Cupid แผลงศรรัก กลับสวรรค์
เขียนโดย digitoon
วันที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2558 เวลา 10.13 น.
แก้ไขเมื่อ 16 เมษายน พ.ศ. 2558 10.14 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) บทที่สอง การพบกันของโชคชะตา
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่สอง การพบกันของโชคชะตา
ร่างของแดนนิสอยู่ใต้ผ้าห่มของห้องชาร์ท เสื้อผ้าที่ใส่มาถูกเปลี่ยนใหม่เพราะของเก่าเปียกไปหมดโดยมีชาร์ทคอยทำหน้าที่เช็ดตัว
“ ฟื้นรึยัง ” หญิงสาวเดินเข้ามาพร้อมกับถาดน้ำอุ่น
“ ยังเลย ”
ชาร์ทมองไปยังเสื้อผ้าที่เปียกโชกในกาละมังหลังจากที่เขาเปลี่ยนให้กับบุคคลปริศนา เสื้อสีขาวกับกางเกงขายาวสีดำมันช่างไม่เหมือนกับคนที่จะกระโดดลงไปเพื่อเล่นน้ำ บ่อน้ำนั้นแคบเกินไปถ้าจะเล่น หรือจะประสบอุบัติเหตุรึก็ไม่น่าจะใช่ แถมในกระเป๋ากางเกงยังไม่มีสิ่งใดเลย
“ กระเป๋ากางเกงเขาไม่มีกระเป๋าสตางค์เลย ”
“ เอ้า งั้นเราก็ไม่รู้นะสิว่าเขาเป็นใคร ต่างด้าวรึเปล่าก็ไม่รู้ ถ้าเราเอาเขาไปส่งโรงพยาบาลหรือตำรวจแล้วเขาอาจจะไม่ปกติความจำเสื่อม เราจะโดนลากไปด้วยไหมเนี่ย ” หญิงสาวเอามือทั้งสองจับหัวอย่างใช้ความคิด นั่งลงบนเก้าอี้ในห้องของชาร์ท
“ ใจเย็นหน่า เนี่ยบทจะมีสติก็คิดไปต่างๆ นาๆ เลยนะ ” ถึงจะพูดแบบนั้นแต่ชาร์ทเองก็อดคิดตามเพื่อนไม่ได้ เขาเองก็เพิ่งอายุสิบแปดยังไม่มีความคิดมากนักที่พบเจอเรื่องนี้
“ เอาเป็นว่าถ้าเขาฟื้นเมื่อไรแล้วค่อยว่ากัน เธอกลับบ้านไปก่อนเถอะ ”
“ จะบ้าหรอ อยู่กับคนแปลกหน้าสองคนถ้าเกิดอะไรขึ้นจะทำยังไง ตัวนายกับตัวเขาก็ต่างกันแล้ว ถ้าเขาฟื้นแล้วเกิดเรื่องไม่ดีละ ”
กอหญ้านึกเป็นห่วงเพื่อน แม้ว่าเธอจะเป็นผู้หญิงแต่ยังไงอยู่หลายคนก็ยังดีกว่า อีกอย่างเธอยังไม่ไว้ใจนักกับชายแปลกหน้าคนนี้ ยิ่งนึกถึงตอนนี้แบกชายคนนี้มาสองคนกับชาร์ทก็ทุลักทุเลมากพอแล้วเพราะตัวก็ไม่ใช่เล็กๆ หากเทียบชายคนนี้ตัวใหญีกว่าชาร์ทมากนัก
“ อืม ก็จริงของเธอ ” ชาร์ทพ่นลมหายใจอย่างเลี่ยงไม่ได้ เขาลุกขึ้นก่อนจะเดินไปหยิบกระเป๋าสตางค์
“ เดี๋ยวฉันไปซื้อข้าวมาให้นะ แล้วจะรีบมา ” กอหญ้าพยักหน้ารับคำก่อนที่ชาร์ทจะเดินออกไปจากห้อง ชายหนุ่มเดินไปคร่อมรถจักรยานยนตร์ที่เขาไม่ค่อยเอาไปโรงเรียนบ่อยนักเพราะบ้านกับโรงเรียนใช้เวลาเดินแค่ไม่กี่นาที
กอหญ้าเม้มปากอย่างใช้ความคิด เธอไม่ควรที่จะอยู่ในห้องกับผู้ชายสองต่อสองแม้เขาจะไม่ได้สติก็ตาม แต่หากพิจารณามองดูแล้วผู้ชายคนนี้ก็หน้าตาจัดว่าใช้ได้ไปทางหล่อดีอยู่ทีเดียว เธอได้เพียงแต่คิดว่าชายคนนี้มาทำอะไรหลังวัดและในบ่อน้ำกันแน่นะ ร่างบางลุกขึ้นอย่างเบาๆ ก่อนจะเดินไปบิดลูกลิดประตูออกจากห้อง
“ แค๊กๆ แค๊กๆ ” เสียงไอของชายคนนี้ทำให้กอหญ้าหยุดกึกทันที เมื่อเธอหันหน้ามาก็พบว่าร่างสูงกำลังทำใบหน้าเหยเกอย่างอธิบายไม่ได้ แต่ที่แน่ๆคือเขาคงไม่ได้รู้สึกดีนัก
“ เป็นอะไรรึเปล่า " " โอ้ย ปวดหัว " แดนนิสลุกยันตัวขึ้นมาอย่างทุลักทุเล มือข้างหนึ่งกุมหัวตัวเองไว้อย่างเจ็บปวด ก่อนที่จะมีมือของกอหญ้ามาช่วยพยุงอีกที
“ อย่าเพิ่งลุกสิ นายเพิ่งฟื้นนะ ”
“ ท่านคือใคร แล้วที่นี่ที่ไหน ” แดนนิสมองไปรอบตัว ก่อนที่จะหยุดมองที่หน้าหวานของกอหญ้า
“ เอาที่ละเรื่องนะ ฉันชื่อกอหญ้า แล้วนี่บ้านเพื่อนฉัน พวกฉันช่วยนายออกมาจากบ่อน้ำที่นายอาจจะลงไปว่ายน้ำเล่นหรือเก็บของหรืออะไรสักอย่าง ” หญิงสาวอธิบาย มือสวยค่อยพลักร่างใหญ่ของแดนนิสให้นอนลงที่เดิม “ เอ้า แล้วทีนี้บอกหน่อยว่านายชื่ออะไร แล้วไปทำอะไรในบ่อน้ำหลังวัด ”
“ แดนนิส ” ชายหนุ่มพยายามหายใจอย่างเป็นปกติ ตอนนี้เขารู้สึกปวดร้าวไปทั้งตัว “ ข้าลงมายังแดนมนุษย์ ”
คำตอบของแดนนิสทำให้กอหญ้าเลิกคิ้วสูง ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างตลกมือสวยทัดผมของตนเองที่หล่นจากกกหู
“ แดนมนุษย์ เจ้ามาจากแดนมนุษย์หรือแดนนิส นี่นายคิดว่านายมาจากคณะลิเกรึไง ”
แดนนิสอห็นปฏิกิริยาของหญิงสาวก็แทบจะหยุดหายใจด้วยความตื่นเต้น นีเขาลงมาถึงแดนมนุษย์แล้วหรือนี่ หญิงสาวหันไปหยิบแก้วน้ำยื่นให้แดนนิสที่กำลังงงเป็นไก่ตาแตก
“ ตกลงบอกฉันได้รึยังว่านายมาจากไหน ”
ร่างบางลงจากรถมอไซต์โดยก็ยังเปิดแสบไฟจากหน้ารถส่องไว้เพื่อให้ความสว่าง เป็นความคิดที่ไม่ดีนักที่เขาย้อนกลับมาที่เดิมอีกครั้ง บรรยากาศวัดยามกลางคืนในป่าหลังวัดแบบนี้ ช่างไม่น่าอภิรมณ์เลย แต่เขาคิดว่าน่าจะมาหาของที่เกี่ยวกับชายคนนั้น เผื่อจะเป็นเบาะแสที่ทำให้ยืนยันตัวตนของชายคนนั้นหากเกิดอะไรขึ้น มือคลำไปตามพื้นเขี่ยกองใบไม้ที่มีไม่มากนักหวังว่าจะเจอกระเป๋าสตางห์หรืออะไรสักอย่าง แต่มันไม่เป็นผลสำเร็จเลยหรืออาจจะเป็นเพราะว่าเขามาช้าเกินไปจึงมีคนเอาไปก่อน
แสงสีม่วงสว่างวาบขึ้นมาจากบ่อน้ำ มันช่างสว่างจ้าในยามค่ำคืน วงเวทย์สีม่วงปรากฏขึ้นบนปากบ่อน้ำก่อนที่จะค่อยๆ มีร่างของชายคนหนึ่งค่อยๆ โผล่พ้นจากวงเวทย์จนกลายเป็นร่างกำยำที่ท่อนล่างใส่แค่กางเกงขาสั้นเพราะความรีบที่จะลงมาตามเพื่อนรัก ปีกค้างคาวสีดำทะมึนสลายกลายเป็นละอองสีม่วงเมื่อเขาไม่จำเป็นต้องใช้แล้ว ตาที่หลับอยู่ลืมขึ้นมาเหยให้เห็นนัยตาสีม่วงเข้มชวนหลงไหล ขายาวก้าวลงมาจากกลางอากาศสู่พื้นแดนมนุษย์ก่อนที่วงเวทย์จะหายไป ชาร์ทถอยกรูดไปหลังต้นไม้ตั้งแต่เห็นแสงสว่างวาบครั้งแรก ใจที่เต้นโครมครามบ่งบอกถึงอาการตื่นกลัวและตื่นเต้นจนไม่กล้าหันไปมองว่าตั้งแต่แสงสว่างจ้ายันแสงดับไปนั้นมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ บางทีอาจจะเป็นผีกะสือ ผีกะ ผีโป่ง หรือผีอะไรที่มันเรืองแสงได้ หรืออาจจะเป็นยูเอฟโอที่จะมาหาหนูทดลอง นี่เขายังไม่จบมอหก ยังไม่มีแฟน ก็จะมีคนเอาเขาไปอยู่นอกโลกแล้วหรอเนี่ย
“ ใครอยู่หลังต้นไม้ ” เสียงเข้มถามออกมา เมื่อรู้ว่ามีสิ่งใดใช้ต้นไม้อำพรางตนเองอยู่ “ ข้าถามว่าใคร ”
ชาร์ทแทบจะหยุดหายใจด้วยความกลังเพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายใดัยินเสียงใดๆ ทั้งสิ้น ตอนนี้เขาไม่เพียงแค่อยากจะหนีออกไปแต่เขาไม่อยากจะขยับตัวไปด้วยซ้ำ มือหนากระชากแขนของชาร์ทจนร่างบางแทบจะลอยตามแรงดึง
“ ข้าถามว่าเจ้าเป็นใคร ” คัลเตอร์ตะคอกถามเสียงดัง
“ นายเป็นใคร โจรหรอ ผมไม่มีอะไรให้หรอกนะ เงินผมเอาไปซื้อข้าวหมดแล้ว อ่อ แล้วรถคันนั้นคุณเอาไปไม่ได้นะ เพราะผมต้องขับกลับบ้าน พรุ่งนี้ผมมีสอบชีวะด้วย คุณเอาข้าวไปแทนแล้วกันได้ไหม ” ชาร์ทหลับตาปี๋ ละล่ำละลักพูดอย่างไม่เป็นคำ อย่างหวาดกลัวว่าจะไม่มีชีวิตอยู่ไปถึงวันพรุ่งนี้
คัลเตอร์เบิกตาอย่างตกใจเมื่อมนุษย์ตรฃหน้านั้นมีกลิ่นไอของเทพติดมาด้วย แสดงว่าชายผู้นี้ต้องพบกับแดนนิสเป็นแน่ “ เจ้าพบแดนนิสหรอ เขาอยู่ที่ใดพาข้าไปหาเขาหน่อย ”
“ แดนนิส ” ชาร์ททวนคำพูดของคนตรงหน้าที่ไม่รู้ว่าเป็นโจรหรือเปล่า ใบหน้าที่หลบไปข้างหนึ่งค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาก็พบว่าคนตรงหน้านั้นใส่เพียงกางเกงสีดำอาจจะเป็นคนวิกลจริต หรือชายไร้บ้าน แต่เขาก็ไม่สนใจเท่ากับคำถาม
“ ถ้าคุณหมายถึงคนที่เพิ่งออกมาจากบ่อน้ำเขาอยู่บ้านผมเอง ”
“ งั้นพาข้าไปบ้านของเจ้า ”
“ นายไปหาเสื้อก่อนไหม ทำหล่นรึเปล่า ” คงไม่ดีนักถ้าให้อีกฝ่ายซ้อนรถของเขาในสภาพแบบนี้ออกไปตามท้องถนน
“ ไม่ต้องถามมาก ข้ากำลังรีบ ” ไม่พูดเปล่าร่างสูงปรากฏแสงสีม่วงออกมาจากข้างหลังก่อนจะกลายเป็นรูปร่างของปีกข้างคาวสีดำ คนตรงหน้าถึงกับตาค้างด้วยความตกตลึง เงยหน้าไปมองผมที่ม่วงทีปลิวสไวไปตามลม
“ บอกทางมาแล้วจับข้าไว้ให้แน่นๆ ” ร่างสูงกอดร่างบางแน่นก่อนจะกระพรือปีกบินขึ้นท้องฟ้า ชาร์ทเองก็รีบกอดอีกฝ่ายด้วยความกลัวที่จะตกไปทันที หากว่ามีใครมองขึ้นไปบนฟ้าในตอนนี้คงเห็นคนล่อนจ้อนบินอยู่กอดอีกคนที่ไม่รู้ว่าจะร่วงสู่พื้นเมื่อไหร่ เขาก็ได้แต่หวังว่าอย่ามีใครพบและอย่าได้ดิ่งสู่พสุธาเลย
“ ข้ามาจากแดนสวรรค์ หนีการคลุมถุงชนลงมายังโลกมนุษย์ แล้วก็ไม่รู้เกิดอะไรถึงมายังที่นี่แบบไร้สติ ” แดนนิสอธิบายพลางมองไปรอบๆ ห้องนอนของชาร์ท “ จะว่าไปสถาปัตยกรรมของพวกมนุษย์ก็ใช้ได้นะ ”
กอหญ้ายิ้มแหยๆ ร่างบางค่อยๆ เขยิบตัวออกห่างจากแดนนิส สงสัยผู้ชายคนนี้คงไม่พ้นสติฟั่นเฟือนแน่ๆ สายเรียวหันมามองหญิงสาวอย่างสงสัย
“ แล้วท่านเป็นอะไร ว่าแต่ท่านชื่ออะไร ”
“ กะ กะ กอหญ้า ” หญิงสาวตะกุกตะกัก เธอไม่แน่ใจว่าชายคนนี้จะสติดีนัก หากลูกบ้าพลุ่งขึ้นมาคงไม่วิ่งมาบีบคอเธอตายเลยหรอ
“ เจ้ากลัวอะไร ”
“ เปล่า ”
“ ท่านไม่เชื่อว่าข้าเป็นเทพงั้นรึ ” แดนนิสหัวเราะเบาๆ ก่อนที่จะพยุงร่างของตัวเองขึ้นมาจากเตียงนอน เสื้อผ้าของชาร์ทช่างดูเล็กและคับเกินไปสำหรับเขา “ มนุษย์นี่ช่างเปราะบาง เอาตนเองเป็นศูนย์กลางของทุกๆสิ่ง ไม่เชื่ออะไรง่ายๆ ”
“ นั่นนายจะทำอะไร ” กอหญ้าลุกขึ้นจากเก้าอี้ หันมองไปรอบห้องเพื่อหาอาวุธป้องกันตัวแต่ก็ไม่พบ กลับกันร่างสูงยิ่งเดินเข้ามาหาเธอเรื่อยๆ “ อย่าเข้ามานะไม่อย่างงั้นฉันจะโทรหาตำรวจจริงๆ ด้วย ”
“ ก็จะทำให้เจ้าเชื่อไง ”
แดนนิสพูดสั้นๆ ก่อนจะดีดนิ้วเสียงดัง วงแหวนเวทย์สีฟ้าปรากฏขึ้นใต้เท้าของเขา ก่อนที่สิ่งของต่างๆในห้องจะเรืองแสงสีฟ้าแล้วค่อยๆ ลอยขึ้นมาบนอากาศ หญิงสาวเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ทั้งชีวิตเพิ่งเคยพบเห็นสิ่งแบบนี้แทบจะไม่เชื่อสายตาตนเอง หากเทียบได้นี่คง้ป็นสิ่งมหัศจรรย์อย่างที่แปดของโลก
“ โอเค ถ้าไม่อยากให้ฉันหัวใจวายไปมากกว่านี้ก็หยุดทำอะไรน่าขนลุกแบบนี้ซะ ”
หญิงสาวทึ่กำลังตาค้างกับสิ่งของที่ลอยไปลอยมารอบๆ ห้องอย่างน่าตกใจ ใบหน้าหล่อของแดนนิสยิ้มที่มุมปากนิดๆ ก่อนที่วงแหวนเวทย์จะค่อยๆ หายไปจากใต้เท้าของชายหนุ่มและทุกสิ่งทุกอย่างก็ลอยเข้าที่เหมือนเดิม
“ ทีนี้เชื่อรึยัง ”
“ ให้ตายเถอะ ตกลงนายมาจากแดนสวรรค์จริงๆ หรอเนี่ย ฉันคิดว่ามันเป็นแค่เรื่องเล่า ” มือทั้งสองจับหัวอย่างตกใจ ก่อนที่จะเดินไปทิ้งร่างของตัวเองลงบนเตียงนุ่ม “ นี่เป็นเรื่องที่ช็อคที่สุดในชีวิตฉันเลยนะเนี่ย”
“ มีหลายสิ่งที่เจ้ายังต้องประหลาดใจมากกว่านี้ กอหญ้า ” ชายหนุ่มทิ้งตัวลงบนเก้าอี้แทนที่กอหญ้าที่เพิ่งลุกออกไป “ เอาละเริ่มแรกเลยนะ ตอนนี้ข้าอยู่ที่ไหนเนี่ย เพราะที่นี่จะเป็นที่พำนักใหม่ของข้า ”
กอหญ้าดีดตัวลุกขึ้นมาจากเตียงชี้นิ้วขึ้นมานิ้วหนึ่งเพื่อเป็นสัญญาณ “ ผิดย่ะ สิ่งแรกที่ที่นายควรเริ่มนั่นก็คือหยุดพูดสรรพนามแบบชาวสวรรค์ขอบนาย แต่เปลี่ยนมาเป็นแบบที่มนุษย์โลกพูดกัน ”
“ ได้ครับกอหญ้า ” ภาษาของโลกมนุษย์คงไม่เกินความสามารถของเจ้าชายแห่งสวรรค์ที่เรียนทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกนี้มากนัก
ปัง!!!!!
หน้าต่างกระจกของห้องชาร์ทถูกเปิดขึ้นมาอย่างแรง คนในห้องทั้งสองหันหน้าไปทิศทางของเสียงอย่างตกใจ ผ้าม่านสีน้ำตาลลอยตามแรงลมที่พัดเข้ามาในห้องอย่างแรง ก่อนที่ร่างของคัลเตอร์และชาร์ทจะลอยเข้ามาในห้องอย่างรวดเร็วโดยทุกอย่างเปิดขึ้นรวดเร็วและแทบจะพร้อมกัน ชาร์ทเอามือข้างหนึ่งทาบอกอย่างโล่งใจอย่างน้อยเขาก็มีชีวิตรอดมาถึงห้องตัวเองอีกครั้ง ผมที่สั้นยังยุ่งเหยิงไปตามความเร็วที่บินมา ปีกค้างคาวสลายกลายเป็นละอองสีม่วงหายไป กอหญ้าตาค้างถามตัวเองในใจว่าผู้ชายที่ไม่ใส่เสื้อพร้อมกับปีกที่หายไปเมื่อครู่คืออะไร หน้าสวยหันไปมองแดนนิสอย่างตกใจ
“ นี่ใช่ไหมสิ่งที่นายว่าฉันต้องเจอเรื่องประหลาดอีกเยอะ ”
“ แดนนิส ”
“ คัลเตอร์ ” ทั้งสองคนเรียกชื่อแทบจะพร้อมกัน “ เจ้ามาที่นี่ได้ยังไง ”
“ ข้าจะมาตามเจ้า ” คัลเตอร์พูดพลางเลิกคิ้วสูงเมื่อเห็นผมและดวงตาของเพื่อนกลายเป็นสีดำต่างจากแต่ก่อนที่เป็นสีฟ้า “ มันต้องเป็นผลมาจากความผิดพลาดของเจ้าแน่ๆ แดนนิส ”
“ ผิดพลาดยังไง ข้ามายังโลกมนุษย์แล้ว ”
“ ผิดที่เจ้าไม่รู้ว่าเจ้าต้องมาภายในเวลาที่แสงจันทร์เพ็ญลอยขึ้นมา ” คัลเตอร์แย้งเสียงแข็ง
“ แต่ข้าก็มาถึงแล้ว ” แดนนิสเถียง “ แถมข้าก็ไม่ได้เป็นอะไร ”
“ เจ้าไปส่องกระจกดู ” คัลเตอร์พูดพร้อมลากร่างของเพื่อนมายังหน้ากระจก แดนนิสถึงกับผงะเมื่อพบว่าสีผมและตาของตนเองเปลื่ยนไป “ ไอเทพของเจ้ากำลังจะหายไป ”
“ เดี๋ยว เดี๋ยว เดี๋ยว ” ชาร์ทยกมือทั้งสองขึ้นมาอย่างงงๆ “ ใครก็ได้บอกฉันทีว่ามันเกิดอะไรขึ้น จู่ๆ ก็มีคนขึ้นมาจากบ่อน้ำแล้วก็มีคนขึ้นมาจากบ่อน้ำอีก แถมบินพาฉันกลับมาที่ห้อง ที่นี่ ที่แห่งนี้มันห้องฉันจริงรึเปล่า ”
ชาร์ทกำลังงงสติหลุดสลายไปกับปีกค้างคาวตอนแรก กอหญ้ารีบเดินมาเขย่าตัวเพื่อนชายให้ใจเย็นๆ คัลเตอร์ถอนหายใจอย่างไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหน ก่อนที่ทั้งสี่คนจะนั่งลงพร้อมกันในห้อง แล้วเรื่องราวที่ไม่น่าเชื่อของเทพก็ได้เล่าสู่หูของมนุษย์ทันที
“ แล้วเขาต้องทำยังไงถึงจะกลับสวรรค์ได้อีกครั้ง ” กอหญ้ามองหน้าแดนนิสอย่างเป็นกังวล เธอเองก็ไม่อยากจะเชื่อเหตุการ์ณเหล่านี้นัก
“ พวกเราต้องตามหาแสงแห่งความรักห้า แดนนิสถึงจะกลับสวรรค์ได้ และเราก็ต้องรีบหาก่อนที่ไอของเทพจะหายไป ” คัลเตอร์ตอบหน้าเครียด เขาเองก็จนปัญญาไม่รู้ว่าจะไปตามหาน้ำตาแห่งความรักจากไหน
“ พวกเรา ” ชาร์ททวนคำพูดของเทพนรก “ พวกเราเนี่ยรวมถึงฉันกับกอหญ้าด้วยใช่ไหม ”
“ ใช่ ” แดนนิสตอบให้ “ ถ้าหากพวกเจ้า เอ้ย พวกนายช่วยฉัน ฉันก็จะให้พรพวกนาย พวกเทพเนี่ยให้พรมนุษย์ได้นะ ”
“ โอเค งั้นพรุ่งนี้เราไปหาแสงแห่งรักกัน ” ชาร์ทฮึดสู้ขึ้นมาทันทีต่างจากตอนแรก กอหญ้าได้แต่มองหน้าอย่างงงๆ ถ้าเป็นเรื่องที่ได้ของตอบเเทนเนี่ยเพื่อนเธอถนัดนัก
“ ถ้าอย่างงั้นมันก็มันก็คุ้มหน่อยกับต้องไปหาสิ่งที่ไม่รู้ว่ามีไหมกับพรที่ไม่รู้ว่าจริงไหมเหมือนกัน ” กอหญ้ายิ้มอย่างจริงใจที่สุด
“ เอาเป็นว่าพรุ่งนี้เราไปเจอกันที่โรงเรียนของพวกเธอก่อน แล้วค่อยว่ากัน ” กอหญ้าได้ยินถึงขนาดหันขวับไปมองหน้าคัลเตอร์อย่างตกใจ “ ก็พวกเธอยังเรียนอยู่ อีกอย่างเราเองก็เพิ่งมาที่โลกมนุษย์ไม่รู้จักที่ไหน ที่คนเยอะๆ อาจจะเจอ สิ่งที่เราตามหา ”
“ ชาวสวรรค์และชาวนรกมีความสามารถในการอ่านใจคนที่ด้วยพลังกว่าน่ะ ” แดนนิสหันหน้ามาอธิบาย เมื่อสีหน้าของมนุษย์ทั้งสองมีคำว่าเพราะอะไรถึงรู้อยู่กลางหน้าผากอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
“ กอหญ้าสงสัยฉันคงต้องให้ใครคนใดคนหนึ่งไปพักบ้านเธอแล้วละ ” ชาร์ทหันหน้ามามองหญิงสาวที่ตอนนี้ทำหน้าไม่ถูก
“ จะบ้าหรอ แล้วฉันจะบอกพ่อกับแม่ว่ายังไง ” กอหญ้าหันไปมองหน้าแดนนิส ทั้งๆ ที่ชาร์ทยังไม่ได้บอกว่าจะให้ใครไป
“ ไม่ต้องห่วง ไอเทพของข้ายังไม่หมดข้ามีพลังในการเปลี่ยนความทรงจำคนได้ และข้าจะไม่แตะต้องหรือยุ่งวุ่นวายกับเจ้าเลย ” แดนนิสเผลอพูดแบบสำเนียงเดิม กอหญ้ากรอกตาด้วยความเซ็งถึงยังไงมาถึงจุดนี้ก็คงปฏิเสธไม่ได้
“ แดนนิส นายต้องไม่ใชิพลังให้มากเกินไปที่นี่ไม่ใช่สวรรค์ไอเทพของเจ้าจะฟื้นคืนมาช้ากว่าปกติหรืออาจจะหายไปเลย ” คัลเตอร์เตือนเพื่อนอย่างเป็นกังวล ซึ่งอีกฝ่ายก็รับคำ
“ เอาละแยกย้ายได้แล้ว พรุ่งนี้คงต้องมีงานใหญ่ ” ชาร์ทปรบมือเสียงดัง ก่อนที่แดนนิสจะร่ายเวทย์จนเกิดปีกสีขาวอุ้มร่างของกอหญ้าบินออกไปนอกหน้าต่าง
ร่างสูงร่อนมาถึงหน้าบ้านของกอหญ้า หญิงสาวตาค้างเดินตัวตรงหน่อยออกมาจากอ้อมอกแดนนิสอย่างอารมณ์ค้างกับการบินครั้งแรก ปีกสีขาวสลายกลายไปเป็นสีฟ้าร่างก่อนร่างสูงจะล้มลงไปที่พื้นทันที กอหญ้าได้สติปรี่เข้ามาประคองร่างแดนนิสทันที
“ เป็นอะไร ”
“ สงสัยข้าใช้พลังมากเกินไป พลังเลยลดลงไปเยอะ ” แดนนิสยันตัวขึ้น ยิ้มนิดให้กับสหายใหม่ในแดนมนุษย์
“ พาฉันเข้าไปในบ้านเธอเถอะ ”
วงเวทย์สีฟ้าปรากฏขึ้นใต้เท้าของแดนนิส ลมจากวงแหวหมุนวนเป็นวงกลมหมอกสีฟ้าพวยพุ่งขึ้นมาแล้วลอยเข้าไปค่อยปกคลุมบ้านของหญิงสาว หมอกนั้นกระจากไปเฉพาะบริเวณบ้านของกอหญ้าแต่ไปทุกซอกทุกมุมของบ้าน
“ ทุกๆ คนในบ้านจะเปลี่ยนความทรงจำเกี่ยวกับเธอและฉัน ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปฉันคือหลานของพ่อเธอเข้าใจรึเปล่า ” แดนนิสอธิบาย กอหญ้าพยักหน้าอย่างรับรู้เธอไม่จำเป็นต้องไม่เชื่ออีกต่อไปว่ามันจะไม่เกิดขึ้นจริงเพราะตั้งแต่ที่เธอเจอแดนนิสและคัลเตอร์ก็คงไม่มีอะไรที่เกิดขึ้นไม่ได้
แดนนิสเข้ามาในบ้านของกอหญ้าอย่างไม่มีใครรู้สึกเคอะเขินหรือแปลกกับแขกคนใหม่ โดยบ้านของกอหญ้ายังเหลือห้องว่างอีกห้องหนึ่งที่ใช้สำหรับรับแขก ห้องนั้นจึงกลานเป็นห้องของแดนนิสโดยปริยายทำให้กอหญ้าโล่งอกที่ไม่ต้องอยู่ห้องเดียวกัน
มันอาจจะเป็นช่วงเวลาที่อึดอัดสำหรับกอหญ้าและชาร์ทในการต้องต้อนรับอาคันตุกะจากแดนไกลที่ไม่รู้ว่าเรื่องนี้จะจบยังไง แต่คนที่คิดหนักมากที่สุดคงจะหนี่ไม่พ้นแดนนิสเพราะเขาก็ไม่รู้ว่าการที่จะหนีการแต่งงานที่ผูกมัดจะทำให้เขาเกือบจะไม่ได้กลับสวรรค์อีกตลอดชึวิต
ละอองสีดำฟุ้งรวมกันกลายเป็นร่างของคนสามคนท่ามกลางความมืดมิดด้านหลังวัดหลังโรงเรียน ตีนภูเขาในยามราตรีไม่มีใครอยู่เลยสักคนแต่หากทิ้งไอเทพไว้ที่บ่อน้ำหลังวัดแห่งนี้ เขาที่งอกออกมาจากหน้าผากของคนทั้งสามเป็นสัญลักษณ์ของปีศาจที่ถูกส่งให้มาทำภารกิจบางอย่าง บางอย่างที่เอส สนาฟและ ฟิ้วส์
“ ไอเทพคลุ้งไปทั่วบ่อน้ำไปหมด สัญญาณของเทพที่มายังแดนมนุษย์มันเป็นเรื่องจริงนะสินะ ” สนาฟหลับตาแล้วเอามืออังที่ปากบ่อน้ำสัมผัสได้ถึงไอเทพไปทั่วบริเวณ “ ทางแห่งความอมตะส่องสว่างแล้ว ”
“ ข้าสัมผัสได้ว่าเจ้าที่รถคันนั้นมีไออสูรติดและไอเทพติดอยู่ด้วย ” เอสหันหน้าไปทางรถมอเตอร์ไซต์ที่ชาร์ทลืมไว้ในตอนที่มาหาของเมื่อตอนเย็น
“ และโรงเรียนตรงนี้ก็มีกลิ่นของมันอยู่ด้วย เอาเป็นว่าพวกมันรียนอยู่ที่นี่และต้องรู้ให้ได้ว่าพวกมันอยู่ไหน ” ฟๆวส์หลับตาทั้งสองข้ามพร้อมกับยกมือทั้งสองแกมา วงเวทย์สามเหลื่ยมในวงกลมสีดำปรากฏขึ้นมาจากฝ่ามือทั้งสองข้างไอดำพวยพุ่งฉีดออกมาจากสามเหลี่ยมเวทย์แล้วฟุ้งกระจายไปทั่วภูเขาซึ่งครอบคลุมอาณาเขตบริเวณของวัดและโรงเรียนแห่งนี้ “ เท่านี้ความทรงจำของพวกมันก็จะบิดเบือนไปแล้ว ไม่ว่าใครที่เข้ามาในที่แห่งนี้พวกมันจะรู้จักพวกเรา รู้ว่าพวกเราคือสมาชิกของโรงเรียนแห่งนี้ด้วย ”
“ ดีมากฟิ้วส์ พวกมนุษย์ช่างสังเกตนักหากเราบุ่มบ่ามพวกมันคงแตกตื่นกันหน้าดู ” เอสหันหน้าไปมองเพื่อนที่เพิ่งท่องเวทย์เสร็จ ดวงตาเรียวมองไปยังโณงเรียนอย่างพอใจ “ พวกเราต้องหามันให้เร็วที่สุดก่อนที่มันจะรู้ตัว ”
“ งั้นเราก็ลงมือกันเลย ” คำพูดของสนาฟทำเอาทั้งสามมองตากันอย่างรู้ใจ รอยยิ้มปีศาจผุดขึ้นที่ข้างแก้มของทั้งสามคน
---------------------------------------------------------
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ