Heart control หัวใจสั่งได้
8.0
เขียนโดย Napapat
วันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 เวลา 16.39 น.
10 ตอน
0 วิจารณ์
12.06K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 14.33 น. โดย เจ้าของนิยาย
5) ความเจ็บปวดของหัวใจ3
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ"~~ความทรงจำสีจางๆ ~~~" เสียงเพลงคุ้นหูกำลังปลุกให้ฉันตื่น
"เพลงนี้สำหรับทุกคนที่ยังอยากเก็บความทรงจำที่ดีๆไว้ ไม่อยากให้มันหายไปไหน แม้มันจะนานเท่าไหร่ มันก็ยังคงอยู่ในใจเราเสมอนะครับ สวัสดีครับ ผม ดีเจชานนท์จ มารายงานตัวแล้วครับที่ 90.5 listen me radio ทุกท่านสามารถส่ง massage มาคุยกับผมสดๆได้ทาง Facebook fanpage "listen me redio officials" ได้เลยนะครับ วันนี้ผมจะอยู่เป็นเพื่อนทุกท่านตลอด 1 ชมนี้"
"~~~~~รักนั้น~~~~~"
"ตื่นแล้วเหรอคะ ดูคุณเหนื่อยมากเลยนะ เดี๋ยวซักพักคุณหมอจะเข้ามาตรวจนะคะ ต้องการอะไรเพิ่มไหมคะ" พยาบาลกล่าวพลางเช็คขวดน้ำเกลือ
ฉันเหลือบตามองพยาบาลพลางส่ายหัวเบาๆ ฉันรู้ว่าฉันปลอดภัยแล้ว ขอบคุณโชคชะตาที่ทำให้ฉันยังอยู่จนถึงตอนนี้ ขอบคุณทีาฉันยังไม่เป็นไร ขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธ์ทั้งหลาย น้ำตาฉันไหลพรากด้วยความกลัว
"แกปลอดภัยแล้วนะ ตำรวจจับพวกนั้นไปแล้ว รอแกกายดีค่อยไปให้ปากคำกะบตำรวจ แล้วทำไมไปทำอะไรบนนั้น" แม็คกล่าว เขายังกุมมือฉันไว้แน่น ฉันรู้สึกถึงมืออบอุ่นที่ยังชุ่มเหงื่อ ฉันเหลือบมองมือที่กุมฉันไว้ แปลว่าเขาไม่ปล่อยมือจากฉันนานมาก
"ขอบใจมากนะแก" น้ำตาฉันยังไหลไม่หยุด มือยังสั่นอยุ่ตลอดเวลา มันเป็นเหตุการณ์ที่น่ากลัวที่สุดในชีวิตที่เคยเจอ ตอนนี้เหตุการณ์ที่ฉันเคยโดนพ่อตีตอนหนีเรียนพิเศษสมัยมัธยมมันกลายเป็นเรื่องน้อยนิดที่สุดไปเลยทีเดียว ฉันไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาพูด นอกจากคำๆนี้
"ดื่มน้ำก่อนนะ แกนอนมานานคงหิวน้ำแย่"แม็คกล่าวพลางหยิบเหยือกน้ำเทลงในแก้ว แล้วค่อยๆพยุงฉันดื่มน้ำ สีหน้าเขาบ่งบอกถึงความเป็นห่วงเป็นใยอย่างที่ผู้รับรู้สึกได้ แต่ดูไม่สู้ดีเท่าไหร่ ใบหน้าของเขายังมีรอยฟกช้ำอยู่ให้เห็นเป็นจุดๆ
"หน้าแกไปโดนอะไรมา" ฉันกล่าวพลางค่อยๆเอื้อมมือไปจับที่หน้าเขาเบาๆ ตาของเขายังต้องมองที่ฉันด้วยความห่วงใย สายตาอันอ่อนโยนที่ฉันไม่รู้จะหาที่ไหนได้อีกนอกจากเพื่อนคนนี้
"โดนอะไรหละ ก็หมัดใครไม่รู้มั่งอะดิ ตะลุมบอลกันไปมา" กฤทธิ์กล่าว ทำให้ฉันต้องรีบปล่อยมือออกจากหน้าของแม็คทันที ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเจ้ากฤทธิ์อยู่ในห้องนี้ตอนไหน
แม็คค่อยๆวางฉันลงด้วยความไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่นัก
"55555 แล้วหน้าแกก็โดนกับเขาด้วยเหรอ 5555 ตลกหวะกฤทธิ์" ฉันหลุดก้ากออกมาครั้งแรกเมื่อเห็นตาซ้ายของกฤทธิ์เขียวช้ำจนหมดหล่อ ด้วยความขาวของกฤทธิ์มันทำให้รอยฟกช้ำเห็นชัดกว่าแม็คมากมายนัก
"ไม่ต้องเลยๆ หน้าแกต่างจากพวกฉันซะที่ไหนหละ" ว่าแล้วกฤทธิ์ก็หยิบกระจกยื่นมาส่งตรงหน้าฉัน
"เชรดดดดดดดดดด หน้าฉานนนนนนนนนน!!!!!!!" หน้าบวมเป่ง ตาซ้ายเขียวบวมอันเป็นผลมาจากการโดนต่อยจากหมัดยักษ์นั่น โอ้แม่เจ้า หมดสวยไปเลยทีเดียว....ทั้งกฤทธิ์ แม็ค และฉันเราต่างหัวเราะกับสิ่งที่เกิดขึ้น ใช่คะฉันยังกลัวอยู่ แต่ความกลัวมันลดลงไปเยอะเมื่อเห็นเพื่อนๆอยู่ข้างๆ มันทำให้ฉันสบายใจไปอีกนิดหน่อย
แล้วหมอก็เข้ามาตรวจ ผลตรวจทุกอย่างปกติดีคะ นอกจากตาซ้ายที่โดนต่อยมา มีแผลฟกช้ำตามตัวบ้างจากการกระเสือกกระสนหนีจากคนพวกนั้น
"งั้นเย็นนี้กลับบ้านได้เลยไหมคะหมอ" ฉันกล่าว
"ไอ้บ้า นอนอีกซักคืนดิ" กฤทธิ์กล่าวด้วยความเป็นห่วง
"บ้า ฉันไม่เป็นไร นอนต่อทำไมหละ"
"จริงๆคนไข้สามารถออกจาก รพ ได้นะครับ ถ้าคนไข้ต้องการ ดูจากผลตรวจแล้วไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงนอกจากสภาพจิตใจแล้ว แผลฟกช้ำเดี๋ยวหมอจัดยาให้"
"สภาพจิตใจปกติดีคะหมอ ขอออกเย็นนี้เลยนะคะ"
"โอเคครับ งั้นหมอขอตัวก่อนนะครับ"
"เฮ้อ ใครจะห้ามแกได้ไหมเนี่ย"กฤทธิ์เดินกลับไปนอนตรงโซฟา ด้วยสีหน้าเอือมๆ
"เออ ฉันไม่เป็นไร สภาพจิตใจปกติดีน่า พวกแกคิดไรมาก"
"ปกติไรของแก เล่นเดินเหม่อขึ้นไปบนชั้น 10 เนี่ยนะ อย่างนี้ยังบอกปกติ ดีนะที่แกลืมโทรศัพท์ไว้ที่โต๊ะ แล้วลุงสมโทรมาตามแก นี่ไอ้แม็คมันวิ่งหาแกทั่วตึกเลย ให้พวกทีมโยธา มาช่วยกันตามหาแกอีกให้ควัก ดีนะที่ยังเจอแกทัน จริงๆฉันก็ไม่น่าให้แกออกไปคนเดียวตอนเย็นขนาดนั้น" กฤทธิ์กล่าวด้วยท่าทีอารมณ์เสีย
"ขอบใจพวกแกมากเลยนะ ตอนนั้นฉันก็ไม่รู้ว่าเดินขึ้นไปถึงที่นั่นได้ยังไง ก็ตั้งใจจะไปดูหน้างานแหละเรื่องมันเกิดขึ้นไวมาก ฉันคิดว่าต้องตายแน่ๆเลยหวะ ถ้าไม่ได้พวกแกมาช่วย"
"...." ทั้งสามคนต่างนิ่ง ไม่มีคำตอบใดๆ แต่พวกเราเข้าใจว่าพวกเราคือเพื่อนแท้ที่ดีต่อกันจริงๆ
"พี่วิเชียรให้แกพักยาวจนกว่าจะหายดี ยังไงก้อรอสภาพจิตใจแกโอเค ค่อยกลับไปทำงานนะ" แม็คกล่าว
"มีใครบอกที่บ้านฉันไหม"
"ไม่มีใครมีเบอร์พ่อแกเลยเนี่ย ว่าแต่โทรไปบอกแกหน่อยไหม แกจะอยู่ห้องคนเดียวรึไง ให้แม่แกมาอยู่เป็นเพื่อนก็ดี" กฤทธิ์กล่าว
"ดีแล้วหละ อย่ายอกใครเลย ถ้าพ่อฉันรู้ได้กลับไปอยู่บ้านแน่ๆ"
"จริงๆมันอันตรายสำหรับแกนะที่นี่อะ แกไม่กลับไปข่วยบริษัทพ่อแกหละ" แม็คกล่าวขณะนั่งเก็บของให้นัท
"ฉันไม่อยากไปทำงานในฐานะลูกของพ่อหวะ ฉันอยากกลับไปด้วยความะนภาคภูมิใจเมื่อฉันเก่งแล้ว"
"เฮ้อ นิสัยดื้อๆไม่ฟังใครของแก จะมีใครแก้ได้บ้างไหมเนี่ย" กฤทธิ์นอนหลับตาบ่นอยู่ตรงโซฟา
หลังจากทำเรืาองค่าใช้จ่ายรักษาพยาบาลเสร็จแลัว เราทั้งสามคนก็เดินออกมาจากห้องพักของฉัน ดูเราจะเป็นที่สะดุดตาของทุกคน จริงๆตอนแรกๆฉันก็ไม่ได้คิดอะไรมากเพราะหมอใช้ผ้าปิดตาให้ฉะนข้างนึง แต่อิเพื่อนทั้งสองคนนี่สิ หน้าเขียวเป็นจ้ำๆ จนเราทุกคนต้องรีบเดินก้มหน้าไปที่ลานจอดรถทันที
"55555 ขำเป็นบ้าเลย พวกแกหน้าตาตลกอะ ตอนที่คนเขามองมา" ฉันยืนหัวเราอยู่ตรงหน้าลานจอดรถ
"อายสิค้าบ หน้าไอ่แม้คมันคล้ำเห็นรอยชัดที่ไหน ดูหน้าฉันนี่ เจ็บชิบหาย ไม่รู้ว่าหมัดใคร" กฤทธิ์กล่าวพลางชี้ไปที่ตาตัวเอง แล้วรีบดึงผ้าปิดตาของฉันออกทันที ทำสัญชาตญาณการป้องกันตัวของฉะนทำงานทันที ฟาดฝ่ามือลงกลางหน้ากฤทธิ์เข้าอย่างจัง 5555 เราสองคนเล่นกันแรงตลอดแหละคะ แต่ไม่มีใครโกรธใคร ถือเป็นเรื่องปกติ และแล้วสงครามก็หยุดเมื่อพวกเราเหลือบไปเห็นแม็คมองด้วยสสนตาค้อนใส่
"แยกย้ายกันได้แล่ว เล่นกันเป็นเด็กตลอดเลยพวกแก ดูสภาพตอนนี้ซิ กฤทธิ์ แกเข้าไปดูงานแทนพวกฉันหน่อย เดี๋ยวฉันจะไปส่งนัท" แม็คตวาด เมื่อฉันไม่มีซึ่งผ้าปิดตา ทำให้เห็นตาซ้ายเขียวบวมปึ่ง ผมเผ้ารุงรัง ส่วนกฤทธิ์ ตาซ้ายเขียวช้ำ และร่องรอยฟกช้ำดำเขียวอื่นๆรอบใบหน้า แต่มีสิ่งที่เพิ่มมาคือ รอยข่วนของฉันเอง 55556
“อ่าวววววว หาเรื่องหนีงานนี่หว่าแกอะ” กฤทธิ์กล่าวพลางทำสายตาเจ้าเล่ห์ใส่เพื่อนแม็ค
“เออหวะ ฝากดูงานให้ฉันหน่อยดิ ไม่รู้ว่าถึงไหนแล้ว” ฉันกล่าว
“เออๆๆๆ ไปก็ได้วะ ก็ไม่ได้อยากอยู่นักหรอก ว่าแต่ แกนี่แรงเยอะจริงๆ โดนมาขนาดนั้น ยังมาข่วนฉันได้อีก สงสัยอีตาสองคนนั้นหลงผิดอะไรซักอย่างรึเปล่าวะ” กฤทธิ์กล่าวพลางเอามือลูบหน้าตัวเองเบาๆ แล้วเดินกลับไปที่รถทันที
“เอ้ย แม็ค แกไม่ต้องไปส่งฉันก็ได้ ฉันกลับแท็กซี่เองได้”
“ยังจะทำเก่งอีกนะแกอะ โดนมาขนาดนี้แล้ว ไม่กลัวบ้างรึไง ตามมานีเลย” แม็คกล่าวพลางเดินตรงไปที่รถ
ปกติฉันกับแม็คเราแทบไม่ได้อยู่ด้วยกันสองต่อสองเลยคะ มันเป็นเพราะว่าฉันรู้ว่าเขาคิดอะไรกับฉัน แต่ฉันก็ยังอยากให้เราเป็นเพื่อนกันอยู่ดี มันเปลี่ยนยากนะคะ รักแบบเพื่อนไปรักแบบแฟน ฉันยังมีกำแพงกั้นระหว่างเรื่องนี้อยู่ ระหว่างที่แม็คขับรถมาส่ง เราทั้งสองคนกลับอยู่ในความเงียบ บรรยากาศมันไม่เหมือนเวลาเราอยู่ด้วยกันสามคน แม็คดูนิ่ง ไม่เหมือนคนเดิม แล้วฉันก็เอื้อมมือไปเปิดวิทยุ
“ถ้าหากเรารักใคร เราก็ควรจะบอกเขาใช่หรือครับ อย่าเก็บไว้คนเดียวให้อืดอัดใจ วันนี้ผม ดีเจชานนท์ขอลาท่านผู้ฟังไปก่อนด้วยเพลงๆนี้”
“%%อยากเก็บรักนั้น อยู่ในหัวใจ เธอจะรู้ไว้ฉันยังอยู่เสมอ%%%”
“อ่า...พี่ชานนท์คะ มาเปิดเพลงอะไรในจังหวะอึดอัดแบบนี้คะ” ฉันบ่นในใจ อากาศมันดูอึดอัดอบบอ้าว หายใจไม่ทั่วท้อง นี่ฉันเป็นอะไรกันเนี่ยยยยยย
“นัท....ฉันรู้แล้วนะเรื่องแกกับพีท”
“อ่ะ.,,อืม กฤทธิ์มันปากไวตลอดเลยเนอะ”
“ที่แกเป็นแบบนี้เพราะมัวแต่คิดเรื่องพีทมันใช่ไหม”
“ไม่รู้ดิแก ฉันก็ยอมรับนะว่าเสียใจ มันไวหวะ แต่ฉันก็คิดว่าฉันตัดสินใจถูกแล้ว”
“แต่แกไม่ไหวก็ควรจะหยุดพักไหม ฝืนตัวเองไป แกรู้ไหม ถ้าแกเป็นอะไร ฉันทนไม่ไหม ฉันแทบอยากจะฆ่าไอ้สองคนนั้นให้ตายด้วยซ้ำ” แม็คกล่าวด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว
“ก็ตอนนี้ฉันไม่เป็นอะไรแล้วไง” ฉันยิ้มเจื่อนๆ
“ใช่ ถ้าพวกเราหาแกไม่เจอแล้วแกจะเป็นอะไร ภาพที่แกกำลังโดนไอ้บ้านั่นมัน....”
“หยุด!!!!” ฉันตะโกนลั่นรถ น้ำตาค่อยๆไหลออกมาเป็นทาง ตัวเริ่มสั่นเทา ภาพนั้นมันผุดขึ้นมาจากความทรงจำที่ไม่อยากเก็บมันไว้ ชายหน้าตาน่ากลัวสแยะยิ้ม มันอยู่ตรงหน้าฉัน ขณะที่ฉันไม่มีเรี่ยวแรง มันเอามือที่น่าเกลี่ยดนั้นลูบมาที่ต้นขา น้ำตาฉันล้นเอ่อ ฉันไม่มีเรี่ยวแรงต่อสู้
“นัท ฉันขอโทษ ” แม็คหยุดรถ เขาหยิบทิชชู่ขึ้นมา แล้วค่อยๆเช็ดน้ำตาหญิงสาวที่ตัวสั่นเทา น้ำตาไหลมาเป็นสาย เขาสวมกอดเธอไว้ด้วยความอ่อนโยน นี่คงเป็นครั้งแรก ที่เขาสามารถกอดเธอได้ โดยไม่มีข้ออ้างใดๆอีกแล้ว เขากล่าวขอโทษออกมานับไม่ถ้วน เขาไม่อยากปล่อยเธอไปไหนอีกเลย เขารุ้แล้วว่าเขารัก ผญ ที่อยู่ตรงหน้ามากขนาดไหน
ฉันร้องไห้โฮใหญ่ มันน่ากลัว มันน่าเกลียด มันน่าขยะแขยง ฉันสวมกอด ผช ที่อยู่ข้างหน้าสุดแรง มันทำให้ฉันอบอุ่น ความรู้สึกเป็นห่วง ความอ่อนโยนของเขา มันทำให้ความกลัวของฉันลดลงอีกนิด ตอนนี้ฉันต้องการแค่ที่พักพิงให้จิตใจฉันดีขึ้นก็เท่านั้น
บ้านของนัท
“ขอบใจมากแกที่มาส่ง” ฉันกล่าวพลางปลดเข็มขัดนิรภัย
“แกอยู่คนเดียวได้จริงๆนะ” แม็คกล่าวด้วยสายตาอันอ่อนโยน
“อืม...ได้” ฉันยังคงก้มหน้า แล้วหันไปเปิดประตูรถ ฉันไม่หันกลับไปมองเขาอีกเลย
ขณะที่ฉํนกำลังเปิดประตูบ้าน ทั้งๆที่มือยังสั่นอยู่นั่นก็มีอีกมือใหญ่อันแสนคุ้นเคยจับที่ข้อมือฉันไว้
“ให้ฉันอยู่เป็นเพื่อนแกนะ ฉันขอร้อง แค่คืนนี้เท่านั้น” แม็คกล่าวด้วยสายตาอ่อนโยน ฉันได้แต่พยักหน้า ฉันยอมรับว่ายังกลัวมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ภายในวันเดียวฉันต้องเจอเรื่องร้ายๆที่มันกระทบทั้งร่างกายและจิตใจในหลายๆเรื่องพร้อมๆกัน การที่แม็คอยู่ข้างๆมันทำให้ฉันรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก
เราสองคนเข้ามาในบ้าน บ้านอันเงียบ โล่ง จริงๆแม็คไม่ได้มาที่นี่ครั้งแรก เขาเคยมาหลายครั้งแล้ว แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เราอยู่ด้วยกันสองคน
“งั้นแกนอนตรงนี้นะ เดี่ยวเอาผ้าห่มมาให้ แกกินอะไรรึยัง มีมาม่าในตู้นะต้มกินได้เลย”
“แล้วแกอะ หิวไหม” แม็คกล่าวขณะที่รับผ้าห่มจากฉัน เขายังมองจนฉันต้องหลบสายตา
“ไม่หิวหวะ อยากพักแล้ว” ฉันยังก้มหน้าไม่กล้าที่จะสบตาเขาเลย
“ก็ดีแกไปพักเหอะ”
ฉันเดินกลับห้องตัวเองด้วยใจตุ้มๆต่อมๆหลังจากอาบน้ำเสร็จ ฉันก็เดินแวบไปดูแม็คที่โซฟาข้างล่าง เขานอนหลับสนิทอยู่ตรงนั้น เสื้อของเขายังกองอยู่ตรงข้างๆ เผยให้เห็นกล้ามแขน และหน้าท้องที่ดูดี เป็นสัดส่วนชวนให้ทรมานใจสาวๆ เขาดูเหนื่อยมากเหมือนกัน จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มันทำให้ฉันรู้สึกขอบใจเขามาก ฉันค่อยๆดึงผ้าห่มคลุมที่ตัวเขาเบาๆ แล้วฉันก็นั่งลงตรงใกล้ๆเขา แม็คเวลาหลับความนิ่งของเขาช่างไม่ต่างจากเวลาตื่น ใบหน้าอันคมคาย จมูกเป็นสัน ปากนิดๆ ผิวสองสี บวกเครานิดหน่อย มิน่าหละสาวๆถึงได้หลงไหลในเขานักหนา แต่ดูหน้าเขาตอนนี้สิ มีแต่รอยฟกช้ำ เป็นเพราะฉัน ช่างน่าสงสารนัก ฉันค่อยเอื้อมมือไปจับที่รอยช้ำมุมปากเขาเบาๆ
“เจ็บมากไหม ฉันขอบใจแกมากนะ ขอบใจแกจริงๆ ขอบใจในทุกๆเรื่อง แกดีกับฉันมากเลยหละ ถ้าไม่ได้แกฉันก็ไม่รู้วันนี้ฉันจะมานั่งแบบนี้ได้ไหม ขอบใจที่มาอยู่เป็นเพื่อน มันทำให้ฉันสบายใจไปอีกเยอะเลย แล้วก็ขอบใจความรู้สึกดีๆที่แกมีให้ฉัน จริงๆฉันรู้นะว่าแกคิดอะไร ฉันไม่ได้เฉยเมยกับสิ่งที่รู้ แต่ฉันแค่อยากให้เราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน รู้สึกดีๆให้กันอย่างนี้ตลอดไป”
“แกใจร้าย” เสียงทุ้มเบากล่าวใกล้ๆฉัน ฉันรีบลุกขึ้นยืนทันที แต่กลับมีมือใหญ่ดึงฉันไว้จนต้องฟุบลงไปนั่งกับโซฟาที่เขานอน เขาสวมกอดฉันไว้จากข้างหลังแน่น เลือดของฉันมันสูบฉีดอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว ปกติฉันก็คิดกับเขาแบบเพื่อน แต่ทำไมวันนี้ หัวใจของฉันกลับเต้นตุบตับไม่เป็นจังหวะ
“แกทำอะไรของแกแม็ค” ฉันกล่าวขณะที่นั่งหันหลัง พยายามบิดตัวให้พ้นจากมือของเขาที่ยังสวมกอดที่เอวของฉันไว้แน่น ให้ตายสิ แรงเยอะจริงๆเลย
“แกรู้ แต่แกทำให้ฉันแทบจะเป็นบ้าในทุกๆครั้ง ฉันแอบมองแกตั้งแต่แกเข้ามาทำงานวันแรก เพราะความไม่กล้าของฉันเองแหละ เลยต้องทนเห็นพีทมันคบกับแกไป เพราะฉันไม่รู้จะเข้าหาแกได้ยังไง จนกระทั่งเรามาทำโปรเจคด้วยกัน มันทำให้ฉันรู้ว่าฉันชอบแกมากแค่ไหน ทุกวันฉันมีความสุขแค่ไหนที่ได้มองแก ได้เห็นแกยิ้ม หัวเราะ ทุกครั้งเวลาแกร้องไห้ ฉันอยากจะกอดแกไว้แบบนี้ ไม่อยากปล่อยแกไปเลย” แม็คกล่าวพลางลุกขึ้นมา สวมกอดหญิงสาวที่เขาโหยหามาตลอด ตอนนี้เขาสามารถสวมกอดเธอไว้ได้ตามที่เขาต้องการแล้ว และได้พูดสิ่งที่เขาอัดอั้นมาตลอด
“ฉันขอโทษที่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้กับความรู้สึกของแก แต่แกก็รู้...” ฉันกล่าว อ้อมกอดของเขามันอบอุ่น อ่อนโยนอย่างบอกไม่ถูก แม็คจับไหล่ของฉันแล้วเราก็หันหน้าเข้าหากัน ตาประสานตา หัวใจฉันเต้นไม่เป็นจังหวะ มือสองข้างของเขา จับที่แก้มฉันเบาๆ ใบหน้าของเขาขยับเข้ามาใกล้ ใกล้ แล้วก็ใจ
ฉันได้แต่หลับตาปี๋ ฉันไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น แต่ทำไมฉันถึงไม่ขัดขืนนะ ทำไม
แม็คเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ๆหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า หญิงสาวที่เขาโหยหามาตลอดเวลา เขาอยากจะจูบเธอเหลือเกิน ตอนนี้ลมหายใจของเราใกล้กันมากขึ้นเรื่อยๆ เขาเห็นเธอหลับตาปี๋ด้วยร่างกายอันสั้นเทา ทำให้เขารู้สิกเป็นห่วงเธอซะเหลือเกิน แล้วเขาก็จุมพิตตรงหน้าผากของเธอเบาๆ หญิงสาวที่หลับตาปี๋ลืมตาขึ้น หน้าของเธอช่างบ้องแบ้ว น่ารักซะเหลือเกิน มันทำให้เขาต้องอดใจไม่ได้ที่จะทำมากกว่านั้น เขาค่อยๆจุมพิตลงที่ปากของเธอด้วยความทนุถนอม ทั้งเบาและอ่อนโยนมากที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ หญิงสาวข้างหน้าไม่มีท่าทีขัดขืนแต่อย่างใด เขารักเธอ ความหมายทั้งหมดมันปลดปล่อยออกมาจากจูบๆนี้
ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่จูบนี้มันช่างอ่อนโยน หอมหวาน นุ่มนวลยิ่งกว่าตอนไหนๆที่ผ่านมา ตัวของเขาใหญ่กว่าฉันมาก แต่เขากอดฉันไว้อย่างนุ่มนวลจนรู้สึกได้ เราค่อยๆนอนลงตรงโซฟา ตาของเราประสานกัน ฉันรับรู้ถึงความรู้สึกเขาได้ มันอบอุ่นซะเหลือเกิน มือของเขาค่อยๆเลื่อนไปปลดเสื้อคลุมของฉันจนเนื้อของเราแนบชิดกัน ลมหายใจของเราประสานกันอย่างลงตัว ฉันเลื่อนมือไปจับที่แผลฟกช้ำที่ริมฝีปากเขา ตรงหางคิ่วของเขา น้ำตาค่อยๆไหลออกมาเป็นทาง เขาคงเจ็บมากสินะ ตอนนี้หัวใจของเราอยู่ใกล้กัน ฉันรู้สึกถึงเสียงหัวใจของเขาที่เต้นไม่เป็นจังหวะแทบจะไม่ต่างจากฉัน มือใหญ่ๆของเขาเลื่อนขึ้นมาเช็ดน้ำตาของฉันด้วยความละมุนละไม
“ฉันจะไม่ทิ้งแกไปไหน ฉันรักแก...”แม็คกล่าว แล้วค่อยๆประกบปากลงมาที่หญิงสาวอีกครั้งด้วยความอ่อนโยน
ฉันรีบผลักตัวเขาออกไปทันทีที่ได้ยินดังนั้น ประโยคนี้จากปากพีทมันผุดขึ้นมาทันที ความรู้สึกเจ็บปวดจากการโดนหักหลังมันผุดขึ้นมาทันทีทันใด คำพูดพวกนี้ฉันไม่อยากเชื่อมันอีกกแล้ว นั้นทำให้รู้ว่าฉันกำลังทำอะไร แม็คยังคงสีหน้าท่าทางตกใจมิใช่น้อย ฉันดึงเสื้อคลุมกลับมาให้เข้าที่ทันที ฉันไม่กล้ามองหน้าเขาอีกเลย
“ฉัน....กลับห้องก่อนนะ แกก็อย่าลืมห่มผ้าหละ” ฉันกล่าวแล้วรีบเดินกลับห้องทันที ฉันเพิ่งรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น และฉันกำลังทำอะไรที่แย่ๆลงไป ทำไมฉันถึงใจง่ายขนาดนี้นะ ให้ตายสิ หัวใจฉันยังเต้นอย่างไม่เป็นจังหวะ นี่คือความรู้สึกอะไรกันแน่นะ
"เพลงนี้สำหรับทุกคนที่ยังอยากเก็บความทรงจำที่ดีๆไว้ ไม่อยากให้มันหายไปไหน แม้มันจะนานเท่าไหร่ มันก็ยังคงอยู่ในใจเราเสมอนะครับ สวัสดีครับ ผม ดีเจชานนท์จ มารายงานตัวแล้วครับที่ 90.5 listen me radio ทุกท่านสามารถส่ง massage มาคุยกับผมสดๆได้ทาง Facebook fanpage "listen me redio officials" ได้เลยนะครับ วันนี้ผมจะอยู่เป็นเพื่อนทุกท่านตลอด 1 ชมนี้"
"~~~~~รักนั้น~~~~~"
"ตื่นแล้วเหรอคะ ดูคุณเหนื่อยมากเลยนะ เดี๋ยวซักพักคุณหมอจะเข้ามาตรวจนะคะ ต้องการอะไรเพิ่มไหมคะ" พยาบาลกล่าวพลางเช็คขวดน้ำเกลือ
ฉันเหลือบตามองพยาบาลพลางส่ายหัวเบาๆ ฉันรู้ว่าฉันปลอดภัยแล้ว ขอบคุณโชคชะตาที่ทำให้ฉันยังอยู่จนถึงตอนนี้ ขอบคุณทีาฉันยังไม่เป็นไร ขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธ์ทั้งหลาย น้ำตาฉันไหลพรากด้วยความกลัว
"แกปลอดภัยแล้วนะ ตำรวจจับพวกนั้นไปแล้ว รอแกกายดีค่อยไปให้ปากคำกะบตำรวจ แล้วทำไมไปทำอะไรบนนั้น" แม็คกล่าว เขายังกุมมือฉันไว้แน่น ฉันรู้สึกถึงมืออบอุ่นที่ยังชุ่มเหงื่อ ฉันเหลือบมองมือที่กุมฉันไว้ แปลว่าเขาไม่ปล่อยมือจากฉันนานมาก
"ขอบใจมากนะแก" น้ำตาฉันยังไหลไม่หยุด มือยังสั่นอยุ่ตลอดเวลา มันเป็นเหตุการณ์ที่น่ากลัวที่สุดในชีวิตที่เคยเจอ ตอนนี้เหตุการณ์ที่ฉันเคยโดนพ่อตีตอนหนีเรียนพิเศษสมัยมัธยมมันกลายเป็นเรื่องน้อยนิดที่สุดไปเลยทีเดียว ฉันไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาพูด นอกจากคำๆนี้
"ดื่มน้ำก่อนนะ แกนอนมานานคงหิวน้ำแย่"แม็คกล่าวพลางหยิบเหยือกน้ำเทลงในแก้ว แล้วค่อยๆพยุงฉันดื่มน้ำ สีหน้าเขาบ่งบอกถึงความเป็นห่วงเป็นใยอย่างที่ผู้รับรู้สึกได้ แต่ดูไม่สู้ดีเท่าไหร่ ใบหน้าของเขายังมีรอยฟกช้ำอยู่ให้เห็นเป็นจุดๆ
"หน้าแกไปโดนอะไรมา" ฉันกล่าวพลางค่อยๆเอื้อมมือไปจับที่หน้าเขาเบาๆ ตาของเขายังต้องมองที่ฉันด้วยความห่วงใย สายตาอันอ่อนโยนที่ฉันไม่รู้จะหาที่ไหนได้อีกนอกจากเพื่อนคนนี้
"โดนอะไรหละ ก็หมัดใครไม่รู้มั่งอะดิ ตะลุมบอลกันไปมา" กฤทธิ์กล่าว ทำให้ฉันต้องรีบปล่อยมือออกจากหน้าของแม็คทันที ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเจ้ากฤทธิ์อยู่ในห้องนี้ตอนไหน
แม็คค่อยๆวางฉันลงด้วยความไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่นัก
"55555 แล้วหน้าแกก็โดนกับเขาด้วยเหรอ 5555 ตลกหวะกฤทธิ์" ฉันหลุดก้ากออกมาครั้งแรกเมื่อเห็นตาซ้ายของกฤทธิ์เขียวช้ำจนหมดหล่อ ด้วยความขาวของกฤทธิ์มันทำให้รอยฟกช้ำเห็นชัดกว่าแม็คมากมายนัก
"ไม่ต้องเลยๆ หน้าแกต่างจากพวกฉันซะที่ไหนหละ" ว่าแล้วกฤทธิ์ก็หยิบกระจกยื่นมาส่งตรงหน้าฉัน
"เชรดดดดดดดดดด หน้าฉานนนนนนนนนน!!!!!!!" หน้าบวมเป่ง ตาซ้ายเขียวบวมอันเป็นผลมาจากการโดนต่อยจากหมัดยักษ์นั่น โอ้แม่เจ้า หมดสวยไปเลยทีเดียว....ทั้งกฤทธิ์ แม็ค และฉันเราต่างหัวเราะกับสิ่งที่เกิดขึ้น ใช่คะฉันยังกลัวอยู่ แต่ความกลัวมันลดลงไปเยอะเมื่อเห็นเพื่อนๆอยู่ข้างๆ มันทำให้ฉันสบายใจไปอีกนิดหน่อย
แล้วหมอก็เข้ามาตรวจ ผลตรวจทุกอย่างปกติดีคะ นอกจากตาซ้ายที่โดนต่อยมา มีแผลฟกช้ำตามตัวบ้างจากการกระเสือกกระสนหนีจากคนพวกนั้น
"งั้นเย็นนี้กลับบ้านได้เลยไหมคะหมอ" ฉันกล่าว
"ไอ้บ้า นอนอีกซักคืนดิ" กฤทธิ์กล่าวด้วยความเป็นห่วง
"บ้า ฉันไม่เป็นไร นอนต่อทำไมหละ"
"จริงๆคนไข้สามารถออกจาก รพ ได้นะครับ ถ้าคนไข้ต้องการ ดูจากผลตรวจแล้วไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงนอกจากสภาพจิตใจแล้ว แผลฟกช้ำเดี๋ยวหมอจัดยาให้"
"สภาพจิตใจปกติดีคะหมอ ขอออกเย็นนี้เลยนะคะ"
"โอเคครับ งั้นหมอขอตัวก่อนนะครับ"
"เฮ้อ ใครจะห้ามแกได้ไหมเนี่ย"กฤทธิ์เดินกลับไปนอนตรงโซฟา ด้วยสีหน้าเอือมๆ
"เออ ฉันไม่เป็นไร สภาพจิตใจปกติดีน่า พวกแกคิดไรมาก"
"ปกติไรของแก เล่นเดินเหม่อขึ้นไปบนชั้น 10 เนี่ยนะ อย่างนี้ยังบอกปกติ ดีนะที่แกลืมโทรศัพท์ไว้ที่โต๊ะ แล้วลุงสมโทรมาตามแก นี่ไอ้แม็คมันวิ่งหาแกทั่วตึกเลย ให้พวกทีมโยธา มาช่วยกันตามหาแกอีกให้ควัก ดีนะที่ยังเจอแกทัน จริงๆฉันก็ไม่น่าให้แกออกไปคนเดียวตอนเย็นขนาดนั้น" กฤทธิ์กล่าวด้วยท่าทีอารมณ์เสีย
"ขอบใจพวกแกมากเลยนะ ตอนนั้นฉันก็ไม่รู้ว่าเดินขึ้นไปถึงที่นั่นได้ยังไง ก็ตั้งใจจะไปดูหน้างานแหละเรื่องมันเกิดขึ้นไวมาก ฉันคิดว่าต้องตายแน่ๆเลยหวะ ถ้าไม่ได้พวกแกมาช่วย"
"...." ทั้งสามคนต่างนิ่ง ไม่มีคำตอบใดๆ แต่พวกเราเข้าใจว่าพวกเราคือเพื่อนแท้ที่ดีต่อกันจริงๆ
"พี่วิเชียรให้แกพักยาวจนกว่าจะหายดี ยังไงก้อรอสภาพจิตใจแกโอเค ค่อยกลับไปทำงานนะ" แม็คกล่าว
"มีใครบอกที่บ้านฉันไหม"
"ไม่มีใครมีเบอร์พ่อแกเลยเนี่ย ว่าแต่โทรไปบอกแกหน่อยไหม แกจะอยู่ห้องคนเดียวรึไง ให้แม่แกมาอยู่เป็นเพื่อนก็ดี" กฤทธิ์กล่าว
"ดีแล้วหละ อย่ายอกใครเลย ถ้าพ่อฉันรู้ได้กลับไปอยู่บ้านแน่ๆ"
"จริงๆมันอันตรายสำหรับแกนะที่นี่อะ แกไม่กลับไปข่วยบริษัทพ่อแกหละ" แม็คกล่าวขณะนั่งเก็บของให้นัท
"ฉันไม่อยากไปทำงานในฐานะลูกของพ่อหวะ ฉันอยากกลับไปด้วยความะนภาคภูมิใจเมื่อฉันเก่งแล้ว"
"เฮ้อ นิสัยดื้อๆไม่ฟังใครของแก จะมีใครแก้ได้บ้างไหมเนี่ย" กฤทธิ์นอนหลับตาบ่นอยู่ตรงโซฟา
หลังจากทำเรืาองค่าใช้จ่ายรักษาพยาบาลเสร็จแลัว เราทั้งสามคนก็เดินออกมาจากห้องพักของฉัน ดูเราจะเป็นที่สะดุดตาของทุกคน จริงๆตอนแรกๆฉันก็ไม่ได้คิดอะไรมากเพราะหมอใช้ผ้าปิดตาให้ฉะนข้างนึง แต่อิเพื่อนทั้งสองคนนี่สิ หน้าเขียวเป็นจ้ำๆ จนเราทุกคนต้องรีบเดินก้มหน้าไปที่ลานจอดรถทันที
"55555 ขำเป็นบ้าเลย พวกแกหน้าตาตลกอะ ตอนที่คนเขามองมา" ฉันยืนหัวเราอยู่ตรงหน้าลานจอดรถ
"อายสิค้าบ หน้าไอ่แม้คมันคล้ำเห็นรอยชัดที่ไหน ดูหน้าฉันนี่ เจ็บชิบหาย ไม่รู้ว่าหมัดใคร" กฤทธิ์กล่าวพลางชี้ไปที่ตาตัวเอง แล้วรีบดึงผ้าปิดตาของฉันออกทันที ทำสัญชาตญาณการป้องกันตัวของฉะนทำงานทันที ฟาดฝ่ามือลงกลางหน้ากฤทธิ์เข้าอย่างจัง 5555 เราสองคนเล่นกันแรงตลอดแหละคะ แต่ไม่มีใครโกรธใคร ถือเป็นเรื่องปกติ และแล้วสงครามก็หยุดเมื่อพวกเราเหลือบไปเห็นแม็คมองด้วยสสนตาค้อนใส่
"แยกย้ายกันได้แล่ว เล่นกันเป็นเด็กตลอดเลยพวกแก ดูสภาพตอนนี้ซิ กฤทธิ์ แกเข้าไปดูงานแทนพวกฉันหน่อย เดี๋ยวฉันจะไปส่งนัท" แม็คตวาด เมื่อฉันไม่มีซึ่งผ้าปิดตา ทำให้เห็นตาซ้ายเขียวบวมปึ่ง ผมเผ้ารุงรัง ส่วนกฤทธิ์ ตาซ้ายเขียวช้ำ และร่องรอยฟกช้ำดำเขียวอื่นๆรอบใบหน้า แต่มีสิ่งที่เพิ่มมาคือ รอยข่วนของฉันเอง 55556
“อ่าวววววว หาเรื่องหนีงานนี่หว่าแกอะ” กฤทธิ์กล่าวพลางทำสายตาเจ้าเล่ห์ใส่เพื่อนแม็ค
“เออหวะ ฝากดูงานให้ฉันหน่อยดิ ไม่รู้ว่าถึงไหนแล้ว” ฉันกล่าว
“เออๆๆๆ ไปก็ได้วะ ก็ไม่ได้อยากอยู่นักหรอก ว่าแต่ แกนี่แรงเยอะจริงๆ โดนมาขนาดนั้น ยังมาข่วนฉันได้อีก สงสัยอีตาสองคนนั้นหลงผิดอะไรซักอย่างรึเปล่าวะ” กฤทธิ์กล่าวพลางเอามือลูบหน้าตัวเองเบาๆ แล้วเดินกลับไปที่รถทันที
“เอ้ย แม็ค แกไม่ต้องไปส่งฉันก็ได้ ฉันกลับแท็กซี่เองได้”
“ยังจะทำเก่งอีกนะแกอะ โดนมาขนาดนี้แล้ว ไม่กลัวบ้างรึไง ตามมานีเลย” แม็คกล่าวพลางเดินตรงไปที่รถ
ปกติฉันกับแม็คเราแทบไม่ได้อยู่ด้วยกันสองต่อสองเลยคะ มันเป็นเพราะว่าฉันรู้ว่าเขาคิดอะไรกับฉัน แต่ฉันก็ยังอยากให้เราเป็นเพื่อนกันอยู่ดี มันเปลี่ยนยากนะคะ รักแบบเพื่อนไปรักแบบแฟน ฉันยังมีกำแพงกั้นระหว่างเรื่องนี้อยู่ ระหว่างที่แม็คขับรถมาส่ง เราทั้งสองคนกลับอยู่ในความเงียบ บรรยากาศมันไม่เหมือนเวลาเราอยู่ด้วยกันสามคน แม็คดูนิ่ง ไม่เหมือนคนเดิม แล้วฉันก็เอื้อมมือไปเปิดวิทยุ
“ถ้าหากเรารักใคร เราก็ควรจะบอกเขาใช่หรือครับ อย่าเก็บไว้คนเดียวให้อืดอัดใจ วันนี้ผม ดีเจชานนท์ขอลาท่านผู้ฟังไปก่อนด้วยเพลงๆนี้”
“%%อยากเก็บรักนั้น อยู่ในหัวใจ เธอจะรู้ไว้ฉันยังอยู่เสมอ%%%”
“อ่า...พี่ชานนท์คะ มาเปิดเพลงอะไรในจังหวะอึดอัดแบบนี้คะ” ฉันบ่นในใจ อากาศมันดูอึดอัดอบบอ้าว หายใจไม่ทั่วท้อง นี่ฉันเป็นอะไรกันเนี่ยยยยยย
“นัท....ฉันรู้แล้วนะเรื่องแกกับพีท”
“อ่ะ.,,อืม กฤทธิ์มันปากไวตลอดเลยเนอะ”
“ที่แกเป็นแบบนี้เพราะมัวแต่คิดเรื่องพีทมันใช่ไหม”
“ไม่รู้ดิแก ฉันก็ยอมรับนะว่าเสียใจ มันไวหวะ แต่ฉันก็คิดว่าฉันตัดสินใจถูกแล้ว”
“แต่แกไม่ไหวก็ควรจะหยุดพักไหม ฝืนตัวเองไป แกรู้ไหม ถ้าแกเป็นอะไร ฉันทนไม่ไหม ฉันแทบอยากจะฆ่าไอ้สองคนนั้นให้ตายด้วยซ้ำ” แม็คกล่าวด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว
“ก็ตอนนี้ฉันไม่เป็นอะไรแล้วไง” ฉันยิ้มเจื่อนๆ
“ใช่ ถ้าพวกเราหาแกไม่เจอแล้วแกจะเป็นอะไร ภาพที่แกกำลังโดนไอ้บ้านั่นมัน....”
“หยุด!!!!” ฉันตะโกนลั่นรถ น้ำตาค่อยๆไหลออกมาเป็นทาง ตัวเริ่มสั่นเทา ภาพนั้นมันผุดขึ้นมาจากความทรงจำที่ไม่อยากเก็บมันไว้ ชายหน้าตาน่ากลัวสแยะยิ้ม มันอยู่ตรงหน้าฉัน ขณะที่ฉันไม่มีเรี่ยวแรง มันเอามือที่น่าเกลี่ยดนั้นลูบมาที่ต้นขา น้ำตาฉันล้นเอ่อ ฉันไม่มีเรี่ยวแรงต่อสู้
“นัท ฉันขอโทษ ” แม็คหยุดรถ เขาหยิบทิชชู่ขึ้นมา แล้วค่อยๆเช็ดน้ำตาหญิงสาวที่ตัวสั่นเทา น้ำตาไหลมาเป็นสาย เขาสวมกอดเธอไว้ด้วยความอ่อนโยน นี่คงเป็นครั้งแรก ที่เขาสามารถกอดเธอได้ โดยไม่มีข้ออ้างใดๆอีกแล้ว เขากล่าวขอโทษออกมานับไม่ถ้วน เขาไม่อยากปล่อยเธอไปไหนอีกเลย เขารุ้แล้วว่าเขารัก ผญ ที่อยู่ตรงหน้ามากขนาดไหน
ฉันร้องไห้โฮใหญ่ มันน่ากลัว มันน่าเกลียด มันน่าขยะแขยง ฉันสวมกอด ผช ที่อยู่ข้างหน้าสุดแรง มันทำให้ฉันอบอุ่น ความรู้สึกเป็นห่วง ความอ่อนโยนของเขา มันทำให้ความกลัวของฉันลดลงอีกนิด ตอนนี้ฉันต้องการแค่ที่พักพิงให้จิตใจฉันดีขึ้นก็เท่านั้น
บ้านของนัท
“ขอบใจมากแกที่มาส่ง” ฉันกล่าวพลางปลดเข็มขัดนิรภัย
“แกอยู่คนเดียวได้จริงๆนะ” แม็คกล่าวด้วยสายตาอันอ่อนโยน
“อืม...ได้” ฉันยังคงก้มหน้า แล้วหันไปเปิดประตูรถ ฉันไม่หันกลับไปมองเขาอีกเลย
ขณะที่ฉํนกำลังเปิดประตูบ้าน ทั้งๆที่มือยังสั่นอยู่นั่นก็มีอีกมือใหญ่อันแสนคุ้นเคยจับที่ข้อมือฉันไว้
“ให้ฉันอยู่เป็นเพื่อนแกนะ ฉันขอร้อง แค่คืนนี้เท่านั้น” แม็คกล่าวด้วยสายตาอ่อนโยน ฉันได้แต่พยักหน้า ฉันยอมรับว่ายังกลัวมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ภายในวันเดียวฉันต้องเจอเรื่องร้ายๆที่มันกระทบทั้งร่างกายและจิตใจในหลายๆเรื่องพร้อมๆกัน การที่แม็คอยู่ข้างๆมันทำให้ฉันรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก
เราสองคนเข้ามาในบ้าน บ้านอันเงียบ โล่ง จริงๆแม็คไม่ได้มาที่นี่ครั้งแรก เขาเคยมาหลายครั้งแล้ว แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เราอยู่ด้วยกันสองคน
“งั้นแกนอนตรงนี้นะ เดี่ยวเอาผ้าห่มมาให้ แกกินอะไรรึยัง มีมาม่าในตู้นะต้มกินได้เลย”
“แล้วแกอะ หิวไหม” แม็คกล่าวขณะที่รับผ้าห่มจากฉัน เขายังมองจนฉันต้องหลบสายตา
“ไม่หิวหวะ อยากพักแล้ว” ฉันยังก้มหน้าไม่กล้าที่จะสบตาเขาเลย
“ก็ดีแกไปพักเหอะ”
ฉันเดินกลับห้องตัวเองด้วยใจตุ้มๆต่อมๆหลังจากอาบน้ำเสร็จ ฉันก็เดินแวบไปดูแม็คที่โซฟาข้างล่าง เขานอนหลับสนิทอยู่ตรงนั้น เสื้อของเขายังกองอยู่ตรงข้างๆ เผยให้เห็นกล้ามแขน และหน้าท้องที่ดูดี เป็นสัดส่วนชวนให้ทรมานใจสาวๆ เขาดูเหนื่อยมากเหมือนกัน จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มันทำให้ฉันรู้สึกขอบใจเขามาก ฉันค่อยๆดึงผ้าห่มคลุมที่ตัวเขาเบาๆ แล้วฉันก็นั่งลงตรงใกล้ๆเขา แม็คเวลาหลับความนิ่งของเขาช่างไม่ต่างจากเวลาตื่น ใบหน้าอันคมคาย จมูกเป็นสัน ปากนิดๆ ผิวสองสี บวกเครานิดหน่อย มิน่าหละสาวๆถึงได้หลงไหลในเขานักหนา แต่ดูหน้าเขาตอนนี้สิ มีแต่รอยฟกช้ำ เป็นเพราะฉัน ช่างน่าสงสารนัก ฉันค่อยเอื้อมมือไปจับที่รอยช้ำมุมปากเขาเบาๆ
“เจ็บมากไหม ฉันขอบใจแกมากนะ ขอบใจแกจริงๆ ขอบใจในทุกๆเรื่อง แกดีกับฉันมากเลยหละ ถ้าไม่ได้แกฉันก็ไม่รู้วันนี้ฉันจะมานั่งแบบนี้ได้ไหม ขอบใจที่มาอยู่เป็นเพื่อน มันทำให้ฉันสบายใจไปอีกเยอะเลย แล้วก็ขอบใจความรู้สึกดีๆที่แกมีให้ฉัน จริงๆฉันรู้นะว่าแกคิดอะไร ฉันไม่ได้เฉยเมยกับสิ่งที่รู้ แต่ฉันแค่อยากให้เราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน รู้สึกดีๆให้กันอย่างนี้ตลอดไป”
“แกใจร้าย” เสียงทุ้มเบากล่าวใกล้ๆฉัน ฉันรีบลุกขึ้นยืนทันที แต่กลับมีมือใหญ่ดึงฉันไว้จนต้องฟุบลงไปนั่งกับโซฟาที่เขานอน เขาสวมกอดฉันไว้จากข้างหลังแน่น เลือดของฉันมันสูบฉีดอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว ปกติฉันก็คิดกับเขาแบบเพื่อน แต่ทำไมวันนี้ หัวใจของฉันกลับเต้นตุบตับไม่เป็นจังหวะ
“แกทำอะไรของแกแม็ค” ฉันกล่าวขณะที่นั่งหันหลัง พยายามบิดตัวให้พ้นจากมือของเขาที่ยังสวมกอดที่เอวของฉันไว้แน่น ให้ตายสิ แรงเยอะจริงๆเลย
“แกรู้ แต่แกทำให้ฉันแทบจะเป็นบ้าในทุกๆครั้ง ฉันแอบมองแกตั้งแต่แกเข้ามาทำงานวันแรก เพราะความไม่กล้าของฉันเองแหละ เลยต้องทนเห็นพีทมันคบกับแกไป เพราะฉันไม่รู้จะเข้าหาแกได้ยังไง จนกระทั่งเรามาทำโปรเจคด้วยกัน มันทำให้ฉันรู้ว่าฉันชอบแกมากแค่ไหน ทุกวันฉันมีความสุขแค่ไหนที่ได้มองแก ได้เห็นแกยิ้ม หัวเราะ ทุกครั้งเวลาแกร้องไห้ ฉันอยากจะกอดแกไว้แบบนี้ ไม่อยากปล่อยแกไปเลย” แม็คกล่าวพลางลุกขึ้นมา สวมกอดหญิงสาวที่เขาโหยหามาตลอด ตอนนี้เขาสามารถสวมกอดเธอไว้ได้ตามที่เขาต้องการแล้ว และได้พูดสิ่งที่เขาอัดอั้นมาตลอด
“ฉันขอโทษที่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้กับความรู้สึกของแก แต่แกก็รู้...” ฉันกล่าว อ้อมกอดของเขามันอบอุ่น อ่อนโยนอย่างบอกไม่ถูก แม็คจับไหล่ของฉันแล้วเราก็หันหน้าเข้าหากัน ตาประสานตา หัวใจฉันเต้นไม่เป็นจังหวะ มือสองข้างของเขา จับที่แก้มฉันเบาๆ ใบหน้าของเขาขยับเข้ามาใกล้ ใกล้ แล้วก็ใจ
ฉันได้แต่หลับตาปี๋ ฉันไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น แต่ทำไมฉันถึงไม่ขัดขืนนะ ทำไม
แม็คเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ๆหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า หญิงสาวที่เขาโหยหามาตลอดเวลา เขาอยากจะจูบเธอเหลือเกิน ตอนนี้ลมหายใจของเราใกล้กันมากขึ้นเรื่อยๆ เขาเห็นเธอหลับตาปี๋ด้วยร่างกายอันสั้นเทา ทำให้เขารู้สิกเป็นห่วงเธอซะเหลือเกิน แล้วเขาก็จุมพิตตรงหน้าผากของเธอเบาๆ หญิงสาวที่หลับตาปี๋ลืมตาขึ้น หน้าของเธอช่างบ้องแบ้ว น่ารักซะเหลือเกิน มันทำให้เขาต้องอดใจไม่ได้ที่จะทำมากกว่านั้น เขาค่อยๆจุมพิตลงที่ปากของเธอด้วยความทนุถนอม ทั้งเบาและอ่อนโยนมากที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ หญิงสาวข้างหน้าไม่มีท่าทีขัดขืนแต่อย่างใด เขารักเธอ ความหมายทั้งหมดมันปลดปล่อยออกมาจากจูบๆนี้
ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่จูบนี้มันช่างอ่อนโยน หอมหวาน นุ่มนวลยิ่งกว่าตอนไหนๆที่ผ่านมา ตัวของเขาใหญ่กว่าฉันมาก แต่เขากอดฉันไว้อย่างนุ่มนวลจนรู้สึกได้ เราค่อยๆนอนลงตรงโซฟา ตาของเราประสานกัน ฉันรับรู้ถึงความรู้สึกเขาได้ มันอบอุ่นซะเหลือเกิน มือของเขาค่อยๆเลื่อนไปปลดเสื้อคลุมของฉันจนเนื้อของเราแนบชิดกัน ลมหายใจของเราประสานกันอย่างลงตัว ฉันเลื่อนมือไปจับที่แผลฟกช้ำที่ริมฝีปากเขา ตรงหางคิ่วของเขา น้ำตาค่อยๆไหลออกมาเป็นทาง เขาคงเจ็บมากสินะ ตอนนี้หัวใจของเราอยู่ใกล้กัน ฉันรู้สึกถึงเสียงหัวใจของเขาที่เต้นไม่เป็นจังหวะแทบจะไม่ต่างจากฉัน มือใหญ่ๆของเขาเลื่อนขึ้นมาเช็ดน้ำตาของฉันด้วยความละมุนละไม
“ฉันจะไม่ทิ้งแกไปไหน ฉันรักแก...”แม็คกล่าว แล้วค่อยๆประกบปากลงมาที่หญิงสาวอีกครั้งด้วยความอ่อนโยน
ฉันรีบผลักตัวเขาออกไปทันทีที่ได้ยินดังนั้น ประโยคนี้จากปากพีทมันผุดขึ้นมาทันที ความรู้สึกเจ็บปวดจากการโดนหักหลังมันผุดขึ้นมาทันทีทันใด คำพูดพวกนี้ฉันไม่อยากเชื่อมันอีกกแล้ว นั้นทำให้รู้ว่าฉันกำลังทำอะไร แม็คยังคงสีหน้าท่าทางตกใจมิใช่น้อย ฉันดึงเสื้อคลุมกลับมาให้เข้าที่ทันที ฉันไม่กล้ามองหน้าเขาอีกเลย
“ฉัน....กลับห้องก่อนนะ แกก็อย่าลืมห่มผ้าหละ” ฉันกล่าวแล้วรีบเดินกลับห้องทันที ฉันเพิ่งรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น และฉันกำลังทำอะไรที่แย่ๆลงไป ทำไมฉันถึงใจง่ายขนาดนี้นะ ให้ตายสิ หัวใจฉันยังเต้นอย่างไม่เป็นจังหวะ นี่คือความรู้สึกอะไรกันแน่นะ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ