Zodiac Fate I (ภาคเปิดตำนานสิบสองราศี)

9.8

เขียนโดย esther

วันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2558 เวลา 13.20 น.

  10 ตอน
  5 วิจารณ์
  13.50K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 00.22 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) Aros:เปลวเพลิงและแสงเทียน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 ...แสงแดดยามกลางวัน กับท้องฟ้าแจ่มใส ไร้เมฆหมอก
ณ ป่าคามายทางทิศเหนือ ใจกลางทะเลสาบคามายนั้นเอง

ได้ปรากฏร่างของนางฟ้า กาบริเอล ที่ยืนนิ่งอย่างสงบลอยอยู่เหนือน้ำ

ด้วยปีกทั้งหก ผิดกับท่าทางอันลุกลี้ลุกลนของมือสังหารหนุ่ม เอรอส

ที่กำลังเดินไปเดินมา อยู่ข้างๆริมทะเลสาบ 




 
"ไม่มีเวลาแล้ว...เอรอสไปกับข้าเถิด"


เสียงใสๆดังก้องขึ้น เพื่อยืนยันจุดประสงค์การลงมายังโลกมนุษย์ของตน

"ไม่ๆ ขอทบทวนอีกทีนะ เดิมทีข้าเป็นเทพและถูกพระเจ้าของเจ้า
ลงทัณฑ์ให้มาเกิดเป็นมนุษย์"

"ถูกต้อง"

กาบริเอลตอบชายหนุ่มด้วยใบหน้าที่นิ่งเฉย


"เพื่อให้ ข้าทุกข์ทรมาณในโลกแห่งความไม่แน่นอน"

"ถูกต้อง"

มีคำถามมากมายเกิดขึ้นในหัวของเขา หลังจากได้รับรู้เรื่องทั้งหมดจนไม่สามารถจะจับต้นชนปลายได้ถูก
ความสงสัย ความขุ่นเคือง...และความโกรธ เริ่มก่อตัวขึ้นอย่างเงียบๆภายในจิตใจ

"เพราะข้าคิดจะสังหารพระเจ้า จึงถูกลงทัณฑ์ให้มีกายเนื้อที่ไร้ซึ่งอายุไข"

"ถูกต้อง"



"ถูกลงทัณฑ์ให้อยู่อย่างโดดเดียว"
 
 
 
 
เอรอสก้มหน้าลง แต่ดวงตาสีอำพันยังคงจับจ้องไปที่นางฟ้า

"....ถูกต้องเป็นเช่นที่ท่านกล่าวมา"


"ให้สูญเสียทุกสิ่ง...ไม่ว่ารักมากแค่ไหน..ไม่ว่าจะโหยหามากเท่าใด..แต่สุดท้ายต้องพรากกัน"
 
 
 
 
ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ...มือกำอาวุธแน่น


"และถูกกำหนดให้เป็นเช่นนั้นไป...ตลอดกาล"

"ถูกต้องแล้ว...Aries"


 
 
 
 
ทันทีสิ้นเสียงคำตอบนั้นใบมีดของเอรอสก็ได้มาจ่ออยู่เบื้องหน้ากาบริเอล
 
"ทำไม!! ในเมื่อข้าคิดสังหารพระเจ้า  พระเจ้าก็ควรจะสังหารข้าซะ!!"

เสียงตะโกนนั้นดังขึ้นกึกก้องไปทั่วทะเลสาบพร้อมใบหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความโกรธแค้น
เอรอสหันคมดาบไปที่คออันเรียวเล็กของ กาบริเอล ที่ยังตีสีหน้าปกติ


"ทำเช่นนั้นไม่ได้หรอกAries การประหารนั้นมันเป็นเพียงลหุโทษ"



"เลวบัดซบ!!ทำไม!!ทำไมถึงต้องให้ข้าทุกข์ทรมาณถึงเพียงนี้!!!"



 
แล้วเอรอสก็ง้างมือ พุ่งคมดาบไปสู่ร่างของนางฟ้าที่ยืนอย่างไม่ไหวติ่ง
 
เพล้งงง!!

 
เสียงบางอย่างคลายแก้วแตกออกใบมีดของเอรอสถูกพลังบ้างอย่างปะทะใส่อย่างรุนแรงจน
ต้องถีบตัวกลับไปยังริมทะเลสาบ ตั้งท่าพร้อมโจมตีอีกครั้ง
 
 
 
 
"ชิ...บาเรียงั้นรึ"


วังน้ำวนก่อตัวขึ้นกลางทะเลสาบ นางฟ้าสาวชูมือขึ้นวาดวงเวทย์ปรากฏแตรทองคำ
ขึ้นมาบนมือส่องประกายแวววาวรับแสงแดด ทันทีที่เสียงแตร่แห่งการชำระบาปดังขึ้น
หมู่เมฆแตกกระจายออกเป็นวงกว้าง ท้องฟ้าเปิดกระจ่างสายน้ำพุ่งสูงขึ้นสูงรวมตัวกันห่อหุ้มกาบริเอลไว้


ร่างของนางฟ้าบัดนี้ กลายเป็นน้ำใสที่ก่อตัวขึ้นเป็นรูปหญิงสาว ล้อมรอบไปด้วยม่านน้ำ
ที่วนขึ้นโดยรอบ
เรือนร่างน้ำนั้นยกมือขึ้นชี้หน้าชายหนุ่มอย่างมาดมั่น

"เอรอสเอยไม่ว่าท่านจะเก่งกาจซักเท่าใด เมื่ออยู่ต่อหน้าแหวนนี้ทุกสิ่งจักไร้ผล"


คำพูดนั้นทำให้เอรอสถึงขึ้นเสียสติดวงตาสีอำพันลุกวาวเต็มเปี่ยมไปด้วยความโกรธแค้นและชิงชัง
 
"จงมอดไหม้ไปซะ! กาบริเอล!!"


    เพียงแค่ชั่วพริบตาร่างของเอรอสลุกท่วมไปด้วยเปลวเพลิงจนจรดปลายเท้า 
ดาบคู่ทั้งสองส่องประกายสีแดงฉานความร้อนจากร่างกายชายหนุ่มแผ่ไปทั่วทุกทิศบริเวณทะเลสาบ ทำเอาสัตว์ป่าบริเวณนั้นต่างพากันวิ่งหายเข้าไปในป่าลึก

ต้นหญ้าต่างถูกความร้อนนั้นเผ่าไหม้เป็นสีน้ำตาลอ่อน
แม้แต่น้ำในทะเลสาบก็ร้อนระอุขึ้นมาอย่างรวดเร็วจนเกิดควัญ


เอรอสกระโจนพุ่งตัวไปหากาบริเอล
ถลาตัวเข้าใส่จ่อปลายดาบอัดทะลวงเข้าไปในม่านน้ำ
ด้วยแรงปะทะที่รุนแรงนั้น ทำให้ม่านน้ำสลายกลายเป็นไอไปอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มจับรั้งด้ามดาบ สะบัดใบมีดฟาดฟันร่างน้ำนั้นอย่างบ้าคลั่ง จนกระทั้งร่างของนางฟ้าแตกกระจายออก แหลกสลายกลายเป็นไอด้วยความร้อนที่โจมตีเข้ามา อย่างไม่มีชิ้นดี


แต่ทว่า


สายน้ำยังคงลอยขึ้นมารวมกันอย่างต่อเนื่อง ก่อตัวเป็นร่างของหญิงสาวกลายร่างน้ำอีกครั้ง
นั้นก็มิได้ทำให้ชายหนุ่มท้อถอยแต่อย่างใด กลับยิ่งทำให้เปลวเพลิงแห่งความโกรธทวีคูณยิ่งขึ้น
เสียงน้ำปะทะใบมีดและเสียงเปลวไฟที่ลุกไหม้ ยังคงดังขึ้นต่อเนื่องเป็นเวลายาวนานในเขตป่าทิศเหนือของคามาย

.

..

..


จนตะวันใกล้จะลาลับขอบฟ้า



เมื่อการโจมตีอย่างบ้าคลั่งสิ้นได้สุดลง...

ต้นไม้บริเวณทะเลสาบเหลือเพียงกิ่งกาน
ผืน ดินแห้งแตกออกพร้อมเศษต้นไม้ใบหญ้าที่ไหม้ไฟ กองเกลื้อนพื้นแม้แต่น้ำในทะเลสาบก็ถูกความร้อนจากการปะทะระเหยจนกลายเป็น เพียงแอ่งน้ำเล็กๆ

ร่างเอรอสที่เปลวเพลิงลุกท่วมนั้นก็ค่อยๆมอดลงไป ปรากฏเป็นกลับคืนร่างชายหนุ่ม ยืนอยู่ริมทะเลสาบเอรอสทรุดตัวลงไปกับพื้น ทั่วทั้งร่างเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ หอบหายใจอย่างอ่อนล้า
ดวงตาของเขาเริ่มพร่ามั่ว แต่มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาด้านหลังรั้งสติเอาไว้


 
 
 
 
"สงบลงรึยัง...เอรอส"

กาบริเอลที่ลอยอยู่เหนือทะเลสาบที่น้ำแห้งเหือดกางปีกทั้งหกออก
ลอย ตัวลงไปยังพื้นอย่างนิ่มนวล ยืนอยู่เบื้องหน้าชายหนุ่มที่ยังประคองตัวอยู่ได้ด้วยมีดข้างหนึ่งที่ปักลง ไปกับพื้นช่วยยันร่างเขาไว้ไม่ให้ล้มลง


 
 
 
 
"ด้วยอำนาจของแหวงนี้ข้ากลายเป็นทุกสิ่งที่พระเจ้าสร้างสรรค์ไว้บนโลกนี้
ไม่ว่า ดิน น้ำ ลม ไฟ รึแม้แต่อากาศ..."
 
 
 
 
 
"ฆ่าข้าดีกว่าให้ข้าไปช่วยพระเจ้าของเจ้า!"
 
 
เอรอสพูดแทรกขึ้นด้วยสีหน้าที่เหนื่อยล้า
 
 
 
 
"ไปกับข้าเถิด เอรอสท่านไม่อยากเจอนางอีกครั้งหรือไร"

กาบริเอลเหลือบตาลงมองร่างเอรอสที่โงนเงนเต็มที


"...นาง?...ใคร?..อะไรอีกละ"
เอรอสล้มตัวลงไปนอนกองกับพื้น ตาพร่ามัว หอบหายใจเป็นระรอกจากการการใช้พลังไปเกินขีดจำกัด


 
 
 
 
"Libra ราศีคู่ธาตุของเจ้าไง เอรอส"

ชื่อที่กาบริเอลเอยขึ้นมานั้น เป็นชื่อที่ทำให้เขารู้สึกคุ้นเคยอย่างน่าแปลกประหลาด

"Li...Libra"

แต่ที่น่าแปลกประหลาดกว่านั้นคือเมื่อเอรอสเอยชื่อนั้นแล้ว เกิดความเจ็บปวดขึ้นในใจ
รู้สึกโหยหา ผูกพัน กับนามที่เขาได้เอยออกมา


 
 
 
 
"จำนางได้ไหม ท่านและนางนั้นพลัดพรากกัน"

"Libra...Libra..นามนี้คือใครกัน"
เอรอสพูดด้วยน้ำเสียงอันสั่นเครือ ดวงตาสีอำพันที่มั่วหมองไปด้วยความเศร้า
จนต้องสูดหายใจลึกๆเพื่อไม่ให้น้ำตาไหลออกมา


      "ศาตร์ตราแห่งวายุ Libra ผู้ปกครองหมู่ดาวคันชั่ง"
 
 
 
 

    "นางคืออีกครึ่งหนึ่งของดวงวิญญาณท่านเอรอส...
   ผู้ที่ถูกพระเจ้า ...สร้างมาให้อยู่เคียงข้างท่านไปชั่วนิรันดิ์"


ไม่มีเสียงใดๆออกมาจากปากชายหนุ่ม ความรู้สึกเจ็บปวดจนน่าอึดอัดนี้คืออะไร
ในความอ่อนล้าของร่างกายนั้นเอง สิ่งเดียวที่เขารู้สึกได้ก่อนสติจะจางหาย
คือน้ำตาของตัวเองที่ไหลออกมาเป็นสาย อย่างไร้เหตุผล
 
"Libra ตลอดเวลาที่ผ่านมา...ข้ารู้แต่เพียงว่า
ข้ากำลังคิดถึงอะไรบ้างอย่าง

ด้วยความทุกข์ทรมาณ โหยหา จนแทบกลั้นใจตาย

...ขาดสิ่งนั้นแล้วเปลวเพลิงเช่นข้า
ทนอยู่ต่อไป
คงไม่ต่างอะไรจากแสงเทียนที่ริบรี่"

...Libra

.

..

...
 
วันรุ่งขึ้นยามเช้า ใจกลางป่า คามาย

อากาศเย็นสบายของไอหมอกจางๆสูงขึ้นไปเหนือภูผา บนยอดน้ำตก 

เป็นที่ตั้ง ปราสาทคามาย ของ"ราเทล"ราชาผู้ปกครองชาวไวท์เอลฟ์
แสงแดด อ่อนๆส่องผ่านทะเลหมอก

ลงมายังกระจกห้องประชุม ที่อยู่ในส่วนชั้นบนสุดของปราสาทคามาย


ภายในห้องประชุมนั้นเองมีอัศวินชาวเอลฟ์และขุนนางมากมาย
ยืนรายล้อมรอบห้องประชุมด้วยสีหน้าและท่าทางที่เคร่งเครียด
เมื่อต่างรับรู้ว่า เอรอสกำลังจะเดินทางออกจากป่าคายมายนี้แล้ว

ราเทล ราชาแห่งไวท์เอลฟ์ ดวงตาและเส้นผมสีมรกต
ผิวขาว ใบหน้าซีดเซียว นั่งอยู่บนบัลลังค์ในชุดเทายาว นั่งฟังอย่างใจเย็น

"เอรอส...ท่านกำลังจะเดินทางไปที่ใดหรือ"
ราเทลพูดจบพร้อมยืนขึ้น

"มันเป็นการเดินทางเพื่อตามหาคนคนหนึ่ง"

"ผู้ใดกัน ท่านเอรอส"

"อีกครึ่งหนึ่งของดวงวิญญาณ...กำลังรอข้าอยู่"

บรรยาย กาศในห้องประชุมมีเพียงความเงียบเมื่อได้ยินคำตอบที่ไร้แก่นสารนั้น ราชาเอฟไม่ได้เปลี่ยนสีหน้าเขาเพียงนำมือทั้งสองประกบกันวางเท้าค้างก่อนก ล่าว

"....ข้าเข้าใจแล้ว....ไปตามที่ท่านต้องการเถิด"

เสียงซุบซิบของเหล่าขุนนางต่างดังขึ้น ทุกคนรู้ดีว่าหากเอรอสจากไป
ป่าคามายต้องถูกโจมตีอีกในไม่ช้าเป็นแน่


"ทุกท่านโปรดสงบ!!"

เสียงราชาดังขึ้น ทำให้ภายในห้องนั้นเงียบลงอย่างรวดเร็ว

 
 
 
 
"ขอบคุณท่านมากที่คอยช่วยเหลือ "คามาย" มานานยาวนานจนยากที่จะนับ
บัดนี้ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องรู้จักพึ่งพาตัวเราเอง มิใช่ให้ผู้อื่นมาคอยปกป้องตลอด
เสียจน
กลายเป็นคนขาดความสามารถ เหล่าทหารทุกนายรวมถึงพวกท่าน


ล้วนแต่ถูกคัดเลือกมาอย่างยากลำบากเพื่อ
จะมายืนอยู่ เบื้องหน้าข้ามิใช่หรือ
ข้าเชื่อว่าพวกเราต้องปกป้องอาณาจักรนี้ได้...ด้วยตัวเราเอง"



เสียงของเหล่าขุนนางทุกคนในห้องต่างเงียบลง ยอมรับ ทุกถ่อยคำที่ราเทลกล่าว

"ไปเถิดท่านเอรอส ไปหาอีกครึ่งหนึ่งของดวงวิญญาณท่าน"
เอรอสเดินเข้าไปใกล้ ราเทล ก่อนก้มศรีษะลงอย่างนอบน้อม

"ขอบคุณท่านมากที่เข้าใจข้า"

"โอ้..เอรอส ราชาองค์ก่อนๆของชาวไวท์เอลฟ์รึแม้แต่พ่อของข้าเอง
มิเคยมีใครเห็นดวงตาสีอำพันของท่านฉายแววแห่งความสุขรึความหวังเลย

เราไม่รู้จะตอบแทนท่านอย่างไรที่มอบความร่มเย็นเป็นสุขให้คามายเป็นเวลานาน
และข้าเองก็อยากให้ท่านมีความสุขดังเช่นที่ท่านมอบให้พวกเราชาวไวท์เอลฟ์
กลับมาได้ทุกเมื่อนะท่านเอรอส อาณาจักรนี้ยินดีต้อนรับเสมอ"

ราเทล และเหล่าขุนนางต่างโน้มศรีษะลง เพื่อทำความเคารพ เอรอส
.

..

...
 
การประชุมยามเช้าได้ยุติลงแค่นั้น
เอรอสวิ่งออกจากห้องประชุม กระโดดลงมาจากใจกลางบันไดวน
ลอยตัวลงมาตามแรงน้อมถ่วงด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม

ตอนนี้เขาไม่สามารถ
ที่จะเก็บซ่อนความรู้สึกของตัวเองได้เลย
และเมื่อใกล้จะถึงชั้นล่างสุด

เอรอสจึงใช้เท้าถีบราวบันไดชั้นสองเพื่อดีดตัวลงจอด

ทันทีที่ปลายเท้าแตะถึงพื้นหินอ่อน
ชายหนุ่มก็วิ่งพุ่งตรงไปยังประตูทางออกของปราสาท
ในใจของเอรอส ตอนนี้ แม้เร็วขึ้นเพียงวินาที

ที่ได้เจอLibra ก็นับเป็นเรื่องน่ายินดี

เสียงฝีเท้าของเขาเร็วเรื่อยๆตามทางเดินของปราสาท
บรรดาทหารไวท์เอลฟ์

ต่างแปลกประหลาดใจกับสีหน้าและท่าทางที่ร่าเริงจนน่ากลัวของชายหนุ่ม
(เกรงว่าเอรอสจะเสียสติไปเสียแล้ว)

เขาพุ่งตัวไปที่ประตูทางออกด้วยความเร็วสูงสุด
จนทหารยามที่ยืนเฝ้าประตูต่างแตกตื่นเพราะเกรงว่าจะเปิดประตูให้ไม่ทัน
เมื่อเสียงประตูเปิดดังขึ้น เอรอส ก็หายลับไปจากสายตาของทหารทั้งสอง


ชายหนุ่มยังคงวิ่งด้วยความเร็วสูงอย่างต่อเนื่อง
มุ่งตรงไปยังทางทิศตะวันออกของป่า ตามที่นัดหมายกับนางฟ้าสาว
แต่ แล้ว หลังจากวิ่งมาได้ครึ่งทางจากจุดที่นัดหมายก็เกิดสายลมที่โหมกระหน่ำพัดพาเอา ฝุ่นและซากใบไม้เข้าตาเอรอสทำให้เขาต้องหยุดชะงักลง ขยี้ตาของตนปัดเศษฝุ่นออก อย่างเสียอารมณ์

เมื่อชายหนุ่มลืมตาขึ้นเขาก็พบ คนคนหนึ่งที่เขารู้จักเป็นอย่างดี ยืนขว้างทางตนอยู่


"เนล เจ้ามาทำอะไรที่นี่เนี่ย"

เอรอสยืน กอดอก ทำตาขว้างใส่หญิงสาว



"ท่านกำลังจะไปจากคามายแล้วหรือ?!ทำไมค่ะ!"
หญิงสาวถามขึ้นมาอย่างฉับพลัน

"ข้ากำลังจะเดินทางไปหาคนคนหนึ่งเจ้ามีอะไร"

"ผู้ใดค่ะ? แล้วที่ไหน"
เนลยังคงถามต่อ ประสานมือทั้งสองไว้ข้างหน้า

"ข้าเองก็ไม่รู้ แต่ข้ามีคนนำทางข้าไปหานางเอง"
เขาตอบพร้อมเมินหน้าหนี

"นาง...ใครกันละค่ะ"
เนลยังคงเดินตาม ไปยืนอยู่หน้าชายหนุ่ม

"นางคือคนรักของข้า"
เอรอสตอบอย่างรวดเร็ว

ทำให้เนลถึงกับดวงตาเปิดกว้าง แทบล้มทั้งยืนเมื่อได้ยิน

"ท่านรู้ได้อย่างไรว่านางยังมีชีวิตอยู่ นางอาจจะตายไปแล้วก็เป็นได้"

"เสียใจด้วย...แต่นางเองก็มีกายเป็นนิรันดิ์เช่นเดียวกับข้า!!"
เอรอส ถอนหายใจออกแรง เดินสวนเนลไปอย่างไม่ใยดี

"ท่านเอรอส อย่าไป! ขอร้องละได้โปรด ข้ารักท่าน!!"
หญิงสาวเข้าสวมกอดชายหนุ่มจากด้านหลัง

"เนล...ขอร้องละ ถ้ารักข้าจริงก็จงปล่อยข้าไป"

เนลโอบกอดเอรอสกำมือแน่น พร้อมน้ำตา

"ท่านเอรอส..ในเมื่อท่านกล่าวว่าชีวิตของข้านั้นแสนสั้นสำหรับท่าน
  ได้โปรดอยู่กับข้าต่ออีกซักนิดเพื่อรอวันข้าสิ้นลมด้วยเถิด"


"ในเมื่อเจ้ารู้ว่าชีวิตเจ้านั้นแสนสั้นก็จงใช้มันให้กับผู้ที่เขารักและต้องการเจ้าไม่ดีกว่าหรือ

....เนล
สำหรับข้าแล้ว

การต้องอยู่กับคนที่ข้าไม่รักนั้น แม้เพียงเสี้ยววินาทีเดียว...ข้าก็ไม่อยากอยู่!! "


น้ำเสียงมีที่เพียงเย็นชานี้ ตะโกนดังก้อง
 
 
 
 
เอรอสพลักตัวออกจากอ้อมกอดเนล และหายตัวไปทันทีที่หญิงสาวกระพริบตา
 
 
 
 
 
.

..

...
 
ณ ทางด้านตะวันออกของป่า คามาย
เป็นพื้นที่ราบลุ่มเทือกเขาสูง นภากระจ่าง ไร้เมฆหมอก

ขนานไปกับพื้นหญ้าเขียวขจีไปสุดลูกตาแสงแดดยามเที่ยงวัน
เหมาะกับการเริ่มต้นออกเดินทาง

บนเนินที่ราบต้นไม้ใหญ่ ณ ที่ราบลุ่มนั้น ที่ที่มีม้าขาวสองตัวเดินหาอาหารอยู่รอบๆ
จะพบหญิงสาวผมสีทองเป็นประกาย ในตาฟ้าใส 
ส่วมเสื้อคลุมสีน้ำเงินเข้ม ยืนรอใครบ้างคนอยู่ ผ้าคลุมของนาง
ปลิ้วสะไหวไปตามแรงลมที่พัดมาเป็นระยะ

"กาบริเอล เจ้าเองก็สวยไม่เบานะในร่างของมนุษย์"
เสียงที่ดังขึ้นด้านหลังนาง คงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเอรอส

"ท่านมาสายนะ เอรอส" เสียงใสๆออกมาจากใบหน้าเมินเฉย

"ถ้าเจ้าเล่าเรื่องทั้งหมดให้ข้าฟังแต่แรกๆเราคงได้เดินทางตั้งแต่เมื่อวานแล้วละนะ"

"คนใจร้อนเช่นท่านหากไม่อยู่ในสภาพนั้นก็คงจะไม่ยอมฟังข้าแต่โดยดี"
เอรอสนิ่งเงียบด้วยคำพูดที่แทงใจดำนั้น ไม่อาจเถียง ความจริงได้เลย

"โอเค โอเค ข้าขอโทษ พอใจรึยัง?เกบบี้"

"เกบบี้?"
กาบริเอลเดินเข้าไปประชิดตัวของเขา และยื้นผ้าคลุมผืนหนึ่ง
ที่เหมือนกับของตนให้ด้วยสีหน้าที่งวยงง

"ชื่อเจ้าตอนเป็นมนุษย์ไง ใครๆก็มีกันทางนั้นแหละ"
ชายหนุ่มหัวเราะพร้อมทั้งใส่เสื้อคลุมที่รับมา

"อืม นั้นสินะข้ายังไม่มีชื่อตอนเป็นมนุษย์เลย"

"นั้นไงละ ข้าก็ตั้งให้เจ้าเลยแล้วกัน"
เอรอสเท้าเอวยืดอกขึ้นอย่างภาคภูมิในชื่อที่ตั้งให้
กาบริเอลส่งยิ้มเล็กน้อยให้เหมือนเป็นการขอบคุณชายหนุ่ม



 
 
 
จากนั้นทั้งสองต่างก็แยกย้ายเดินไปขึ้นม้าขาวของตน
 
 
 
ออกเดินทางออกจากป่าคามายไปยังดินแดนใหม่
เหลือไว้เพียงเสียงร่ำไห้ของหญิงสาวในป่าทางทิศตะวันออก
 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา