Zodiac Fate I (ภาคเปิดตำนานสิบสองราศี)
เขียนโดย esther
วันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2558 เวลา 13.20 น.
แก้ไขเมื่อ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 00.22 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) Aros:เปลวเพลิงและแสงเทียน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
...แสงแดดยามกลางวัน กับท้องฟ้าแจ่มใส ไร้เมฆหมอก
ณ ป่าคามายทางทิศเหนือ ใจกลางทะเลสาบคามายนั้นเอง
ได้ปรากฏร่างของนางฟ้า กาบริเอล ที่ยืนนิ่งอย่างสงบลอยอยู่เหนือน้ำ
ด้วยปีกทั้งหก ผิดกับท่าทางอันลุกลี้ลุกลนของมือสังหารหนุ่ม เอรอส
ที่กำลังเดินไปเดินมา อยู่ข้างๆริมทะเลสาบ
เสียงใสๆดังก้องขึ้น เพื่อยืนยันจุดประสงค์การลงมายังโลกมนุษย์ของตน
"ไม่ๆ ขอทบทวนอีกทีนะ เดิมทีข้าเป็นเทพและถูกพระเจ้าของเจ้า
ลงทัณฑ์ให้มาเกิดเป็นมนุษย์"
"ถูกต้อง"
กาบริเอลตอบชายหนุ่มด้วยใบหน้าที่นิ่งเฉย
"เพื่อให้ ข้าทุกข์ทรมาณในโลกแห่งความไม่แน่นอน"
"ถูกต้อง"
มีคำถามมากมายเกิดขึ้นในหัวของเขา หลังจากได้รับรู้เรื่องทั้งหมดจนไม่สามารถจะจับต้นชนปลายได้ถูก
ความสงสัย ความขุ่นเคือง...และความโกรธ เริ่มก่อตัวขึ้นอย่างเงียบๆภายในจิตใจ
"เพราะข้าคิดจะสังหารพระเจ้า จึงถูกลงทัณฑ์ให้มีกายเนื้อที่ไร้ซึ่งอายุไข"
"ถูกต้อง"
"ถูกลงทัณฑ์ให้อยู่อย่างโดดเดียว"
"....ถูกต้องเป็นเช่นที่ท่านกล่าวมา"
"ให้สูญเสียทุกสิ่ง...ไม่ว่ารักมากแค่ไหน..ไม่ว่าจะโหยหามากเท่าใด..แต่สุดท้ายต้องพรากกัน"
"และถูกกำหนดให้เป็นเช่นนั้นไป...ตลอดกาล"
เสียงตะโกนนั้นดังขึ้นกึกก้องไปทั่วทะเลสาบพร้อมใบหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความโกรธแค้น
เอรอสหันคมดาบไปที่คออันเรียวเล็กของ กาบริเอล ที่ยังตีสีหน้าปกติ
"ทำเช่นนั้นไม่ได้หรอกAries การประหารนั้นมันเป็นเพียงลหุโทษ"
"เลวบัดซบ!!ทำไม!!ทำไมถึงต้องให้ข้าทุกข์ทรมาณถึงเพียงนี้!!!"
ต้องถีบตัวกลับไปยังริมทะเลสาบ ตั้งท่าพร้อมโจมตีอีกครั้ง
วังน้ำวนก่อตัวขึ้นกลางทะเลสาบ นางฟ้าสาวชูมือขึ้นวาดวงเวทย์ปรากฏแตรทองคำ
ขึ้นมาบนมือส่องประกายแวววาวรับแสงแดด ทันทีที่เสียงแตร่แห่งการชำระบาปดังขึ้น
หมู่เมฆแตกกระจายออกเป็นวงกว้าง ท้องฟ้าเปิดกระจ่างสายน้ำพุ่งสูงขึ้นสูงรวมตัวกันห่อหุ้มกาบริเอลไว้
ร่างของนางฟ้าบัดนี้ กลายเป็นน้ำใสที่ก่อตัวขึ้นเป็นรูปหญิงสาว ล้อมรอบไปด้วยม่านน้ำ
ที่วนขึ้นโดยรอบ เรือนร่างน้ำนั้นยกมือขึ้นชี้หน้าชายหนุ่มอย่างมาดมั่น
"เอรอสเอยไม่ว่าท่านจะเก่งกาจซักเท่าใด เมื่ออยู่ต่อหน้าแหวนนี้ทุกสิ่งจักไร้ผล"
คำพูดนั้นทำให้เอรอสถึงขึ้นเสียสติดวงตาสีอำพันลุกวาวเต็มเปี่ยมไปด้วยความโกรธแค้นและชิงชัง
เพียงแค่ชั่วพริบตาร่างของเอรอสลุกท่วมไปด้วยเปลวเพลิงจนจรดปลายเท้า
ดาบคู่ทั้งสองส่องประกายสีแดงฉานความร้อนจากร่างกายชายหนุ่มแผ่ไปทั่วทุกทิศบริเวณทะเลสาบ ทำเอาสัตว์ป่าบริเวณนั้นต่างพากันวิ่งหายเข้าไปในป่าลึก
ต้นหญ้าต่างถูกความร้อนนั้นเผ่าไหม้เป็นสีน้ำตาลอ่อน
แม้แต่น้ำในทะเลสาบก็ร้อนระอุขึ้นมาอย่างรวดเร็วจนเกิดควัญ
เอรอสกระโจนพุ่งตัวไปหากาบริเอล
ถลาตัวเข้าใส่จ่อปลายดาบอัดทะลวงเข้าไปในม่านน้ำด้วยแรงปะทะที่รุนแรงนั้น ทำให้ม่านน้ำสลายกลายเป็นไอไปอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มจับรั้งด้ามดาบ สะบัดใบมีดฟาดฟันร่างน้ำนั้นอย่างบ้าคลั่ง จนกระทั้งร่างของนางฟ้าแตกกระจายออก แหลกสลายกลายเป็นไอด้วยความร้อนที่โจมตีเข้ามา อย่างไม่มีชิ้นดี
แต่ทว่า
สายน้ำยังคงลอยขึ้นมารวมกันอย่างต่อเนื่อง ก่อตัวเป็นร่างของหญิงสาวกลายร่างน้ำอีกครั้ง
นั้นก็มิได้ทำให้ชายหนุ่มท้อถอยแต่อย่างใด กลับยิ่งทำให้เปลวเพลิงแห่งความโกรธทวีคูณยิ่งขึ้น
เสียงน้ำปะทะใบมีดและเสียงเปลวไฟที่ลุกไหม้ ยังคงดังขึ้นต่อเนื่องเป็นเวลายาวนานในเขตป่าทิศเหนือของคามาย
.
..
..
ต้นไม้บริเวณทะเลสาบเหลือเพียงกิ่งกาน
ผืน ดินแห้งแตกออกพร้อมเศษต้นไม้ใบหญ้าที่ไหม้ไฟ กองเกลื้อนพื้นแม้แต่น้ำในทะเลสาบก็ถูกความร้อนจากการปะทะระเหยจนกลายเป็น เพียงแอ่งน้ำเล็กๆ
ร่างเอรอสที่เปลวเพลิงลุกท่วมนั้นก็ค่อยๆมอดลงไป ปรากฏเป็นกลับคืนร่างชายหนุ่ม ยืนอยู่ริมทะเลสาบเอรอสทรุดตัวลงไปกับพื้น ทั่วทั้งร่างเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ หอบหายใจอย่างอ่อนล้า
ดวงตาของเขาเริ่มพร่ามั่ว แต่มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาด้านหลังรั้งสติเอาไว้
กาบริเอลที่ลอยอยู่เหนือทะเลสาบที่น้ำแห้งเหือดกางปีกทั้งหกออก
ลอย ตัวลงไปยังพื้นอย่างนิ่มนวล ยืนอยู่เบื้องหน้าชายหนุ่มที่ยังประคองตัวอยู่ได้ด้วยมีดข้างหนึ่งที่ปักลง ไปกับพื้นช่วยยันร่างเขาไว้ไม่ให้ล้มลง
ไม่ว่า ดิน น้ำ ลม ไฟ รึแม้แต่อากาศ..."
กาบริเอลเหลือบตาลงมองร่างเอรอสที่โงนเงนเต็มที
"...นาง?...ใคร?..อะไรอีกละ"
เอรอสล้มตัวลงไปนอนกองกับพื้น ตาพร่ามัว หอบหายใจเป็นระรอกจากการการใช้พลังไปเกินขีดจำกัด
"Li...Libra"
แต่ที่น่าแปลกประหลาดกว่านั้นคือเมื่อเอรอสเอยชื่อนั้นแล้ว เกิดความเจ็บปวดขึ้นในใจ
รู้สึกโหยหา ผูกพัน กับนามที่เขาได้เอยออกมา
"Libra...Libra..นามนี้คือใครกัน"
เอรอสพูดด้วยน้ำเสียงอันสั่นเครือ ดวงตาสีอำพันที่มั่วหมองไปด้วยความเศร้า
จนต้องสูดหายใจลึกๆเพื่อไม่ให้น้ำตาไหลออกมา
"นางคืออีกครึ่งหนึ่งของดวงวิญญาณท่านเอรอส...
ผู้ที่ถูกพระเจ้า ...สร้างมาให้อยู่เคียงข้างท่านไปชั่วนิรันดิ์"
ไม่มีเสียงใดๆออกมาจากปากชายหนุ่ม ความรู้สึกเจ็บปวดจนน่าอึดอัดนี้คืออะไร
ในความอ่อนล้าของร่างกายนั้นเอง สิ่งเดียวที่เขารู้สึกได้ก่อนสติจะจางหาย
คือน้ำตาของตัวเองที่ไหลออกมาเป็นสาย อย่างไร้เหตุผล
ข้ากำลังคิดถึงอะไรบ้างอย่าง
ด้วยความทุกข์ทรมาณ โหยหา จนแทบกลั้นใจตาย
...ขาดสิ่งนั้นแล้วเปลวเพลิงเช่นข้า
ทนอยู่ต่อไป
คงไม่ต่างอะไรจากแสงเทียนที่ริบรี่"
...Libra
.
..
...
อากาศเย็นสบายของไอหมอกจางๆสูงขึ้นไปเหนือภูผา บนยอดน้ำตก
เป็นที่ตั้ง ปราสาทคามาย ของ"ราเทล"ราชาผู้ปกครองชาวไวท์เอลฟ์
แสงแดด อ่อนๆส่องผ่านทะเลหมอก
ลงมายังกระจกห้องประชุม ที่อยู่ในส่วนชั้นบนสุดของปราสาทคามาย
ภายในห้องประชุมนั้นเองมีอัศวินชาวเอลฟ์และขุนนางมากมาย
ยืนรายล้อมรอบห้องประชุมด้วยสีหน้าและท่าทางที่เคร่งเครียด
เมื่อต่างรับรู้ว่า เอรอสกำลังจะเดินทางออกจากป่าคายมายนี้แล้ว
ราเทล ราชาแห่งไวท์เอลฟ์ ดวงตาและเส้นผมสีมรกต
ผิวขาว ใบหน้าซีดเซียว นั่งอยู่บนบัลลังค์ในชุดเทายาว นั่งฟังอย่างใจเย็น
"เอรอส...ท่านกำลังจะเดินทางไปที่ใดหรือ"
ราเทลพูดจบพร้อมยืนขึ้น
"มันเป็นการเดินทางเพื่อตามหาคนคนหนึ่ง"
"ผู้ใดกัน ท่านเอรอส"
"อีกครึ่งหนึ่งของดวงวิญญาณ...กำลังรอข้าอยู่"
บรรยาย กาศในห้องประชุมมีเพียงความเงียบเมื่อได้ยินคำตอบที่ไร้แก่นสารนั้น ราชาเอฟไม่ได้เปลี่ยนสีหน้าเขาเพียงนำมือทั้งสองประกบกันวางเท้าค้างก่อนก ล่าว
"....ข้าเข้าใจแล้ว....ไปตามที่ท่านต้องการเถิด"
เสียงซุบซิบของเหล่าขุนนางต่างดังขึ้น ทุกคนรู้ดีว่าหากเอรอสจากไป
ป่าคามายต้องถูกโจมตีอีกในไม่ช้าเป็นแน่
บัดนี้ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องรู้จักพึ่งพาตัวเราเอง มิใช่ให้ผู้อื่นมาคอยปกป้องตลอด
เสียจนกลายเป็นคนขาดความสามารถ เหล่าทหารทุกนายรวมถึงพวกท่าน
ล้วนแต่ถูกคัดเลือกมาอย่างยากลำบากเพื่อจะมายืนอยู่ เบื้องหน้าข้ามิใช่หรือ
ข้าเชื่อว่าพวกเราต้องปกป้องอาณาจักรนี้ได้...ด้วยตัวเราเอง"
เสียงของเหล่าขุนนางทุกคนในห้องต่างเงียบลง ยอมรับ ทุกถ่อยคำที่ราเทลกล่าว
"ไปเถิดท่านเอรอส ไปหาอีกครึ่งหนึ่งของดวงวิญญาณท่าน"
เอรอสเดินเข้าไปใกล้ ราเทล ก่อนก้มศรีษะลงอย่างนอบน้อม
"ขอบคุณท่านมากที่เข้าใจข้า"
"โอ้..เอรอส ราชาองค์ก่อนๆของชาวไวท์เอลฟ์รึแม้แต่พ่อของข้าเอง
มิเคยมีใครเห็นดวงตาสีอำพันของท่านฉายแววแห่งความสุขรึความหวังเลย
เราไม่รู้จะตอบแทนท่านอย่างไรที่มอบความร่มเย็นเป็นสุขให้คามายเป็นเวลานาน
และข้าเองก็อยากให้ท่านมีความสุขดังเช่นที่ท่านมอบให้พวกเราชาวไวท์เอลฟ์
กลับมาได้ทุกเมื่อนะท่านเอรอส อาณาจักรนี้ยินดีต้อนรับเสมอ"
ราเทล และเหล่าขุนนางต่างโน้มศรีษะลง เพื่อทำความเคารพ เอรอส
..
...
เอรอสวิ่งออกจากห้องประชุม กระโดดลงมาจากใจกลางบันไดวน
ลอยตัวลงมาตามแรงน้อมถ่วงด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
ตอนนี้เขาไม่สามารถที่จะเก็บซ่อนความรู้สึกของตัวเองได้เลย
และเมื่อใกล้จะถึงชั้นล่างสุด
เอรอสจึงใช้เท้าถีบราวบันไดชั้นสองเพื่อดีดตัวลงจอด
ทันทีที่ปลายเท้าแตะถึงพื้นหินอ่อน
ชายหนุ่มก็วิ่งพุ่งตรงไปยังประตูทางออกของปราสาท
ในใจของเอรอส ตอนนี้ แม้เร็วขึ้นเพียงวินาที
ที่ได้เจอLibra ก็นับเป็นเรื่องน่ายินดี
เสียงฝีเท้าของเขาเร็วเรื่อยๆตามทางเดินของปราสาท
บรรดาทหารไวท์เอลฟ์
ต่างแปลกประหลาดใจกับสีหน้าและท่าทางที่ร่าเริงจนน่ากลัวของชายหนุ่ม
(เกรงว่าเอรอสจะเสียสติไปเสียแล้ว)
เขาพุ่งตัวไปที่ประตูทางออกด้วยความเร็วสูงสุด
จนทหารยามที่ยืนเฝ้าประตูต่างแตกตื่นเพราะเกรงว่าจะเปิดประตูให้ไม่ทัน
เมื่อเสียงประตูเปิดดังขึ้น เอรอส ก็หายลับไปจากสายตาของทหารทั้งสอง
ชายหนุ่มยังคงวิ่งด้วยความเร็วสูงอย่างต่อเนื่อง
มุ่งตรงไปยังทางทิศตะวันออกของป่า ตามที่นัดหมายกับนางฟ้าสาว
แต่ แล้ว หลังจากวิ่งมาได้ครึ่งทางจากจุดที่นัดหมายก็เกิดสายลมที่โหมกระหน่ำพัดพาเอา ฝุ่นและซากใบไม้เข้าตาเอรอสทำให้เขาต้องหยุดชะงักลง ขยี้ตาของตนปัดเศษฝุ่นออก อย่างเสียอารมณ์
เมื่อชายหนุ่มลืมตาขึ้นเขาก็พบ คนคนหนึ่งที่เขารู้จักเป็นอย่างดี ยืนขว้างทางตนอยู่
เอรอสยืน กอดอก ทำตาขว้างใส่หญิงสาว
"ท่านกำลังจะไปจากคามายแล้วหรือ?!ทำไมค่ะ!"
หญิงสาวถามขึ้นมาอย่างฉับพลัน
"ข้ากำลังจะเดินทางไปหาคนคนหนึ่งเจ้ามีอะไร"
"ผู้ใดค่ะ? แล้วที่ไหน"
เนลยังคงถามต่อ ประสานมือทั้งสองไว้ข้างหน้า
"ข้าเองก็ไม่รู้ แต่ข้ามีคนนำทางข้าไปหานางเอง"
เขาตอบพร้อมเมินหน้าหนี
"นาง...ใครกันละค่ะ"
เนลยังคงเดินตาม ไปยืนอยู่หน้าชายหนุ่ม
"นางคือคนรักของข้า"
เอรอสตอบอย่างรวดเร็ว
ทำให้เนลถึงกับดวงตาเปิดกว้าง แทบล้มทั้งยืนเมื่อได้ยิน
"ท่านรู้ได้อย่างไรว่านางยังมีชีวิตอยู่ นางอาจจะตายไปแล้วก็เป็นได้"
"เสียใจด้วย...แต่นางเองก็มีกายเป็นนิรันดิ์เช่นเดียวกับข้า!!"
เอรอส ถอนหายใจออกแรง เดินสวนเนลไปอย่างไม่ใยดี
"ท่านเอรอส อย่าไป! ขอร้องละได้โปรด ข้ารักท่าน!!"
หญิงสาวเข้าสวมกอดชายหนุ่มจากด้านหลัง
"เนล...ขอร้องละ ถ้ารักข้าจริงก็จงปล่อยข้าไป"
เนลโอบกอดเอรอสกำมือแน่น พร้อมน้ำตา
"ท่านเอรอส..ในเมื่อท่านกล่าวว่าชีวิตของข้านั้นแสนสั้นสำหรับท่าน
ได้โปรดอยู่กับข้าต่ออีกซักนิดเพื่อรอวันข้าสิ้นลมด้วยเถิด"
....เนลสำหรับข้าแล้ว
การต้องอยู่กับคนที่ข้าไม่รักนั้น แม้เพียงเสี้ยววินาทีเดียว...ข้าก็ไม่อยากอยู่!! "
..
...
เป็นพื้นที่ราบลุ่มเทือกเขาสูง นภากระจ่าง ไร้เมฆหมอก
ขนานไปกับพื้นหญ้าเขียวขจีไปสุดลูกตาแสงแดดยามเที่ยงวัน
เหมาะกับการเริ่มต้นออกเดินทาง
บนเนินที่ราบต้นไม้ใหญ่ ณ ที่ราบลุ่มนั้น ที่ที่มีม้าขาวสองตัวเดินหาอาหารอยู่รอบๆ
จะพบหญิงสาวผมสีทองเป็นประกาย ในตาฟ้าใส
ส่วมเสื้อคลุมสีน้ำเงินเข้ม ยืนรอใครบ้างคนอยู่ ผ้าคลุมของนาง
ปลิ้วสะไหวไปตามแรงลมที่พัดมาเป็นระยะ
"กาบริเอล เจ้าเองก็สวยไม่เบานะในร่างของมนุษย์"
เสียงที่ดังขึ้นด้านหลังนาง คงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเอรอส
"ท่านมาสายนะ เอรอส" เสียงใสๆออกมาจากใบหน้าเมินเฉย
"ถ้าเจ้าเล่าเรื่องทั้งหมดให้ข้าฟังแต่แรกๆเราคงได้เดินทางตั้งแต่เมื่อวานแล้วละนะ"
"คนใจร้อนเช่นท่านหากไม่อยู่ในสภาพนั้นก็คงจะไม่ยอมฟังข้าแต่โดยดี"
เอรอสนิ่งเงียบด้วยคำพูดที่แทงใจดำนั้น ไม่อาจเถียง ความจริงได้เลย
"โอเค โอเค ข้าขอโทษ พอใจรึยัง?เกบบี้"
"เกบบี้?"
กาบริเอลเดินเข้าไปประชิดตัวของเขา และยื้นผ้าคลุมผืนหนึ่ง
ที่เหมือนกับของตนให้ด้วยสีหน้าที่งวยงง
"ชื่อเจ้าตอนเป็นมนุษย์ไง ใครๆก็มีกันทางนั้นแหละ"
ชายหนุ่มหัวเราะพร้อมทั้งใส่เสื้อคลุมที่รับมา
"อืม นั้นสินะข้ายังไม่มีชื่อตอนเป็นมนุษย์เลย"
"นั้นไงละ ข้าก็ตั้งให้เจ้าเลยแล้วกัน"
เอรอสเท้าเอวยืดอกขึ้นอย่างภาคภูมิในชื่อที่ตั้งให้
กาบริเอลส่งยิ้มเล็กน้อยให้เหมือนเป็นการขอบคุณชายหนุ่ม
เหลือไว้เพียงเสียงร่ำไห้ของหญิงสาวในป่าทางทิศตะวันออก
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ