Zodiac Fate I (ภาคเปิดตำนานสิบสองราศี)
9.8
เขียนโดย esther
วันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2558 เวลา 13.20 น.
10 ตอน
5 วิจารณ์
13.50K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 00.22 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) Aros:เปลวเพลิงและแสงเทียน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ...แสงแดดยามกลางวัน กับท้องฟ้าแจ่มใส ไร้เมฆหมอกณ ป่าคามายทางทิศเหนือ ใจกลางทะเลสาบคามายนั้นเองได้ปรากฏร่างของนางฟ้า กาบริเอล ที่ยืนนิ่งอย่างสงบลอยอยู่เหนือน้ำด้วยปีกทั้งหก ผิดกับท่าทางอันลุกลี้ลุกลนของมือสังหารหนุ่ม เอรอสที่กำลังเดินไปเดินมา อยู่ข้างๆริมทะเลสาบ
"ไม่มีเวลาแล้ว...เอรอสไปกับข้าเถิด"
เสียงใสๆดังก้องขึ้น เพื่อยืนยันจุดประสงค์การลงมายังโลกมนุษย์ของตน"ไม่ๆ ขอทบทวนอีกทีนะ เดิมทีข้าเป็นเทพและถูกพระเจ้าของเจ้าลงทัณฑ์ให้มาเกิดเป็นมนุษย์""ถูกต้อง"กาบริเอลตอบชายหนุ่มด้วยใบหน้าที่นิ่งเฉย"เพื่อให้ ข้าทุกข์ทรมาณในโลกแห่งความไม่แน่นอน""ถูกต้อง"มีคำถามมากมายเกิดขึ้นในหัวของเขา หลังจากได้รับรู้เรื่องทั้งหมดจนไม่สามารถจะจับต้นชนปลายได้ถูกความสงสัย ความขุ่นเคือง...และความโกรธ เริ่มก่อตัวขึ้นอย่างเงียบๆภายในจิตใจ"เพราะข้าคิดจะสังหารพระเจ้า จึงถูกลงทัณฑ์ให้มีกายเนื้อที่ไร้ซึ่งอายุไข""ถูกต้อง"
"ถูกลงทัณฑ์ให้อยู่อย่างโดดเดียว"
เอรอสก้มหน้าลง แต่ดวงตาสีอำพันยังคงจับจ้องไปที่นางฟ้า
"....ถูกต้องเป็นเช่นที่ท่านกล่าวมา""ให้สูญเสียทุกสิ่ง...ไม่ว่ารักมากแค่ไหน..ไม่ว่าจะโหยหามากเท่าใด..แต่สุดท้ายต้องพรากกัน"
ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ...มือกำอาวุธแน่น
"และถูกกำหนดให้เป็นเช่นนั้นไป...ตลอดกาล"
"ถูกต้องแล้ว...Aries"
ทันทีสิ้นเสียงคำตอบนั้นใบมีดของเอรอสก็ได้มาจ่ออยู่เบื้องหน้ากาบริเอล
"ทำไม!! ในเมื่อข้าคิดสังหารพระเจ้า พระเจ้าก็ควรจะสังหารข้าซะ!!"เสียงตะโกนนั้นดังขึ้นกึกก้องไปทั่วทะเลสาบพร้อมใบหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความโกรธแค้นเอรอสหันคมดาบไปที่คออันเรียวเล็กของ กาบริเอล ที่ยังตีสีหน้าปกติ
"ทำเช่นนั้นไม่ได้หรอกAries การประหารนั้นมันเป็นเพียงลหุโทษ""เลวบัดซบ!!ทำไม!!ทำไมถึงต้องให้ข้าทุกข์ทรมาณถึงเพียงนี้!!!"
แล้วเอรอสก็ง้างมือ พุ่งคมดาบไปสู่ร่างของนางฟ้าที่ยืนอย่างไม่ไหวติ่ง
เพล้งงง!!
เสียงบางอย่างคลายแก้วแตกออกใบมีดของเอรอสถูกพลังบ้างอย่างปะทะใส่อย่างรุนแรงจนต้องถีบตัวกลับไปยังริมทะเลสาบ ตั้งท่าพร้อมโจมตีอีกครั้ง
"ชิ...บาเรียงั้นรึ"วังน้ำวนก่อตัวขึ้นกลางทะเลสาบ นางฟ้าสาวชูมือขึ้นวาดวงเวทย์ปรากฏแตรทองคำขึ้นมาบนมือส่องประกายแวววาวรับแสงแดด ทันทีที่เสียงแตร่แห่งการชำระบาปดังขึ้นหมู่เมฆแตกกระจายออกเป็นวงกว้าง ท้องฟ้าเปิดกระจ่างสายน้ำพุ่งสูงขึ้นสูงรวมตัวกันห่อหุ้มกาบริเอลไว้
ร่างของนางฟ้าบัดนี้ กลายเป็นน้ำใสที่ก่อตัวขึ้นเป็นรูปหญิงสาว ล้อมรอบไปด้วยม่านน้ำที่วนขึ้นโดยรอบ เรือนร่างน้ำนั้นยกมือขึ้นชี้หน้าชายหนุ่มอย่างมาดมั่น"เอรอสเอยไม่ว่าท่านจะเก่งกาจซักเท่าใด เมื่ออยู่ต่อหน้าแหวนนี้ทุกสิ่งจักไร้ผล" คำพูดนั้นทำให้เอรอสถึงขึ้นเสียสติดวงตาสีอำพันลุกวาวเต็มเปี่ยมไปด้วยความโกรธแค้นและชิงชัง
"จงมอดไหม้ไปซะ! กาบริเอล!!" เพียงแค่ชั่วพริบตาร่างของเอรอสลุกท่วมไปด้วยเปลวเพลิงจนจรดปลายเท้า ดาบคู่ทั้งสองส่องประกายสีแดงฉานความร้อนจากร่างกายชายหนุ่มแผ่ไปทั่วทุกทิศบริเวณทะเลสาบ ทำเอาสัตว์ป่าบริเวณนั้นต่างพากันวิ่งหายเข้าไปในป่าลึกต้นหญ้าต่างถูกความร้อนนั้นเผ่าไหม้เป็นสีน้ำตาลอ่อนแม้แต่น้ำในทะเลสาบก็ร้อนระอุขึ้นมาอย่างรวดเร็วจนเกิดควัญเอรอสกระโจนพุ่งตัวไปหากาบริเอลถลาตัวเข้าใส่จ่อปลายดาบอัดทะลวงเข้าไปในม่านน้ำด้วยแรงปะทะที่รุนแรงนั้น ทำให้ม่านน้ำสลายกลายเป็นไอไปอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มจับรั้งด้ามดาบ สะบัดใบมีดฟาดฟันร่างน้ำนั้นอย่างบ้าคลั่ง จนกระทั้งร่างของนางฟ้าแตกกระจายออก แหลกสลายกลายเป็นไอด้วยความร้อนที่โจมตีเข้ามา อย่างไม่มีชิ้นดีแต่ทว่า
สายน้ำยังคงลอยขึ้นมารวมกันอย่างต่อเนื่อง ก่อตัวเป็นร่างของหญิงสาวกลายร่างน้ำอีกครั้งนั้นก็มิได้ทำให้ชายหนุ่มท้อถอยแต่อย่างใด กลับยิ่งทำให้เปลวเพลิงแห่งความโกรธทวีคูณยิ่งขึ้นเสียงน้ำปะทะใบมีดและเสียงเปลวไฟที่ลุกไหม้ ยังคงดังขึ้นต่อเนื่องเป็นเวลายาวนานในเขตป่าทิศเหนือของคามาย
.....
จนตะวันใกล้จะลาลับขอบฟ้า
เมื่อการโจมตีอย่างบ้าคลั่งสิ้นได้สุดลง...ต้นไม้บริเวณทะเลสาบเหลือเพียงกิ่งกานผืน ดินแห้งแตกออกพร้อมเศษต้นไม้ใบหญ้าที่ไหม้ไฟ กองเกลื้อนพื้นแม้แต่น้ำในทะเลสาบก็ถูกความร้อนจากการปะทะระเหยจนกลายเป็น เพียงแอ่งน้ำเล็กๆร่างเอรอสที่เปลวเพลิงลุกท่วมนั้นก็ค่อยๆมอดลงไป ปรากฏเป็นกลับคืนร่างชายหนุ่ม ยืนอยู่ริมทะเลสาบเอรอสทรุดตัวลงไปกับพื้น ทั่วทั้งร่างเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ หอบหายใจอย่างอ่อนล้าดวงตาของเขาเริ่มพร่ามั่ว แต่มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาด้านหลังรั้งสติเอาไว้
"สงบลงรึยัง...เอรอส"
กาบริเอลที่ลอยอยู่เหนือทะเลสาบที่น้ำแห้งเหือดกางปีกทั้งหกออกลอย ตัวลงไปยังพื้นอย่างนิ่มนวล ยืนอยู่เบื้องหน้าชายหนุ่มที่ยังประคองตัวอยู่ได้ด้วยมีดข้างหนึ่งที่ปักลง ไปกับพื้นช่วยยันร่างเขาไว้ไม่ให้ล้มลง
"ด้วยอำนาจของแหวงนี้ข้ากลายเป็นทุกสิ่งที่พระเจ้าสร้างสรรค์ไว้บนโลกนี้ไม่ว่า ดิน น้ำ ลม ไฟ รึแม้แต่อากาศ..."
"ฆ่าข้าดีกว่าให้ข้าไปช่วยพระเจ้าของเจ้า!"
เอรอสพูดแทรกขึ้นด้วยสีหน้าที่เหนื่อยล้า
"ไปกับข้าเถิด เอรอสท่านไม่อยากเจอนางอีกครั้งหรือไร"
กาบริเอลเหลือบตาลงมองร่างเอรอสที่โงนเงนเต็มที"...นาง?...ใคร?..อะไรอีกละ"เอรอสล้มตัวลงไปนอนกองกับพื้น ตาพร่ามัว หอบหายใจเป็นระรอกจากการการใช้พลังไปเกินขีดจำกัด
"Libra ราศีคู่ธาตุของเจ้าไง เอรอส"
ชื่อที่กาบริเอลเอยขึ้นมานั้น เป็นชื่อที่ทำให้เขารู้สึกคุ้นเคยอย่างน่าแปลกประหลาด"Li...Libra"แต่ที่น่าแปลกประหลาดกว่านั้นคือเมื่อเอรอสเอยชื่อนั้นแล้ว เกิดความเจ็บปวดขึ้นในใจรู้สึกโหยหา ผูกพัน กับนามที่เขาได้เอยออกมา
"จำนางได้ไหม ท่านและนางนั้นพลัดพรากกัน"
"Libra...Libra..นามนี้คือใครกัน"เอรอสพูดด้วยน้ำเสียงอันสั่นเครือ ดวงตาสีอำพันที่มั่วหมองไปด้วยความเศร้าจนต้องสูดหายใจลึกๆเพื่อไม่ให้น้ำตาไหลออกมา
"ศาตร์ตราแห่งวายุ Libra ผู้ปกครองหมู่ดาวคันชั่ง"
"นางคืออีกครึ่งหนึ่งของดวงวิญญาณท่านเอรอส... ผู้ที่ถูกพระเจ้า ...สร้างมาให้อยู่เคียงข้างท่านไปชั่วนิรันดิ์"
ไม่มีเสียงใดๆออกมาจากปากชายหนุ่ม ความรู้สึกเจ็บปวดจนน่าอึดอัดนี้คืออะไรในความอ่อนล้าของร่างกายนั้นเอง สิ่งเดียวที่เขารู้สึกได้ก่อนสติจะจางหายคือน้ำตาของตัวเองที่ไหลออกมาเป็นสาย อย่างไร้เหตุผล
"Libra ตลอดเวลาที่ผ่านมา...ข้ารู้แต่เพียงว่าข้ากำลังคิดถึงอะไรบ้างอย่างด้วยความทุกข์ทรมาณ โหยหา จนแทบกลั้นใจตาย...ขาดสิ่งนั้นแล้วเปลวเพลิงเช่นข้าทนอยู่ต่อไปคงไม่ต่างอะไรจากแสงเทียนที่ริบรี่"...Libra......
วันรุ่งขึ้นยามเช้า ใจกลางป่า คามายอากาศเย็นสบายของไอหมอกจางๆสูงขึ้นไปเหนือภูผา บนยอดน้ำตก เป็นที่ตั้ง ปราสาทคามาย ของ"ราเทล"ราชาผู้ปกครองชาวไวท์เอลฟ์แสงแดด อ่อนๆส่องผ่านทะเลหมอกลงมายังกระจกห้องประชุม ที่อยู่ในส่วนชั้นบนสุดของปราสาทคามาย
ภายในห้องประชุมนั้นเองมีอัศวินชาวเอลฟ์และขุนนางมากมายยืนรายล้อมรอบห้องประชุมด้วยสีหน้าและท่าทางที่เคร่งเครียดเมื่อต่างรับรู้ว่า เอรอสกำลังจะเดินทางออกจากป่าคายมายนี้แล้วราเทล ราชาแห่งไวท์เอลฟ์ ดวงตาและเส้นผมสีมรกตผิวขาว ใบหน้าซีดเซียว นั่งอยู่บนบัลลังค์ในชุดเทายาว นั่งฟังอย่างใจเย็น"เอรอส...ท่านกำลังจะเดินทางไปที่ใดหรือ"ราเทลพูดจบพร้อมยืนขึ้น"มันเป็นการเดินทางเพื่อตามหาคนคนหนึ่ง""ผู้ใดกัน ท่านเอรอส""อีกครึ่งหนึ่งของดวงวิญญาณ...กำลังรอข้าอยู่"บรรยาย กาศในห้องประชุมมีเพียงความเงียบเมื่อได้ยินคำตอบที่ไร้แก่นสารนั้น ราชาเอฟไม่ได้เปลี่ยนสีหน้าเขาเพียงนำมือทั้งสองประกบกันวางเท้าค้างก่อนก ล่าว"....ข้าเข้าใจแล้ว....ไปตามที่ท่านต้องการเถิด"เสียงซุบซิบของเหล่าขุนนางต่างดังขึ้น ทุกคนรู้ดีว่าหากเอรอสจากไปป่าคามายต้องถูกโจมตีอีกในไม่ช้าเป็นแน่
"ทุกท่านโปรดสงบ!!"
เสียงราชาดังขึ้น ทำให้ภายในห้องนั้นเงียบลงอย่างรวดเร็ว
"ขอบคุณท่านมากที่คอยช่วยเหลือ "คามาย" มานานยาวนานจนยากที่จะนับบัดนี้ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องรู้จักพึ่งพาตัวเราเอง มิใช่ให้ผู้อื่นมาคอยปกป้องตลอดเสียจนกลายเป็นคนขาดความสามารถ เหล่าทหารทุกนายรวมถึงพวกท่านล้วนแต่ถูกคัดเลือกมาอย่างยากลำบากเพื่อจะมายืนอยู่ เบื้องหน้าข้ามิใช่หรือข้าเชื่อว่าพวกเราต้องปกป้องอาณาจักรนี้ได้...ด้วยตัวเราเอง"
เสียงของเหล่าขุนนางทุกคนในห้องต่างเงียบลง ยอมรับ ทุกถ่อยคำที่ราเทลกล่าว"ไปเถิดท่านเอรอส ไปหาอีกครึ่งหนึ่งของดวงวิญญาณท่าน"เอรอสเดินเข้าไปใกล้ ราเทล ก่อนก้มศรีษะลงอย่างนอบน้อม"ขอบคุณท่านมากที่เข้าใจข้า""โอ้..เอรอส ราชาองค์ก่อนๆของชาวไวท์เอลฟ์รึแม้แต่พ่อของข้าเองมิเคยมีใครเห็นดวงตาสีอำพันของท่านฉายแววแห่งความสุขรึความหวังเลยเราไม่รู้จะตอบแทนท่านอย่างไรที่มอบความร่มเย็นเป็นสุขให้คามายเป็นเวลานานและข้าเองก็อยากให้ท่านมีความสุขดังเช่นที่ท่านมอบให้พวกเราชาวไวท์เอลฟ์กลับมาได้ทุกเมื่อนะท่านเอรอส อาณาจักรนี้ยินดีต้อนรับเสมอ"ราเทล และเหล่าขุนนางต่างโน้มศรีษะลง เพื่อทำความเคารพ เอรอส
......
การประชุมยามเช้าได้ยุติลงแค่นั้น เอรอสวิ่งออกจากห้องประชุม กระโดดลงมาจากใจกลางบันไดวน ลอยตัวลงมาตามแรงน้อมถ่วงด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มตอนนี้เขาไม่สามารถที่จะเก็บซ่อนความรู้สึกของตัวเองได้เลยและเมื่อใกล้จะถึงชั้นล่างสุดเอรอสจึงใช้เท้าถีบราวบันไดชั้นสองเพื่อดีดตัวลงจอดทันทีที่ปลายเท้าแตะถึงพื้นหินอ่อน ชายหนุ่มก็วิ่งพุ่งตรงไปยังประตูทางออกของปราสาทในใจของเอรอส ตอนนี้ แม้เร็วขึ้นเพียงวินาทีที่ได้เจอLibra ก็นับเป็นเรื่องน่ายินดีเสียงฝีเท้าของเขาเร็วเรื่อยๆตามทางเดินของปราสาทบรรดาทหารไวท์เอลฟ์ต่างแปลกประหลาดใจกับสีหน้าและท่าทางที่ร่าเริงจนน่ากลัวของชายหนุ่ม(เกรงว่าเอรอสจะเสียสติไปเสียแล้ว)เขาพุ่งตัวไปที่ประตูทางออกด้วยความเร็วสูงสุดจนทหารยามที่ยืนเฝ้าประตูต่างแตกตื่นเพราะเกรงว่าจะเปิดประตูให้ไม่ทันเมื่อเสียงประตูเปิดดังขึ้น เอรอส ก็หายลับไปจากสายตาของทหารทั้งสอง
ชายหนุ่มยังคงวิ่งด้วยความเร็วสูงอย่างต่อเนื่องมุ่งตรงไปยังทางทิศตะวันออกของป่า ตามที่นัดหมายกับนางฟ้าสาวแต่ แล้ว หลังจากวิ่งมาได้ครึ่งทางจากจุดที่นัดหมายก็เกิดสายลมที่โหมกระหน่ำพัดพาเอา ฝุ่นและซากใบไม้เข้าตาเอรอสทำให้เขาต้องหยุดชะงักลง ขยี้ตาของตนปัดเศษฝุ่นออก อย่างเสียอารมณ์เมื่อชายหนุ่มลืมตาขึ้นเขาก็พบ คนคนหนึ่งที่เขารู้จักเป็นอย่างดี ยืนขว้างทางตนอยู่
"เนล เจ้ามาทำอะไรที่นี่เนี่ย"เอรอสยืน กอดอก ทำตาขว้างใส่หญิงสาว
"ท่านกำลังจะไปจากคามายแล้วหรือ?!ทำไมค่ะ!"หญิงสาวถามขึ้นมาอย่างฉับพลัน"ข้ากำลังจะเดินทางไปหาคนคนหนึ่งเจ้ามีอะไร""ผู้ใดค่ะ? แล้วที่ไหน"เนลยังคงถามต่อ ประสานมือทั้งสองไว้ข้างหน้า"ข้าเองก็ไม่รู้ แต่ข้ามีคนนำทางข้าไปหานางเอง"เขาตอบพร้อมเมินหน้าหนี"นาง...ใครกันละค่ะ"เนลยังคงเดินตาม ไปยืนอยู่หน้าชายหนุ่ม"นางคือคนรักของข้า"เอรอสตอบอย่างรวดเร็วทำให้เนลถึงกับดวงตาเปิดกว้าง แทบล้มทั้งยืนเมื่อได้ยิน"ท่านรู้ได้อย่างไรว่านางยังมีชีวิตอยู่ นางอาจจะตายไปแล้วก็เป็นได้""เสียใจด้วย...แต่นางเองก็มีกายเป็นนิรันดิ์เช่นเดียวกับข้า!!"เอรอส ถอนหายใจออกแรง เดินสวนเนลไปอย่างไม่ใยดี"ท่านเอรอส อย่าไป! ขอร้องละได้โปรด ข้ารักท่าน!!"หญิงสาวเข้าสวมกอดชายหนุ่มจากด้านหลัง"เนล...ขอร้องละ ถ้ารักข้าจริงก็จงปล่อยข้าไป"เนลโอบกอดเอรอสกำมือแน่น พร้อมน้ำตา"ท่านเอรอส..ในเมื่อท่านกล่าวว่าชีวิตของข้านั้นแสนสั้นสำหรับท่าน ได้โปรดอยู่กับข้าต่ออีกซักนิดเพื่อรอวันข้าสิ้นลมด้วยเถิด"
"ในเมื่อเจ้ารู้ว่าชีวิตเจ้านั้นแสนสั้นก็จงใช้มันให้กับผู้ที่เขารักและต้องการเจ้าไม่ดีกว่าหรือ....เนลสำหรับข้าแล้วการต้องอยู่กับคนที่ข้าไม่รักนั้น แม้เพียงเสี้ยววินาทีเดียว...ข้าก็ไม่อยากอยู่!! "
น้ำเสียงมีที่เพียงเย็นชานี้ ตะโกนดังก้อง
เอรอสพลักตัวออกจากอ้อมกอดเนล และหายตัวไปทันทีที่หญิงสาวกระพริบตา
......
ณ ทางด้านตะวันออกของป่า คามายเป็นพื้นที่ราบลุ่มเทือกเขาสูง นภากระจ่าง ไร้เมฆหมอกขนานไปกับพื้นหญ้าเขียวขจีไปสุดลูกตาแสงแดดยามเที่ยงวันเหมาะกับการเริ่มต้นออกเดินทาง
บนเนินที่ราบต้นไม้ใหญ่ ณ ที่ราบลุ่มนั้น ที่ที่มีม้าขาวสองตัวเดินหาอาหารอยู่รอบๆจะพบหญิงสาวผมสีทองเป็นประกาย ในตาฟ้าใส ส่วมเสื้อคลุมสีน้ำเงินเข้ม ยืนรอใครบ้างคนอยู่ ผ้าคลุมของนางปลิ้วสะไหวไปตามแรงลมที่พัดมาเป็นระยะ"กาบริเอล เจ้าเองก็สวยไม่เบานะในร่างของมนุษย์"เสียงที่ดังขึ้นด้านหลังนาง คงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเอรอส"ท่านมาสายนะ เอรอส" เสียงใสๆออกมาจากใบหน้าเมินเฉย"ถ้าเจ้าเล่าเรื่องทั้งหมดให้ข้าฟังแต่แรกๆเราคงได้เดินทางตั้งแต่เมื่อวานแล้วละนะ""คนใจร้อนเช่นท่านหากไม่อยู่ในสภาพนั้นก็คงจะไม่ยอมฟังข้าแต่โดยดี"เอรอสนิ่งเงียบด้วยคำพูดที่แทงใจดำนั้น ไม่อาจเถียง ความจริงได้เลย"โอเค โอเค ข้าขอโทษ พอใจรึยัง?เกบบี้""เกบบี้?"กาบริเอลเดินเข้าไปประชิดตัวของเขา และยื้นผ้าคลุมผืนหนึ่งที่เหมือนกับของตนให้ด้วยสีหน้าที่งวยงง"ชื่อเจ้าตอนเป็นมนุษย์ไง ใครๆก็มีกันทางนั้นแหละ"ชายหนุ่มหัวเราะพร้อมทั้งใส่เสื้อคลุมที่รับมา"อืม นั้นสินะข้ายังไม่มีชื่อตอนเป็นมนุษย์เลย""นั้นไงละ ข้าก็ตั้งให้เจ้าเลยแล้วกัน"เอรอสเท้าเอวยืดอกขึ้นอย่างภาคภูมิในชื่อที่ตั้งให้กาบริเอลส่งยิ้มเล็กน้อยให้เหมือนเป็นการขอบคุณชายหนุ่ม
จากนั้นทั้งสองต่างก็แยกย้ายเดินไปขึ้นม้าขาวของตน
ออกเดินทางออกจากป่าคามายไปยังดินแดนใหม่เหลือไว้เพียงเสียงร่ำไห้ของหญิงสาวในป่าทางทิศตะวันออก
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ