Heart control หัวใจสั่งได้
เขียนโดย Napapat
วันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 เวลา 16.39 น.
แก้ไขเมื่อ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 14.33 น. โดย เจ้าของนิยาย
6) มุ่งสู่ดินแดนแห่งความสงบสุข
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความแดดตอนเช้าส่องเข้ามาในห้องนอน นั่นทำให้ฉันรู่ว่าเช้าแล้ว... ฉันลุกออกมาจากที่นอน ฉันค่อยๆแง้มประตูสอดส่องไปรอบๆห้อง ข้างนอกห้องยังคงเงียบสงัด ไม่มีใครอยู่ซักคน แม็คคงกลับไปแล้ว เรายังไม่ได้คุยกันเลยตั้งแต่เหตุการณ์เมื่อคืน ถึงเจอหน้ากันฉันก็ไม่รู้จะเริ่มพูดกับเขายังไงดี แล้วฉันก็เหลือบไปเห็นโน้ตที่แปะตรงตู้เย็น
“ฉันขอโทษเรื่องเมื่อคืน ฉันยังยืนยันที่ฉันทำไปเพราะฉันรักแก ฉันพร้อมจะรับผิดชอบทุกอย่าง ฉันจะไม่ทิ้งแกไปไหน ฉันจะไม่คืนคำ แล้วอาทิตย์นี้แกไม่ต้องไปทำงาน พี่วิเชียรเขาโอเคที่จะให้แกพักผ่อน แล้วเย็นนี้ฉันจะแวะมาหานะ ดูแลตัวเองด้วย
แม็ค”
เขาช่างเป็นคนดีเหลือเกิน ฉันยิ้มเบาๆให้กับโน้ตแผ่นเล็กๆใบนี้ แต่ฉันยังไม่สบายใจอยู่ดีที่จะเจอแม็คได้ด้วยท่าทีปกติ ฉันยังอยากอยู่คนเดียวคิดอะไรซักพัก ฉันเลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาทันที
“ไงนัท โอเคขึ้นไหม” พี่วิเชียนรับสาย
“ดีขึ้นนิดหน่อยพี่ ขอบคุณพี่มากนะคะที่ให้หนูพักไปอาทิตย์นึง”
“ไม่เป็นไร ไม่ต้องห่วง เอาแกสบายใจแหละ หน้างานอะไม่ต้องห่วงนะ แม็คมันรับปากแล้วว่าจะช่วยแกดูจนกว่าแกจะกลับมา”
“ข...ของคุณมากคะพี่ แล้วก็ฝากขอบคุณแม็คด้วยนะคะ”
“อ่าว ทำไมแกไม่ไปบอกมันเองหละ”
“เอ่อ คือพอดีนัทมีเรื่องอยากรบกวนพี่อะคะ”
“มีอะไรรึ เสียงดูไม่สบายใจ”
“คือนัทจำได้ว่าพี่มีบ้านสวนอยู่ที่ราชบุรี ที่เราเคยไปเมื่อตอนนัทเข้ามาใหม่ๆอะคะ พี่จะว่าอะไรไหมถ้านัทขอไปพักบ้านพี่อาทิตย์นี้”
“ได้สิ ลุงชิตกับป้าเพ็ญคงดีใจถ้าแกไป ลุงกะป้าอยู่กันสองคนแกคงเหงา”
“ขอบคุณมากคะพี่ แต่นัทขอพี่อีกเรื่องนึงนะคะ”
“จะกี่เรื่องก็ได้ว่ามา”
“อย่าบอกใครนะคะ ไม่ว่าจะเป็นกฤทธิ์หรือแม็ค หรือใครก็ตาม นัทอยากพักคนเดียวจริงๆคะ เห็นแก่นัทด้วยนะคะ นัทขอร้องคะพี่”
“อะได้ๆ พี่เข้าใจ แกเจอแต่เรื่องหนักๆมา ไปพักผ่อนเถอะนะ เดี๋ยวพี่โทรบอกลุงชิตกับป้าเพ็ญให้”
“ขอบคุณมากคะพี่”
ฉันวางสายแล้วรีบเดินไปเก็บของโดยไม่ลังเลทันที มันอาจทำให้ฉันคิดอะไรได้บ้างกว่าการอยู่ที่นี่
TV
“แหมๆๆๆๆคุนน้อง ตอนนี้มีข่าว gossip มาว่า ดีเจชานนท์กำลังกิ้กกั้กกับนางเอกสาว นาตาลี ได้ข่าวว่าเขากิ้กกั้กกันตอนที่ถ่ายละครเรื่อง รักแท้ นี้” เจ้ชมพู่ พิธีกรสาวประเภทสองฝีปากจัด กัดได้ไม่เลือก แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าสีฉุดฉาดนั่งไขว้ห้างเมาท์มอยกับเจ้มะเหมี่ยว พิธีกรสาวฝีปากจัดไม่แพ้กัน คู่นี้เป็นพิธีกรคู่ที่เล่าข่าวในวงการได้แซ่บเวอร์วังอลังการที่สุด
“เดี่ยวๆๆๆๆๆคะคุนพี่ น้องนาตาลีคบกับคุณมาร์ชอยู่นี่คะ อะไรยังไง แต่ดีเจชานนท์นี่ข่าวกับสาวๆเยอะจริงๆ”
“โถๆๆๆๆๆ คุนน้อง กลับไปดูใน IG น้องมาร์ชสิคะ มีตัดพ้อต่อว่าอยู่มิใช่น้อย แถวนี่คะหลักฐานโป้ะเช้ะ จากปาปารัสซี่ gossip บังเทิง”
“โฮ้ะๆๆๆๆ นั้นอะไรคะ นั่นอะไร มีแอบควงกันไปดูหนังตอนกลางคืนสองต่อสอง” เจ้มะเหมี่ยวเขยิบหน้าเข้ามาใกล้หนังสือที่โชว์พาดหัวข่าวหราพร้อมอ่านว่า
“โป้ะแตก พระเอกนางละคร รักแท้ แอบไปกินกันเอง!!!! เอาแล้วๆๆๆๆ หนูละสงสารน้องมาร์ช คะ คงจะเจ็บไม่น้อยเลยทีเดียว”
“ยังๆๆๆไม่หมดคะคุณน้อง ได้ข่าวมาว่า คนข้างห้องคอนโดของดีเจชานนท์ยังบอกเลยนะว่าสองคนนี้พากันมาที่คอนโดบ่อยๆ โถๆๆๆๆๆ”
“โอ้ยตายแล้วคะคุณพี่ คุณน้องหละไม่อยากจะคิด หุ่นอย่างดีเจชานนท์น้องก็อยากได้ 5555”
“อะๆๆๆ เราเมาท์เรื่องนี้เยอะจนพอประมาณละ ไปเรื่องอื่นต่อนะคะ”
“อีกแล้วเหรอเนี่ยดีเจชานนท์ เจ้าชู้ไม่เลือกจริงๆเลย ถึงฉันจะชอบคุณแต่ตอนนี้ฉันเกลียด ผช เจ้าชู้ ยิ่งพวกชอบแย่งของคนอื่นนี่ฉันยิ่งเกลียดเข้าไส้” ว่าแล้วฉันก็เก็บของเสร็จพอดี เตรียมตัวไปพักร้อนให้หายเหนื่อยก่อนแล้วกัน
ณ บ้านสวน
อากาศบริสุทธิ์ที่หาไม่ได้จากกรุงเทพ ฉันขับรถมาสองชั่วโมงเพื่อที่จะมาที่นี่ ที่ที่มันอาจจะทำให้ฉันสบายใจ ฉันขับเลยออกจากแหล่งชุมชนราชบุรีมาเรื่อยๆ จนมาถึงซอยถนนลูกรัง สองข้างทางมีแต่ทุ่งนาและสวนผลไม้ ฉันขับมาจนเกือบสุดทาง จนมาถึงสวนๆหนึ่งที่ฉันคุ้นเคย ฉันเคยมากับทีมงานพี่วิเชียรสมัยเริ่มโปรเจคใหม่ๆ ใช่คะ ในทีมนั้นมีพีทด้วย ฉันขับรถเข้ามาข้างในสวน ข้างทางมีต้นมะม่วงเรียงรายเต็มสองข้างทางด้วยช่วงนี้เป็นช่วงเดือนเมษา มันที่กำลังออกลูกดกเลยทีเดียว ชะเง้อมองไปข้างใน มีบ้านไม้ยกสูงอันแสนอบอุ่น อยู่ข้างหน้า ฉันค่อยๆเลี้ยวรถเข้าไปจอดใต้ต้นลำไยที่แผ่หลากิ่งก้านสูงใหญ่ให้ร่มเงา ใต้ถุนบ้านฉันมองเห็นลุงชิตกำลังนั่นอ่านหนังสืออยู่ ฉันจอดรถ แล้วเดินลงไปด้วยความเก้ๆกังๆทันที จริงๆฉันต้องบอกว่ากล้ามากที่จะขอมาอยู่ที่นี่ ฉันเคยมาครั้งเดียว กลัวลุงกับป้าจะจำฉันไม่ได้เหมือนกัน แต่ที่นี่ทั้งสงบ ร่มเย็น อบอุ่น ฉันชอบที่นี่มากคะ
“สวัสดีคะลุงชิต” ฉันเดินลงจากรถแล้วเดินตรงไปสวัสดีคุนลุงทันที
“อ้าว มาแล้วเหรอ วิเชียรโทรมาบอกลุงเมื่อเช้า ลุงก็กลัวหนูจะหลงทาง มาถูกด้วยเหรอลูก อ่าวนั่งก่อนๆ” ลุงชิตเงยหน้าขึ้นมาจากหนังสือ ด้วยยิ้มอย่างมิตรไมตรี แล้วแกก็แทบไม่ละสายตาจากหน้าฉัน
“ก็พอคลำๆทางมาได้เรื่อยๆอะคะ อากาศที่นี่ยังดีเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลยนะคะ” ฉันขยับนั่งตรงม้านั่งหินอ่อนใต้ถุนบ้านอย่างเก้ๆกังๆ พลางเอามือปิดตาด้านซ้ายอันแสนน่าเกลียด อากาศเย็นสบายทั้งๆที่เป็นเดือนเมษาอันแสนอบอ้าว อาจเป็นเพราะที่นี่มีแต่ร่มไม้ ลมพัดเย็นเบาๆพัดผ่านมาที่ใต้ถุน นี่สิถึงจะเรียกว่าสวรรค์ของคนกรุง
“อ่าวแม่หนู มาแล้วเหรอ ป้าทำกับข้าวไว้รอแล้วนะ หิวรึยัง” ป้าเพ็ญเดินออกมาจากห้องครัว พร้อมรอยยิ้มแสนหวานอันแสนคุ้นเคย ฉันชอบป้าเพ็ญมากๆเลยคะ แกเป็นคนอัธยาศัยดี คุยเก่ง ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่กับแม่ที่บ้านอย่างนั้นแหละ
“นิดหน่อยคะป้า” ฉันกล่าวอย่างเขินอายพลางลูบที่ท้องเบาๆ จนลืมเอามือปิดตาตัวเองซะงั้น จริงๆตั้งแต่เช้าตื่นมาฉันเพิ่งได้กินแค่น้ำหนึ่งแก้วก่อนออกมาจากบ้านแค่นั้นเอง ป้าเพ็ญได้ยินดังนั้นก็เดินเข้าไปที่ห้องครัวเพื่อไปตักอาหารทันที
“ตาหนูไปโดนอะไรมาอะ เขียวบวมเชียว” ป้าเพ็ญกล่าวพลางเดินเข้ามาดูใกล้ๆ
“อุบัติเหตุตรงหน้างานนิดหน่อยคะป้า” ฉันกล่าวพลางรีบเอามือกุมไว้ที่ตาตัวเองอีกครั้ง มันยังปวดๆ และโหนกคิ้วยังปูดๆอย่างเห็นได้ชัด ป้าเพ็ญยิ้มรับแล้วเดินกลับไปที่ห้องครัว
“มาคะ หนูช่วย” ฉันเดินตามไปที่ห้องครัวที่อยู่ใต้ถุนบ้าน
“อะขอบใจมากแม่หนู ว่าแต่ทำไมรอบนี้มาคนเดียวหละ เมื่อเช้าตาวิเชียรโทรมา ป้าก็แปลกใจที่แม่หนูจะมาพักที่นี่ มันไม่มีอะไรสะดวกสบายเหมือนในโรงแรมหรอกนะแม่หนู แต่ที่นี่อาจทำให้หนูรู้สึกเหมือนบ้านได้” ป้าเพ็ญกล่าวพลางตักแกงเขียวหวานใส่ถ้วย
“ใช่คะป้า หนูขอรบกวนป้าซักอาทิตย์นึงนะคะ ที่นี่ทำให้หนูรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน หนูชอบที่นี่มากคะ โอ้ะ เท่านี้พอไหมคะ” ฉํนกล่าวขณะที่กำลังตักข้าวใส่จาน
“จ่ะๆ พอแล้ว ปะเราไปทานข้าวกันก่อน”
เราสามคนทานข้าวกลางวันตรงโต้ะหินอ่อนใต้ถุนบ้าน อากาศไม่ร้อนไม่เย็นแต่ไม่อึดอัด ลุงชิตกับป้าเพ็ญแกอัธยาศัยดีทั้งคู่คะ ลุงกับป้าแกมีสวนผลไม้ที่ใหญ่มาก ฉันเคยเดินเล่นเมื่อคราวก่อน ยังไม่หมดสวนเลย พอดีอิ่มซะก่อน แหม ก็เดินไปกินไปเรื่อยๆ มันเป็นอะไรที่ฟินเวอร์ สวนนี้มีผลไม้เกือบทุกชนิด การได้กินผลไม้สดๆจากสวน มันทั้งหวานมันและอร่อยเป็นที่สุด หลังจากที่เราทานอาหารกลางวันเสร็จ ป้าเพ็ญก็เอาผลไม้สดๆทั้งหลายมาวาง ฉันอยากจะบอกว่าฉันกินได้หมดทุกชนิดเลย
TV
“คุณดีน่าคะ เห็นข่าวดีเจชานนท์แล้ว ไม่ทราบว่าจะออกมาแก้ข่าวไหมคะ”
“โถๆๆ คุณน้องคะ แก้ข่งแก้ข่าวอะไร ไม่มีหรอกคะ ดีน่าบอกเองเลยนะคะว่า ชานนท์เขาวันๆก็ทำงานหนักเนอะ แล้วเขาก็สนิทกับที่กองถ่ายทุกคน น้องๆก็อย่าไปโฟกัสกันที่น้องนาตาลีสิจ๊ะ แล้วช่วงนี้ชานนท์เขาก็ติดถ่ายละครอยู่ที่ต่างจังหวัด ยังไงดีน่าก็บอกได้เคลียร์หมดแล้วเนอะ ยังไงก็ขอตัวก่อนนะคะน้องๆนังข่าว ขอบคุณมากๆคะ บ้าย้บาย” เจ้ดีน่า สาวประเภทสองรุปร่างอวบอั๋น ผมยาวลอนสลวย หน้าเต็มยิ่งกว่าเต็ม ที่ค่อนข้างเด่นเรื่องการแต่งตัวด้วยของแบรนด์เนมทั้งตัวกล่าว ก่อนที่จะเขยิบตัวออกจากนักข่าวด้วยสภาพทุลักทุเลนัก
“หนีข่าวสินะ ไม่กล้าพูดความจริงหละสิ ไปแย่งของคนอื่นเขาหนะ” ฉันคิดในใจ ดีเจชานนท์ที่เคยเป็นชายในฝันฉันกลับเป็นชายที่ฉันเกลียดขึ้นมาทันที
“ไม่รู้จะเป็นไงบ้างเนอะพ่อ”
“นั่นสิเนอะแม่”
ฉันหันไปมองลุงกับป้าเพ็ญที่ดูข่าวบันเทิงอย่างตั้งอกตั้งใจ นั่นทำให้ฉันแปลกใจเป็นที่สุด ไม่น่าเชื่อว่าคนแก่จะชอบดูข่าว gossip ด้วยเหมือนกัน คงเพราะแกอยู่กันสองคน คงจะเหงาบ้าง การดูอะไรพวกนี้ก็เป็นสิ่งที่เปิดหูเปิดตาพวกแกได้บ้างสิเนอะ
“ลุงกับป้าชอบดูข่าวพวกนี้ด้วยเหรอคะ”
“5555 ป้าก็ตามๆข่าวตลอดแหละ ป้าดูละครชานนท์เขาทุกเรื่องแหละ” ป้าเพ็ญกล่าวแกลมขำ
“อื้อหือ นี่ป้าเป็นแฟนคลับดีเจชานนท์ด้วยเหรอคะ หนูอะตามผลงานเขาตลอดเหมือนกัน เขานะทั้งหล่อ สุภาพ ดูดี บุคลิคดี นิสัยดี เสปคหนูเลยคะป้า”
“จริงรึเนี่ย หนูตามผลงานเขาหมดเลยรึ” ลุงชิตกล่าวพลางยิ้มอย่างดีใจ
“จริงสิคะลุง แต่หนูว่าหลังจากนี้จะไม่ตามละ”
“อ่าวทำไมหละหนู” ลุงชิตกล่าว
“ก็ดูข่าวสิคะลุง เขาเจ้าชู้ไม่เลือกเลย” ฉันกล่าวพลางหยิบมะม่วงมากินไม่หยุดปาก
“5555 ได้พ่อมาเย......”
ป้าบบบ!!!!!! ป้าเพ็ญฟาดมือลงที่ไหล่ลุงชิตเข้าอย่างจัง ลุงชิตทำหน้ายิ้มแกลมหยอกส่งให้ป้าเพ็ญ ฉันได้แต่นั่งหัวเราะไม่หยุด นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้คนสองคนอยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่าขนาดนี้ เขายังมีอารมณ์ขัน เขายังห่วงใยกัน เขายังดูแลกันด้วยดีเสมอมา ลุงชิตกับป้าเพ็ญช่วยกันเก็บจานไปไว้ในห้องครัว ฉันนั่งรออยู่ใต้ถุนบ้าน หันไปมองตรงเสาต้นนึง เห็นกรอบรูปอันนึง มีรูปดีเจชานนท์ที่ตัดมาจากหนังสือพิมพ์บ้าง นิตยสารบ้าง แปะๆ ไว้ด้วยกัน ดูลุงกับป้าจะชอบเขามากเลยละสิท่า เขามีอะไรดีนะ ที่ทำให้คนแก่สองคนชอบได้ขนาดนี้
“หนูเอาเสื้อผ้าไปเก็บนะ นี่กุญแจบ้าน ป้าทำความสะอาดบ้านไว้รอหนูตั้งแต่เมื่อเช้าแล้ว ต้องการอะไรก็มาหาป้าที่บ้านนี้นะ” ป้าเพ็ญกล่าวพลางยื่นกุญแจให้
“ขอบคุณมากคะป้า” ฉันกล่าวขอบคุณแล้วหยิบกุญแจจากป้าเพ็ญ ฉันลากกระเป๋าลงจากรถแล้วเดินไปยังบ้านพี่วิเชียรซึ่งอยู่ห่างจากบ้านป้าเพ็ญไปเพียงสองต้นมะม่วง บ้านปูนชั้นเดียว หลังเล็กกระทัดรัด ฉันเปิดประตูเข้าไปข้างในบ้าน มีแต่ห้องโล่งๆ ตู้เย็น 1 ตัวอยู่กลางห้อง และห้องน้ำในตัว บ้านหลังนี้เป็นบ้านพี่วิเชียรที่แกขอซื้อที่จากลุงชิตไว้ส่วนหนึ่งเพื่อทำเป็นบ้านพักเอาไว้พักผ่อน หลบความวุ่นวายจากกรุงเทพ เนื่องจากป้าเพ็ญเป็นน้องสาวของแม่พี่ชิตนั้นเอง แค่เท่านี่มันก็ดีมากแล้วสำหรับฉัน ฉันวางกระเป๋าลงที่มุมนึงของห้อง แล้วเดินออกมานั่งตรงระเบียงหน้าบ้าน หันไปมองข้างๆบ้านเห็นลุงชิตกับป้าเพ็ญกำลังเตรียมตัวออกไปดูสวน ทำให้ฉันต้องรีบหยิบหมวกพร้อมเสื้อแขนยาววิ่งตามพวกแกไปทันที
“หนูไปด้วยคะ คุณลุงคุณป้า” ฉันตะโกนลั่น แล้ววิ่งตามทั้งสองคนไปทันที พอเดินเข้ามาในสวน มันทั้งร้อนทั้งเหนื่อย แดดตอนกลางวันอันร้อนระอุ เวลาเดินฉันแทบจะวิ่งเข้าไปหลบที่ใต้ต้นไม้เกือบทุกต้น ลุงชิตกับป้าเพ็ญเดินเช็คผลไม้ในสวนของแกอย่างพิถีพิถัน ทั้งสวนไม่มีคนงาน ลุงกับป้าแกทำกันอยู่สองคน เป็นสิ่งที่น่ามหัศจรรย์มาก
“นี่ลุงกับป้าไม่จ้างคนงานมาเก็บหละคะ เวลาจะขายนี่เก็บยังไงไหวอะคะ” ฉันเดินไปพลางหยิบชมพู่ขึ้นมากัดกินเป็นระยะๆ
“ลุงกับป้าไม่ได้ปลูกไว้ขาย เราปลูกไว้เล่นๆ” คำตอบนี้ทำเอาฉันที่กำลังกัดลูกชมพู่ยืนค้างไปพักใหญ่ สวนใหญ่ขนาดนี้ โอ้โห ลุงกับป้าปลูกเล่นชิลๆ โอ้แม่เจ้า
“มันเยอะมากเลยนะคะ”
“ใช่จ่ะ ความสุขของคนแก่อะหนู หลบหนีจากเมืองกรุงมาอยู่บ้านสวน กินผักผลไม้ที่เราปลูกเอง ถ้ามีคนอยากมาซื้อป้าก็ขายแหละ เราไม่ได้หวังอะไรจากเงินทองเท่าไหร่ พวกเราทำเพราะมันเป็นความสุข” ป้าเพ็ญกล่าว นี่มันเป็นสิ่งนึงที่ทำให้ฉันประหลาดใจ เชื่อไหมคะ คนเราทุกคนทำงานอย่างหนักเพื่อหาเงินมาตอบสนองความต้องการไม่ว่าจะเป็นบ้าน รถ เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้าราคาแพงๆ แต่ที่นี่ลุงกับป้าสองคนทำงานอย่างหนักโดยที่ไม่ต้องการเงิน หรือสิ่งอื่นใด เขาทั้งสองกลับได้ความสุขที่แท้จริงมากว่าคนอื่นๆด้วยซ้ำ ฉันเดินตามลุงกับป้าไปเรื่อยๆ เรามีรถเข็นเล็กๆหนึ่งคัน เอาไว้ใส่ผลไม้ที่มันออกผลได้ที่ จนเต็มตะกร้า ฉันลืมเรื่องต่างๆที่ผ่านมาไปเลยทีเดียว ฉันมีแต่ความสุข สุขที่แท้จริงของชีวิต
ตอนเย็นพวกเรานั่งกินข้าวกันปกติ รู้สึกว่าฉันจะทำตัวกลมกลืนไปกับลุงป้าแกไปโดยปริยาย และฉันก็รู้สึกชินไปแล้วที่ลุงกับป้าจะเปิดทีวีช่องบันเทิงอยู่ตลอดเวลา พวกเขาคงชอบกันจริงๆ ฉันไม่รู้ว่าทำไมลุงกับป้าถึงอยู่กันแค่สองคน ไม่รู้ว่าลูกๆเขาจะมีไหม หรือกลับมาบ้างไหม แต่ดูแกมีความสุขไม่น้อยที่มีคนมาเยี่ยมเยือน ฉันเดินกลับมาที่บ้านพัก ดาวเต็มท้องฟ้าอย่างเห็นได้ชัด ฉันนั่งอยู่ตรงชานหน้าบ้าน อากาศเย็นกำลังดี ชีวิตที่นี่มีความสุขจัง
ณ บ้านนัท
กริ้ง!!!!!! เสียงกดกริ่งที่หน้าบ้านนัท ข้างในบ้านมืดสนิท ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ ชายหนุ่มที่อยู่หน้าบ้านกระวนกระวายเดินไปมาอยู่หน้าบ้าน พร้อมฟังเสียงโทรศัพท์ที่ไม่สามารถติดต่อได้เลยตั้งแต่เมื่อเช้า
“ไปไหนของแกนะนัท” แม็คกล่าว เขาใจร้อนกระวนกระวาย เขาไม่สามารถติดต่อเธอได้เลยนับตั้งแต่เมื่อเช้า เธอจะโกรธเขาไหม แล้วเธอจะเป็นอะไรรึเปล่า
“พี่วิเชียร พี่ติดต่อนัทมันได้ไหม ผมติดต่อนัทไม่ได้เลย ไม่รู้ว่านัทหายไปไหน ที่บ้านก็ไม่อยู่ ผมว่าจะไปแจ้งความ” แม็คกล่าวขณะที่โทรศัพท์คุยกับพี่วิเชียรด้วยความกระวนกระวาย
“ใจเย็นๆแม็ค เมื่อเช้านัทมันโทรมา มันขอลาพักไปต่างจังหวัดอาทิตย์นึง ไม่ต้องเป็นห่วงนะ”
“นัทไปที่ไหนพี่”
“เอ่อ...อันนี้พี่ไม่รู้หวะ พี่รู้แค่นัทขอไปพักต่างจังหวัด อาจกลับบ้านที่เชียงรายหรือยังไงพี่ก็ไม่รู้ อย่าไปรบกวนนัทมันเลยนะ นัทมันบอกพี่มา ยังไงก็บอกตากฤทธิ์มันด้วยหละ”
“ค..ครับพี่ ขอบคุณมากครับ” แม็คกล่าวแล้วกดวางสายพลางถอนหายใจอย่างโล่งอก ทันใดนั่นก็มีแสงไฟจากรถอีกคันสาดมาทางเขา ชายคนนึงเปิดประตูลงมาจากรถ จะเป็นใครไปไม่ได้ นั่นคือเพื่อนของเขานั่นเอง เขากำหมัดไว้แน่นด้วยความโกรธ แล้วพุ่งเข้าไปสวนหมัดเข้าที่หน้าชายคนนั้นเข้าอย่างจัง
“นี่แกทำอะไรของแกแม็ค” พีทกล่าวด้วยความตกใจพลางเอามือกุมที่ก้มซ้ายที่เพิ่งโดนต่อยมาหมาดๆ
“นี่แกยังจะถามอีกเหรอว่าฉันทำอะไร แกต่างหาก ยังมีหน้ามาที่นี่ทำไม แกทำให้นัทมันเกือบ....” แม็คกลั้นใจที่จะไม่พูดในสิ่งที่เขารังเกียจที่สุด
“ใชฉํนผิดเอง ฉันมาขอโทษแล้วไง ฉันเลิกกับเจ้เจนนี่แล้ว ฉันกลับตัวแล้ว ฉันมาหานัทแล้ว แต่ฉันติดต่อนัทไม่ได้เลย”
“แกยังไม่รู้สินะว่าเกิดอะไรขึ้น ไอ้เลว....” แม็คสาดหมัดกลับเข้าไปที่เดิมอีกรอบ
“เดี๋ยวๆๆๆๆๆ” พีทยกมือขึ้นห้ามด้วยความงุนงง
“มันเกิดอะไรขึ้น แกต่อยฉันทำไม แกเป็นอะไร”
“แกไปถามกฤทธิ์มันเอง ฉันไม่มีอารมณ์อธิบายให้แกฟัง แล้วแกก็ไม่ต้องติดต่อนัทมันอีกแล้ว หลังจากนี้ฉันจะดูแลนัทเอง แกไม่จำเป็น” แม็คกล่าวพลางพยายามระงับอารมณ์อันฉุนเฉียว แล้วขับรถออกไปทันที ปล่อยให้พีทที่ยังยืนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ