ใต้เงาแห่งปีกสีดำ
เขียนโดย อาม่า
วันที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 เวลา 00.46 น.
แก้ไขเมื่อ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 01.05 น. โดย เจ้าของนิยาย
4) บทที่ 4
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่ 4
ปีศาจเฒ่าผู้เฝ้าปราสาท
โรสพยายามเพ่งตามองเจ้าของเสียงแหบพร่า ทว่าแสงจากตะเกียงที่คนผู้นั้นถืออยู่ไม่ช่วยให้มองเห็นอะไรได้มากนัก แต่ฟังจากน้ำเสียงแล้วคาดว่าจะเป็นหญิงชราอายุมากพอควร
หญิงสาวเลื่อนมือไปกุมด้ามอาวุธคู่กาย พร้อมจะชักมันออกมาได้ทุกขณะหากถึงคราวคับขัน แม้นางจะเป็นเพียงหญิงชราก็คงประมาทไม่ได้นัก เคหะสถานแห่งนี้เป็นที่อยู่ของปีศาจเหยี่ยวดำ นางก็ไม่น่าจะเป็นอะไรที่นอกเหนือไปจากนั้น
โดยเฉพาะเมื่อได้ยินประโยคที่กล่าวว่าตัวเธอ “น่ากิน” ก็ยิ่งไม่น่าไว้วางใจเข้าไปใหญ่
เสียงหัวเราะแหบยานน่าเกลียดดังขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเจ้าของเสียงก้าวเท้าเข้ามาใกล้ แสงจันทร์สาดส่องผ่านบานกระจกเข้ามากระทบร่างหญิงชรา เผยรูปลักษณ์ของนางให้ประจักษ์ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น นางมีใบหน้าเรียวยาว ผิวหนังเหี่ยวย่นตกกระ จมูกแหลมงองุ้มราวกับแม่มดในนิทานภาพที่เคยอ่าน ดวงตาปูดโปนน่าเกลียดสีเทาเช่นเดียวกับเส้นผมกำลังจ้องโรสเขม็งพลางยิ้มแสยะอวดฟันขาว
ปีศาจยายแก่!!
นั่นล่ะ! ความคิดแรกของโรส
“แม่สาวน้อย เก่งมากที่หาทางเข้ามาในปราสาทแห่งนี้ได้ เจ้าผ่านเหล่าต้นไม้ที่น่ารักของข้ามาได้อย่างไรกัน” หญิงชราพูดพลางขยับเกร็งนิ้วจนได้ยินเสียงกระดูกลั่น “แต่รู้ไหม เจ้ากำลังบุกรุกบ้านของใครอยู่”
อสูรร้ายหัวเราะร่วนระคายหู ปีกสีดำงอกออกมาจากกลางหลัง กรงเล็บแหลมยืดยาวออกมาจากนิ้วมือทั้งสิบ นางยิ้มแสยะแล้วพุ่งเข้าจู่โจมโรสอย่างรวดเร็ว หญิงสาวรอจังหวะให้นางปีศาจเข้ามาใกล้ก่อนจะพลิ้วตัวหลบแล้วตวัดดาบหมายฟันไปที่สีข้างนางปีศาจ
แต่อสูรเฒ่าไหวตัวทัน นางหันกลับมาใช้กรงเล็บรับคมดาบเอาไว้และใช้อีกข้างทะลวงเข้าใส่หญิงสาว โรสจำต้องปล่อยมือจากอาวุธคู่กายซึ่งถูกกรงเล็บจิกไว้จนสะบัดไม่หลุดเพื่อหลบหลีกการโจมตี
นางปีศาจเหวี่ยงดาบของโรสทิ้งไป หญิงสาวจึงต้องชักดาบสั้นอีกเล่มออกมาใช้แทนซึ่งไม่สะดวกนัก เธอจึงคอยหลบหลีกการโจมตีไปเรื่อย ๆ พร้อมจ้องหาโอกาสไปเก็บอาวุธของตนคืนมา
แม้ว่านางปีศาจจะพยายามจู่โจมโรสหลายครั้ง แต่ด้วยความคล่องแคล่วที่หญิงสาวมีมากกว่า ทำให้หลบหลีกได้อย่างไม่ยากเย็นสักเท่าใด กรงเล็บเหยี่ยวชราจึงจู่โจมพลาดเป้าหมายไปโดนสิ่งของต่าง ๆ ภายในห้องนั้นพังเสียหายไปเป็นแถบ
“หนอย! ไวเป็นลิงเชียวนะ” นางปีศาจเฒ่าว่าพลางหยุดพักหายใจด้วยอาการเหนื่อยหอบ สังขารของนางไม่อาจทำให้เล่นไล่จับกับเด็กสาวได้นานนัก
ระหว่างนั้นเอง นัยน์ตาสีเทาซึ่งกำลังกวาดมองไปทั่วห้องพลันเบิกกว้างขึ้นอย่างตระหนกก่อนจะร้องโวยวายออกมา
“ตายแล้ว! นางเด็กน้อย เจ้าทำให้ข้าวของในปราสาทของข้าพังเสียหาย”
โรสอาศัยจังหวะที่นางปีศาจพักหอบหายใจวิ่งไปเก็บอาวุธคู่กายกลับมา เธอหลบอยู่มุมมืดหลังเสาใหญ่ต้นหนึ่ง เมื่อได้ยินคำกล่าวหาก็เบะปากพลางบ่นพึมพำออกมาเบา ๆ
“เจ้าทำของเจ้าเองไม่ใช่หรือไง ยายแก่ปีศาจ”
ทว่าอสูรเฒ่าหูไวกว่าที่คิด
“อยู่นั่นเอง! ยายเด็กปากดี”
โรสยังพูดได้ไม่ทันขาดคำ นางปีศาจเฒ่าก็หันขวับมาทางเสาที่เธอแอบซ่อนอยู่ นางตั้งท่าเตรียมพุ่งเข้ามาหาเธออีกครั้ง
ทว่าเสียงฝีเท้าหนัก ๆ ของใครบางคนซึ่งกำลังใกล้เข้ามากลับทำให้นางชะงักลงทันควัน
“ยายหนู เจ้าทำให้นายท่านของข้าตื่น...อ้าว! หนีไปจนได้ ไวเหมือนลิงจริง ๆ ด้วย” นางปีศาจบ่นเมื่อหันกลับไปมองทางเด็กสาวชาวมนุษย์ก็พบว่าเธอไม่ได้อยู่ที่นั่นแล้ว
“เกิดอะไรขึ้น ราเซีย” เสียงทุ้มแฝงแววขุ่นข้องจากเจ้าของฝีเท้าเมื่อครู่เอ่ยถามนางปีศาจ หลังจากพบว่าสภาพห้องโถงของปราสาทซึ่งควรจะสะอาดเรียบร้อยดีไม่เหลือเค้าเดิมอีกแล้ว
“แค่มีหนูเล็ก ๆ ตัวหนึ่งหลงเข้ามาเท่านั้นเองค่ะ ท่านซาการ์ท” ราเซียยิ้มตอบ
จะให้บอกได้อย่างไรล่ะ ว่าทั้งหมดนั่นจริง ๆ แล้วเป็นฝีมือของนางเอง
นัยน์ตาสีอำพันหรี่ลงมองราเซียอย่างรู้ทัน แต่เขาเลือกที่จะไม่สนใจสภาพห้องซึ่งพังยับเยินด้วยฝีมือของราเซียไปมากกว่า ”หนู” ตัวที่ว่า
น้อยนักที่จะมีสิ่งมีชีวิตใดหลุดรอดเข้ามาถึงปราสาทหลังจากพวกเขาปลูกพืชกินเนื้อเอาไว้รอบเขาลูกนี้ตั้งแต่ห้าปีก่อน
“จงรีบไปจัดการมันซะ หวังว่าหลังจากนี้ข้าคงจะไม่ได้เห็นอะไรไปอยู่ในที่ไม่สมควรอยู่หรอกนะ” ซาการ์ทกล่าวด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบทว่าเฉียบขาดก่อนจะหมุนตัวเดินจากไป
“ข้าจะรีบจัดการมันให้เร็วที่สุดแน่นอนค่ะ” ราเซียรับคำ
นางปีศาจเฒ่ารับใช้ใกล้ชิดซาการ์ทมานาน จึงรับรู้ได้ว่าในน้ำเสียงที่เรียบเฉยนั้นมันแฝงอารมณ์กรุ่นโกรธต่อผู้บุกรุกปราสาทของพวกเขาอยู่ไม่น้อย
นางปีศาจพยายามคิดเช่นนั่น เพื่อเข้าข้างตัวเองว่าการที่นางทำลายข้าวของจนพังพินาศไม่ได้เป็นอีกสาเหตุหนึ่งซึ่งทำให้ปีศาจหนุ่มเกิดอารมณ์
*/*/*/*/*
“เฮอะ! จะอยู่ต่อให้โง่หรือไง แค่นางปีศาจเฒ่านั่นก็เต็มกลืนแล้ว ขืนมีมาอีกข้าตายแน่ ข้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อเป็นอาหารให้ต้นไม้หรือเหยี่ยวหรอกนะ” โรสบ่นอุบอิบหลังจากหนีมายืนหอบอยู่บนทางเดินห่างจากห้องโถงเมื่อครู่ไม่ไกลนัก
‘ว่าแต่...นี่มันเงียบเกินไป ราวกับว่าไม่มีใครอยู่ เสียงอึกทึกนั่นมันน่าจะเรียกความสนใจให้ฝูงปีศาจออกมาดูได้สบาย ถึงเราจะไม่อยากเจอก็เถอะ แต่มันแปลกจริง ๆ ’
โรสเดินไปตามทางที่มืดสลัว แม้จะหวาดหวั่นอยู่บ้างก็ไม่คิดจะจากไปมือเปล่า เธอเดาว่าสถานที่แห่งนี้คงไม่มีปีศาจอาศัยอยู่มากเท่าไร เอาไว้เกิดเรื่องจวนตัวค่อยคิดหนีก็ยังไม่สาย... กระมัง
หญิงสาวชะงักเท้าและหยุดความคิดทั้งปวงลงเมื่อได้ยินเสียงหนึ่งดังแว่วมา ครั้นเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจก็พบว่าเป็นน้ำเสียงที่นุ่มนวลอ่อนหวานของสตรีซึ่งกำลังขับขานบทเพลงอันไพเราะ ท่วงทำนองของเพลงนั้นช่างคุ้นหูชวนให้คำนึงถึงใครบางคน
โรสเดินตามเสียงนั้นไปจนพบประตูบานหนึ่งซึ่งมีแสงสลัวลอดผ่านใต้ช่องประตูออกมา เธอไม่รอช้า เดินเข้าไปแนบหูที่ประตูบานนั้น เสียงเพลงดังมาจากห้องนี้นี่เอง
โรสจับลูกบิด คิดจะเปิดประตูเข้าไป ทว่ากลับต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงแหบพร่าดังมาจากด้านหลัง
“อยู่ที่นี่เองหรือ ยายหนูน้อย”
นางปีศาจเฒ่าร้องพร้อมกับทะลวงกรงเล็บแหลมเข้ามา ทว่ามันกลับปะทะเข้ากับประตูไม้หนาจนกลายเป็นรูโหว่แทนที่จะเป็นศีรษะของหญิงสาวซึ่งเบี่ยงหลบไปได้ทัน
“ตายแล้ว! เจ้าทำให้ประตูบานนี้พังจนได้ ท่านซาการ์ทต้องโกรธมากแน่ ๆ ”
เมื่อประตูบานสวยถูกทำลายจนกลายเป็นเศษไม้กองกระจายไปตามพื้น นางปีศาจก็ร้องโวยวายจนโรสนึกอยากจะตะโกนตอบไปว่า ‘ใครกันแน่ที่เป็นจอมทำลาย’ แต่เมื่อสายตาสบเข้ากับสตรีคนหนึ่งซึ่งผุดลุกไปยืนอยู่ริมระเบียงด้วยความตกใจ เธอก็กลืนถ้อยต่อว่ากลับลงคอทันที
“ท่านเลอา!”
แม้ว่านางจะดูผอมบางและสูงวัยขึ้นกว่าเมื่อแปดปีก่อน โรสก็ยังจดจำผู้ที่มีความสำคัญต่อตนได้ เธอถลาเข้าไปหาเจ้าหญิงแล้วคุกเข่าจับมือนางมาซุกไซ้อย่างไม่คิดจะสนใจปีศาจเฒ่าซึ่งยืนมองอยู่ด้วยสายตางงงัน
เลอาประคองหญิงสาวให้ลุกขึ้นแล้วพิจารณาใบหน้าอีกฝ่ายชัด ๆ
“เจ้าคือ...โรส!“ นางอุทานพลางยิ้มอย่างยินดี “โตขึ้นเป็นหญิงสาวที่งดงามจนจำเกือบไม่ได้”
“ท่านเลอา ข้าตามหาท่านมาตลอด ได้โปรดกลับไปกับข้านะคะ”
“ข้าคงปล่อยให้เจ้าทำแบบนั้นไม่ได้หรอกยายหนู” ราเซียพูดพลางขยับกรงเล็บไปมา “บอกแล้วใช่ไหมว่าคนที่ล่วงล้ำเข้ามาที่นี่โดยไม่ได้รับอนุญาตต้องตาย!”
“ช้าก่อน! ราเซีย นางไม่ใช่คนร้าย นางคือโรส จำได้ไหม เด็กคนนั้นอย่างไรล่ะ”
เลอารีบเอ่ยห้ามก่อนจะเกิดการต่อสู้ขึ้นอีกครั้ง นางปีศาจเฒ่าจึงหยุดพิจารณาใบหน้าของหญิงสาวครู่หนึ่งก่อนจะทำท่าว่านึกออก
“อ้อ! ที่แท้เจ้าคือยายหนูผมแดงขี้แงคนนั้นเองหรอกหรือ มิน่า ถึงว่าหน้าคุ้น ๆ “
‘นี่ขนาดคิดว่าหน้าข้าคุ้น ยังเกือบมีรูโหว่ที่หัวไปหลายรอบเชียวนะ’ โรสเผยอปากค้างมองหน้านางปีศาจนิ่ง
‘แต่จำไม่เห็นได้ว่าเคยไปรู้จักกับนางอสูรนี่ตอนไหน’
นางปีศาจยังคงแสยะยิ้มและจ้องโรสด้วยแววตาข่มขู่เช่นเดิม
“ถึงเจ้าจะเป็นเด็กคนนั้นจริง แต่หากคิดจะพานางไปข้าก็คงปล่อยเจ้าเอาไว้ไม่ได้ เพราะข้ามีหน้าที่ดูแลนางและปราสาทแห่งนี้”
“ราเซีย ไม่จำเป็นต้องลงมือกับนาง ข้าไม่คิดไปจากที่นี่อยู่แล้ว”
โรสหันขวับมองหน้าเจ้าหญิง
“ทำไมล่ะคะ ท่านเลอา ราชาอาเดียร์กำลังรอการกลับไปของท่านอยู่นะ แล้วดูสิ ร่างกายท่านผ่ายผอมขนาดนี้แสดงว่าป่วยอยู่ใช่ไหม พวกเขาจะดูแลรักษาท่านได้ดีหรือเปล่า กลับอาณาจักรของเราด้วยกันเถอะค่ะ ที่นั่นท่านจะได้รับการรักษาอย่างดีแน่”
“โฮะโฮะโฮะ ยายหนูน้อย เจ้าดูถูกพวกเราเกินไป คิดว่าคนที่อาณาจักรของเจ้าจะดูแลนางได้ดีไปกว่าเราอย่างนั้นหรือ” ราเซียเอ่ยเสียงเยาะอยู่ในที
เลอามองโรสแล้วผ่อนลมหายใจ
“ข้ารู้ดีว่าร่างกายตัวเองเป็นอย่างไร ถึงจะกลับไปก็ไม่มีใครรักษาข้าได้หรอก ราเซียก็ดูแลข้าอย่างดีที่สุดแล้ว และข้าเองก็อยากอยู่ที่นี่” เลอาเว้นระยะคำพูดครู่หนึ่งพลางหลุบตาลงด้วยท่าทางเขินอาย “เพราะข้าเป็นภรรยาของซาการ์ทแล้ว”
โรสอ้างปากค้างด้วยความตระหนกเมื่อได้ฟังคำกล่าวของเลอา
“ท่านเลอาน่ะหรือ ป...ป...เป็นภรรยาของเจ้าปีศาจนั่น!”
โอย...โรสจะเป็นลม!
“เอาล่ะ! เลิกท่ามากได้แล้วยายหนู” นางปีศาจกล่าวขัดขึ้นมาเมื่อเห็นเด็กสาวกำลังทำท่าทางราวกับว่าโลกถึงกาลอวสาน
“ในเมื่อเจ้ายังไม่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในสถานที่แห่งนี้ ข้ามีทางเลือกให้สองทาง ระหว่างออกไปจากที่นี่เองแต่โดยดีหรือออกไปอย่างไม่มีลมหายใจ ถ้าเลือกอย่างหลังข้าจะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปหาอาหารให้เหล่าต้นไม้ที่น่ารักของข้าพอดีเลย ข้าไม่มีเวลาให้เจ้าคิดมากนัก จงรีบตอบก่อนที่นายท่านของข้าจะมา”
โรสหรี่ตาลงและยกยิ้มกวนโทสะก่อนตอบ
“ข้าขอเลือกฆ่าทั้งเจ้าและนายของเจ้าก่อนจะพาเจ้าหญิงไปได้ไหมล่ะ”
“ปากดี! ช่างไม่สำนึกในบุญคุณใครเอาเสียเลย กับข้าน่ะไม่ว่า แต่กับท่านซาการ์ทแล้วเจ้ามันช่างเนรคุณเสียจริง ๆ น่าจะปล่อยให้ตายไปตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว”
“เฮอะ! ข้าจำไม่เห็นได้ว่าเคยให้พวกปีศาจมามีบุญคุณกับข้าตอนไหน หน้าเจ้าข้ายังจำไม่ได้ว่าเคยเห็นด้วยซ้ำ ข้าจำได้อย่างเดียว คือเผ่าพันธุ์ของเจ้าที่สังหารผู้คนซึ่งเป็นดั่งครอบครัวของข้าจนหมด และตอนนี้ข้าจะขอทวงท่านเลอาและความแค้นทั้งหมดคืนด้วย”
“อย่างนั้นก็เข้ามา! ข้าจะช่วยส่งเจ้าไปหาครอบครัวที่แสนดีของเจ้าเอง”
ราเซียกางกรงเล็บออกและกระโจนเข้าหาโรสทันที ขณะที่หญิงสาวแสยะยิ้มเตรียมตั้งรับ
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”
เลอาร้องห้ามและถลันเข้ามาขวางระหว่างหญิงสาวกับปีศาจเฒ่าอย่างไม่มีใครคาดคิด ด้วยความกระชั้นชิดทำให้ราเซียไม่อาจรั้งมือทัน
ระหว่างที่ทั้งหมดมัวแต่ตกตะลึง มือใหญ่หนาแข็งแกร่งพลันคว้าหมับเข้าที่ท่อนแขนของราเซีย ช่วยรั้งนางไว้ก่อนที่กรงเล็บแหลมจะไปทำร้ายเลอา
ราเซียหน้าเผือดลงเมื่อเห็นว่าคนที่หยุดตนได้นั้นเป็นใคร แม้ใบหน้าคมคายจะยังเรียบเฉย แต่ดวงตาสีอำพันกลับวาววับจนน่ากลัว รังสีอำมหิตที่แผ่ออกมาทำให้นางปีศาจเฒ่าถึงกับตัวสั่น
ปีศาจหนุ่มไม่ได้เอ่ยสิ่งใดกับราเซีย เขาเดินเลยไปกระชากคอเสื้อโรสแล้วยกเธอจนลอยขึ้นเหนือพื้นก่อนจะก้าวไปยังระเบียง
โรสพยายามจะแกะมือที่แข็งราวกับคีมเหล็กของปีศาจ เธอเหลือบลงมองไปใต้เท้าของตัวเอง เห็นพื้นเบื้องล่างห่างลงไปลิบลับจนต้องเผลอหยุดชะงักด้วยเกรงว่าจะตกลงไป
“เจ้าคงอยากจะรีบไปจากที่นี่ ข้าช่วยสงเคราะห์ให้ดีไหม” ซาการ์ทเอ่ยเสียงเรียบ แต่ดวงตากลับฉายแววเหี้ยมเกรียมอำมหิต
โรสจ้องซาการ์ทกลับอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ เจตนาของเขาต้องการจะโยนเธอลงไป แต่หากต้องให้เธอออกปากร้องขอชีวิตต่อเขา สู้ให้เธอตายไปเลยเสียดีกว่า
ขณะที่หญิงสาวคิดว่าจะถูกโยนออกไปจริง ๆ เลอาก็เข้ามาขอให้เจ้าปีศาจร้ายใจเย็นและปล่อยเธอลง หากไม่ใช่เพราะเขาเห็นว่าสีหน้าเลอาดูไม่ค่อยดีนักคงไม่ยอมหยุดมือง่าย ๆ ปีศาจหนุ่มพ่นลมหายใจออกมาก่อนจะยอมปล่อยหญิงสาวในเงื้อมือลงอย่างไม่ค่อยเบามือนัก
ซาการ์ทจ้องโรสด้วยสายตาดุก่อนจะเดินออกจากห้องไปโดยไม่ลืมหันมาสั่งราเซีย
“หาห้องใหม่ให้พวกนางอยู่และจับตาดูเด็กนั่นเอาไว้ด้วย ราเซีย”
“ถึงเจ้าจะไว้ชีวิตข้าสักกี่ครั้ง แต่เมื่อใดที่ข้ามีโอกาสสังหารเจ้า ข้าจะไม่ปล่อยโอกาสนั้นไปแน่” โรสกล่าวด้วยความอาฆาต นัยน์ตาคู่สวยยังคงจ้องปีศาจหนุ่มอย่างเคืองแค้น
“โรส! อย่าพูดเช่นนั้น มันไม่ได้เป็นอย่างที่เจ้าคิด ซาการ์ทเค้า...”
เลอาไม่ทันได้แย้งสิ่งใด ซาการ์ทกลับขัดขึ้นเสียก่อน
“เจ้าไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไร มันเป็นอย่างที่นางคิดนั่นแหละ”
นัยน์ตาสีอำพันหันมาจ้องโรสด้วยแววดุดัน
“อย่าก่อเรื่องในบ้านข้าอีก ไม่อย่างนั้นต่อให้เลอาขอร้องเท่าไร ข้าก็จะไม่ปล่อยเจ้าไว้”
ปีศาจหนุ่มเดินออกไปจากห้องโดยมีโรสจ้องตามด้วยสายตาชิงชัง
“คิดว่าข้าจะกลัวหรือไง”
แต่แววสุดท้ายที่ฉายออกมาแวบหนึ่งจากดวงตาสีอำพันซึ่งปรายมาเพียงครู่กลับทำให้โรสรู้สึกหวิวโหวงในใจกะทันหัน
มันเป็นแววแห่งความเศร้า แฝงลึกด้วยความทุกข์ร้าวในจิตใจ
ทำไมเจ้านั่นต้องมองข้าด้วยสายตาเช่นนั้น...
แล้วทำไมใจของข้าถึงรู้สึกเจ็บแบบนี้...
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ