Cupid แผลงศรรัก กลับสวรรค์

-

เขียนโดย digitoon

วันที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2558 เวลา 10.13 น.

  4 ตอน
  0 วิจารณ์
  6,254 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 16 เมษายน พ.ศ. 2558 10.14 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) บทที่ 1 จุดเริ่มต้นจากบ่อน้ำ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
บทที่ 1 จุดเริ่มต้นจากบ่อน้ำ
                ตำราเวทย์มนต์ถูกกางออกมา  พื้นที่ปรากฏวงกลมโดยด้านในมีดาวหกแฉกส่งแสงเรืองรองสีฟ้าบนวงแหวนเวทมนต์มีร่างของแดนนิสลอยอยู่  ดวงตาทั้งสองหลับแต่พลังเวทย์ที่เขาร่ายออกมาบวกกับเวทมนต์ในตำราก็ยิ่งเพิ่มทวีความสามารถของเวทย์มนต์ของเขา
                “ แอสต้า ดิสคัส อูอานาโมราฟารี่  ด้วยเวทมนตร์ของข้าสงสำแดงพลังอำนาจออกมาต่อหน้าข้า  ประตูมิติโลกมนุษย์จงเผยออกมา  แดนนิสแอสต้า  ดิสคัส อูอานาโมราฟารี่ ”  ประโยคร่ายเวทย์สุดท้ายเสียงดังสนั่นห้อง  สายลมอ่อนๆ หมุนรอบวงแหวนเวทย์อย่างช้าๆ แล้วทวีความรุนแรงขึ้นจนผมสีฟ้าของเทพหนุ่มปลิวไปตามแรงลม
                ภาพเบื้องหน้าเกิดความบิดเบี้ยวเป็นวงกลมขนาดพอดีตัว  ก่อนจะหลอมเข้าหากันเป็นวงกลมแล้วหายไปจนเกิดช่องว่างสีดำ  แรงลมจากใต้เท้าที่ลอยตัวอยู่ของแดนนิสที่มีความรุนแรงโดนดูดเข้าไปในช่องว่างนั้น
                “ สำเร็จแล้ว ”  แดนนิสเผลอหัวเราะออกมาอย่างดีใจ  เท้าที่ลอยอยู่ตกลงสู่พื้นห้องเป็นอันว่าเวทย์ที่ตนเองได้สำเร็จแล้ว...เวทย์เปิดประตูสู่โลกมนุษย์โดยที่ยังมีพลังอยู่
                บึ้มมมมมมมมมมมมม !!!!!
                แรงลมเริ่มมีมากขึ้นพัดเอากองหลังสือปลิวไปทั่วห้องราวกับว่ามีพายุย่อมๆ ในห้อง  ก่อนที่จะเปลี่ยนทิศดูดเอาสิ่งต่างๆ เข้าไปในช่องนั้น  แดนนิสหลับตาแล้วท่องมนตร์อีกครั้งช่องว่างมิติปิดตัวเข้าหากันอย่างแรงจนเกิดแรงระเบิด  ร่างสูงของแดนนิสกระเด็นไปโดนผนังด้านหลังอย่างแรง  กองหนังสือที่เคยลอยเคว้งอยู่บนฟ้าร่วงลงมาเช่นเดียวกับร่างของแดนนิส
                “ ถือว่าสำเร็จไปอีกขั้นก็แล้วกัน ”
                “ องค์ชายแดนนิส  องค์ชายแดนนิสพะยะค่ะ ”  เทสต้าตะโกนเรียกเจ้านายอีกฝากของตู้หนังสือ  แดนนิสสะบัดมือทีเดียวเหล่าหนังสือก็กลับไปที่ตู้เหมือนเดิม  สิ่งต่างๆที่พังจนห้องเละเทะก็กลับสู่สภาพเดิมราวกับว่าไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นในห้องทดลองเวทย์หลังตู้หนังสือนี้
                “ ว่าไงเทสต้า ”  ตู้หนังสือถูกเปิดขึ้นราวกับว่ามันทำหน้าที่เป็นประตูที่กั้นระหว่างห้องโถงและห้องแห่งนี้  เทสต้ารีบชะโงกหัวเข้าไปดูความเรียบร้องของห้องอย่างเร่งร้อน  ก่อนที่จะพบว่ามันไม่ได้เกิดอะไรขึ้นเลย
                “ หม่อมฉันได้ยินเสียงตึงตังในห้องนี้  ก็เลยมาดูเผื่อว่าท่านต้องการให้ข้าช่วยอะไร ”  ผมสีเหลืองที่ยุ่งเหยิงทำให้แดนนิสเชื่อสนิทใจแล้วว่าเทสต้าคงบินมาด้วยความเร็วจริงๆ
                “ ข้าก็แค่ระบายอารมณ์ไปเรื่อย ”  แดนนิสยักไหล่อย่างกับว่าเป็นเรื่องปกติ  แต่กลับกันคนตรงหน้าหรี่ตามองอย่างสงสัย     “ โถ่เทสต้าสหายข้า  เจ้าคงไม่อยากให้ข้าเป็นบ้าระเบิดตัวแตกตายกลายเป็นไอใช่ไหม  ข้าก็ต้องระบายอารมณ์บ้างสิ ”
                “ แล้วไหนละพะยะค่ะ  เศษซากที่รองรับอารมณ์ของท่านแดนนิส ”
                “ เอ่อ ข้าก็ใช้เวทยมนตร์สร้างให้เป็นปกติแล้วสิ  เทสต้าพักนี้เจ้าควรพักผ่อนเสียบ้างนะ  คิดมากไปแล้วมันเครียด  เดี๋ยวเจ้าจะพาลลาออกจากการเป็นทหารคู่ใจของข้า ”  แดนนิสหัวเราะกลบเกลื่อนพร้อมกับตบบ่าคนตรงหน้าเบาๆ ให้ผ่อนคลาย  ก่อนจะเดินออกมาจากประตูตู้หนังสืออย่างอารมณ์ดี  “ อ่อ  แล้วคืนนี้ข้าขอไปพักผ่อนที่เรนฟาการ์เด้นนะ  ข้าอยากอยู่คนเดียวสักพัก ”
                “ เดี๋ยวข้าให้นางกำนัลจัดของให้นะพะยะค่ะ ”
                “ ไม่ต้อง !!! ”  การปฏิเสธอย่างทันควันของแดนนิสยิ่งเพิ่มความสงสัยให้กับองครักษ์หนุ่มเข้าไปอีก  เทพหนุ่มเองก็รู้ตัวจึงแสร้งพูดไปอีกทาง “ เอ่อ...หมายถึงข้าไม่อยากกินอะไรหน่ะ  งั้นเอาเป็นว่าเอาชาสาหร่ายกับของว่างไปให้ข้าแล้วกันนะ  เวลาเครียดข้าอยากกินแต่ของหวาน ”
                พูดจบปีกสีขาวก็สยายออกมากลางหลังของแดนนิสแล้วกระพือบินออกจากที่เดิมอย่างร้อนรน  มันจะไม่ทำให้สงสัยเลยถ้าหากเขาไม่กางปีกบินออกไปทั้งๆที่อยู่ในห้องเช่นนี้   หญิงสาวเดินเข้ามาพบกับองค์รักษ์หนุ่ม   รอยยิ้มบางเกิดขึ้นบนใบหน้าสวยอย่างเขิลอาย  หนุ่มหล่อล่ำที่เป็นที่หมายปองของหญิงสาวทั่วสวรรค์ที่สามัญชนชาวสวรรค์มีสิทธิ์ที่จะได้ครองรัก  เป็นใครก็ต้องหวั่นไหว
                “ เอ่อแม่หญิง  เดี๋ยวเตรียมชาและของว่างของโปรดของท่านแดนนิสด้วยนะ   วันนี้องค์ชายเสด็จไปที่เรฟาการ์เด้น ”  เทสต้าสั่งสาวใช้ตามที่ได้รับคำสั่งอีกที  ซึ่งอีกคนก็พยักหน้าหงึกหงักแล้วรีบเดินไปทำหน้าที่
                ร่างสูงขององครักษ์หนุ่มก้าวเดินหมายจะออกจากห้องไป  แต่เท้าของเขาก็ไปเหยียบอะไรบางอย่าง  บางอย่างที่ทำให้เขาต้องรีบตามองค์ชายของเขาไปทันที
 
                เรฟ้าการ์เด้นคือสวนเก่าแก่แต่ยังคงความงดงมาที่สุดในแดนสวรรค์แห่งนี้  ผู้ที่จะสามารถเข้าไปได้ต้องเป็นผู้ที่มีบรรดาศักดิ์เท่านั้นและหากจะเข้าไปผักผ่อนก็ต้องไปที่ส่วนที่ทางสวรรค์รับรองไว้นั่นก็คือสวนเรฟาการ์เด้นชั้นนอกเท่านั้น  หากเข้าไปลึกมีโอกาศที่จะหลงได้เพราะเรฟาการ์เด้นส่วนในเต็มไปด้วยเวทยมนตร์เก่าแกอาจจะทำให้หลงได้...แต่นั้นไม่อาจจะทำให้รัชทายาทของสวรรค์หวาดกลัวได้
                ‘ เวทย์เปิดประตูนั้นเป็นเวทย์ที่เก่าแก่และทรงอานุภาพ  ผู้ที่ใช้ต้องสืบทอดเชื้อสายของกษัตริย์ชั้นสูงเท่านั้นจึงจะสามารถเปิดประตูมนต์นี้ได้  และต้องเป็นบ่อน้ำในสวนเรฟาการ์เด้นเท่านั้น ’  เสียงในหัวกังวาลไปมาในสมองของแดนนิส  ความรู้สึกดีใจประเดประดังเข้ามาใส่แดนนิสอย่างอดไม่ได้  หากว่าเขาหนีการแต่งงานนี้ไม่ได้ก็ขอให้ยืดการแต่งงานนี้ไปให้นานอีกสักหน่อย
                ร่างสูงพลางตัวหลังต้นไม้  รอเวลาให้ทหารองค์รักษ์ที่เฝ้าเรฟาการ์เด้นเผลอแล้วรีบใช้ความเร็วเข้าไปในเรฟาการ์เด้นชั้นในทันที  ด้านในนี้มีต้นไม้แปลกตานานาพันธุ์และสูงใหญ่เต็มไปหมดจนทำให้ที่แห่งนี้เงือบสงัดและมืดทึบไปหมดยิ่งส่งผลให้ป่าแห่งนี้ทวีความน่าเกรงขามมากขึ้น  เถาวัลย์ที่เลื้อยไปตามกิ่งไม้ที่มีมากมายเท่ากับว่าที่แห่งนี้ไม่มีใครเข้ามาเป็นเวลานานแล้ว 
                สิ่งก่อสร้างขนาดไม่ใหญ่มากสูงขึ้นมากจากพื้นดินครึ่งเข่ามีรูปเป็นทรงกระบอก  อิฐที่ดำและกรังไปด้วยเศษใบไม้บ่งบอกถึงความเก่าแก่ของสิ่งนี้  บริเวณด้านในมีน้ำอยู่เกือบเต็มบ่อ ชายหนุ่มยิ้มออกมาทันทีเมื่อเห็นสิ่งนี้  สิ่งที่บ่งบอกว่าเป็นบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ตามที่ตำราบอกไว้นั่นเอง
                เสียงสูดหายใจเข้าเต็มปอดก่อนจะปล่อยออกมาเพื่อทำสมาธิในการที่จะทำภารกิจอันยิ่งใหญ่นี้  ดวงตาทั้งสองข้างหลับลงช้าๆ  วงแหวนเวทย์ปรากฏขึ้นขึ้นแล้วส่องแสงสีฟ้าออกมาร่างของแดนนิสลอยขึ้นมาอย่างช้าๆบนพื้นดินที่ปรากฏวงแหวนเวทย์ 
                “ แอสต้า ดิสคัส อูอานาโมราฟารี่  ด้วยเวทมนตร์ของข้าสงสำแดงพลังอำนาจออกมาต่อหน้าข้า  ประตูมิติโลกมนุษย์จงเผยออกมา  แดนนิสแอสต้า  ดิสคัส อูอานาโมราฟารี่ ”
 สายลมอ่อนๆ พัดขึ้นมาจากวงเวทย์สีฟ้า ก่อนจะทวีความรุนแรงขึ้นจนกลายเป็นลมแรงจนทำให้ต้นไม้ใหญ่ยังเอนเอียง  ผืนน้ำในบ่อน้ำหมุนวนจนเกิดน้ำวนแล้วน้ำสีใสก็เปลี่ยนเป็นสีเหลืองทองส่องแสงออกมาจากบ่อน้ำ
แดนนิสยืนมองผืนน้ำที่ส่องแสงสีทองออกมาอย่างช่างใจ  แต่เมื่อเดินมาถึงจุดนี้แล้วเขาเองก็ถอยไม่ได้เหมือนกัน  ลมถายใจแรงพ่นออกมาเป็นครั้งสุดท้ายในแดนสวรรค์  ขายาวนำพาร่างสูงยืนอยู่หน้าบ่อน้ำก่อนจะหลับตาลงแล้วกระโดดลงไปอย่างไม่มีอะไรต้องคิดหนักอีกต่อไป
 
“ หลีกไป ขอทางหน่อย ข้ากำลังรีบ ”  ปีกที่กระพือส่งผลให้เทสต้าบินตรงไปเบื้องหน้าด้วยความเร็วสูง นัยตาสีเหลืองส่อความรู้สึกภายในใจถึงความกังวล เทพที่กำลังบินอยู่หลายๆ ตนต้องหยุดแล้วหลีกทางให้ทหารมือหนึ่งองค์นี้  
“ รูฟ ”  
ปีกทั้งสองกางออกต้านลมเพื่อหยุดทันทีเมื่อเห็นจอมเทพบิดาของแดนนิสกำลังง่วนกับการเข้ามาดูงานสร้างกำแพงวังสวรรค์เพื่อเตรียมต้อนรับบรรดาแขกจากต่างเมืองเมื่อเข้ามาร่วมพิธีแต่งงานของลูกชาย
“ นั่นเจ้าเร่งร้อนไปไหนเทสต้า ”  รูฟหันหน้ามาเห็นเทสต้าลอยตัวต่ำลงจนเท้าสำผัสกับพื้น ปีกสลายกลายเป็นเศษขนนก คุกเข่าทำความเคารพตนเอง
“ ข้ากำลังจะไปหาท่านคัลเตอร์พะยะค่ะ ”
“ ประตูนรกก็อยู่เพียงแค่นี้ ไยเจ้าต้องรีบร้อนขนาดนั้นด้วย ”
 “ คือว่า ข้า ข้ากำลังจะไปเตรียมชัดสำหรับพิธีวิวาห์ให้กับเพื่อนเจ้าบ่าวอย่างคัลเตอร์พะยะค่ะ ท่านคัลเตอร์บอกกระหม่อมว่าชาวนรกแต่งชุดไม่ทันสมัยกับชาวสวรรค์ จึงไม่แน่ใจว่จะแต่งแบบไหน ”  ใบหน้าคมหลบสายตาของเจ้านาย เมื่อรู้ตนเองว่าโกหกไม่เก่งนัก แต่มันก็ทำให้เขารอดตัวได้
“ งั้นเจ้าก็เร่งไปเถิด เผื่อหลานข้ามีธุระไปสะสางช่วยงานพ่อของเขา ”
 รูฟยิ้มอย่างพอใจที่ยังไม่รู้ว่าอีกคนกำลังโกหก มือหนายกมาลูบเคราของตนเองอย่างที่เคยทำ ก่อนหันไปคุยกับเทพสวรรค์ที่ทำหน้าที่คุมงาม ร่างสูงบินขึ้นสู่ท้องฟ้าอีกครั้ง จุดหมายต่อไปคือประตูนรกอย่างด่วนในตอนนี้มีเพียงคัลเตอร์เท่านั้นที่จะช่วยเหลือแดนนิสได้ กระดาษในมือถูกคลี่ออกมาดูอย่างกังวล การไปบ่อน้ำศักสิทธิ์มีเพียงเชื้อกษัตริย์เท่านั้นที่รู้ หากเขาบอกราชาหรือราชินีสวรรค์คงแตกเป็นแน่ คงมีเพียงคัลเตอร์เท่านั้นที่จะช่วยหยุดยั้งการไปแดนมนุษย์ของแดนนิสได้
ประตูมิติสวรรค์เชื่อมต่อกับมิตินรกอยู่ทางทิศใต้ของเมืองเฟราโตเซีย  มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะใช้ประตูแห่งนี้ได้เพราะการที่จะใช้ประตูต้องใช้เวทย์อันมากมายมหาศาลของตนเองมากมายเป็นอย่างมาก  หากไม่รีบร้อนต้องไปอีกเส้นทางหนึ่ง
แดนนรกส่วนนอกนั้นไม่ต่างกับแดนสวรรค์กลับกันกลับมีความสวยงามมากกว่าด้วยซ้ำเพราะเป็นดินแดนที่อยู่ใต้พิภพจึงทำให้มีความเย็นสบายต่างจากนรกส่วนในที่มีไว้กักกันเหล่าวิญญาณบาปทั้งหลาย  วังแอสเตรสคือเมืองที่ใหญ่ที่สุดของที่นี่พอกับเมืองเฟราโตเซีย  สายตาของทหารหนุ่มไปเจอกับร่างบึกบึนของคัลเตอร์ที่กำลังซ้อมรบด้วยมือเปล่าคนเดียวที่สวนหลังวังแห่งนี้
“ ฮ่าๆ เจ้ารู้แล้วรึเนี่ย ”   ร่างบึกบึนที่ไร้อาภรณ์บิดบังกายหัวเราะเบาๆ แต่มือก็ยังต่อยกระสอบทรายจนเหงื่อไหลไคลย้อย เทสต้าเห็นท่าทางของคัลเตอร์ถึงกับเลิกคิ้วสูงทันที
 “ ข้าเจอการไปแดนมนุษย์ด้วยบ่อน้ำศักสิทธิ์โดยบังเอิญ ข้าจึงรู้ทันทีว่าท่านแดนนิสจะทำอะไร ” เทสต้ากางเศษกระดาษที่ตนเองเก็บได้อย่างบังเอิญให้อีกฝ่ายดู ร่างบึกบึนถอนหายใจออกมาแล้วเข้าไปตบบ่าองรักษ์หนุ่มเบาๆ
 “ บางทีเจ้าก็ต้องทำทีไม่รู้ไม่เห็นอะไรบ้างนะเทสต้า เจ้าไมใช่แดนนิสคงไม่มีความรู้สึกแบบเขาหรอก แต่เจ้าต้องเชื่อใจในการกระทำของเขา ”
  “ แสดงว่าท่านรู้แล้วว่าแดนนิสกำลังจะไปโลกมนุษย์ทำไมท่านไม่ห้าม ”
 “ เจ้าหัดปล่อยวางบ้างเทสต้า แดนนิสก็แค่อยากจะไปผจญภัยก่อนแต่งงานเท่านั้นเอง แค่อยากยืดเวลาออกไปเท่านั้น ดีเสียอีกหากเจ้านั้นได้อยู่คนเดียวจะได้ใช้ชีวิตได้คิดได้ว่าเขาควรทำเช่นไร ”  คัลเตอร์เปลี่ยนมาเป็นจับบ่าทั้งสองข้างแล้วพูดออกมาจากจริงใจ แทนเสียงหนึ่งของแดนนิส เทสต้าพยักหน้าอย่างเข้าใจแต่ก็อดที่จะห่วงไม่ได้
“ ไปตอนนี้ แล้วราชาจะทรงพิโรธไหม ”
 “ อย่ากังวลไปเลยเพียบแต่พูดความจริง การลงใช้บ่อน้ำใช้ได้แค่หนึ่งครั้งต่อเดือน หากพิโรธเช่นไรก็ทรงไปตามลูกชายไม่ได้ อยู่ดี หากว่าท่านอาโทษอะไรเจ้าเดี๋ยวข้าช่วยเจ้าเอง ”  รอยยิ้มของคัลเตอร์บวกกับดวงตาสีม่วงที่ส่งกำลังใจให้ทำให้เทสต้าใจชื้อขึ้นมาบ้าง
 “ ตอนนี้ท่านแดนนิสคงถึงดินแดนมนุษย์แล้ว ”
 “ ห่ะ ”  คัลเตอร์ชะงักหันหน้ามาหาทหารขากสวรรค์อย่างเร็วจนผมสีม่วงที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อสั่นไหว
“ เมื่อกี้เจ้าว่าอย่างไร ”
“ ข้าเห็นแกนนิสเร่งรีบออกไปเรนฟาการ์เดน สงสัยคงรีบกระมัง ”
 “ ซวยแล้ว ”  ปีกค้างคาวถูกกางออกแล้วกระพรือพุ่งขึ้นไปบนฟ้าด้วยความรวดเร็ว ก่อนที่จะลืมไปว่าตนเองลืมบอกข้อมูลสำคัญ รีบลงมาที่พื้น
“ รีบตามข้ามาเร็วเดี๋ยวข้าเล่ารายละเอียดให้ฟัง ”  เทสต้าไม่รีรอกางปีกสีขาวพุ่งนำขึ้นโดยมีมีค้างคาวกระพรือตามมาติดๆ
 
ตะวันสีส้มอมเหลืองส่องแสงที่ไม่ร้อนแรงเท่าตอนกลางวัน  กลุ่มเพื่อมที่มีสามคนเดินเข้าไปที่วัดด้านหลังโรงเรียนด้วยความหวังที่จะได้พรที่ไม่อาจคาดหวังได้ ในมือของแต่ก็คนก็เตรียมดอกไม้  ธูป  เทียน  ตามที่หัวหน้าห้องผู้หยั่งรู้ทุกๆ เรื่องบอกไว้เป๊ะๆ
“ โถๆ  เพ้อเจ้อแต่ก็ยังจะมานะ ”  สายตาของกอหญ้าปรายตาไปมองชายหนุ่มคนเดียวของกลุ่ม  ซึ่งเจ้าตัวที่โดนแซวก็ทำท่าเขิลอายก้มมองแบงค์ร้อยในกระเป๋าของตัวเอง
“ ก็คนมันอยากมีความรักนิ ”  ชาร์ทยิ้มหน้าหวานจนเห็นฟันทุกซี่
“ ฉันว่าเพื่อความขลังเราเข้าปไหว้พระในโบทถ์ก่อนดีกว่าไหม  ฉันกลัวว่าเทพเจ้าในบ่อน้ำอาจจะยังต้องร่วมมือกับพุทธคุณเพื่อให้พวกเราสมหวัง ”  แนทจับนู้นจับนี่มารวมกันเพียงเพราะกลัวว่าคำขอของตนเองจะมี่สัมฤทธิ์ผล
โบถท์ที่ยังคงสถาปัตยกรรมแบบไทยและคงความสวยงามไว้อย่างน่าประทับใจยากนักที่ยังจะหลงเหลืออยู่ในจังหวัดแห่งนี้  เพียงแต่วันแห่งนี้เป็นวัดเล็กๆ ที่ไม่ค่อยมีคนเข้ามานักเพราะคนสมัยนี้ได้ละเรื่องเรื่องแหล่านี้ไปมากเท่าที่ควร  ทั้งสามคนนั่งเรียงกันหน้าพระประธานรูปใหญ่ภายในโบถท์แห่งนี้  ทั้งสามหลังตาพนมมืออย่างตั้งใจที่จะกราบไหว้พระจากใจจริง  เพราะการเข้าวัดก็ไม่ได้ไปบ่อยๆ
 ตึง ตึ่ง ตึง ตึ่ง ตึ้ง ตึง ตึง ตึ่ง ตึง    เสียงโทรศัพท์จากกระเปาใบสวยดังขึ้นมา  แนทลืมตาขึ้นแล้วรีบเปิดกระเป๋าควานหาสิ่งที่ส่งเสียงอยู่ในตอนนี้  นิ้วสวยกำลังจะกดปุ่มรับโทรศัพท์แต่ก็เจอสายตาของเพื่อนทั้งคู่ที่นั่งจ้องตาเขม็ง  เธอจึงได้แต่ยิ้มแหยๆแล้วรีบลุกขึ้นออกไปคุยโทรศัพท์ข้างนอก  คงดูไม่ดีนักหากเธอกระทำเสียงดังข้างในห้องศักดิ์สิทิ์แห่งนี้
กอหญ้าและชาร์ทเดินออกมาหลังจากท่าถวายดอกไม้เสร็จแล้ว  หน้าสวยของแนทตอนนี้มีร่องรอยของการเกิดอารมณ์ที่ไม่พึงประสงค์นัก  กอหญ้าแตะไหล่ถามเพื่อนเบาๆ  “ เป็นอะไรคนสวย ” 
“ ก็แม่ฉันนะสิ  โทรมาบอกให้กลับบ้านด่วนเลย ”  ร่างบางนั่งลงที่บันไดหน้าโบถท์ มือนำขึ้นมาคางเท้าอย่างเซ็งๆ  “ วันนี้ฉันลืมไปเลยว่ามีนัดพาแม่ไปซื้อของน่ะ  ตอนนี้เร่งฉันใหญ่เลย ”
“ งั้นค่อยไปพรุ่งนี้ก็ได้ ”  ชายหนุ่มนั่งข้างๆ เพื่อนแล้วจับไหล่เบาๆ
“ ไม่ได้ต้องวันนี้ ” แนทรีบหันหน้าไปหาชาร์ทจนหัวแทบหลุด  “ โถ่  ชาร์ทอุตส่ามาแล้วเนี่ย  เหนื่อยก็เหนื่อยร้อนก็ร้อน  อุตส่าเดินมาจากตรงนั้นถึงตรงนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลยนะ ”
“ แล้วเธอจะทำยังไงละชาร์ท  ให้พวกฉันเป็นตัวแทนเดินไปขอความรักให้เธอเลยไหมถ้าเธอต้องการขนาดนั้นเนี่ย ”  กอหญ้ายักไหล่  แต่แนทกลับหันมาทำตาโต
“ งั้นไปเลยนะ  ไปให้ฉันหน่อยเดี๋ยวเลี้ยงข้าวสามวันเลย ” แนทดีดนิ้วมืออย่างเด็ดเดี่ยว  ก่อนที่จะเห็นรถเก๋งคันงามเลี้ยวเข้ามาในวัดไม่ต้องพูดอะไรแนทแจ้นวิ่งไปขึ้นรถขิงแม่ที่กำลังจะจอดทันที
“ นี่เราต้องไปให้มันใช่ไหมเนี่ย ”  ชายหนุ่มกอดอกอย่างหน่ายใจ 
กอหญ้าได้แต่ส่ายหัวแต่ก็ทำอะไรไม่ได้จริงอย่างที่เพื่อนสาวของเธอว่ากว่าจะมาถึงนี่ได้มันเดินมาเหนื่อยขนาดไหน  เพราะทางนี้ไม่มีรถผ่านเลยหากไม่เอารถส่วนตัวของตนเองมา  จึงได้แต่พูดปลอบใจชาร์ท
“ เอาหน่า  ถือว่าเปลี่ยนบรรยากาศจากไปกินนมปั่นทุกวัน  เป็นไปไหว้บ่อน้ำแทน แหมปลื้มปริ่มกับทัศนคติตัวเองจัง ”
 
พื้นสีทองส่องประกายใต้ลึกสุดของบ่อน้ำ แดนนิสว่ายลึกเข้าไปจนสามารถผ่านแสงสีทองเมื่อพ้นเขตสวรรค์ร่างของแดนนิสก็ร่วงลงไปด้วยความเร็วที่แรงของโลกจะดูดมวลของร่างเขา
“ อ้ากกกกกกซ์ ”
  ชายหนุ่มร้องออกอย่างเจ็บปวด เมื่อปีกนกสีขาวคล่อยหลุดร่วงกลายเป็นขนนกทีละหลายๆเส้น ราวกับว่ามีคนกำลังดึงกระชากปีกของเขาทีละน้อย ไอสีฟ้าระเหยออกจากร่างสูงที่กำลังลอยเคว้งอยู่กลางหลุมอากาศ ผมสีฟ้าค่อยกลายเป็นสีดำเช่นเดียวกับดวงตาสีฟ้าเช่นกัน ไอเทพกำลังออกจากร่างเขาจนหมดสิ้น เขามองเห็นขนนกที่หลุดออกจากตัวเขาเป็นภาพสุดท้ายก่อนที่สติจะหายไป
บ่อน้ำสีปูนตั้งอยู่หลังวัดห่างออกมาเพียงไม่กี่เมตรแต่มีต้นไม้ปกคลุมอยู่เป็นจำนวนมาก จึงไม่แปลกใจเลยที่เหตุใจถึงไม่ค่อยมีคนรู้จักกับสิ่งนี้ ตาโตเลิกคิ้วสูงอย่างสงสัยว่าเหตุเล่าลือนี้มันคงจะกระจายไปทั่วและคงมีคนทำเช่นเธอเพียงแต่เธอรู้ก่อนเท่านั้นเอง
 “ นายว่าเรื่องที่คนโบว์พูดจะเป็นเรื่องจริงไหม ”  กอหญ้าทัดผมที่กำลังยุ่งให้เข้าที่เพราะมันปรกมาที่ตายของเธอ
“ อืม...ถ้าแนทไม่จ้างฉันมาฉันก็คงไม่มาหรอก ” ชายหนุ่มหันหน้าไปยียวนหยิบแบงค์ร้อยขึ้นมาโชว์ แล้วเก็บไว้ที่เดิม
 “ แต่ถ้าให้ฉันมาขอจริงๆ ก็คงไม่มาหรอกรอมาจนจะจบ ม.5 แล้วยังไม่มีเลย ”
 “  นายไม่เชื่อเรื่องความรักหรอ ”
 “ ไม่ใช่ไม่เชื่อ แต่ฉันยังไม่เคยเจอนี่นา ”
 “ งั้นเราของมาดูกันว่าจะมีเทวดาตัวน้อยๆ มาช่วยนายกับยัยแนทไหม ” เพียงเดินไม่กี่ก้าวก็ถึงบ่อน้ำเก่า ทั้งสองนั่งลงตรงหน้าสิ่งนี้ ทำแบบที่โบว์บอกมาทุกอย่าง ก่อนที่จะก้มลงไหว้อิฐปูนที่กำลังจะมอบความรักทันที
“ ตู้ม!!!!!!!!!!!!! ”
 “ กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ”
 “ เห้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย ”
 ร่างชายหนุ่มคนหนึ่งโผล่ขึ้นพ้นจากผืนน้ำของบ่อน้ำ มือทั้งสองกอดฝั่งไว้แน่นพร้อมกับเสียงร้องของหนุ่มสาวที่ตกใจเมื่อจู่ๆ มีคนปริศนาผุดจากบ่อน้ำ กอหญ้าดีดตัวกระโดดออกห่างอย่างตกใจทันที
“ เดี๋ยวๆ ใจเย็นๆ กอหญ้า ” ชาร์ทดึงสติกลับมาอย่างรวด ค่อยๆ เดินไปมองร่างเปียกปอนของใครคนนั้น  “ เขากำลังหายใจอยู่ ”
 หญิงสาวมองร่างที่กำลังหืดหอบหายใจรวยรินก็รีบเดินมาดูบ้าง เธอไม่อยากจะเชื่อว่าจะมีคนอุตริลงไปเล่นน้ำในนี้  “ ยังไม่ตายจริงๆ ด้วย ”
 “ ดึงเขาขึ้นมาก่อน ”  มือทั้งสองของชาร์ทดึงแขนข้างหนึ่งของบุคคลปริศนาขึ้นมา กอหญ้ารีบเข้ามาช่วยอีกแรง ทั้งสองลากร่างที่ไม่รู้ว่าจะแน่นิ่งไปตอนไหนผิงไว้กับต้นไม้ ชาร์ทใช้นิ้วอังจมูกของแดนนิส  “ ยังหายใจอยู่ ”  
“ เอาไงต่อดีละชาร์ท นายคนนี้เป็นใครเนี่ย พาไปโรงพยาบาลดีไหม ”  สติที่ยังไม่กลับของกอหญ้าว้าวุ่นทำอะไรไม่ถูก ชาร์ทมองดูร่างของแดนนิสด้วยความรู้สึกที่ไปไม่ถูกเองเช่นกัน
“ ตอนนี้เขาน่าจะยังไม่ตายหรอก แถวนี้ก็ไม่มีบ้านคนด้วย ที่นี่ก็ไม่มีเด็กวัด เขาไม่น่าจะใช่คนที่นี่แน่ๆ ”  ชาร์ทมองไปรอบๆ อย่างใช้ความคิด
“ งั้นพาเขาไปหาตำรวจดีไหม ”
“ ก่อนพาเขาไปเนี่ยให้เขามีสติก่อนไหม บ้านฉันไม่มีคนอยู่สองอาทิตย์พาเขาไปบ้านฉันก่อนก็ได้ ”  
 
คัลเตอร์ร่อนปีกลงที่เรนฟาการ์เด้นโดยมีเทสต้าบินลงพื้นตามมาติดๆ ทั้งสองลงมาในจุดที่มีบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์พอดี ปีกทั้งสองของเทสต้าสลายไปทหารหนุ่มก็รีบเดินไปสำรวจรอบๆ ทันที
“ บ่อน้ำศักสิทธิ์มีเพียงเชื้อพระศ์เท่านั้นที่จะเห็นได้ เพราะมีมนตร์บังตาอยู่ ”  คัลเตอร์ร่ายมนตร์ หมุนมือเป็นวงกลมเทสต้าจึงสามารถเห็นบ่อน้ำได้  “ เจ้าเพียงแค่เห็นเท่านั้นแต่ไม่สามารถสัมผัสหรือแตะต้องอะไรได้ ”
“ แล้วเหตุใดท่านถึงรีบร้อนมาที่นี่ ”  คำถามของเทสต้าทำเอาอีกฝ่ายขมวดคิ้วด้วยความร้อนใจ
“ บ่อน้ำนี้ใช้ได้แค้หนึ่งเดือนต่อครั้งเท่านั้น แต่การที่จะใช้มันได้ต้องเป็นคืนวันเพ็ญเท่านั้นเช่นกัน และต้องภายในเวลาเที่ยงคืนเป๊ะๆ ไม่อย่างนั้นหากผู้ใดลงไปไอของเทพจะค่อยๆ หายไปจนไม่สามารถกลับมาใหม่ได้ กลับกันหากทำตามข้อบังคับไอเทพจะไม่หายไปเพียงแต่ตอนกลับนั้นจะมีไอมนุษย์ติดมาด้วย เพียงรอสักสอบสามเดือนไอมนุษย์ก็จะหายไปเอง ”  เทสต้าขมวดคิ้วด้วยความเป็นห่วงเจ้านายทันทีที่ฟัง
 “ หากไอเทพหายไปแดนนิสก็จะไม่สามารถกลับมายังที่นี่ได้อีก ”
 “ ใช่ ”  คัลเตอร์ตอบอย่างหนักแน่น  “ ข้าคงต้องไปตามแดนนิสให้กลับมาในเร็ววัน ไม่เช่นนั้นเขาอาจจะตายได้ ”  
“ แล้วทางนี้เหล่า หากทั้งท่านและแดนนิสหายไปข้าจะตอบคำถามบิดาของพวกท่านอย่างไร ”
 “ บอกว่าข้าพาแดนนิสพาข้าไปทำธุระที่แดนมนุษย์ แดนนิสเลยถือโอกาศไปเที่ยวด้วย ”  คัลเตอร์ตอบอย่างไม่มีเวลาที่จะคิดเหตุผลนัก
“ ดวงจันทร์เพ็ญขึ้นปรากฏแล้ว ชาวนรกไม่มีกฏตายตัวในการไปแดนมนุษย์เพียงแต่ห้ามทำความเดือดร้อนเท่านั้นจึงไม่มีปัญหาอย่างไรมาก ข้าไปละแล้วข้าจะรีบมา ”  
คัลเตอร์หลับตาปรากฏวงแหวนสีม่วงใต้เท้าของชายหนุ่ม ร่างของเขาลอยขึ้นมาเหนือพื้นเล็กน้อย แสงจันทร์เพ็ญที่สาดส่องลงมายังบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ตรงหน้ารวมกับแสงของวงแหวนเวทย์ทำให้เกิดแสงสีเงินสว่างจ้า จนเทสต้าต้องเอามือของตนเองมาบังตา เทพหนุ่มขยับปีกค้างคาวพุ่งขึ้นไปบนฟ้าแล้วร่อนลงมาพุ่งเข้าไปในบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ทันที
---------------------------------------------------------
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา