชนให้เข้ามาดูการแสดง ที่กำลังจะจัดขึ้นที่ปราสาทไทเทเนีย ในวาระการขึ้นครองราชครบ 70 ปีของพระราชาได้เปิดโอกาศให้ประชาชนชาวไทเทเนียได้เข้ามาร่วมชมพร้อมกันกับพระองค์ด้วย ในคืนวันพรุ่งนี้เวลาสามทุ่มที่ลานกว้างท้องพระโรง
ใบปลิวที่ถูกลมพัดกระจัดกระจายไปทั่วนั้นได้ลอยมาถึงมือหญิงสาวผมทองดวงตาสีฟ้าใส ส่วมผ้าคลุมสีน้ำเงินเข้มที่ยืนอยู่บนกำแพงประตูเมืองสายตาจดจ้องไปที่ ขบวนพาเหรด ด้วยใบหน้าที่สงบนิ่ง นางฟ้ากาบริเอล'ได้พบ กันแน่ Gemini แห่งหมู่ดาวคนคู่''แล้าเราจะไปรับตัวนางมา เมื่อไหร่รึครับ'เสียงทุ่มต่ำ จากร่างอันสูงใหญ่ดังขึ้นด้านหลังกาบริเอล'ฟิลเดลโล่ คืนพรุ่งนี้หลังจากการแสดงสิ้นสุดเราจะไปรับตัวนางมาจากเวทีการแสดง'นางฟ้าพูดพร้อมหันหน้ามามองชายหนุ่มผมสีน้ำตาลยาวประบ่านัยต์ตาสีฟ้าน้ำทะเลฟิลเดลโล่พยักหน้ารับทราบแผนการหญิงสาวที่กวาดสายตามองไปรอบๆ'อะ...เอรอสละท่าน เขาหายไปไหน'กาบริเอลทักขึ้นมา ถามหาถึงหนุ่มเมษที่หายตัวไปโดยไม่บอกกล่าว'เอรอส บอกข้าว่าเขาอยากจะเข้าไปชมขบวนพาเหรดใกล้ๆ'ประโยคฟิลเดลโล่กล่าวทำให้ สีหน้ากาบริเอลเปลี่ยนไปทันตา'แล้วท่านก็อนุญาติให้เขาไปเพียงลำพังแบบนั้นน่ะหรือ ฟิลเดลโล่?'นางฟ้าถามต่อด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยพอใจนัก'เอรอสยังกล่าวอีกว่า ให้บอกเกบบี้ด้วยว่าจะเอาขนมมาฝาก ไม่ต้องห่วงและอย่าได้กังวลเกินเหตุ'
กาบริเอลได้ฟังอย่างนั้นแล้วก็ได้ แต่ยืนนิ่งอึ้งไม่มีคำพูดใดๆนอกจากเสียงถอนหายใจเบาเบาในอีกด้านหนึ่งของขบวนพาเรดนั้นเองเอรอสนั่งย่องๆอยู่บนป้ายร้านกาแฟชั้นสองมองดูและเก็บเกียวลูกกวาดที่ตัวตลกโยนแจกจ่ายให้กับเด็กๆตามท้องถนนชายหนุ่มไม่รอช้าแกะลูกอมโยนใส่ปากโดยพลัน
"อื~ม รสมะนาว"
เอรอสหลับตาแน่นกลืนน้ำลายรับรสเปรียวอมหวานของลูกกวาดก่อนจะมองออกไปที่จุดสิ้นสุดของขบวนแห่นี้อยู่ที่คณะละครสัตว์อดามิน่า ตั้งอยู่ฝั่งประตูไทเทเนียทางตะวันออก
"ขอดูหน้าคราตาหน่อยแล้วกันนะ สำหรับสาวเมถุนนางนี้"หลัง จากกล่าวจบชายหนุ่มก็หัวเราะในลำคอก่อนกระโดดมุ่งหน้าไปยังค่ายนักแสดงคณะ ละครสัตว์อดามิน่าป้ายชื่อคณะที่ติดไว้กับลูกโป่งสวรรค์ทาสีทองล้อมชูสูง อย่างโดดเด่นเป็นจุดเริ่มต้นของทางเข้าเต็มไปด้วยซุ้มต่างๆหลากสีสีนสดใส ไม่ว่าจะเป็นซุ้มม้ายูนิคอมรึนกฟินิก ต่างแยกไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยทั้งมีลานกลางแจ้งไว้สำหรับให้นักกายกรรมซ้อมการแสดงอีกด้วยไม่ว่าจะลูกไฟ การลอดห่วงไฟก็เรียกร้องความสนใจของเอรอสได้เกือบจะทั้งหมดชาย หนุ่มใช้ความเร็วชั่วพริบตานี้ไปกับการสาดส่อง ดูสิ่งแปลกตามากมายไม่ว่าจะเป็นตัวตลกขายาว คนอ้วน มนุษย์ปืนใหญ่ รึจะเป็นนางเงือกสาวที่อยู่ในซุ้มสระน้ำเวลาผ่านไปจนตะวันใกล้จะลาลับขอบฟ้า หนุ่มนักฆ่าจึงจะมาถึงซุ่มสุดท้ายของคณะ ซุ้มตุ๊กตาห้องพัก เจ้าของคณะละครสัตว์ที่ยิ่งใหญ่ อดามิน่า
"จะเรียกว่าซุ้มก็ไม่ถูกซะทีเดียว...อืม ละม้ายคล้ายบ้านเคลื่อนที่มากกว่า"
เอรอสกล่าวจบพร้อมเดินเข้าไปด้านในทันใดที่ม่านซุ้มประตูคลีออกและปิดลงด้วยความเร็วชั่วพริบตาชาย หนุ่มต้องหยุดยืนนิ่งอึ่งเพราะด้านในเป็นชั้นวางชิ้นส่วนตุ๊กตามากมายทั้งตัว เล็กตัวใหญ่เรืยงกันเป็นชั้นขึ้นไปจนถึงหลังคาด้านบน ระโยงระยางไปด้วยเส้นด้ายบางๆที่ขึงร่างไร้หัวไว้ ทุกอย่างถูกแยกไปเป็นส่วนๆส่วนหัวจะถูกแยกไว้ที่ลิ้นชักด้านล่างแขนขาอยู่ใน ลังข้างๆประตูทางเข้าลูกตาหลากสีสันที่ถูกเก็บไว้ในขวดแก้วใกล้กับเตียงลูกไม้ตั้งอยู่กลางห้อง
"โอเคนี่มันผวาสุดยอด...ยัยนี่เป็นยัยโรคจิตแน่ๆ"
เอรอสขนลุกซู่ เบ้ปากในอารมณ์ไม่ต่างจากเห็นชิ้นส่วนมนุษย์แขวนอยู่โดยรอบชายหนุ่มรู้สึกอยากออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุดจึงก้าวถอยหลังแต่ถูกรั้งได้ ด้วยกลิ่นอะไรบ้างอย่างที่หอมหวนตัว เอรอสเองก็รู้จักกลิ่นนี้ดีเสียด้วย โก้โก้ร้อนๆที่ตั้งอยู่บนโต๊ะไม้เขียนหนังสือพร้อมคุ้กกี้ช็อกโกแลตชิฟไม่ อะไรต้องอธิบายมาก สันดานคนเรามันชัดเจน ชายหนุ่มเดินฮัมเพลงเบาเบาไปจกคุ้กกี้แบบไม่รั้งรอระดมยัดเข้าปากตนเป็นเสีย งกรุ๊บกรั๊บดังต่อเนื่อง ก่อนจะซดโก้โก้ตามาติดๆชนิดเฮือกเดียวหมด
"เฮ้ออ นี่มันสุดยอดเลย"
เอรอสพูดพลางยกแขนปาดปากตนเป็นการเช็ดปากตามแบบฉบับหนุ่มเมษในระยะที่ใกล้กันนี้ทำให้ชายหนุ่มมองเห็นรายการสำหรับจัดการแสดงตามที่ต่างๆของคณะอดามิน่าที่ยาวเป็นหางว่าว แต่มีรายชื่อหนึ่งที่ทำให้ชายหนุ่มต้องหยุดสายตาไว้ด้วยความสนใจ
"ราชินีอมตะ เอ็กควาทรีส แห่งนครโซดอมกอมโมราห์ฮืม เป็นลูกค้ารายที่สิบสาม ราชินีผู้เป็นอมตะรึว่า..."
เพล้ง!?
เสียง แก้วแตกกระจายลงพื้นห้อง เอรอสทิ้งแก้วอย่างกะทันหันกระโดดถีบตัวขึ้นหิ้งชั้นวางตุ๊กตาด้านบนในทันใด เพื่อหลบมีดสั้นที่พุ่งเข้ามาจากด้านหลังตามสัญชาติญาณนักฆ่า
"เจ้าเป็นใคร!"
เอรอสเหลือบตาดูด้านล่างที่มาของเสียงเล็กๆแหลมๆของสาวร่างบางในชุดลูกไม้ขาวสั้นรัดรูปเส้นผมเป็นประกายสีเงินไม่ต่างจากแสงดาวถูกมัดไว้สองข้างด้วยกระดิ้งและโบวสีชมพูแต่ที่ดึงดูดยิ่งไปกว่านั้นเห็นจะเป็นดวงตาสีโรสควอสใสคู่นั้นที่มองมาตนอย่างเกรียวกราด
"เฮ้!คนสวย ข้าเป็นเพียงคนธรรมดาที่เดินผ่านมา"
คำ พูดนั้นไม่ได้ทำให้หญิงสาวใจเย็นลงแม้แต่น้อยกลับดีดมีดสั้นอีกเล่มขึ้นมา จากนิ้วหมายจะโจมตีอีกครั้งแต่ด้วยความเร็วอันเหลือเชื่อของนักฆ่าหนุ่ม เพียงแค่กระพริบตาก็ไปยืนด้านหลังหญิงสาวในทันใด
"เย็นไว้น้องเดี๋ยวได้เจอกันอีกแน่"
สิ้น เสียงของบุรุษเกษาสีแดง หญิงรีบกลับหลังหันโดยเร็วด้วยความตกใจปะปนกับความรู้สึกหลายๆอย่างแต่ก็ ต้องพบว่าหนุ่มนิรนามนั้นได้หายไปจากห้องเธอเรียบร้อยแล้ว ท่ามกลางความสงสัยภายในใจของหญิงสาว
"ใครกันนะไอ้บ้าหัวแดงคนนั้น"
......
และแล้วคืนวันพรุ่งนี้ก็มาถึงยามรัติกาลที่ท้องฟ้ากระจ่างในค่ำคืนที่จันทร์เต็มดวง ท้องฟ้าส่องสว่างไปด้วยแสงของหมู่ดาวและพลุที่เหล่าทหาร จุดขึ้นบริเวณรอบกำแพงปราสาทไทเทเนีย
เสียงแตร่สังข์ดังขึ้นเป็นระยะส่งสัญญาณการมาถึงของรถม้าที่พระราชาจากพันธมิตรแคว้นต่างๆที่เข้ามาอวยพรการครองราช ครบรอบ 70 ปีของ ราชา ไทเทเนียที่แปด ได้เดินทางมาถึงหน้าประตูแล้วเคลื่อนที่เข้าไปยังปราสาท หลายคันรถ มองสูงขึ้นไปยังโดมลานกว้าง บริเวณท้องพระโรงที่ที่เวทีการแสดงถูกปิดกั้นด้วยผ้าม่านกำมะหยี่สีแดง หลังม่านนั้นบรรดานักแสดงต่างฝึกซ้อมกัน อีกครั้งเพื่อเรียกความมั่นใจของตนเดินลึกเข้าไปในห้องด้านในสุด หลังประตูคือห้องพักของ อดามิน่า เจ้า ของโรงละครสัตว์แห่งนี้หญิงสาวผมสีเงิน ดวงตาสีชมพูอ่อนราวกับโรสควอส ขนตายาวเป็นแพร่สวย ในชุดกระโปรงลูกไม้สั้นสีน้ำเงินกระดับด้วยริบบิ้นฟ้าอ่อนและกระดิ่งสีทอง อันเล็ก รอบๆกระโปรงของเธอหญิง สาวยืนมอง ออสวอท ตุ๊กตาหนุ่มรูปงามที่มีดวงตาและเส้นผมสีเดียวกับเธอ ทุกประการ ตัวสูงกว่าเธอเพียงเล็กน้อยร่างนั้นถูกเชิดให้ยืนนิ่งอยู่ตรง หน้าหญิงสาวอดามิน่า ใช้มือของเธอลูบไล้ไปที่ใบหน้าตุ๊กตาอย่างแผ่วเบา'ออสวอท อีกเพียงแค่ครึ่งชั่วโมงการแสดงก็จะเริ่มขึ้นแล้ว ...ข้าตื่นเต้นเหลือเกิน'พร้อมเข้าสวมกอดตุ๊กตาตัวสวย'ข้าเข้าใจแล้ว แค่พยายามอย่างที่ผ่านๆก็พอสินะ'เพียงแค่หญิงสาวกระดิกนิ้วนางข้างขวา ขึ้น ร่างของ ออสวอท ก็กอดตอบนางในทันใด'อืม ข้ารู้...ข้าเองก็รักเจ้า'นางหลับตาลง จุมพิตไปที่ใบหน้าชายหนุ่มโอบรัดร่างชายหนุ่มแน่นยิ่งขึ้นหลับตาลงพลางยิ้มเล็กน้อย'ชั่วชีวิตาข้ามีเพียงเจ้า ดังนั้นเจ้าต้องเป็นของข้าเพียงผู้เดียวนะ ที่รัก'
สิ้นเสียงถ้อยคำที่เอื้อนเอยราวแผ่วกระซิบหญิงก็ลืมตาค่อยลืมตาขึ้น
'ไปกันเถอะ...ออสวอท'เสียงประตูห้องพักปิดลง....การแสดงกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว
ณ โดมลานกว้างของท้องพระโรง พระราชา ไทเทเนี่ยที่แปดเดินเข้ามานั่งลงบนบันลังค์ของตน ที่รายล้อมไปด้วย เจ้าเมืองจากแคว้นต่างๆที่เป็นพันธมิตรด้านล่างของเวทีคือประชาชนชาว ไทเทเนีย ที่เข้ามาชมการแสดงอย่างอุ่นหนาฝาคั่งรอบๆประตูล่างและทางเข้าบริเวณที่นั่ง คือที่ของเหล่าทหาร ราชองค์ครักษ์คอยควบคุมความเรียบร้อยตลอดระยะเวลาการรับชมการแสดงโชว์ต่างๆ
และแล้วเมื่อเสียงระฆังของปราสาทดังขึ้นแสงไฟจากคบเพลิงรอบๆลาน ก็มืดลงในทันใด มีเพียงเสียงกระดิ่งที่ดังขึ้นเป็นระรอกลอยอยู่เหนือหัวผู้ชม
...กริ๊ง.... กริ๊ง...กริ๊ง
ผ้าม่านเคลื่อนที่เปิดออก แสงไฟส่องลงมาเป็นทางกลางเวทีใหญ่ปรากฏหมู่ควัญหลากสีสันขึ้นมารอบๆเวทีหลังจากสีของควันนั้นเริ่มจางลง ร่างของหญิงสาวรูปร่างอรชอนในชุดลูกไม้รัดรูปสีน้ำเงิน ผมสีเงินเป็นประกายสะท้อนแสงไฟดวงตาสีชมพูสดใส และใบหน้าที่งดงามสาวสวยหมุนตัวไปรอบๆ ส่งรอยยิ้มหวานๆไปให้ผู้ชมอย่างทั่วถึง ก่อนจะก้มศรีษะลงเล็กน้อย
'สวัสดีท่านสุภาพสตรี และสุภาพบุรุษทุกท่าน คณะละครสัตว์ อดามิน่ารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มาแสดงในวาระการขึ้นครองราชครบ 70 ปี ต่อหน้าพระพักตร์กษัตริย์ ไทเทเนีย ที่แปดและตอนนี้ก็ได้เวลาแล้วขอเชิญทุกท่านเตรียมรับความบันเทิงจากพวกเราคณะละครสัตว์ อดามิน่า ณ บัดนี้'
สิ้นเสียงของหญิงสาว พลุไฟก็ลุกขึ้นมารอบๆเวทีม้าเพกาซัสและนกฟินิกส์ต่างกางปีกบินขึ้นมาจากด้านหลังของหญิงสาวคาบตะกร้า ดอกไม้ โปรยลงมาให้แก่ผู้ชมทั่วทั้งโดม ก่อนจะบินวนกลับมาโฉบรับเอาร่างของหญิงสาวหายไปใน ม่านด้านหลังเวทีเสียงเชียร์ จากประชาชนต่างดังขึ้นด้วยความตื่นตาตื่นใจ
ตึง!! ตึง!! ตึง!!
เสียงกล้องใหญ่ที่ถูกตี ดังสนั่นหวั่นไหวตามมาด้วยเสียงรั่วของกลองเล็กและแอคโคเดี่ยน กึกก้องไปทั่วทั้งโดมนักกายกรรมพุ่งตัวออกมาจากม่านเรียงกันออกมานับสิบ ต่อตัวปืนขึ้นเสาที่ตั้งอยู่หน้าลานเสาทั้งสองที่สูงเกือบสุดหอคอยปราสาท พวกเขากระโดดขึ้นไปโลดเต้นบนเชือก ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม บนเชือกที่ขึงอยู่กับเสาคู่นั้น ราวกับเดินอยู่บนพื้นดินปกติ บรรดาตัวตลกค่อยๆกลิ้งตัวออกมาจากม่าน เดิน บนลูกบอลสีสดใสในมือถือลูกโป่งแจกจ่ายให้กับผู้ชมที่นั้งอยู่ๆข้างเวที เสียงปรบมือและเสียงหัวเราะของผู้ชมยังคง ดังขึ้นมาเรื่อยๆอย่างคับคั่ง
เหนือลานท้องพระโรง ขึ้นไปบนหอระฆังของปราสาทนาง ฟ้ากาบิเอล ลอยอยู่บนหอระฆังด้วยปีกทั้งหกสายตาจับจ้องไปที่อดามิน่าที่กับคอยควบคุมการแสดงและจักลำดับคิวการสงตัวนักแสดงอยู่ด้านหลังม่าน
เอรอสและฟิลเดลโล่ที่ยืนพิงเสาระฆังอยู่ทั้งสองต่างก็มองไปที่เวที'จะเริ่มลงมือเมื่อไหร่...เกบบี้'เอรอส พูดขึ้นหลังจากดึงลูกกวาดสีส้มออกมาจากปากด้วยท่าทางเบื่อหนาย'หลังจากการแสดงสุดท้ายของนางนั้นเสร็จสิ้น'เสียงใสใสตอบรับคำถามของชาย หนุ่ม ที่อ้าปากงับลูกกวาดต่อเมื่อได้ยินดังนั้นแล้ว'พวกท่าน โปรดเตรียมตัวกันไว้ด้วย'นางฟ้าสาวพูดขึ้นมาลอยๆ แต่ประโยคนั้นทำเอาชายหนุ่มทั้งสองแหง่นหน้ามองขึ้นไปหานาง'มีอะไรผิดแปลกรึไม่ ท่านกาบริเอล'ฟิลเดลโล่ เอ่ยถามนางฟ้าสาวขึ้นมาด้วยความสงสัย'ข้าคิดว่า Gemini ดูจากลักษณะนิสัยของนางแล้วไม่น่าจะยอมมากับเราง่ายๆน่ะสิฟิลเดลโล่ข้าอยากให้ท่านเตรียมม้ารอข้าไว้ที่ประตูทิศเหนือ ...เอรอส ท่านไปหานางพร้อมกันกับข้า'
หลังจากรับฟังแผนการนั้นแล้วชายหนุ่มทั้งสองต่างมองหน้ากันเงียบๆก่อนจะพยักหน้า รับคำของนางฟ้าสาว
......
หลังจากการ แสดงชุดลูกไฟได้สิ้นสุดลงก็ ถึงโชว์ชุดสุดท้ายที่ใครๆต่างตั้งหน้าตั้งตารอ'การเชิดหุ่น' ที่สร้างชื่อเสียงให้กับคณะอดามิน่าแสงไฟภายในโดมค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีฟ้าอ่อน ควัญ ขาวลอยออกมากจากม่านด้านหลังเรื่อยจนมองไม่เห็นพื้นของเวทีเสียแล้วเสียงกระดิ่งดังขึ้นอีกครั้ง ระหว่างเสาทั้งสองแสงไฟทุกดวงในโดมล้วนหันเข้าหาที่มาของเสียงนั้น
อดามิน่ายืนอยู่บนเส้นดายบางๆพร้อมกับ ออสวอทตุ๊กตาคู่ใจของเธอ ที่สวมชุดทักซิโด้สีน้ำเงินมองดูจากที่นั่งคนดูแล้วก็ราวกับว่าทั้งคู่นิ่ง ลอยอยู่บนอากาศเลยทีเดียวนักกายกรรมที่ยืนรออยู่ด้านบนยอดเสาโปรยกลีบกุหลายสีชมพูลงมาตรงที่ที่ทั้งสองยืนอยู่อดามิน่าเหลือบสายตาไปมอง ออสวอท ที่หันหน้ามองเธออยู่อย่างนิ่งเงียบท่ามกลางกลีบกุหลาบทันทีที่เสียงดนตรีบรรเลงขึ้น
อดามิน่า หลับตาลง ทิ้งตัวร่วงหล่นไปยังพื้นเบื้องล่างสร้างความใจหายให้กับผู้ชมทั่วทั้งโดมร่างของหญิงสาวที่ดิ่งลงไปอย่างรวดเร็วนั้นถูกฉุดรั้งไว้โดยอ้อมแขนใหญ่ของชายหนุ่มที่พุ่งตัวลงไปรวบร่างบางของเธอได้อย่างฉับพลันอดามิน่า ค่อยๆลืมตาขึ้นมาในอ้อมแขนของ ออสวอท เธอค่อยๆพยุงตัวเองยืนขึ้นใช้มือข้างหนึ่งโอบกอดร่างของเขาไว้ หญิงสาวยืดแขนตัวเองอีกข้างไปประสานมือกับชายหนุ่มแล้วการร่ายรำบนเส้นดายนั้นก็ได้เริ่มขึ้นท่วงท่าที่พริ้วไหวท่าเต้นที่สอดคล้องกันของทั้งสองราวกับกำลังร่ายรำกันอยู่กลางอากาศ และเหนือสิ่งอื่นใดร่างกายของชายหนุ่มดูอย่างไรก็ราวกับมนุษย์จริงๆ ในทุกกริยาบท การเคลื่อนไหวรึจะเป็นการตอบสนองในท่าทีของหญิงสาวก็ตามการเต้นรำยังคงดำเนินต่อไปท่ามกลางแสงไฟสลัวสีฟ้าอ่อนและกลีบดอกไม้ที่โปรยปรายลง มาสายตาทุกคู่ในโดม ต่างจดจ้องการร่ายรำอันงดงามนี้ ในทุกจังหวะทุกย่างก้าว
......
อดามินากวาดชายกระโปรงลูกไม้ไปรอบๆหมุนตัวเข้าสู่อ้อมกอดของชายหนุ่ม และเสียงดนตรีก็ได้สิ้นสุดลง
เสียงปรบมือดังกระหึมไปทั่วทั้งโดม พร้อมแสงไฟที่ค่อยๆส่องสว่างขึ้น
พระราชาไทเทเนีย ลุกขึ้นยืนจากบันลังค์พร้อมกับเจ้าเมืองแคว้นต่างๆพา กันปรบมือชื่นชมการแสดงที่น่าทึ่งนั้นออสวอทก้มลงโค้งคำนับและอดามิน่าที่ ก้มลงถอนสายบัวเพื่อแสดงความเคารพแขกผู้มีเกียรติภายในงานทันใดนั้นเองเมื่อ หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมามองผู้ชมก็ต้องชะงัก
เมื่อทุกสิ่งรอบๆตัวเธอนั้น ต่างหยุดนิ่งกษัตริย์ ยืนแข็งทื่อ อาการไม่ต่างจากผู้ชมคนอื่นๆสีหน้ายังหยุดอยู่ที่ความชื่นชมในการแสดงกลีบดอกไม้ที่หยุดนิ่งลอยอยู่กลางอากาศความเงียบเข้าครอบง่ำทั่วลานท้องพระโรง จนหญิงสาวได้ยินแม้กระทั่งเสียงลมหายของตัวเอง'นี่..นี่มัน เกิดอะไรขึ้น' สิ้นเสียงของอดามิน่า ที่เอ่ยขึ้นทำลายความเงียบงันนั้นปรากฏแสงสว่างเจิดจ้าส่องขึ้นกลางเวทีเป็นวงกว้างจนเธอต้องยกมือขึ้นมาบดบังดวงตาของตนจากแสงอันเจิดจ้านั้นพร้อมหลับตาแน่น
Gemini...Gemini....Gemini
ชื่อนั้นที่เธอได้ยินในความฝันดังก้องกังวาล...ใครกันนะอดามิน่าค่อยๆลืมตาขึ้น จนดวงตาสีโรสควอสนั้น เปิดกว้าง เมื่อเห็นเรือนร่างของสาวในชุดคริสจักรโบราณสีขาวพร้อมผ้าคลุมสีน้ำเงินเข้มผมสีทองสาดส่องประกายคล้ายแสงของดวงตะวันยามเช้าดวงตาสีฟ้าใส ผิวพรรณผุดผ่องราวกับแอ๊ปเปิ้ลทองคำ สยายปีกทั้งหกออกยืนอย่างองอาจ...อยู่เบื้องหน้าของเธอ
'...อะ... อะ..' เสียงที่เปล่งออกมาราวกับโดนบีบคออยู่ไม่มีคำพูดใดใด ออกมากจากปากของหญิงสาว ที่อ้าปากค้าง ตะลึงไปกับภาพที่ตนพบ
'จงฟัง...ข้าคือ กาบริเอล หนึ่งในเจ็ดอัครเทวฑูตบนสวรรค์...ได้รับบัญชาจากพระเจ้าให้มาปลดผนึก อาญาสวรรค์เทพทั้ง12ราศีออกเพื่อยุติกลียุคนี้และแหวนจักรราศีได้บอกข้าว่า บัดนี้ Gemini กระจกเงาแห่งจักรราศีผู้ปกครองหมู่ดาวคนคู่...ได้มายืนอยู่เบื้องหน้าข้าแล้ว...'
ร่างของอดามิน่า สั่นเทาไปด้วยความสับสนและความกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน จนไม่อาจจะประคองสติตัวเองไว้ได้เธอก้าวถอยหลังเสียหลักล้มลงนั่งบนเส้นดาย
'นี่มัน...อะไรกันละเนี่ยยย!!'
......
<<< Adamina:ตุ๊กตา...ที่มีหัวใจ(ราศีเมถุน)
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ